เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 171 ฆ่ามัน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 171 ฆ่ามัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 171 ฆ่ามัน

 

“ในที่สุดก็ถึงระดับนภาชั้นที่เจ็ด…”

 

ซูฉินถอนหายใจเบาๆ ปราณไหลเข้ามาบรรจบกันทําให้เลือดลมสงบลง

 

“ไม่คาดคิดเลยว่าจะผ่านไปโดยราบรื่น ไม่มีจุดผกผันเลยสักนิดเดียว”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน แสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจอย่างมาก

 

“แก่นแท้แห่งพลัง ร่างกาย และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อยๆ ก็สิบเท่า ตอนนี้ข้าสามารถปราบตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่หกได้ด้วยนิ้วเดียว”

 

ซูฉินรู้สึกถึงพลังอันกว้างใหญ่ไพศาลของพลังปราณและเลือดเนื้อภายในร่าง เขาก็ได้กะประมาณอยู่ในใจ

 

“แม้ว่าการทะลวงขั้นจะราบรื่น แต่ก็ต้องใช้เวลาถึงหกเดือนในการปิดด่านฝึกตนครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีร่างจําแลงที่คอยลงชื่อเข้าใช้อยู่ภายในโลกถ้ำปีศาจอยู่ทุกวัน กลัวว่าข้าคงอกแตกตายไปเสียแล้ว…”

 

ซูฉินเหลือบมองไปที่บ่อน้ำปีศาจที่อยู่ไม่ไกล พร้อมกับคิดอยู่กับตนเอง

 

หากไม่มีร่างจําแลงที่คอยลงชื่อเข้าใช้ทุกวัน ซูฉินคงจะเสียเวลาในการลงชื่อเข้าใช้ไปถึงหกเดือนเต็มเลยทีเดียว

 

โอกาสในการลงชื่อเข้าใช้ถึงหกเดือน

 

คํานวณจากการที่ลงชื่อเข้าใช้ได้วันละครั้งแล้ว มีโอกาสลงชื่อเข้าใช้ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบครั้ง แม้ว่าจะสามารถเก็บผลไม้แก่นปีศาจได้ครั้งละผลก็ยังได้ผลไม้แก่นปีศาจถึงร้อยแปดสิบผลด้วยกัน

 

“ดูหน่อยซิ ว่าเกิดขึ้นอะไรข้างนอกบ้าง”

 

ซูฉินยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างขี้เกียจ และปล่อยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปตามใจต้องการซึ่งสามารถครอบคลุมรัศมีร้อยลี้ได้อย่างง่ายดาย

 

“หือ?”

 

“กองทัพจากเหมิ่งหยวน ยกพลมาประชิดเมืองฉางอาน?”

 

เพียงแค่คิด ซูฉินก้าวเท้าเดินออกไป และหายตัวไปจากจุดเดิม

 

ณ กําแพงเมืองฉางอัน

 

ใบหน้าของจักรพรรดิถังซีดเซียว

 

แม่ทัพถึงที่อยู่ด้านข้างก็ใบหน้าบิดเบี้ยวไปเช่นกัน

 

ในฐานะที่เป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด แม้จะไม่ได้ถูกราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายสิบลึกดดัน เขาก็ตระหนักดีถึงช่องว่างระหว่างตัวเขาและคู่ต่อสู้

 

“ฝ่าบาท”

 

“ทําไมพวกเราไม่หลบหนีกันไปก่อนเล่า ไม่ว่าจะอย่างไร การมีชีวิตอยู่ถือเป็นสิ่งสําคัญที่สุด” แม่ทัพแห่งวังหลวงอดไม่ได้ที่จะกล่าวบอก

 

บางทีคนอื่นๆ อาจจะเชื่อว่าตํานานยุทธภายในพระราชวังถึงจะลงมือ

 

อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนสนิทของจักรพรรดิถัง แม่ทัพแห่งวังหลวงเองก็ได้รู้จากจักรพรรดิถังมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เองว่าแม้แต่ตัวจักรพรรดิก็ไม่รู้ว่าใครคือตํานานยุทธที่อยู่ในพระราชวังถัง และไม่แน่ใจด้วยว่าท่านผู้นั้นจะลงมือหรือไม่

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ แม่ทัพแห่งวังหลวงจึงจําจะต้องเกลี้ยกล่อมจักรพรรดิถังให้รักษาชีวิตเอาไว้

 

ส่วนคนอื่นๆ นั้น ทําได้เพียงแต่ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าทิ้งบางส่วนไว้เบื้องหลัง

 

“เจ้าจะปล่อยให้ข้าละทิ้งผู้คนนับล้านในเมืองฉางอัน ละทิ้งภูมิหลังตระกูลถังและหลบหนีออกไปเพียงผู้เดียวงั้นรึ?” จักรพรรดิถังเหลือบมองไปยังแม่ทัพแห่งวังหลวงแล้วกล่าวคําแผ่วเบา

 

เป็นจักรพรรดิก็ต้องรักษาปกป้องอาณาจักร

 

จนชีวิตในฐานะจักรพรรดิจบสิ้นไป

 

ในฐานะจักรพรรดิแห่งอาณาจักรถัง ถ้าตัวเขารอดมาได้จริงๆ จะยังมีหน้าไปพบจักรพรรดิราชวงศ์ถังพระองค์อื่นๆ อีกหรือไม่?

 

“แม่ทัพยอมพลี แม่ทัพผู้นี้ขอยอมพลี…”

 

แม่ทัพแห่งวังหลวงทราบถึงความมุ่งมั่นในคําพูดขององค์จักรพรรดิถัง คุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ตราบใดที่แม่ทัพอย่างกระหม่อมยังไม่ตาย ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฝ่าบาทได้”

 

คําพูดของแม่ทัพถังเผยเจตจํานงที่จะยอมตายเอาไว้แล้ว

 

เขาเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด ถ้าต้องการจะจากไปก็ไม่มีใครหยุดเขาเอาไว้ได้ เว้นแต่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนจะลงมือเอง

 

อย่างไรก็ตาม แม่ทัพยังไม่มีความคิดเช่นนั้น เพราะเขาคือแม่ทัพแห่งวังหลวง และทุกสิ่งที่เขามีในวันนี้ก็ล้วนได้รับมาจากอาณาจักรถัง

 

“ดี!”

 

“ดีมาก!”

 

ใบหน้าของจักรพรรดิถังดูโล่งใจมากขึ้น

 

ขณะนั้นเองจักรพรรดิถังก็ได้เหลือบไปเห็นบางสิ่ง ทําให้เขาผงะไปเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า “พี่สาม ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

 

“เพิ่งจะถึงเมื่อครู่”

 

ซูฉินเดินไปที่ด้านหน้าของกําแพงเมืองอย่างรวดเร็ว มองไปยังกองทัพเหมิ่งหยวนที่อยู่ห่างออกไปกว่ายี่สิบลี้ 

 

ก่อนที่ซูฉินจะปิดด่านฝึกตนเพื่อเตรียมทะลวงขั้นขึ้นจากระดับนภาชั้นที่หก เขาได้แจ้งจักรพรรดิถังและตระกูลซูแล้วว่าตนต้องการจะเดินทางไกลเป็นเวลานาน

“พี่สาม ท่านไม่ควรกลับมา…”

 

จักรพรรดิถังถอนหายใจแผ่วเบา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขมขึ้น

 

ช่างเป็นจังหวะที่ไม่ดีเหลือเกินที่ซูฉินกลับมาในช่วงเวลานี้

 

“พี่สาม ตอนนี้ข้าจะให้คนพาท่านออกจากเมืองฉางอันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าได้หันกลับมาอีก”

 

จักรพรรดิเคร่งเครียดและกล่าวบอกอย่างจริงจัง

 

“ออกไป?”

 

“ทําไมข้าจึงต้องออกไป?”

 

ดวงตาของซูฉินสงบนิ่ง ตอบคําอย่างสบายๆ

 

“ทําไมถึงไม่อยากหนี้ไป?” จักรพรรดิถังตกตะลึง เขาเหลือบมองไปยังกองทัพเหมิ่งหยวนที่อยู่ห่างออกไปยสิบลี้ จากนั้นก็มองกลับมาที่ซูฉินอีกครั้ง แต่ซูฉินยังคงนิ่งเฉย

 

ทําไมถึงไม่อยากหนีไปกัน?

 

กองทัพเหมิ่งหยวนกําลังจะมาถึงแล้ว ไม่ยอมจากไป ท่านกําลังรอให้ฝ่ายตรงข้ามมาบดขยี้หรือไร?

 

“ พี่สาม”

 

“ไม่เพียงแต่ท่านจะต้องหนีไป แต่หยุนเหนียง หยวนเอ๋อและหว่านเอ๋อก็จะต้องหนีไปด้วย ท่านต้องดูแลพวกเขาแทนข้า”

 

จักรพรรดิถังกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึก

 

แม้ว่าจักรพรรดิถังได้ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ร่วมเป็นร่วมตายกับเมืองฉางอัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทนเห็นซูเยว่หยุน หลีหยวน และหลีหว่านตายไปพร้อมกับเขาได้

 

“ตอนนี้หยุนเหนียงยังคงหลับใหลอยู่ คงขาดพี่สามคอยดูแลไม่ได้ หยวนเอ๋อและหว่านเอ๋อก็ยังเด็กนักยังต้องการการสั่งสอนจากพี่สามอยู่”

 

“นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะได้ขอร้องพี่สามแล้ว…”

 

จักรพรรดิถังโค้งคํานับซูฉินเล็กน้อยและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดว่า “ข้านั้นคือองค์จักรพรรดิที่ใช้งานไม่ได้จริงๆ นอกจากจะไม่สามารถให้ความมั่งคั่งแลยศถาที่เหมาะสมกับสง่าราศีของพี่สามเท่านั้น ยังทําให้พี่สามต้องหลบหนีเอาชีวิตรอดอีก…”

 

“ไม่จําเป็น”

 

ซูฉินไม่ได้มองที่จักรพรรดิถังด้วยซ้ำ

 

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

 

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา

 

กองทัพเหมิ่งหยวนก็หยุดขบวนอยู่ที่นอกเมืองฉางอันห่างออกไปสิบลี

 

ทันใดนั้น กลิ่นเลือดจากระยะสิบลี้ก็พุ่งเข้ามาแตะจมูก

 

“จบสิ้นแล้ว”

 

“ต่อให้ต้องการจะหนีไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว”

 

จักรพรรดิถังรู้สึกหนาวเหน็บและเหลือบมองไปยังซูฉินที่อยู่ด้านข้าง

 

ในช่วงสองสามชั่วโมงที่ผ่านมา จักรพรรดิถังพยายามโน้มน้าวให้ซูฉินหนีไป แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย 

 

สิ่งนี้ทําให้จักรพรรดิถังกระวนกระวายใจแทบแย่

 

และหลังจากที่กองทัพเหมิ่งหยวนหยุดลง ขบวนทัพก็แหวกตัวออก ชายร่างสูงค่อยๆ เดินออกมาอย่างช้าๆ

 

“นั่นคือราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวน?”

 

เมื่อจักรพรรดิถังเห็นฉากนั้น ใบหน้าของเขาก็ซีดลงในทันที

 

คนบนกําแพงต่างก็ทําหน้าเคร่งขรึม สายตาจับจ้องไปที่ชายร่างสูงกันเกือบทั้งหมด

 

ท่ามกลางสายตาของทุกคน

 

ชายร่างสูงเดินออกมาสองสามก้าวแล้วก็หยุด จากนั้นก็จ้องมองไปที่เมืองฉางอันจากระยะไกลแล้วกล่าวว่า “เมื่อข้าเดินทางออกจากเหมิ่งหยวน ข้าก็ตั้งหน้าตั้งตารอ”

 

เสียงของชายร่างสูงไม่ได้ดัง แต่มันแผ่กระจายไปทั่วระยะสิบลี้ ดังก้องชัดเจนอยู่ข้างหูจักรพรรดิถังและคนอื่นๆ

 

“ข้าตั้งตารอที่จะได้สู้กับตํานานยุทธอีกคนที่อยู่ที่นี่!”

 

“พวกเราเหล่าจอมยุทธล้วนเต็มไปด้วยพลังชีวิตและเลือดเนื้ออันเร่าร้อน ต่อให้พวกเราจะต้องตาย ก็ต้องตายในการต่อสู้แทนที่จะนอนรอความตายด้วยการค่อยๆ แก่ชราเหมือนกับเต่าหดหัว”

 

เสียงของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็คล้ายกับระฆังทองสัมฤทธิ์ที่สั่นสะเทือนดังลั่นไปทั่วทุกทิศ

 

“แต่ตอนนี้ข้าผิดหวัง!”

 

“ข้าผิดหวังเหลือเกิน!”

 

“ปรากฏว่าไม่ได้มีจอมยุทธขอบเขตตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน”

 

“ความคาดหวังทั้งหมดของข้า ความตั้งใจที่จะต่อสู้ทั้งหมดนั้นอันตรธานหายไปหมดสิ้นแล้ว!”

 

คําพูดของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนเต็มไปด้วยความโกรธ และประโยคสุดท้ายยิ่งเกรี้ยวกราดราวกับฟ้าถล่ม

 

ทุกคนที่อยู่ด้านบนกําแพงเมืองฉางอันต่างได้ยินเสียงคํารามของราชครูเหมิ่งหยวนดังก้องอยู่ข้างหู สะท้านไปถึงหัวใจ

 

เหลือเพียงความคิดเดียวในใจของทุกคน

 

“ไม่มีตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน?”

 

“ไม่มีตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน?”

 

“ไม่มีตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน?”

 

ตลอดเวลา เหตุผลที่พวกเขาสามารถรวบรวมความกล้ามายืนหยัดต่อหน้ากองทัพกว่าห้าล้านของอาณาจักรเหมิ่งหยวนได้ก็เพราะฝากความหวังเอาไว้กับตํานานยุทธที่อยู่ในส่วนลึกของวังหลวง

 

แต่ตอนนี้ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนพูดกับปากเองว่าไม่มีตํานานยุทธอยู่ในเมืองฉางอัน?

 

ถ้าไม่มีตํานานยุทธ จะเอาอะไรไปต่อต้านกองทัพเหมิ่งหยวน?

 

“ข้าไม่ได้คาดหวังว่าตํานานยุทธในเมืองฉางอันจะจากไป เช่นนี้?” ดวงตาของผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนเป็นประกาย และพึมพําอยู่กับตนเอง

 

ก่อนที่จะเดินทางมา เขายังกังวลอยู่ว่าราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนกับตํานานยุทธแห่งเมืองฉางอัน ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน

 

แต่ตอนนี้ ถ้าไม่มีตํานานยุทธภายในเมืองฉางอันจริงๆ ก็ไม่จําเป็นต้องให้ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนลงมือด้วยซ้ำ แค่กองทัพเหมิ่งหยวนอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะบุกทะลวงเมืองฉางอัน

 

“รวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง”

 

“เหมิ่งหยวนของเราจะหมดทุกข์หมดโศก และจะรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งสืบไป สร้างโลกที่ไม่มีใครเทียบเทียม…”

 

ดวงตาของผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนเต็มไปด้วยอารมณ์อันเร่าร้อน

 

บนกําแพงเมือง

 

ใบหน้าของจักรพรรดิถังซีดจาง ความสิ้นหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้า

 

ก่อนหน้านี้เขามีความหวังลึกๆ ในใจ ว่าสุดท้ายตํานานยุทธที่อยู่ในส่วนลึกของวังหลวงจะสามารถป้องกันราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนได้

 

แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินสิ่งที่ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนพูดจักรพรรดิถังก็เหมือนตกลงไปในก้นเหว

 

จักรพรรดิถังไม่ได้สงสัยว่าราชครูเหมิ่งหยวนจะโกหก ตอนนี้สงครามกําลังจะเกิด ไม่มีเหตุผลที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนจะโกหกเลย

 

ถ้าตํานานยุทธผู้นั้นอยู่ภายในเมืองฉางอันจริงๆ เกรงว่าคงจะลงมือไปนานแล้ว คงจะไม่รอจนถึงตอนนี้

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จักรพรรดิถังก็รู้สึกหน้ามืด ขาแข้งอ่อนยวบล้มลงไปกับพื้น

 

ทันใดนั้น

 

ตอนนั้นเอง

 

มือขวาเพรียวบางและทรงพลังก็ประคองจักรพรรดิถังเอาไว้

 

“พี่สาม”

 

จักรพรรดิถังค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนได้ เมื่อเห็นว่าเป็นพี่สามที่คอยประคองเขาเอาไว้ จึงกล่าวออกอย่างขมขึ้น “พี่สาม ข้าขอโทษจริงๆ สําหรับตัวท่าน ขอโทษหยุนเหนียง ขอโทษตระกูลซู ขอโทษราชวงศ์สกุลถังนับร้อยคน

 

“ไม่ต้องขอโทษแล้ว”

 

ซูฉินขัดจังหวะจักรพรรดิถัง รั้งมือขวากลับไป แล้วเดินไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้า

 

“พี่สาม ท่านจะทําอะไร?”

 

จักรพรรดิถังตะโกนเสียงดังอย่างลืมตัว

 

ซูฉินไม่ได้หันกลับไปมอง พูดเพียงคําสองคําเท่านั้น

 

“ฆ่ามัน!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 171 ฆ่ามัน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 171 ฆ่ามัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 171 ฆ่ามัน

 

“ในที่สุดก็ถึงระดับนภาชั้นที่เจ็ด…”

 

ซูฉินถอนหายใจเบาๆ ปราณไหลเข้ามาบรรจบกันทําให้เลือดลมสงบลง

 

“ไม่คาดคิดเลยว่าจะผ่านไปโดยราบรื่น ไม่มีจุดผกผันเลยสักนิดเดียว”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน แสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจอย่างมาก

 

“แก่นแท้แห่งพลัง ร่างกาย และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อยๆ ก็สิบเท่า ตอนนี้ข้าสามารถปราบตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่หกได้ด้วยนิ้วเดียว”

 

ซูฉินรู้สึกถึงพลังอันกว้างใหญ่ไพศาลของพลังปราณและเลือดเนื้อภายในร่าง เขาก็ได้กะประมาณอยู่ในใจ

 

“แม้ว่าการทะลวงขั้นจะราบรื่น แต่ก็ต้องใช้เวลาถึงหกเดือนในการปิดด่านฝึกตนครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีร่างจําแลงที่คอยลงชื่อเข้าใช้อยู่ภายในโลกถ้ำปีศาจอยู่ทุกวัน กลัวว่าข้าคงอกแตกตายไปเสียแล้ว…”

 

ซูฉินเหลือบมองไปที่บ่อน้ำปีศาจที่อยู่ไม่ไกล พร้อมกับคิดอยู่กับตนเอง

 

หากไม่มีร่างจําแลงที่คอยลงชื่อเข้าใช้ทุกวัน ซูฉินคงจะเสียเวลาในการลงชื่อเข้าใช้ไปถึงหกเดือนเต็มเลยทีเดียว

 

โอกาสในการลงชื่อเข้าใช้ถึงหกเดือน

 

คํานวณจากการที่ลงชื่อเข้าใช้ได้วันละครั้งแล้ว มีโอกาสลงชื่อเข้าใช้ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบครั้ง แม้ว่าจะสามารถเก็บผลไม้แก่นปีศาจได้ครั้งละผลก็ยังได้ผลไม้แก่นปีศาจถึงร้อยแปดสิบผลด้วยกัน

 

“ดูหน่อยซิ ว่าเกิดขึ้นอะไรข้างนอกบ้าง”

 

ซูฉินยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างขี้เกียจ และปล่อยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปตามใจต้องการซึ่งสามารถครอบคลุมรัศมีร้อยลี้ได้อย่างง่ายดาย

 

“หือ?”

 

“กองทัพจากเหมิ่งหยวน ยกพลมาประชิดเมืองฉางอาน?”

 

เพียงแค่คิด ซูฉินก้าวเท้าเดินออกไป และหายตัวไปจากจุดเดิม

 

ณ กําแพงเมืองฉางอัน

 

ใบหน้าของจักรพรรดิถังซีดเซียว

 

แม่ทัพถึงที่อยู่ด้านข้างก็ใบหน้าบิดเบี้ยวไปเช่นกัน

 

ในฐานะที่เป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด แม้จะไม่ได้ถูกราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายสิบลึกดดัน เขาก็ตระหนักดีถึงช่องว่างระหว่างตัวเขาและคู่ต่อสู้

 

“ฝ่าบาท”

 

“ทําไมพวกเราไม่หลบหนีกันไปก่อนเล่า ไม่ว่าจะอย่างไร การมีชีวิตอยู่ถือเป็นสิ่งสําคัญที่สุด” แม่ทัพแห่งวังหลวงอดไม่ได้ที่จะกล่าวบอก

 

บางทีคนอื่นๆ อาจจะเชื่อว่าตํานานยุทธภายในพระราชวังถึงจะลงมือ

 

อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนสนิทของจักรพรรดิถัง แม่ทัพแห่งวังหลวงเองก็ได้รู้จากจักรพรรดิถังมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เองว่าแม้แต่ตัวจักรพรรดิก็ไม่รู้ว่าใครคือตํานานยุทธที่อยู่ในพระราชวังถัง และไม่แน่ใจด้วยว่าท่านผู้นั้นจะลงมือหรือไม่

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ แม่ทัพแห่งวังหลวงจึงจําจะต้องเกลี้ยกล่อมจักรพรรดิถังให้รักษาชีวิตเอาไว้

 

ส่วนคนอื่นๆ นั้น ทําได้เพียงแต่ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าทิ้งบางส่วนไว้เบื้องหลัง

 

“เจ้าจะปล่อยให้ข้าละทิ้งผู้คนนับล้านในเมืองฉางอัน ละทิ้งภูมิหลังตระกูลถังและหลบหนีออกไปเพียงผู้เดียวงั้นรึ?” จักรพรรดิถังเหลือบมองไปยังแม่ทัพแห่งวังหลวงแล้วกล่าวคําแผ่วเบา

 

เป็นจักรพรรดิก็ต้องรักษาปกป้องอาณาจักร

 

จนชีวิตในฐานะจักรพรรดิจบสิ้นไป

 

ในฐานะจักรพรรดิแห่งอาณาจักรถัง ถ้าตัวเขารอดมาได้จริงๆ จะยังมีหน้าไปพบจักรพรรดิราชวงศ์ถังพระองค์อื่นๆ อีกหรือไม่?

 

“แม่ทัพยอมพลี แม่ทัพผู้นี้ขอยอมพลี…”

 

แม่ทัพแห่งวังหลวงทราบถึงความมุ่งมั่นในคําพูดขององค์จักรพรรดิถัง คุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ตราบใดที่แม่ทัพอย่างกระหม่อมยังไม่ตาย ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฝ่าบาทได้”

 

คําพูดของแม่ทัพถังเผยเจตจํานงที่จะยอมตายเอาไว้แล้ว

 

เขาเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด ถ้าต้องการจะจากไปก็ไม่มีใครหยุดเขาเอาไว้ได้ เว้นแต่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนจะลงมือเอง

 

อย่างไรก็ตาม แม่ทัพยังไม่มีความคิดเช่นนั้น เพราะเขาคือแม่ทัพแห่งวังหลวง และทุกสิ่งที่เขามีในวันนี้ก็ล้วนได้รับมาจากอาณาจักรถัง

 

“ดี!”

 

“ดีมาก!”

 

ใบหน้าของจักรพรรดิถังดูโล่งใจมากขึ้น

 

ขณะนั้นเองจักรพรรดิถังก็ได้เหลือบไปเห็นบางสิ่ง ทําให้เขาผงะไปเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า “พี่สาม ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

 

“เพิ่งจะถึงเมื่อครู่”

 

ซูฉินเดินไปที่ด้านหน้าของกําแพงเมืองอย่างรวดเร็ว มองไปยังกองทัพเหมิ่งหยวนที่อยู่ห่างออกไปกว่ายี่สิบลี้ 

 

ก่อนที่ซูฉินจะปิดด่านฝึกตนเพื่อเตรียมทะลวงขั้นขึ้นจากระดับนภาชั้นที่หก เขาได้แจ้งจักรพรรดิถังและตระกูลซูแล้วว่าตนต้องการจะเดินทางไกลเป็นเวลานาน

“พี่สาม ท่านไม่ควรกลับมา…”

 

จักรพรรดิถังถอนหายใจแผ่วเบา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขมขึ้น

 

ช่างเป็นจังหวะที่ไม่ดีเหลือเกินที่ซูฉินกลับมาในช่วงเวลานี้

 

“พี่สาม ตอนนี้ข้าจะให้คนพาท่านออกจากเมืองฉางอันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าได้หันกลับมาอีก”

 

จักรพรรดิเคร่งเครียดและกล่าวบอกอย่างจริงจัง

 

“ออกไป?”

 

“ทําไมข้าจึงต้องออกไป?”

 

ดวงตาของซูฉินสงบนิ่ง ตอบคําอย่างสบายๆ

 

“ทําไมถึงไม่อยากหนี้ไป?” จักรพรรดิถังตกตะลึง เขาเหลือบมองไปยังกองทัพเหมิ่งหยวนที่อยู่ห่างออกไปยสิบลี้ จากนั้นก็มองกลับมาที่ซูฉินอีกครั้ง แต่ซูฉินยังคงนิ่งเฉย

 

ทําไมถึงไม่อยากหนีไปกัน?

 

กองทัพเหมิ่งหยวนกําลังจะมาถึงแล้ว ไม่ยอมจากไป ท่านกําลังรอให้ฝ่ายตรงข้ามมาบดขยี้หรือไร?

 

“ พี่สาม”

 

“ไม่เพียงแต่ท่านจะต้องหนีไป แต่หยุนเหนียง หยวนเอ๋อและหว่านเอ๋อก็จะต้องหนีไปด้วย ท่านต้องดูแลพวกเขาแทนข้า”

 

จักรพรรดิถังกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึก

 

แม้ว่าจักรพรรดิถังได้ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ร่วมเป็นร่วมตายกับเมืองฉางอัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทนเห็นซูเยว่หยุน หลีหยวน และหลีหว่านตายไปพร้อมกับเขาได้

 

“ตอนนี้หยุนเหนียงยังคงหลับใหลอยู่ คงขาดพี่สามคอยดูแลไม่ได้ หยวนเอ๋อและหว่านเอ๋อก็ยังเด็กนักยังต้องการการสั่งสอนจากพี่สามอยู่”

 

“นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะได้ขอร้องพี่สามแล้ว…”

 

จักรพรรดิถังโค้งคํานับซูฉินเล็กน้อยและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดว่า “ข้านั้นคือองค์จักรพรรดิที่ใช้งานไม่ได้จริงๆ นอกจากจะไม่สามารถให้ความมั่งคั่งแลยศถาที่เหมาะสมกับสง่าราศีของพี่สามเท่านั้น ยังทําให้พี่สามต้องหลบหนีเอาชีวิตรอดอีก…”

 

“ไม่จําเป็น”

 

ซูฉินไม่ได้มองที่จักรพรรดิถังด้วยซ้ำ

 

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

 

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา

 

กองทัพเหมิ่งหยวนก็หยุดขบวนอยู่ที่นอกเมืองฉางอันห่างออกไปสิบลี

 

ทันใดนั้น กลิ่นเลือดจากระยะสิบลี้ก็พุ่งเข้ามาแตะจมูก

 

“จบสิ้นแล้ว”

 

“ต่อให้ต้องการจะหนีไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว”

 

จักรพรรดิถังรู้สึกหนาวเหน็บและเหลือบมองไปยังซูฉินที่อยู่ด้านข้าง

 

ในช่วงสองสามชั่วโมงที่ผ่านมา จักรพรรดิถังพยายามโน้มน้าวให้ซูฉินหนีไป แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย 

 

สิ่งนี้ทําให้จักรพรรดิถังกระวนกระวายใจแทบแย่

 

และหลังจากที่กองทัพเหมิ่งหยวนหยุดลง ขบวนทัพก็แหวกตัวออก ชายร่างสูงค่อยๆ เดินออกมาอย่างช้าๆ

 

“นั่นคือราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวน?”

 

เมื่อจักรพรรดิถังเห็นฉากนั้น ใบหน้าของเขาก็ซีดลงในทันที

 

คนบนกําแพงต่างก็ทําหน้าเคร่งขรึม สายตาจับจ้องไปที่ชายร่างสูงกันเกือบทั้งหมด

 

ท่ามกลางสายตาของทุกคน

 

ชายร่างสูงเดินออกมาสองสามก้าวแล้วก็หยุด จากนั้นก็จ้องมองไปที่เมืองฉางอันจากระยะไกลแล้วกล่าวว่า “เมื่อข้าเดินทางออกจากเหมิ่งหยวน ข้าก็ตั้งหน้าตั้งตารอ”

 

เสียงของชายร่างสูงไม่ได้ดัง แต่มันแผ่กระจายไปทั่วระยะสิบลี้ ดังก้องชัดเจนอยู่ข้างหูจักรพรรดิถังและคนอื่นๆ

 

“ข้าตั้งตารอที่จะได้สู้กับตํานานยุทธอีกคนที่อยู่ที่นี่!”

 

“พวกเราเหล่าจอมยุทธล้วนเต็มไปด้วยพลังชีวิตและเลือดเนื้ออันเร่าร้อน ต่อให้พวกเราจะต้องตาย ก็ต้องตายในการต่อสู้แทนที่จะนอนรอความตายด้วยการค่อยๆ แก่ชราเหมือนกับเต่าหดหัว”

 

เสียงของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็คล้ายกับระฆังทองสัมฤทธิ์ที่สั่นสะเทือนดังลั่นไปทั่วทุกทิศ

 

“แต่ตอนนี้ข้าผิดหวัง!”

 

“ข้าผิดหวังเหลือเกิน!”

 

“ปรากฏว่าไม่ได้มีจอมยุทธขอบเขตตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน”

 

“ความคาดหวังทั้งหมดของข้า ความตั้งใจที่จะต่อสู้ทั้งหมดนั้นอันตรธานหายไปหมดสิ้นแล้ว!”

 

คําพูดของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนเต็มไปด้วยความโกรธ และประโยคสุดท้ายยิ่งเกรี้ยวกราดราวกับฟ้าถล่ม

 

ทุกคนที่อยู่ด้านบนกําแพงเมืองฉางอันต่างได้ยินเสียงคํารามของราชครูเหมิ่งหยวนดังก้องอยู่ข้างหู สะท้านไปถึงหัวใจ

 

เหลือเพียงความคิดเดียวในใจของทุกคน

 

“ไม่มีตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน?”

 

“ไม่มีตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน?”

 

“ไม่มีตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน?”

 

ตลอดเวลา เหตุผลที่พวกเขาสามารถรวบรวมความกล้ามายืนหยัดต่อหน้ากองทัพกว่าห้าล้านของอาณาจักรเหมิ่งหยวนได้ก็เพราะฝากความหวังเอาไว้กับตํานานยุทธที่อยู่ในส่วนลึกของวังหลวง

 

แต่ตอนนี้ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนพูดกับปากเองว่าไม่มีตํานานยุทธอยู่ในเมืองฉางอัน?

 

ถ้าไม่มีตํานานยุทธ จะเอาอะไรไปต่อต้านกองทัพเหมิ่งหยวน?

 

“ข้าไม่ได้คาดหวังว่าตํานานยุทธในเมืองฉางอันจะจากไป เช่นนี้?” ดวงตาของผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนเป็นประกาย และพึมพําอยู่กับตนเอง

 

ก่อนที่จะเดินทางมา เขายังกังวลอยู่ว่าราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนกับตํานานยุทธแห่งเมืองฉางอัน ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน

 

แต่ตอนนี้ ถ้าไม่มีตํานานยุทธภายในเมืองฉางอันจริงๆ ก็ไม่จําเป็นต้องให้ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนลงมือด้วยซ้ำ แค่กองทัพเหมิ่งหยวนอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะบุกทะลวงเมืองฉางอัน

 

“รวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง”

 

“เหมิ่งหยวนของเราจะหมดทุกข์หมดโศก และจะรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งสืบไป สร้างโลกที่ไม่มีใครเทียบเทียม…”

 

ดวงตาของผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนเต็มไปด้วยอารมณ์อันเร่าร้อน

 

บนกําแพงเมือง

 

ใบหน้าของจักรพรรดิถังซีดจาง ความสิ้นหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้า

 

ก่อนหน้านี้เขามีความหวังลึกๆ ในใจ ว่าสุดท้ายตํานานยุทธที่อยู่ในส่วนลึกของวังหลวงจะสามารถป้องกันราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนได้

 

แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินสิ่งที่ราชครูอาณาจักรเหมิ่งหยวนพูดจักรพรรดิถังก็เหมือนตกลงไปในก้นเหว

 

จักรพรรดิถังไม่ได้สงสัยว่าราชครูเหมิ่งหยวนจะโกหก ตอนนี้สงครามกําลังจะเกิด ไม่มีเหตุผลที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนจะโกหกเลย

 

ถ้าตํานานยุทธผู้นั้นอยู่ภายในเมืองฉางอันจริงๆ เกรงว่าคงจะลงมือไปนานแล้ว คงจะไม่รอจนถึงตอนนี้

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จักรพรรดิถังก็รู้สึกหน้ามืด ขาแข้งอ่อนยวบล้มลงไปกับพื้น

 

ทันใดนั้น

 

ตอนนั้นเอง

 

มือขวาเพรียวบางและทรงพลังก็ประคองจักรพรรดิถังเอาไว้

 

“พี่สาม”

 

จักรพรรดิถังค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนได้ เมื่อเห็นว่าเป็นพี่สามที่คอยประคองเขาเอาไว้ จึงกล่าวออกอย่างขมขึ้น “พี่สาม ข้าขอโทษจริงๆ สําหรับตัวท่าน ขอโทษหยุนเหนียง ขอโทษตระกูลซู ขอโทษราชวงศ์สกุลถังนับร้อยคน

 

“ไม่ต้องขอโทษแล้ว”

 

ซูฉินขัดจังหวะจักรพรรดิถัง รั้งมือขวากลับไป แล้วเดินไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้า

 

“พี่สาม ท่านจะทําอะไร?”

 

จักรพรรดิถังตะโกนเสียงดังอย่างลืมตัว

 

ซูฉินไม่ได้หันกลับไปมอง พูดเพียงคําสองคําเท่านั้น

 

“ฆ่ามัน!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+