เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 152 ตํานานยุทธสังหารโลหิต

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 152 ตํานานยุทธสังหารโลหิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 152 ตํานานยุทธสังหารโลหิต

 

ภายในตําหนักชุนฝั่งขวา

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดกวาดตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีการซุ่มโจมตี เขาก็เปลี่ยนเป้าหมายมามองชายที่นั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้า

 

“เขาคือซูฉินงั้นรึ?”

 

ชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผากไม่ได้ลงมือในทันที เพราะเขาไม่รู้สึกถึงความผันผวนจากกําลังภายในของซูฉินเลย อีกฝ่ายเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้เรียนรู้วิทยายุทธ 

 

ต่อหน้าคนธรรมดา แม้ว่าชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเพิ่งจะใช้ทักษะลับต้องห้ามจนบอบช้ําภายในอย่างรุนแรง เขาก็ไม่คิดว่ามันจะมีภัยคุกคามใดๆ

 

เมื่อชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงกําลังคิดย่ามใจ

 

จู่ๆ เขาก็พลันตกใจ

 

“ไม่ถูกต้อง!”

 

“ผิดปกติยิ่ง!”

 

รูม่านตาของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดหดตัวแคบลง ในที่สุดเข้าก็ค้นพบความผิดปกติในที่แห่งนี้มันเงียบ

 

ที่นี่เงียบเกินไป

 

ต้องรู้ว่าชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเพิ่งจะพยายามลอบสังหารจักรพรรดิถังแต่ล้มเหลว ตามหลักแล้วทั่วพระราชวังควรจะเต็มไปด้วยทหารลาดตระเวนเดินตรวจตราค้นหา

 

แต่ตอนนี้

 

ชายที่มีรอยสีแดงบนหน้าผากไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย ราวกับถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

 

เมื่อมาถึงจุดนี้ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียว และรู้สึกว่าตนไม่ควรจะมาที่พระราชวังตะวันออกนี่

 

“เจ้าเพิ่งลอบสังหารจักรพรรดิถังมาหรือ?”

 

ในขณะนี้เองซูฉินเหลือบมองมาทางชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผาก ก่อนจะพูดออกไปอย่างสบายๆ

 

ยามเมื่อชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงบุกเข้ามาในตําหนักชุนฝั่งขวาแล้วตกอยู่ในค่ายกลฟ้าดิน ซูฉินก็ตื่นตระหนก

 

แต่หลังจากที่ซูฉินใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมทั่วทั้งวังหลวง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

 

“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ากล้าเข้ามาในวังหลวง นั่นก็เพราะอาศัยสมบัติยับยั้งกลิ่นอายที่อยู่บนร่างของเจ้าสินะ?”

 

ซูฉินเหลือบมองชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีเลือด สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายสวมใส่ชุดโปร่งใสที่มีสีแดงจางๆ 

 

ตามจริงแล้ว ด้วย”อาภรณ์” ชุดนี้ทําให้กลิ่นอายของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเกือบจะกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ หากพบกับจอมยุทธที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธ ก็คงจะหลบหนีการตรวจจับได้จริงๆ

 

แน่นอนว่ามันเพียงจํากัดอยู่แค่ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่หนึ่งเท่านั้น

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สอง ผลของ”อาภรณ์” ชิ้นนี้จะลดลงอย่างมาก และสําหรับตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สาม “อาภรณ์” ชิ้นนี้แทบจะไม่ส่งผลอีกต่อไปแล้ว

 

สําหรับซูฉินซึ่งเป็นอรหันต์ที่ใกล้จะถึงขั้นสมบูรณ์ของนภาชั้นที่ห้านั้น “อาภรณ์” ของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดชิ้นนี้ก็ได้สูญเสียความสามารถในการปิดบังกลิ่น อายไปเสียนานแล้ว

 

“สมบัติยับยั้งกลิ่นอาย?”

 

“เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงรู้สึกหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ 

 

รู้หรือไม่ว่าอาภรณ์หยก”ยับยั้งกลิ่นอาย” บนร่างของเขาสามารถปกปิดตัวตนต่อตํานานยุทธได้ แต่ซูฉินกลับปราดตามองแวบเดียวก็เห็นมันได้ตั้งแต่แรก

 

นี่ นี่ นี่เป็นไปได้อย่างไร?

 

ยิ่งชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ หนังศีรษะเขาก็ยิ่งชาวาบมากขึ้นเท่านั้น

 

สมองเขาแล่นเร็วจี้ จู่ๆ ความคิดที่น่าเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้นในใจของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือด

 

หรือชายที่ชื่อซูฉินที่อยู่เบื้องหน้าของเขานี้คือตํานานยุทธที่ซ่อนตัวอยู่ในวังงั้นหรือ?

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงก็เริ่มตัวสั่น ความรู้สึกสํานึกในความผิดพลาดของตนซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บัดนี้เกิดขึ้นจนท่วมท้นในหัวใจ

 

เขาจะหนีไปไหนได้ แม้ว่าอยู่ภายในโถงชีวิตนิรันดร์ ดิ้นรนหลบหนียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งนับสิบคนก็ยังดีกว่าวิ่งหนีไปเอาตัวรอดจากตํานานยุทธ..

 

ทันใดนั้นชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงก็พลันคิดภาพที่ตนเองเพิ่งออกจากถ้ำของหมาป่ามาเจอถ้ำเสือ

 

ไม่ใช่

 

นี่ไม่ใช่ถ้ำเสืออีกต่อไป

 

มันคือรังมังกร รังหงส์เพลิง…

 

“เจ้าเป็นใคร” ซูฉินเหลือบมองชายผู้มีรอยสัญลักษณ์สีแดงที่กําลังสั่นเทา แล้วจึงเอ่ยถาม

 

“ข้า….”

 

ชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผากเปิดปากพูดออกมา การแสดงออกทั้งหมดเปลี่ยนไปกลายเป็นให้ความเคารพอย่างยิ่งยวด

 

หากการคาดเดาของเขาเป็นความจริงที่ซูฉินเป็นตํานานยุทธที่ซ่อนตัวอยู่ในวัง ในตอนนี้เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องให้เกียรติคนตรงหน้า

 

“นักฆ่า ศิษย์หลักจากสํานักสังหารโลหิต ขอคารวะผู้อาวุโส…” ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดก้มศีรษะลงก่อนจะกล่าวคํา เขาไม่กล้ามองไปยังซูฉินตรงๆ

 

แม้ว่าในสายตาของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดง ซูฉินจะยังดูเด็กมาก ไม่ได้ดูแก่ไปกว่าตนเลยสักนิด

 

แต่ถ้าซูฉินเป็นตํานานยุทธจริงๆ รูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์ มันยังจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรเล่า?

 

สําหรับตํานานยุทธ การฟื้นกลับสู่ความเยาว์วัยนั้นง่ายดายราวกับการกินดื่มอาหาร

 

ซูฉินดูยังหนุ่มมาก แต่บางทีเขาอาจจะเป็นสัตว์ประหลาด เฒ่าที่มีชีวิตมาหลายร้อยปีแล้วก็เป็นได้?

 

“สํานักสังหารโลหิต?”

 

“คนของสํานักสังหารโลหิต?”

 

ใบหน้าของซูฉินมีแววครุ่นคิด

 

เขาอยู่ในวังมานานกว่าสิบปี และได้อ่านหนังสือในวังมาหมดแล้ว แน่นอนว่าย่อมรู้จักองค์กรนักฆ่าอย่างสํานักสังหารโลหิต

 

เมื่อเร็วๆ นี้ ตํานานยุทธคนล่าสุดก็มาจากสํานักสังหารโลหิตนี่แหละ

 

เนื่องจาก หลังตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตหายตัวไปเมื่อสองร้อยปีก่อน ก็ไม่มีตํานานยุทธคนอื่นที่กําเนิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้

 

ยกเว้นซูฉิน

 

สําหรับคนตรงหน้าเขาเป็นถึงศิษย์หลักของสํานักสังหารโลหิต ซึ่งจะได้เป็นผู้นําของสํานักสังหารโลหิตในอนาคต 

 

วิชาลอบสังหารโลหิตที่ถ่ายทอดให้กับศิษย์หลักแต่ละรุ่นล้วนสืบทอดมาจากตํานานยุทธของสํานักสังหารโลหิตเมื่อสองร้อยปีก่อน

 

“ครานี้สํานักสังหารโลหิตได้มารบกวนผู้อาวุโสเสียแล้ว ความผิดครั้งนี้สมควรตายนับหมื่นๆ ครั้ง เมื่อข้ากลับออกไปข้าจะให้สํานักสังหารโลหิตมาขอโทษท่านอย่างจริงใจแน่นอน ”

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงโค้งคารวะแล้วกล่าวคํา

 

เขาจงใจย้ำคําว่า “สํานักสังหารโลหิต” ถึงสองครั้งเพื่อให้ซูฉินเกรงใจกันบ้างสักเล็กน้อย

 

แม้ว่าตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตจะหายตัวไป แต่ก็ไม่ได้ตายจากไปอย่างสมบูรณ์

 

หากซูฉินพอจะเกรงกลัวอยู่บ้างในใจ มันคงเป็นวิธีเอาตัวรอดเพียงอย่างเดียวของเขา

 

“ข้ารู้แล้วล่ะ”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย “งั้นเจ้าก็จงตายไปเสีย”

 

ซูฉินยกมือขึ้น คว้าจับออกไปสุ่มๆ ในอากาศ

 

ทันใดนั้นคลื่นพลังที่มองไม่เห็นก็ปกคลุมไปทั่วทั้งตําหนักชุนฝั่งขวาในทันที

 

พลังในอากาศทุกอณูเหมือนถูกแช่แข็ง ภายใต้คลื่นพลังนี้ ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงรู้สึกเหมือนว่าตนเป็นแมลงที่ตกลงไปในทะเลสาบ แค่เคลื่อนไหวยังยาก นับประสาอะไรกับการพยายามหลบหนี

 

“อ้า!”

 

สีหน้าของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดเปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัว แต่ด้วยอํานาจแรงกดดันที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงไม่สามารถทําอะไรได้นอกจากค่อยๆ มองตนเองมุ่งหน้าสู่ความตาย

 

ทันใดนั้น

 

ยามเมื่อชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดกําลังจะถูกบดขยี้

 

หวึ่ง!

 

สัญลักษณ์สีแดงเลือดบนหน้าผากก็พลันเรืองแสงออกมา

 

ในทันทีหลังจากนั้น

 

ร่างกํายําสวมใส่ชุดคลุมสีแดงเลือด ดวงตาสีแดงสดก็โผล่ออกมาจากสัญลักษณ์อันนั้น

 

“ท่านบรรพจารย์!”

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเห็นภาพนั้น ใบหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความยินดี

 

สัญลักษณ์สีเลือดบนหน้าผากของเขาเปรียบเหมือนของประจําตัวของศิษย์หลักแต่ละรุ่น ว่ากันว่ามันถูกทิ้งเอาไว้โดยตํานานยุทธของสํานักสังหารโลหิตเมื่อสองร้อยปีก่อน

 

เดิมที่ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงคิดว่าสิ่งนี้เป็นเพียงสัญลักษณ์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไฟลับที่ถูกทิ้งไว้โดยตํานานยุทธของสํานักสังหารโลหิต

 

“คิดสังหารลูกศิษย์ข้างั้นรึ”

 

ทันทีที่ร่างมายาในชุดคลุมสีแดงปรากฏขึ้น มันก็มองไปที่ซูฉินซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ไกลทันทีหลังจากนั้น

 

ร่างมายาชุดคลุมแดงก็เห็นซูฉินใช้มือขวาคว้าจับอากาศเบื้องหน้าเบาๆ

 

ในเวลาต่อมา

 

ร่างมายาในชุดคลุมสีแดงก็แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ ทั้งร่างเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ ในที่สุดก็สลายหายไปกลายเป็นฝุ่นลอยไปในอากาศ

 

“นี่คือ?”

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเห็นฉากดังกล่าว เขาก็ได้แต่ยืนอยู่แบบนั้น ในใจไม่คิดอยากจะเชื่อภาพที่ตนเห็น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 152 ตํานานยุทธสังหารโลหิต

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 152 ตํานานยุทธสังหารโลหิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 152 ตํานานยุทธสังหารโลหิต

 

ภายในตําหนักชุนฝั่งขวา

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดกวาดตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีการซุ่มโจมตี เขาก็เปลี่ยนเป้าหมายมามองชายที่นั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้า

 

“เขาคือซูฉินงั้นรึ?”

 

ชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผากไม่ได้ลงมือในทันที เพราะเขาไม่รู้สึกถึงความผันผวนจากกําลังภายในของซูฉินเลย อีกฝ่ายเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้เรียนรู้วิทยายุทธ 

 

ต่อหน้าคนธรรมดา แม้ว่าชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเพิ่งจะใช้ทักษะลับต้องห้ามจนบอบช้ําภายในอย่างรุนแรง เขาก็ไม่คิดว่ามันจะมีภัยคุกคามใดๆ

 

เมื่อชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงกําลังคิดย่ามใจ

 

จู่ๆ เขาก็พลันตกใจ

 

“ไม่ถูกต้อง!”

 

“ผิดปกติยิ่ง!”

 

รูม่านตาของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดหดตัวแคบลง ในที่สุดเข้าก็ค้นพบความผิดปกติในที่แห่งนี้มันเงียบ

 

ที่นี่เงียบเกินไป

 

ต้องรู้ว่าชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเพิ่งจะพยายามลอบสังหารจักรพรรดิถังแต่ล้มเหลว ตามหลักแล้วทั่วพระราชวังควรจะเต็มไปด้วยทหารลาดตระเวนเดินตรวจตราค้นหา

 

แต่ตอนนี้

 

ชายที่มีรอยสีแดงบนหน้าผากไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย ราวกับถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

 

เมื่อมาถึงจุดนี้ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียว และรู้สึกว่าตนไม่ควรจะมาที่พระราชวังตะวันออกนี่

 

“เจ้าเพิ่งลอบสังหารจักรพรรดิถังมาหรือ?”

 

ในขณะนี้เองซูฉินเหลือบมองมาทางชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผาก ก่อนจะพูดออกไปอย่างสบายๆ

 

ยามเมื่อชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงบุกเข้ามาในตําหนักชุนฝั่งขวาแล้วตกอยู่ในค่ายกลฟ้าดิน ซูฉินก็ตื่นตระหนก

 

แต่หลังจากที่ซูฉินใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมทั่วทั้งวังหลวง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

 

“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ากล้าเข้ามาในวังหลวง นั่นก็เพราะอาศัยสมบัติยับยั้งกลิ่นอายที่อยู่บนร่างของเจ้าสินะ?”

 

ซูฉินเหลือบมองชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีเลือด สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายสวมใส่ชุดโปร่งใสที่มีสีแดงจางๆ 

 

ตามจริงแล้ว ด้วย”อาภรณ์” ชุดนี้ทําให้กลิ่นอายของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเกือบจะกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ หากพบกับจอมยุทธที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธ ก็คงจะหลบหนีการตรวจจับได้จริงๆ

 

แน่นอนว่ามันเพียงจํากัดอยู่แค่ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่หนึ่งเท่านั้น

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สอง ผลของ”อาภรณ์” ชิ้นนี้จะลดลงอย่างมาก และสําหรับตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สาม “อาภรณ์” ชิ้นนี้แทบจะไม่ส่งผลอีกต่อไปแล้ว

 

สําหรับซูฉินซึ่งเป็นอรหันต์ที่ใกล้จะถึงขั้นสมบูรณ์ของนภาชั้นที่ห้านั้น “อาภรณ์” ของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดชิ้นนี้ก็ได้สูญเสียความสามารถในการปิดบังกลิ่น อายไปเสียนานแล้ว

 

“สมบัติยับยั้งกลิ่นอาย?”

 

“เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงรู้สึกหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ 

 

รู้หรือไม่ว่าอาภรณ์หยก”ยับยั้งกลิ่นอาย” บนร่างของเขาสามารถปกปิดตัวตนต่อตํานานยุทธได้ แต่ซูฉินกลับปราดตามองแวบเดียวก็เห็นมันได้ตั้งแต่แรก

 

นี่ นี่ นี่เป็นไปได้อย่างไร?

 

ยิ่งชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ หนังศีรษะเขาก็ยิ่งชาวาบมากขึ้นเท่านั้น

 

สมองเขาแล่นเร็วจี้ จู่ๆ ความคิดที่น่าเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้นในใจของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือด

 

หรือชายที่ชื่อซูฉินที่อยู่เบื้องหน้าของเขานี้คือตํานานยุทธที่ซ่อนตัวอยู่ในวังงั้นหรือ?

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงก็เริ่มตัวสั่น ความรู้สึกสํานึกในความผิดพลาดของตนซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บัดนี้เกิดขึ้นจนท่วมท้นในหัวใจ

 

เขาจะหนีไปไหนได้ แม้ว่าอยู่ภายในโถงชีวิตนิรันดร์ ดิ้นรนหลบหนียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งนับสิบคนก็ยังดีกว่าวิ่งหนีไปเอาตัวรอดจากตํานานยุทธ..

 

ทันใดนั้นชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงก็พลันคิดภาพที่ตนเองเพิ่งออกจากถ้ำของหมาป่ามาเจอถ้ำเสือ

 

ไม่ใช่

 

นี่ไม่ใช่ถ้ำเสืออีกต่อไป

 

มันคือรังมังกร รังหงส์เพลิง…

 

“เจ้าเป็นใคร” ซูฉินเหลือบมองชายผู้มีรอยสัญลักษณ์สีแดงที่กําลังสั่นเทา แล้วจึงเอ่ยถาม

 

“ข้า….”

 

ชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผากเปิดปากพูดออกมา การแสดงออกทั้งหมดเปลี่ยนไปกลายเป็นให้ความเคารพอย่างยิ่งยวด

 

หากการคาดเดาของเขาเป็นความจริงที่ซูฉินเป็นตํานานยุทธที่ซ่อนตัวอยู่ในวัง ในตอนนี้เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องให้เกียรติคนตรงหน้า

 

“นักฆ่า ศิษย์หลักจากสํานักสังหารโลหิต ขอคารวะผู้อาวุโส…” ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดก้มศีรษะลงก่อนจะกล่าวคํา เขาไม่กล้ามองไปยังซูฉินตรงๆ

 

แม้ว่าในสายตาของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดง ซูฉินจะยังดูเด็กมาก ไม่ได้ดูแก่ไปกว่าตนเลยสักนิด

 

แต่ถ้าซูฉินเป็นตํานานยุทธจริงๆ รูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์ มันยังจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรเล่า?

 

สําหรับตํานานยุทธ การฟื้นกลับสู่ความเยาว์วัยนั้นง่ายดายราวกับการกินดื่มอาหาร

 

ซูฉินดูยังหนุ่มมาก แต่บางทีเขาอาจจะเป็นสัตว์ประหลาด เฒ่าที่มีชีวิตมาหลายร้อยปีแล้วก็เป็นได้?

 

“สํานักสังหารโลหิต?”

 

“คนของสํานักสังหารโลหิต?”

 

ใบหน้าของซูฉินมีแววครุ่นคิด

 

เขาอยู่ในวังมานานกว่าสิบปี และได้อ่านหนังสือในวังมาหมดแล้ว แน่นอนว่าย่อมรู้จักองค์กรนักฆ่าอย่างสํานักสังหารโลหิต

 

เมื่อเร็วๆ นี้ ตํานานยุทธคนล่าสุดก็มาจากสํานักสังหารโลหิตนี่แหละ

 

เนื่องจาก หลังตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตหายตัวไปเมื่อสองร้อยปีก่อน ก็ไม่มีตํานานยุทธคนอื่นที่กําเนิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้

 

ยกเว้นซูฉิน

 

สําหรับคนตรงหน้าเขาเป็นถึงศิษย์หลักของสํานักสังหารโลหิต ซึ่งจะได้เป็นผู้นําของสํานักสังหารโลหิตในอนาคต 

 

วิชาลอบสังหารโลหิตที่ถ่ายทอดให้กับศิษย์หลักแต่ละรุ่นล้วนสืบทอดมาจากตํานานยุทธของสํานักสังหารโลหิตเมื่อสองร้อยปีก่อน

 

“ครานี้สํานักสังหารโลหิตได้มารบกวนผู้อาวุโสเสียแล้ว ความผิดครั้งนี้สมควรตายนับหมื่นๆ ครั้ง เมื่อข้ากลับออกไปข้าจะให้สํานักสังหารโลหิตมาขอโทษท่านอย่างจริงใจแน่นอน ”

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงโค้งคารวะแล้วกล่าวคํา

 

เขาจงใจย้ำคําว่า “สํานักสังหารโลหิต” ถึงสองครั้งเพื่อให้ซูฉินเกรงใจกันบ้างสักเล็กน้อย

 

แม้ว่าตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตจะหายตัวไป แต่ก็ไม่ได้ตายจากไปอย่างสมบูรณ์

 

หากซูฉินพอจะเกรงกลัวอยู่บ้างในใจ มันคงเป็นวิธีเอาตัวรอดเพียงอย่างเดียวของเขา

 

“ข้ารู้แล้วล่ะ”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย “งั้นเจ้าก็จงตายไปเสีย”

 

ซูฉินยกมือขึ้น คว้าจับออกไปสุ่มๆ ในอากาศ

 

ทันใดนั้นคลื่นพลังที่มองไม่เห็นก็ปกคลุมไปทั่วทั้งตําหนักชุนฝั่งขวาในทันที

 

พลังในอากาศทุกอณูเหมือนถูกแช่แข็ง ภายใต้คลื่นพลังนี้ ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงรู้สึกเหมือนว่าตนเป็นแมลงที่ตกลงไปในทะเลสาบ แค่เคลื่อนไหวยังยาก นับประสาอะไรกับการพยายามหลบหนี

 

“อ้า!”

 

สีหน้าของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดเปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัว แต่ด้วยอํานาจแรงกดดันที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงไม่สามารถทําอะไรได้นอกจากค่อยๆ มองตนเองมุ่งหน้าสู่ความตาย

 

ทันใดนั้น

 

ยามเมื่อชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดกําลังจะถูกบดขยี้

 

หวึ่ง!

 

สัญลักษณ์สีแดงเลือดบนหน้าผากก็พลันเรืองแสงออกมา

 

ในทันทีหลังจากนั้น

 

ร่างกํายําสวมใส่ชุดคลุมสีแดงเลือด ดวงตาสีแดงสดก็โผล่ออกมาจากสัญลักษณ์อันนั้น

 

“ท่านบรรพจารย์!”

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเห็นภาพนั้น ใบหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความยินดี

 

สัญลักษณ์สีเลือดบนหน้าผากของเขาเปรียบเหมือนของประจําตัวของศิษย์หลักแต่ละรุ่น ว่ากันว่ามันถูกทิ้งเอาไว้โดยตํานานยุทธของสํานักสังหารโลหิตเมื่อสองร้อยปีก่อน

 

เดิมที่ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงคิดว่าสิ่งนี้เป็นเพียงสัญลักษณ์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไฟลับที่ถูกทิ้งไว้โดยตํานานยุทธของสํานักสังหารโลหิต

 

“คิดสังหารลูกศิษย์ข้างั้นรึ”

 

ทันทีที่ร่างมายาในชุดคลุมสีแดงปรากฏขึ้น มันก็มองไปที่ซูฉินซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ไกลทันทีหลังจากนั้น

 

ร่างมายาชุดคลุมแดงก็เห็นซูฉินใช้มือขวาคว้าจับอากาศเบื้องหน้าเบาๆ

 

ในเวลาต่อมา

 

ร่างมายาในชุดคลุมสีแดงก็แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ ทั้งร่างเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ ในที่สุดก็สลายหายไปกลายเป็นฝุ่นลอยไปในอากาศ

 

“นี่คือ?”

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเห็นฉากดังกล่าว เขาก็ได้แต่ยืนอยู่แบบนั้น ในใจไม่คิดอยากจะเชื่อภาพที่ตนเห็น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+