เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 199 (1) บดขยี้

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 199 (1) บดขยี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 199 (1) บดขยี้

 

ภายในพระราชวังถัง

 

หลีหว่านตกตะลึง มองไปที่เกราะคุ้มกันที่ปกป้องนางเอาไว้ และก็พบที่มาของเกราะคุ้มกันนั้นได้อย่างรวดเร็ว มันมาจากรอยสัญลักษณ์รูปดาบที่นางพกติดตัวเอาไว้

 

ในเวลานี้ ชิ้นไม้แผ่นนั้นเปล่งแสงสลัวๆ ออกมา คล้ายแสงเทียนกําลังส่องสว่างอยู่กลางความมืด

 

“ลุงสาม?”

 

หลีหว่านกะพริบตาปริบๆ

 

ซูฉินมอบแผ่นไม้ชิ้นนี้ให้กับนาง และรอยสัญลักษณ์รูปดาบเองก็ถูกทิ้งไว้โดยซูฉิน

 

ในเวลานั้น

 

ชายท่าทางดุดันที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย “เกราะคุ้มกันนี้…”

 

ฉับพลัน

 

ชายท่าทางดุดันก็เหมือนจะรู้ถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ จากนั้นก็หันไปมองอีกทิศทางหนึ่ง

 

เห็นเป็นปราณมีดสีดําสนิท คมมีดสีดําสนิทอันนี้ดูราวกับพลังฉีกกระชากที่ทั้งยาวและคมกริบ ทันทีที่ชายท่าทางดุดันสังเกตเห็น มันก็เข้ามาอยู่ในระยะสิบเมตรเสียแล้ว

 

“ไม่”

 

ชายท่าทางดุดันสมแล้วที่เป็นศิษย์แห่งนิกายใหญ่ในต่างแดน ในจุดวิกฤติใกล้ขอบเหวความตายเช่นนี้ มันได้กระตุ้นทักษะลับต้องห้าม ร่างของมันค่อยๆ สูง ใหญ่ขึ้นกลายเป็นเหมือนกับยักษ์ขนาดย่อมๆ ซึ่งสูงกว่าห้าเมตร กลิ่นอายอันทรงพลังแผ่ออกมาคละคลุ้ง

 

นิกายใหญ่ในต่างแดนที่ชายท่าทางดุดันสังกัดอยู่นั้นขึ้นชื่อเรื่องวิชาบ่มเพาะร่างกาย มีทักษะลับในการเพิ่มพละกําลังให้มากขึ้น โดยทักษะลับนี้เป็นวิธีต้องห้ามที่จําจะต้องเผาแก่นแท้และเลือดเนื้อของตนเองเพื่อยกระดับของกายเนื้อให้ไปถึงขีดสุด

 

ในช่วงเวลาต่อมา

 

ก่อนที่ชายท่าทางดุดันจะตอบโต้

 

แสงจากคมมีดที่ทั้งคมกริบและมืดมิดก็มาถึง

 

ฉึกกก

 

แสงจากคมมีดทะลวงผ่านร่างกายของชายท่าทางดุดันไปได้อย่างง่ายดาย และตัดผ่านกระดูกที่ดูทรงพลังไปได้อีกด้วยร่างกายที่แสนภาคภูมิของชายท่าทางดุดันนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าคมมีดนี้ก็ราวกับเป็นกระดาษแผ่นหนึ่ง

 

ครืด!

 

ร่างของชายผู้ดุดันขาดออกเป็นสองส่วน ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า เลือดของจอมยุทธในขอบเขตตํานานยุทธหลั่งไหลโปรยปราย

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ทันทีที่จิตวิญญาณของชายท่าทางดุดันต้องการจะหลบหนี เขารู้สึกได้ถึงไอพลังที่เหมือนกับจะมาจากขุมนรก แผ่กระจายออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในชั่วพริบตาทั้งกายเนื้อและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์

 

“นี่คือ?”

 

ไม่ไกลนัก รูม่านตาของศิษย์ทั้งหลายจากนิกายใหญ่ในต่างแดนก็หดแคบ รวมถึงเทพธิดาปิงหลิงแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะเองก็ด้วย การตอบสนองของทุกคนกลายเป็นแข็งทื่อ

 

ในฐานะที่พวกเขาเป็นตํานานยุทธ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาห้อมล้อมพื้นที่ในรัศมีหลายสิบเมตรโดยรอบเอาไว้แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเหตุใดชายผู้ดุดันผู้นี้จึงถูกฉีกร่างออกเป็นสองส่วนในฉับพลัน

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ชายชุดคลุมสีเขียวที่ถือดาบยาวเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

 

การที่ชายท่าทางดุดันตกตายไป เป็นเรื่องที่ทําให้ทุกคนตกใจมากที่สุด เพราะความตายที่เกิดขึ้นนั้นอธิบายไม่ได้ไร้ซึ่งคําเตือน

 

“มีคนลงมือแน่แล้ว”

 

ปิงหลิง เทพธิดาแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะพูดออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม

 

เมื่อคนอื่นได้ยินเช่นนี้ต่างก็กลอกตา ใช่ ชายผู้ดุดันตายไปแล้ว แน่นอนว่าต้องมีใครสักคนเป็นผู้ลงมือ

 

แต่คําถามในตอนนี้คือ ใครเป็นผู้ลงมือ?

 

เมื่อเทียบกับศิษย์นิกายใหญ่ที่กําลังไม่สบายใจกันอยู่นั้นทางด้านจักรพรรดิถังและคนอื่นๆ กลับมีความสุขขึ้นมา 

 

“พี่สาม พี่สามคงเป็นผู้ลงมือแน่แล้ว” จักรพรรดิถังกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมาก

 

แม้ตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงเขาจะไม่ได้เห็นซูฉินปรากฏตัวออกมา แต่เขารู้สึกได้ว่าคนที่สังหารชายท่าทางดุดันผู้นั้นต้องเป็นซูฉินแน่ๆ

 

“นายท่าน?”

 

หร่วนชิงค่อยๆ ยืนขึ้น แต่ใบหน้ายังคงซีดเซียวอยู่

 

เขาได้ต่อสู้กับนักพรตเต๋า แม้จะเสียเปรียบอยู่เสมอเมื่อประมือกัน แต่เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการจะหักหาญ จึงไม่ได้บาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงลุกขึ้นยืนไม่ไหวเป็นแน่

 

ในตอนนั้นเอง

 

ร่างสูงผอมเพรียวค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาอย่างช้าๆ

 

ร่างนี้มีมีดรูปร่างแปลกๆ คล้ายกับเคียว ตัวใบมีดโค้งเป็นวงดั่งดวงจันทร์อยู่ในมือขวา ชี้ใบมีดไปที่พื้น เดินมาอย่างไม่รีบร้อน

 

“เขาคือ?”

 

เมื่อเทพธิดายุคปัจจุบันแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะเห็นร่างนั้นปรากฏขึ้น ดวงตาก็จับจ้องไปที่คู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว

 

ศิษย์นิกายใหญ่คนอื่นๆ ก็ทําเช่นเดียวกัน ใบหน้าของพวกเขาเคร่งเครียดราวกับเผชิญหน้ากับศัตรู มันแปลกเกินไปที่จู่ๆ ชายท่าทางดุดันก็ตกตายลง ศิษย์ของนิกายใหญ่แม้จะทระนงดื้อรั้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้โง่เง่า

 

“เป็นพี่สาม”

 

จักรพรรดิถังถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

จนถึงตอนนี้ จักรพรรดิถังก็โล่งใจได้อย่างเต็มที่แล้ว

 

“ท่านผู้แข็งแกร่งคงจะเป็นตํานานยุทธที่พํานักอยู่ในเมืองฉางอัน?” ชายผู้เย็นชาในชุดคลุมสีดํายิ้มออกมา ประสานมือไปทางซูฉิน

 

ท่าที่ของเขาถ่อมตัวอย่างยิ่ง ปราศจากความเย่อหยิ่งในฐานะศิษย์นิกายใหญ่

 

ด้วยความจริงที่ซูฉินสามารถสังหารชายดุดันได้อย่างเงียบเชียบ เพียงแค่สิ่งนี้ก็บอกได้แล้วว่าความแข็งแกร่งของซูฉินเหนือกว่าพวกเขามาก อย่างน้อยๆ ก็คงเป็นระดับเดียวกับผู้อาวุโสอันดับต้นๆ ภายในนิกายใหญ่

 

“ในเมื่อท่านอยู่ที่นี่ พวกเราคงจะไม่รบกวนท่านอีกต่อไป” ชายผู้เย็นชาในชุดคลุมดํารีบกล่าวออก

 

ในความเห็นของมัน ในเมื่อพวกตนยอมถอยขนาดนี้ก็ถือว่าโอนอ่อนผ่อนตามมากแล้ว ถ้าซูฉินคิดให้ไกลสักหน่อย ก็คงจะไม่ไล่ต้อนพวกมันไปมากกว่านี้ 

 

“ฮึ่ม”

 

“เมื่อข้ากลับไปที่นิกายได้ ข้าจะต้องไปเชิญท่านอาจารย์ให้มาลงมือสังหารคนทั้งเมืองนี้ให้สิ้น” ชายชุดดําท่าทางเย็นชาครุ่นคิดอยู่ภายในใจอย่างรวดเร็ว แต่การแสดงออกกลับยิ่งดูอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้นไปอีก

 

นิกายที่เขาสังกัดอยู่ไม่นับว่าเป็นผู้มีคุณธรรมอะไร เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเช่นฆ่าสังหารสิ่งมีชีวิต

 

ปิงหลิงซึ่งเป็นเทพธิดายุคปัจจุบันของตําหนักเทพเจ้าหิมะก็จ้องไปที่ซูฉิน และดูว่าซูฉินจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

 

“พี่สาม…” จักรพรรดิถังมองซูฉินอย่างเป็นกังวล

 

ท่ามกลางความสนใจของทุกผู้ทุกคน ในที่สุดซูฉินก็พูดขึ้นมา

 

“ต้องการที่จะจากไป?”

 

ใบหน้าของซูฉินฉายแววประชดประชัน “มาถึงที่นี่ ยังต้องการจะกลับไปอย่างมีชีวิตอยู่อีกหรือ?”

 

ทันทีที่สิ้นเสียง ซูฉินก็โบกสะบัดมีดเทพเจ้าปีศาจในมือขวาเบาๆ ตวัดเข้าใส่ชายชุดดํา

 

“เจ้า?!”

 

ชายชุดดําที่ดูเย็นชาพลันตกใจ จากนั้นมันก็รู้สึกถึงวิกฤตชีวิตความเป็นความตายที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน

 

วิกฤตชีวิตครั้งนี้เหนือกว่าที่ชายชุดดําเคยเจอมาทั้งชีวิตชายผู้เคยเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปมาหลายต่อหลายที่ เห็นทั้งผืนฟ้า ผืนดิน และแม้แต่สัตว์ทะเลที่รอดชีวิตมาจากสมัยดึกดําบรรพ์ก็ยังเจอมาแล้ว

 

ในช่วงเวลาต่อมา

 

ชายผู้เย็นชาในชุดคลุมสีดําก็เผชิญหน้ากับคมมีดที่สีดําสนิทราวกับหมึก

 

“เชือดเฉือนมัน!”

 

ชายชุดดําไม่มีเวลาคิดว่าเหตุใดซูฉินจึงตัดสินใจเด็ดขาดเช่นนี้ เพราะในตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวภายในใจ

 

นั่นคือต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้

 

ต้องรอดไปให้ได้

 

ทันใดนั้นร่างของชายชุดดําผู้เย็นชาจู่ๆ ก็กลายเป็นสีดําสนิท ราวกับเปลี่ยนความจริงให้เป็นสิ่งลวงตา

 

“ร่างปีศาจลวงตา?”

 

ใบหน้าของเทพธิดาในยุคปัจจุบันของตําหนักเทพเจ้าหิมะก็เปลี่ยนไป

 

ร่างปีศาจลวงตาคือวิชาพื้นฐานของนิกายใหญ่ที่ชายชุดดําผู้เย็นชาสังกัดอยู่ เมื่อฝึกฝนไปได้ระดับหนึ่ง สามารถทําให้ผู้ฝึกฝนสามารถเปลี่ยนร่างตนเองระหว่างความเป็นจริงและภาพลวงตาได้ตามใจปรารถนา ซึ่งสามารถทําให้เพิกเฉยต่อการโจมตีต่างๆ ได้

 

ฉึก

 

ในเวลานั้นเอง คมดาบสีดําของซูฉินก็ได้ตัดผ่านร่างเงาลวงตาของชายชุดดํา

 

ทันใดนั้น

 

ร่างเงาลวงตาสีดําก็ถูกตัดออกเป็นสองส่วนโดยตรง และร่างของชายชุดดําที่ท่าทางเย็นชาก็หวนคืนกลับมา จากนั้นจึงค่อยๆ ร่วงหล่นลงจากฟ้า

 

“ตายแล้ว!”

 

เทพธิดาคนปัจจุบันของตําหนักเทพเจ้าหิมะหน้าเปลี่ยนสีทันที

 

“วิ่ง!”

 

บรรพบุรุษสังหารโลหิตที่อยู่ด้านข้าง ตกใจกลัว ไม่มีรีรอแต่ประการใด กลายร่างเป็นแสงสีแดงเลือดพุ่งหนีไปในระยะไกล

 

ซูฉินแลดูไร้อารมณ์ ไม่มีสุข ไม่มีเศร้า กระชับมีดเทพเจ้าปีศาจในมือแล้วฟันออกไปทางบรรพบุรุษสังหารโลหิต

 

ครืด

 

ปรากฎวงสีดําสนิทฉีกกระชากจนเหมือนเป็นรอยแยกบนท้องฟ้า

 

หลังจากฆ่าบรรพบุรุษสังหารโลหิตด้วยการผ่าออกเป็นสองส่วน เขาก็ไม่มีความลังเลใจแต่อย่างใด สาวเท้าก้าวข้ามผ่านร่างของชายชุดดําผู้เป็นชาไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 199 (1) บดขยี้

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 199 (1) บดขยี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 199 (1) บดขยี้

 

ภายในพระราชวังถัง

 

หลีหว่านตกตะลึง มองไปที่เกราะคุ้มกันที่ปกป้องนางเอาไว้ และก็พบที่มาของเกราะคุ้มกันนั้นได้อย่างรวดเร็ว มันมาจากรอยสัญลักษณ์รูปดาบที่นางพกติดตัวเอาไว้

 

ในเวลานี้ ชิ้นไม้แผ่นนั้นเปล่งแสงสลัวๆ ออกมา คล้ายแสงเทียนกําลังส่องสว่างอยู่กลางความมืด

 

“ลุงสาม?”

 

หลีหว่านกะพริบตาปริบๆ

 

ซูฉินมอบแผ่นไม้ชิ้นนี้ให้กับนาง และรอยสัญลักษณ์รูปดาบเองก็ถูกทิ้งไว้โดยซูฉิน

 

ในเวลานั้น

 

ชายท่าทางดุดันที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย “เกราะคุ้มกันนี้…”

 

ฉับพลัน

 

ชายท่าทางดุดันก็เหมือนจะรู้ถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ จากนั้นก็หันไปมองอีกทิศทางหนึ่ง

 

เห็นเป็นปราณมีดสีดําสนิท คมมีดสีดําสนิทอันนี้ดูราวกับพลังฉีกกระชากที่ทั้งยาวและคมกริบ ทันทีที่ชายท่าทางดุดันสังเกตเห็น มันก็เข้ามาอยู่ในระยะสิบเมตรเสียแล้ว

 

“ไม่”

 

ชายท่าทางดุดันสมแล้วที่เป็นศิษย์แห่งนิกายใหญ่ในต่างแดน ในจุดวิกฤติใกล้ขอบเหวความตายเช่นนี้ มันได้กระตุ้นทักษะลับต้องห้าม ร่างของมันค่อยๆ สูง ใหญ่ขึ้นกลายเป็นเหมือนกับยักษ์ขนาดย่อมๆ ซึ่งสูงกว่าห้าเมตร กลิ่นอายอันทรงพลังแผ่ออกมาคละคลุ้ง

 

นิกายใหญ่ในต่างแดนที่ชายท่าทางดุดันสังกัดอยู่นั้นขึ้นชื่อเรื่องวิชาบ่มเพาะร่างกาย มีทักษะลับในการเพิ่มพละกําลังให้มากขึ้น โดยทักษะลับนี้เป็นวิธีต้องห้ามที่จําจะต้องเผาแก่นแท้และเลือดเนื้อของตนเองเพื่อยกระดับของกายเนื้อให้ไปถึงขีดสุด

 

ในช่วงเวลาต่อมา

 

ก่อนที่ชายท่าทางดุดันจะตอบโต้

 

แสงจากคมมีดที่ทั้งคมกริบและมืดมิดก็มาถึง

 

ฉึกกก

 

แสงจากคมมีดทะลวงผ่านร่างกายของชายท่าทางดุดันไปได้อย่างง่ายดาย และตัดผ่านกระดูกที่ดูทรงพลังไปได้อีกด้วยร่างกายที่แสนภาคภูมิของชายท่าทางดุดันนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าคมมีดนี้ก็ราวกับเป็นกระดาษแผ่นหนึ่ง

 

ครืด!

 

ร่างของชายผู้ดุดันขาดออกเป็นสองส่วน ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า เลือดของจอมยุทธในขอบเขตตํานานยุทธหลั่งไหลโปรยปราย

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ทันทีที่จิตวิญญาณของชายท่าทางดุดันต้องการจะหลบหนี เขารู้สึกได้ถึงไอพลังที่เหมือนกับจะมาจากขุมนรก แผ่กระจายออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในชั่วพริบตาทั้งกายเนื้อและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์

 

“นี่คือ?”

 

ไม่ไกลนัก รูม่านตาของศิษย์ทั้งหลายจากนิกายใหญ่ในต่างแดนก็หดแคบ รวมถึงเทพธิดาปิงหลิงแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะเองก็ด้วย การตอบสนองของทุกคนกลายเป็นแข็งทื่อ

 

ในฐานะที่พวกเขาเป็นตํานานยุทธ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาห้อมล้อมพื้นที่ในรัศมีหลายสิบเมตรโดยรอบเอาไว้แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเหตุใดชายผู้ดุดันผู้นี้จึงถูกฉีกร่างออกเป็นสองส่วนในฉับพลัน

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ชายชุดคลุมสีเขียวที่ถือดาบยาวเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

 

การที่ชายท่าทางดุดันตกตายไป เป็นเรื่องที่ทําให้ทุกคนตกใจมากที่สุด เพราะความตายที่เกิดขึ้นนั้นอธิบายไม่ได้ไร้ซึ่งคําเตือน

 

“มีคนลงมือแน่แล้ว”

 

ปิงหลิง เทพธิดาแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะพูดออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม

 

เมื่อคนอื่นได้ยินเช่นนี้ต่างก็กลอกตา ใช่ ชายผู้ดุดันตายไปแล้ว แน่นอนว่าต้องมีใครสักคนเป็นผู้ลงมือ

 

แต่คําถามในตอนนี้คือ ใครเป็นผู้ลงมือ?

 

เมื่อเทียบกับศิษย์นิกายใหญ่ที่กําลังไม่สบายใจกันอยู่นั้นทางด้านจักรพรรดิถังและคนอื่นๆ กลับมีความสุขขึ้นมา 

 

“พี่สาม พี่สามคงเป็นผู้ลงมือแน่แล้ว” จักรพรรดิถังกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมาก

 

แม้ตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงเขาจะไม่ได้เห็นซูฉินปรากฏตัวออกมา แต่เขารู้สึกได้ว่าคนที่สังหารชายท่าทางดุดันผู้นั้นต้องเป็นซูฉินแน่ๆ

 

“นายท่าน?”

 

หร่วนชิงค่อยๆ ยืนขึ้น แต่ใบหน้ายังคงซีดเซียวอยู่

 

เขาได้ต่อสู้กับนักพรตเต๋า แม้จะเสียเปรียบอยู่เสมอเมื่อประมือกัน แต่เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการจะหักหาญ จึงไม่ได้บาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงลุกขึ้นยืนไม่ไหวเป็นแน่

 

ในตอนนั้นเอง

 

ร่างสูงผอมเพรียวค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาอย่างช้าๆ

 

ร่างนี้มีมีดรูปร่างแปลกๆ คล้ายกับเคียว ตัวใบมีดโค้งเป็นวงดั่งดวงจันทร์อยู่ในมือขวา ชี้ใบมีดไปที่พื้น เดินมาอย่างไม่รีบร้อน

 

“เขาคือ?”

 

เมื่อเทพธิดายุคปัจจุบันแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะเห็นร่างนั้นปรากฏขึ้น ดวงตาก็จับจ้องไปที่คู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว

 

ศิษย์นิกายใหญ่คนอื่นๆ ก็ทําเช่นเดียวกัน ใบหน้าของพวกเขาเคร่งเครียดราวกับเผชิญหน้ากับศัตรู มันแปลกเกินไปที่จู่ๆ ชายท่าทางดุดันก็ตกตายลง ศิษย์ของนิกายใหญ่แม้จะทระนงดื้อรั้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้โง่เง่า

 

“เป็นพี่สาม”

 

จักรพรรดิถังถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

จนถึงตอนนี้ จักรพรรดิถังก็โล่งใจได้อย่างเต็มที่แล้ว

 

“ท่านผู้แข็งแกร่งคงจะเป็นตํานานยุทธที่พํานักอยู่ในเมืองฉางอัน?” ชายผู้เย็นชาในชุดคลุมสีดํายิ้มออกมา ประสานมือไปทางซูฉิน

 

ท่าที่ของเขาถ่อมตัวอย่างยิ่ง ปราศจากความเย่อหยิ่งในฐานะศิษย์นิกายใหญ่

 

ด้วยความจริงที่ซูฉินสามารถสังหารชายดุดันได้อย่างเงียบเชียบ เพียงแค่สิ่งนี้ก็บอกได้แล้วว่าความแข็งแกร่งของซูฉินเหนือกว่าพวกเขามาก อย่างน้อยๆ ก็คงเป็นระดับเดียวกับผู้อาวุโสอันดับต้นๆ ภายในนิกายใหญ่

 

“ในเมื่อท่านอยู่ที่นี่ พวกเราคงจะไม่รบกวนท่านอีกต่อไป” ชายผู้เย็นชาในชุดคลุมดํารีบกล่าวออก

 

ในความเห็นของมัน ในเมื่อพวกตนยอมถอยขนาดนี้ก็ถือว่าโอนอ่อนผ่อนตามมากแล้ว ถ้าซูฉินคิดให้ไกลสักหน่อย ก็คงจะไม่ไล่ต้อนพวกมันไปมากกว่านี้ 

 

“ฮึ่ม”

 

“เมื่อข้ากลับไปที่นิกายได้ ข้าจะต้องไปเชิญท่านอาจารย์ให้มาลงมือสังหารคนทั้งเมืองนี้ให้สิ้น” ชายชุดดําท่าทางเย็นชาครุ่นคิดอยู่ภายในใจอย่างรวดเร็ว แต่การแสดงออกกลับยิ่งดูอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้นไปอีก

 

นิกายที่เขาสังกัดอยู่ไม่นับว่าเป็นผู้มีคุณธรรมอะไร เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเช่นฆ่าสังหารสิ่งมีชีวิต

 

ปิงหลิงซึ่งเป็นเทพธิดายุคปัจจุบันของตําหนักเทพเจ้าหิมะก็จ้องไปที่ซูฉิน และดูว่าซูฉินจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

 

“พี่สาม…” จักรพรรดิถังมองซูฉินอย่างเป็นกังวล

 

ท่ามกลางความสนใจของทุกผู้ทุกคน ในที่สุดซูฉินก็พูดขึ้นมา

 

“ต้องการที่จะจากไป?”

 

ใบหน้าของซูฉินฉายแววประชดประชัน “มาถึงที่นี่ ยังต้องการจะกลับไปอย่างมีชีวิตอยู่อีกหรือ?”

 

ทันทีที่สิ้นเสียง ซูฉินก็โบกสะบัดมีดเทพเจ้าปีศาจในมือขวาเบาๆ ตวัดเข้าใส่ชายชุดดํา

 

“เจ้า?!”

 

ชายชุดดําที่ดูเย็นชาพลันตกใจ จากนั้นมันก็รู้สึกถึงวิกฤตชีวิตความเป็นความตายที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน

 

วิกฤตชีวิตครั้งนี้เหนือกว่าที่ชายชุดดําเคยเจอมาทั้งชีวิตชายผู้เคยเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปมาหลายต่อหลายที่ เห็นทั้งผืนฟ้า ผืนดิน และแม้แต่สัตว์ทะเลที่รอดชีวิตมาจากสมัยดึกดําบรรพ์ก็ยังเจอมาแล้ว

 

ในช่วงเวลาต่อมา

 

ชายผู้เย็นชาในชุดคลุมสีดําก็เผชิญหน้ากับคมมีดที่สีดําสนิทราวกับหมึก

 

“เชือดเฉือนมัน!”

 

ชายชุดดําไม่มีเวลาคิดว่าเหตุใดซูฉินจึงตัดสินใจเด็ดขาดเช่นนี้ เพราะในตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวภายในใจ

 

นั่นคือต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้

 

ต้องรอดไปให้ได้

 

ทันใดนั้นร่างของชายชุดดําผู้เย็นชาจู่ๆ ก็กลายเป็นสีดําสนิท ราวกับเปลี่ยนความจริงให้เป็นสิ่งลวงตา

 

“ร่างปีศาจลวงตา?”

 

ใบหน้าของเทพธิดาในยุคปัจจุบันของตําหนักเทพเจ้าหิมะก็เปลี่ยนไป

 

ร่างปีศาจลวงตาคือวิชาพื้นฐานของนิกายใหญ่ที่ชายชุดดําผู้เย็นชาสังกัดอยู่ เมื่อฝึกฝนไปได้ระดับหนึ่ง สามารถทําให้ผู้ฝึกฝนสามารถเปลี่ยนร่างตนเองระหว่างความเป็นจริงและภาพลวงตาได้ตามใจปรารถนา ซึ่งสามารถทําให้เพิกเฉยต่อการโจมตีต่างๆ ได้

 

ฉึก

 

ในเวลานั้นเอง คมดาบสีดําของซูฉินก็ได้ตัดผ่านร่างเงาลวงตาของชายชุดดํา

 

ทันใดนั้น

 

ร่างเงาลวงตาสีดําก็ถูกตัดออกเป็นสองส่วนโดยตรง และร่างของชายชุดดําที่ท่าทางเย็นชาก็หวนคืนกลับมา จากนั้นจึงค่อยๆ ร่วงหล่นลงจากฟ้า

 

“ตายแล้ว!”

 

เทพธิดาคนปัจจุบันของตําหนักเทพเจ้าหิมะหน้าเปลี่ยนสีทันที

 

“วิ่ง!”

 

บรรพบุรุษสังหารโลหิตที่อยู่ด้านข้าง ตกใจกลัว ไม่มีรีรอแต่ประการใด กลายร่างเป็นแสงสีแดงเลือดพุ่งหนีไปในระยะไกล

 

ซูฉินแลดูไร้อารมณ์ ไม่มีสุข ไม่มีเศร้า กระชับมีดเทพเจ้าปีศาจในมือแล้วฟันออกไปทางบรรพบุรุษสังหารโลหิต

 

ครืด

 

ปรากฎวงสีดําสนิทฉีกกระชากจนเหมือนเป็นรอยแยกบนท้องฟ้า

 

หลังจากฆ่าบรรพบุรุษสังหารโลหิตด้วยการผ่าออกเป็นสองส่วน เขาก็ไม่มีความลังเลใจแต่อย่างใด สาวเท้าก้าวข้ามผ่านร่างของชายชุดดําผู้เป็นชาไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+