เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 153 เข้าสู่ระบบ! พลังมังกรคชสารปัญญาบารมี

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 153 เข้าสู่ระบบ! พลังมังกรคชสารปัญญาบารมี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 153 เข้าสู่ระบบ! พลังมังกรคชสารปัญญาบารมี

 

“บรรพจารย์…”

 

หัวใจของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดกลายเป็นยุ่งเหยิงไปหมด เดิมทีเมื่อยามที่สัญลักษณ์ส่องแสงจนทําให้ร่างมายาของบรรพจารย์ระดับตํานานยุทธของสํานักสังหารโลหิตออกมา มันทําให้ตัวเขามีความหวังขึ้นมาในใจ

 

แม้ว่าซูฉินจะเป็นตํานานยุทธ แต่บรรพจารย์ของสํานักสังหารโลหิตก็เป็นตํานานยุทธเช่นกัน

 

แม้ว่าที่โผล่ออกมาจะเป็นร่างมายามิใช่บุคคลจริง แต่ตํานานยุทธก็ยังเป็นตํานานยุทธ แม้จะไม่ใช่คู่ปรับของซูฉิน แต่อย่างน้อยก็ควรจะหยุดยั้งไว้ได้สักครู่หนึ่ง

 

เมื่อครู่ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงอย่างน้อยก็พอมีหวังที่จะหลบหนี

 

เพียงแต่ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงไม่คิดฝันว่าบรรพจารย์ขอบเขตตํานายุทธแห่งสํานักสังหารโลหิตไม่สามารถแม้แต่จะต้านซูฉินได้แม้เพียงครู่เดียว กลับสลายหายไปต่อหน้าต่อตา…

 

นี่มันเรื่องบัดซบอันใดกัน?

 

“เป็นไปได้ไหมว่าตํานานยุทธที่อยู่ในพระราชวังถังผู้นี้ไม่ใช่ตํานานยุทธหน้าใหม่ แต่เป็นตํานานยุทธระดับลึกล้ําแล้ว?

 

ชายที่มีรอยแดงบนหน้าผากรู้สึกตกใจจนตัวสั่น ใบหน้าของเขาไม่เหลือความหวังใดอีกต่อไป

 

แม้ว่าตัวเขาจะไม่ใช่ตํานานยุทธ แต่ก็มีบันทึกเกี่ยวกับตํานานยุทธอยู่ภายในสํานักสังหารโลหิต

 

ขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นไม่สามารถนํามาเทียบได้กับขอบเขตตํานานยุทธเลย

 

ในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นนั้น หากมีโอกาสที่ ดีก็อาจจะก้าวหน้าได้อย่างก้าวกระโดด ตัดผ่านระดับชั้นครั้งแล้วครั้งเล่า

 

แต่สําหรับขอบเขตตํานานยุทธนั้นแทบไม่มีทางลัดเลย

 

เป็นเหตุผลว่าทําไมตํานานยุทธในยุคสมัยที่ผ่านมาถึงได้ ข้ามน้ําข้ามทะเลไปดินแดนอื่น

 

หนึ่งก็คือเพื่อไล่ตามกลิ่นอายแห่งอายุวัฒนะที่พุ่งหายลับ ไปเมื่อแปดร้อยปีก่อน และอีกหนึ่งก็เพื่อทะลวงไปสู่ระดับชั้นที่สูงขึ้น

 

ในสายตาตํานานยุทธทั้งหลาย ทวีปนี้เป็นเพียงดินแดน ระดับต่ําขาดแคลนทรัพยากร และไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ

 

“หืม?”

 

ซูฉินเหลือบมองสัญลักษณ์สีเลือดจากนั้นก็สะบัดมืออีกครั้ง ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงก็กลายเป็นฝุ่นละอองหายไปในความว่างเปล่า

 

“นี่คงเป็นสิ่งที่ตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตทิ้งเอาไว้?”

 

ซูฉินใช้จิตสั่งการ สัญลักษณ์สีเลือดก็ลอยมาอยู่บนมือของเขา

 

ในตอนนี้รอยร้าวลามไปทั่วทั้งสัญลักษณ์สีเลือดอันนี้ และ ดูเหมือนว่ามันพร้อมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ในอีกเพียงไม่กี่อึดใจ

 

“จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ยังคงมีอยู่ ดูเหมือนว่าตํานานยุทธผู้นี้จะยังมีชีวิตอยู่…”

 

ซูฉินแตะปลายคาง แววตาดูครุ่นคิด

 

เมื่อเจ้าของตกตายลง จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์พวกนี้จะค่อยๆ สลายหายไปอย่างรวดเร็วราวกับต้นไม้ที่ไร้ราก

 

และเนื่องจากยังมีจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ภายในเครื่องหมายสัญลักษณ์สีเลือด หมายความว่าตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตยังไม่ได้ตกตายไป

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าซูฉินจะยืนยันเรื่องนี้ได้แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กังวลใจอะไร

 

เขาได้สร้างค่ายกลฟ้าดินมากมายเอาไว้ภายในตําหนักชุนฝั่งขวา ซึ่งสามารถแยกกลิ่นอายภายนอกออกจาก โลกภายนอกได้อย่างสมบูรณ์

 

เกรงว่าตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตที่ออกเดินทางไปต่างดินแดนคงจะไม่รู้ว่าจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนหายไปด้วยซ้ํา

 

นอกจากนี้

 

ในตอนนี้ซูฉินได้สํารวจจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตํานานยุทธ จากสํานักสังหารโลหิตอย่างคร่าวๆ แล้ว และพอจะเดาความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ออก

 

น่าจะอยู่ที่ราวๆ นภาชั้นที่หนึ่งไม่ก็นภาชั้นที่สอง

 

ตํานานยุทธที่มีระดับแค่นี้ แม้เขาจะกลับมาแก้แค้นจริงๆ ซูฉินก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย

 

“ ‘อาภรณ์’ ชิ้นนี้วิเศษมาก…”

 

ซูฉินเคลื่อนมือขวาออกไป ‘อาภรณ์’ โปร่งใสสีเลือดจางๆ ก็ลอยมาตรงหน้าเขา

 

เป็น ‘อาภรณ์หยกยับยั้งกลิ่นอาย’ ที่แสนล้ำค่าของสํานักสังหารโลหิต

 

แม้ ‘อาภรณ์หยกยับยั้งกลิ่นอาย’ นี้จะไม่มีประโยชน์สําหรับซูฉิน อย่างดีที่สุดมันก็ปกปิดได้เพียงจอมยุทธที่เพิ่งเข้า ถึงขอบเขตตํานานยุทธเท่านั้น แต่เท่านี้มันก็น่าเหลือเชื่อเต็มทน

 

“ดูเหมือนว่าวัสดุที่ใช้สร้างมันขึ้นมาจะพิเศษ?”

 

ซูฉินมองดู ‘อาภรณ์หยกยับยั้งกลิ่นอาย’ อย่างระมัดระวังทั้งยังแสดงสีหน้าที่ดูครุ่นคิด

 

“เก็บเอาไว้ก่อนดีกว่า คงจะดีไม่น้อยหากเผื่อเอาไว้มอบกายหลัง”

 

ทันทีที่ซูฉันคิดได้ ‘อาภรณ์’ โปร่งใสชิ้นนี้ก็ม้วนตัวตกลงมาบนมือของซูฉินอย่างรวดเร็ว

 

“สํานักสังหารโลหิต?”

 

ซูฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย

 

สํานักสังหารโลหิตกล้าที่จะแอบเข้ามาในวังหลวงเพื่อลอบสังหารจักรพรรดิถัง ซึ่งเหมือนเป็นการยั่วยุตัวเขา

 

ตั้งแต่ที่ซูฉินยิงใส่ราชาหัวเมืองทั้งสิบด้วยธนูเก้าประกายยังไม่รู้อีกหรือว่าพระราชวังถังมีเขาคอยคุ้มครองอยู่?

 

“ดูเหมือนว่าอีกไม่นานข้าจะต้องไปเยือนฐานใหญ่ของสํานักสังหารโลหิตเสียหน่อยแล้ว”

 

ซูฉินลุกขึ้นยืนช้าๆ คิดอยู่ในใจเงียบๆ

 

วันถัดมา

 

ซูฉินเดินออกจากตําหนักชุนฝั่งขวาแล้วเดินท่องไปในวังอย่างไม่เร่งรีบ

 

ซูฉินมาหยุดอยู่ที่จัตุรัสหยกขาวโดยไม่รู้ตัว

 

“วันนี้ลงชื่อที่นี่ก็แล้วกัน”

 

ซูฉินหยุดคิดแล้วก็ตัดสินใจได้

 

ในช่วงที่ผ่านมาเขาได้ลงชื่อเข้าใช้ที่แท่นบูชาเทพธรณีฯ หวังจะได้โอสถไทหยวน” อีก แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้รับมาเลยสักเม็ดเดียว

 

ซูฉินวางแผนไว้ว่าจะลองเปลี่ยนที่บ้างเพื่อปรับอารมณ์ของตัวเอง

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

ซูฉินเงยหน้าขึ้นมองไปยังจัตุรัสหยกขาว กําหนดจิตอยู่ในใจ

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จได้รับ ‘พลังมังกรคชสารปัญญาบารมี’ ]

 

“พลังมังกรคชสารปัญญาบารมี?”

 

หัวใจของซูฉินกระตุกวูบ

 

พลังมังกรคชสารปัญญาบารมีเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะร่างกาย แต่ผลของมันกลับไม่ได้ช่วยขัดเกลาร่างกาย แต่เป็นการเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง

 

พลังมังกรคชสารปัญญาบารมีแบ่งออกเป็นสิบสามระดับ แต่ละระดับจะมีพลังเทียบเท่ามังกรหนึ่งตัวและช้างหนึ่งเชือก เมื่อขึ้นไปสู่ขั้นสูงสุดนั่นก็คือขั้นที่สิบสาม ผู้ฝึกก็จะมีพลัง เทียบเท่ามังกรสิบสามตัวและช้างสิบสามเชือก สามารถทุบทําลายเมืองจนเป็นหลุมเป็นบ่อได้เพียงแค่ขยับตัว 

 

แง่หนึ่งพลังมังกรคชสารปัญญาบารมีไม่เหมือนกับวิชานๆ ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

 

พลังมังกรคชสารปัญญาบารมีเป็นเพียงวิชาที่ให้ผลสัมฤทธิ์เพียงแค่เรื่องของความแข็งแกร่งเท่านั้น

 

แน่นอนว่าพลังมังกรคชสารปัญญาบารมีใช่ว่าจะไม่มีข้อบกพร่อง มันยากมากที่จะฝึกฝน มีคนจํานวนมากที่ฝึกฝนมาตลอดชีวิตก็อยู่เพียงขั้นหนึ่ง ขั้นสอง เพียงเท่านั้น ไม่ค่อยมีความคืบหน้ามากนัก

 

แน่นอนว่าข้อบกพร่องนั้นไม่มีผลต่อซูฉิน

 

ด้วยการฝังข้อมูลของระบบ ความเข้าใจในวิชามังกรคช สารปัญญาบารมีของซูฉินเทียบเท่าผู้คิดค้นวิชาเรียบร้อยแล้ว ควบคู่ไปกับทรัพยากรที่พรั่งพร้อม อาทิ โลหิตรู้แจ้งผลไม้สีแดง ฯลฯ มันจึงเป็นเรื่องที่แน่นอนที่ซูฉินจะสามารถฝึกฝนวิชามังกรคชสารปัญญาบารมีจนถึงขั้นที่สิบสามซึ่งเป็นระดับสูงสุด

 

“ไม่เลว”

 

ใบหน้าของซูฉินแต้มไปด้วยความสุข

 

ทุกวันนี้มีเคล็ดวิชาจํานวนไม่มากนักที่จะส่งผลต่อความรู้สึกเขา และพลังมังกรคชสารปัญญาบารมีก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

“คืนนี้ต้องเตรียมตัวฝึกฝน และจะพยายามฝึกให้ถึงวันสิ บสามภายในสองวัน!”

 

ภายในโถงชีวิตนิรันดร์

 

แม่ทัพแห่งวังหลวงคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ฝ่าบาท ข้าและรองแม่ทัพได้ตรวจค้นภายในพระราชวังหลายรอบแล้ว แต่ไม่พบร่องรอยผู้ที่ลอบสังหารเลย”

 

“ไม่พบ?”

 

จักรพรรดิถังขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

ตัวเขาไม่ได้สงสัยในตัวของแม่ทัพแห่งวังหลวง ถ้าแม่ทัพ และมือสังหารร่วมมือกัน ปานนี้เขาคงจะตายไปนานแล้ว คงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้

 

“มีเบาะแสอะไรจากประตูเมืองทั้งสี่ทิศหรือไม่?” จักรพรรดิถังไต่ถามทันที

 

ในสายตาขององค์จักรพรรดิถัง หากนักฆ่าจากสํานักสังหารโลหิตต้องการจะหนีออกไป มันก็ทําได้เพียงหลบหนีออกทางประตูเมืองทั้งสี่ทิศเท่านั้น

 

“รายงานฝ่าบาท ประตูเมืองได้รับการปกป้องโดยกองทัพกลุ่มใหญ่ตลอดเวลา และรองแม่ทัพก็ได้เดินลาดตระเวนอยู่เป็นเวลาสิบสองชั่วโมงโดยไม่มีหยุดพัก แต่ก็ยังไม่ พบมือสังหาร”

 

แม่ทัพแห่งวังหลวงก้มหัวลง

เมื่อจักรพรรดิถังได้ยินเช่นนี้ ความสงสัยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

มือลอบสังหารไม่ได้อยู่ในวัง และก็ไม่ได้ออกไปทางประตูเมืองทั้งสี่ทิศ มันจะเป็นไปได้เช่นไรที่คนคนหนึ่งจะหายไปอย่างสมบูรณ์?

 

พลังนาคคชสารปัญญาบารมีเป็นวิชาพลังภายในปรากฏในนิยายเรื่อง จอมยุทธ์เทพอินทรี ของกิมย้ง มีที่มาจากคัมภีร์นาคคชสารปัญญาบารมี เป็นสุดยอดวิชาของนิกาย มิกจง มีทั้งสิ้น 13 ขั้น แต่สังฆราชจักรทองฝึกถึงขั้นที่ 10 ก็ แทบไร้ผู้ทัดเทียม

 

ตามต้นฉบับนิยายวิชานี้หากฝึกตามขั้นตอนแต่ละขั้นตอน ไม่มีทางฝึกฝนได้สําเร็จ ถ้าหากจะมีคนฝึกสําเร็จก็ต้องมีอายุร่วมพันปี โดยเฉพาะขั้นที่ 13 หากฝึกสําเร็จมีพลังประหนึ่งมังกร 13 ตัว และช้าง 13 เชือก เพียงแต่อายุขัยคนมีจํากัด บรรดาผู้อาวุโสมิกจงในอดีตก่อนจากโลกนี้ไปอย่างมากเพียงบรรลุได้ถึงแค่ขั้นที่ 7เท่านั้น

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 153 เข้าสู่ระบบ! พลังมังกรคชสารปัญญาบารมี

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 153 เข้าสู่ระบบ! พลังมังกรคชสารปัญญาบารมี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 153 เข้าสู่ระบบ! พลังมังกรคชสารปัญญาบารมี

 

“บรรพจารย์…”

 

หัวใจของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดกลายเป็นยุ่งเหยิงไปหมด เดิมทีเมื่อยามที่สัญลักษณ์ส่องแสงจนทําให้ร่างมายาของบรรพจารย์ระดับตํานานยุทธของสํานักสังหารโลหิตออกมา มันทําให้ตัวเขามีความหวังขึ้นมาในใจ

 

แม้ว่าซูฉินจะเป็นตํานานยุทธ แต่บรรพจารย์ของสํานักสังหารโลหิตก็เป็นตํานานยุทธเช่นกัน

 

แม้ว่าที่โผล่ออกมาจะเป็นร่างมายามิใช่บุคคลจริง แต่ตํานานยุทธก็ยังเป็นตํานานยุทธ แม้จะไม่ใช่คู่ปรับของซูฉิน แต่อย่างน้อยก็ควรจะหยุดยั้งไว้ได้สักครู่หนึ่ง

 

เมื่อครู่ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงอย่างน้อยก็พอมีหวังที่จะหลบหนี

 

เพียงแต่ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงไม่คิดฝันว่าบรรพจารย์ขอบเขตตํานายุทธแห่งสํานักสังหารโลหิตไม่สามารถแม้แต่จะต้านซูฉินได้แม้เพียงครู่เดียว กลับสลายหายไปต่อหน้าต่อตา…

 

นี่มันเรื่องบัดซบอันใดกัน?

 

“เป็นไปได้ไหมว่าตํานานยุทธที่อยู่ในพระราชวังถังผู้นี้ไม่ใช่ตํานานยุทธหน้าใหม่ แต่เป็นตํานานยุทธระดับลึกล้ําแล้ว?

 

ชายที่มีรอยแดงบนหน้าผากรู้สึกตกใจจนตัวสั่น ใบหน้าของเขาไม่เหลือความหวังใดอีกต่อไป

 

แม้ว่าตัวเขาจะไม่ใช่ตํานานยุทธ แต่ก็มีบันทึกเกี่ยวกับตํานานยุทธอยู่ภายในสํานักสังหารโลหิต

 

ขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นไม่สามารถนํามาเทียบได้กับขอบเขตตํานานยุทธเลย

 

ในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นนั้น หากมีโอกาสที่ ดีก็อาจจะก้าวหน้าได้อย่างก้าวกระโดด ตัดผ่านระดับชั้นครั้งแล้วครั้งเล่า

 

แต่สําหรับขอบเขตตํานานยุทธนั้นแทบไม่มีทางลัดเลย

 

เป็นเหตุผลว่าทําไมตํานานยุทธในยุคสมัยที่ผ่านมาถึงได้ ข้ามน้ําข้ามทะเลไปดินแดนอื่น

 

หนึ่งก็คือเพื่อไล่ตามกลิ่นอายแห่งอายุวัฒนะที่พุ่งหายลับ ไปเมื่อแปดร้อยปีก่อน และอีกหนึ่งก็เพื่อทะลวงไปสู่ระดับชั้นที่สูงขึ้น

 

ในสายตาตํานานยุทธทั้งหลาย ทวีปนี้เป็นเพียงดินแดน ระดับต่ําขาดแคลนทรัพยากร และไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ

 

“หืม?”

 

ซูฉินเหลือบมองสัญลักษณ์สีเลือดจากนั้นก็สะบัดมืออีกครั้ง ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงก็กลายเป็นฝุ่นละอองหายไปในความว่างเปล่า

 

“นี่คงเป็นสิ่งที่ตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตทิ้งเอาไว้?”

 

ซูฉินใช้จิตสั่งการ สัญลักษณ์สีเลือดก็ลอยมาอยู่บนมือของเขา

 

ในตอนนี้รอยร้าวลามไปทั่วทั้งสัญลักษณ์สีเลือดอันนี้ และ ดูเหมือนว่ามันพร้อมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ในอีกเพียงไม่กี่อึดใจ

 

“จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ยังคงมีอยู่ ดูเหมือนว่าตํานานยุทธผู้นี้จะยังมีชีวิตอยู่…”

 

ซูฉินแตะปลายคาง แววตาดูครุ่นคิด

 

เมื่อเจ้าของตกตายลง จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์พวกนี้จะค่อยๆ สลายหายไปอย่างรวดเร็วราวกับต้นไม้ที่ไร้ราก

 

และเนื่องจากยังมีจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ภายในเครื่องหมายสัญลักษณ์สีเลือด หมายความว่าตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตยังไม่ได้ตกตายไป

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าซูฉินจะยืนยันเรื่องนี้ได้แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กังวลใจอะไร

 

เขาได้สร้างค่ายกลฟ้าดินมากมายเอาไว้ภายในตําหนักชุนฝั่งขวา ซึ่งสามารถแยกกลิ่นอายภายนอกออกจาก โลกภายนอกได้อย่างสมบูรณ์

 

เกรงว่าตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตที่ออกเดินทางไปต่างดินแดนคงจะไม่รู้ว่าจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนหายไปด้วยซ้ํา

 

นอกจากนี้

 

ในตอนนี้ซูฉินได้สํารวจจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตํานานยุทธ จากสํานักสังหารโลหิตอย่างคร่าวๆ แล้ว และพอจะเดาความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ออก

 

น่าจะอยู่ที่ราวๆ นภาชั้นที่หนึ่งไม่ก็นภาชั้นที่สอง

 

ตํานานยุทธที่มีระดับแค่นี้ แม้เขาจะกลับมาแก้แค้นจริงๆ ซูฉินก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย

 

“ ‘อาภรณ์’ ชิ้นนี้วิเศษมาก…”

 

ซูฉินเคลื่อนมือขวาออกไป ‘อาภรณ์’ โปร่งใสสีเลือดจางๆ ก็ลอยมาตรงหน้าเขา

 

เป็น ‘อาภรณ์หยกยับยั้งกลิ่นอาย’ ที่แสนล้ำค่าของสํานักสังหารโลหิต

 

แม้ ‘อาภรณ์หยกยับยั้งกลิ่นอาย’ นี้จะไม่มีประโยชน์สําหรับซูฉิน อย่างดีที่สุดมันก็ปกปิดได้เพียงจอมยุทธที่เพิ่งเข้า ถึงขอบเขตตํานานยุทธเท่านั้น แต่เท่านี้มันก็น่าเหลือเชื่อเต็มทน

 

“ดูเหมือนว่าวัสดุที่ใช้สร้างมันขึ้นมาจะพิเศษ?”

 

ซูฉินมองดู ‘อาภรณ์หยกยับยั้งกลิ่นอาย’ อย่างระมัดระวังทั้งยังแสดงสีหน้าที่ดูครุ่นคิด

 

“เก็บเอาไว้ก่อนดีกว่า คงจะดีไม่น้อยหากเผื่อเอาไว้มอบกายหลัง”

 

ทันทีที่ซูฉันคิดได้ ‘อาภรณ์’ โปร่งใสชิ้นนี้ก็ม้วนตัวตกลงมาบนมือของซูฉินอย่างรวดเร็ว

 

“สํานักสังหารโลหิต?”

 

ซูฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย

 

สํานักสังหารโลหิตกล้าที่จะแอบเข้ามาในวังหลวงเพื่อลอบสังหารจักรพรรดิถัง ซึ่งเหมือนเป็นการยั่วยุตัวเขา

 

ตั้งแต่ที่ซูฉินยิงใส่ราชาหัวเมืองทั้งสิบด้วยธนูเก้าประกายยังไม่รู้อีกหรือว่าพระราชวังถังมีเขาคอยคุ้มครองอยู่?

 

“ดูเหมือนว่าอีกไม่นานข้าจะต้องไปเยือนฐานใหญ่ของสํานักสังหารโลหิตเสียหน่อยแล้ว”

 

ซูฉินลุกขึ้นยืนช้าๆ คิดอยู่ในใจเงียบๆ

 

วันถัดมา

 

ซูฉินเดินออกจากตําหนักชุนฝั่งขวาแล้วเดินท่องไปในวังอย่างไม่เร่งรีบ

 

ซูฉินมาหยุดอยู่ที่จัตุรัสหยกขาวโดยไม่รู้ตัว

 

“วันนี้ลงชื่อที่นี่ก็แล้วกัน”

 

ซูฉินหยุดคิดแล้วก็ตัดสินใจได้

 

ในช่วงที่ผ่านมาเขาได้ลงชื่อเข้าใช้ที่แท่นบูชาเทพธรณีฯ หวังจะได้โอสถไทหยวน” อีก แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้รับมาเลยสักเม็ดเดียว

 

ซูฉินวางแผนไว้ว่าจะลองเปลี่ยนที่บ้างเพื่อปรับอารมณ์ของตัวเอง

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

ซูฉินเงยหน้าขึ้นมองไปยังจัตุรัสหยกขาว กําหนดจิตอยู่ในใจ

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จได้รับ ‘พลังมังกรคชสารปัญญาบารมี’ ]

 

“พลังมังกรคชสารปัญญาบารมี?”

 

หัวใจของซูฉินกระตุกวูบ

 

พลังมังกรคชสารปัญญาบารมีเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะร่างกาย แต่ผลของมันกลับไม่ได้ช่วยขัดเกลาร่างกาย แต่เป็นการเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง

 

พลังมังกรคชสารปัญญาบารมีแบ่งออกเป็นสิบสามระดับ แต่ละระดับจะมีพลังเทียบเท่ามังกรหนึ่งตัวและช้างหนึ่งเชือก เมื่อขึ้นไปสู่ขั้นสูงสุดนั่นก็คือขั้นที่สิบสาม ผู้ฝึกก็จะมีพลัง เทียบเท่ามังกรสิบสามตัวและช้างสิบสามเชือก สามารถทุบทําลายเมืองจนเป็นหลุมเป็นบ่อได้เพียงแค่ขยับตัว 

 

แง่หนึ่งพลังมังกรคชสารปัญญาบารมีไม่เหมือนกับวิชานๆ ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

 

พลังมังกรคชสารปัญญาบารมีเป็นเพียงวิชาที่ให้ผลสัมฤทธิ์เพียงแค่เรื่องของความแข็งแกร่งเท่านั้น

 

แน่นอนว่าพลังมังกรคชสารปัญญาบารมีใช่ว่าจะไม่มีข้อบกพร่อง มันยากมากที่จะฝึกฝน มีคนจํานวนมากที่ฝึกฝนมาตลอดชีวิตก็อยู่เพียงขั้นหนึ่ง ขั้นสอง เพียงเท่านั้น ไม่ค่อยมีความคืบหน้ามากนัก

 

แน่นอนว่าข้อบกพร่องนั้นไม่มีผลต่อซูฉิน

 

ด้วยการฝังข้อมูลของระบบ ความเข้าใจในวิชามังกรคช สารปัญญาบารมีของซูฉินเทียบเท่าผู้คิดค้นวิชาเรียบร้อยแล้ว ควบคู่ไปกับทรัพยากรที่พรั่งพร้อม อาทิ โลหิตรู้แจ้งผลไม้สีแดง ฯลฯ มันจึงเป็นเรื่องที่แน่นอนที่ซูฉินจะสามารถฝึกฝนวิชามังกรคชสารปัญญาบารมีจนถึงขั้นที่สิบสามซึ่งเป็นระดับสูงสุด

 

“ไม่เลว”

 

ใบหน้าของซูฉินแต้มไปด้วยความสุข

 

ทุกวันนี้มีเคล็ดวิชาจํานวนไม่มากนักที่จะส่งผลต่อความรู้สึกเขา และพลังมังกรคชสารปัญญาบารมีก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

“คืนนี้ต้องเตรียมตัวฝึกฝน และจะพยายามฝึกให้ถึงวันสิ บสามภายในสองวัน!”

 

ภายในโถงชีวิตนิรันดร์

 

แม่ทัพแห่งวังหลวงคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ฝ่าบาท ข้าและรองแม่ทัพได้ตรวจค้นภายในพระราชวังหลายรอบแล้ว แต่ไม่พบร่องรอยผู้ที่ลอบสังหารเลย”

 

“ไม่พบ?”

 

จักรพรรดิถังขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

ตัวเขาไม่ได้สงสัยในตัวของแม่ทัพแห่งวังหลวง ถ้าแม่ทัพ และมือสังหารร่วมมือกัน ปานนี้เขาคงจะตายไปนานแล้ว คงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้

 

“มีเบาะแสอะไรจากประตูเมืองทั้งสี่ทิศหรือไม่?” จักรพรรดิถังไต่ถามทันที

 

ในสายตาขององค์จักรพรรดิถัง หากนักฆ่าจากสํานักสังหารโลหิตต้องการจะหนีออกไป มันก็ทําได้เพียงหลบหนีออกทางประตูเมืองทั้งสี่ทิศเท่านั้น

 

“รายงานฝ่าบาท ประตูเมืองได้รับการปกป้องโดยกองทัพกลุ่มใหญ่ตลอดเวลา และรองแม่ทัพก็ได้เดินลาดตระเวนอยู่เป็นเวลาสิบสองชั่วโมงโดยไม่มีหยุดพัก แต่ก็ยังไม่ พบมือสังหาร”

 

แม่ทัพแห่งวังหลวงก้มหัวลง

เมื่อจักรพรรดิถังได้ยินเช่นนี้ ความสงสัยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

มือลอบสังหารไม่ได้อยู่ในวัง และก็ไม่ได้ออกไปทางประตูเมืองทั้งสี่ทิศ มันจะเป็นไปได้เช่นไรที่คนคนหนึ่งจะหายไปอย่างสมบูรณ์?

 

พลังนาคคชสารปัญญาบารมีเป็นวิชาพลังภายในปรากฏในนิยายเรื่อง จอมยุทธ์เทพอินทรี ของกิมย้ง มีที่มาจากคัมภีร์นาคคชสารปัญญาบารมี เป็นสุดยอดวิชาของนิกาย มิกจง มีทั้งสิ้น 13 ขั้น แต่สังฆราชจักรทองฝึกถึงขั้นที่ 10 ก็ แทบไร้ผู้ทัดเทียม

 

ตามต้นฉบับนิยายวิชานี้หากฝึกตามขั้นตอนแต่ละขั้นตอน ไม่มีทางฝึกฝนได้สําเร็จ ถ้าหากจะมีคนฝึกสําเร็จก็ต้องมีอายุร่วมพันปี โดยเฉพาะขั้นที่ 13 หากฝึกสําเร็จมีพลังประหนึ่งมังกร 13 ตัว และช้าง 13 เชือก เพียงแต่อายุขัยคนมีจํากัด บรรดาผู้อาวุโสมิกจงในอดีตก่อนจากโลกนี้ไปอย่างมากเพียงบรรลุได้ถึงแค่ขั้นที่ 7เท่านั้น

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+