เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 187 ตะลึงงัน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 187 ตะลึงงัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 187 ตะลึงงัน

 

ตึงตึงตึง

 

ซูฉินปล่อยหมัดสายฟ้าเทพเจ้าอย่างต่อเนื่องเมื่อออกหมัดจนถึงระดับนภาของห้าหมัดสายฟ้าเทพเจ้าพลังแห่งสายฟ้าก็ถูกชักนําออกมาทันที

 

“หม?”

 

ใบหน้าของซูฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

เขาสัมผัสได้ถึงสายฟ้าที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั่วทั้งร่างรู้สึกชาวาบราวกับมีมดหลายร้อยล้านตัวกําลังรุมแทะร่างของเขาอยู่ตลอดเวลา

 

“ร่างกาย กําลังแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง”

 

ขณะที่จิตใจของซูฉินอยู่ในห้วงของความตกใจ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข

 

เขารู้สึกว่าร่างกายของตนเองที่หยุดพัฒนาไปแล้วค่อยๆ กลับมามีพัฒนาการอีกครั้ง ถึงแม้อาจจะช้าไปบ้างแต่ก็เป็นการพัฒนาที่มั่นคงอย่างหาที่เปรียบมิได้

 

หลังจากนั้นไม่นาน

ซูฉินก็ปรับตัวเข้ากับสายฟ้าที่อยู่ในร่างได้อย่างสมบูรณ์

 

“ช้า นี่มันช้าเกินไปแล้ว”

 

ซูฉินส่ายหัว ขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

หากร่างกายค่อยๆ พัฒนาเพิ่มขึ้นไปด้วยความเร็วระดับนี้ มันคงจะบรรลุถึงการแปรสภาพร่างกายครั้งที่ห้าได้แต่อย่าง น้อยก็เป็นเวลาสิบปีหลังจากนี้

 

สุดท้ายก็คือการขัดเกลาร่างกายด้วยวิธีนี้ จะกระทําได้ก็ต่อเมื่อสภาพอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนเฉกเช่นวันนี้

 

และสภาพอากาศเช่นนี้ ก็ใช่ว่าจะพบเจอได้สักหนึ่งครั้งในทุกๆสิบวันแบบนี้เสมอไปเสียเมื่อไหร่

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็เงยหน้าขึ้นมองหมู่เมฆที่ปกคลุม ท้องฟ้า

 

“ด้วยร่างกายของข้า แม้ว่าจะไม่ได้ใช้วิธีการลดความรุน แรงของสายฟ้าจากห้าหมัดสายฟ้าเทพเจ้าก็คงจะไม่มีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้น ควบคู่ไปกับการที่ข้ามีทิพยอํานาจกายเนื้อกําเนิดใหม่ ก็ไม่จําเป็นต้องระวังสิ่งใดเลย”

 

ความคิดของซูฉินผันผวน

 

ที่แรกเขากะว่าจะปรับตัวสักสองสามชั่วโมงก่อน จากนั้นจึงค่อยคิดที่จะชักนําสายฟ้าเพิ่มเติม

 

แต่เมื่อได้ลอง ซูฉินก็รู้แล้วว่าขีดจํากัดของการชักนําสายฟ้ามาขัดเกลาร่างกายอยู่ตรงไหน

 

“สําหรับข้า การขัดเกลาร่างกายด้วยสายฟ้านั้นไม่มีปัญหาและไม่จําเป็นต้องปรับตัวเลย”

 

ซูฉินหยุดอยู่แค่นั้น หยุดวิชาห้าหมัดสายฟ้าเทพเจ้าและมองขึ้นไปที่มวลหมู่เมฆที่ดูไร้ที่สิ้นสุด

 

“มุ่งตรงไปสู่หมู่เมฆแล้วทําตามขั้นตอนสุดท้ายของวิชารับสายฟ้ามาให้หมดเลย”

 

ฟม!

 

ร่างของซูฉินกลายเป็นประกายสายฟ้า พุ่งเข้าไปในหมู่มวลเมฆ

 

ครื้นนน!

 

ฟ้าร้องระเบิดก้อง สายฟ้าพุ่งเข้ามาราวกับมังกร ราวกับยักษ์วิ่งลดคดเคี้ยวอย่างบ้าคลั่ง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“นี่แหละของจริง”

 

ดวงตาของซูฉินผ่าวร้อน รู้สึกได้ถึงร่างกายที่พัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจึงชกหมัดสายฟ้าเทพเจ้าอีกครั้ง

 

ในเวลาเดียวกัน

 

เมื่อซูฉินเข้าไปในหมู่เมฆ และหลอมร่างของตนด้วยสายฟ้า

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินเดินเข้าไปในเมืองฉางอันอย่างช้าๆ

 

“นี่คือเมืองหลวงของอาณาจักรถังอย่างนั้นสินะ?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินผู้นี้คือตํานานยุทธที่มาจากต่างดินแดน

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินเดินทางไปทั่วทวีปในช่วงที่ผ่านมาและได้รู้ว่าอาณาจักรถังคืออาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปนี้

 

ดังนั้นถ้าชายชุดคลุมน้ําเงินต้องการควบคุมทวีปไว้ใต้ฝ่าเท้าของเขา วิธีที่ง่ายที่สุดคือเข้าควบคุมอาณาจักรถัง

 

แม้ว่าเขาจะเป็นตํานานยุทธ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างกองกําลังที่สามารถกวาดล้างดินแดนใหญ่ๆ ได้ในเว ลาอันสั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทําไมเขาไม่เข้ายึดอาณาจักรถัง โดยตรงไปเลยเล่า ทั้งง่ายและสะดวกกว่า

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินจึงมาที่เมืองฉางอันด้วยจุดประสงค์ดังที่กล่าวมา

 

ส่วนอาณาจักรถังจะยินยอมหรือไม่

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินไม่ได้เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย

 

ในความเห็นของเขา ในฐานะที่เป็นตํานานยุทธจากต่างดินแดนที่อยู่ในจุดรุ่งโรจน์ของการฝึกยุทธ หากเขาต้องการ จะเข้าสู่อาณาจักรถังอีกฝ่ายจะมีความสามารถใดมาปฏิเสธ

 

“ว่ากันว่าอาณาจักรถังนั้นให้กําเนิดจอมยุทธขอบเขตตํานานยุทธ?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินครุ่นคิดอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก

 

ในช่วงเวลาที่เขาเดินทางไปทั่วแผ่นดินใหญ่ ถึงแม้เขาจะ ไม่ได้ทําอะไรเลย แต่ก็ต้องได้ยินข้อมูลบางอย่าง โดยเฉพาะ เรื่องของตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน

 

ท่ามกลางข่าวลือที่ได้ยินมา ตํานานยุทธแห่งเมืองฉาง อันนั้นสามารถพังทลายแผ่นดินได้เพียงโบกมือสะบัดเท้า และทรงพลังราวกับเทพเซียน

 

“พวกคนโง่”

 

งั้นหรือ!”

 

แววดูถูกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายในชุดคลุมสีน้ําเงิน

 

วิทยายุทธในต่างดินแดนรุ่งเรืองมาก แม้ว่าขอบเขตตํานานยุทธจะหายากเช่นกัน แต่ก็มีสุดยอดพรรคสํานักขนาดใหญ่มากมายที่ช่วยให้ตํานานยุทธฝึกฝนได้อย่างสบายๆ มันจะไปเหมือนตํานานยุทธในอาณาจักรถังได้อย่างไรที่กว่าจะให้กํา เนิดตํานานยุทธสักคนก็ล่วงมาหลายร้อยปีเช่นนี้

 

ถึงแม้จะเป็นผู้อาวุโสจากสํานักระดับสูง ก็ไม่กล้าเปรียบ เทียบตนเองกับเทพเซียน

 

“เส้นทางสู่ตํานานยุทธนั้นยากเย็น และสุดยอดพรรคสํา นักระดับสูงทั้งหลายก็ควบคุมทรัพยากรในการบ่มเพาะ ไว้เกือบหมด แต่กระนั้นจอมยุทธภายในสํานักพวกนั้นส่วนใหญ่ก็หยุดอยู่แค่ระดับนภาชั้นที่สาม”

 

ชายชราในชุดคลุมสีน้ําเงินเดินไปด้วยคิดไปด้วย

 

“อย่างไรก็ตาม ตํานานยุทธของอาณาจักรถังนั้นสา มารถก้าวเข้าสู่ตํานานยุทธในทวีปที่แห้งแล้งเช่นนี้ได้แน่นอนย่อมมีพรสวรรค์และความเข้าใจที่ดีอยู่บ้าง”

 

ชายชุดคลุมน้ําเงินพยักหน้าเล็กน้อยแสดงออกถึง การยืนยันบางอย่างในใจ

 

ก่อนที่กระแสปราณฉีจะฟื้นคืน พลังชีวิตในอากาศนั้นหา ได้ยากมากในทวีปแห่งนี้ แทบจะไม่มีหนทางใดที่จะก้าวไปสู่ระดับสูงได้ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้มาถึงขนาดนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ายกย่องมากแล้ว

 

“ถ้าข้าพบตํานานยุทธผู้นี้ในภายหลัง อาจจะไม่จําเป็ นต้องสังหารเขา ถ้าอีกฝ่ายเต็มใจจะติดตามข้าข้าก็ย่อมจะให้โอกาส”

 

ชายในชุดคลุมคิดอยู่ภายในใจ

 

ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินไม่เคยคิดเลยว่าตน มีกําลังพอที่จะสังหารคู่ต่อสู้หรือไม่

 

สําหรับชายในชุดคลุมสีน้ําเงิน เขามาจากต่างดินแดน ส ถานที่ที่วิทยายุทธรุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์วิชาหลากหลายแขนงแค่มองด้วยตาก็รู้ว่ามันเหนือกว่าทวีปนี้ มากแค่ไหน

 

ไม่ต้องพูดถึงว่าชายชุดคลุมสีน้ําเงินนั้นได้บรรลุถึงระดับ นภาชั้นที่สามแล้ว แม้จะอยู่ที่ต่างดินแดนก็นับว่าแข็งแกร่งเป็นรองเพียงผู้อาวุโสผู้คุมกฎเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ทําไมเขาจะไม่สามารถจัดการกับตํานานยุทธจากพื้นที่ห่างไกลแห่งนี้ ได้เล่า?

 

“เพียงแต่ จนตอนนี้ทําไมข้ายังไม่รู้สึกถึงกลิ่น อายของจอมยุทธขอบเขตตํานานยุทธผู้นั้นอีก?”

 

ชายในชุดคลุมขมวดคิ้วทันที

 

“เป็นไปได้ไหมว่าอีกฝ่ายออกไปแล้ว และไม่ได้อยู่ที่นี่?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินคาดเดาอยู่ในใจ

 

“คงไม่มีอะไรหรอก”

 

“ไปที่พระราชวังถังดีกว่า”

 

“ไม่ว่าตํานานยุทธผู้นั้นจะปรากฏตัวขึ้นหรือไม่ มันจะ ต้องถูกปราบด้วยกําลังที่เหนือกว่าอย่างสมบูรณ์”

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็เปลี่ยนทิศไปยังพ ระราชวังถัง

 

ด้วยความแข็งแกร่งของชายในชุดคลุมสีน้ําเงิน เป็นเรื่องง่ายที่จะหลบหนีการตรวจตราไปได้และเพียงครู่เดีย วชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็เข้ามาภายในวังหลวงแล้ว

 

ในเวลาต่อมา

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็โผขึ้นไปบนอากาศยืนอยู่เหนือพระราชวังกวาดตามองไปทั่วทั้งวังหลวง

 

“ไม่เลว”

 

“มียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดอยู่หลายคน”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินตรวจสอบด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

 

“เอ๋?”

 

“ใช่ร่างกายที่มีเส้นลมปราณปลอดโปร่งหรือไม่? แม้ว่าจะเป็นที่ต่างดินแดนก็สามารถเข้าสู่สํานักระดับสูงได้ง่ายๆ เลย…”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินจดจ่อจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กับหลีหว่านอยู่ครู่หนึ่ง

 

“ไม่เลวไม่เลว”

 

“ควรค่าแก่การแย่งชิงมายิ่งนัก

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินพึงพอใจอย่างยิ่ง

 

“หืม? ทําไมมีสถานที่ที่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าไม่สา มารถทะลุผ่านได้?” ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินเหมือนจะสังเกตเห็นบางสิ่ง และมองไปยังพระราชวังตะวันออก

 

“ค่ายกลฟ้าดิน?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินพึมพําอยู่กับตนเอง

 

“ดูเหมือนว่าตํานานยุทธผู้นั้นจะซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลฟ้า ดินขนาดใหญ่อันนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมข้าถึงสัมผัสพลัง ไม่ได้”

 

ในตอนที่ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินกําลังจะทะลวงผ่านค่ายกลฟ้าดิน เข้าไปปราบตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังและมอบโอกาสให้ติดตามตนเองนั้น

 

ซ่า!

 

เห็นเป็นหยดน้ําโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง

 

มีเกราะคุ้มกันที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นรอบตัวของชายในชุ ดคลุมสีน้ําเงิน กั้นตัวเขาออกจากฝนที่ตกลงมาได้ทั้งหมด

 

“ฝนตก?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดย ไม่รู้ตัว มองขึ้นไปเห็นท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยหมู่เมฆ

 

อย่างไรก็ตาม

 

เมื่อชายในชุดคุมสีน้ําเงินมองขึ้นไป ท่าที่แต่เดิมที่ดูสงบ นิ่งของเขาก็หยุดชะงักไปทันที

 

สายตาอันประหวั่นพรั่นพรึงของชายในชุดคลุมสีน้ําเงิน สบเข้ากับร่างเงาภายในส่วนลึกของมวลหมู่เมฆที่กําลังออกหมัดอย่างต่อเนื่องการออกหมัดแต่ละครั้งก็ทั้ง เฉียวทั้งชนกับสายฟ้าจํานวนมากทั้งยังแผ่กระแสไฟฟ้าออกไปในจํานวนมหาศาล

 

ร่างเงาคลุมเครือนั้นเหมือนกับเป็นเทพเจ้าแห่งสายฟ้า กําลังฝึกฝนหมัดมวยในทะเลสายฟ้าเป็นการส่วนตัวปราณหยางเข้มข้นทรงพลังถึงขีดสุดพุ่งทะลุเหนือฟากฟ้า

“นี่มันคืออะไรกัน?!”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ตัวสั่นไปทั้งตัว

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 187 ตะลึงงัน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 187 ตะลึงงัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 187 ตะลึงงัน

 

ตึงตึงตึง

 

ซูฉินปล่อยหมัดสายฟ้าเทพเจ้าอย่างต่อเนื่องเมื่อออกหมัดจนถึงระดับนภาของห้าหมัดสายฟ้าเทพเจ้าพลังแห่งสายฟ้าก็ถูกชักนําออกมาทันที

 

“หม?”

 

ใบหน้าของซูฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

เขาสัมผัสได้ถึงสายฟ้าที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั่วทั้งร่างรู้สึกชาวาบราวกับมีมดหลายร้อยล้านตัวกําลังรุมแทะร่างของเขาอยู่ตลอดเวลา

 

“ร่างกาย กําลังแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง”

 

ขณะที่จิตใจของซูฉินอยู่ในห้วงของความตกใจ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข

 

เขารู้สึกว่าร่างกายของตนเองที่หยุดพัฒนาไปแล้วค่อยๆ กลับมามีพัฒนาการอีกครั้ง ถึงแม้อาจจะช้าไปบ้างแต่ก็เป็นการพัฒนาที่มั่นคงอย่างหาที่เปรียบมิได้

 

หลังจากนั้นไม่นาน

ซูฉินก็ปรับตัวเข้ากับสายฟ้าที่อยู่ในร่างได้อย่างสมบูรณ์

 

“ช้า นี่มันช้าเกินไปแล้ว”

 

ซูฉินส่ายหัว ขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

หากร่างกายค่อยๆ พัฒนาเพิ่มขึ้นไปด้วยความเร็วระดับนี้ มันคงจะบรรลุถึงการแปรสภาพร่างกายครั้งที่ห้าได้แต่อย่าง น้อยก็เป็นเวลาสิบปีหลังจากนี้

 

สุดท้ายก็คือการขัดเกลาร่างกายด้วยวิธีนี้ จะกระทําได้ก็ต่อเมื่อสภาพอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนเฉกเช่นวันนี้

 

และสภาพอากาศเช่นนี้ ก็ใช่ว่าจะพบเจอได้สักหนึ่งครั้งในทุกๆสิบวันแบบนี้เสมอไปเสียเมื่อไหร่

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็เงยหน้าขึ้นมองหมู่เมฆที่ปกคลุม ท้องฟ้า

 

“ด้วยร่างกายของข้า แม้ว่าจะไม่ได้ใช้วิธีการลดความรุน แรงของสายฟ้าจากห้าหมัดสายฟ้าเทพเจ้าก็คงจะไม่มีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้น ควบคู่ไปกับการที่ข้ามีทิพยอํานาจกายเนื้อกําเนิดใหม่ ก็ไม่จําเป็นต้องระวังสิ่งใดเลย”

 

ความคิดของซูฉินผันผวน

 

ที่แรกเขากะว่าจะปรับตัวสักสองสามชั่วโมงก่อน จากนั้นจึงค่อยคิดที่จะชักนําสายฟ้าเพิ่มเติม

 

แต่เมื่อได้ลอง ซูฉินก็รู้แล้วว่าขีดจํากัดของการชักนําสายฟ้ามาขัดเกลาร่างกายอยู่ตรงไหน

 

“สําหรับข้า การขัดเกลาร่างกายด้วยสายฟ้านั้นไม่มีปัญหาและไม่จําเป็นต้องปรับตัวเลย”

 

ซูฉินหยุดอยู่แค่นั้น หยุดวิชาห้าหมัดสายฟ้าเทพเจ้าและมองขึ้นไปที่มวลหมู่เมฆที่ดูไร้ที่สิ้นสุด

 

“มุ่งตรงไปสู่หมู่เมฆแล้วทําตามขั้นตอนสุดท้ายของวิชารับสายฟ้ามาให้หมดเลย”

 

ฟม!

 

ร่างของซูฉินกลายเป็นประกายสายฟ้า พุ่งเข้าไปในหมู่มวลเมฆ

 

ครื้นนน!

 

ฟ้าร้องระเบิดก้อง สายฟ้าพุ่งเข้ามาราวกับมังกร ราวกับยักษ์วิ่งลดคดเคี้ยวอย่างบ้าคลั่ง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“นี่แหละของจริง”

 

ดวงตาของซูฉินผ่าวร้อน รู้สึกได้ถึงร่างกายที่พัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจึงชกหมัดสายฟ้าเทพเจ้าอีกครั้ง

 

ในเวลาเดียวกัน

 

เมื่อซูฉินเข้าไปในหมู่เมฆ และหลอมร่างของตนด้วยสายฟ้า

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินเดินเข้าไปในเมืองฉางอันอย่างช้าๆ

 

“นี่คือเมืองหลวงของอาณาจักรถังอย่างนั้นสินะ?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินผู้นี้คือตํานานยุทธที่มาจากต่างดินแดน

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินเดินทางไปทั่วทวีปในช่วงที่ผ่านมาและได้รู้ว่าอาณาจักรถังคืออาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปนี้

 

ดังนั้นถ้าชายชุดคลุมน้ําเงินต้องการควบคุมทวีปไว้ใต้ฝ่าเท้าของเขา วิธีที่ง่ายที่สุดคือเข้าควบคุมอาณาจักรถัง

 

แม้ว่าเขาจะเป็นตํานานยุทธ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างกองกําลังที่สามารถกวาดล้างดินแดนใหญ่ๆ ได้ในเว ลาอันสั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทําไมเขาไม่เข้ายึดอาณาจักรถัง โดยตรงไปเลยเล่า ทั้งง่ายและสะดวกกว่า

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินจึงมาที่เมืองฉางอันด้วยจุดประสงค์ดังที่กล่าวมา

 

ส่วนอาณาจักรถังจะยินยอมหรือไม่

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินไม่ได้เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย

 

ในความเห็นของเขา ในฐานะที่เป็นตํานานยุทธจากต่างดินแดนที่อยู่ในจุดรุ่งโรจน์ของการฝึกยุทธ หากเขาต้องการ จะเข้าสู่อาณาจักรถังอีกฝ่ายจะมีความสามารถใดมาปฏิเสธ

 

“ว่ากันว่าอาณาจักรถังนั้นให้กําเนิดจอมยุทธขอบเขตตํานานยุทธ?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินครุ่นคิดอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก

 

ในช่วงเวลาที่เขาเดินทางไปทั่วแผ่นดินใหญ่ ถึงแม้เขาจะ ไม่ได้ทําอะไรเลย แต่ก็ต้องได้ยินข้อมูลบางอย่าง โดยเฉพาะ เรื่องของตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน

 

ท่ามกลางข่าวลือที่ได้ยินมา ตํานานยุทธแห่งเมืองฉาง อันนั้นสามารถพังทลายแผ่นดินได้เพียงโบกมือสะบัดเท้า และทรงพลังราวกับเทพเซียน

 

“พวกคนโง่”

 

งั้นหรือ!”

 

แววดูถูกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายในชุดคลุมสีน้ําเงิน

 

วิทยายุทธในต่างดินแดนรุ่งเรืองมาก แม้ว่าขอบเขตตํานานยุทธจะหายากเช่นกัน แต่ก็มีสุดยอดพรรคสํานักขนาดใหญ่มากมายที่ช่วยให้ตํานานยุทธฝึกฝนได้อย่างสบายๆ มันจะไปเหมือนตํานานยุทธในอาณาจักรถังได้อย่างไรที่กว่าจะให้กํา เนิดตํานานยุทธสักคนก็ล่วงมาหลายร้อยปีเช่นนี้

 

ถึงแม้จะเป็นผู้อาวุโสจากสํานักระดับสูง ก็ไม่กล้าเปรียบ เทียบตนเองกับเทพเซียน

 

“เส้นทางสู่ตํานานยุทธนั้นยากเย็น และสุดยอดพรรคสํา นักระดับสูงทั้งหลายก็ควบคุมทรัพยากรในการบ่มเพาะ ไว้เกือบหมด แต่กระนั้นจอมยุทธภายในสํานักพวกนั้นส่วนใหญ่ก็หยุดอยู่แค่ระดับนภาชั้นที่สาม”

 

ชายชราในชุดคลุมสีน้ําเงินเดินไปด้วยคิดไปด้วย

 

“อย่างไรก็ตาม ตํานานยุทธของอาณาจักรถังนั้นสา มารถก้าวเข้าสู่ตํานานยุทธในทวีปที่แห้งแล้งเช่นนี้ได้แน่นอนย่อมมีพรสวรรค์และความเข้าใจที่ดีอยู่บ้าง”

 

ชายชุดคลุมน้ําเงินพยักหน้าเล็กน้อยแสดงออกถึง การยืนยันบางอย่างในใจ

 

ก่อนที่กระแสปราณฉีจะฟื้นคืน พลังชีวิตในอากาศนั้นหา ได้ยากมากในทวีปแห่งนี้ แทบจะไม่มีหนทางใดที่จะก้าวไปสู่ระดับสูงได้ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้มาถึงขนาดนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ายกย่องมากแล้ว

 

“ถ้าข้าพบตํานานยุทธผู้นี้ในภายหลัง อาจจะไม่จําเป็ นต้องสังหารเขา ถ้าอีกฝ่ายเต็มใจจะติดตามข้าข้าก็ย่อมจะให้โอกาส”

 

ชายในชุดคลุมคิดอยู่ภายในใจ

 

ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินไม่เคยคิดเลยว่าตน มีกําลังพอที่จะสังหารคู่ต่อสู้หรือไม่

 

สําหรับชายในชุดคลุมสีน้ําเงิน เขามาจากต่างดินแดน ส ถานที่ที่วิทยายุทธรุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์วิชาหลากหลายแขนงแค่มองด้วยตาก็รู้ว่ามันเหนือกว่าทวีปนี้ มากแค่ไหน

 

ไม่ต้องพูดถึงว่าชายชุดคลุมสีน้ําเงินนั้นได้บรรลุถึงระดับ นภาชั้นที่สามแล้ว แม้จะอยู่ที่ต่างดินแดนก็นับว่าแข็งแกร่งเป็นรองเพียงผู้อาวุโสผู้คุมกฎเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ทําไมเขาจะไม่สามารถจัดการกับตํานานยุทธจากพื้นที่ห่างไกลแห่งนี้ ได้เล่า?

 

“เพียงแต่ จนตอนนี้ทําไมข้ายังไม่รู้สึกถึงกลิ่น อายของจอมยุทธขอบเขตตํานานยุทธผู้นั้นอีก?”

 

ชายในชุดคลุมขมวดคิ้วทันที

 

“เป็นไปได้ไหมว่าอีกฝ่ายออกไปแล้ว และไม่ได้อยู่ที่นี่?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินคาดเดาอยู่ในใจ

 

“คงไม่มีอะไรหรอก”

 

“ไปที่พระราชวังถังดีกว่า”

 

“ไม่ว่าตํานานยุทธผู้นั้นจะปรากฏตัวขึ้นหรือไม่ มันจะ ต้องถูกปราบด้วยกําลังที่เหนือกว่าอย่างสมบูรณ์”

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็เปลี่ยนทิศไปยังพ ระราชวังถัง

 

ด้วยความแข็งแกร่งของชายในชุดคลุมสีน้ําเงิน เป็นเรื่องง่ายที่จะหลบหนีการตรวจตราไปได้และเพียงครู่เดีย วชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็เข้ามาภายในวังหลวงแล้ว

 

ในเวลาต่อมา

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็โผขึ้นไปบนอากาศยืนอยู่เหนือพระราชวังกวาดตามองไปทั่วทั้งวังหลวง

 

“ไม่เลว”

 

“มียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดอยู่หลายคน”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินตรวจสอบด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

 

“เอ๋?”

 

“ใช่ร่างกายที่มีเส้นลมปราณปลอดโปร่งหรือไม่? แม้ว่าจะเป็นที่ต่างดินแดนก็สามารถเข้าสู่สํานักระดับสูงได้ง่ายๆ เลย…”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินจดจ่อจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กับหลีหว่านอยู่ครู่หนึ่ง

 

“ไม่เลวไม่เลว”

 

“ควรค่าแก่การแย่งชิงมายิ่งนัก

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินพึงพอใจอย่างยิ่ง

 

“หืม? ทําไมมีสถานที่ที่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าไม่สา มารถทะลุผ่านได้?” ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินเหมือนจะสังเกตเห็นบางสิ่ง และมองไปยังพระราชวังตะวันออก

 

“ค่ายกลฟ้าดิน?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินพึมพําอยู่กับตนเอง

 

“ดูเหมือนว่าตํานานยุทธผู้นั้นจะซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลฟ้า ดินขนาดใหญ่อันนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมข้าถึงสัมผัสพลัง ไม่ได้”

 

ในตอนที่ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินกําลังจะทะลวงผ่านค่ายกลฟ้าดิน เข้าไปปราบตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังและมอบโอกาสให้ติดตามตนเองนั้น

 

ซ่า!

 

เห็นเป็นหยดน้ําโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง

 

มีเกราะคุ้มกันที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นรอบตัวของชายในชุ ดคลุมสีน้ําเงิน กั้นตัวเขาออกจากฝนที่ตกลงมาได้ทั้งหมด

 

“ฝนตก?”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดย ไม่รู้ตัว มองขึ้นไปเห็นท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยหมู่เมฆ

 

อย่างไรก็ตาม

 

เมื่อชายในชุดคุมสีน้ําเงินมองขึ้นไป ท่าที่แต่เดิมที่ดูสงบ นิ่งของเขาก็หยุดชะงักไปทันที

 

สายตาอันประหวั่นพรั่นพรึงของชายในชุดคลุมสีน้ําเงิน สบเข้ากับร่างเงาภายในส่วนลึกของมวลหมู่เมฆที่กําลังออกหมัดอย่างต่อเนื่องการออกหมัดแต่ละครั้งก็ทั้ง เฉียวทั้งชนกับสายฟ้าจํานวนมากทั้งยังแผ่กระแสไฟฟ้าออกไปในจํานวนมหาศาล

 

ร่างเงาคลุมเครือนั้นเหมือนกับเป็นเทพเจ้าแห่งสายฟ้า กําลังฝึกฝนหมัดมวยในทะเลสายฟ้าเป็นการส่วนตัวปราณหยางเข้มข้นทรงพลังถึงขีดสุดพุ่งทะลุเหนือฟากฟ้า

“นี่มันคืออะไรกัน?!”

 

ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ตัวสั่นไปทั้งตัว

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+