เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 173 สะเทือนเลือนลั่น

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 173 สะเทือนเลือนลั่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 173 สะเทือนเลือนลั่น

 

“เป็นไปได้อย่างไร?”

 

กองทัพกว่าห้าล้านนายของอาณาจักรเหมิ่งหยวนยืนนิ่ง พวกเขามองดูราชครูแห่งอาณาจักรที่เหมือนกับเทพเจ้าถูกทะลวงแทงด้วยนิ้วมือ เกือบจะคิดไปว่าสิ่งที่พวกมันเห็นนั้นคือภาพลวงตา

 

“ท่านราชครูแห่งอาณาจักรสิ้นชีพแล้ว?”

 

“ท่านราชครูแห่งอาณาจักรสิ้นชีพได้อย่างไร?”

 

ฝ่ามือฝ่าเท้าของคนในฝั่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนเย็นเยียบ เริ่มวิตกกังวล ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดถึงการยอมจํานนของเหล่าอาณาจักรต่างๆ เหมิ่นหยวนจะครอบครองทั้งใต้หล้า…. แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนสิ้นชีพในพริบตา

 

หลังจากราชครูแห่งอาณาจักรเสียชีวิตลง อาณาจักรเหมิ่งหยวนก็สูญเสียอํานาจสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไป แม้ว่าด้วยอํานาจของอาณาจักรเหมิ่งหยวนตอนนี้ยังสามารถครอบครองพื้นที่ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดได้ แต่ก็คงเป็นเรื่องตลกถ้ายังคิดจะครอบครองใต้หล้า

 

เหล่าแม่ทัพนายกองที่ยืนอยู่เคียงข้างผู้นาอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็เริ่มหนาวเหน็บในใจ พวกเขาคิดไปไกลยิ่งกว่าคนอื่น ราชครูแห่งอาณาจักรสิ้นชีพ แล้วจะทําอะไรต่อไปดี?

 

อาณาจักรเหมิ่งหยวนมีกองกําลังกว่าห้าล้านนาย เรียกได้ว่าเป็นกองกําลังทั้งหมดของอาณาจักร เมื่อการรบพ่ายแพ้ไม่เป็นท่าและต้องหวนคืนกลับสู่อาณาจักรอีกครั้ง เกรงว่าคงต้องเผชิญหน้ากับความคับข้องใจของผู้คน

 

และ…

 

แม่ทัพทั้งหลายเหลือบมองซูฉินผู้ซึ่งสังหารราชครูแห่งอาณาจักรลงได้ ขนบนหัวของพวกเขาก็ลุกชั้น

 

พวกเขาจะกลับคืนสู่อาณาจักรได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ นั่นคือคําถามที่ใหญ่ยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับความคับข้องใจของผู้คนเสียอีก

 

เมื่อเทียบกับกองทัพเหมิ่งหยวนที่เงียบกริบ

 

อาณาจักรถังส่งเสียงโห่ร้องอย่างเต็มที่ ทหารอาณาจักรถึงจํานวนมหาศาลเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาไม่รู้จักซูฉิน รู้เพียงแต่ว่าซูฉินออกไปเพื่อสังหารตํานานยุทธของกองทัพเหมิ่งหยวนและได้ช่วยชีวิตนับร้อยครัวเรือนโดยการลงมือในครั้งนี้

 

“อาณาจักรถังจงเจริญ”

 

“ฝ่าบาททรงพระเจริญ”

 

ผู้คนภายในเมืองฉางอันอดไม่ได้ที่ส่งเสียงตะโกนโห่ร้อง

 

“ชายผู้นั้นใช่ตํานานยุทธที่อยู่ภายในวังหลวงหรือเปล่า?” สตรีรูปงามผู้หนึ่งมองที่ซูฉินด้วยความชื่นชม

 

“มองดูแล้วก็อายุไม่ต่างจากข้ามาก ไม่รู้ว่าเรื่องที่ข้าเคยแต่งงานมาแล้ว…”

 

ผู้หญิงคนนี้ก้มหน้าลงและพูดงึมงําอยู่คนเดียว

 

“เห้เห้”

 

เมื่อจอมยุทธที่อยู่ด้านข้างได้ยิน เขาก็ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ตํานานยุทธนะเป็นที่เคารพมากเพียงไร? จะมาหลงเสน่ห์เจ้าได้อย่างไร…”

 

จอมยุทธคนนี้พูดได้เท่านั้นแล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อไป

 

แต่ความหมายที่อยู่ภายในประโยคเมื่อครู่ เท่ากับเป็นการบอกว่า “เจ้าไม่คู่ควร”

 

“เจ้า?!”

 

หญิงงามคนนั้นหน้าแดงซ่าน กระทืบเท้าแล้ววิ่งหนีไป 

 

พอคนอื่นๆ เห็นฉากนี้ ก็หันมายิ้มให้กัน ไม่ได้รู้สึกว่ามันผิดปกติอะไรกับความคิดของหญิงนางนั้น แต่ถ้าจะให้กล่าวว่าสามารถกระทําได้หรือไม่นั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

“อย่างไรก็ตาม ตํานานยุทธในอาณาจักรถังของพวกเรานั้นแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัว ควรจะอยู่ในขั้นที่ลึกซึ้งแล้วของขอบเขตตํานานยุทธ”

 

จอมยุทธที่อยู่ในขอบเขตสามระดับบนถอนหายใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์บางอย่าง

 

“จริงแท้”

 

จอมยุทธคนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วย ใบหน้าของพวกเขาแสดงอาการกริ่งเกรง

 

ซูฉินสามารถสังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนได้อย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นเหนือกว่าอีกฝ่ายมาก สําหรับจอมยุทธเหล่านี้ ตํานานยุทธนั้นก็เป็นตัวตนที่ไกลเกินเอื้อมแล้ว แต่ชายผู้นั้นกลับเป็นผู้แข็งแกร่ง แม้แต่ในขอบเขตตํานานยุทธด้วยกัน?

 

ยามที่ผู้คนมากมายกําลังพูดถึงเรื่องนี้ จักรพรรดิถังและขุนนางทั้งหลายที่อยู่บนกําแพงเมืองต่างตกตะลึง

 

“พี่สาม สังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวน?” 

 

จักรพรรดิถังยังไม่ฟื้นตัวจากอาการตกใจที่ซูฉินก้าวเท้าเหยียบไปบนอากาศ รู้ตัวอีกทีก็เห็นราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนตกตายภายใต้น้ำมือของซูฉินเสียแล้ว จิตใจของพระองค์ว่างเปล่าอีกครั้ง

 

ผ่านไปนานทีเดียวก่อนจักรพรรดิถังจะตอบสนองได้อีก เขามองไปที่แม่ทัพแห่งวังหลวงซึ่งอยู่ด้านข้าง กล่าวถามด้วยเสียงแหบแห้ง “เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น”

 

“ฝ่าบาท”

 

แม่ทัพถึงเองก็รู้สึกตกใจ เหลือเชื่อ และความรู้สึกอื่นๆ ก็สาดซัดเข้ามามากมาย ในที่สุดเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถอนลมหายใจออก แล้วจึงกล่าวคํา “พระมาตุลาแห่งอาณาจักรเพิ่งจะสังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนไปพ่ะย่ะค่ะ”

 

หลังจากที่แม่ทัพดังกล่าวคําไป เขาก็สงบจิตใจก่อนจะกล่าวต่อ “ฝ่าบาท พระมาตุลาแห่งอาณาจักรเป็นตํานานยุทธที่อยู่ภายในวัง”

 

เมื่อแม่ทัพดังกล่าวเช่นนี้ ภาพความทรงจําที่มีต่อซูฉินภาพแล้วภาพเล่ากวาบผ่านเข้ามาในใจ

 

ในสายตาของแม่ทัพถัง ซูฉินมีความสามารถบางอย่างที่แม้แต่จักรพรรดิพระองค์ก่อนก็ยังชื่นชม แต่เมื่อเทียบกับตัวตนอย่างตํานานยุทธ ทั้งหมดนั้นก็ไม่นับเป็นอะไร 

 

“ปรากฏว่าข้าได้พบตํานานยุทธมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว…” แม่ทัพแห่งวังหลวงขณะนี้ดูเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันมากล้น

 

เขาเป็นผู้บัญชาการกองทัพภายในวัง มักจะเดินลาดตระเวนอยู่บ่อยๆ และบางครั้งก็จะเห็นซูฉินเดินเตร็ดเตร่อยู่ภายในวัง

 

“ข้าควรจะคิดได้ ข้าควรจะคิดได้ ข้าควรจะนึกออกแต่แรก”

 

จักรพรรดิถังร้องคํารามในใจ บ่นพึมพําอยู่กับตนเอง

 

ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมาในราชวงศ์ถัง นอกจากปฐมจักรพรรดิแล้ว ยังไม่มีใครเคยได้ยินเรื่องของตํานานยุทธมาก่อน และเมื่อมีเรื่องราวการลงมือของตํานานยุทธนั้นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากซูฉินย้ายเข้ามาอยู่ภายในพระราชวังตะวันออก

 

ยิ่งกว่านั้นทุกครั้งที่ตํานานยุทธภายในวังลงมือ ก็คือเมื่อยามที่จักรพรรดิถังกําลังเผชิญวิกฤตที่ถึงแก่ชีวิต เห็นได้ชัด าอีกฝ่ายสนใจแค่เฉพาะชีวิตของจักรพรรดิถังเท่านั้น

 

จักรพรรดิถังค่อยๆ ออกจากห้วงความคิด จ้องมองอย่างว่างเปล่าไปที่ซูฉินซึ่งยืนอยู่เพียงผู้เดียวท่ามกลางกองทัพเหมิ่งหยวน

 

“เสี่ยวฉิน เสี่ยวฉิน…”

 

ซูชื่อหมิน ซูเฉิงยู่ และซูเฉิงฮ่าว มองหน้ากันด้วยสายตาที่งุนงง ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

กองทัพเหมิ่งหยวน

 

หลังซูฉินสังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนไป ท่าทางของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

 

ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนเป็นตํานานยุทธอย่างแน่นอน ในยุคนี้เรียกได้ว่าไร้ผู้ต้าน น่าเสียดายยิ่งแล้วที่ต้องมาพบกับซูฉิน

 

ซูฉินได้เข้าสู่ระดับนภาชั้นที่เจ็ดเรียบร้อยแล้ว ความห่างชั้นระหว่างราชครูเหมิ่งหยวนกับซูฉินไม่ต่างจากคนธรรมดาที่ต้องการจะท้าทายตํานานยุทธ

 

หรืออาจจะห่างชั้นยิ่งกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ

 

ถ้าไม่ใช่เพราะซูฉินเพิ่งจะก้าวหน้าขึ้นมาและต้องการสร้างความคุ้นชินกับความแข็งแกร่งของตนเอง เขาสามารถสังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนที่ห่างออกไปสิบลี้โดยอยู่แต่ในเมืองฉางอันได้อย่างสมบูรณ์

 

ในตอนนี้

 

เสียงตะโกนก็ดังขึ้น

 

“เจ้าสังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนเหมิ่งหยวน เหมิ่งหยวนจะไม่มีวันจบสิ้นไปกับข้า ทหารหาญเอ๋ย ฟังคำสั่งข้า ใครทำร้ายคนผู้นี้ได้ข้าจะให้รางวัลหนึ่งแสนตําลึงทอง ศักดินาหนึ่งหมื่นหมู่ ผู้ที่สังหารคนผู้นี้ได้จะสามารถถือครองสกุลชนชั้นราชาผู้ครองดินแดน ได้รับเขตแดนอันไม่มีที่สิ้นสุด”

 

เสียงนี้ทุ่มลึก ทรงพลัง และกระจายออกไปไกลหลายในชั่วพริบตา

 

ทันใดนั้นกองทัพเหมิ่งหยวนทั้งห้าล้านนายก็เริ่มกระวนกระวายใจเล็กน้อย

 

เมื่อมีรางวัล ก็ต้องมีผู้กล้า

 

แม้ว่าทหารเหล่านี้จะเห็นซูฉินสังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวน แต่ในเมื่อพวกเขาเข้าร่วมกับกองทัพแล้ว ใครบ้างจะไม่อยากประสบความสําเร็จ?

 

ในขณะนั้นเอง แม่ทัพผู้ออกคําสั่งก็รีบเข้ามาหาผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวน แล้วกระซิบคําว่า “ท่านผู้นําหนีกันเถอะ”

 

เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพไม่คิดว่ากองทัพจํานวนห้าล้านนายจะสามารถจัดการกับซูฉินได้

 

เหตุผลที่เขาออกคําสั่งกับทหารเช่นนั้นไม่มีอะไรนอกจากตั้งใจจะเสียสละทหารจํานวนห้าล้านนายเพื่อซื้อเวลาให้กับผู้นําแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวน

 

ในความเห็นของเขา แม้ว่าซูฉินจะแข็งแกร่งพอที่จะสังหารเหล่าทั้งทหารทั้งห้าล้านนาย แต่ก็ควรจะใช้เวลาอยู่บ้างมิใช่หรือ?

 

หากการเสียสละของกองทหารกว่าห้าล้านนายสามารถทําให้ผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนหลบหนีไปได้ทุกสิ่งย่อมคุ้มค่า

 

“หนี?”

 

ผู้นําแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนมองที่แม่ทัพใหญ่ ทันใดนั้นแสงแห่งความหวังก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ใช่ ตราบใดที่ข้าหนีกลับไปยังดินแดนทุกหญ้าอันกว้างใหญ่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมจะยังมีโอกาสอยู่”

 

ความหวังของผู้นาอาณาจักรเหมิ่งหยวนนิ่งถูกจุดขึ้น เขาก็มองย้อนกลับไปโดยไม่รู้ตัว อยากจะรู้ว่าเหตุการณ์ในสนามรบเป็นเช่นไร

 

แต่จากสิ่งที่เห็น ผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ได้เห็นฉากที่ยากจะลืมเลือนในชั่วชีวิตนี้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 173 สะเทือนเลือนลั่น

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 173 สะเทือนเลือนลั่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 173 สะเทือนเลือนลั่น

 

“เป็นไปได้อย่างไร?”

 

กองทัพกว่าห้าล้านนายของอาณาจักรเหมิ่งหยวนยืนนิ่ง พวกเขามองดูราชครูแห่งอาณาจักรที่เหมือนกับเทพเจ้าถูกทะลวงแทงด้วยนิ้วมือ เกือบจะคิดไปว่าสิ่งที่พวกมันเห็นนั้นคือภาพลวงตา

 

“ท่านราชครูแห่งอาณาจักรสิ้นชีพแล้ว?”

 

“ท่านราชครูแห่งอาณาจักรสิ้นชีพได้อย่างไร?”

 

ฝ่ามือฝ่าเท้าของคนในฝั่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนเย็นเยียบ เริ่มวิตกกังวล ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดถึงการยอมจํานนของเหล่าอาณาจักรต่างๆ เหมิ่นหยวนจะครอบครองทั้งใต้หล้า…. แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนสิ้นชีพในพริบตา

 

หลังจากราชครูแห่งอาณาจักรเสียชีวิตลง อาณาจักรเหมิ่งหยวนก็สูญเสียอํานาจสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไป แม้ว่าด้วยอํานาจของอาณาจักรเหมิ่งหยวนตอนนี้ยังสามารถครอบครองพื้นที่ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดได้ แต่ก็คงเป็นเรื่องตลกถ้ายังคิดจะครอบครองใต้หล้า

 

เหล่าแม่ทัพนายกองที่ยืนอยู่เคียงข้างผู้นาอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็เริ่มหนาวเหน็บในใจ พวกเขาคิดไปไกลยิ่งกว่าคนอื่น ราชครูแห่งอาณาจักรสิ้นชีพ แล้วจะทําอะไรต่อไปดี?

 

อาณาจักรเหมิ่งหยวนมีกองกําลังกว่าห้าล้านนาย เรียกได้ว่าเป็นกองกําลังทั้งหมดของอาณาจักร เมื่อการรบพ่ายแพ้ไม่เป็นท่าและต้องหวนคืนกลับสู่อาณาจักรอีกครั้ง เกรงว่าคงต้องเผชิญหน้ากับความคับข้องใจของผู้คน

 

และ…

 

แม่ทัพทั้งหลายเหลือบมองซูฉินผู้ซึ่งสังหารราชครูแห่งอาณาจักรลงได้ ขนบนหัวของพวกเขาก็ลุกชั้น

 

พวกเขาจะกลับคืนสู่อาณาจักรได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ นั่นคือคําถามที่ใหญ่ยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับความคับข้องใจของผู้คนเสียอีก

 

เมื่อเทียบกับกองทัพเหมิ่งหยวนที่เงียบกริบ

 

อาณาจักรถังส่งเสียงโห่ร้องอย่างเต็มที่ ทหารอาณาจักรถึงจํานวนมหาศาลเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาไม่รู้จักซูฉิน รู้เพียงแต่ว่าซูฉินออกไปเพื่อสังหารตํานานยุทธของกองทัพเหมิ่งหยวนและได้ช่วยชีวิตนับร้อยครัวเรือนโดยการลงมือในครั้งนี้

 

“อาณาจักรถังจงเจริญ”

 

“ฝ่าบาททรงพระเจริญ”

 

ผู้คนภายในเมืองฉางอันอดไม่ได้ที่ส่งเสียงตะโกนโห่ร้อง

 

“ชายผู้นั้นใช่ตํานานยุทธที่อยู่ภายในวังหลวงหรือเปล่า?” สตรีรูปงามผู้หนึ่งมองที่ซูฉินด้วยความชื่นชม

 

“มองดูแล้วก็อายุไม่ต่างจากข้ามาก ไม่รู้ว่าเรื่องที่ข้าเคยแต่งงานมาแล้ว…”

 

ผู้หญิงคนนี้ก้มหน้าลงและพูดงึมงําอยู่คนเดียว

 

“เห้เห้”

 

เมื่อจอมยุทธที่อยู่ด้านข้างได้ยิน เขาก็ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ตํานานยุทธนะเป็นที่เคารพมากเพียงไร? จะมาหลงเสน่ห์เจ้าได้อย่างไร…”

 

จอมยุทธคนนี้พูดได้เท่านั้นแล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อไป

 

แต่ความหมายที่อยู่ภายในประโยคเมื่อครู่ เท่ากับเป็นการบอกว่า “เจ้าไม่คู่ควร”

 

“เจ้า?!”

 

หญิงงามคนนั้นหน้าแดงซ่าน กระทืบเท้าแล้ววิ่งหนีไป 

 

พอคนอื่นๆ เห็นฉากนี้ ก็หันมายิ้มให้กัน ไม่ได้รู้สึกว่ามันผิดปกติอะไรกับความคิดของหญิงนางนั้น แต่ถ้าจะให้กล่าวว่าสามารถกระทําได้หรือไม่นั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

“อย่างไรก็ตาม ตํานานยุทธในอาณาจักรถังของพวกเรานั้นแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัว ควรจะอยู่ในขั้นที่ลึกซึ้งแล้วของขอบเขตตํานานยุทธ”

 

จอมยุทธที่อยู่ในขอบเขตสามระดับบนถอนหายใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์บางอย่าง

 

“จริงแท้”

 

จอมยุทธคนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วย ใบหน้าของพวกเขาแสดงอาการกริ่งเกรง

 

ซูฉินสามารถสังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนได้อย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นเหนือกว่าอีกฝ่ายมาก สําหรับจอมยุทธเหล่านี้ ตํานานยุทธนั้นก็เป็นตัวตนที่ไกลเกินเอื้อมแล้ว แต่ชายผู้นั้นกลับเป็นผู้แข็งแกร่ง แม้แต่ในขอบเขตตํานานยุทธด้วยกัน?

 

ยามที่ผู้คนมากมายกําลังพูดถึงเรื่องนี้ จักรพรรดิถังและขุนนางทั้งหลายที่อยู่บนกําแพงเมืองต่างตกตะลึง

 

“พี่สาม สังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวน?” 

 

จักรพรรดิถังยังไม่ฟื้นตัวจากอาการตกใจที่ซูฉินก้าวเท้าเหยียบไปบนอากาศ รู้ตัวอีกทีก็เห็นราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนตกตายภายใต้น้ำมือของซูฉินเสียแล้ว จิตใจของพระองค์ว่างเปล่าอีกครั้ง

 

ผ่านไปนานทีเดียวก่อนจักรพรรดิถังจะตอบสนองได้อีก เขามองไปที่แม่ทัพแห่งวังหลวงซึ่งอยู่ด้านข้าง กล่าวถามด้วยเสียงแหบแห้ง “เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น”

 

“ฝ่าบาท”

 

แม่ทัพถึงเองก็รู้สึกตกใจ เหลือเชื่อ และความรู้สึกอื่นๆ ก็สาดซัดเข้ามามากมาย ในที่สุดเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถอนลมหายใจออก แล้วจึงกล่าวคํา “พระมาตุลาแห่งอาณาจักรเพิ่งจะสังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนไปพ่ะย่ะค่ะ”

 

หลังจากที่แม่ทัพดังกล่าวคําไป เขาก็สงบจิตใจก่อนจะกล่าวต่อ “ฝ่าบาท พระมาตุลาแห่งอาณาจักรเป็นตํานานยุทธที่อยู่ภายในวัง”

 

เมื่อแม่ทัพดังกล่าวเช่นนี้ ภาพความทรงจําที่มีต่อซูฉินภาพแล้วภาพเล่ากวาบผ่านเข้ามาในใจ

 

ในสายตาของแม่ทัพถัง ซูฉินมีความสามารถบางอย่างที่แม้แต่จักรพรรดิพระองค์ก่อนก็ยังชื่นชม แต่เมื่อเทียบกับตัวตนอย่างตํานานยุทธ ทั้งหมดนั้นก็ไม่นับเป็นอะไร 

 

“ปรากฏว่าข้าได้พบตํานานยุทธมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว…” แม่ทัพแห่งวังหลวงขณะนี้ดูเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันมากล้น

 

เขาเป็นผู้บัญชาการกองทัพภายในวัง มักจะเดินลาดตระเวนอยู่บ่อยๆ และบางครั้งก็จะเห็นซูฉินเดินเตร็ดเตร่อยู่ภายในวัง

 

“ข้าควรจะคิดได้ ข้าควรจะคิดได้ ข้าควรจะนึกออกแต่แรก”

 

จักรพรรดิถังร้องคํารามในใจ บ่นพึมพําอยู่กับตนเอง

 

ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมาในราชวงศ์ถัง นอกจากปฐมจักรพรรดิแล้ว ยังไม่มีใครเคยได้ยินเรื่องของตํานานยุทธมาก่อน และเมื่อมีเรื่องราวการลงมือของตํานานยุทธนั้นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากซูฉินย้ายเข้ามาอยู่ภายในพระราชวังตะวันออก

 

ยิ่งกว่านั้นทุกครั้งที่ตํานานยุทธภายในวังลงมือ ก็คือเมื่อยามที่จักรพรรดิถังกําลังเผชิญวิกฤตที่ถึงแก่ชีวิต เห็นได้ชัด าอีกฝ่ายสนใจแค่เฉพาะชีวิตของจักรพรรดิถังเท่านั้น

 

จักรพรรดิถังค่อยๆ ออกจากห้วงความคิด จ้องมองอย่างว่างเปล่าไปที่ซูฉินซึ่งยืนอยู่เพียงผู้เดียวท่ามกลางกองทัพเหมิ่งหยวน

 

“เสี่ยวฉิน เสี่ยวฉิน…”

 

ซูชื่อหมิน ซูเฉิงยู่ และซูเฉิงฮ่าว มองหน้ากันด้วยสายตาที่งุนงง ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

กองทัพเหมิ่งหยวน

 

หลังซูฉินสังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนไป ท่าทางของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

 

ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนเป็นตํานานยุทธอย่างแน่นอน ในยุคนี้เรียกได้ว่าไร้ผู้ต้าน น่าเสียดายยิ่งแล้วที่ต้องมาพบกับซูฉิน

 

ซูฉินได้เข้าสู่ระดับนภาชั้นที่เจ็ดเรียบร้อยแล้ว ความห่างชั้นระหว่างราชครูเหมิ่งหยวนกับซูฉินไม่ต่างจากคนธรรมดาที่ต้องการจะท้าทายตํานานยุทธ

 

หรืออาจจะห่างชั้นยิ่งกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ

 

ถ้าไม่ใช่เพราะซูฉินเพิ่งจะก้าวหน้าขึ้นมาและต้องการสร้างความคุ้นชินกับความแข็งแกร่งของตนเอง เขาสามารถสังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนที่ห่างออกไปสิบลี้โดยอยู่แต่ในเมืองฉางอันได้อย่างสมบูรณ์

 

ในตอนนี้

 

เสียงตะโกนก็ดังขึ้น

 

“เจ้าสังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนเหมิ่งหยวน เหมิ่งหยวนจะไม่มีวันจบสิ้นไปกับข้า ทหารหาญเอ๋ย ฟังคำสั่งข้า ใครทำร้ายคนผู้นี้ได้ข้าจะให้รางวัลหนึ่งแสนตําลึงทอง ศักดินาหนึ่งหมื่นหมู่ ผู้ที่สังหารคนผู้นี้ได้จะสามารถถือครองสกุลชนชั้นราชาผู้ครองดินแดน ได้รับเขตแดนอันไม่มีที่สิ้นสุด”

 

เสียงนี้ทุ่มลึก ทรงพลัง และกระจายออกไปไกลหลายในชั่วพริบตา

 

ทันใดนั้นกองทัพเหมิ่งหยวนทั้งห้าล้านนายก็เริ่มกระวนกระวายใจเล็กน้อย

 

เมื่อมีรางวัล ก็ต้องมีผู้กล้า

 

แม้ว่าทหารเหล่านี้จะเห็นซูฉินสังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวน แต่ในเมื่อพวกเขาเข้าร่วมกับกองทัพแล้ว ใครบ้างจะไม่อยากประสบความสําเร็จ?

 

ในขณะนั้นเอง แม่ทัพผู้ออกคําสั่งก็รีบเข้ามาหาผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวน แล้วกระซิบคําว่า “ท่านผู้นําหนีกันเถอะ”

 

เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพไม่คิดว่ากองทัพจํานวนห้าล้านนายจะสามารถจัดการกับซูฉินได้

 

เหตุผลที่เขาออกคําสั่งกับทหารเช่นนั้นไม่มีอะไรนอกจากตั้งใจจะเสียสละทหารจํานวนห้าล้านนายเพื่อซื้อเวลาให้กับผู้นําแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวน

 

ในความเห็นของเขา แม้ว่าซูฉินจะแข็งแกร่งพอที่จะสังหารเหล่าทั้งทหารทั้งห้าล้านนาย แต่ก็ควรจะใช้เวลาอยู่บ้างมิใช่หรือ?

 

หากการเสียสละของกองทหารกว่าห้าล้านนายสามารถทําให้ผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนหลบหนีไปได้ทุกสิ่งย่อมคุ้มค่า

 

“หนี?”

 

ผู้นําแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนมองที่แม่ทัพใหญ่ ทันใดนั้นแสงแห่งความหวังก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ใช่ ตราบใดที่ข้าหนีกลับไปยังดินแดนทุกหญ้าอันกว้างใหญ่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมจะยังมีโอกาสอยู่”

 

ความหวังของผู้นาอาณาจักรเหมิ่งหยวนนิ่งถูกจุดขึ้น เขาก็มองย้อนกลับไปโดยไม่รู้ตัว อยากจะรู้ว่าเหตุการณ์ในสนามรบเป็นเช่นไร

 

แต่จากสิ่งที่เห็น ผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ได้เห็นฉากที่ยากจะลืมเลือนในชั่วชีวิตนี้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+