เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 204 (1) ทิพยอํานาจ เรียก สายลม!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 204 (1) ทิพยอํานาจ เรียก สายลม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 204 (1) ทิพยอํานาจ เรียก สายลม!

 

“ไม่คาดคิดว่า ดวงตาแห่งสัจจะมีผลเช่นเดียวกันเมื่อนํามาใช้ในโลกถ้ําปิศาจ”

 

ซูฉินกวาดสายตามองด้วยดวงตาแห่งสัจจะไปทั่วทั้งเมืองเมฆาปีศาจ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

 

ทิพยอํานาจไม่ใช่เคล็ดวิชา ไม่ใช่ทั้งทักษะลับ มันเป็นเหมือนความสามารถตามธรรมชาติ

 

ตราบใดที่ซูฉินเชี่ยวชาญในทิพยอํานาจแล้ว การใช้พลังย่อมสามารถควบคุมได้โดยธรรมชาติ ราวกับการเหวี่ยงแขนขา

 

“ต่อไปก็ลองควบแน่นอาณาเขตด้วยร่างจําแลงนี้”

 

ท่าทีของซูฉินจริงจังขึ้น ก่อนจะหยิบดวงจิตรู้แจ้งพันปีออกมาจากคลังระบบ

 

“ตัวข้าได้ควบแน่นอาณาเขตมาครั้งหนึ่งแล้ว บัดนี้ หากควบแน่นอีกสักครั้งก็ไม่มีอะไรยากเย็น แม้จะไม่มีดวงจิตรู้แจ้งพันปีก็ยังสามารถควบแน่นได้อย่างราบรื่นและ จะแล้วเสร็จภายในหนึ่งถึงสองปี”

 

ความคิดของซูฉินผันผวน

 

มันก็เหมือนกับการที่ซูฉันเคยเดินในถนนเส้นนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อต้องเดินอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอนว่าต้องรวดเร็วกว่าเดิมมาก การควบแน่นอาณาเขตก็เช่นเดียวกัน

 

“ด้วยความช่วยเหลือของดวงจิตรู้แจ้งพันปี แค่หนึ่งถึงสองเดือนก็คงพอแล้ว”

 

ซูฉินมองดูดวงจิตรู้แจ้งพันปีที่ฉายแสงสว่างออกมาเบื้องหน้าตน

 

หากซูฉินเป็นปีศาจย่อมไม่สามารถใช้วัตถุมงคลสายพุทธชิ้นนี้ได้ แต่ซูฉินสามารถเปลี่ยนปราณปีศาจทั้งหมดให้กลายเป็นแก่นแท้แห่งพลังสายพุทธได้ผ่านร่างทองมารพุทธะ

 

จากนั้นก็รอจนอาณาเขตสร้างสําเร็จแล้วจึงเปลี่ยนสลับพลังกลับมา

 

“อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เปลี่ยนเป็นแก่นแท้แห่งพลังสายพุทธ จะต้องสร้างค่ายกลฟ้าดินจํานวนมากเพื่อป้องกันไม่ให้พลังรั่วไหลเสียก่อน”

 

ซูฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย

 

ในโลกถ้ําปิศาจเต็มไปด้วยปราณปีศาจ หากจู่ๆ กลิ่นอายพุทธะโผล่ขึ้นมา มันคงจะสว่างพร่างพราวราวกับแสงสว่าง ในยามกลางวัน และมีแนวโน้มสูงมากที่จะดึงดูดความสนใจ จากราชาปีศาจตนอื่นๆ

 

แม้ว่าซูฉินจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่เขาก็ไม่ต้องการจะสร้างความลําบากให้ตนเองจนเกินไป

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูฉินก็เริ่มใช้จิตควบคุม ไม่นานค่ายกลฟ้าดินก็ถูกจัดตั้งอยู่รอบๆ ตัวของเขา

 

ภายใต้ค่ายกลฟ้าดินอันยิ่งใหญ่ กลิ่นอายจากโถงทั้งหมดจะกลายเป็นว่างเปล่า สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่บุกเข้ามาจะหลงทิศหลงทาง ไม่สามารถบุกเข้ามาได้

 

“เสร็จเรียบร้อย”

 

ซูฉินสูดลมหายใจ หลับตาลง เริ่มควบแน่นอาณาเขตอย่างช้าๆ

 

….

 

ในเวลาเดียวกัน

 

โม๋จียืนอยู่บนกําแพงเมืองเมฆาปีศาจ มองไปทางท้องฟ้าที่มืดสลัว

 

“ไม่รู้ว่านายท่านจะออกมาเมื่อไหร่” โม๋จีเฝ้านึกอยู่ ตลอดเวลา

 

ในเวลานั้นเอง ราชาปีศาจก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว โค้งคารวะแล้วกล่าวว่า “รองเจ้าเมือง มีหลายส่วนภายในเมืองกําลังจัดตั้งแนวสํารวจเอาไว้ ตราบใดที่มีความผันผวนของพลังปีศาจเข้ามาใกล้ ข้าจะรับรู้ได้ในทันที”

 

“ข้าทราบแล้ว”

 

โม๋จีเหลือบมองไปที่ราชาปีศาจ

 

ราชาปีศาจตนนี้ถูกซูฉินฝังจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ลงไปแล้ว กลายเป็นผู้ภักดีอย่างแท้จริง และยังเป็นแม่ทัพปีศาจคนปัจจุบัน

 

ที่โม๋จีสามารถควบคุมเมืองเมฆาปีศาจทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากความสามารถของตนเองแล้ว ยังอาศัยราชาปีศาจหลายตนที่อยู่ใต้อํานาจของนางด้วย

 

“วิธีการของนายท่านนั้นยากจะหยั่งถึงจริงๆ แม้แต่ราชาปีศาจยังต้องยอมจํานน” โม๋จีอุทานเบาๆ

 

แน่นอน โม๋จีรู้ดีว่าที่ราชาปีศาจตรงหน้าหรือราชาปีศาจตนอื่นๆ ปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพ ทั้งหมดเป็นเพราะคําสั่งของซูฉิน

 

ไม่เช่นนั้น พึ่งพาเพียงตัวนางผู้เดียว ต่อหน้าราชาปีศาจเหล่านี้ นางคงถูกกินจนไม่เหลือกระดูกไปนานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการออกคําสั่งเลย

 

“ไม่ได้การ ข้าจะต้องขยันฝึกฝน เพื่อช่วยเหลือนายท่านให้ได้โดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นในอนาคตจะลําบากเอาได้”

 

ทันใดนั้นหัวใจของโม่จีก็บีบตัวแน่นขึ้นมา

 

โม๋จีรู้ดีว่าเหตุผลใดนางจึงได้มาเป็นรองเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ นั่นเป็นเพราะนางมีประโยชน์ต่อซูฉิน

 

หากวันหนึ่งซูฉินเห็นว่าโม่จีไร้ประโยชน์ขึ้นมา เกรงว่าโม๋จีผู้นี้คงจะถูกทอดทิ้งแล้ว

 

ขณะที่โม๋จีกําลังจะกลับไปฝึกฝน

 

ทันใดนั้น

 

เมืองเมฆาปีศาจทั้งหมดจู่ๆ ก็สั่นไหว

 

ค่ายกลหนึ่งถูกกระตุ้น และตามมาด้วยค่ายกลอื่นๆ เปล่งแสงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ปกป้องเมืองเมฆาปีศาจเอาไว้

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ใบหน้าของโม๋จีเปลี่ยนสี

 

ราชาปีศาจที่อยู่ถัดจากนางดูเคร่งเครียด “ราชาปีศาจกําลังมา และอย่างน้อยๆ ต้องเป็นราชาปีศาจระดับสูง ไม่เช่นนั้นจะไม่ทําให้ค่ายกลทั้งหมดทํางานได้”

 

“ราชาปีศาจระดับสูง?”

 

ใบหน้าของโม๋จีกลายเป็นบิดเบี้ยว

 

ในขณะที่ค่ายกลเกือบทั้งหมดของเมืองเมฆาปีศาจถูกเปิดใช้งาน ห่างจากเมืองเมฆาปีศาจไปไม่กี่ลี้ มีร่างไม่ต่ํากว่าสิบร่างปรากฏตัวขึ้น

 

เป็นเจ้าเมืองอินจี่และพรรคพวก

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“ตอนแรกข้าก็สงสัยอยู่ว่าจะเข้าไปได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องยากแล้ว… ”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจ้าเมืองอินจี่ ไม่เห็นสิ่งตรงหน้าอยู่ในสายตา

 

“เป็นดังที่ท่านเจ้าเมืองว่า ตราบใดที่พวกเราย่างกรายมาถึงที่นี่ ชะตากรรมของเมืองเมฆาปีศาจก็ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว” 

 

ราชาปีศาจมากกว่าสิบตนที่อยู่ด้านข้างกล่าวด้วยความเคารพ

 

เมื่อเห็นความมั่นใจของเจ้าเมืองอินจี่ ในสายตาของราชาปีศาจเหล่านี้ก็เหมือนกับเมืองเมฆาปีศาจได้ล่มสลายไปแล้ว

 

“นั่นคือ…”

 

ในเวลานั้นโม๋จีและราชาปีศาจอีกหลายตนก็พบเจ้าเมืองอินจี่และพรรคพวกที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายสิบลี้

 

“เจ้าเมืองอินจี่”

 

หัวใจของโม๋จีชาวาบ

 

นางรู้ว่าเจ้าเมืองอินจี่จะต้องมาล้างแค้นเมืองเมฆาปีศา แน่ แต่ไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมารวดเร็วเช่นนี้

 

“ไปที่โถงกลางเจ้าเมือง บอกนายท่านว่าเจ้าเมืองอินได้ มาอยู่ที่นี่แล้ว” โม๋จีพูดอย่างรวดเร็ว

 

“ขอรับ”

 

ปีศาจตนนั้นโค้งคํานับเล็กน้อย แล้ววิ่งตรงไปยังโถงใหญ่ของเจ้าเมืองทันที

 

และในตอนนั้นเอง

 

เสียงของเจ้าเมืองอินจี้ก็ดังก้องอยู่ในหูของปีศาจทุกตน

 

“ข้าจะให้สองทางเลือกแก่เจ้า หนึ่งคือมอบร่างหยินบริสุทธิ์มา หรืออีกทางหนึ่ง หลังจากข้าทําลายเมืองเมฆาปีศาจแล้วข้าจะนําร่างหยินบริสุทธิ์ไปด้วยตัวข้าเอง”

 

น้ําเสียงของเจ้าเมืองอินจี้แสดงอํานาจบาตรใหญ่ กดขี่ผู้คนอย่างถึงที่สุด

 

“ร่างหยินบริสุทธิ์”

 

โม๋จีหน้าซีด

 

จนบัดนี้ นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเจ้าเมืองอินจี่กําลังตามหานางอยู่?

 

และในตอนนี้

 

เจ้าเมืองอินจี่ก็เริ่มหมดความอดทนเสียแล้ว

 

“ถ้าอยากจะตายนัก ก็อย่าได้โทษข้าเลย”

 

เจ้าเมืองอินจี่ไม่สนใจว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจจะอยู่หรือไม่ เขายกมือขวาตั้งตรงจิตใจผสานเป็นหนึ่งกับกําไลข้อมือสีดําสนิท

 

ฉับพลัน!

 

กองทัพจักรกลเป็นสิบล้านตัวก็ปรากฏขึ้นบนพื้นแผ่นดิน เรียงรายทอดยาวออกไปไม่รู้จบ

 

หากมองจากมุมของเจ้าเมืองอินจี้ จะพบกองทัพจักรกลปีศาจสงครามนับสิบล้านเบียดเสียดกันอยู่อย่างหนาแน่นราวกับมหาสมุทรสีดํา และหากเปรียบเมืองเมฆาเป็นเกาะ ก็คงเป็นเกาะโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทรที่จะโดนคลื่นซัดจนพลิกคว่ําเมื่อไหร่ก็ได้

 

“พวกนี้คือ!”

 

“กองทัพจักรกลปีศาจสงครามของข้า”

 

“สร้างขึ้นมาโดยเทพเจ้าปีศาจ เป็นเครื่องจักรกลสงครามที่ใช้ต่อต้านมนุษยชาติ!”

 

เจ้าเมืองอินจี่มองตาเป็นมัน บ่นพึมพํากับตนเอง

 

แม้ว่าเจ้าเมืองอินจี่จะไม่เคยเห็นภาพเหตุการณ์ที่เหล่าปีศาจและมนุษย์สู้กัน ไม่ได้เห็นกองทัพจักรกลจํานวนมากมายได้ที่สิ้นสุดเข้ากวาดล้างโลกมนุษย์

 

แต่ตอนนี้ เขาพอจะมองเห็นภาพผ่านกําไลข้อมือสงครามวงนี้แล้ว ว่าสมัยก่อนกองทัพจักรกลจํานวนมากมายมหาศาลนั้นเป็นเช่นไร

 

รู้หรือไม่ว่ากําไลสงครามบนข้อมือของเจ้าเมืองอินจี่ ตอนนี้เป็นเพียงจักรกลสงครามที่มีตําหนิ จักรกลสงครามที่สมบูรณ์ย่อมมีกองกําลังจักรกลของเผ่าปีศาจอยู่ภายในถึง หลายร้อยล้านตัว

 

แต่ในตอนที่ปีศาจขึ้นไปยังโลกเบื้องบน ไม่รู้ว่ากําไลสงครามถูกใช้ไปกี่ชิ้น กองทัพจักรกลสงครามที่ปล่อยออกมามีมากมายจนเต็มโลกทั้งใบ

 

กองทัพจักรกลเหล่านี้ไม่กลัวความตาย ไม่รู้จักความเจ็บปวด และยังมีค่ายกลโบราณสามารถยับยั้งตํานานยุทธคนหนึ่งได้เลย และสกัดกั้นได้แม้กระทั่งเซียนเทพปฐพี

 

ราชาปีศาจมากกว่าสิบตนที่ยืนอยู่ด้านข้างเจ้าเมืองอินจี่ เมื่อเห็นกองทัพจักรกลนับสิบล้านตัวออกมามากมายนับไม่ถ้วน พวกเขาก็กลืนน้ําลายลงคอไปอย่างยากลําบาก

 

ในระดับของพวกเขา เป็นปกติที่ไม่อาจล่วงรู้ถึงความลับเบื้องลึกของโลกถ้ําปิศาจได้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 204 (1) ทิพยอํานาจ เรียก สายลม!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 204 (1) ทิพยอํานาจ เรียก สายลม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

Sign in Buddha’s palm 204 (1) ทิพยอํานาจ เรียก สายลม!

 

“ไม่คาดคิดว่า ดวงตาแห่งสัจจะมีผลเช่นเดียวกันเมื่อนํามาใช้ในโลกถ้ําปิศาจ”

 

ซูฉินกวาดสายตามองด้วยดวงตาแห่งสัจจะไปทั่วทั้งเมืองเมฆาปีศาจ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

 

ทิพยอํานาจไม่ใช่เคล็ดวิชา ไม่ใช่ทั้งทักษะลับ มันเป็นเหมือนความสามารถตามธรรมชาติ

 

ตราบใดที่ซูฉินเชี่ยวชาญในทิพยอํานาจแล้ว การใช้พลังย่อมสามารถควบคุมได้โดยธรรมชาติ ราวกับการเหวี่ยงแขนขา

 

“ต่อไปก็ลองควบแน่นอาณาเขตด้วยร่างจําแลงนี้”

 

ท่าทีของซูฉินจริงจังขึ้น ก่อนจะหยิบดวงจิตรู้แจ้งพันปีออกมาจากคลังระบบ

 

“ตัวข้าได้ควบแน่นอาณาเขตมาครั้งหนึ่งแล้ว บัดนี้ หากควบแน่นอีกสักครั้งก็ไม่มีอะไรยากเย็น แม้จะไม่มีดวงจิตรู้แจ้งพันปีก็ยังสามารถควบแน่นได้อย่างราบรื่นและ จะแล้วเสร็จภายในหนึ่งถึงสองปี”

 

ความคิดของซูฉินผันผวน

 

มันก็เหมือนกับการที่ซูฉันเคยเดินในถนนเส้นนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อต้องเดินอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอนว่าต้องรวดเร็วกว่าเดิมมาก การควบแน่นอาณาเขตก็เช่นเดียวกัน

 

“ด้วยความช่วยเหลือของดวงจิตรู้แจ้งพันปี แค่หนึ่งถึงสองเดือนก็คงพอแล้ว”

 

ซูฉินมองดูดวงจิตรู้แจ้งพันปีที่ฉายแสงสว่างออกมาเบื้องหน้าตน

 

หากซูฉินเป็นปีศาจย่อมไม่สามารถใช้วัตถุมงคลสายพุทธชิ้นนี้ได้ แต่ซูฉินสามารถเปลี่ยนปราณปีศาจทั้งหมดให้กลายเป็นแก่นแท้แห่งพลังสายพุทธได้ผ่านร่างทองมารพุทธะ

 

จากนั้นก็รอจนอาณาเขตสร้างสําเร็จแล้วจึงเปลี่ยนสลับพลังกลับมา

 

“อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เปลี่ยนเป็นแก่นแท้แห่งพลังสายพุทธ จะต้องสร้างค่ายกลฟ้าดินจํานวนมากเพื่อป้องกันไม่ให้พลังรั่วไหลเสียก่อน”

 

ซูฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย

 

ในโลกถ้ําปิศาจเต็มไปด้วยปราณปีศาจ หากจู่ๆ กลิ่นอายพุทธะโผล่ขึ้นมา มันคงจะสว่างพร่างพราวราวกับแสงสว่าง ในยามกลางวัน และมีแนวโน้มสูงมากที่จะดึงดูดความสนใจ จากราชาปีศาจตนอื่นๆ

 

แม้ว่าซูฉินจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่เขาก็ไม่ต้องการจะสร้างความลําบากให้ตนเองจนเกินไป

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูฉินก็เริ่มใช้จิตควบคุม ไม่นานค่ายกลฟ้าดินก็ถูกจัดตั้งอยู่รอบๆ ตัวของเขา

 

ภายใต้ค่ายกลฟ้าดินอันยิ่งใหญ่ กลิ่นอายจากโถงทั้งหมดจะกลายเป็นว่างเปล่า สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่บุกเข้ามาจะหลงทิศหลงทาง ไม่สามารถบุกเข้ามาได้

 

“เสร็จเรียบร้อย”

 

ซูฉินสูดลมหายใจ หลับตาลง เริ่มควบแน่นอาณาเขตอย่างช้าๆ

 

….

 

ในเวลาเดียวกัน

 

โม๋จียืนอยู่บนกําแพงเมืองเมฆาปีศาจ มองไปทางท้องฟ้าที่มืดสลัว

 

“ไม่รู้ว่านายท่านจะออกมาเมื่อไหร่” โม๋จีเฝ้านึกอยู่ ตลอดเวลา

 

ในเวลานั้นเอง ราชาปีศาจก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว โค้งคารวะแล้วกล่าวว่า “รองเจ้าเมือง มีหลายส่วนภายในเมืองกําลังจัดตั้งแนวสํารวจเอาไว้ ตราบใดที่มีความผันผวนของพลังปีศาจเข้ามาใกล้ ข้าจะรับรู้ได้ในทันที”

 

“ข้าทราบแล้ว”

 

โม๋จีเหลือบมองไปที่ราชาปีศาจ

 

ราชาปีศาจตนนี้ถูกซูฉินฝังจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ลงไปแล้ว กลายเป็นผู้ภักดีอย่างแท้จริง และยังเป็นแม่ทัพปีศาจคนปัจจุบัน

 

ที่โม๋จีสามารถควบคุมเมืองเมฆาปีศาจทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากความสามารถของตนเองแล้ว ยังอาศัยราชาปีศาจหลายตนที่อยู่ใต้อํานาจของนางด้วย

 

“วิธีการของนายท่านนั้นยากจะหยั่งถึงจริงๆ แม้แต่ราชาปีศาจยังต้องยอมจํานน” โม๋จีอุทานเบาๆ

 

แน่นอน โม๋จีรู้ดีว่าที่ราชาปีศาจตรงหน้าหรือราชาปีศาจตนอื่นๆ ปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพ ทั้งหมดเป็นเพราะคําสั่งของซูฉิน

 

ไม่เช่นนั้น พึ่งพาเพียงตัวนางผู้เดียว ต่อหน้าราชาปีศาจเหล่านี้ นางคงถูกกินจนไม่เหลือกระดูกไปนานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการออกคําสั่งเลย

 

“ไม่ได้การ ข้าจะต้องขยันฝึกฝน เพื่อช่วยเหลือนายท่านให้ได้โดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นในอนาคตจะลําบากเอาได้”

 

ทันใดนั้นหัวใจของโม่จีก็บีบตัวแน่นขึ้นมา

 

โม๋จีรู้ดีว่าเหตุผลใดนางจึงได้มาเป็นรองเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ นั่นเป็นเพราะนางมีประโยชน์ต่อซูฉิน

 

หากวันหนึ่งซูฉินเห็นว่าโม่จีไร้ประโยชน์ขึ้นมา เกรงว่าโม๋จีผู้นี้คงจะถูกทอดทิ้งแล้ว

 

ขณะที่โม๋จีกําลังจะกลับไปฝึกฝน

 

ทันใดนั้น

 

เมืองเมฆาปีศาจทั้งหมดจู่ๆ ก็สั่นไหว

 

ค่ายกลหนึ่งถูกกระตุ้น และตามมาด้วยค่ายกลอื่นๆ เปล่งแสงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ปกป้องเมืองเมฆาปีศาจเอาไว้

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ใบหน้าของโม๋จีเปลี่ยนสี

 

ราชาปีศาจที่อยู่ถัดจากนางดูเคร่งเครียด “ราชาปีศาจกําลังมา และอย่างน้อยๆ ต้องเป็นราชาปีศาจระดับสูง ไม่เช่นนั้นจะไม่ทําให้ค่ายกลทั้งหมดทํางานได้”

 

“ราชาปีศาจระดับสูง?”

 

ใบหน้าของโม๋จีกลายเป็นบิดเบี้ยว

 

ในขณะที่ค่ายกลเกือบทั้งหมดของเมืองเมฆาปีศาจถูกเปิดใช้งาน ห่างจากเมืองเมฆาปีศาจไปไม่กี่ลี้ มีร่างไม่ต่ํากว่าสิบร่างปรากฏตัวขึ้น

 

เป็นเจ้าเมืองอินจี่และพรรคพวก

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“ตอนแรกข้าก็สงสัยอยู่ว่าจะเข้าไปได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องยากแล้ว… ”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจ้าเมืองอินจี่ ไม่เห็นสิ่งตรงหน้าอยู่ในสายตา

 

“เป็นดังที่ท่านเจ้าเมืองว่า ตราบใดที่พวกเราย่างกรายมาถึงที่นี่ ชะตากรรมของเมืองเมฆาปีศาจก็ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว” 

 

ราชาปีศาจมากกว่าสิบตนที่อยู่ด้านข้างกล่าวด้วยความเคารพ

 

เมื่อเห็นความมั่นใจของเจ้าเมืองอินจี่ ในสายตาของราชาปีศาจเหล่านี้ก็เหมือนกับเมืองเมฆาปีศาจได้ล่มสลายไปแล้ว

 

“นั่นคือ…”

 

ในเวลานั้นโม๋จีและราชาปีศาจอีกหลายตนก็พบเจ้าเมืองอินจี่และพรรคพวกที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายสิบลี้

 

“เจ้าเมืองอินจี่”

 

หัวใจของโม๋จีชาวาบ

 

นางรู้ว่าเจ้าเมืองอินจี่จะต้องมาล้างแค้นเมืองเมฆาปีศา แน่ แต่ไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมารวดเร็วเช่นนี้

 

“ไปที่โถงกลางเจ้าเมือง บอกนายท่านว่าเจ้าเมืองอินได้ มาอยู่ที่นี่แล้ว” โม๋จีพูดอย่างรวดเร็ว

 

“ขอรับ”

 

ปีศาจตนนั้นโค้งคํานับเล็กน้อย แล้ววิ่งตรงไปยังโถงใหญ่ของเจ้าเมืองทันที

 

และในตอนนั้นเอง

 

เสียงของเจ้าเมืองอินจี้ก็ดังก้องอยู่ในหูของปีศาจทุกตน

 

“ข้าจะให้สองทางเลือกแก่เจ้า หนึ่งคือมอบร่างหยินบริสุทธิ์มา หรืออีกทางหนึ่ง หลังจากข้าทําลายเมืองเมฆาปีศาจแล้วข้าจะนําร่างหยินบริสุทธิ์ไปด้วยตัวข้าเอง”

 

น้ําเสียงของเจ้าเมืองอินจี้แสดงอํานาจบาตรใหญ่ กดขี่ผู้คนอย่างถึงที่สุด

 

“ร่างหยินบริสุทธิ์”

 

โม๋จีหน้าซีด

 

จนบัดนี้ นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเจ้าเมืองอินจี่กําลังตามหานางอยู่?

 

และในตอนนี้

 

เจ้าเมืองอินจี่ก็เริ่มหมดความอดทนเสียแล้ว

 

“ถ้าอยากจะตายนัก ก็อย่าได้โทษข้าเลย”

 

เจ้าเมืองอินจี่ไม่สนใจว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจจะอยู่หรือไม่ เขายกมือขวาตั้งตรงจิตใจผสานเป็นหนึ่งกับกําไลข้อมือสีดําสนิท

 

ฉับพลัน!

 

กองทัพจักรกลเป็นสิบล้านตัวก็ปรากฏขึ้นบนพื้นแผ่นดิน เรียงรายทอดยาวออกไปไม่รู้จบ

 

หากมองจากมุมของเจ้าเมืองอินจี้ จะพบกองทัพจักรกลปีศาจสงครามนับสิบล้านเบียดเสียดกันอยู่อย่างหนาแน่นราวกับมหาสมุทรสีดํา และหากเปรียบเมืองเมฆาเป็นเกาะ ก็คงเป็นเกาะโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทรที่จะโดนคลื่นซัดจนพลิกคว่ําเมื่อไหร่ก็ได้

 

“พวกนี้คือ!”

 

“กองทัพจักรกลปีศาจสงครามของข้า”

 

“สร้างขึ้นมาโดยเทพเจ้าปีศาจ เป็นเครื่องจักรกลสงครามที่ใช้ต่อต้านมนุษยชาติ!”

 

เจ้าเมืองอินจี่มองตาเป็นมัน บ่นพึมพํากับตนเอง

 

แม้ว่าเจ้าเมืองอินจี่จะไม่เคยเห็นภาพเหตุการณ์ที่เหล่าปีศาจและมนุษย์สู้กัน ไม่ได้เห็นกองทัพจักรกลจํานวนมากมายได้ที่สิ้นสุดเข้ากวาดล้างโลกมนุษย์

 

แต่ตอนนี้ เขาพอจะมองเห็นภาพผ่านกําไลข้อมือสงครามวงนี้แล้ว ว่าสมัยก่อนกองทัพจักรกลจํานวนมากมายมหาศาลนั้นเป็นเช่นไร

 

รู้หรือไม่ว่ากําไลสงครามบนข้อมือของเจ้าเมืองอินจี่ ตอนนี้เป็นเพียงจักรกลสงครามที่มีตําหนิ จักรกลสงครามที่สมบูรณ์ย่อมมีกองกําลังจักรกลของเผ่าปีศาจอยู่ภายในถึง หลายร้อยล้านตัว

 

แต่ในตอนที่ปีศาจขึ้นไปยังโลกเบื้องบน ไม่รู้ว่ากําไลสงครามถูกใช้ไปกี่ชิ้น กองทัพจักรกลสงครามที่ปล่อยออกมามีมากมายจนเต็มโลกทั้งใบ

 

กองทัพจักรกลเหล่านี้ไม่กลัวความตาย ไม่รู้จักความเจ็บปวด และยังมีค่ายกลโบราณสามารถยับยั้งตํานานยุทธคนหนึ่งได้เลย และสกัดกั้นได้แม้กระทั่งเซียนเทพปฐพี

 

ราชาปีศาจมากกว่าสิบตนที่ยืนอยู่ด้านข้างเจ้าเมืองอินจี่ เมื่อเห็นกองทัพจักรกลนับสิบล้านตัวออกมามากมายนับไม่ถ้วน พวกเขาก็กลืนน้ําลายลงคอไปอย่างยากลําบาก

 

ในระดับของพวกเขา เป็นปกติที่ไม่อาจล่วงรู้ถึงความลับเบื้องลึกของโลกถ้ําปิศาจได้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+