เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 131 ฝ่ามือบดขยี้ฟ้าดิน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 131 ฝ่ามือบดขยี้ฟ้าดิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 131 ฝ่ามือบดขยี้ฟ้าดิน

 

เมื่อได้มาถึงที่นี่แล้ว

 

เด็กสาวทั้งหลายสามารถมองเห็นวิหารของลัทธิบูชาจันทร์ที่สูงตระหง่านตั้งอยู่บนยอดเขาที่ห่างออกไปสิบลี้

 

แต่ถึงจะไกลอย่างไร ความสง่างามของสถานที่แห่งนั้นก็ยังคงเปล่งประกายราวกับเขาทั้งแสนลูกสะท้อนแสงล้อไปกับมัน

 

หงเฟยมองไปที่มันอย่างหวาดกลัวแล้วจึงชําเลืองมองไปยังเด็กสาววัยรุ่นทั้งหลายแล้วกล่าวคํากระซิบ “เราต้องรออยู่ที่นี่ก่อน จําไว้ให้ดีอย่าก้าวเท้าเดินไปด้านหน้าเด็ดขาด

 

ชายวัยกลางคนแสดงท่าที่จริงจังพร้อมทั้งกล่าวเตือน

 

“ค่ะ”

 

เหล่าเด็กสาวก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

 

“ลัทธิบูชาจันทร์นี่ช่างเลือกสถานที่ได้ดีจริงๆ”

 

ดวงตาของซูฉินสงบนิ่ง มองไปที่วิหารของลัทธิบูชาจันทร์

 

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาจันทร์ล้อมรอบไปด้วยหน้าผาในทุกทิศทาง ตราบใดที่สามารถป้องกันทางเข้าทางออกไว้ได้ ต่อให้ถูกกองทัพนับล้านเข้าโจมตีก็ยังอยู่รอดปลอดภัย

 

เว้นแต่จะเป็นกลุ่มจอมยุทธขอบเขตสามระดับบนที่บุกเข้าไปภายในโดยมเกรงกลัวความตายเท่านั้น หากเป็นจอมยุทธทั่วๆ ไปไม่ว่าจะมีกี่คนก็ทําอะไรพวกมันไม่ได้

 

พวกเขาจะแตะต้องลัทธิบูชาจันทร์ไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บด้วยซ้ํา

 

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะขณะที่ใช้ความคิดไปด้วย

 

ทันใดนั้นภายในวิหารของลัทธิบูชาจันทร์ที่ห่างออกไปสิบลี้ก็ปรากฏไอพลังที่มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอเหมือนตอนที่ใช้มองเหล่าจอมยุทธ เพียงแต่ไอพลังพวกนี้มีลักษณะแปลกแตกต่างออกไป

“สาวกของลัทธิบูชาจันทร์ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ สิ่งที่พวกเขาฝึกฝนคือมนต์คาถาและคําสาปผ่านการใช้หนอน และสามารถฆ่าคนได้จากระยะไกลแสนไกล…”

 

ซูฉินมองเข้าไปภายในวิหารของลัทธิบูชาจันทร์พลางคิดในใจอยู่เงียบๆ

 

“อย่างไรก็ตามจากลัทธิบูชาจันทร์ทั้งหมด คนที่มีพลังในระดับใกล้เคียงกับผู้ฝึกยุทธระดับชั้นที่หนึ่งนั้นมีเพียงแค่สองคน ฉะนั้นจึงไม่มีอะไรน่ากังวล”

 

ซูฉินสังเกตดูอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งและทําความเข้าใจเกี่ยวกับส ถานการณ์ทั่วไปของลัทธิบูชาจันทร์

 

“แต่ว่า ทําไมข้าถึงไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของ “เทพจันทรา” ได้เลย?”

 

ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่วิหารของลัทธิบูชาจันทร์ทั่วทั้งหมดด้วยดวงตาแห่งสัจจะแต่เขาไม่พบสิ่งที่เรียกว่า “เทพจันทรา” เลย

 

เผื่อว่าจะพลาดอะไรไป ซูฉินก็ยังคงตรวจสอบด้วยดวงตาแห่งสัจจะต่อไปอีกพักหนึ่ง และส่ายหัวเล็กน้อยหลังจากที่ยืนยันขีดความสามารถของลัทธิบูชาจันทร์ทั้งหมดแล้ว

 

“ลืมมันไปเถอะ”

 

“ไม่จําเป็นต้องเสียเวลาเพิ่มแล้ว”

ความคิดของซูฉินแปรผันไปมา และเขาก็ก้าวเท้าเดินไปด้านห

 

หงเฟย ชายวัยกลางคนที่อยู่ไม่ไกลนัก ตกใจเมื่อเห็นสิ่งนั้น เขารีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ช่วงนี้เป็นเวลาการสักการะของลัทธิบูชาจันทร์ ทุกสิ่งที่ต้องทําคือรอคอยการจัดการจากทางลัทธิโปรดระมัดระวังด้วย…”

 

หงเฟยคิดว่าซูฉันคงจะไม่สามารถอดทนได้และต้องการเดินตามสะพานเหล็กเพื่อไปยังวิหารของลัทธิบูชาจันทร์

 

พฤติกรรมนี้อาจจะดูเหมือนเรื่องปกติ แต่ในความจริงมันคือการยั่วยุลัทธิบูชาจันทร์

 

ชายวัยกลางคนที่ชื่อว่าหงเฟยผู้นี้เข้าใจกฎของที่นี่อย่างชัดเจนไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม จะเป็นผู้นํา หรือใหญ่โตมาจ กไหนก็จําเป็นต้องอดทนรอเมื่อมาถึงที่นี่

 

บรรดาผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกตามล่าโดยลัทธิบูชาจันทร์

 

ด้วยอิทธิพลของลัทธิบูชาจันทร์ในอาณาจักรหนานจ้าวควบคู่กับคําสาปที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า หากถูกล่าจากลัทธิบูชาจันทร์จริงๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพบกับจุดจบ

 

อย่างไรก็ตาม

 

ในช่วงเวลาต่อมา

 

ต่อหน้าสายตาที่อึ้งทึ่งของชายวัยกลางคน หงเฟย

 

ซูฉินยกมือขวาขึ้นชี้ไปทิศทางหนึ่งที่ห่างออกไปสิบลี้แล้วค่อยๆ กดมือลงไปที่สถานศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาจันทร์

 

ทันใดนั้นลมที่หวีดหวิวอยู่บนยอดเขาก็พลันหยุดลง เหลือเพียงฝ่ามือสีทองเข้มเท่านี้ที่ครอบคลุมท้องฟ้าแลปฐพีเอาไว้

 

ณ ลัทธิบูชาจันทร์

 

ภายในวิหารสูงตระหง่าน

 

สาวกลัทธิบูชาจันทร์และเหล่าผู้อาวุโสกําลังนั่งไขว้ขา สีหน้านิ่งส นิทราวกับกําลังอับอายกับอะไรสักอย่าง

 

“ช่วงไม่กี่ปีก่อน พระแม่ได้ตกตายอยู่ที่ฉางอัน อาณาจักรถัง”

 

ในเวลานั้นผู้นําของลัทธิบูชาจันทร์ก็ยืนขึ้นอย่างกะทันหัน มองไปที่ผู้อาวุโสทั้งหลายและกล่าวคําด้วยเสียงทุ่มต่ํา

 

คําที่ได้กล่าวออกไป

 

ผู้อาวุโสในห้องโถงต่างพากันสั่นสะท้านภายในใจ

 

ไม่กี่ปีก่อนเพื่อเตรียมแผนการต่อราชวงศ์ถัง ลัทธิบูชาจันทร์ถึงกับส่งพระแม่ สตรีศักดิ์สิทธิ์ ออกไปยังฉางอันเป็นกรณีพิเศษโดยหวังจะตอกฝั่งตะปูที่เปรียบกับแผนการร้ายลงไปในตระกูลหลี

 

อย่างไรก็ตามเกิดสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดขึ้น ไม่เพียงแต่พระแม่จะล้มเหลวในแผนการใหญ่เท่านั้น แต่ยังเสียชีวิตลง ณ เมืองฉางอันด้วย

 

ยิ่งไปกว่านั้น หญิงชราผมขาวที่กลับมาจากเมืองฉางอันยังเล่าด้วยว่าการเสียชีวิตของพระแม่เกิดจากประกายดาบที่ฟาดฟันลงมาจากท้องฟ้า

 

ไม่ใช่แค่พระแม่ที่ตกตาย แต่หนอนก่ที่เก่าแก่ที่สุดที่อยู่ภายในร่างของพระแม่ก็ถูกเฉือนจนกลายเป็นผุยผง

 

เมื่อข่าวนี้มาถึงหูของผู้อาวุโสและผู้นาลัทธิ ทุกคนก็ราวกับถูกฟ้า

 

แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่สิ่งที่ลัทธิบูชาจันทร์ในปัจจุบันจะรับมือไหว

 

ในหลายปีที่ผ่านมา ลัทธิบูชาจันทร์ต่างก็หวาดกลัวว่าสักวันหนี้งอีกฝ่ายจะมาหาพวกเขาหรือไม่

 

“ท่านผู้นา เราจะทําเช่นไรกับเรื่องนี้ดี”

 

ผู้อาวุโสคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา

 

เมื่อผู้อาวุโสคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้น พวกเขาก็มองไปที่ผู้นาลัทธิบูชาจันทร์เช่นกัน

 

พระแม่ตกตายอยู่ที่เมืองฉางอันแต่แล้วมันยังไงล่ะ?

 

ตามที่หญิงชราผมขาวอธิบาย ในเวลานั้นคนที่โจมตีอย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นยอดยุทธที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลเกินกว่าที่ลัทธิบูชาจันทร์ในปัจจุบันจะรับมือได้ไหว

 

พลังฉีและเลือดเนื้อของยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเพียงพอที่จะเพิกเฉยต่อคําสาปและมนต์คาถาทั้งหมด

 

“ข้ากําลังจะพูดเรื่องนี้แหละ…”

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ผู้นําลัทธิบูชาจันทร์ก็หยุดไปพักหนึ่งแล้วจีงพูดต่อ “ลัทธิบูชาจันทร์จะต้องล้างแค้นได้ในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน”

 

“อะไรนะ?”

 

ผู้อาวุโสหลายคนต่างดูสับสนงงงวย

 

ล้างแค้น?

 

ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะแก้แค้นอย่างไร?

 

อีกฝ่ายไม่ได้เผยตัวตนแม้แต่น้อยตอนที่เขาฉีกกระชากหนอนที่เก่าแก่ที่สุดของลัทธิบูชาจันทร์เป็นชิ้นๆ พวกเขาจะไปแก้แค้นได้อย่างไร?

 

ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสล้วนประหลาดใจและไม่แน่ใจ

 

ผู้นาลัทธิบูชาจันทร์กล่าวอย่างช้าๆ “ข้าได้เรียนรู้เจตจํานงแห่งเทพจันทราแล้ว หลังจากการบูชายัญในครั้งนี้ เทพจันทราจะมาปรากฏตัวบนโลก”

 

คําที่กล่าวออกมา

 

ท่าทีของเหล่าผู้อาวุโสก็เปลี่ยนไป

 

4 “เทพจันทรา” จะมาปรากฏตัวบนโลก….”

 

“นี่นี่ สิ่งที่ท่านบอกเป็นความจริงอย่างนั้นหรือท่านผู้นา?”

 

ผู้อาวุโสที่มีใบหน้าซีดเซียวสั่นสะท้านเมื่อฟังคําดังกล่าว เขามองไปที่ผู้นําของลัทธิบูชาจันทร์ด้วยความตื่นเต้น

 

“จริงแท้แน่นอน!”

 

ผู้นาแห่งลัทธิบูชาจันทร์พยักหน้าเล็กน้อย นาเสียงของเขาเจือไปด้วยความกระตือรือร้นอยู่เต็มเปี่ยม

 

ในสายตาของเหล่าสาวกของลัทธิบูชาจันทร์นั้น “เทพจันทราคงกระพันไร้ต้าน ตราบใดที่เทพจันทราคงอยู่ ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะหยุดลัทธิบูชาจันทร์ของพวกเขาได้

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“ด้วยร่มไม้ใหญ่อย่าง “เทพจันทรา” ทําไมลัทธิศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราจะยังต้องเป็นเต่าหดหัวอยู่แต่ในอาณาจักรหนานจ้าวอีก?”

 

“ถูกต้อง ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นคนฆ่าพระแม่ มันก็ต้องพบกับความตายอย่างไร้หนทางสู้”

“ท่านผู้นํา ทําไมไม่เริ่มระดมพลศิษย์สาวกกันเลยเล่าเมื่อเทพจันทราปรากฏตัวขึ้น ข้าจะกวาดล้างเมืองฉางอัน ล้างแค้นให้พระแม่!”

 

ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างส่งเสียงโห่ร้อง

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้นําลัทธิบูชาจันทร์ก็โบกมือแล้วกล่าวขึ้นว่า “อีกไม่นานฉางอันจะถูกทําลาย และศัตรูของพวกเราก็จะประสบชะตากรรมเดียวกัน”

 

“อีกไม่นาน ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราจะครองโลก!”

 

ผู้นําลัทธิบูชาจันทร์เต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

ในขณะที่ผู้อาวุโสทั้งหลายหารือกันว่าจะทรมานคนที่สังหารพระแม่อย่างไรดี

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นที่ด้านนอก

 

ทันใดนั้นก็มีเส…

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ผู้นาลัทธิบูชาจันทร์ขมวดคิ้ว

 

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ดูไม่พอใจเช่นกัน

 

พวกเขากําลังตั้งหน้าตั้งตารอคอย แต่กลับถูกขัดจังหวะ

 

“ออกไปดูกันเถอะ”

 

ผู้นําลัทธิบูชาจันทร์รู้สึกถึงลางที่ไม่ค่อยดี จึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปดูสถานการณ์ด้านนอก

 

ผู้อาวุโสต่างมองหน้ากันและเดินตามหลังผู้นไป

 

อย่างไรก็ตามเมื่อผู้นาลัทธิบูชาจันทร์เดินออกมานอกวิหาร เขาก็พบว่าสาวกทุกคนกําลังมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความหวาดกลัว

 

“หือ?”

 

ผู้นําและผู้อาวุโสของลัทธิบูชาจันทร์ระงับความสงสัยในใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า

 

ในเวลาต่อมา ผู้นําลัทธิบูชาจันทร์ได้เห็นฉากที่ยากจะลืมเลือนแม้จะผ่านเวลาไปทั้งชีวิต

 

เขาเห็นฝ่ามือพระพุทธรูปสีทองเงาวาว มีรัศมีแสงอันบริสุทธิ์กระจายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฝ่ามือสีทองนั้นก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมันถูกส่งมาจากสรวงสวรรค์ กลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์กดทับลงมาสะกดทุกสิ่งโดยรอบในทันที

 

ตอนนั้นเอง ท้องฟ้าทั้งผืนก็มืดครึ้ม!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 131 ฝ่ามือบดขยี้ฟ้าดิน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 131 ฝ่ามือบดขยี้ฟ้าดิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 131 ฝ่ามือบดขยี้ฟ้าดิน

 

เมื่อได้มาถึงที่นี่แล้ว

 

เด็กสาวทั้งหลายสามารถมองเห็นวิหารของลัทธิบูชาจันทร์ที่สูงตระหง่านตั้งอยู่บนยอดเขาที่ห่างออกไปสิบลี้

 

แต่ถึงจะไกลอย่างไร ความสง่างามของสถานที่แห่งนั้นก็ยังคงเปล่งประกายราวกับเขาทั้งแสนลูกสะท้อนแสงล้อไปกับมัน

 

หงเฟยมองไปที่มันอย่างหวาดกลัวแล้วจึงชําเลืองมองไปยังเด็กสาววัยรุ่นทั้งหลายแล้วกล่าวคํากระซิบ “เราต้องรออยู่ที่นี่ก่อน จําไว้ให้ดีอย่าก้าวเท้าเดินไปด้านหน้าเด็ดขาด

 

ชายวัยกลางคนแสดงท่าที่จริงจังพร้อมทั้งกล่าวเตือน

 

“ค่ะ”

 

เหล่าเด็กสาวก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

 

“ลัทธิบูชาจันทร์นี่ช่างเลือกสถานที่ได้ดีจริงๆ”

 

ดวงตาของซูฉินสงบนิ่ง มองไปที่วิหารของลัทธิบูชาจันทร์

 

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาจันทร์ล้อมรอบไปด้วยหน้าผาในทุกทิศทาง ตราบใดที่สามารถป้องกันทางเข้าทางออกไว้ได้ ต่อให้ถูกกองทัพนับล้านเข้าโจมตีก็ยังอยู่รอดปลอดภัย

 

เว้นแต่จะเป็นกลุ่มจอมยุทธขอบเขตสามระดับบนที่บุกเข้าไปภายในโดยมเกรงกลัวความตายเท่านั้น หากเป็นจอมยุทธทั่วๆ ไปไม่ว่าจะมีกี่คนก็ทําอะไรพวกมันไม่ได้

 

พวกเขาจะแตะต้องลัทธิบูชาจันทร์ไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บด้วยซ้ํา

 

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะขณะที่ใช้ความคิดไปด้วย

 

ทันใดนั้นภายในวิหารของลัทธิบูชาจันทร์ที่ห่างออกไปสิบลี้ก็ปรากฏไอพลังที่มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอเหมือนตอนที่ใช้มองเหล่าจอมยุทธ เพียงแต่ไอพลังพวกนี้มีลักษณะแปลกแตกต่างออกไป

“สาวกของลัทธิบูชาจันทร์ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ สิ่งที่พวกเขาฝึกฝนคือมนต์คาถาและคําสาปผ่านการใช้หนอน และสามารถฆ่าคนได้จากระยะไกลแสนไกล…”

 

ซูฉินมองเข้าไปภายในวิหารของลัทธิบูชาจันทร์พลางคิดในใจอยู่เงียบๆ

 

“อย่างไรก็ตามจากลัทธิบูชาจันทร์ทั้งหมด คนที่มีพลังในระดับใกล้เคียงกับผู้ฝึกยุทธระดับชั้นที่หนึ่งนั้นมีเพียงแค่สองคน ฉะนั้นจึงไม่มีอะไรน่ากังวล”

 

ซูฉินสังเกตดูอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งและทําความเข้าใจเกี่ยวกับส ถานการณ์ทั่วไปของลัทธิบูชาจันทร์

 

“แต่ว่า ทําไมข้าถึงไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของ “เทพจันทรา” ได้เลย?”

 

ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่วิหารของลัทธิบูชาจันทร์ทั่วทั้งหมดด้วยดวงตาแห่งสัจจะแต่เขาไม่พบสิ่งที่เรียกว่า “เทพจันทรา” เลย

 

เผื่อว่าจะพลาดอะไรไป ซูฉินก็ยังคงตรวจสอบด้วยดวงตาแห่งสัจจะต่อไปอีกพักหนึ่ง และส่ายหัวเล็กน้อยหลังจากที่ยืนยันขีดความสามารถของลัทธิบูชาจันทร์ทั้งหมดแล้ว

 

“ลืมมันไปเถอะ”

 

“ไม่จําเป็นต้องเสียเวลาเพิ่มแล้ว”

ความคิดของซูฉินแปรผันไปมา และเขาก็ก้าวเท้าเดินไปด้านห

 

หงเฟย ชายวัยกลางคนที่อยู่ไม่ไกลนัก ตกใจเมื่อเห็นสิ่งนั้น เขารีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ช่วงนี้เป็นเวลาการสักการะของลัทธิบูชาจันทร์ ทุกสิ่งที่ต้องทําคือรอคอยการจัดการจากทางลัทธิโปรดระมัดระวังด้วย…”

 

หงเฟยคิดว่าซูฉันคงจะไม่สามารถอดทนได้และต้องการเดินตามสะพานเหล็กเพื่อไปยังวิหารของลัทธิบูชาจันทร์

 

พฤติกรรมนี้อาจจะดูเหมือนเรื่องปกติ แต่ในความจริงมันคือการยั่วยุลัทธิบูชาจันทร์

 

ชายวัยกลางคนที่ชื่อว่าหงเฟยผู้นี้เข้าใจกฎของที่นี่อย่างชัดเจนไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม จะเป็นผู้นํา หรือใหญ่โตมาจ กไหนก็จําเป็นต้องอดทนรอเมื่อมาถึงที่นี่

 

บรรดาผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกตามล่าโดยลัทธิบูชาจันทร์

 

ด้วยอิทธิพลของลัทธิบูชาจันทร์ในอาณาจักรหนานจ้าวควบคู่กับคําสาปที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า หากถูกล่าจากลัทธิบูชาจันทร์จริงๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพบกับจุดจบ

 

อย่างไรก็ตาม

 

ในช่วงเวลาต่อมา

 

ต่อหน้าสายตาที่อึ้งทึ่งของชายวัยกลางคน หงเฟย

 

ซูฉินยกมือขวาขึ้นชี้ไปทิศทางหนึ่งที่ห่างออกไปสิบลี้แล้วค่อยๆ กดมือลงไปที่สถานศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาจันทร์

 

ทันใดนั้นลมที่หวีดหวิวอยู่บนยอดเขาก็พลันหยุดลง เหลือเพียงฝ่ามือสีทองเข้มเท่านี้ที่ครอบคลุมท้องฟ้าแลปฐพีเอาไว้

 

ณ ลัทธิบูชาจันทร์

 

ภายในวิหารสูงตระหง่าน

 

สาวกลัทธิบูชาจันทร์และเหล่าผู้อาวุโสกําลังนั่งไขว้ขา สีหน้านิ่งส นิทราวกับกําลังอับอายกับอะไรสักอย่าง

 

“ช่วงไม่กี่ปีก่อน พระแม่ได้ตกตายอยู่ที่ฉางอัน อาณาจักรถัง”

 

ในเวลานั้นผู้นําของลัทธิบูชาจันทร์ก็ยืนขึ้นอย่างกะทันหัน มองไปที่ผู้อาวุโสทั้งหลายและกล่าวคําด้วยเสียงทุ่มต่ํา

 

คําที่ได้กล่าวออกไป

 

ผู้อาวุโสในห้องโถงต่างพากันสั่นสะท้านภายในใจ

 

ไม่กี่ปีก่อนเพื่อเตรียมแผนการต่อราชวงศ์ถัง ลัทธิบูชาจันทร์ถึงกับส่งพระแม่ สตรีศักดิ์สิทธิ์ ออกไปยังฉางอันเป็นกรณีพิเศษโดยหวังจะตอกฝั่งตะปูที่เปรียบกับแผนการร้ายลงไปในตระกูลหลี

 

อย่างไรก็ตามเกิดสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดขึ้น ไม่เพียงแต่พระแม่จะล้มเหลวในแผนการใหญ่เท่านั้น แต่ยังเสียชีวิตลง ณ เมืองฉางอันด้วย

 

ยิ่งไปกว่านั้น หญิงชราผมขาวที่กลับมาจากเมืองฉางอันยังเล่าด้วยว่าการเสียชีวิตของพระแม่เกิดจากประกายดาบที่ฟาดฟันลงมาจากท้องฟ้า

 

ไม่ใช่แค่พระแม่ที่ตกตาย แต่หนอนก่ที่เก่าแก่ที่สุดที่อยู่ภายในร่างของพระแม่ก็ถูกเฉือนจนกลายเป็นผุยผง

 

เมื่อข่าวนี้มาถึงหูของผู้อาวุโสและผู้นาลัทธิ ทุกคนก็ราวกับถูกฟ้า

 

แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่สิ่งที่ลัทธิบูชาจันทร์ในปัจจุบันจะรับมือไหว

 

ในหลายปีที่ผ่านมา ลัทธิบูชาจันทร์ต่างก็หวาดกลัวว่าสักวันหนี้งอีกฝ่ายจะมาหาพวกเขาหรือไม่

 

“ท่านผู้นา เราจะทําเช่นไรกับเรื่องนี้ดี”

 

ผู้อาวุโสคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา

 

เมื่อผู้อาวุโสคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้น พวกเขาก็มองไปที่ผู้นาลัทธิบูชาจันทร์เช่นกัน

 

พระแม่ตกตายอยู่ที่เมืองฉางอันแต่แล้วมันยังไงล่ะ?

 

ตามที่หญิงชราผมขาวอธิบาย ในเวลานั้นคนที่โจมตีอย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นยอดยุทธที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลเกินกว่าที่ลัทธิบูชาจันทร์ในปัจจุบันจะรับมือได้ไหว

 

พลังฉีและเลือดเนื้อของยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเพียงพอที่จะเพิกเฉยต่อคําสาปและมนต์คาถาทั้งหมด

 

“ข้ากําลังจะพูดเรื่องนี้แหละ…”

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ผู้นําลัทธิบูชาจันทร์ก็หยุดไปพักหนึ่งแล้วจีงพูดต่อ “ลัทธิบูชาจันทร์จะต้องล้างแค้นได้ในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน”

 

“อะไรนะ?”

 

ผู้อาวุโสหลายคนต่างดูสับสนงงงวย

 

ล้างแค้น?

 

ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะแก้แค้นอย่างไร?

 

อีกฝ่ายไม่ได้เผยตัวตนแม้แต่น้อยตอนที่เขาฉีกกระชากหนอนที่เก่าแก่ที่สุดของลัทธิบูชาจันทร์เป็นชิ้นๆ พวกเขาจะไปแก้แค้นได้อย่างไร?

 

ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสล้วนประหลาดใจและไม่แน่ใจ

 

ผู้นาลัทธิบูชาจันทร์กล่าวอย่างช้าๆ “ข้าได้เรียนรู้เจตจํานงแห่งเทพจันทราแล้ว หลังจากการบูชายัญในครั้งนี้ เทพจันทราจะมาปรากฏตัวบนโลก”

 

คําที่กล่าวออกมา

 

ท่าทีของเหล่าผู้อาวุโสก็เปลี่ยนไป

 

4 “เทพจันทรา” จะมาปรากฏตัวบนโลก….”

 

“นี่นี่ สิ่งที่ท่านบอกเป็นความจริงอย่างนั้นหรือท่านผู้นา?”

 

ผู้อาวุโสที่มีใบหน้าซีดเซียวสั่นสะท้านเมื่อฟังคําดังกล่าว เขามองไปที่ผู้นําของลัทธิบูชาจันทร์ด้วยความตื่นเต้น

 

“จริงแท้แน่นอน!”

 

ผู้นาแห่งลัทธิบูชาจันทร์พยักหน้าเล็กน้อย นาเสียงของเขาเจือไปด้วยความกระตือรือร้นอยู่เต็มเปี่ยม

 

ในสายตาของเหล่าสาวกของลัทธิบูชาจันทร์นั้น “เทพจันทราคงกระพันไร้ต้าน ตราบใดที่เทพจันทราคงอยู่ ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะหยุดลัทธิบูชาจันทร์ของพวกเขาได้

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“ด้วยร่มไม้ใหญ่อย่าง “เทพจันทรา” ทําไมลัทธิศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราจะยังต้องเป็นเต่าหดหัวอยู่แต่ในอาณาจักรหนานจ้าวอีก?”

 

“ถูกต้อง ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นคนฆ่าพระแม่ มันก็ต้องพบกับความตายอย่างไร้หนทางสู้”

“ท่านผู้นํา ทําไมไม่เริ่มระดมพลศิษย์สาวกกันเลยเล่าเมื่อเทพจันทราปรากฏตัวขึ้น ข้าจะกวาดล้างเมืองฉางอัน ล้างแค้นให้พระแม่!”

 

ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างส่งเสียงโห่ร้อง

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้นําลัทธิบูชาจันทร์ก็โบกมือแล้วกล่าวขึ้นว่า “อีกไม่นานฉางอันจะถูกทําลาย และศัตรูของพวกเราก็จะประสบชะตากรรมเดียวกัน”

 

“อีกไม่นาน ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราจะครองโลก!”

 

ผู้นําลัทธิบูชาจันทร์เต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

ในขณะที่ผู้อาวุโสทั้งหลายหารือกันว่าจะทรมานคนที่สังหารพระแม่อย่างไรดี

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นที่ด้านนอก

 

ทันใดนั้นก็มีเส…

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ผู้นาลัทธิบูชาจันทร์ขมวดคิ้ว

 

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ดูไม่พอใจเช่นกัน

 

พวกเขากําลังตั้งหน้าตั้งตารอคอย แต่กลับถูกขัดจังหวะ

 

“ออกไปดูกันเถอะ”

 

ผู้นําลัทธิบูชาจันทร์รู้สึกถึงลางที่ไม่ค่อยดี จึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปดูสถานการณ์ด้านนอก

 

ผู้อาวุโสต่างมองหน้ากันและเดินตามหลังผู้นไป

 

อย่างไรก็ตามเมื่อผู้นาลัทธิบูชาจันทร์เดินออกมานอกวิหาร เขาก็พบว่าสาวกทุกคนกําลังมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความหวาดกลัว

 

“หือ?”

 

ผู้นําและผู้อาวุโสของลัทธิบูชาจันทร์ระงับความสงสัยในใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า

 

ในเวลาต่อมา ผู้นําลัทธิบูชาจันทร์ได้เห็นฉากที่ยากจะลืมเลือนแม้จะผ่านเวลาไปทั้งชีวิต

 

เขาเห็นฝ่ามือพระพุทธรูปสีทองเงาวาว มีรัศมีแสงอันบริสุทธิ์กระจายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฝ่ามือสีทองนั้นก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมันถูกส่งมาจากสรวงสวรรค์ กลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์กดทับลงมาสะกดทุกสิ่งโดยรอบในทันที

 

ตอนนั้นเอง ท้องฟ้าทั้งผืนก็มืดครึ้ม!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+