เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 150 กับดัก

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 150 กับดัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 150 กับดัก

“ยอมจํานนต่ออาณาจักรถัง?”

ท่าที่ของบุตรชายคนโตของราชาหัวเมืองคนอื่นๆก็เปลี่ยนไป

ในตอนนี้ เรื่องที่อาณาจักรถังเตรียมกวาดล้างอาณาเขตทั้งสิบแห่งกระจายไปทั่วแล้ว แทนที่จะรอการบุกโจมตี ยอมจํานนเสียดีกว่า อย่างน้อยยังพอรักษาความรุ่งเรืองในอดีตสักครึ่งหนึ่งได้ก็ยังดี?

ในขณะที่หัวใจของเหล่าบุตรชายราชาหัวเมืองกําลังสั่นสะท้านกับความคิดนั้น

จู่ๆก็มีเสียงที่เย็นชาดังขึ้นมา

“ยอมจํานน?”

“คนอื่นอาจจะรอดไปได้หากพวกเขายอมจํานน”

“แต่พวกเจ้าในฐานะทายาทของราชาหัวเมือง คงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

เห็นเป็นชายคนหนึ่งสวมชุดสีขาวมีรอยสีแดงเลือดจางๆที่หน้าผาก ค่อยๆเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ

“เจ้าคือ?!”

สีหน้าของเหล่าบุตรชายคนโตของราชาหัวเมืองเปลี่ยนไปอย่างมาก

“เจ้าคือคนของสํานักสังหารโลหิตหรือ?”

มีเพียงบุตรชายของราชาชวอฟางเท่านั้นที่กล่าวออกมาด้วยเสียงเคร่งขรึม

“สํานักสังหารโลหิต?”

บุตรชายของราชาหัวเมืองที่เหลือต่างชําเลืองมองหน้ากัน ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นน่าเกลียด

ถ้าไม่ใช่เพราะสํานักสังหารโลหิตมายุยงส่งเสริม ราชาหัวเมืองทั้งสิบก็คงไม่มีความกล้าที่จะก่อกบฏ

ถ้าไม่มีการกบฏก็จะไม่มีวันนี้

ปัจจัยส่วนใหญ่ที่ทําให้พวกเขาตกอับถึงขนาดนี้ก็มาจากสํานักสังหารโลหิต

“ไม่เลว”

ท่ามกลางสายตาของเหล่าบุตรชายของราชาหัวเมือง ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงกลางหน้าผากก็ยอมรับออกมาตรงๆ

“ที่เจ้าเพิ่งพูดมามันหมายความว่าอย่างไร” บุตรชายคนโตของราชาชวอฟางขมวดคิวจ้องไปที่ชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผาก

“หมายความเช่นไร?”

ชายที่หน้าผากมีรอยสีเลือดยิ้มเยาะเย้ย “เจ้าเดาไม่ออกหรือไร?”

“ในเมื่อมีการก่อกบฏเกิดขึ้นแล้ว ตระกูลใหญ่ทั้งเก้าย่อมเข้ามายุ่งเกี่ยว จักรพรรดิถังจะไม่สังหารทุกคนเพื่อที่จะยึดครองอาณาเขตให้สําเร็จ แต่ในฐานะที่เป็นทายาทของราชาหัวเมือง พวกเจ้าคิดว่าตนเองจะรอดตัวกันหรือ?”

เมื่อชายที่มีเครื่องหมายสีแดงบนหน้าผากกล่าวขึ้น ร่องรอยของการดูหมิ่นก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าตามมา

แม้แต่คนนอกก็ยังมองออกว่าทุกคนคงจะมีทางให้ลง แต่ไม่ใช่กับบุตรชายของเหล่าราชาหัวเมือง

อย่างดีที่สุดก็คงต้องถูกบังคับให้ดื่มเหล้าผสมพิษสักหนึ่งแก้ว

คําพูดของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีเลือดทําให้เหล่าบุตรชายของราชาหัวเมืองส่งเสียงร้องลั่น มือและเท้าเย็นเยียบ

“เอาชนะก็ไม่ได้ ขนาดการยอมจํานนก็ไม่ใช่ทางออกที่จะกระทํา”

“แล้วตอนนี้เราควรทําเช่นไรดี?”

คําพูดของบุตรชายราชาฟานหยางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

พวกเขาคิดจะหนี แต่ในโลกนี้พวกเขาจะหนีไปไหนได้

บางที ทันทีที่เขาออกจากอาณาเขตตัวเอง ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาอาจจะลอบตัดหัวตนถวายแด่องค์จักรพรรดิถังก็เป็นได้

“ในเมื่อเจ้ามาหาเรา มันคงจะมีทางออกสินะ?”

บุตรชายของราชาชวอฟางจ้องตรงไปที่ชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผาก จากนั้นจึงพูดด้วยน้ําเสียงที่ดูลึกล้ํา

“ฮ่าฮ่า

เมื่อได้ยินคํากล่าวนั้น ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “การกบฏครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทําให้อาณาเขตทั้งสิบของราชาหัวเมืองต้องสูญเสียอย่างหนัก แต่พวกเราสํานักสังหารโลหิตก็สูญเสียไปไม่น้อย”

เพื่อสนับสนุนการก่อกบฏของราชาหัวเมืองทั้งสิบ เขาได้ส่งผู้อาวุโสระดับสูงของสํานักออกมาสามคน แต่กลับถูกฝังกลบตกตายไปพร้อมกับราชาหัวเมืองด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์นั้น

การสูญเสียเช่นนี้ แม้แต่องค์กรขนาดใหญ่อย่างสํานักสังหารโลหิตที่มีตํานานยุทธอยู่ก็ต้องเจ็บปวดชอกช้ํา

และสิ่งที่สําคัญที่สุด ไม่ช้าก็เร็วอาณาจักรถังจะรู้ว่าทั้งหมดเป็นกลอุบายของสํานักสังหารโลหิต

เมื่อถึงตอนนั้นอาณาจักรถังจะต้องตอบโต้กลับมาอย่างแน่นอน

หากเป็นอาณาจักรอื่น พวกเขาอาจจะเกรงกลัวตํานานยุทธที่เคยอยู่ในสํานักสังหารโลหิตเมื่อสองร้อยปีก่อนและไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไร

แต่ตอนนี้พระราชวังถังมีตํานานยุทธอยู่ จึงไม่จําเป็นต้องกังวล

ดังนั้นชายที่มีรอยสีแดงบนหน้าผากจึงไม่อาจหยุดมือได้ ต้องออกมาเพื่อต่อสู้กันเป็นครั้งสุดท้าย

“วิธีแก้ปัญหานั้นง่ายมาก”

“แค่พวกเจ้ายอมจํานน

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเหลือบมองเหล่าบุตรชายของราชาหัวเมืองและกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา

“ยอมจํานน…”

บุตรชายคนโตของราชาหัวเมืองมองหน้ากัน ต่างเต็มไปด้วยความสงสัย

ในตอนแรกชายคนนี้บอกพวกเขาว่าจะต้องตายแน่ๆหากยอมจํานน แต่ตอนนี้กลับบอกให้พวกเขายอมจํานน

“ข้าจะให้พวกเจ้ายอมจํานน แน่นอนว่ามันจะเป็นการยอมจํานนปลอมๆ”

“ข้าจะแทนที่หนึ่งในพวกเจ้าและไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิถังด้วยกัน”

“จากนั้นข้าจะลงมือสังหารจักรพรรดิถังด้วยน้ํามือของข้าเอง”

“เมื่อจักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์ อาณาจักรถังย่อมตกอยู่ในความโกลาหลอย่างมิอาจเลี่ยง คงไม่มีเวลามาดูแลอาณาเขตหัวเมือง”

ชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผากกล่าวคําช้าๆ

“ลอบสังหารจักรพรรดิถัง”

ใบหน้าของบุตรชายของราชาชวอฟางเปลี่ยนไป “ในพระราชวังถึงมีตํานานยุทธคอยดูแลอยู่ เจ้าจะลอบสังหารจักรพรรดิถังภายใต้สายตาของเขาได้อย่างไร?”

บุตรชายของราชาหัวเมืองต่างก็มองไปที่ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดง

แผนของชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผาก ดูเหมือนจะไม่มีปัญหา แต่ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ที่จะกระทํา

“ตํานานยุทธ?”

“สํานักสังหารโลหิตของข้าก็เคยมีตํานานยุทธมาก่อนไม่ใช่หรือ?”

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล วิธีการลองสังหารของสํานักสังหารโลหิตไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะจินตนาการได้”

“เยี่ยม”

“งั้นก็จงทําตามนั้น!”

เมื่อได้ฟังดังนั้น บุตรชายของราชาชวอฟางก็กัดฟันพร้อมกับกล่าวคําว่าเห็นด้วย

เช่นเดียวกับที่ชายชุดขาวหน้าผากแดงกล่าว พวกเขาในฐานะบุตรชายของราชาหัวเมือง ไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย

ภายในพระราชวังถัง

ซูฉินกําลังเดินเตร็ดเตร่เรื่อยเปื่อย

ในทุกวันนี้ นอกเหนือจากการฝึกฝนบ่มเพาะแล้ว เขายังให้คําแนะนําแก่หลีหว่านบ้างเป็นบางครั้งบางคราว

สาวน้อยคนนี้มีพรสวรรค์ที่ดี แม้จะไม่ได้ดีเท่าคนที่มีดวงใจพุทธะอย่างเฉียนขู่แห่งวัดเส้าหลิน แต่ความสําเร็จในอนาคตของนางก็ไม่ควรต่ําตม อย่างน้อยด้วยการแนะนําของซูฉินนางย่อมขึ้นไปถึงระดับชั้นที่หนึ่งได้อย่างไม่มีปัญหา

ส่วนนางจะสามารถไปได้ไกลกว่านี้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคของตัวนางเอง

“ก่อนหน้านี้ข้าได้ลงชื่อเข้าใช้ที่แท่นบูชาเทพธรณีฯ แต่ไม่มี “โอสถไทหยวน” ให้เห็นอีกเลย…”

ความคิดของซูฉินเปลี่ยนสลับไปมาอยู่ในหัว

อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะไม่ได้รับ โอสถไทหยวนเม็ดที่สอง ซูฉินก็ไม่ได้รีบร้อน

เขามีเวลาอีกมาก ถ้าเขาไม่สามารถลงชื่อได้รับมาในอีกหนึ่งปี ก็ยังมีอีกสิบปี ไม่ได้ภายในสิบปีก็ยังมีเวลาอีกร้อยปี

แม้ว่าในตอนนั้นซูฉินจะยังไม่ถึงขอบเขตยอดอรหันต์ แต่ก็คงอีกไม่ไกลแล้ว เมื่ออายุขัยเพิ่มขึ้นอีกครั้งเขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก

ในเวลาเดียวกัน

ท้องพระโรงตําหนักไท่จี้

“ฝ่าบาท มีข่าวคราวมาจากอาณาเขตหัวเมือง ทายาทของห้าอาณาเขตที่เหลือเต็มใจยอมจํานนแล้ว และบุตรชายคนโตของราชาหัวเมืองกําลังเดินทางกลับมายังฉางอัน”

“ยอดเยี่ยมยิ่ง!” ใบหน้าของจักรพรรดิถังหลี่เชิงแสดงออกถึงความปีติยินดี

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นอีกครึ่งเดือน

บุตรชายของราชาหัวเมืองก็ถูกพาตัวกลับมาฉางอันด้วยความราบรื่น

“ฝ่าบาท ทายาทราชาหัวเมืองต้องการเข้าเฝ้าพระองค์ บอกว่ามีเรื่องสําคัญจะกราบทูล”

ขันที่เข้ามากระซิบบอกองค์จักรพรรดิถัง

“เข้าเฝ้าข้า?”

จักรพรรดิถังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตรัสว่า “พา- พวกเขาเข้ามา”

ไม่นาน

บุตรชายคนโตของราชาหัวเมืองทั้งห้าค่อยๆ เข้ามาภายในพระราชวังโดยมีขันที่นําทางเข้ามา และในที่สุดก็หยุดอยู่ด้านนอกโถงชีวิตนิรันดร์

ขันทีผู้นั้นเดินนําหน้าเข้ามาก่อน จากนั้นจึงเชิญให้บุตรชายของราชาหัวเมืองตามเข้ามา

“เจ้ามีเรื่องอันใดจะกล่าวกับข้าหรือ?” จักรพรรดิถังนั่งบนบัลลังก์มังกรและมองดูทายาททั้งห้าของราชาหัวเมืองที่สวมใส่ชุดนักโทษอยู่

“ฝ่าบาท

“นักโทษอย่างพวกข้ามีเรื่องสําคัญที่จะต้องรายงาน เกี่ยวข้องกับสํานักสังหารโลหิต” บุตรชายของราชาฟานหยางก้าวเท้าออกไปด้านหน้า ต้องการจะกล่าวคําให้ชัดเจนขึ้น

“สํานักสังหารโลหิต?”

จักรพรรดิถังตกใจ กําลังจะเริ่มตั้งใจฟัง

ในฉับพลัน

ตอนนั้นเองบุตรชายของราชาฟานหยางก็กลายเป็นเงาสีแดงเลือดพุ่งเข้าหาองค์จักรพรรดิถัง

“ตามคาดคิดไว้แล้วว่าจะต้องมาลอบสังหารข้า”

เมื่อเห็นดังนี้ จักรพรรดิถังไม่ได้ตื่นตระหนกเลยราวกับเขาคาดคิดเอาไว้ก่อนแล้ว

เพียงเท่านั้น

ในช่วงเวลาต่อมา

ขันทีชุดแดงมากกว่าสิบคน ได้มายืนอยู่เบื้องหน้าจักรพรรดิถัง รวดเร็วดุจสายฟ้า

ปัง!

เสียงทุ่มต่ําดังขึ้น

ร่างเงาสีเลือดก็กระเด็นลอยออกไป

“ล้มเหลว?”

ร่างเงาสีเลือดกลายเป็นชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด

เขาไม่ได้คิดฝันว่าจักรพรรดิถังจะได้รับการคุ้มกันจากยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเป็นโหลตลอดเวลาเช่นนี้ และพวกเขาตอบสนองว่องไวแทบจะในทันทีที่เขาลงมือ

ตึก ตึก ตึก!

ที่ด้านนอกโถงชีวิตนิรันดร์

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าจํานวนมากและทหารระดับรองแม่ทัพจํานวนมากซึ่งเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเข้ามาล้อมโถงชีวิตนิรันดร์เอาไว้ ขัดขวางไม่ให้ชายที่มีรอยแดงบน หน้าผากหลบหนีไปได้

“มีปัญหาแล้ว”

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดรู้สึกเหมือนตกอยู่ในขุมนรก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 150 กับดัก

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 150 กับดัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 150 กับดัก

“ยอมจํานนต่ออาณาจักรถัง?”

ท่าที่ของบุตรชายคนโตของราชาหัวเมืองคนอื่นๆก็เปลี่ยนไป

ในตอนนี้ เรื่องที่อาณาจักรถังเตรียมกวาดล้างอาณาเขตทั้งสิบแห่งกระจายไปทั่วแล้ว แทนที่จะรอการบุกโจมตี ยอมจํานนเสียดีกว่า อย่างน้อยยังพอรักษาความรุ่งเรืองในอดีตสักครึ่งหนึ่งได้ก็ยังดี?

ในขณะที่หัวใจของเหล่าบุตรชายราชาหัวเมืองกําลังสั่นสะท้านกับความคิดนั้น

จู่ๆก็มีเสียงที่เย็นชาดังขึ้นมา

“ยอมจํานน?”

“คนอื่นอาจจะรอดไปได้หากพวกเขายอมจํานน”

“แต่พวกเจ้าในฐานะทายาทของราชาหัวเมือง คงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

เห็นเป็นชายคนหนึ่งสวมชุดสีขาวมีรอยสีแดงเลือดจางๆที่หน้าผาก ค่อยๆเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ

“เจ้าคือ?!”

สีหน้าของเหล่าบุตรชายคนโตของราชาหัวเมืองเปลี่ยนไปอย่างมาก

“เจ้าคือคนของสํานักสังหารโลหิตหรือ?”

มีเพียงบุตรชายของราชาชวอฟางเท่านั้นที่กล่าวออกมาด้วยเสียงเคร่งขรึม

“สํานักสังหารโลหิต?”

บุตรชายของราชาหัวเมืองที่เหลือต่างชําเลืองมองหน้ากัน ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นน่าเกลียด

ถ้าไม่ใช่เพราะสํานักสังหารโลหิตมายุยงส่งเสริม ราชาหัวเมืองทั้งสิบก็คงไม่มีความกล้าที่จะก่อกบฏ

ถ้าไม่มีการกบฏก็จะไม่มีวันนี้

ปัจจัยส่วนใหญ่ที่ทําให้พวกเขาตกอับถึงขนาดนี้ก็มาจากสํานักสังหารโลหิต

“ไม่เลว”

ท่ามกลางสายตาของเหล่าบุตรชายของราชาหัวเมือง ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงกลางหน้าผากก็ยอมรับออกมาตรงๆ

“ที่เจ้าเพิ่งพูดมามันหมายความว่าอย่างไร” บุตรชายคนโตของราชาชวอฟางขมวดคิวจ้องไปที่ชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผาก

“หมายความเช่นไร?”

ชายที่หน้าผากมีรอยสีเลือดยิ้มเยาะเย้ย “เจ้าเดาไม่ออกหรือไร?”

“ในเมื่อมีการก่อกบฏเกิดขึ้นแล้ว ตระกูลใหญ่ทั้งเก้าย่อมเข้ามายุ่งเกี่ยว จักรพรรดิถังจะไม่สังหารทุกคนเพื่อที่จะยึดครองอาณาเขตให้สําเร็จ แต่ในฐานะที่เป็นทายาทของราชาหัวเมือง พวกเจ้าคิดว่าตนเองจะรอดตัวกันหรือ?”

เมื่อชายที่มีเครื่องหมายสีแดงบนหน้าผากกล่าวขึ้น ร่องรอยของการดูหมิ่นก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าตามมา

แม้แต่คนนอกก็ยังมองออกว่าทุกคนคงจะมีทางให้ลง แต่ไม่ใช่กับบุตรชายของเหล่าราชาหัวเมือง

อย่างดีที่สุดก็คงต้องถูกบังคับให้ดื่มเหล้าผสมพิษสักหนึ่งแก้ว

คําพูดของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีเลือดทําให้เหล่าบุตรชายของราชาหัวเมืองส่งเสียงร้องลั่น มือและเท้าเย็นเยียบ

“เอาชนะก็ไม่ได้ ขนาดการยอมจํานนก็ไม่ใช่ทางออกที่จะกระทํา”

“แล้วตอนนี้เราควรทําเช่นไรดี?”

คําพูดของบุตรชายราชาฟานหยางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

พวกเขาคิดจะหนี แต่ในโลกนี้พวกเขาจะหนีไปไหนได้

บางที ทันทีที่เขาออกจากอาณาเขตตัวเอง ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาอาจจะลอบตัดหัวตนถวายแด่องค์จักรพรรดิถังก็เป็นได้

“ในเมื่อเจ้ามาหาเรา มันคงจะมีทางออกสินะ?”

บุตรชายของราชาชวอฟางจ้องตรงไปที่ชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผาก จากนั้นจึงพูดด้วยน้ําเสียงที่ดูลึกล้ํา

“ฮ่าฮ่า

เมื่อได้ยินคํากล่าวนั้น ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “การกบฏครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทําให้อาณาเขตทั้งสิบของราชาหัวเมืองต้องสูญเสียอย่างหนัก แต่พวกเราสํานักสังหารโลหิตก็สูญเสียไปไม่น้อย”

เพื่อสนับสนุนการก่อกบฏของราชาหัวเมืองทั้งสิบ เขาได้ส่งผู้อาวุโสระดับสูงของสํานักออกมาสามคน แต่กลับถูกฝังกลบตกตายไปพร้อมกับราชาหัวเมืองด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์นั้น

การสูญเสียเช่นนี้ แม้แต่องค์กรขนาดใหญ่อย่างสํานักสังหารโลหิตที่มีตํานานยุทธอยู่ก็ต้องเจ็บปวดชอกช้ํา

และสิ่งที่สําคัญที่สุด ไม่ช้าก็เร็วอาณาจักรถังจะรู้ว่าทั้งหมดเป็นกลอุบายของสํานักสังหารโลหิต

เมื่อถึงตอนนั้นอาณาจักรถังจะต้องตอบโต้กลับมาอย่างแน่นอน

หากเป็นอาณาจักรอื่น พวกเขาอาจจะเกรงกลัวตํานานยุทธที่เคยอยู่ในสํานักสังหารโลหิตเมื่อสองร้อยปีก่อนและไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไร

แต่ตอนนี้พระราชวังถังมีตํานานยุทธอยู่ จึงไม่จําเป็นต้องกังวล

ดังนั้นชายที่มีรอยสีแดงบนหน้าผากจึงไม่อาจหยุดมือได้ ต้องออกมาเพื่อต่อสู้กันเป็นครั้งสุดท้าย

“วิธีแก้ปัญหานั้นง่ายมาก”

“แค่พวกเจ้ายอมจํานน

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเหลือบมองเหล่าบุตรชายของราชาหัวเมืองและกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา

“ยอมจํานน…”

บุตรชายคนโตของราชาหัวเมืองมองหน้ากัน ต่างเต็มไปด้วยความสงสัย

ในตอนแรกชายคนนี้บอกพวกเขาว่าจะต้องตายแน่ๆหากยอมจํานน แต่ตอนนี้กลับบอกให้พวกเขายอมจํานน

“ข้าจะให้พวกเจ้ายอมจํานน แน่นอนว่ามันจะเป็นการยอมจํานนปลอมๆ”

“ข้าจะแทนที่หนึ่งในพวกเจ้าและไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิถังด้วยกัน”

“จากนั้นข้าจะลงมือสังหารจักรพรรดิถังด้วยน้ํามือของข้าเอง”

“เมื่อจักรพรรดิถังสิ้นพระชนม์ อาณาจักรถังย่อมตกอยู่ในความโกลาหลอย่างมิอาจเลี่ยง คงไม่มีเวลามาดูแลอาณาเขตหัวเมือง”

ชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผากกล่าวคําช้าๆ

“ลอบสังหารจักรพรรดิถัง”

ใบหน้าของบุตรชายของราชาชวอฟางเปลี่ยนไป “ในพระราชวังถึงมีตํานานยุทธคอยดูแลอยู่ เจ้าจะลอบสังหารจักรพรรดิถังภายใต้สายตาของเขาได้อย่างไร?”

บุตรชายของราชาหัวเมืองต่างก็มองไปที่ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดง

แผนของชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผาก ดูเหมือนจะไม่มีปัญหา แต่ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ที่จะกระทํา

“ตํานานยุทธ?”

“สํานักสังหารโลหิตของข้าก็เคยมีตํานานยุทธมาก่อนไม่ใช่หรือ?”

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล วิธีการลองสังหารของสํานักสังหารโลหิตไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะจินตนาการได้”

“เยี่ยม”

“งั้นก็จงทําตามนั้น!”

เมื่อได้ฟังดังนั้น บุตรชายของราชาชวอฟางก็กัดฟันพร้อมกับกล่าวคําว่าเห็นด้วย

เช่นเดียวกับที่ชายชุดขาวหน้าผากแดงกล่าว พวกเขาในฐานะบุตรชายของราชาหัวเมือง ไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย

ภายในพระราชวังถัง

ซูฉินกําลังเดินเตร็ดเตร่เรื่อยเปื่อย

ในทุกวันนี้ นอกเหนือจากการฝึกฝนบ่มเพาะแล้ว เขายังให้คําแนะนําแก่หลีหว่านบ้างเป็นบางครั้งบางคราว

สาวน้อยคนนี้มีพรสวรรค์ที่ดี แม้จะไม่ได้ดีเท่าคนที่มีดวงใจพุทธะอย่างเฉียนขู่แห่งวัดเส้าหลิน แต่ความสําเร็จในอนาคตของนางก็ไม่ควรต่ําตม อย่างน้อยด้วยการแนะนําของซูฉินนางย่อมขึ้นไปถึงระดับชั้นที่หนึ่งได้อย่างไม่มีปัญหา

ส่วนนางจะสามารถไปได้ไกลกว่านี้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคของตัวนางเอง

“ก่อนหน้านี้ข้าได้ลงชื่อเข้าใช้ที่แท่นบูชาเทพธรณีฯ แต่ไม่มี “โอสถไทหยวน” ให้เห็นอีกเลย…”

ความคิดของซูฉินเปลี่ยนสลับไปมาอยู่ในหัว

อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะไม่ได้รับ โอสถไทหยวนเม็ดที่สอง ซูฉินก็ไม่ได้รีบร้อน

เขามีเวลาอีกมาก ถ้าเขาไม่สามารถลงชื่อได้รับมาในอีกหนึ่งปี ก็ยังมีอีกสิบปี ไม่ได้ภายในสิบปีก็ยังมีเวลาอีกร้อยปี

แม้ว่าในตอนนั้นซูฉินจะยังไม่ถึงขอบเขตยอดอรหันต์ แต่ก็คงอีกไม่ไกลแล้ว เมื่ออายุขัยเพิ่มขึ้นอีกครั้งเขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก

ในเวลาเดียวกัน

ท้องพระโรงตําหนักไท่จี้

“ฝ่าบาท มีข่าวคราวมาจากอาณาเขตหัวเมือง ทายาทของห้าอาณาเขตที่เหลือเต็มใจยอมจํานนแล้ว และบุตรชายคนโตของราชาหัวเมืองกําลังเดินทางกลับมายังฉางอัน”

“ยอดเยี่ยมยิ่ง!” ใบหน้าของจักรพรรดิถังหลี่เชิงแสดงออกถึงความปีติยินดี

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นอีกครึ่งเดือน

บุตรชายของราชาหัวเมืองก็ถูกพาตัวกลับมาฉางอันด้วยความราบรื่น

“ฝ่าบาท ทายาทราชาหัวเมืองต้องการเข้าเฝ้าพระองค์ บอกว่ามีเรื่องสําคัญจะกราบทูล”

ขันที่เข้ามากระซิบบอกองค์จักรพรรดิถัง

“เข้าเฝ้าข้า?”

จักรพรรดิถังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตรัสว่า “พา- พวกเขาเข้ามา”

ไม่นาน

บุตรชายคนโตของราชาหัวเมืองทั้งห้าค่อยๆ เข้ามาภายในพระราชวังโดยมีขันที่นําทางเข้ามา และในที่สุดก็หยุดอยู่ด้านนอกโถงชีวิตนิรันดร์

ขันทีผู้นั้นเดินนําหน้าเข้ามาก่อน จากนั้นจึงเชิญให้บุตรชายของราชาหัวเมืองตามเข้ามา

“เจ้ามีเรื่องอันใดจะกล่าวกับข้าหรือ?” จักรพรรดิถังนั่งบนบัลลังก์มังกรและมองดูทายาททั้งห้าของราชาหัวเมืองที่สวมใส่ชุดนักโทษอยู่

“ฝ่าบาท

“นักโทษอย่างพวกข้ามีเรื่องสําคัญที่จะต้องรายงาน เกี่ยวข้องกับสํานักสังหารโลหิต” บุตรชายของราชาฟานหยางก้าวเท้าออกไปด้านหน้า ต้องการจะกล่าวคําให้ชัดเจนขึ้น

“สํานักสังหารโลหิต?”

จักรพรรดิถังตกใจ กําลังจะเริ่มตั้งใจฟัง

ในฉับพลัน

ตอนนั้นเองบุตรชายของราชาฟานหยางก็กลายเป็นเงาสีแดงเลือดพุ่งเข้าหาองค์จักรพรรดิถัง

“ตามคาดคิดไว้แล้วว่าจะต้องมาลอบสังหารข้า”

เมื่อเห็นดังนี้ จักรพรรดิถังไม่ได้ตื่นตระหนกเลยราวกับเขาคาดคิดเอาไว้ก่อนแล้ว

เพียงเท่านั้น

ในช่วงเวลาต่อมา

ขันทีชุดแดงมากกว่าสิบคน ได้มายืนอยู่เบื้องหน้าจักรพรรดิถัง รวดเร็วดุจสายฟ้า

ปัง!

เสียงทุ่มต่ําดังขึ้น

ร่างเงาสีเลือดก็กระเด็นลอยออกไป

“ล้มเหลว?”

ร่างเงาสีเลือดกลายเป็นชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด

เขาไม่ได้คิดฝันว่าจักรพรรดิถังจะได้รับการคุ้มกันจากยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเป็นโหลตลอดเวลาเช่นนี้ และพวกเขาตอบสนองว่องไวแทบจะในทันทีที่เขาลงมือ

ตึก ตึก ตึก!

ที่ด้านนอกโถงชีวิตนิรันดร์

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าจํานวนมากและทหารระดับรองแม่ทัพจํานวนมากซึ่งเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเข้ามาล้อมโถงชีวิตนิรันดร์เอาไว้ ขัดขวางไม่ให้ชายที่มีรอยแดงบน หน้าผากหลบหนีไปได้

“มีปัญหาแล้ว”

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดรู้สึกเหมือนตกอยู่ในขุมนรก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+