เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 195 ควบแน่นอาณาเขตสําเร็จ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 195 ควบแน่นอาณาเขตสําเร็จ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 195 ควบแน่นอาณาเขตสําเร็จ

 

ยามที่ซูฉินลงมือที่เมืองเมฆาปีศาจนั้น เขาไม่ได้ปิดบังแม้แต่น้อย ใช้ฝ่ามือเดียวกดดันเมืองเมฆาปีศาจ จากนั้นจึงบังคับให้เจ้าเมืองเมฆาปีศาจต้องหนีตายเยี่ยงสุนัขด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

 

ฉากนี้ถูกพบเห็นโดยปีศาจมากมายนับไม่ถ้วนภายในเมืองเมฆาปีศาจ ดังนั้นความจริงเรื่องที่เมืองเมฆาปีศาจถูกเปลี่ยนมือก็ไม่ได้ถูกปิดบัง และข่าวยังแพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว

 

เมืองอินจี๋

 

ภายในห้องโถงใหญ่

 

มีร่างมากกว่าสิบร่างกําลังนั่งรายล้อมกันอยู่

 

“ราชาปีศาจที่ลงมือภายในเมืองเมฆาปีศาจคือผู้ใด เหตุใดข้าจึงมิเคยได้ยินว่ามีชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน?”

 

ปีศาจหน้าตาเย็นชาที่นั่งอยู่ด้านขวาเปิดปากพูดออกมา

 

ไอพลังของเขาลึกซึ้ง มืดมน และเป็นราชาปีศาจที่ทรงพลัง ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจเลย

 

“ไม่แน่ใจ

 

“อย่างไรก็ตาม มีค่ายกลตั้งอยู่รอบเมืองเมฆาปีศาจซึ่งมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับราชาปีศาจระดับสูง หากฝ่ายตรงข้ามสามารถกวาดทําลายเกราะคุ้มกันเมืองเมฆาปีศาจทั้งหมดได้ ข้าเกรงว่ามันคงจะเป็นราชาปีศาจระดับสูงจริงๆ”

 

ปีศาจอีกตนกล่าวคําเบาๆ

 

“ราชาปีศาจระดับสูงงั้นหรือ?”

 

“ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยแฮะ?”

 

“มิผิด ข้ารู้จักราชาปีศาจระดับสูงภายในรัศมีล้านลี้ทั้งหมด ทําไมจู่ๆ ถึงมีชายผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นมาได้?”

 

ปีศาจที่เหลือต่างมองหน้ากันอย่างงงงวย

 

รู้หรือไม่ แม้แต่ในโลกถ้ำปิศาจ ราชาปีศาจระดับสูงนั้นก็หาได้ยากมาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะปรากฏตัวขึ้นมาเฉยๆ เช่นนี้

 

ราชาปีศาจระดับสูงทุกตนต่างมีร่องรอยให้สืบสาว ล้วนมีประวัติความเป็นมาคร่าวๆ อยู่

 

“เป็นไปไม่ได้”

 

“ หรือว่ามาจากเขตแดนอื่นหรือไม่?”

 

ปีศาจบางตนกระซิบกระซาบ

 

“เขตแดนอื่น?”

 

ใบหน้าของปิศาจตนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

จริงดังว่า

 

มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นถึงพอจะอธิบายได้ว่าทําไมราชาปีศาจระดับสูงจึงปรากฏตัวขึ้น

 

“ท่านเจ้าเมือง ตอนนี้พวกเราควรทําเช่นไรดี?”

 

ในเวลานั้น ปีศาจหน้าตาเย็นชาที่เป็นคนเปิดปากพูดตนแรกก็มองไปที่เจ้าเมืองอินจี๋ที่นั่งอยู่บนแท่นสูง

 

คําที่กล่าวออกมา

 

ปีศาจทั้งหลายที่พูดคุยกันอยู่ก็เงียบเสียงและมองไปที่เจ้าเมืองอินจี๋ที่ละตนสองตน

 

เจ้าเมืองอินจี๋สวมชุดคลุมยาว ปราณสงบนิ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะบังเอิญมีประกายสีดํากะพริบอยู่ภายในดวงตา เกรงว่าคงจะไม่มีใครมองออกว่าเขาคือเจ้าเมืองอินจี๋ที่ควบคุมอํานาจในบริเวณล้านนี้

 

“เจ้าเมืองเมฆาปีศาจสัญญาว่าจะส่งมอบร่างกายหยินบริสุทธิ์มาให้”

 

เสียงของเจ้าเมืองอินจี๋แหบแห้ง ราวกับเสียงเหล็กเสียดสีกัน “ข้ารอมายี่สิบปีแล้ว และแทบจะอดรนทนไม่ไหวที่กลืนกินปราณหยินอันบริสุทธิ์นั่น แต่เมืองเมฆาปีศาจกลับเปลี่ยนถ่ายมือไปเช่นนั้นหรือ?”

 

ความไม่พอใจเผยออกมาในคําพูดของเจ้าเมืองอินจี๋

 

วิชามารที่ตัวเขาฝึกนั้นรุนแรงจนเกินไป จึงต้องการปราณหยินบริสุทธิ์มาชดเชย

 

ตอนนี้ เจ้าเมืองอินจี๋ขาดร่างหยินบริสุทธิ์อีกเพียงร่างเดียวเท่านั้น เขาก็จะรวบรวมได้ครบเก้าสิบเก้าร่าง ควบแน่นเส้นสายทั้งเก้าสิบเก้าให้กลายเป็นปราณหยินบริสุทธิ์ เสริมพลังขึ้นไปในคราวเดียวเพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตต่อไปอย่างสมบูรณ์

 

แต่สิ่งที่เจ้าเมืองอินจี๋คาดไม่ถึงคือจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับร่างหยินบริสุทธิ์

 

“ข้าไม่สนว่าใครจะเป็นเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ”

 

เจ้าเมืองอินจี๋ค่อยๆ ยืนขึ้น เดินออกนอกห้องโถงใหญ่และมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีเทา “แต่ร่างหยินบริสุทธิ์จะต้องถูกส่งมอบออกมา”

 

เมื่อกล่าวคําเช่นนั้น เจ้าเมืองอินจี๋ก็หันกลับไปมองราชาปีศาจทั้งหลาย “พวกเจ้าต้องตามข้าไปยังเมืองเมฆาปีศาจ”

 

เจ้าเมืองอินจี๋เพิ่งจะกล่าวคําจบไป

 

ใบหน้าของราชาปีศาจทั้งหลายก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

แม้ว่าเจ้าเมืองอินจี๋จะไม่ได้กล่าวออกมาอย่างชัดเจนว่าต้องการจะไปทําอะไรในเมืองเมฆาปีศาจ แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการจะบังคับเจ้าเมืองเมฆาปีศาจตนใหม่ให้ยอมจํานน มอบร่างหยินบริสุทธิ์คืนมา

 

“ท่านเจ้าเมือง อาจจะไม่เหมาะที่จะทําเช่นนั้นกระมัง…” ราชาปีศาจบางตนกัดฟันพูดขึ้นมา “สุดท้ายแล้ว เจ้าเมืองเมฆาปีศาจตนปัจจุบันก็น่าจะเป็นถึงราชาปีศาจระดับสูง…”

 

ถ้าเป็นอดีตเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ หากอยากจะข่มเหงมันย่อมยอมให้ถูกข่มเหง แต่ยามนี้เจ้าเมืองเมฆาปีศาจตนปัจจุบันนั้นทรงพลังอํานาจ และหากข่มเหงบุคคลเช่นนี้ แน่นอนว่าเจ้าเมืองอินจี๋คงไม่หวาดกลัวสิ่งใด แต่พวกตนเล่าจะทําเช่นไรได้?

 

“สบายใจได้”

 

รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้าของเจ้าเมืองอินจี๋ “วิชามารของข้าใกล้จะสมบูรณ์แล้ว แล้วก็ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยสังหารราชาปีศาจระดับสูงมาก่อนเสียเมื่อไหร่”

 

เมื่อราชาปีศาจตนอื่นๆ ได้ยินดังนั้น พวกเขาก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาทันที รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วไปยืนอยู่ด้านหลัง เจ้าเมืองอินจี๋ด้วยตัวที่สั่นกลัว

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ด้านใต้เมืองฉางอัน

 

ณ ห้องโถงพระราชวังใต้ดินอันสูงตระหง่าน

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ สูดลมหายใจเข้า ดวงจิตรู้แจ้งพันปีลอยอยู่บนอากาศเปล่งประกายพร่างพราว

 

“ใกล้แล้ว”

 

ซูฉินเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างผ่อนคลาย ดวงตาสงบนิ่ง และกระซิบกับตนเองเบาๆ

 

หลังจากปิดด่านฝึกตนอยู่เกือบสองปี และด้วยความช่วยเหลือจากดวงจิตรู้แจ้งพันปี ซูฉินก็อยู่ห่างความสําเร็จในการควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็กอีกเพียงแค่ขั้นตอนเดียวเท่านั้น

 

“เมื่ออาณาเขตขนาดเล็กถูกควบแน่น ข้าจะสามารถทะลวงผ่านนภาชนที่แปด นภาชนที่เก้าได้อย่างรวดเร็ว และมีเวลามากขึ้นในช่วงคอขวดที่จะขึ้นไปถึงขอบเขตยอดอรหันต์”

 

ความคิดของซูฉินขึ้นๆ ลงๆ อยู่ภายในใจ

 

สําหรับซูฉิน เรื่องการควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็ก ทะลวงนภาชั้นที่แปดและนภาชั้นที่เก้านั้นไม่นับว่าสําคัญอะไร

 

สิ่งเดียวที่ซูฉินให้ค่ากับมันคือการทะลวงขั้นขึ้นไปยังขอบเขตยอดอรหันต์

 

“มาเริ่มกันเถอะ”

 

ซูฉินหลับตาลงช้าๆ ไอพลังเริ่มสั่นไหวอีกครั้ง

 

พระราชวังตะวันออก

 

หร่วนชิงยืนอยู่หน้าตําหนักขุนฝั่งขวา คอยชี้แนะการฝึกยุทธให้แก่ตระกูลซู

 

เนื่องจากหร่วนชิงให้คํามั่นสัญญาไว้ว่าจะเป็นมือเป็น เท้าให้กับซูฉิน เขาไม่เคยออกจากวังไปไหนและพํานักอยู่ในเมืองฉางอันเพื่อซูฉิน

 

“นายท่านไม่ได้เรียกหาข้ามาหลายเดือนแล้ว”

 

หร่วนชิงเดินออกจากพระราชวังตะวันออกพร้อมกับคิดอยู่กับตนเอง

 

ในตอนแรกซูฉินมักจะมาปรากฏตัวภายในวังเป็นครั้งคราว แต่ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ หร่วนชิงไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของซูฉินเลย

 

ถ้าไม่ใช่เพราะหร่วนชิงรู้สึกได้ว่า จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ซูฉินฝังไว้ยังคงอยู่ ก็คงคิดว่ามีสิ่งผิดพลาดใดเกิดขึ้นกับซูฉินไปแล้ว

 

ในตอนที่หร่วนชิงกําลังจะกลับไปยังพระราชวังตะวันออก

 

ฉับพลัน

 

พลังของทั่วทุกทิศทั้งเหนือใต้ซ้ายขวารอบเมืองฉางอัน พลังฟ้าดินอันไร้ที่สิ้นสุดจู่ๆ ก็ทะลักเข้ามาในเมืองอย่างบ้าคลั่ง

 

สิบลี้

 

ยี่สิบ

 

สามสิบลี้

 

ห้าสิบลี้

 

ร้อยลี้

 

สุดท้ายอาณาเขตของพลังฟ้าดินก็แผ่ไปไกลถึงร้อยลี้ ทันใดนั้นปราณฉีก็สั่นสะเทือนไปหลายร้อยราวกับลมพายุโดยมีเมืองฉางอันเป็นศูนย์กลาง

 

“นี่คือ…”

 

หร่วนชิงจ้องมองฉากตรงหน้าอย่างตกตะลึงราวกับเห็นผี

 

ในฐานะที่เป็นตํานานยุทธ หร่วนชิงรู้ดีว่าการสั่นไหวของพลังฟ้าดินเป็นระยะทางไกลกว่าหลายร้อยลี้นั้นหมายความว่าเช่นไร

 

“นายท่าน มันเป็นวิถีพลังของนายท่าน”

 

หร่วนชิงตอบสนองฉับพลัน ราวกับตนได้เป็นพยานในการเห็นตํานานเรื่องหนึ่ง

 

ต้องรู้ว่าตํานานยุทธเช่นหร่วนชิงสามารถควบคุมพลังฟ้าเดินได้เช่นกัน แต่ก็สามารถควบคุมพลังฟ้าดินได้เพียงสิบกว่าเท่านั้น

 

แต่ตอนนี้พลังฟ้าดินกลับสั่นสะเทือนแผ่ขยายออกไปหลายร้อยล้ำ

 

“ความแข็งแกร่งของนายท่านอยู่ระดับไหนกันแน่? เป็นไปได้อย่างไรที่จะควบคุมพลังได้ไกลปานนี้?”

 

หร่วนซิงตกใจมากจนแทบจะปิดบังมันไว้ไม่มิด

 

ภายใต้ขอบเขตของพลังฟ้าดินนี้ หร่วนชิงรู้สึกว่าการเชื่อมต่อของตนเองกับพลังฟ้าดินนั้นถูกตัดขาดลงอย่างสมบูรณ์

 

หร่วนชิงในตอนนี้ ยกเว้นแต่แก่นแท้แห่งพลัง ร่างกาย และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นระดับตํานานยุทธด้านอื่นๆ ล้วนตกไปอยู่ในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับแทบจะในทันที

 

ขณะที่หร่วนชิงกําลังจ้องมองด้วยความทึ่ง

 

พลังที่สั่นสะเทือนไปไกลกว่าหลายร้อยล้ำก็เริ่มหดตัวลง

 

เพียงครู่เดียว ทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบ

 

ใต้เมืองฉางอัน

 

โถงพระราชวังใต้ดินอันสูงตระหง่าน

 

ซูฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้น

 

“อาณาเขต…”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

 

“ในที่สุดก็สําเร็จแล้ว”

 

TL note : เนื่องจากตั้งแต่ตอนหน้าเป็นต้นไปแต่ละตอนจะยาวเกือบเท่าตัวเลย จึงขออนุญาตลงเป็นตอนเต็มสลับกับตอนแยกแทนนะครับ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 195 ควบแน่นอาณาเขตสําเร็จ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 195 ควบแน่นอาณาเขตสําเร็จ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 195 ควบแน่นอาณาเขตสําเร็จ

 

ยามที่ซูฉินลงมือที่เมืองเมฆาปีศาจนั้น เขาไม่ได้ปิดบังแม้แต่น้อย ใช้ฝ่ามือเดียวกดดันเมืองเมฆาปีศาจ จากนั้นจึงบังคับให้เจ้าเมืองเมฆาปีศาจต้องหนีตายเยี่ยงสุนัขด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

 

ฉากนี้ถูกพบเห็นโดยปีศาจมากมายนับไม่ถ้วนภายในเมืองเมฆาปีศาจ ดังนั้นความจริงเรื่องที่เมืองเมฆาปีศาจถูกเปลี่ยนมือก็ไม่ได้ถูกปิดบัง และข่าวยังแพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว

 

เมืองอินจี๋

 

ภายในห้องโถงใหญ่

 

มีร่างมากกว่าสิบร่างกําลังนั่งรายล้อมกันอยู่

 

“ราชาปีศาจที่ลงมือภายในเมืองเมฆาปีศาจคือผู้ใด เหตุใดข้าจึงมิเคยได้ยินว่ามีชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน?”

 

ปีศาจหน้าตาเย็นชาที่นั่งอยู่ด้านขวาเปิดปากพูดออกมา

 

ไอพลังของเขาลึกซึ้ง มืดมน และเป็นราชาปีศาจที่ทรงพลัง ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจเลย

 

“ไม่แน่ใจ

 

“อย่างไรก็ตาม มีค่ายกลตั้งอยู่รอบเมืองเมฆาปีศาจซึ่งมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับราชาปีศาจระดับสูง หากฝ่ายตรงข้ามสามารถกวาดทําลายเกราะคุ้มกันเมืองเมฆาปีศาจทั้งหมดได้ ข้าเกรงว่ามันคงจะเป็นราชาปีศาจระดับสูงจริงๆ”

 

ปีศาจอีกตนกล่าวคําเบาๆ

 

“ราชาปีศาจระดับสูงงั้นหรือ?”

 

“ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยแฮะ?”

 

“มิผิด ข้ารู้จักราชาปีศาจระดับสูงภายในรัศมีล้านลี้ทั้งหมด ทําไมจู่ๆ ถึงมีชายผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นมาได้?”

 

ปีศาจที่เหลือต่างมองหน้ากันอย่างงงงวย

 

รู้หรือไม่ แม้แต่ในโลกถ้ำปิศาจ ราชาปีศาจระดับสูงนั้นก็หาได้ยากมาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะปรากฏตัวขึ้นมาเฉยๆ เช่นนี้

 

ราชาปีศาจระดับสูงทุกตนต่างมีร่องรอยให้สืบสาว ล้วนมีประวัติความเป็นมาคร่าวๆ อยู่

 

“เป็นไปไม่ได้”

 

“ หรือว่ามาจากเขตแดนอื่นหรือไม่?”

 

ปีศาจบางตนกระซิบกระซาบ

 

“เขตแดนอื่น?”

 

ใบหน้าของปิศาจตนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

จริงดังว่า

 

มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นถึงพอจะอธิบายได้ว่าทําไมราชาปีศาจระดับสูงจึงปรากฏตัวขึ้น

 

“ท่านเจ้าเมือง ตอนนี้พวกเราควรทําเช่นไรดี?”

 

ในเวลานั้น ปีศาจหน้าตาเย็นชาที่เป็นคนเปิดปากพูดตนแรกก็มองไปที่เจ้าเมืองอินจี๋ที่นั่งอยู่บนแท่นสูง

 

คําที่กล่าวออกมา

 

ปีศาจทั้งหลายที่พูดคุยกันอยู่ก็เงียบเสียงและมองไปที่เจ้าเมืองอินจี๋ที่ละตนสองตน

 

เจ้าเมืองอินจี๋สวมชุดคลุมยาว ปราณสงบนิ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะบังเอิญมีประกายสีดํากะพริบอยู่ภายในดวงตา เกรงว่าคงจะไม่มีใครมองออกว่าเขาคือเจ้าเมืองอินจี๋ที่ควบคุมอํานาจในบริเวณล้านนี้

 

“เจ้าเมืองเมฆาปีศาจสัญญาว่าจะส่งมอบร่างกายหยินบริสุทธิ์มาให้”

 

เสียงของเจ้าเมืองอินจี๋แหบแห้ง ราวกับเสียงเหล็กเสียดสีกัน “ข้ารอมายี่สิบปีแล้ว และแทบจะอดรนทนไม่ไหวที่กลืนกินปราณหยินอันบริสุทธิ์นั่น แต่เมืองเมฆาปีศาจกลับเปลี่ยนถ่ายมือไปเช่นนั้นหรือ?”

 

ความไม่พอใจเผยออกมาในคําพูดของเจ้าเมืองอินจี๋

 

วิชามารที่ตัวเขาฝึกนั้นรุนแรงจนเกินไป จึงต้องการปราณหยินบริสุทธิ์มาชดเชย

 

ตอนนี้ เจ้าเมืองอินจี๋ขาดร่างหยินบริสุทธิ์อีกเพียงร่างเดียวเท่านั้น เขาก็จะรวบรวมได้ครบเก้าสิบเก้าร่าง ควบแน่นเส้นสายทั้งเก้าสิบเก้าให้กลายเป็นปราณหยินบริสุทธิ์ เสริมพลังขึ้นไปในคราวเดียวเพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตต่อไปอย่างสมบูรณ์

 

แต่สิ่งที่เจ้าเมืองอินจี๋คาดไม่ถึงคือจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับร่างหยินบริสุทธิ์

 

“ข้าไม่สนว่าใครจะเป็นเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ”

 

เจ้าเมืองอินจี๋ค่อยๆ ยืนขึ้น เดินออกนอกห้องโถงใหญ่และมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีเทา “แต่ร่างหยินบริสุทธิ์จะต้องถูกส่งมอบออกมา”

 

เมื่อกล่าวคําเช่นนั้น เจ้าเมืองอินจี๋ก็หันกลับไปมองราชาปีศาจทั้งหลาย “พวกเจ้าต้องตามข้าไปยังเมืองเมฆาปีศาจ”

 

เจ้าเมืองอินจี๋เพิ่งจะกล่าวคําจบไป

 

ใบหน้าของราชาปีศาจทั้งหลายก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

แม้ว่าเจ้าเมืองอินจี๋จะไม่ได้กล่าวออกมาอย่างชัดเจนว่าต้องการจะไปทําอะไรในเมืองเมฆาปีศาจ แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการจะบังคับเจ้าเมืองเมฆาปีศาจตนใหม่ให้ยอมจํานน มอบร่างหยินบริสุทธิ์คืนมา

 

“ท่านเจ้าเมือง อาจจะไม่เหมาะที่จะทําเช่นนั้นกระมัง…” ราชาปีศาจบางตนกัดฟันพูดขึ้นมา “สุดท้ายแล้ว เจ้าเมืองเมฆาปีศาจตนปัจจุบันก็น่าจะเป็นถึงราชาปีศาจระดับสูง…”

 

ถ้าเป็นอดีตเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ หากอยากจะข่มเหงมันย่อมยอมให้ถูกข่มเหง แต่ยามนี้เจ้าเมืองเมฆาปีศาจตนปัจจุบันนั้นทรงพลังอํานาจ และหากข่มเหงบุคคลเช่นนี้ แน่นอนว่าเจ้าเมืองอินจี๋คงไม่หวาดกลัวสิ่งใด แต่พวกตนเล่าจะทําเช่นไรได้?

 

“สบายใจได้”

 

รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้าของเจ้าเมืองอินจี๋ “วิชามารของข้าใกล้จะสมบูรณ์แล้ว แล้วก็ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยสังหารราชาปีศาจระดับสูงมาก่อนเสียเมื่อไหร่”

 

เมื่อราชาปีศาจตนอื่นๆ ได้ยินดังนั้น พวกเขาก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาทันที รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วไปยืนอยู่ด้านหลัง เจ้าเมืองอินจี๋ด้วยตัวที่สั่นกลัว

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ด้านใต้เมืองฉางอัน

 

ณ ห้องโถงพระราชวังใต้ดินอันสูงตระหง่าน

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ สูดลมหายใจเข้า ดวงจิตรู้แจ้งพันปีลอยอยู่บนอากาศเปล่งประกายพร่างพราว

 

“ใกล้แล้ว”

 

ซูฉินเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างผ่อนคลาย ดวงตาสงบนิ่ง และกระซิบกับตนเองเบาๆ

 

หลังจากปิดด่านฝึกตนอยู่เกือบสองปี และด้วยความช่วยเหลือจากดวงจิตรู้แจ้งพันปี ซูฉินก็อยู่ห่างความสําเร็จในการควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็กอีกเพียงแค่ขั้นตอนเดียวเท่านั้น

 

“เมื่ออาณาเขตขนาดเล็กถูกควบแน่น ข้าจะสามารถทะลวงผ่านนภาชนที่แปด นภาชนที่เก้าได้อย่างรวดเร็ว และมีเวลามากขึ้นในช่วงคอขวดที่จะขึ้นไปถึงขอบเขตยอดอรหันต์”

 

ความคิดของซูฉินขึ้นๆ ลงๆ อยู่ภายในใจ

 

สําหรับซูฉิน เรื่องการควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็ก ทะลวงนภาชั้นที่แปดและนภาชั้นที่เก้านั้นไม่นับว่าสําคัญอะไร

 

สิ่งเดียวที่ซูฉินให้ค่ากับมันคือการทะลวงขั้นขึ้นไปยังขอบเขตยอดอรหันต์

 

“มาเริ่มกันเถอะ”

 

ซูฉินหลับตาลงช้าๆ ไอพลังเริ่มสั่นไหวอีกครั้ง

 

พระราชวังตะวันออก

 

หร่วนชิงยืนอยู่หน้าตําหนักขุนฝั่งขวา คอยชี้แนะการฝึกยุทธให้แก่ตระกูลซู

 

เนื่องจากหร่วนชิงให้คํามั่นสัญญาไว้ว่าจะเป็นมือเป็น เท้าให้กับซูฉิน เขาไม่เคยออกจากวังไปไหนและพํานักอยู่ในเมืองฉางอันเพื่อซูฉิน

 

“นายท่านไม่ได้เรียกหาข้ามาหลายเดือนแล้ว”

 

หร่วนชิงเดินออกจากพระราชวังตะวันออกพร้อมกับคิดอยู่กับตนเอง

 

ในตอนแรกซูฉินมักจะมาปรากฏตัวภายในวังเป็นครั้งคราว แต่ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ หร่วนชิงไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของซูฉินเลย

 

ถ้าไม่ใช่เพราะหร่วนชิงรู้สึกได้ว่า จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ซูฉินฝังไว้ยังคงอยู่ ก็คงคิดว่ามีสิ่งผิดพลาดใดเกิดขึ้นกับซูฉินไปแล้ว

 

ในตอนที่หร่วนชิงกําลังจะกลับไปยังพระราชวังตะวันออก

 

ฉับพลัน

 

พลังของทั่วทุกทิศทั้งเหนือใต้ซ้ายขวารอบเมืองฉางอัน พลังฟ้าดินอันไร้ที่สิ้นสุดจู่ๆ ก็ทะลักเข้ามาในเมืองอย่างบ้าคลั่ง

 

สิบลี้

 

ยี่สิบ

 

สามสิบลี้

 

ห้าสิบลี้

 

ร้อยลี้

 

สุดท้ายอาณาเขตของพลังฟ้าดินก็แผ่ไปไกลถึงร้อยลี้ ทันใดนั้นปราณฉีก็สั่นสะเทือนไปหลายร้อยราวกับลมพายุโดยมีเมืองฉางอันเป็นศูนย์กลาง

 

“นี่คือ…”

 

หร่วนชิงจ้องมองฉากตรงหน้าอย่างตกตะลึงราวกับเห็นผี

 

ในฐานะที่เป็นตํานานยุทธ หร่วนชิงรู้ดีว่าการสั่นไหวของพลังฟ้าดินเป็นระยะทางไกลกว่าหลายร้อยลี้นั้นหมายความว่าเช่นไร

 

“นายท่าน มันเป็นวิถีพลังของนายท่าน”

 

หร่วนชิงตอบสนองฉับพลัน ราวกับตนได้เป็นพยานในการเห็นตํานานเรื่องหนึ่ง

 

ต้องรู้ว่าตํานานยุทธเช่นหร่วนชิงสามารถควบคุมพลังฟ้าเดินได้เช่นกัน แต่ก็สามารถควบคุมพลังฟ้าดินได้เพียงสิบกว่าเท่านั้น

 

แต่ตอนนี้พลังฟ้าดินกลับสั่นสะเทือนแผ่ขยายออกไปหลายร้อยล้ำ

 

“ความแข็งแกร่งของนายท่านอยู่ระดับไหนกันแน่? เป็นไปได้อย่างไรที่จะควบคุมพลังได้ไกลปานนี้?”

 

หร่วนซิงตกใจมากจนแทบจะปิดบังมันไว้ไม่มิด

 

ภายใต้ขอบเขตของพลังฟ้าดินนี้ หร่วนชิงรู้สึกว่าการเชื่อมต่อของตนเองกับพลังฟ้าดินนั้นถูกตัดขาดลงอย่างสมบูรณ์

 

หร่วนชิงในตอนนี้ ยกเว้นแต่แก่นแท้แห่งพลัง ร่างกาย และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นระดับตํานานยุทธด้านอื่นๆ ล้วนตกไปอยู่ในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับแทบจะในทันที

 

ขณะที่หร่วนชิงกําลังจ้องมองด้วยความทึ่ง

 

พลังที่สั่นสะเทือนไปไกลกว่าหลายร้อยล้ำก็เริ่มหดตัวลง

 

เพียงครู่เดียว ทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบ

 

ใต้เมืองฉางอัน

 

โถงพระราชวังใต้ดินอันสูงตระหง่าน

 

ซูฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้น

 

“อาณาเขต…”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

 

“ในที่สุดก็สําเร็จแล้ว”

 

TL note : เนื่องจากตั้งแต่ตอนหน้าเป็นต้นไปแต่ละตอนจะยาวเกือบเท่าตัวเลย จึงขออนุญาตลงเป็นตอนเต็มสลับกับตอนแยกแทนนะครับ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+