เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 179 มีตํานานยุทธมาจากต่างดินแดน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 179 มีตํานานยุทธมาจากต่างดินแดน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 179 มีตํานานยุทธมาจากต่างดินแดน

 

เมืองฉางอัน

 

โถงพระราชวังอันสูงตระหง่านใต้ผืนดิน

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ สูดลมหายใจเข้าลึกราวกับเป็นความเวิ้งว้างว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด

 

“หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่เจ็ด ความสามารถในการควบคุมพลังฟ้าดินก็เพิ่มขึ้นเป็นร้อยลี้ที่เดียว” ซูฉินตรวจสอบพลังพร้อมกระซิบคําคุยอยู่กับตนเอง

 

ในตอนนี้เขาสามารถรวบรวมพลังฟ้าดินในรัศมีร้อยได้ ภายในความคิดวูบเดียว ราวกับเชียนเทพบนสรวงสวรรค์

 

“ถึงแม้จะพัฒนาขึ้นมาก แต่ข้ารู้สึกได้ว่าการควบคุมพลังฟ้าดินในรัศมีร้อยลี้นั้นคือขีดจํากัดแล้ว”

 

“หรืออาจกล่าวได้ว่า การควบคุมพลังฟ้าดินในรัศมีร้อยลี้ เป็นขีดจํากัดของขอบเขตอรหันต์และตํานานยุทธแล้ว”

 

ซูฉินแตะปลายคางของตน ดวงตาเหม่อลอยครุ่นคิด

 

เมื่อเทียบกับโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล พลังของบุคคลหนึ่งนั้นเล็กน้อยอย่างไม่อาจจะเทียบกันได้ แม้จะเป็นขอบเขตอรหันต์หรือตํานานยุทธก็ตาม

 

สําหรับขอบเขตอรหันต์หรือตํานานยุทธ ระยะที่สามารถใช้พลังได้ดั่งใจนึกเสมือนแขนขานั้นอยู่ที่หนึ่งร้อยรอบตัว

 

ถ้าไกลเกินกว่าหนึ่งร้อยลี้ แม้แต่ตํานานยุทธในระดับนภา ชั้นที่เก้าก็ไม่สามารถควบคุมได้

 

แน่นอนว่ายามที่ซูฉินใช้ธนูเก้าประกายยิงใส่ราชาหัวเมืองทั้งสิบที่ห่างออกไปหลายพันลี้ มันเป็นพลังของธนูเก้าประกาย ไม่ได้นับเป็นความสามารถในการควบคุมพลังฟ้าดินของตัวเขาเอง

 

“ไม่น่าแปลกใจที่หลังจากถึงระดับนภาชั้นที่เจ็ดจึงมักจะต้องควบรวมอาณาเขตขนาดเล็กกัน ปรากฏว่าเป็นเพราะความสามารถในการควบคุมพลังฟ้าดินถึงขีดจํากัดแล้วนี่เอง”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

 

เนื่องจากไม่สามารถขยายขอบเขตการควบคุมพลังฟ้าดินได้อีกต่อไป ฉะนั้นควรทําเช่นไรต่อ?

 

ย่อมเป็นการควบแน่นพลังฟ้าดินอย่างสุดความ สามารถเพื่อสร้างสิ่งที่คล้ายกับ ‘อาณาเขต” ขึ้นมา

 

“ว่ากันว่าหากตํานานยุทธต้องการจะพัฒนาขึ้นไปมากกว่านั้น จะต้องปรับปรุงอาณาเขตขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง และก่อร่างขึ้นมาใหม่เป็นอาณาเขตขั้นสุดยอด”

 

ความคิดของซูฉินผันผวนไปมา

 

“เชียนเทพปฐพี เพียงแค่ความคิดก็สามารถปกคลุมโลกหล้าให้อยู่ในอาณาเขตได้ ภายในอาณาเขตนั้นเซียนเทพปฐพี ก็ไม่ต่างไปจากพระเจ้า “มีอํานาจเบ็ดเสร็จแต่เพียงผู้เดียว

 

ซูฉินรู้สึกถึง

 

“อย่างไรก็ตาม ถ้าข้าต้องการจะควบแน่นอาณาเขต” ขนาดเล็ก” ขึ้นมา สิ่งแรกที่ต้องทําคือสร้างความคุ้นเคยกับระดับนภาชั้นที่เจ็ดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน จากนั้นจึงใช้วิชาอันหลากหลายค่อยๆบีบอัดพลังฟ้าดินเข้าหากัน

 

“สุดท้าย หากบีบอัดพลังฟ้าดินจนถึงขีดสุดและก่อตัวเป็นอาณาเขตขนาดเล็กแล้ว ยังมีขั้นตอนต่อไปให้ข้าเติมจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ปริมาณมหาศาลเข้าไปด้วย…”

 

ซูฉินถอนหายใจแผ่วเบา

 

เขาไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ หลังจากก่อร่างสร้างจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ผ่าน “เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา” จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินก็เสถียรอย่างมาก และตรงตามเงื่อนไขในการสร้างอาณาเขตขนาดเล็ก

 

อย่างไรก็ตามมันจะต้องพยายามควบแน่นพลังงานฟ้าดินสักหน่อย ไม่มีวิธีการลัดใด

 

นี่เป็นสาเหตุที่ระดับนภาชั้นที่เจ็ดหลายคนไม่สามารถจะสร้างอาณาเขตขนาดเล็กได้ เพราะการควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็กนั้นใช้เวลานานเกินไป

 

แม้แต่ตํานานยุทธก็มีอายุเพียงห้าร้อยปี หากต้องใช้เวลาเป็นร้อยๆปีในการควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็ก จะยังหาเวลาฝึกฝนบ่มเพาะได้อีกหรือ?

 

“ลองดูก่อนแล้วกัน”

 

ซูฉินยังไม่ได้คิดถึงวิธีแก้ปัญหาใดๆ ในตอนนี้ ทําได้เพียงพยายามลองควบแน่นพลังฟ้าดินดูเท่านั้น

 

หวิ่ง!!

 

ขณะเดียวกับที่ซูฉินค่อยๆ ควบแน่นพลังฟ้าดินอยู่นั้น ดวงจิตรู้แจ้งพันปีที่ซูฉินพกเอาไว้ก็เปล่งประกายสว่างไสว

 

ใต้แสงอันเจิดจ้า ความเร็วในการควบแน่นพลังฟ้าดินก็ว่องไวกว่าปกติหลายสิบหรืออาจจะหลายร้อยเท่า

 

“นี่คือ?”

 

ซูฉินลืมตาขึ้นและมองไปยังดวงจิตรู้แจ้งพันปีที่อยู่เบื้องหน้าของตนทันที

 

ซูฉินเคยคิดไปว่าความสามารถของดวงจิตรู้แจ้งพันปีคือ การทําให้จิตใจปลอดโปร่ง เห็นธรรมชาติของจิต ทําให้จิตใจมั่นคงไม่สับสน

 

แต่ตอนนี้ ขณะกําลังควบแน่นพลังฟ้าดิน ดวงจิตรู้แจ้งพันปีก็แสดงฤทธิ์เข้าช่วยเหลือ

 

“มีบันทึกเอาไว้ในพระคัมภีร์ว่าดวงจิตรู้แจ้งพันปีนั้น กําเนิดขึ้นจากเขตแดนอันพิสุทธิ์ขององค์ยูไล และเขตแดนอันพิสุทธิ์ขององค์ยูไลน่าจะคล้ายคลึงกับ “อาณาเขต”…”

 

ความคิดของซูฉินเปลี่ยนผันไปอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดอยู่ภายในใจเงียบๆ

่ ่

สําหรับตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ด อาณาเขตคือสิ่งที่ควบแน่นมาจากพลังฟ้าดิน ส่วนอรหันต์ในระดับนภาชั้นที่เจ็ดจะเรียกสิ่งนั้นว่าเขตแดนพิสุทธิ์

 

แม้ว่าอาณาเขตกับเขตแดนพิสุทธิ์จะเรียกต่างกัน แต่สาระสําคัญนั้นเหมือนกัน

 

“ด้วยความเร็วระดับนี้คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็สองถึงสามร้อยปีกว่าที่ตํานานยุทธธรรมดาๆจะควบแน่นอาณาเขตได้สําเร็จ แต่สําหรับข้า สองถึงสามปีก็เพียงพอแล้ว”

 

ซูฉินเพ่งพิจารณาดวงจิตรู้แจ้งที่อยู่เบื้องหน้าของตนด้วยความประหลาดใจยิ่ง

 

“ไม่เลว!”

“ไม่เลว!”

 

ซูฉินเต็มไปด้วยความสุข แม้ว่าอายุขัยของเขาจะมีเหลือเฟือ การใช้เวลาไปสองถึงสามร้อยปีในการควบแน่นไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ถ้าหาวิธีประหยัดเวลาได้ ทําไมจะไม่เลือกเล่า?

 

ช่วงเวลาต่อมาซูฉินก็ควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็กด้วยความช่วยเหลือจากดวงจิตรู้แจ้งพันปี เขาสามารถควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็กได้อย่างรวดเร็ว

 

ในวันนี้เอง

 

ทันทีที่ซูฉินเสร็จสิ้นการฝึกฝน เขาก็ออกจากห้องโถงพระราชวังสูงตระหง่าน แล้วเดินวนไปมารอบๆพระราชวังถัง

 

การฝึกฝนวิทยายุทธต้องฝึกฝนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ต้องมีเวลาผ่อนคลายบ้าง เว้นแต่จะใกล้ถึงจุดที่จะก้าวหน้าได้ โดยทั่วไปแล้วซูฉินจะไม่ปิดด่านฝึกตนเป็นเวลานานเกินไปนัก

 

“กระแสปราณฉีกําลังฟื้นคืนอีกครั้ง…”

 

ซูฉินรู้สึกได้ถึงความเป็นไปของโลก ความคิดของเขาผัน ผวน

 

“แต่วันนี้ข้าก็ยังไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้เลย ข้าจะลงชื่อที่วังหลวงในวันนี้”

 

เมื่อซูฉินเดินผ่านจัตุรัสหยกขาว เขาก็ตัดสินใจหยุดเดิน

 

ตั้งแต่ที่ส่งร่างจําแลงเข้าไปในโลกถ้ําปีศาจใต้พิภพ โอกาสในการลงชื่อเข้าใช้รายวันส่วนใหญ่ถูกใช้ไปในโลกถ้ําปีศาจ แต่บางครั้งซูฉินก็เลือกลงชื่อเข้าใช้ภายในวังหลวงบ้าง

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

ซูฉินยืนอยู่หน้าจัตุรัสหยกขาว กล่าวคําขึ้นภายในใจตน

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับ “เคล็ดวิชาเพลิงผลาญโลหิต” ]

 

“เคล็ดวิชาเพลิงผลาญโลหิต?”

 

นก็เข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับเคล็ดวิชาเพลิงผลาญโลหิต

 

“มันกลับกลายเป็นเคล็ดวิชาต้องห้ามที่ใช้ในยามสิ้นหวัง ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก”

 

ดวงตาของซูฉินเป็นประกาย

 

ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อใช้ “เคล็ดวิชาเพลิงผลาญโลหิต” คือต้องเผาเลือดเนื้อของตนเอง

 

เป็นราคาที่หนักหนาสาหัสสําหรับจอมยุทธทุกผู้ทุกคน

 

แต่ในสายตาของซูฉิน มันก็เหมือนกับไม่ได้เสียอะไรไปเลย

 

เพราะซูฉินมีทิพยอํานาจ กายเนื้อกําเนิดใหม่

 

ด้วยทิพยอํานาจนี้ แม้ว่าซูฉินจะใช้ เคล็ดวิชาเพลิงผลาญโลหิต” เขาก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเทียบเท่ากับไม่ต้องจ่ายอะไรแลกเปลี่ยนเลย

 

“ไม่ลับในมือเพิ่มขึ้นมาอีกใบ”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ห่างจากต้าถังไปหลายหมื่นลี้ บริเวณใกล้ชายฝั่งทะเล

 

มีร่างหนึ่งสวมชุดคลุมสีน้ําเงินเหยียบคลื่นทะเลแล้วพุ่งตัว เข้าหาแผ่นดินใหญ่ด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว

 

หากราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนยังมีชีวิตอยู่และบังเอิญผ่านมาแถวนี้ เขาจะต้องสังเกตเห็นได้แน่นอนว่าร่างในชุดคลุมสีน้ําเงินนี้มีกลิ่นอายที่ทรงพลัง เป็นถึงตํานานยุทธ

 

และมิใช่เพิ่งจะเข้าสู่ตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่หนี่งอีกด้วย

 

ไม่ช้า

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ขอบของทวีป

 

“ที่นี่แหละ ที่นี่คือประตูสู่ชะตาฟ้า ยุคสมัยที่ชะตาฟ้ากําหนดมาถึงแล้ว ต้องใช้เวลาร่วมร้อยปีที่เดียวในการทํานายที่ตั้งดินแดนที่จะเกิดจุดตัดของพลังครั้งยิ่งใหญ่…”

 

ชายชุดสีน้ําเงินรําพึงรําพันอยู่กับตนเอง “กระแสปราณีฟื้นกลับมา โลกอันยิ่งใหญ่กําลังจะมาถึง แต่โลกอันยิ่งใหญ่ก็มีหลายระยะ ทว่าจุดตัดของพลังเป็นแกนหลัก และมีปราณฉีมากที่สุด”

 

“ในจุดตัดแห่งพลังครั้งยิ่งใหญ่นี้ จะก่อกําเนิดตัวตนระดับ เซียนเทพปฐพีขึ้นมา กระทั่งตัวตนที่เหนือกว่าเซียนเทพปฐพี”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินรู้สึกร้อนรุ่มอยู่ภายในใจ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 179 มีตํานานยุทธมาจากต่างดินแดน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 179 มีตํานานยุทธมาจากต่างดินแดน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 179 มีตํานานยุทธมาจากต่างดินแดน

 

เมืองฉางอัน

 

โถงพระราชวังอันสูงตระหง่านใต้ผืนดิน

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ สูดลมหายใจเข้าลึกราวกับเป็นความเวิ้งว้างว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด

 

“หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่เจ็ด ความสามารถในการควบคุมพลังฟ้าดินก็เพิ่มขึ้นเป็นร้อยลี้ที่เดียว” ซูฉินตรวจสอบพลังพร้อมกระซิบคําคุยอยู่กับตนเอง

 

ในตอนนี้เขาสามารถรวบรวมพลังฟ้าดินในรัศมีร้อยได้ ภายในความคิดวูบเดียว ราวกับเชียนเทพบนสรวงสวรรค์

 

“ถึงแม้จะพัฒนาขึ้นมาก แต่ข้ารู้สึกได้ว่าการควบคุมพลังฟ้าดินในรัศมีร้อยลี้นั้นคือขีดจํากัดแล้ว”

 

“หรืออาจกล่าวได้ว่า การควบคุมพลังฟ้าดินในรัศมีร้อยลี้ เป็นขีดจํากัดของขอบเขตอรหันต์และตํานานยุทธแล้ว”

 

ซูฉินแตะปลายคางของตน ดวงตาเหม่อลอยครุ่นคิด

 

เมื่อเทียบกับโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล พลังของบุคคลหนึ่งนั้นเล็กน้อยอย่างไม่อาจจะเทียบกันได้ แม้จะเป็นขอบเขตอรหันต์หรือตํานานยุทธก็ตาม

 

สําหรับขอบเขตอรหันต์หรือตํานานยุทธ ระยะที่สามารถใช้พลังได้ดั่งใจนึกเสมือนแขนขานั้นอยู่ที่หนึ่งร้อยรอบตัว

 

ถ้าไกลเกินกว่าหนึ่งร้อยลี้ แม้แต่ตํานานยุทธในระดับนภา ชั้นที่เก้าก็ไม่สามารถควบคุมได้

 

แน่นอนว่ายามที่ซูฉินใช้ธนูเก้าประกายยิงใส่ราชาหัวเมืองทั้งสิบที่ห่างออกไปหลายพันลี้ มันเป็นพลังของธนูเก้าประกาย ไม่ได้นับเป็นความสามารถในการควบคุมพลังฟ้าดินของตัวเขาเอง

 

“ไม่น่าแปลกใจที่หลังจากถึงระดับนภาชั้นที่เจ็ดจึงมักจะต้องควบรวมอาณาเขตขนาดเล็กกัน ปรากฏว่าเป็นเพราะความสามารถในการควบคุมพลังฟ้าดินถึงขีดจํากัดแล้วนี่เอง”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

 

เนื่องจากไม่สามารถขยายขอบเขตการควบคุมพลังฟ้าดินได้อีกต่อไป ฉะนั้นควรทําเช่นไรต่อ?

 

ย่อมเป็นการควบแน่นพลังฟ้าดินอย่างสุดความ สามารถเพื่อสร้างสิ่งที่คล้ายกับ ‘อาณาเขต” ขึ้นมา

 

“ว่ากันว่าหากตํานานยุทธต้องการจะพัฒนาขึ้นไปมากกว่านั้น จะต้องปรับปรุงอาณาเขตขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง และก่อร่างขึ้นมาใหม่เป็นอาณาเขตขั้นสุดยอด”

 

ความคิดของซูฉินผันผวนไปมา

 

“เชียนเทพปฐพี เพียงแค่ความคิดก็สามารถปกคลุมโลกหล้าให้อยู่ในอาณาเขตได้ ภายในอาณาเขตนั้นเซียนเทพปฐพี ก็ไม่ต่างไปจากพระเจ้า “มีอํานาจเบ็ดเสร็จแต่เพียงผู้เดียว

 

ซูฉินรู้สึกถึง

 

“อย่างไรก็ตาม ถ้าข้าต้องการจะควบแน่นอาณาเขต” ขนาดเล็ก” ขึ้นมา สิ่งแรกที่ต้องทําคือสร้างความคุ้นเคยกับระดับนภาชั้นที่เจ็ดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน จากนั้นจึงใช้วิชาอันหลากหลายค่อยๆบีบอัดพลังฟ้าดินเข้าหากัน

 

“สุดท้าย หากบีบอัดพลังฟ้าดินจนถึงขีดสุดและก่อตัวเป็นอาณาเขตขนาดเล็กแล้ว ยังมีขั้นตอนต่อไปให้ข้าเติมจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ปริมาณมหาศาลเข้าไปด้วย…”

 

ซูฉินถอนหายใจแผ่วเบา

 

เขาไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ หลังจากก่อร่างสร้างจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ผ่าน “เทพวิชาหลอมจิตวิญญาณจันทรา” จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินก็เสถียรอย่างมาก และตรงตามเงื่อนไขในการสร้างอาณาเขตขนาดเล็ก

 

อย่างไรก็ตามมันจะต้องพยายามควบแน่นพลังงานฟ้าดินสักหน่อย ไม่มีวิธีการลัดใด

 

นี่เป็นสาเหตุที่ระดับนภาชั้นที่เจ็ดหลายคนไม่สามารถจะสร้างอาณาเขตขนาดเล็กได้ เพราะการควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็กนั้นใช้เวลานานเกินไป

 

แม้แต่ตํานานยุทธก็มีอายุเพียงห้าร้อยปี หากต้องใช้เวลาเป็นร้อยๆปีในการควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็ก จะยังหาเวลาฝึกฝนบ่มเพาะได้อีกหรือ?

 

“ลองดูก่อนแล้วกัน”

 

ซูฉินยังไม่ได้คิดถึงวิธีแก้ปัญหาใดๆ ในตอนนี้ ทําได้เพียงพยายามลองควบแน่นพลังฟ้าดินดูเท่านั้น

 

หวิ่ง!!

 

ขณะเดียวกับที่ซูฉินค่อยๆ ควบแน่นพลังฟ้าดินอยู่นั้น ดวงจิตรู้แจ้งพันปีที่ซูฉินพกเอาไว้ก็เปล่งประกายสว่างไสว

 

ใต้แสงอันเจิดจ้า ความเร็วในการควบแน่นพลังฟ้าดินก็ว่องไวกว่าปกติหลายสิบหรืออาจจะหลายร้อยเท่า

 

“นี่คือ?”

 

ซูฉินลืมตาขึ้นและมองไปยังดวงจิตรู้แจ้งพันปีที่อยู่เบื้องหน้าของตนทันที

 

ซูฉินเคยคิดไปว่าความสามารถของดวงจิตรู้แจ้งพันปีคือ การทําให้จิตใจปลอดโปร่ง เห็นธรรมชาติของจิต ทําให้จิตใจมั่นคงไม่สับสน

 

แต่ตอนนี้ ขณะกําลังควบแน่นพลังฟ้าดิน ดวงจิตรู้แจ้งพันปีก็แสดงฤทธิ์เข้าช่วยเหลือ

 

“มีบันทึกเอาไว้ในพระคัมภีร์ว่าดวงจิตรู้แจ้งพันปีนั้น กําเนิดขึ้นจากเขตแดนอันพิสุทธิ์ขององค์ยูไล และเขตแดนอันพิสุทธิ์ขององค์ยูไลน่าจะคล้ายคลึงกับ “อาณาเขต”…”

 

ความคิดของซูฉินเปลี่ยนผันไปอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดอยู่ภายในใจเงียบๆ

่ ่

สําหรับตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ด อาณาเขตคือสิ่งที่ควบแน่นมาจากพลังฟ้าดิน ส่วนอรหันต์ในระดับนภาชั้นที่เจ็ดจะเรียกสิ่งนั้นว่าเขตแดนพิสุทธิ์

 

แม้ว่าอาณาเขตกับเขตแดนพิสุทธิ์จะเรียกต่างกัน แต่สาระสําคัญนั้นเหมือนกัน

 

“ด้วยความเร็วระดับนี้คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็สองถึงสามร้อยปีกว่าที่ตํานานยุทธธรรมดาๆจะควบแน่นอาณาเขตได้สําเร็จ แต่สําหรับข้า สองถึงสามปีก็เพียงพอแล้ว”

 

ซูฉินเพ่งพิจารณาดวงจิตรู้แจ้งที่อยู่เบื้องหน้าของตนด้วยความประหลาดใจยิ่ง

 

“ไม่เลว!”

“ไม่เลว!”

 

ซูฉินเต็มไปด้วยความสุข แม้ว่าอายุขัยของเขาจะมีเหลือเฟือ การใช้เวลาไปสองถึงสามร้อยปีในการควบแน่นไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ถ้าหาวิธีประหยัดเวลาได้ ทําไมจะไม่เลือกเล่า?

 

ช่วงเวลาต่อมาซูฉินก็ควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็กด้วยความช่วยเหลือจากดวงจิตรู้แจ้งพันปี เขาสามารถควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็กได้อย่างรวดเร็ว

 

ในวันนี้เอง

 

ทันทีที่ซูฉินเสร็จสิ้นการฝึกฝน เขาก็ออกจากห้องโถงพระราชวังสูงตระหง่าน แล้วเดินวนไปมารอบๆพระราชวังถัง

 

การฝึกฝนวิทยายุทธต้องฝึกฝนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ต้องมีเวลาผ่อนคลายบ้าง เว้นแต่จะใกล้ถึงจุดที่จะก้าวหน้าได้ โดยทั่วไปแล้วซูฉินจะไม่ปิดด่านฝึกตนเป็นเวลานานเกินไปนัก

 

“กระแสปราณฉีกําลังฟื้นคืนอีกครั้ง…”

 

ซูฉินรู้สึกได้ถึงความเป็นไปของโลก ความคิดของเขาผัน ผวน

 

“แต่วันนี้ข้าก็ยังไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้เลย ข้าจะลงชื่อที่วังหลวงในวันนี้”

 

เมื่อซูฉินเดินผ่านจัตุรัสหยกขาว เขาก็ตัดสินใจหยุดเดิน

 

ตั้งแต่ที่ส่งร่างจําแลงเข้าไปในโลกถ้ําปีศาจใต้พิภพ โอกาสในการลงชื่อเข้าใช้รายวันส่วนใหญ่ถูกใช้ไปในโลกถ้ําปีศาจ แต่บางครั้งซูฉินก็เลือกลงชื่อเข้าใช้ภายในวังหลวงบ้าง

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

ซูฉินยืนอยู่หน้าจัตุรัสหยกขาว กล่าวคําขึ้นภายในใจตน

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับ “เคล็ดวิชาเพลิงผลาญโลหิต” ]

 

“เคล็ดวิชาเพลิงผลาญโลหิต?”

 

นก็เข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับเคล็ดวิชาเพลิงผลาญโลหิต

 

“มันกลับกลายเป็นเคล็ดวิชาต้องห้ามที่ใช้ในยามสิ้นหวัง ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก”

 

ดวงตาของซูฉินเป็นประกาย

 

ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อใช้ “เคล็ดวิชาเพลิงผลาญโลหิต” คือต้องเผาเลือดเนื้อของตนเอง

 

เป็นราคาที่หนักหนาสาหัสสําหรับจอมยุทธทุกผู้ทุกคน

 

แต่ในสายตาของซูฉิน มันก็เหมือนกับไม่ได้เสียอะไรไปเลย

 

เพราะซูฉินมีทิพยอํานาจ กายเนื้อกําเนิดใหม่

 

ด้วยทิพยอํานาจนี้ แม้ว่าซูฉินจะใช้ เคล็ดวิชาเพลิงผลาญโลหิต” เขาก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเทียบเท่ากับไม่ต้องจ่ายอะไรแลกเปลี่ยนเลย

 

“ไม่ลับในมือเพิ่มขึ้นมาอีกใบ”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ห่างจากต้าถังไปหลายหมื่นลี้ บริเวณใกล้ชายฝั่งทะเล

 

มีร่างหนึ่งสวมชุดคลุมสีน้ําเงินเหยียบคลื่นทะเลแล้วพุ่งตัว เข้าหาแผ่นดินใหญ่ด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว

 

หากราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนยังมีชีวิตอยู่และบังเอิญผ่านมาแถวนี้ เขาจะต้องสังเกตเห็นได้แน่นอนว่าร่างในชุดคลุมสีน้ําเงินนี้มีกลิ่นอายที่ทรงพลัง เป็นถึงตํานานยุทธ

 

และมิใช่เพิ่งจะเข้าสู่ตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่หนี่งอีกด้วย

 

ไม่ช้า

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ขอบของทวีป

 

“ที่นี่แหละ ที่นี่คือประตูสู่ชะตาฟ้า ยุคสมัยที่ชะตาฟ้ากําหนดมาถึงแล้ว ต้องใช้เวลาร่วมร้อยปีที่เดียวในการทํานายที่ตั้งดินแดนที่จะเกิดจุดตัดของพลังครั้งยิ่งใหญ่…”

 

ชายชุดสีน้ําเงินรําพึงรําพันอยู่กับตนเอง “กระแสปราณีฟื้นกลับมา โลกอันยิ่งใหญ่กําลังจะมาถึง แต่โลกอันยิ่งใหญ่ก็มีหลายระยะ ทว่าจุดตัดของพลังเป็นแกนหลัก และมีปราณฉีมากที่สุด”

 

“ในจุดตัดแห่งพลังครั้งยิ่งใหญ่นี้ จะก่อกําเนิดตัวตนระดับ เซียนเทพปฐพีขึ้นมา กระทั่งตัวตนที่เหนือกว่าเซียนเทพปฐพี”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินรู้สึกร้อนรุ่มอยู่ภายในใจ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+