เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 165 เข้าสู่ระบบ! ผลไม้ แก่นปีศาจ!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 165 เข้าสู่ระบบ! ผลไม้ แก่นปีศาจ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 165 เข้าสู่ระบบ! ผลไม้ แก่นปีศาจ!

 

“พี่สาม”

 

“พี่สาม พวกท่านเป็นอะไรหรือไม่”

 

จักรพรรดิถังก้าวเข้ามาแล้วกล่าวอย่างกังวล “นี่ข้าเหมือนได้กลิ่นดอกท้อมาจากที่นี่…”

 

ทันทีที่จักรพรรดิถังเห็นซูเยว่หยุนนอนอยู่บนก้อนหิน เขาก็ไม่สนใจกลิ่นหอมของดอกไม้อีกต่อไป เขารีบก้าวเข้าไปถามไถ่อย่างห่วงใย “พี่สาม หยุนเหนียงเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

“นางสบายดีอย่างยิ่ง”

 

ซูฉินตอบอย่างไม่ใส่ใจ

 

ในเวลานี้ซูเยวหยุนหายเป็นปกติแล้วตั้งแต่ที่ดูดซึมหยดน้ำจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาเข้าไปอย่างสมบูรณ์ และร่างกายของนางก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นร่างจิตวิญญาณ พฤกษา

 

ร่างจิตวิญญาณพฤกษาเป็นร่างกายที่เหมาะสมกับการฝึกยุทธชนิดหนึ่ง ทรงพลัง แข็งแรง ต้านทานโรคต่างๆ ได้ แม้จะไม่ได้ฝึกฝนวิชายุทธก็สามารถมีชีวิตอยู่อย่างไร้โรคภัยได้ตลอดร้อยปี หากเป็นผู้ฝึกยุทธพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ

 

อาจจะไม่ได้ดีเท่ากับหลีหว่านที่มีร่างกายปลอดโปร่งโดยกําเนิด แต่ก็ดีกว่าคนทั่วไปมาก

 

ในความเป็นจริง ตั้งแต่ที่ซูฉินเข้าสู่นภาชั้นที่หก เขาก็กําลังคิดพิจารณาว่าเมื่อใดที่จะมอบหยดน้ำจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาให้กับตระกูลซูดี

 

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ช่วยเสริมพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ อย่างน้อยๆ มันก็ช่วยทําให้มีอายุยืนยาวขึ้นได้อีกหลายสิบปี

 

“หยุนเหนียงสบายดีอย่างยิ่ง?”

 

หัวใจของจักรพรรดิถังที่บีบตัวแน่น ในที่สุดก็คลายออกได้บ้าง

 

ถ้าเป็นคนอื่นที่พูด จักรพรรดิถังอาจจะยังเคลือบแคลง สงสัยอยู่

 

อย่างไรก็ตามจักรพรรดิถังเข้าใจบุคลิกของซูฉินดี เขาจะไม่พูดเกินจริงและจะไม่พูดถ่อมตนเช่นกัน ฉะนั้นเมื่อซูฉินกล่าวว่าซูเยว่หยุนอาการดีมาก ซูเยว่หยุนก็น่าจะไม่มี ปัญหาใดจริงๆ

 

“รู้สึกว่าน้องเล็กดูเยาว์วัยลงมาก…” ซูเฉิงฮ่าวที่อยู่ด้า ข้างก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

ด้วยคําที่กล่าวออกมา

 

ทําให้จักรพรรดิถังเองก็เพิ่งมาสังเกตดูชัดๆ

 

หากเป็นซูเยวหยุนเมื่อก่อนคงจะดูซีดเซียวกว่านี้ แต่ตอนนี้เหมือนได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปอย่างสิ้นเชิง

 

“แล้วกลิ่นหอมของดอกไม้เมื่อครู่มาจากไหนกันนะ?” ซูเฉิงยู่กะพริบตาและมองไปรอบๆ อย่างสับสน

 

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ซูฉินรั้งพลังกลับไป ดอกท้อที่บานสะพรั่งก็แห้งเที่ยวกลับไปเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว ซูเฉิงยู่เฝ้ามองโดยรอบเป็นเวลานานแต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ

 

“ฝ่าบาท พลังชีวิตภายในร่างกายของพระนางไม่เพียงแต่ได้รับการฟื้นฟูกลับมาเท่านั้น แต่กลับยังไปไกลเกินกว่าที่เคยมีมาเสียอีก นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ”

 

“ทักษะทางการแพทย์ของพระมาตุลาแห่งอาณาจักรช่างเหนือล้ำอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนและคงจะไม่ได้เห็นจากใครอื่นอีกแล้ว ที่ข้าพูดนั้นมิได้เกินจริงเลย…”

 

หมอหลวงที่ติดตามองค์จักรพรรดิถังได้ตรวจสอบซูเยว่หยุนที่กําลังหลับอยู่ แล้วจึงอุทานออกมา

 

เขารู้อยู่แล้วว่าทักษะทางการแพทย์ของซูฉินนั้นยอดเยี่ยม แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะน่าเหลือเชื่อขนาดนี้?

 

ต้องรู้ว่าหมอหลวงทุกคนได้เห็นสภาพร่างกายของซูเยว่หยุนด้วยตาของตนเองแล้ว และพวกเขาก็เข้าใจถึงความลําบากยากเย็นในการรักษาอาการเหล่านี้

 

หากซูฉินใช้เวลาสองสามเดือน ใช้โอสถโบราณหลายขนานต้มให้กิน รักษาทั้งภายในและภายนอก ค่อยๆ รักษาอาการซูเยว่หยุนให้ฟื้นกลับมา หมอหลวงก็ยังคงพอยอมรับได้

 

แต่ในยามนี้?

 

ซูฉินเพิ่งไปเดินเล่นรอบๆ สวนต้องห้ามกับซูเยวหยุน ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงซูเยวหยุนกลับหายเป็นปกติแล้ว…

 

ไม่เพียงแต่หายขาดจากโรค แต่ตอนนี้สภาพร่างกายของซูเยว่หยุนยังดีกว่าขึ้นกว่าที่เคยซึ่งมันน่าเหลือเชื่อมาก 

 

“พี่สาม”

 

“ทําไมหยุนเอ๋อถึงยังไม่ตื่นเล่า”

 

จักรพรรดิถังรู้สึกยินดีอยู่ได้ชั่วขณะหนึ่ง และก็พบว่าซูเยว่หยุนอยู่ในสภาวะหลับสนิทอยู่ตลอดเวลา จึงถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง

 

“แม้ว่าข้าจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่ก็ต้องใช้เวลาในการนอนหลับพักฟื้นอีกประมาณสองปีจึงจะตื่นขึ้น”

 

ซูฉินเหลือบมองไปที่ซูเยว่หยุนแล้วจึงกล่าวคํา

 

นี่เป็นเหตุผลที่ซูฉินลังเลใจในตอนแรก ด้วยความช่วยเหลือของซูฉินถึงแม้จะทําให้ซูเยวหยุนสามารถดูดซึมหยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาได้อย่างราบรื่น แต่ก็ต้องหลับใหลไปถึงสองปี

 

แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับหลังจากนี้ การหลับใหลไปสองปีนั้นไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึง

 

“สองปี?”

 

จักรพรรดิถังถอนหายใจเล็กน้อย

 

ตราบใดที่ซูเยว่หยุนยังตื่นขึ้นมา ไม่ใช่แค่สองปี แม้ว่าจะเป็นเวลายี่สิบปีหรือสามสิบปี จักรพรรดิถังก็ยังรอได้ 

 

“คราวนี้ข้ารบกวนพี่สามอีกครั้งแล้ว”

 

จักรพรรดิถังโค้งคํานับซูฉินเล็กน้อย คําพูดเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

 

ตั้งแต่ที่เขาขึ้นครองราชย์ ไม่รู้ว่าซูฉินช่วยตนเองมากี่ครั้งแล้ว จักรพรรดิถังเองก็จําไม่ได้

 

“ไม่เป็นไร”

 

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะขอตัวกลับก่อน”

 

ซูฉินได้พูดคุยกับซูชื่อหมิน ซูเฉิงฮ่าว และซูเฉิงยู่เล็กน้อย จากนั้นเขาก็เตรียมพร้อมที่จะกลับไปพระราชวังใต้ผืนดินอันสูงตระหง่าน

 

ตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่หก เขาต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อที่จะทําให้ระดับขั้นปัจจุบันเสถียร เพื่อที่จะคุ้นเคยกับพลังของระดับนภาชั้นที่หกมากขึ้น

 

หลังจากที่ซูฉินจากไป

 

ซูเฉิงอ่าวกะพริบตาปริบๆ และอดไม่ได้ที่จะถามซูชื่อหมินว่า “ท่านพ่อ ท่านไม่ถามเสี่ยวฉินหรือว่าทําไมจู่ๆ ถึงมีกลิ่นหอมของดอกท้อโชยขจรขจาย…”

 

แม้ว่าซูเฉิงฮ่าวจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงมีกลิ่นหอมของดอกไม้โชยมา แต่ทิศทางน่าจะมาจากสวนต้องห้าม มีเพียงซูฉินและซูเยว่หยุนเท่านั้นที่อยู่ในสวนต้องห้ามเท่านั้นก่อนหน้านี้ ถ้าจะมีใครสักคนรู้ ผู้นั้นก็คงมีแต่ซูฉินเท่านั้น

 

“กลิ่นดอกไม้?”

 

ซูชื่อหมินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ช่างมันเถอะ ฉินเอ๋อเพิ่งจะรักษาหยุนเอ๋อไปคงจะเหนื่อยมาก ถ้าคราวหน้าพ่อเจอฉินเอ๋ออีก พ่อจะถามให้”

 

“อย่างนั้นก็ได้”

 

ซูเฉิงฮ่าวพยักหน้า

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ซูฉินกลับมาที่โถงพระราชวังใต้ดิน

 

“แน่นอน หลังจากที่มาถึงระดับนภาชั้นที่หก ข้ารู้สึกได้รางๆ ว่าการจะทะลวงเข้าสู่นภาชั้นที่เจ็ดคงจะใช้เวลานาน”

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ รับรู้ถึงร่างกายของตน โคจรแก่นแท้แห่งพลัง ครุ่นคิดอยู่ในใจ

 

แตกต่างจากการบ่มเพาะในระดับนภาชั้นที่ห้า สําหรับนภาชั้นที่ห้าหากต้องการจะตัดผ่านทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับถัดไป ก็เพียงแต่จะต้องสะสมพลังงานให้เพียงพอ เตรียม อารมณ์เตรียมใจให้พร้อม

 

แต่ยามที่อยู่ในระดับนภาชั้นที่หกจะเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่เจ็ด จําเป็นต้องเผชิญหน้ากับโซ่ตรวนและคอขวดที่กั้นกลางอยู่

 

ไม่ว่าจะเป็นตํานานยุทธหรืออรหันต์ มีเพียงผู้ที่เข้าสู่ระดับนภาชั้นที่เจ็ดเท่านั้นจึงจะเรียกว่าตํานานยุทธที่แท้จริงหรืออรหันต์ที่แท้จริงได้

 

นอกจากนี้ มีเพียงอัจฉริยะที่เข้าสู่นภาชั้นที่เจ็ดเท่านั้นที่มีโอกาสควบรวมอาณเขตพลังขนาดเล็ก ขึ้นมาได้

 

นี่แสดงให้เห็นว่าสําหรับอรหันต์หรือตํานานยุทธทั้งหลายระดับนภาชั้นที่เจ็ดเป็นการแปรสภาพอีกครั้งอย่างแน่นอน

 

….

 

ณ โลกถ้ำปิศาจ

 

ท้องฟ้ามืดครื้มไปหมด

 

ซูฉินเดินช้าๆ ไปยังต้นไม้ปีศาจที่แห้งเหี่ยวเหลือเพียงแต่ตอ

 

กลิ่นอายของต้นไม้ปีศาจนี้ช่างเก่าแก่ แม้ว่ามันจะเหี่ยวเฉาไปแล้วในตอนนี้ แต่มันก็เคยอยู่มากว่าหมื่นปี ซึ่งตรงตามเงื่อนไขในการลงชื่อเข้าใช้ของซูฉิน

 

“ระบบลงชื่อเข้าใช้ถูกผูกเข้ากับจิตวิญญาณแท้จริงของข้า แม้จะเปลี่ยนร่างไปตราบใดที่จิตวิญญาณแท้จริงของข้ายังไม่เปลี่ยนแปลงไป ข้าก็สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้”

 

“มีจิตวิญญาณแท้จริงอยู่เกือบครึ่งภายในร่างจําแลงร่างนี้ ถ้าว่ากันตามจริงแล้วก็ควรจะลงชื่อเข้าใช้ได้”

 

ความคิดของซูฉินผันผวนไปมา

 

จิตวิญญาณแท้จริงคือสิ่งใด

 

จิตวิญญาณแท้จริงคือสิ่งที่สําคัญที่สุดของสิ่งมีชีวิต 

 

จิตวิญญาณแท้จริงของแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป เป็นตัวแทนของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ

 

ร่างกายสามารถทําลายได้ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์สามารถสลายหายไป แต่จิตวิญญาณแท้จริงนั้นมีเพียงแค่หนึ่งเดียว

 

ยกตัวอย่างเช่นตัวตนอย่างตํานานยุทธและอรหันต์ การที่ร่างกายตายไปไม่นับเป็นการตายที่แท้จริง มีแต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์สลายหายไปเท่านั้นถึงจะนับเป็นการตายที่สมบูรณ์

อันที่จริงประโยคนี้ก็ใช่จะถูกต้องเสียทั้งหมด เพราะเบื้องหลังจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีจิตวิญญาณแท้จริงอยู่

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็มองดูต้นไม้ปีศาจที่อยู่ข้างหน้าและพิ่มฟ้ในใจว่า

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จได้รับ “ผลไม้แก่นปีศาจ” ]

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 165 เข้าสู่ระบบ! ผลไม้ แก่นปีศาจ!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 165 เข้าสู่ระบบ! ผลไม้ แก่นปีศาจ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 165 เข้าสู่ระบบ! ผลไม้ แก่นปีศาจ!

 

“พี่สาม”

 

“พี่สาม พวกท่านเป็นอะไรหรือไม่”

 

จักรพรรดิถังก้าวเข้ามาแล้วกล่าวอย่างกังวล “นี่ข้าเหมือนได้กลิ่นดอกท้อมาจากที่นี่…”

 

ทันทีที่จักรพรรดิถังเห็นซูเยว่หยุนนอนอยู่บนก้อนหิน เขาก็ไม่สนใจกลิ่นหอมของดอกไม้อีกต่อไป เขารีบก้าวเข้าไปถามไถ่อย่างห่วงใย “พี่สาม หยุนเหนียงเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

“นางสบายดีอย่างยิ่ง”

 

ซูฉินตอบอย่างไม่ใส่ใจ

 

ในเวลานี้ซูเยวหยุนหายเป็นปกติแล้วตั้งแต่ที่ดูดซึมหยดน้ำจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาเข้าไปอย่างสมบูรณ์ และร่างกายของนางก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นร่างจิตวิญญาณ พฤกษา

 

ร่างจิตวิญญาณพฤกษาเป็นร่างกายที่เหมาะสมกับการฝึกยุทธชนิดหนึ่ง ทรงพลัง แข็งแรง ต้านทานโรคต่างๆ ได้ แม้จะไม่ได้ฝึกฝนวิชายุทธก็สามารถมีชีวิตอยู่อย่างไร้โรคภัยได้ตลอดร้อยปี หากเป็นผู้ฝึกยุทธพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ

 

อาจจะไม่ได้ดีเท่ากับหลีหว่านที่มีร่างกายปลอดโปร่งโดยกําเนิด แต่ก็ดีกว่าคนทั่วไปมาก

 

ในความเป็นจริง ตั้งแต่ที่ซูฉินเข้าสู่นภาชั้นที่หก เขาก็กําลังคิดพิจารณาว่าเมื่อใดที่จะมอบหยดน้ำจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาให้กับตระกูลซูดี

 

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ช่วยเสริมพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ อย่างน้อยๆ มันก็ช่วยทําให้มีอายุยืนยาวขึ้นได้อีกหลายสิบปี

 

“หยุนเหนียงสบายดีอย่างยิ่ง?”

 

หัวใจของจักรพรรดิถังที่บีบตัวแน่น ในที่สุดก็คลายออกได้บ้าง

 

ถ้าเป็นคนอื่นที่พูด จักรพรรดิถังอาจจะยังเคลือบแคลง สงสัยอยู่

 

อย่างไรก็ตามจักรพรรดิถังเข้าใจบุคลิกของซูฉินดี เขาจะไม่พูดเกินจริงและจะไม่พูดถ่อมตนเช่นกัน ฉะนั้นเมื่อซูฉินกล่าวว่าซูเยว่หยุนอาการดีมาก ซูเยว่หยุนก็น่าจะไม่มี ปัญหาใดจริงๆ

 

“รู้สึกว่าน้องเล็กดูเยาว์วัยลงมาก…” ซูเฉิงฮ่าวที่อยู่ด้า ข้างก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

ด้วยคําที่กล่าวออกมา

 

ทําให้จักรพรรดิถังเองก็เพิ่งมาสังเกตดูชัดๆ

 

หากเป็นซูเยวหยุนเมื่อก่อนคงจะดูซีดเซียวกว่านี้ แต่ตอนนี้เหมือนได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปอย่างสิ้นเชิง

 

“แล้วกลิ่นหอมของดอกไม้เมื่อครู่มาจากไหนกันนะ?” ซูเฉิงยู่กะพริบตาและมองไปรอบๆ อย่างสับสน

 

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ซูฉินรั้งพลังกลับไป ดอกท้อที่บานสะพรั่งก็แห้งเที่ยวกลับไปเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว ซูเฉิงยู่เฝ้ามองโดยรอบเป็นเวลานานแต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ

 

“ฝ่าบาท พลังชีวิตภายในร่างกายของพระนางไม่เพียงแต่ได้รับการฟื้นฟูกลับมาเท่านั้น แต่กลับยังไปไกลเกินกว่าที่เคยมีมาเสียอีก นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ”

 

“ทักษะทางการแพทย์ของพระมาตุลาแห่งอาณาจักรช่างเหนือล้ำอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนและคงจะไม่ได้เห็นจากใครอื่นอีกแล้ว ที่ข้าพูดนั้นมิได้เกินจริงเลย…”

 

หมอหลวงที่ติดตามองค์จักรพรรดิถังได้ตรวจสอบซูเยว่หยุนที่กําลังหลับอยู่ แล้วจึงอุทานออกมา

 

เขารู้อยู่แล้วว่าทักษะทางการแพทย์ของซูฉินนั้นยอดเยี่ยม แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะน่าเหลือเชื่อขนาดนี้?

 

ต้องรู้ว่าหมอหลวงทุกคนได้เห็นสภาพร่างกายของซูเยว่หยุนด้วยตาของตนเองแล้ว และพวกเขาก็เข้าใจถึงความลําบากยากเย็นในการรักษาอาการเหล่านี้

 

หากซูฉินใช้เวลาสองสามเดือน ใช้โอสถโบราณหลายขนานต้มให้กิน รักษาทั้งภายในและภายนอก ค่อยๆ รักษาอาการซูเยว่หยุนให้ฟื้นกลับมา หมอหลวงก็ยังคงพอยอมรับได้

 

แต่ในยามนี้?

 

ซูฉินเพิ่งไปเดินเล่นรอบๆ สวนต้องห้ามกับซูเยวหยุน ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงซูเยวหยุนกลับหายเป็นปกติแล้ว…

 

ไม่เพียงแต่หายขาดจากโรค แต่ตอนนี้สภาพร่างกายของซูเยว่หยุนยังดีกว่าขึ้นกว่าที่เคยซึ่งมันน่าเหลือเชื่อมาก 

 

“พี่สาม”

 

“ทําไมหยุนเอ๋อถึงยังไม่ตื่นเล่า”

 

จักรพรรดิถังรู้สึกยินดีอยู่ได้ชั่วขณะหนึ่ง และก็พบว่าซูเยว่หยุนอยู่ในสภาวะหลับสนิทอยู่ตลอดเวลา จึงถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง

 

“แม้ว่าข้าจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่ก็ต้องใช้เวลาในการนอนหลับพักฟื้นอีกประมาณสองปีจึงจะตื่นขึ้น”

 

ซูฉินเหลือบมองไปที่ซูเยว่หยุนแล้วจึงกล่าวคํา

 

นี่เป็นเหตุผลที่ซูฉินลังเลใจในตอนแรก ด้วยความช่วยเหลือของซูฉินถึงแม้จะทําให้ซูเยวหยุนสามารถดูดซึมหยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาได้อย่างราบรื่น แต่ก็ต้องหลับใหลไปถึงสองปี

 

แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับหลังจากนี้ การหลับใหลไปสองปีนั้นไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึง

 

“สองปี?”

 

จักรพรรดิถังถอนหายใจเล็กน้อย

 

ตราบใดที่ซูเยว่หยุนยังตื่นขึ้นมา ไม่ใช่แค่สองปี แม้ว่าจะเป็นเวลายี่สิบปีหรือสามสิบปี จักรพรรดิถังก็ยังรอได้ 

 

“คราวนี้ข้ารบกวนพี่สามอีกครั้งแล้ว”

 

จักรพรรดิถังโค้งคํานับซูฉินเล็กน้อย คําพูดเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

 

ตั้งแต่ที่เขาขึ้นครองราชย์ ไม่รู้ว่าซูฉินช่วยตนเองมากี่ครั้งแล้ว จักรพรรดิถังเองก็จําไม่ได้

 

“ไม่เป็นไร”

 

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะขอตัวกลับก่อน”

 

ซูฉินได้พูดคุยกับซูชื่อหมิน ซูเฉิงฮ่าว และซูเฉิงยู่เล็กน้อย จากนั้นเขาก็เตรียมพร้อมที่จะกลับไปพระราชวังใต้ผืนดินอันสูงตระหง่าน

 

ตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่หก เขาต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อที่จะทําให้ระดับขั้นปัจจุบันเสถียร เพื่อที่จะคุ้นเคยกับพลังของระดับนภาชั้นที่หกมากขึ้น

 

หลังจากที่ซูฉินจากไป

 

ซูเฉิงอ่าวกะพริบตาปริบๆ และอดไม่ได้ที่จะถามซูชื่อหมินว่า “ท่านพ่อ ท่านไม่ถามเสี่ยวฉินหรือว่าทําไมจู่ๆ ถึงมีกลิ่นหอมของดอกท้อโชยขจรขจาย…”

 

แม้ว่าซูเฉิงฮ่าวจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงมีกลิ่นหอมของดอกไม้โชยมา แต่ทิศทางน่าจะมาจากสวนต้องห้าม มีเพียงซูฉินและซูเยว่หยุนเท่านั้นที่อยู่ในสวนต้องห้ามเท่านั้นก่อนหน้านี้ ถ้าจะมีใครสักคนรู้ ผู้นั้นก็คงมีแต่ซูฉินเท่านั้น

 

“กลิ่นดอกไม้?”

 

ซูชื่อหมินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ช่างมันเถอะ ฉินเอ๋อเพิ่งจะรักษาหยุนเอ๋อไปคงจะเหนื่อยมาก ถ้าคราวหน้าพ่อเจอฉินเอ๋ออีก พ่อจะถามให้”

 

“อย่างนั้นก็ได้”

 

ซูเฉิงฮ่าวพยักหน้า

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ซูฉินกลับมาที่โถงพระราชวังใต้ดิน

 

“แน่นอน หลังจากที่มาถึงระดับนภาชั้นที่หก ข้ารู้สึกได้รางๆ ว่าการจะทะลวงเข้าสู่นภาชั้นที่เจ็ดคงจะใช้เวลานาน”

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ รับรู้ถึงร่างกายของตน โคจรแก่นแท้แห่งพลัง ครุ่นคิดอยู่ในใจ

 

แตกต่างจากการบ่มเพาะในระดับนภาชั้นที่ห้า สําหรับนภาชั้นที่ห้าหากต้องการจะตัดผ่านทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับถัดไป ก็เพียงแต่จะต้องสะสมพลังงานให้เพียงพอ เตรียม อารมณ์เตรียมใจให้พร้อม

 

แต่ยามที่อยู่ในระดับนภาชั้นที่หกจะเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่เจ็ด จําเป็นต้องเผชิญหน้ากับโซ่ตรวนและคอขวดที่กั้นกลางอยู่

 

ไม่ว่าจะเป็นตํานานยุทธหรืออรหันต์ มีเพียงผู้ที่เข้าสู่ระดับนภาชั้นที่เจ็ดเท่านั้นจึงจะเรียกว่าตํานานยุทธที่แท้จริงหรืออรหันต์ที่แท้จริงได้

 

นอกจากนี้ มีเพียงอัจฉริยะที่เข้าสู่นภาชั้นที่เจ็ดเท่านั้นที่มีโอกาสควบรวมอาณเขตพลังขนาดเล็ก ขึ้นมาได้

 

นี่แสดงให้เห็นว่าสําหรับอรหันต์หรือตํานานยุทธทั้งหลายระดับนภาชั้นที่เจ็ดเป็นการแปรสภาพอีกครั้งอย่างแน่นอน

 

….

 

ณ โลกถ้ำปิศาจ

 

ท้องฟ้ามืดครื้มไปหมด

 

ซูฉินเดินช้าๆ ไปยังต้นไม้ปีศาจที่แห้งเหี่ยวเหลือเพียงแต่ตอ

 

กลิ่นอายของต้นไม้ปีศาจนี้ช่างเก่าแก่ แม้ว่ามันจะเหี่ยวเฉาไปแล้วในตอนนี้ แต่มันก็เคยอยู่มากว่าหมื่นปี ซึ่งตรงตามเงื่อนไขในการลงชื่อเข้าใช้ของซูฉิน

 

“ระบบลงชื่อเข้าใช้ถูกผูกเข้ากับจิตวิญญาณแท้จริงของข้า แม้จะเปลี่ยนร่างไปตราบใดที่จิตวิญญาณแท้จริงของข้ายังไม่เปลี่ยนแปลงไป ข้าก็สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้”

 

“มีจิตวิญญาณแท้จริงอยู่เกือบครึ่งภายในร่างจําแลงร่างนี้ ถ้าว่ากันตามจริงแล้วก็ควรจะลงชื่อเข้าใช้ได้”

 

ความคิดของซูฉินผันผวนไปมา

 

จิตวิญญาณแท้จริงคือสิ่งใด

 

จิตวิญญาณแท้จริงคือสิ่งที่สําคัญที่สุดของสิ่งมีชีวิต 

 

จิตวิญญาณแท้จริงของแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป เป็นตัวแทนของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ

 

ร่างกายสามารถทําลายได้ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์สามารถสลายหายไป แต่จิตวิญญาณแท้จริงนั้นมีเพียงแค่หนึ่งเดียว

 

ยกตัวอย่างเช่นตัวตนอย่างตํานานยุทธและอรหันต์ การที่ร่างกายตายไปไม่นับเป็นการตายที่แท้จริง มีแต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์สลายหายไปเท่านั้นถึงจะนับเป็นการตายที่สมบูรณ์

อันที่จริงประโยคนี้ก็ใช่จะถูกต้องเสียทั้งหมด เพราะเบื้องหลังจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีจิตวิญญาณแท้จริงอยู่

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็มองดูต้นไม้ปีศาจที่อยู่ข้างหน้าและพิ่มฟ้ในใจว่า

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จได้รับ “ผลไม้แก่นปีศาจ” ]

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+