เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 147 เข้าสู่ระบบ! โอสถไทหยวน!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 147 เข้าสู่ระบบ! โอสถไทหยวน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 147 เข้าสู่ระบบ! โอสถไทหยวน!

 

วังหลวง

 

ตําหนักชุนฝั่งขวา

 

เด็กน้อยสองคน หลี่หยวนและหลีหว่านกําลังยืนอยู่ด้านหน้าของซูฉิน

 

“ลุงสาม ดูนี่สิ ข้าพาเขามาที่นี่แล้ว…” หลีหว่านเหลือบมองมาที่หลีหยวนแล้วพูดกับซูฉินอย่างเอาหน้า

 

“ลุงสาม…พี่สาว พี่สาวรังแกข้า…”

 

ในที่สุดหลี่หยวนก็รวบรวมความกล้าในการพูดออกมา

 

รู้หรือไม่ว่าเวลาปกติเขาไม่มีแม้แต่ความกล้าจะพูดคุยกับซูฉิน เห็นได้ชัดว่าหลีหว่านกดดันเขาจนกังวลใจมากๆ ในตอนนี้

 

“ข้ารังแกเจ้างั้นหรือ?”

 

“ข้าไปรังแกเจ้าอย่างไร?”

 

หลีหว่านจ้องไปที่หลี่หยวนอย่างดุดัน

 

แม้ว่านางและหลี่หยวนจะเกิดพร้อมกัน แต่จักรพรรดิถังหลี่เชิงและฮองเฮาซูเยว่หยุนก็ถือว่าหลี่หยวนเป็นน้องชาย

 

ความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ผิดอะไร

 

ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องของบุคลิกภาพหรือในแง่มุมต่างๆ หลี่หยวนมีพัฒนาการช้ากว่า และหลีหว่านก็มักจะเป็นพี่สาวขี้แกล้ง

 

“พี่สาวของเจ้าสามารถรังแกเจ้าได้เพราะนางฝึกวิทยายุทธ เจ้าอยากฝึกวิทยายุทธด้วยไหมเล่า” ซูฉินเหลือบมองไปทางหลี่หยวนและพูดอย่างเป็นกันเอง

 

แม้ว่าพรสวรรค์ในเชิงยุทธของหลี่หยวนจะด้อยกว่าหลีหว่านมาก แต่ในฐานะองค์ชายก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรถ้าฝึกวิทยายุทธไว้ป้องกันตัวเสียหน่อย

 

“ฝึกวิทยายุทธ?”

 

จิตใจของหลี่หยวนสั่นสะท้าน จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและพูดว่า “ช่างมันเถอะ ข้าไม่ได้ชอบวิทยายุทธ ตอนนี้คงจะดีกว่าถ้าข้าศึกษาตําราความรู้”

 

หลี่หยวนเคยลองฝึกวิทยายุทธมานานแล้ว แต่เขาไม่สนใจในวิทยายุทธเลย มีกงกงชุดแดงหลายคนช่วยเขาในการฝึกเดินลมปราณ แต่พอผ่านไปได้ครึ่งทาง หลี่หยวนก็มักจะผล็อยหลับไป…

 

สําหรับหลี่หยวน วิทยายุทธเป็นสิ่งที่น่าเบื่ออย่างยิ่ง 

 

“ตามนั้น”

 

ซูฉินเห็นว่าหลี่หยวนไม่ได้สนใจในวิทยายุทธ ดังนั้นเขาจึงไม่พูดถึงมันอีก

 

บางที่สําหรับคนธรรมดา วิทยายุทธอาจจะเป็นทางออกเดียว แค่ฝึกวิทยายุทธเจ้าก็จะกลายเป็นคนที่โดดเด่น แต่ในสายตาขององค์ชายอย่างหลี่หยวน วิทยายุทธเป็นเพียงทางเลือกของเขาเท่านั้น

 

“ลุงสาม ข้าต้องขอตัวก่อนแล้ว ท่านอาจารย์มีสอนในตอนบ่าย” หลี่หยวนมองหลีหว่านอย่างระมัดระวังและพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก

 

“ข้ารู้แล้วล่ะ ไปเถอะ”

 

ซูฉินโบกมือและพูดยิ้มๆ

 

ไม่นาน

 

หลังจากที่หลี่หยวนจากไป

 

หลีหว่านก็กะพริบตาและพ่นลมหายใจออกมา “อ่านหนังสือได้ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่รู้ว่าหนังสือพวกนั้นมีอะไรดี” 

 

“เอาล่ะ”

 

“ลุงสาม ตอนนี้ข้ากําลังฝึกเคล็ดวิชาหนึ่งอยู่ แต่ทํายังไงก็เริ่มฝึกฝนไม่ได้สักที”

 

ทันทีที่หลีหว่านพูดกับซูฉิน ใบหน้านางก็แสดงความทุกข์ใจออกมา

 

ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่นางเรียนเคล็ดบ่มเพาะตามที่ซูฉินบอกนางก็ไม่พบอุปสรรคในการฝึกวิชาอีกเมื่อโคจรกําลังภายใน

 

ดังนั้นตอนนี้หลีหว่านจึงไว้วางใจซูฉินเป็นอย่างมาก

 

“แสดงให้ข้าได้ดู”

 

ซูฉินได้ยินแบบนั้นก็พูดออกมาอย่างสบายๆ

 

หลีหว่านมีพรสวรรค์ที่ดีในด้านวิชายุทธ เรื่องติดขัดทั่วๆ ไปนางย่อมสามารถเข้าใจได้หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งเฉพาะปัญหาที่คิดไม่ตกจริงๆ เท่านั้นถึงจะมาถามซูฉิน 

 

และซูฉินก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะต้องช่วยเหลือ

 

สําหรับเขา การให้คําแนะนําหลีหว่านก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากคําพูดไม่กี่คํา

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

ดวงตาของหลีหว่านก็สว่างวาบ ฝีเท้าของนางเริ่มเคลื่อนไหวไปทีละขั้นตอน ร่างกายเริ่มวูบไหว

 

“ลุงสาม ข้าทําได้แล้ว”

 

ใบหน้าหลีหว่านมีความสุขอย่างมาก

 

นางคิดวิธีการฝึกท่าร่างนี้มาครึ่งเดือนแล้วและไม่สามารถทําอะไรได้ อย่างไรก็ตามด้วยการแนะนําของซูฉิน นางก็เข้าใจแจ่มแจ้ง นางจะไม่มีความสุขได้อย่างไร

 

“ลุงสาม ข้ารู้สึกว่าท่านนี่เก่งกว่าท่านกงกงข้างกายจักรพรรดิเสียอีก…” หลีหว่านพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์

 

ซูฉินเพียงยิ้มเมื่อได้ฟังคํา แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป 

 

ภายในโถงชีวิตนิรันดร์

 

จักรพรรดิถังดูตื่นเต้นยิ่ง

 

เนื่องจากเขาสั่งระดมกําลังพลเพื่อหวังพิชิตอาณาเขตของราชาหัวเมืองทั้งสิบเมื่อไม่นานมานี้ และผลลัพธ์ก็ออกมาดีเยี่ยม ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี

 

หลังจากสูญเสียผู้นํา ดินแดนอิสระเหล่านี้ก็เผชิญความเสี่ยงที่จะโดนบุกจากกองทัพถัง

 

ในช่วงเวลาอันสั้น สี่อาณาเขตของราชาหัวเมืองได้กลับคืนสู่อาณาจักรถังอีกครั้ง และแม้ว่าจะเหลืออีกหกอาณาเขตแต่พวกนั้นก็แทบจะต้านทานไว้ไม่ไหวแล้ว

 

“วันนี้ฝ่าบาททรงสําราญพระทัยหรือ?”

 

ฮองเฮาซูเยวหยุนแย้มยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของจักรพรรดิถัง 

 

“ภัยร้ายในอาณาจักรถังกว่าห้าร้อยปีกําลังจะหายไป ข้าย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา” จักรพรรดิถังหลี่เชิงกล่าวตอบ

 

“ทําไมช่วงนี้ไม่เห็นหว่านเอ๋อเลย?” จักรพรรดิถังถามขึ้นเหมือนมีความคิดบางอย่างในใจ

 

“ หว่านเอ๋อ…”

 

ซุเยว่หยุนยิ้มออกมา “ช่วงนี้นางมักจะไปที่ตําหนักชุนฝั่งขวาเพื่อตามหาพี่สาม…”

 

“พี่สาม…”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงพยักหน้าเล็กน้อย

 

ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงกังวลว่าจะทําให้หลีหว่านออกนอกลู่นอกทาง แต่กับซูฉิน

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงสามารถเชื่อถือได้เสียยิ่งกว่าได้

 

คนอื่นอาจจะเข้าหาหลีหว่านด้วยจุดประสงค์แอบแฝงและมีแรงจูงใจที่จะกระทําเรื่องไม่ดีได้

 

แต่สําหรับซูฉินมันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

 

“ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้าหน่อยหยุนเหนียง…” จักรพรรดิถังหลี่เชิงกล่าวขึ้น ก่อนจะมองไปรอบข้างแล้วไล่ขันที่และนางกํานัลให้ออกไปจากโถงชีวิตนิรันดร์ก่อน จากนั้นจึงพูดด้วยเสียงต่ำ

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ซูเยว่หยุนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

 

“หยุนเหนียง เจ้าเองคุ้นเคยกับวังหลวง แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าวังใดอยู่ทิศใดบ้าง”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้นก็ชี้ไปยังตําแหน่งที่ใกล้กับทิศตะวันออกเฉียงใต้

 

วันที่กองทัพราชาหัวเมืองพ่ายแพ้ไป

 

คนนอกเห็นเพียงแค่แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกจากวัง แต่ตําแหน่งนั้นไม่ชัดเจน พวกเขารู้แค่ว่าแสงศักดิ์สิทธิ์มาจากส่วนลึกของวังหลวง

 

แต่หลี่เชิงนั้นต่างออกไป

 

ในเวลานั้นตัวเขาเองก็อยู่ในวัง เขาอยู่ใกล้พอที่จะระบุได้ชัดเจนว่าแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นเหมือนจะมาจากทางส่วนลึกของทิศตะวันออกเฉียงใต้

 

“ที่นั่น…”

 

แม้ว่าซูเยว่หยุนจะไม่ทราบว่าจักรพรรดิถังต้องการทําอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็ตอบออกไปตามจริงว่า “มีวังในทิศทางนั้นหลายแห่ง อย่าง โถงฉงเหวิน พระราชวังอี๋ชุน โถงอู่เต๋อ พระราชวังเฟิ่งหวา…”

 

ซูเยว่หยุนเอ่ยชื่ออาคารหลายสิบแห่งติดต่อกันและท้ายที่สุดก็กล่าวว่า “และพระราชวังตะวันออกที่พวกเราเคยอาศัยก็อยู่ในทิศทางนั้นเช่นเดียวกัน ”

 

“เข้าใจแล้ว”

 

หลี่เชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง จดจําชื่อพระราชวังทั้งหมดไว้ในใจก่อนจะพยักหน้าตอบรับ

 

“ในอนาคตหากมีนางกํานัลขันที่สัญจรผ่านหรือเข้าไปทําความสะอาดบริเวณนั้น ให้พวกเขาใส่ใจและสุภาพนอบน้อมกับทุกคนที่พวกเขาได้พบ…”

 

หลีเชิงกล่าวเตือน

 

แม้เขาจะไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ซ่อนตัวอยู่ในวัง แต่ผู้นั้นก็พยายามช่วยเหลืออาณาจักรถังไว้หลายครั้งหลายครา

 

แต่เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ต้องการปรากฏตัว หลีเชิงจึงทําได้เพียงไม่ให้ขันที่และนางกํานัลไปรบกวนอีกฝ่ายเกินไป

 

ตําหนักขุนฝั่งขวา

 

แน่นอนว่าซูฉินไม่ได้ทราบความที่จักรพรรดิถังหลี่เชิงได้ขอให้ขันที่นางกํานัลใส่ใจให้ความสุภาพ พอหลังจากเขาให้คําแนะนําแก่หลีหว่านไปเรียบร้อย เขาก็ค่อยๆ เดินเตร่อยู่ในวัง

 

“เวลาผ่านไปรวดเร็วนัก”

 

ซูฉินเดินทอดน่องไม่เร่งรีบ บางครั้งก็พบกองทหารลาดตระเวนไปมา แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้เห็นซูฉิน

 

“วันนี้จะลงชื่อเข้าใช้ที่ไหนดีนะ?”

 

ความคิดของซูฉินเปลี่ยนผันไปมา

 

ถ้าอยู่ในวัดเส้าหลินคงจะมีสถานที่แค่สองแห่ง คือ ศาลาพระคัมภีร์กับลานโพธิ์ เพียงแค่สุ่มเลือกหนึ่งในนั้นมาสักแห่ง

 

แต่ภายในวังหลวง มีสถานที่มากกว่าสิบแห่งที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ำได้

 

“แท่นบูชาเทพธรณีฯ”

 

ซูฉินตัดสินใจออกมา

 

ในช่วงหลายปีที่อยู่ในวังหลวง ซูฉินได้ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าแท่นบูชาเทพธรณีฯ ไม่รู้ว่ามีหยดน้ำหรือผลไม้จิตวิญญาณมากมายเพียงใดที่ได้มา เขาค่อนข้างมีความประทับใจต่อแท่นบูชาเทพธรณีฯ แห่งนี้

 

ไม่นานนัก

 

ซูฉินก็มาถึงแท่นบูชาเทพธรณีฯ

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

ซูฉินกล่าวคําอยู่ภายในใจเงียบๆ

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับ “โอสถไทหยวน” ]

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 147 เข้าสู่ระบบ! โอสถไทหยวน!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 147 เข้าสู่ระบบ! โอสถไทหยวน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 147 เข้าสู่ระบบ! โอสถไทหยวน!

 

วังหลวง

 

ตําหนักชุนฝั่งขวา

 

เด็กน้อยสองคน หลี่หยวนและหลีหว่านกําลังยืนอยู่ด้านหน้าของซูฉิน

 

“ลุงสาม ดูนี่สิ ข้าพาเขามาที่นี่แล้ว…” หลีหว่านเหลือบมองมาที่หลีหยวนแล้วพูดกับซูฉินอย่างเอาหน้า

 

“ลุงสาม…พี่สาว พี่สาวรังแกข้า…”

 

ในที่สุดหลี่หยวนก็รวบรวมความกล้าในการพูดออกมา

 

รู้หรือไม่ว่าเวลาปกติเขาไม่มีแม้แต่ความกล้าจะพูดคุยกับซูฉิน เห็นได้ชัดว่าหลีหว่านกดดันเขาจนกังวลใจมากๆ ในตอนนี้

 

“ข้ารังแกเจ้างั้นหรือ?”

 

“ข้าไปรังแกเจ้าอย่างไร?”

 

หลีหว่านจ้องไปที่หลี่หยวนอย่างดุดัน

 

แม้ว่านางและหลี่หยวนจะเกิดพร้อมกัน แต่จักรพรรดิถังหลี่เชิงและฮองเฮาซูเยว่หยุนก็ถือว่าหลี่หยวนเป็นน้องชาย

 

ความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ผิดอะไร

 

ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องของบุคลิกภาพหรือในแง่มุมต่างๆ หลี่หยวนมีพัฒนาการช้ากว่า และหลีหว่านก็มักจะเป็นพี่สาวขี้แกล้ง

 

“พี่สาวของเจ้าสามารถรังแกเจ้าได้เพราะนางฝึกวิทยายุทธ เจ้าอยากฝึกวิทยายุทธด้วยไหมเล่า” ซูฉินเหลือบมองไปทางหลี่หยวนและพูดอย่างเป็นกันเอง

 

แม้ว่าพรสวรรค์ในเชิงยุทธของหลี่หยวนจะด้อยกว่าหลีหว่านมาก แต่ในฐานะองค์ชายก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรถ้าฝึกวิทยายุทธไว้ป้องกันตัวเสียหน่อย

 

“ฝึกวิทยายุทธ?”

 

จิตใจของหลี่หยวนสั่นสะท้าน จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและพูดว่า “ช่างมันเถอะ ข้าไม่ได้ชอบวิทยายุทธ ตอนนี้คงจะดีกว่าถ้าข้าศึกษาตําราความรู้”

 

หลี่หยวนเคยลองฝึกวิทยายุทธมานานแล้ว แต่เขาไม่สนใจในวิทยายุทธเลย มีกงกงชุดแดงหลายคนช่วยเขาในการฝึกเดินลมปราณ แต่พอผ่านไปได้ครึ่งทาง หลี่หยวนก็มักจะผล็อยหลับไป…

 

สําหรับหลี่หยวน วิทยายุทธเป็นสิ่งที่น่าเบื่ออย่างยิ่ง 

 

“ตามนั้น”

 

ซูฉินเห็นว่าหลี่หยวนไม่ได้สนใจในวิทยายุทธ ดังนั้นเขาจึงไม่พูดถึงมันอีก

 

บางที่สําหรับคนธรรมดา วิทยายุทธอาจจะเป็นทางออกเดียว แค่ฝึกวิทยายุทธเจ้าก็จะกลายเป็นคนที่โดดเด่น แต่ในสายตาขององค์ชายอย่างหลี่หยวน วิทยายุทธเป็นเพียงทางเลือกของเขาเท่านั้น

 

“ลุงสาม ข้าต้องขอตัวก่อนแล้ว ท่านอาจารย์มีสอนในตอนบ่าย” หลี่หยวนมองหลีหว่านอย่างระมัดระวังและพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก

 

“ข้ารู้แล้วล่ะ ไปเถอะ”

 

ซูฉินโบกมือและพูดยิ้มๆ

 

ไม่นาน

 

หลังจากที่หลี่หยวนจากไป

 

หลีหว่านก็กะพริบตาและพ่นลมหายใจออกมา “อ่านหนังสือได้ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่รู้ว่าหนังสือพวกนั้นมีอะไรดี” 

 

“เอาล่ะ”

 

“ลุงสาม ตอนนี้ข้ากําลังฝึกเคล็ดวิชาหนึ่งอยู่ แต่ทํายังไงก็เริ่มฝึกฝนไม่ได้สักที”

 

ทันทีที่หลีหว่านพูดกับซูฉิน ใบหน้านางก็แสดงความทุกข์ใจออกมา

 

ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่นางเรียนเคล็ดบ่มเพาะตามที่ซูฉินบอกนางก็ไม่พบอุปสรรคในการฝึกวิชาอีกเมื่อโคจรกําลังภายใน

 

ดังนั้นตอนนี้หลีหว่านจึงไว้วางใจซูฉินเป็นอย่างมาก

 

“แสดงให้ข้าได้ดู”

 

ซูฉินได้ยินแบบนั้นก็พูดออกมาอย่างสบายๆ

 

หลีหว่านมีพรสวรรค์ที่ดีในด้านวิชายุทธ เรื่องติดขัดทั่วๆ ไปนางย่อมสามารถเข้าใจได้หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งเฉพาะปัญหาที่คิดไม่ตกจริงๆ เท่านั้นถึงจะมาถามซูฉิน 

 

และซูฉินก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะต้องช่วยเหลือ

 

สําหรับเขา การให้คําแนะนําหลีหว่านก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากคําพูดไม่กี่คํา

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

ดวงตาของหลีหว่านก็สว่างวาบ ฝีเท้าของนางเริ่มเคลื่อนไหวไปทีละขั้นตอน ร่างกายเริ่มวูบไหว

 

“ลุงสาม ข้าทําได้แล้ว”

 

ใบหน้าหลีหว่านมีความสุขอย่างมาก

 

นางคิดวิธีการฝึกท่าร่างนี้มาครึ่งเดือนแล้วและไม่สามารถทําอะไรได้ อย่างไรก็ตามด้วยการแนะนําของซูฉิน นางก็เข้าใจแจ่มแจ้ง นางจะไม่มีความสุขได้อย่างไร

 

“ลุงสาม ข้ารู้สึกว่าท่านนี่เก่งกว่าท่านกงกงข้างกายจักรพรรดิเสียอีก…” หลีหว่านพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์

 

ซูฉินเพียงยิ้มเมื่อได้ฟังคํา แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป 

 

ภายในโถงชีวิตนิรันดร์

 

จักรพรรดิถังดูตื่นเต้นยิ่ง

 

เนื่องจากเขาสั่งระดมกําลังพลเพื่อหวังพิชิตอาณาเขตของราชาหัวเมืองทั้งสิบเมื่อไม่นานมานี้ และผลลัพธ์ก็ออกมาดีเยี่ยม ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี

 

หลังจากสูญเสียผู้นํา ดินแดนอิสระเหล่านี้ก็เผชิญความเสี่ยงที่จะโดนบุกจากกองทัพถัง

 

ในช่วงเวลาอันสั้น สี่อาณาเขตของราชาหัวเมืองได้กลับคืนสู่อาณาจักรถังอีกครั้ง และแม้ว่าจะเหลืออีกหกอาณาเขตแต่พวกนั้นก็แทบจะต้านทานไว้ไม่ไหวแล้ว

 

“วันนี้ฝ่าบาททรงสําราญพระทัยหรือ?”

 

ฮองเฮาซูเยวหยุนแย้มยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของจักรพรรดิถัง 

 

“ภัยร้ายในอาณาจักรถังกว่าห้าร้อยปีกําลังจะหายไป ข้าย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา” จักรพรรดิถังหลี่เชิงกล่าวตอบ

 

“ทําไมช่วงนี้ไม่เห็นหว่านเอ๋อเลย?” จักรพรรดิถังถามขึ้นเหมือนมีความคิดบางอย่างในใจ

 

“ หว่านเอ๋อ…”

 

ซุเยว่หยุนยิ้มออกมา “ช่วงนี้นางมักจะไปที่ตําหนักชุนฝั่งขวาเพื่อตามหาพี่สาม…”

 

“พี่สาม…”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงพยักหน้าเล็กน้อย

 

ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงกังวลว่าจะทําให้หลีหว่านออกนอกลู่นอกทาง แต่กับซูฉิน

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงสามารถเชื่อถือได้เสียยิ่งกว่าได้

 

คนอื่นอาจจะเข้าหาหลีหว่านด้วยจุดประสงค์แอบแฝงและมีแรงจูงใจที่จะกระทําเรื่องไม่ดีได้

 

แต่สําหรับซูฉินมันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

 

“ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้าหน่อยหยุนเหนียง…” จักรพรรดิถังหลี่เชิงกล่าวขึ้น ก่อนจะมองไปรอบข้างแล้วไล่ขันที่และนางกํานัลให้ออกไปจากโถงชีวิตนิรันดร์ก่อน จากนั้นจึงพูดด้วยเสียงต่ำ

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ซูเยว่หยุนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

 

“หยุนเหนียง เจ้าเองคุ้นเคยกับวังหลวง แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าวังใดอยู่ทิศใดบ้าง”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้นก็ชี้ไปยังตําแหน่งที่ใกล้กับทิศตะวันออกเฉียงใต้

 

วันที่กองทัพราชาหัวเมืองพ่ายแพ้ไป

 

คนนอกเห็นเพียงแค่แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกจากวัง แต่ตําแหน่งนั้นไม่ชัดเจน พวกเขารู้แค่ว่าแสงศักดิ์สิทธิ์มาจากส่วนลึกของวังหลวง

 

แต่หลี่เชิงนั้นต่างออกไป

 

ในเวลานั้นตัวเขาเองก็อยู่ในวัง เขาอยู่ใกล้พอที่จะระบุได้ชัดเจนว่าแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นเหมือนจะมาจากทางส่วนลึกของทิศตะวันออกเฉียงใต้

 

“ที่นั่น…”

 

แม้ว่าซูเยว่หยุนจะไม่ทราบว่าจักรพรรดิถังต้องการทําอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็ตอบออกไปตามจริงว่า “มีวังในทิศทางนั้นหลายแห่ง อย่าง โถงฉงเหวิน พระราชวังอี๋ชุน โถงอู่เต๋อ พระราชวังเฟิ่งหวา…”

 

ซูเยว่หยุนเอ่ยชื่ออาคารหลายสิบแห่งติดต่อกันและท้ายที่สุดก็กล่าวว่า “และพระราชวังตะวันออกที่พวกเราเคยอาศัยก็อยู่ในทิศทางนั้นเช่นเดียวกัน ”

 

“เข้าใจแล้ว”

 

หลี่เชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง จดจําชื่อพระราชวังทั้งหมดไว้ในใจก่อนจะพยักหน้าตอบรับ

 

“ในอนาคตหากมีนางกํานัลขันที่สัญจรผ่านหรือเข้าไปทําความสะอาดบริเวณนั้น ให้พวกเขาใส่ใจและสุภาพนอบน้อมกับทุกคนที่พวกเขาได้พบ…”

 

หลีเชิงกล่าวเตือน

 

แม้เขาจะไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ซ่อนตัวอยู่ในวัง แต่ผู้นั้นก็พยายามช่วยเหลืออาณาจักรถังไว้หลายครั้งหลายครา

 

แต่เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ต้องการปรากฏตัว หลีเชิงจึงทําได้เพียงไม่ให้ขันที่และนางกํานัลไปรบกวนอีกฝ่ายเกินไป

 

ตําหนักขุนฝั่งขวา

 

แน่นอนว่าซูฉินไม่ได้ทราบความที่จักรพรรดิถังหลี่เชิงได้ขอให้ขันที่นางกํานัลใส่ใจให้ความสุภาพ พอหลังจากเขาให้คําแนะนําแก่หลีหว่านไปเรียบร้อย เขาก็ค่อยๆ เดินเตร่อยู่ในวัง

 

“เวลาผ่านไปรวดเร็วนัก”

 

ซูฉินเดินทอดน่องไม่เร่งรีบ บางครั้งก็พบกองทหารลาดตระเวนไปมา แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้เห็นซูฉิน

 

“วันนี้จะลงชื่อเข้าใช้ที่ไหนดีนะ?”

 

ความคิดของซูฉินเปลี่ยนผันไปมา

 

ถ้าอยู่ในวัดเส้าหลินคงจะมีสถานที่แค่สองแห่ง คือ ศาลาพระคัมภีร์กับลานโพธิ์ เพียงแค่สุ่มเลือกหนึ่งในนั้นมาสักแห่ง

 

แต่ภายในวังหลวง มีสถานที่มากกว่าสิบแห่งที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ำได้

 

“แท่นบูชาเทพธรณีฯ”

 

ซูฉินตัดสินใจออกมา

 

ในช่วงหลายปีที่อยู่ในวังหลวง ซูฉินได้ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าแท่นบูชาเทพธรณีฯ ไม่รู้ว่ามีหยดน้ำหรือผลไม้จิตวิญญาณมากมายเพียงใดที่ได้มา เขาค่อนข้างมีความประทับใจต่อแท่นบูชาเทพธรณีฯ แห่งนี้

 

ไม่นานนัก

 

ซูฉินก็มาถึงแท่นบูชาเทพธรณีฯ

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

ซูฉินกล่าวคําอยู่ภายในใจเงียบๆ

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับ “โอสถไทหยวน” ]

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+