เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 135 สมบูรณ์

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 135 สมบูรณ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 135 สมบูรณ์

 

ขณะที่อาณาจักรหนานจ้าวกําลังอยู่ในอารมณ์คุกรุ่น ซูฉินก็เดินทางกลับไปพระราชวังถังเรียบร้อยแล้ว

 

เป็นธรรมดาที่ซูฉินจะไม่รู้ว่าตัวเขาได้ทําลายอิทธิพลของลัทธิบูชาจันทร์ในอาณาจักรหนานจ้าวไป

 

แต่ถึงแม้ซูฉินจะรู้ เขาก็ไม่ได้คิดมากอะไร อาณาจักรหนานจ้าวตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นเพียงอาณาจักรเล็กๆ ไม่มีแม้แต่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง แม้จะไม่มีโซ่ตรวนอย่างลัทธิบูชาจันทร์แล้วก็คงไม่สามารถกระทําการอันใดได้

 

หลังจากที่ซูฉินกลับมาที่วังหลวง เขาก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง

 

ตั้งแต่ที่ซูฉินออกจากวังไปเกือบทั้งวัน ไม่มีใครรู้เลยว่า ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ ซูฉินได้เดินทางหลายพันหลายหมื่นลี้ เพื่อไปทําลายลัทธิบูชาจันทร์ในอาณาจักรหนานจ้าวแล้วเพิ่งจะกลับมา

 

ยามฟ้ามืด

 

ซูฉินกําลังนั่งขัดสมาธิอยู่

 

ทุกเรื่องทุกแง่มุมที่เกี่ยวกับ “เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา” เป็นเคล็ดวิชาลับที่สามารถทําให้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินเสถียรมากขึ้น

 

“เอาล่ะ”

 

“มาเริ่มกันเลย”

 

ซูฉินหลับตาลง จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก่อตัวขึ้นภายในร่างกระจายออก และจัดระเบียบใหม่ไปเรื่อยๆ ตามวิถีทางของ ‘เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา’

 

ถ้าเป็นผู้อื่น แม้แต่อรหันต์หรือตํานานยุทธก็ต้องใช้เวลาอย่างมากในการทําความเข้าใจ “เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา” และการเข้าใจเพียงผิวเผินก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเริ่มนํามาใช้จริง

 

สุดท้ายแล้ว “เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา” ก็เป็นวิธีที่เกี่ยวข้องกับการหล่อหลอมพลังศักดิ์สิทธิ์ หากไม่แน่ใจว่าเข้าใจได้ถ่องแท้แล้ว ใครจะกล้านํามาใช้กับจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง?

 

แต่ซูฉินนั้นต่างออกไป

 

หลังจากที่ได้รับข้อมูลจากระบบฝังเข้ามาในหัว ความเชี่ยวชาญของเขาในเคล็ดวิชาอันนี้อาจจะใกล้เคียงกับผู้ที่คิดค้นวิชานี้ขึ้นมาเลยก็ได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงครั้งแรกที่ฝึกฝน แต่เขาก็คุ้นเคยกับมันมาก

 

หวึ่ง!

 

จะเห็นได้ว่าภายใต้การควบคุมของซูฉิน จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มวลก้อนใหญ่ของเขา ค่อยๆ แตกตัวออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นพลังศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็กลับมารวมตัวกันใหม่เพื่อสร้างจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่มั่งคงยิ่งขึ้น

 

ปกติแล้วจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของอรหันต์หรือตํานานยุทธ โดยทั่วไปจะอยู่ในสภาวะที่ไม่เป็นระเบียบ แต่เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทราจะช่วยแยกและจัดเรียงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เสียใหม่ และกลายเป็นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ดีกว่าเดิม

 

เปรียบสิ่งนี้ได้กับถ่านและเพชร เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่มีองค์ประกอบภายในเหมือนกัน แต่เพราะโครงสร้างที่ต่างกันจึงเกิดเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นกัน

 

เพียงแค่ว่าเมื่อเทียบกับวัตถุรูปธรรม จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั้นละเอียดอ่อนยิ่งกว่าความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจ ทําลายรากฐานของจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และก่อให้เกิดอันต รายแฝงอันใหญ่หลวงขึ้นมาได้

 

แม้แต่ตัวซูฉินเองก็ไม่กล้าแยกองค์ประกอบจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และจัดเรียงใหม่โดยปราศจากวิธีการ จาก “เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา”

 

ด้วยการจัดองค์ประกอบใหม่อย่างต่อเนื่อง ซูฉินรู้สึกว่าจิตใจของเขาชัดเจนขึ้น การใช้ความคิดต่างๆ ก็คล่องขึ้น

 

“ใกล้สําเร็จแล้ว”

 

“ตามที่ ‘เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา’ ได้อธิบายเอาไว้ ข้าควรจะสําเร็จวิชาเรียบร้อยแล้ว”

 

ซูฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้น พยายามรับรู้สภาพตนเองอย่างระมัดระวัง ท่าทีของเขาดูประหลาดใจ

 

“แม้ว่าจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าตอนนี้จะมีปริมาณน้อยลงมาก แต่ก็มีคุณภาพสูงกว่าเมื่อก่อนมากเช่นกัน”

 

ซูฉินดูมีความสุข

 

“ยิ่งไปกว่านั้น ความมั่นคงที่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้มีช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนอย่างมากด้วย”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย ความคิดโลดแล่นไปมาภายในใจ

 

เมื่อยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งต้องการจะก้าวหน้าต่อไป จําต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงสามด้าน คือ ร่างกาย กําลังภายใน และพลังศักดิ์สิทธิ์

   

เหล่าอรหันต์และตํานานยุทธก็ยังต้องให้ความใส่ใจใน การฝึกร่างกายแก่นแท้แห่งพลัง และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน

 

ไม่ว่าจะเป็นอรหันต์ในระดับนภาชั้นที่หนึ่งหรืออรหันต์ในระดับนภาชั้นที่เก้าขั้นสูงสุด ก็ต้องให้ความสําคัญกับร่างกาย แก่นแท้แห่งพลัง และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เป็นสามพื้นฐานสําคัญที่ต้องจดจําไว้ให้มัน

 

ร่างกายที่แข็งแกร่งสามารถหล่อเลี้ยงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้มากขึ้น และในแง่เดียวกันจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถเสริมพลังให้กับกายเนื้อรวมถึงช่วยเร่งความเร็วในการฝึกฝนได้เช่นกัน

 

ซูฉินเองก็อยู่ในเงื่อนไขเดียวกับที่กล่าวมา

 

“ต่อจากนี้ ข้าจะมุ่งมั่นตั้งใจฝึกฝนเพื่อบรรลุถึงขอบเขตยอดอรหันต์ให้เร็วที่สุด”

 

ซูฉินสงบใจ แล้วค่อยๆ คิดเรื่องราวอยู่อย่างเงียบๆ

 

ขอบเขตหลังจากระดับอรหันต์นั้นคือขอบเขตยอดอรหันต์ ซึ่งเทียบเท่าได้กับเซียนเทพปฐพี

 

แน่นอนว่า ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตยอดอรหันต์หรือขอบเขตเซียนเทพปฐพีก็ล้วนแต่เป็นระดับเดียวกันเพียงแต่มีชื่อที่แตกต่าง

 

ความสามารถที่ใช้ได้ของทั้งสองฝ่ายนั้นเหมือนกัน คล้ายคลึงกับกรณีของอรหันต์กับตํานานยุทธ

 

ต่อจากนี้ไป ซูฉินจะทุ่มเทให้กับการฝึกฝนบ่มเพาะอีกครั้ง

 

ยกเว้นเพียงแต่การลงชื่อเข้าใช้ เขาก็แทบจะไม่สนใจสิ่งอื่นใด

จักรพรรดิถังหลี่เชิงได้พาลูกๆ ของตนมาพบปะพูดคุยกับ ซูฉินเป็นครั้งคราว ทําให้หลี่หยวนและหลีหว่านได้ใกล้ชิดกับซูฉินมากขึ้น

 

เมื่อเทียบกับคนในราชวงศ์คนอื่นๆ จักรพรรดิหลี่เชิงเต็มใจให้โอรสและธิดาของตนใกล้ชิดสนิทสนมกับซูฉินมากกว่า

 

องค์จักรพรรดิถังหลี่เชิงครองราชย์มาแล้วก็หลายปี เขาคุ้นเคยกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง ความคิดคดในจิตใจผู้คน แต่เขายังไม่เห็นสิ่งแอบแฝงใดในใจของซูฉินเลย

 

เฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าซูฉิน จักรพรรดิหลี่เชิงรู้สึกว่าตนเอง ไม่ใช่จักรพรรดิอีกต่อไป แต่กลับเป็นเพียงบัณฑิตจนๆ ไม่มีค่ามีราคาใด

 

ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ซูฉินกล่าวเตือนว่า อาณาจักรถังมีรากฐานเพียงพอที่จะตัดทอนอํานาจศักดินาแล้วหรือยัง แต่นั้นมาจักรพรรดิถังก็ไม่เคยกล่าวเรื่องตัดทอนอํานาจศักดินาต่อเหล่าขุนนางอีกเลย

ซูฉินรู้แก่ใจดีว่าจักรพรรดิหลีเชิงกําลังอดทน

 

การอดทนนี้ไม่ใช่เพราะความขี้ขลาด มิใช่เพราะยอมจํานน แต่เพื่ออนาคตของอาณาจักรถัง

 

หลี่เซิงก็เป็นคนคนหนึ่ง เขาย่อมรู้ดีว่าการตัดทอนอํานาจศักดินาที่มีประสิทธิภาพที่สุดต้องค่อยเป็นค่อยไป

 

ตราบใดที่จักรพรรดิถังหลี่เชิงยังคงสร้างนโยบาย กฎเกณฑ์ใหม่ๆ เหล่าองค์ชายก็จะได้รับการจัดสรรปันส่วนเขตแดนอย่างเท่าเทียมกันในรุ่นลูกรุ่นหลาน

 

ส่งผลให้ผืนดินในครอบครองของเหล่าขุนนางถูกนั่นแบ่งเล็กลงเรื่อยๆ แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมจะเหมือนเดิม แต่เมื่อมันตกไปอยู่ในมือของผู้คนจํานวนที่มากขึ้น อํานาจของพวกเขาก็จะกระจายกันออกไปทําให้ความแข็งแกร่งของ เหล่าขุนนางอ่อนแอลงอย่างไม่รู้ตัว

 

อย่างไรก็ตามการแต่งตั้งนโยบายเหล่านี้ก็ตั้งอยู่บนกรณีที่เหล่าราชาหัวเมืองพวกนั้นเชื่อฟังส่วนกลาง

 

หรือกล่าวอีกอย่างคือ ต้องปล่อยให้ราชาเหล่านั้นทําตามนโยบายอย่างเชื่อฟัง

 

แต่ปัญหาที่อาณาจักรถังเผชิญอยู่ตอนนี้คือ องค์ชายทุกคนเพิกเฉยต่ออํานาจขององค์จักรพรรดิ ไม่ต้องพูดถึงนโยบาย เพียงคําสั่งที่ออกโดยจักรพรรดิหลี่เชิง เมื่อไปถึงดินแดนของเหล่าองค์ชายมันก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

 

นอกจากนี้เหล่าองค์ชายไม่ใช่คนโง่ องค์ชายทุกคนมีที่ปรึกษามากมาย พวกเขาย่อมคาดเดาเบื้องลึกเบื้องหลังของนโยบายที่ส่งมาถึงองค์ชายได้อย่างแน่นอน

 

เวลาผ่านเลยไปอย่างเชื่องช้า

 

พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามปี

 

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา แม้ว่าอาณาจักรถังจะโดนขุนนางท้องถิ่นจํากัดอํานาจ แต่โดยรวมก็แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่จะเจริญรุ่งเรือง

 

จักรพรรดิหลี่เชิงลงมืออย่างกล้าหาญ พัฒนาด้านการค้าเพิ่มภาษี และมีทรัพย์สินเพียงพอในคงคลัง

 

นอกจากนี้ หลังจากความพยายามอย่างหนักขององค์หญิงหลีหว่าน องค์จักรพรรดิถังก็ตกลงที่จะให้นางฝึกฝนวิทยายุทธ

 

อันที่จริงจักรพรรดิหลี่เชิงไม่ต้องการเห็นหลีหว่านก้าวเข้าสู่วิถีแห่งผู้ฝึกยุทธ ในมุมมองของจักรพรรดิหลี่เชิง จอมยุทธคนใดที่ไม่ได้ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอยาวนานนับสิบปีก็ย่อมไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา

 

ในฐานะคนในราชวงศ์หลีหว่านไม่จําเป็นต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องพวกนี้ในวันนั้น

 

ภายในตําหนักชุนฝั่งขวา

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ กลิ่นอายทรงพลังไว้ประมาณ ไอพลังพวยพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่มีความสั่นคลอนใด

 

ทันใดนั้นเอง

 

กลิ่นอายของซูฉินก็หายไปอย่างฉับพลัน ความเร็วของพ ลังที่เพิ่มขึ้นก็ค่อยๆ ช้าลงก่อนที่สักพักหนึ่งจะสงบลง

 

และในตอนนั้นเอง

 

ซูฉินก็ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

“ในที่สุดก็สําเร็จ”

 

ความคิดมากมายเต็มไปหมดในหัวของซูฉิน ใบหน้าของเขาเปี่ยมด้วยความสุข

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 135 สมบูรณ์

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 135 สมบูรณ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 135 สมบูรณ์

 

ขณะที่อาณาจักรหนานจ้าวกําลังอยู่ในอารมณ์คุกรุ่น ซูฉินก็เดินทางกลับไปพระราชวังถังเรียบร้อยแล้ว

 

เป็นธรรมดาที่ซูฉินจะไม่รู้ว่าตัวเขาได้ทําลายอิทธิพลของลัทธิบูชาจันทร์ในอาณาจักรหนานจ้าวไป

 

แต่ถึงแม้ซูฉินจะรู้ เขาก็ไม่ได้คิดมากอะไร อาณาจักรหนานจ้าวตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นเพียงอาณาจักรเล็กๆ ไม่มีแม้แต่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง แม้จะไม่มีโซ่ตรวนอย่างลัทธิบูชาจันทร์แล้วก็คงไม่สามารถกระทําการอันใดได้

 

หลังจากที่ซูฉินกลับมาที่วังหลวง เขาก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง

 

ตั้งแต่ที่ซูฉินออกจากวังไปเกือบทั้งวัน ไม่มีใครรู้เลยว่า ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ ซูฉินได้เดินทางหลายพันหลายหมื่นลี้ เพื่อไปทําลายลัทธิบูชาจันทร์ในอาณาจักรหนานจ้าวแล้วเพิ่งจะกลับมา

 

ยามฟ้ามืด

 

ซูฉินกําลังนั่งขัดสมาธิอยู่

 

ทุกเรื่องทุกแง่มุมที่เกี่ยวกับ “เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา” เป็นเคล็ดวิชาลับที่สามารถทําให้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินเสถียรมากขึ้น

 

“เอาล่ะ”

 

“มาเริ่มกันเลย”

 

ซูฉินหลับตาลง จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก่อตัวขึ้นภายในร่างกระจายออก และจัดระเบียบใหม่ไปเรื่อยๆ ตามวิถีทางของ ‘เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา’

 

ถ้าเป็นผู้อื่น แม้แต่อรหันต์หรือตํานานยุทธก็ต้องใช้เวลาอย่างมากในการทําความเข้าใจ “เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา” และการเข้าใจเพียงผิวเผินก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเริ่มนํามาใช้จริง

 

สุดท้ายแล้ว “เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา” ก็เป็นวิธีที่เกี่ยวข้องกับการหล่อหลอมพลังศักดิ์สิทธิ์ หากไม่แน่ใจว่าเข้าใจได้ถ่องแท้แล้ว ใครจะกล้านํามาใช้กับจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง?

 

แต่ซูฉินนั้นต่างออกไป

 

หลังจากที่ได้รับข้อมูลจากระบบฝังเข้ามาในหัว ความเชี่ยวชาญของเขาในเคล็ดวิชาอันนี้อาจจะใกล้เคียงกับผู้ที่คิดค้นวิชานี้ขึ้นมาเลยก็ได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงครั้งแรกที่ฝึกฝน แต่เขาก็คุ้นเคยกับมันมาก

 

หวึ่ง!

 

จะเห็นได้ว่าภายใต้การควบคุมของซูฉิน จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มวลก้อนใหญ่ของเขา ค่อยๆ แตกตัวออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นพลังศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็กลับมารวมตัวกันใหม่เพื่อสร้างจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่มั่งคงยิ่งขึ้น

 

ปกติแล้วจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของอรหันต์หรือตํานานยุทธ โดยทั่วไปจะอยู่ในสภาวะที่ไม่เป็นระเบียบ แต่เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทราจะช่วยแยกและจัดเรียงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เสียใหม่ และกลายเป็นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ดีกว่าเดิม

 

เปรียบสิ่งนี้ได้กับถ่านและเพชร เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่มีองค์ประกอบภายในเหมือนกัน แต่เพราะโครงสร้างที่ต่างกันจึงเกิดเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นกัน

 

เพียงแค่ว่าเมื่อเทียบกับวัตถุรูปธรรม จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั้นละเอียดอ่อนยิ่งกว่าความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจ ทําลายรากฐานของจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และก่อให้เกิดอันต รายแฝงอันใหญ่หลวงขึ้นมาได้

 

แม้แต่ตัวซูฉินเองก็ไม่กล้าแยกองค์ประกอบจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และจัดเรียงใหม่โดยปราศจากวิธีการ จาก “เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา”

 

ด้วยการจัดองค์ประกอบใหม่อย่างต่อเนื่อง ซูฉินรู้สึกว่าจิตใจของเขาชัดเจนขึ้น การใช้ความคิดต่างๆ ก็คล่องขึ้น

 

“ใกล้สําเร็จแล้ว”

 

“ตามที่ ‘เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา’ ได้อธิบายเอาไว้ ข้าควรจะสําเร็จวิชาเรียบร้อยแล้ว”

 

ซูฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้น พยายามรับรู้สภาพตนเองอย่างระมัดระวัง ท่าทีของเขาดูประหลาดใจ

 

“แม้ว่าจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าตอนนี้จะมีปริมาณน้อยลงมาก แต่ก็มีคุณภาพสูงกว่าเมื่อก่อนมากเช่นกัน”

 

ซูฉินดูมีความสุข

 

“ยิ่งไปกว่านั้น ความมั่นคงที่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้มีช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนอย่างมากด้วย”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย ความคิดโลดแล่นไปมาภายในใจ

 

เมื่อยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งต้องการจะก้าวหน้าต่อไป จําต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงสามด้าน คือ ร่างกาย กําลังภายใน และพลังศักดิ์สิทธิ์

   

เหล่าอรหันต์และตํานานยุทธก็ยังต้องให้ความใส่ใจใน การฝึกร่างกายแก่นแท้แห่งพลัง และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน

 

ไม่ว่าจะเป็นอรหันต์ในระดับนภาชั้นที่หนึ่งหรืออรหันต์ในระดับนภาชั้นที่เก้าขั้นสูงสุด ก็ต้องให้ความสําคัญกับร่างกาย แก่นแท้แห่งพลัง และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เป็นสามพื้นฐานสําคัญที่ต้องจดจําไว้ให้มัน

 

ร่างกายที่แข็งแกร่งสามารถหล่อเลี้ยงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้มากขึ้น และในแง่เดียวกันจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถเสริมพลังให้กับกายเนื้อรวมถึงช่วยเร่งความเร็วในการฝึกฝนได้เช่นกัน

 

ซูฉินเองก็อยู่ในเงื่อนไขเดียวกับที่กล่าวมา

 

“ต่อจากนี้ ข้าจะมุ่งมั่นตั้งใจฝึกฝนเพื่อบรรลุถึงขอบเขตยอดอรหันต์ให้เร็วที่สุด”

 

ซูฉินสงบใจ แล้วค่อยๆ คิดเรื่องราวอยู่อย่างเงียบๆ

 

ขอบเขตหลังจากระดับอรหันต์นั้นคือขอบเขตยอดอรหันต์ ซึ่งเทียบเท่าได้กับเซียนเทพปฐพี

 

แน่นอนว่า ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตยอดอรหันต์หรือขอบเขตเซียนเทพปฐพีก็ล้วนแต่เป็นระดับเดียวกันเพียงแต่มีชื่อที่แตกต่าง

 

ความสามารถที่ใช้ได้ของทั้งสองฝ่ายนั้นเหมือนกัน คล้ายคลึงกับกรณีของอรหันต์กับตํานานยุทธ

 

ต่อจากนี้ไป ซูฉินจะทุ่มเทให้กับการฝึกฝนบ่มเพาะอีกครั้ง

 

ยกเว้นเพียงแต่การลงชื่อเข้าใช้ เขาก็แทบจะไม่สนใจสิ่งอื่นใด

จักรพรรดิถังหลี่เชิงได้พาลูกๆ ของตนมาพบปะพูดคุยกับ ซูฉินเป็นครั้งคราว ทําให้หลี่หยวนและหลีหว่านได้ใกล้ชิดกับซูฉินมากขึ้น

 

เมื่อเทียบกับคนในราชวงศ์คนอื่นๆ จักรพรรดิหลี่เชิงเต็มใจให้โอรสและธิดาของตนใกล้ชิดสนิทสนมกับซูฉินมากกว่า

 

องค์จักรพรรดิถังหลี่เชิงครองราชย์มาแล้วก็หลายปี เขาคุ้นเคยกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง ความคิดคดในจิตใจผู้คน แต่เขายังไม่เห็นสิ่งแอบแฝงใดในใจของซูฉินเลย

 

เฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าซูฉิน จักรพรรดิหลี่เชิงรู้สึกว่าตนเอง ไม่ใช่จักรพรรดิอีกต่อไป แต่กลับเป็นเพียงบัณฑิตจนๆ ไม่มีค่ามีราคาใด

 

ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ซูฉินกล่าวเตือนว่า อาณาจักรถังมีรากฐานเพียงพอที่จะตัดทอนอํานาจศักดินาแล้วหรือยัง แต่นั้นมาจักรพรรดิถังก็ไม่เคยกล่าวเรื่องตัดทอนอํานาจศักดินาต่อเหล่าขุนนางอีกเลย

ซูฉินรู้แก่ใจดีว่าจักรพรรดิหลีเชิงกําลังอดทน

 

การอดทนนี้ไม่ใช่เพราะความขี้ขลาด มิใช่เพราะยอมจํานน แต่เพื่ออนาคตของอาณาจักรถัง

 

หลี่เซิงก็เป็นคนคนหนึ่ง เขาย่อมรู้ดีว่าการตัดทอนอํานาจศักดินาที่มีประสิทธิภาพที่สุดต้องค่อยเป็นค่อยไป

 

ตราบใดที่จักรพรรดิถังหลี่เชิงยังคงสร้างนโยบาย กฎเกณฑ์ใหม่ๆ เหล่าองค์ชายก็จะได้รับการจัดสรรปันส่วนเขตแดนอย่างเท่าเทียมกันในรุ่นลูกรุ่นหลาน

 

ส่งผลให้ผืนดินในครอบครองของเหล่าขุนนางถูกนั่นแบ่งเล็กลงเรื่อยๆ แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมจะเหมือนเดิม แต่เมื่อมันตกไปอยู่ในมือของผู้คนจํานวนที่มากขึ้น อํานาจของพวกเขาก็จะกระจายกันออกไปทําให้ความแข็งแกร่งของ เหล่าขุนนางอ่อนแอลงอย่างไม่รู้ตัว

 

อย่างไรก็ตามการแต่งตั้งนโยบายเหล่านี้ก็ตั้งอยู่บนกรณีที่เหล่าราชาหัวเมืองพวกนั้นเชื่อฟังส่วนกลาง

 

หรือกล่าวอีกอย่างคือ ต้องปล่อยให้ราชาเหล่านั้นทําตามนโยบายอย่างเชื่อฟัง

 

แต่ปัญหาที่อาณาจักรถังเผชิญอยู่ตอนนี้คือ องค์ชายทุกคนเพิกเฉยต่ออํานาจขององค์จักรพรรดิ ไม่ต้องพูดถึงนโยบาย เพียงคําสั่งที่ออกโดยจักรพรรดิหลี่เชิง เมื่อไปถึงดินแดนของเหล่าองค์ชายมันก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

 

นอกจากนี้เหล่าองค์ชายไม่ใช่คนโง่ องค์ชายทุกคนมีที่ปรึกษามากมาย พวกเขาย่อมคาดเดาเบื้องลึกเบื้องหลังของนโยบายที่ส่งมาถึงองค์ชายได้อย่างแน่นอน

 

เวลาผ่านเลยไปอย่างเชื่องช้า

 

พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามปี

 

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา แม้ว่าอาณาจักรถังจะโดนขุนนางท้องถิ่นจํากัดอํานาจ แต่โดยรวมก็แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่จะเจริญรุ่งเรือง

 

จักรพรรดิหลี่เชิงลงมืออย่างกล้าหาญ พัฒนาด้านการค้าเพิ่มภาษี และมีทรัพย์สินเพียงพอในคงคลัง

 

นอกจากนี้ หลังจากความพยายามอย่างหนักขององค์หญิงหลีหว่าน องค์จักรพรรดิถังก็ตกลงที่จะให้นางฝึกฝนวิทยายุทธ

 

อันที่จริงจักรพรรดิหลี่เชิงไม่ต้องการเห็นหลีหว่านก้าวเข้าสู่วิถีแห่งผู้ฝึกยุทธ ในมุมมองของจักรพรรดิหลี่เชิง จอมยุทธคนใดที่ไม่ได้ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอยาวนานนับสิบปีก็ย่อมไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา

 

ในฐานะคนในราชวงศ์หลีหว่านไม่จําเป็นต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องพวกนี้ในวันนั้น

 

ภายในตําหนักชุนฝั่งขวา

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ กลิ่นอายทรงพลังไว้ประมาณ ไอพลังพวยพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่มีความสั่นคลอนใด

 

ทันใดนั้นเอง

 

กลิ่นอายของซูฉินก็หายไปอย่างฉับพลัน ความเร็วของพ ลังที่เพิ่มขึ้นก็ค่อยๆ ช้าลงก่อนที่สักพักหนึ่งจะสงบลง

 

และในตอนนั้นเอง

 

ซูฉินก็ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

“ในที่สุดก็สําเร็จ”

 

ความคิดมากมายเต็มไปหมดในหัวของซูฉิน ใบหน้าของเขาเปี่ยมด้วยความสุข

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+