เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 128 ตํานานยุทธเมื่อห้าร้อยปีก่อน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 128 ตํานานยุทธเมื่อห้าร้อยปีก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 128 ตํานานยุทธเมื่อห้าร้อยปีก่อน

 

“นี่คือ?”

 

“ค่ายกลฟ้าดินระดับสูง?”

 

ในขณะที่สายตาของซูฉินไปตกอยู่ที่เส้นสีทองเข้มบนกล่องไม้ ความคิดของเขาก็ผันผวนรวนเร

 

กล่องไม้ในพระหัตถ์ของจักรพรรดิหลี่เชิงค่อนข้างธรรมดา แต่แกะสลักมาจากไม้จันทน์อายุกว่าร้อยปี สําหรับคนทั่วไปแล้วก็คงจะมีค่ามาก แต่เมื่อเทียบกับลวดลายสีทองเข้มที่ดูลึกลับบนพื้นผิวของกล่องนั้นก็เป็นคนละเรื่องกันเลย

 

ในสายตาของซูฉิน เขาเห็นเส้นสีทองเข้มบนผิวกล่องไม้ เหมือนเป็นเกราะป้องกันพลังผันผวนที่อยู่ภายใน

 

ถ้าซูฉินไม่ได้มองเห็นมันด้วยตาตนเอง ต่อให้กวาดจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เป็นพันๆ ครั้งก็คงไม่พบของสิ่งนี้

 

“มองดูจากความสามารถในการแกะสลักรูปแบบค่ายกลฟ้าดิน ความแข็งแกร่งของคนคนนี้ต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าอรหันต์ถัวอา เมื่อเก้าร้อยปีก่อน…”

 

ความคิดของซูฉินสลับปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

 

ก่อนที่อรหันต์ถ้วจะจากไป ท่านได้สร้างค่ายกลฟ้าดินไว้มากมายที่ห้องลับนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการพบเห็นของผู้อื่น

 

อย่างไรก็ตามในเหล่าค่ายกลที่ถูกสร้างทิ้งไว้โดยอรหันต์ถัวถูกตั้งไว้ที่ประตูหินด้านนอกห้องลับ ประตูหินมีขนาดใหญ่ มันกว้างหลายเมตร เพียงพอที่จะก่อตั้งค่ายกลฟ้าดินอย่างเหลือแหล่

 

แต่กล่องใบนี้มีขนาดเพียงหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น มันยากมากที่จะก่อตั้งค่ายกลฟ้าดินอันซับซ้อนไว้ได้ และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่อรหันต์ถ้วจะทําได้

 

“อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับนภาชั้นที่สาม…”

 

ซูฉินคาดเดาในใจ และเริ่มสงสัยกล่องใบนี้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

 

ซูฉินอยากรู้ว่าสมบัติประเภทใดที่คุ้มค่ากับความพยายามของบุคคลผู้แข็งแกร่งอย่างน้อยๆ ก็ระดับนภาชั้นที่สาม เพื่อมาปกป้องมันด้วยค่ายกลฟ้าดินที่ซับซ้อนเช่นนี้ ป้องกันไม่ให้คนอื่นค้นพบ

 

“พี่สาม สนใจสิ่งนี้หรือ?”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงถามขึ้นโดยไม่จริงจังมากนัก เมื่อเห็นท่าทางของซูฉิน

 

“ก็นิดหน่อย”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวขึ้น

 

ตั้งแต่ซูฉินเกิดมาในโลกนี้ ตัวตนระดับอรหันต์ที่เขาเคยสัมผัสมืออยู่ด้วยกันสองคนเท่านั้น หนึ่งคืออรหันต์ “ถัวอา” อีกคนหนึ่งคือมารพุทธะ

 

ตอนนี้ได้มาพบคนที่สามแล้ว จะให้ซูฉินทําเป็นเฉยเมยได้อย่างไร?

 

“ในเมื่อพี่สามสนใจ ข้าก็จะมอบมันให้กับพี่สาม”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงส่งมอบกล่องไม้ให้ซูฉินโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก

 

“อ้อใช่พี่สาม ข้าได้ยินมาจากผู้เฒ่าที่เฝ้าคลังหลวงว่า กล่องไม้นี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับปฐมกษัตริย์ แต่ข้าก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไร”

 

จักรพรรดิถังนึกขึ้นได้จึงให้ข้อมูลเพิ่ม

 

“ปฐมจักรพรรดิ?”

 

ซูฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย

 

เมื่อเขาเห็นกล่องใบนี้ ตั้งแต่แรกก็เดาเอาไว้แล้วว่ามันคงจะถูกทิ้งเอาไว้โดยผู้ก่อตั้งอาณาจักรถัง เพราะตลอดห้าร้อยปีของ อาณาจักรถังมีเพียงปฐมจักรพรรดิเท่านั้นที่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธและมีความสามารถมากพอจะก่อตั้งค่ายกลฟ้าดินพวกนี้

 

จักรพรรดิหลี่เชิงพูดคุยกับซูฉินอีกไม่กี่คําแล้วจึงจากไป

 

ซูฉินนั่งไขว้ขา มองกล่องตรงหน้าอย่างเงียบๆ

 

ไม่มีช่องว่างหรือรอยต่อใดเลยที่ตัวกล่องไม้ ราวกับมันเป็นท่อนไม้เดียวกันทั้งท่อน แต่จู่ๆ มันก็เปิดออกอย่างกะทันหัน ในทันทีที่ซูฉินนํามือไปลูบมัน

 

หวึ่ง!

 

คลื่นพลังอันผันผวนที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง หากไม่ใช่เพราะที่นี่คือตําหนักขุนฝั่งขวา พลังฟ้าดินอันแกร่งกล้านี้คงกระจายไปทั่วทั้งวังแล้วในขณะนี้ 

 

“เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณจริงๆ”

 

ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่จี้หยกใสสะอาดภายในกล่องไม้

 

จี้หยกอันนี้มีความโปร่งใสและมองเห็นรอยหมอกจางๆ อยู่ภายใน แต่ซูฉินก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนของจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ภายในตัวหยก

 

“น่าสนใจ”

 

ซูฉินจึงปล่อยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเข้าไปภายในจี้หยกชิ้นนี้

 

วูม!!!

 

เมื่อซูฉินได้สัมผัสจี้หยก เขาก็รู้ว่าตนเองได้เข้ามาในอีกโลกหนึ่ง

 

โลกใบนี้เป็นเหมือนมิติลวงตา ที่ตรงกลางมีชายร่างใหญ่สวมชุดคลุมลายมังกรนั่งอยู่เงียบๆ

 

“ทําไมเจ้าถึงยังไม่คุกเข่าลงหลังจากพบข้า?”

 

ร่างในชุดคลุมลายมังกรค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปที่ซูฉิน

 

ทันใดนั้นโลกภายในมิติลวงตาก็สั่นสะเทือน พลังอันไร้ที่สิ้นสุดรวมตัวกันเข้ามาเพื่อกดดันซูฉิน

 

“เป็นแค่จิตวิญญาณอันไม่สมบูรณ์กลับกล้าที่จะเผชิญหน้ากับข้างั้นรึ?”

 

เมื่อเจอฉากน่ากลัวดังกล่าว การแสดงออกของซูฉินก็ยังไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไปเพราะเขารู้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ได้นับเป็นอะไรเลยนอกเสียจากภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในจี้หยก

 

บางทีคนที่เพิ่งขึ้นมาถึงขอบเขตตํานานยุทธคงจะตกใจ

 

แต่สําหรับซูฉิน ผู้ที่เกือบจะถึงขั้นสูงสุดของอรหันต์ระดับนภา ชั้นที่สี่

 

มันก็เป็นเพียงแค่เงาจันทร์ที่สะท้านอยู่ในน้ำเท่านั้น

 

ฟาดที่เดียวก็กระจายหายไปหมดแล้ว

 

ในช่วงเวลาต่อมา

 

ซูฉินก้าวเดินไปอย่างช้าๆ

 

ทันใดนั้น

 

แกรัก

 

แกรัก

 

โลกมายาแห่งนี้ดูเหมือนถูกกดดันด้วยพลังบางอย่างที่ไม่ อาจจะจินตนาการได้ และค่อยหักพังก่อนที่จะสลายไปอย่างสมบูรณ์

 

ภายในตําหนักชุนฝั่งขวา

 

ซูฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองไปที่จี้หยกภายในกล่องไม้ด้วยความสนใจ

 

“ปฐมจักรพรรดิมีแผนการเบื้องหลังอะไรหรือไม่ ถึงได้ทิ้งจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังไว้เช่นนี้?”

 

ซูฉินแตะไปที่ปลายคาง ดวงตาของเขามีแววครุ่นคิด

 

จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ภายในจี้หยกมีขนาดใหญ่มากจนแทบไม่น่าเชื่อ ซูฉินสงสัยว่าปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังได้ทิ้งจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่เอาไว้ที่นี้ใช่หรือไม่

 

“น่าเสียดายนัก ดูจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในงี้ เหมือนว่าปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังจะได้จากไปอย่างสมบูรณ์…”

 

ซูฉินอยู่ในห้วงความคิด

 

ถ้าปฐมจักรพรรดิราชวงศ์ถังยังคงมีชีวิตอยู่ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ภายในจี้หยกจะไม่แข็งแกร่งเท่านี้

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็ส่ายศีรษะเล็กน้อย

 

กว่าห้าร้อยปีแล้วตั้งแต่อาณาจักรถังได้ก่อตั้งขึ้น หลังจากปฐมจักรพรรดิได้ข้ามน้ําข้ามทะเลออกไป ก็ไม่มีข่าวคราวของพระองค์อีกเลย

 

“ถ้าปฐมจักรพรรดิยังไม่ตาย จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ก็จะไร้ประโยชน์สําหรับข้า แต่ในเมื่ออีกฝ่ายตกตายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ภายในจี้หยกก็กลายเป็นสิ่งไม่มีเจ้าของ ข้าสามารถปรับแต่งและดูดซับมันได้โดยสมบูรณ์”

 

ใจของซูฉินมีความกระตือรือร้นปรากฏขึ้นมาในทันใด

 

ตามการคาดการณ์ของซูฉิน หากเขาสามารถปรับแต่งจิตสัมผัส ศักดิ์สิทธิ์ก้อนใหญ่ภายในจนี้ได้อย่างสมบูรณ์ อย่างน้อยเขาก็สามารถเพิ่มจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเองได้มากถึงครึ่งส่วนไปจนถึงหนึ่งส่วน(จากสิบส่วน)

 

รู้หรือไม่ว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของซูฉิน การพัฒนาแค่เพียงก้าวเล็กๆ ก็ยากมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงครึ่งส่วนหรือหนึ่งส่วนเลย

 

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบกับความก้าวหน้าของกายเนื้อ หรือแก่นแท้แห่งพลัง การเพิ่มจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั้นยากกว่ามาก 

 

“ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังทิ้งจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เบื้อง หลังเช่นนี้ เมื่อข้ามน้ําข้ามทะเลไปต่างดินแดน เขาคงคิดว่าตนเองสามารถ “เกิดใหม่” ได้ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์พวกนี้กระมัง?”

 

ซูฉินคาดเดาอยู่ในใจ

 

นี่เป็นคําอธิบายเดียวที่เขาพอจะคิดได้

 

สําหรับคนทั่วไป เมื่อกายเนื้อตายไปก็คือต้องพบกับความตายอันจริงแท้ แม้แต่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งก็หนีไม่พ้นข้อนี้ แต่ในสายตาของตํานานยุทธและตัวตนระดับอรหันต์ทั้งหลาย การที่ร่างกายตายไปไม่ถือว่าเป็นการหายไปโดยสิ้นเชิง

 

ตัวอย่างเช่นมารพุทธะเมื่อเก้าร้อยปีก่อนได้สละร่างกายของตนเองจึงรอดชีวิตมาได้ในรูปแบบของจิตวิญญาณที่เป็นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

 

ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังอาจจะมีความคิดแบบเดียวกับมารพุทธะ โดยที่ทิ้งจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งเอาไว้เบื้องหลัง เพื่อใช้เป็นสิ่งสํารองในกรณีที่ตนเองล้มเหลว

 

“น่าเสียดายที่ปฐมจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ถังได้ตายไป แล้วและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ทิ้งไว้ภายในจี้หยกก็ไม่ได้ถูกนํามาใช้”

 

ซูฉินถอนหายใจ และรู้สึกระแวงมากขึ้นเมื่อคิดถึงดินแดน โพ้นทะเลอันไม่มีที่สิ้นสุด

 

ขนาดปฐมจักรพรรดิถังเป็นถึงตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สาม แต่เมื่อไปในดินแดนโพ้นทะเลอันไร้ที่สิ้นสุดเขาก็ไม่แม้แต่จะรอดชีวิตกลับมา สามารถจินตนาการได้เลยว่าเขาต้องประสบเข้ากับอันตรายที่แสนน่ากลัวมาเป็นแน่

 

แม้ความแข็งแกร่งของซูฉินจะสูงกว่าปฐมจักรพรรดิถัง แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะไม่มีตัวตนที่เทียบเคียงหรือเหนือกว่าซูฉินในส่วนลึกของดินแดนโพ้นทะเลอันไร้ที่สิ้นสุดนั่นหรือไม่

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 128 ตํานานยุทธเมื่อห้าร้อยปีก่อน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 128 ตํานานยุทธเมื่อห้าร้อยปีก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 128 ตํานานยุทธเมื่อห้าร้อยปีก่อน

 

“นี่คือ?”

 

“ค่ายกลฟ้าดินระดับสูง?”

 

ในขณะที่สายตาของซูฉินไปตกอยู่ที่เส้นสีทองเข้มบนกล่องไม้ ความคิดของเขาก็ผันผวนรวนเร

 

กล่องไม้ในพระหัตถ์ของจักรพรรดิหลี่เชิงค่อนข้างธรรมดา แต่แกะสลักมาจากไม้จันทน์อายุกว่าร้อยปี สําหรับคนทั่วไปแล้วก็คงจะมีค่ามาก แต่เมื่อเทียบกับลวดลายสีทองเข้มที่ดูลึกลับบนพื้นผิวของกล่องนั้นก็เป็นคนละเรื่องกันเลย

 

ในสายตาของซูฉิน เขาเห็นเส้นสีทองเข้มบนผิวกล่องไม้ เหมือนเป็นเกราะป้องกันพลังผันผวนที่อยู่ภายใน

 

ถ้าซูฉินไม่ได้มองเห็นมันด้วยตาตนเอง ต่อให้กวาดจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เป็นพันๆ ครั้งก็คงไม่พบของสิ่งนี้

 

“มองดูจากความสามารถในการแกะสลักรูปแบบค่ายกลฟ้าดิน ความแข็งแกร่งของคนคนนี้ต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าอรหันต์ถัวอา เมื่อเก้าร้อยปีก่อน…”

 

ความคิดของซูฉินสลับปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

 

ก่อนที่อรหันต์ถ้วจะจากไป ท่านได้สร้างค่ายกลฟ้าดินไว้มากมายที่ห้องลับนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการพบเห็นของผู้อื่น

 

อย่างไรก็ตามในเหล่าค่ายกลที่ถูกสร้างทิ้งไว้โดยอรหันต์ถัวถูกตั้งไว้ที่ประตูหินด้านนอกห้องลับ ประตูหินมีขนาดใหญ่ มันกว้างหลายเมตร เพียงพอที่จะก่อตั้งค่ายกลฟ้าดินอย่างเหลือแหล่

 

แต่กล่องใบนี้มีขนาดเพียงหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น มันยากมากที่จะก่อตั้งค่ายกลฟ้าดินอันซับซ้อนไว้ได้ และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่อรหันต์ถ้วจะทําได้

 

“อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับนภาชั้นที่สาม…”

 

ซูฉินคาดเดาในใจ และเริ่มสงสัยกล่องใบนี้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

 

ซูฉินอยากรู้ว่าสมบัติประเภทใดที่คุ้มค่ากับความพยายามของบุคคลผู้แข็งแกร่งอย่างน้อยๆ ก็ระดับนภาชั้นที่สาม เพื่อมาปกป้องมันด้วยค่ายกลฟ้าดินที่ซับซ้อนเช่นนี้ ป้องกันไม่ให้คนอื่นค้นพบ

 

“พี่สาม สนใจสิ่งนี้หรือ?”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงถามขึ้นโดยไม่จริงจังมากนัก เมื่อเห็นท่าทางของซูฉิน

 

“ก็นิดหน่อย”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวขึ้น

 

ตั้งแต่ซูฉินเกิดมาในโลกนี้ ตัวตนระดับอรหันต์ที่เขาเคยสัมผัสมืออยู่ด้วยกันสองคนเท่านั้น หนึ่งคืออรหันต์ “ถัวอา” อีกคนหนึ่งคือมารพุทธะ

 

ตอนนี้ได้มาพบคนที่สามแล้ว จะให้ซูฉินทําเป็นเฉยเมยได้อย่างไร?

 

“ในเมื่อพี่สามสนใจ ข้าก็จะมอบมันให้กับพี่สาม”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงส่งมอบกล่องไม้ให้ซูฉินโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก

 

“อ้อใช่พี่สาม ข้าได้ยินมาจากผู้เฒ่าที่เฝ้าคลังหลวงว่า กล่องไม้นี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับปฐมกษัตริย์ แต่ข้าก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไร”

 

จักรพรรดิถังนึกขึ้นได้จึงให้ข้อมูลเพิ่ม

 

“ปฐมจักรพรรดิ?”

 

ซูฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย

 

เมื่อเขาเห็นกล่องใบนี้ ตั้งแต่แรกก็เดาเอาไว้แล้วว่ามันคงจะถูกทิ้งเอาไว้โดยผู้ก่อตั้งอาณาจักรถัง เพราะตลอดห้าร้อยปีของ อาณาจักรถังมีเพียงปฐมจักรพรรดิเท่านั้นที่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธและมีความสามารถมากพอจะก่อตั้งค่ายกลฟ้าดินพวกนี้

 

จักรพรรดิหลี่เชิงพูดคุยกับซูฉินอีกไม่กี่คําแล้วจึงจากไป

 

ซูฉินนั่งไขว้ขา มองกล่องตรงหน้าอย่างเงียบๆ

 

ไม่มีช่องว่างหรือรอยต่อใดเลยที่ตัวกล่องไม้ ราวกับมันเป็นท่อนไม้เดียวกันทั้งท่อน แต่จู่ๆ มันก็เปิดออกอย่างกะทันหัน ในทันทีที่ซูฉินนํามือไปลูบมัน

 

หวึ่ง!

 

คลื่นพลังอันผันผวนที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง หากไม่ใช่เพราะที่นี่คือตําหนักขุนฝั่งขวา พลังฟ้าดินอันแกร่งกล้านี้คงกระจายไปทั่วทั้งวังแล้วในขณะนี้ 

 

“เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณจริงๆ”

 

ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่จี้หยกใสสะอาดภายในกล่องไม้

 

จี้หยกอันนี้มีความโปร่งใสและมองเห็นรอยหมอกจางๆ อยู่ภายใน แต่ซูฉินก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนของจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ภายในตัวหยก

 

“น่าสนใจ”

 

ซูฉินจึงปล่อยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเข้าไปภายในจี้หยกชิ้นนี้

 

วูม!!!

 

เมื่อซูฉินได้สัมผัสจี้หยก เขาก็รู้ว่าตนเองได้เข้ามาในอีกโลกหนึ่ง

 

โลกใบนี้เป็นเหมือนมิติลวงตา ที่ตรงกลางมีชายร่างใหญ่สวมชุดคลุมลายมังกรนั่งอยู่เงียบๆ

 

“ทําไมเจ้าถึงยังไม่คุกเข่าลงหลังจากพบข้า?”

 

ร่างในชุดคลุมลายมังกรค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปที่ซูฉิน

 

ทันใดนั้นโลกภายในมิติลวงตาก็สั่นสะเทือน พลังอันไร้ที่สิ้นสุดรวมตัวกันเข้ามาเพื่อกดดันซูฉิน

 

“เป็นแค่จิตวิญญาณอันไม่สมบูรณ์กลับกล้าที่จะเผชิญหน้ากับข้างั้นรึ?”

 

เมื่อเจอฉากน่ากลัวดังกล่าว การแสดงออกของซูฉินก็ยังไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไปเพราะเขารู้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ได้นับเป็นอะไรเลยนอกเสียจากภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในจี้หยก

 

บางทีคนที่เพิ่งขึ้นมาถึงขอบเขตตํานานยุทธคงจะตกใจ

 

แต่สําหรับซูฉิน ผู้ที่เกือบจะถึงขั้นสูงสุดของอรหันต์ระดับนภา ชั้นที่สี่

 

มันก็เป็นเพียงแค่เงาจันทร์ที่สะท้านอยู่ในน้ำเท่านั้น

 

ฟาดที่เดียวก็กระจายหายไปหมดแล้ว

 

ในช่วงเวลาต่อมา

 

ซูฉินก้าวเดินไปอย่างช้าๆ

 

ทันใดนั้น

 

แกรัก

 

แกรัก

 

โลกมายาแห่งนี้ดูเหมือนถูกกดดันด้วยพลังบางอย่างที่ไม่ อาจจะจินตนาการได้ และค่อยหักพังก่อนที่จะสลายไปอย่างสมบูรณ์

 

ภายในตําหนักชุนฝั่งขวา

 

ซูฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองไปที่จี้หยกภายในกล่องไม้ด้วยความสนใจ

 

“ปฐมจักรพรรดิมีแผนการเบื้องหลังอะไรหรือไม่ ถึงได้ทิ้งจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังไว้เช่นนี้?”

 

ซูฉินแตะไปที่ปลายคาง ดวงตาของเขามีแววครุ่นคิด

 

จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ภายในจี้หยกมีขนาดใหญ่มากจนแทบไม่น่าเชื่อ ซูฉินสงสัยว่าปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังได้ทิ้งจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่เอาไว้ที่นี้ใช่หรือไม่

 

“น่าเสียดายนัก ดูจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในงี้ เหมือนว่าปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังจะได้จากไปอย่างสมบูรณ์…”

 

ซูฉินอยู่ในห้วงความคิด

 

ถ้าปฐมจักรพรรดิราชวงศ์ถังยังคงมีชีวิตอยู่ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ภายในจี้หยกจะไม่แข็งแกร่งเท่านี้

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็ส่ายศีรษะเล็กน้อย

 

กว่าห้าร้อยปีแล้วตั้งแต่อาณาจักรถังได้ก่อตั้งขึ้น หลังจากปฐมจักรพรรดิได้ข้ามน้ําข้ามทะเลออกไป ก็ไม่มีข่าวคราวของพระองค์อีกเลย

 

“ถ้าปฐมจักรพรรดิยังไม่ตาย จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ก็จะไร้ประโยชน์สําหรับข้า แต่ในเมื่ออีกฝ่ายตกตายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ภายในจี้หยกก็กลายเป็นสิ่งไม่มีเจ้าของ ข้าสามารถปรับแต่งและดูดซับมันได้โดยสมบูรณ์”

 

ใจของซูฉินมีความกระตือรือร้นปรากฏขึ้นมาในทันใด

 

ตามการคาดการณ์ของซูฉิน หากเขาสามารถปรับแต่งจิตสัมผัส ศักดิ์สิทธิ์ก้อนใหญ่ภายในจนี้ได้อย่างสมบูรณ์ อย่างน้อยเขาก็สามารถเพิ่มจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเองได้มากถึงครึ่งส่วนไปจนถึงหนึ่งส่วน(จากสิบส่วน)

 

รู้หรือไม่ว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของซูฉิน การพัฒนาแค่เพียงก้าวเล็กๆ ก็ยากมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงครึ่งส่วนหรือหนึ่งส่วนเลย

 

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบกับความก้าวหน้าของกายเนื้อ หรือแก่นแท้แห่งพลัง การเพิ่มจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั้นยากกว่ามาก 

 

“ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังทิ้งจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เบื้อง หลังเช่นนี้ เมื่อข้ามน้ําข้ามทะเลไปต่างดินแดน เขาคงคิดว่าตนเองสามารถ “เกิดใหม่” ได้ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์พวกนี้กระมัง?”

 

ซูฉินคาดเดาอยู่ในใจ

 

นี่เป็นคําอธิบายเดียวที่เขาพอจะคิดได้

 

สําหรับคนทั่วไป เมื่อกายเนื้อตายไปก็คือต้องพบกับความตายอันจริงแท้ แม้แต่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งก็หนีไม่พ้นข้อนี้ แต่ในสายตาของตํานานยุทธและตัวตนระดับอรหันต์ทั้งหลาย การที่ร่างกายตายไปไม่ถือว่าเป็นการหายไปโดยสิ้นเชิง

 

ตัวอย่างเช่นมารพุทธะเมื่อเก้าร้อยปีก่อนได้สละร่างกายของตนเองจึงรอดชีวิตมาได้ในรูปแบบของจิตวิญญาณที่เป็นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

 

ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังอาจจะมีความคิดแบบเดียวกับมารพุทธะ โดยที่ทิ้งจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งเอาไว้เบื้องหลัง เพื่อใช้เป็นสิ่งสํารองในกรณีที่ตนเองล้มเหลว

 

“น่าเสียดายที่ปฐมจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ถังได้ตายไป แล้วและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ทิ้งไว้ภายในจี้หยกก็ไม่ได้ถูกนํามาใช้”

 

ซูฉินถอนหายใจ และรู้สึกระแวงมากขึ้นเมื่อคิดถึงดินแดน โพ้นทะเลอันไม่มีที่สิ้นสุด

 

ขนาดปฐมจักรพรรดิถังเป็นถึงตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สาม แต่เมื่อไปในดินแดนโพ้นทะเลอันไร้ที่สิ้นสุดเขาก็ไม่แม้แต่จะรอดชีวิตกลับมา สามารถจินตนาการได้เลยว่าเขาต้องประสบเข้ากับอันตรายที่แสนน่ากลัวมาเป็นแน่

 

แม้ความแข็งแกร่งของซูฉินจะสูงกว่าปฐมจักรพรรดิถัง แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะไม่มีตัวตนที่เทียบเคียงหรือเหนือกว่าซูฉินในส่วนลึกของดินแดนโพ้นทะเลอันไร้ที่สิ้นสุดนั่นหรือไม่

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+