เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 208 (1) เกาะภูตหยิงโจว

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 208 (1) เกาะภูตหยิงโจว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 208 (1) เกาะภูตหยิงโจว

 

ทะเลบูรพา

 

“นี่?!”

 

คนทั้งหลายบนเรือประมงต่างตกตะลึง

 

มองดูฉากตรงหน้าด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง

 

“นี่…นี่มันเซียนอมตะจริงๆ”

 

ชายหนุ่มพูดตะกุกตะกัก เมื่อครู่เขายังสงสัยอยู่เลยว่าชายวัยกลางคนพูดเกินจริงไปหรือเปล่า เพราะอย่างไรพวกเขาก็ท่องทะเลมาหลายปีแล้ว อย่าว่าแต่เซียนอมตะเลย แม้แต่ผู้คนก็ไม่ได้มีให้พบเห็นมากนัก

 

ทะเลบูรพานั้นกว้างใหญ่เกินไป

 

แต่ตอนนี้ชายหนุ่มแทบจะตบหน้าตัวเองเสียบัดนี้ ยามที่เห็นซูฉินโบยบินขึ้นไปบนอากาศ หากนี้ยังไม่ใช่เซียนอมตะแล้วตัวตนแบบไหนถึงจะเป็นเซียนอมตะเล่า?

 

อาตั่ว หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รู้สึกว่าจิตใจว่างเปล่าโดยพลัน

 

ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ ยามที่นางบอกให้ซูฉินขึ้นมาบนเรือ แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ ในเวลานั้นนางยังสงสัยอยู่เลยว่าทําไมซูฉินถึงปฏิเสธตนเช่นนั้น มีทางให้รอดชีวิต กลับเลือกส่งตนเองสู่จุดจบ

 

แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นฉากที่อีกฝ่ายราวกับเป็นเซียนอมตะโบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้า อาตั่วก็ได้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการให้นางช่วยจริงๆ

 

“หือ?”

 

“เขาจะทําอะไรน่ะ?”

 

ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นซูฉินลอยอยู่บนฟ้า เหยียดมือขวาล้วงเข้าไปในอากาศ

 

ฉับพลัน

 

มีดยาวรูปร่างแปลกเหมือนกับเคียว ใบมีดโค้งราวพระจันทร์เต็มดวงก็ถูกดึงออกมา

 

เมื่อนางเห็นมีดยาวที่มีไอพลังราวกับขุมนรก อาตั่ว หญิงสาวก็รู้สึกเหมือนจิตใจของตนถูกฉุดรั้งลงไปเบื้องลึก

 

ครืด

 

ราวกับสายฟ้าฟาดพาดผ่าน

 

ซูฉินถือมีดเทพเจ้าปีศาจในมือ และฟันอย่างเชื่องช้าไปทางทะเลที่โล่งกว้างในระยะไกลลิบ

 

แสงสีดําราวกับหมึก เลื่อนออกไปในชั่วพริบตา และมันเหมือนกับว่าสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่างจนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นมา จากนั้นพื้นที่โดยรอบก็สั่นสะเทือน วงคลื่นกระเพื่อมเป็นระลอกราวกับหินกระทบผิวน้ำ

 

“อยู่ตรงนี้นี่เอง”

 

ดวงตาของซูฉินเป็นประกาย

 

เมื่อเขาใช้อาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ส่วนนี้ เขาพบว่ามันมีแรงต่อต้านเล็กน้อยที่นี่ สามารถต้านการบุกรุกของอาณาเขตได้ หลังจากทดสอบดูครู่หนึ่ง ซูฉินจะไม่ทราบได้อย่างไรว่ามันมีปัญหาอะไรบางอย่าง

 

“สามารถสกัดกั้นการบุกรุกด้วยอาณาเขตของข้าได้ และคมดาบของข้าก็ไม่สามารถทําลายมันลงได้ อย่างน้อยค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่นี้ก็ต้องถูกก่อตั้งโดยตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่เก้าหรือแม้แต่ตัวตนระดับเซียนเทพปฐพี”

 

ซูฉินยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งดูสดใสขึ้น

 

“น่าเสียดายที่ค่ายกลแห่งนี้อยู่มานานเกินไป และไม่สามารถแม้แต่ปิดบังไอพลังของมัน แล้วมันจะหยุดข้าได้อย่างไร?”

 

ซูฉินเมื่อนึกได้เช่นนี้ ก็ยกมีดเทพเจ้าปีศาจขึ้นมาฟาดฟันกระแสคมมีดออกไปติดต่อกันมากกว่าสิบครั้ง

 

เพียงครู่เดียว ทั่วทุกพื้นที่ก็เต็มไปด้วยแสงสีดํา ราวกับที่แห่งนี้กําลังแยกออกเป็นชิ้นๆ ไอพลังอันน่าขนพองสยองเกล้ากระจายออกมาอย่างท่วมท้น

 

ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่แห่งนี้สร้างขึ้นมาจากฝีมือเซียนเทพปฐพี ทั้งผู้ก่อตั้งยังเป็นจุดสูงสุดของขอบเขตเซียนเทพปฐพี บางทีแม้ซูฉินจะทุ่มสุดตัวก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทําให้ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่แห่งนี้สะเทือนได้

 

แต่หลังจากผ่านไปหลายพันปี ค่ายกลขนาดใหญ่แห่งนี้ก็เสื่อมโทรมลงไปเสียนานแล้ว แม้แต่ส่วนสําคัญที่สุดก็เริ่มจะหักพัง

 

นี่เป็นเหตุผลที่ซูฉินจับสัมผัสของไอพลังที่เปล่งออกมาจากที่แห่งนี้ได้แม้ตัวเองจะอยู่ในเมืองฉางอัน

 

“น่าหวาดกลัวเหลือเกิน”

 

บนเรือประมงที่อยู่ห่างออกไป ทุกคนรู้สึกราวกับว่าตกอยู่ในวันโลกาวินาศ ไม่ว่าจะเป็นอาตั่วหรือคนอื่นๆ พวกเขารู้สึกได้เพียง เหมือนมีฟ้าถล่ม โลกดํามืดไปหมด ความปั่นป่วนภายในท้องทะเลมีแต่จะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น

 

ขณะที่ซูฉินตวัดคมมีดออกไปนับสิบครั้ง ก็ได้กระตุ้นพลังของค่ายกลที่ไม่สมบูรณ์นี้ออกมา เผยให้เห็นส่วนหนึ่งของเกาะที่มีรัศมีหนึ่งร้อยลี้ขึ้นมาจางๆ

 

“มันควรจะเป็นสิบทวีปและสามเกาะตามตํานานของทะเลบูรพา”

 

“แต่ว่า เป็นส่วนไหนของสิบทวีปและสามเกาะกันแน่?”

 

ซูฉินแตะปลายคางของตนเองและไม่ได้เคลื่อนไหวทําอะไรอีก

 

ไม่ใช่เพราะซูฉินใช้แก่นแท้แห่งพลังจนหมด แต่เพราะกังวลว่าหากยังโจมตีต่อไป จะไม่ใช่แค่ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ทั้งเกาะเซียนจะพังทลายไปพร้อมกับค่ายกลฟ้าดินที่ปกคลุมอยู่

 

“ดูเหมือนว่าเราจะไม่สามารถพึ่งพาได้เพียงกําลังเท่านั้น”

 

ซูฉินค่อยๆ เบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะ จากนั้นจึงผสานวิชาปราณฉีฟ้ากําหนด ทันใดนั้นก็เห็นถึงการสลายตัวสลับกับการก่อกําเนิดใหม่ของค่ายกลฟ้าดินตรงหน้าซูฉิน

 

“ส่วนใหญ่เป็นคุณสมบัติที่ใช้ในการซ่อนเร้นงั้นรึ?”

 

ใบหน้าของซูฉินดูครุ่นคิด

 

อันที่จริงนี่ก็ล่วงเลยมาหลายพันปีแล้ว หากไม่ใช่เพราะค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่นี้ เกาะแห่งนี้ก็คงถูกค้นพบไปนานแล้ว แม้ว่าทะเลบูรพาจะกว้างใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถหยุดการเดินเรือของชาวประมงหลายชั่วอายุคนได้ นอกจากนี้ ยังมีตํานานยุทธกําเนิดขึ้นมาอยู่ตลอดเป็นระยะจะปกปิด มาได้นานขนาดนี้ได้อย่างไร?

 

“ตรงนี้?”

 

ซูฉินยกมีดเทพเจ้าปีศาจฟันไปยังตําแหน่งหนึ่ง ตามจุดที่เห็นไอพลังรัวไหลผ่านการมองด้วยดวงตาแห่งสัจจะและปราณฉีฟ้ากําหนด

 

เป๊ง

 

ทันใดนั้นค่ายกลฟ้าดินก็ส่งเสียงออกมา ภายในม่านค่ายกล ภาพเกาะมัวๆ ก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

 

ขณะที่ซูฉินกําลังจะฟันเข้าไปอีกสองสามครั้งเพื่อทําลาย ค่ายกลฟ้าดินนี้ให้สิ้นซาก

 

หวึ่ง!!

 

ก็เห็นได้ว่าค่ายกลฟ้าดินพลันสั่นสะเทือน ค่ายกลฟ้าดินหลายชิ้นเกี่ยวพันกันผสานตัวกลายเป็นช่องทางเข้าออก

 

เห็นร่างเงาที่แสนงดงามเดินออกมาจากช่องทางนี้อย่างช้าๆ

 

ร่างที่แสนงดงามนี้แต่งกายด้วยชุดสีแดง ฟันของนางขาวราวกับหยก ผิวสวยผมดําขลับเกล้ามวยขึ้นสูงดูน่าดึงดูดใจมากขึ้นไปอีก รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น เดินนวยนาดออกมาโค้งคารวะให้กับซูฉินเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า “คารวะสหายเต๋า”

 

น้ำเสียงของร่างงามนั้นไพเราะมาก ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง ชวนให้รู้สึกสบายหูยิ่งนัก

 

“โอ้?”

 

“มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนเกาะนี้ด้วยหรือ?”

 

ซูฉินหยุดความเคลื่อนไหว มองไปที่ร่างอันงดงามด้วยความสนใจ

 

“นี่คือเกาะเซียนทะเลบูรพา แม้กระแสปราณฉีจะซบเซา ธรรมชาติจะเหี่ยวเฉา แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นภายในเกาะก็ไม่ได้มากนัก เป็นธรรมดาที่จะมีสิ่งสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่”

 

ร่างอันงดงามเผยรอยยิ้มและกล่าวต่อ “เช่เป็น ผู้นี้ แต่เดิมคิดว่าโลกภายนอกอยู่ในจุดสิ้นสุดของกฏเกณฑ์ธรรมชาติไม่ได้คาดหวังว่าจะมีผู้ทรงพลังเช่นสหายเต๋ากําเนิดขึ้น

มา”

 

“เช่เชินอยากจะชวนสหายเต๋าไปนั่งพูดคุยกันภายในเกาะไม่รู้สหายจะคิดเห็นอย่างไร”

 

ร่างงามเฉียงตัวออกด้านข้างเล็กน้อย เผยให้เห็นช่องทางเข้าออก เชื้อเชิญซูฉินเข้าไปด้านใน

 

“จะให้ข้าเข้าไปรึ?”

 

ซูฉินมองลึกเข้าไปด้านใน

 

แม้ว่าทางเข้านี้จะเชื่อมต่อเข้ากับเกาะ แต่ก็ยังมีพลังมากมายแทรกซึมกั้นขวางอยู่ สามารถขัดขวางจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ได้ และแม้แต่อาณาเขตก็ยากที่จะเจาะทะลุเข้าไป

 

แต่ก็เท่านั้น แม้อาณาเขตหรือจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้สามารถ แต่ดวงตาแห่งสัจจะควบคู่ไปกับวิชาปราณฉีฟ้ากําหนดนั้นสามารถมองทะลุ เห็นสรรพสิ่งบนเกาะได้ในทันที

 

“เมื่อเป็นเช่นนั้น”

 

“ข้าก็ไม่เกรงใจล่ะนะ”

 

ซูฉินไม่รู้ว่าเขาจะต้องพบเจอกับอะไร แต่รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าและนํามีดเทพเจ้าปีศาจเก็บกลับไป เดินเข้าไปยังช่องทางที่เปิดออกอย่างสบายๆ

 

“สหายเต๋า เชิญ”

 

ท่าที่แปลกๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของร่างงาม และนางก็ก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว

 

คลิก

 

เมื่อซูฉินเดินผ่านช่องทางเข้าไป ทางเดินที่โผล่ออกมานั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่มาก่อน

 

“ฮื่อ!”

 

ถึงตอนนี้ ร่องรอยความพึงพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของร่างงามชุดแดงที่แสดงท่าที่นอบน้อมมาโดยตลอด ราวกับว่าแผนการประสบความสําเร็จ

 

[1] เช่เชิน คําแทนตัวแบบถ่อมตนของหญิงจีนโบราณ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 208 (1) เกาะภูตหยิงโจว

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 208 (1) เกาะภูตหยิงโจว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 208 (1) เกาะภูตหยิงโจว

 

ทะเลบูรพา

 

“นี่?!”

 

คนทั้งหลายบนเรือประมงต่างตกตะลึง

 

มองดูฉากตรงหน้าด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง

 

“นี่…นี่มันเซียนอมตะจริงๆ”

 

ชายหนุ่มพูดตะกุกตะกัก เมื่อครู่เขายังสงสัยอยู่เลยว่าชายวัยกลางคนพูดเกินจริงไปหรือเปล่า เพราะอย่างไรพวกเขาก็ท่องทะเลมาหลายปีแล้ว อย่าว่าแต่เซียนอมตะเลย แม้แต่ผู้คนก็ไม่ได้มีให้พบเห็นมากนัก

 

ทะเลบูรพานั้นกว้างใหญ่เกินไป

 

แต่ตอนนี้ชายหนุ่มแทบจะตบหน้าตัวเองเสียบัดนี้ ยามที่เห็นซูฉินโบยบินขึ้นไปบนอากาศ หากนี้ยังไม่ใช่เซียนอมตะแล้วตัวตนแบบไหนถึงจะเป็นเซียนอมตะเล่า?

 

อาตั่ว หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รู้สึกว่าจิตใจว่างเปล่าโดยพลัน

 

ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ ยามที่นางบอกให้ซูฉินขึ้นมาบนเรือ แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ ในเวลานั้นนางยังสงสัยอยู่เลยว่าทําไมซูฉินถึงปฏิเสธตนเช่นนั้น มีทางให้รอดชีวิต กลับเลือกส่งตนเองสู่จุดจบ

 

แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นฉากที่อีกฝ่ายราวกับเป็นเซียนอมตะโบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้า อาตั่วก็ได้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการให้นางช่วยจริงๆ

 

“หือ?”

 

“เขาจะทําอะไรน่ะ?”

 

ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นซูฉินลอยอยู่บนฟ้า เหยียดมือขวาล้วงเข้าไปในอากาศ

 

ฉับพลัน

 

มีดยาวรูปร่างแปลกเหมือนกับเคียว ใบมีดโค้งราวพระจันทร์เต็มดวงก็ถูกดึงออกมา

 

เมื่อนางเห็นมีดยาวที่มีไอพลังราวกับขุมนรก อาตั่ว หญิงสาวก็รู้สึกเหมือนจิตใจของตนถูกฉุดรั้งลงไปเบื้องลึก

 

ครืด

 

ราวกับสายฟ้าฟาดพาดผ่าน

 

ซูฉินถือมีดเทพเจ้าปีศาจในมือ และฟันอย่างเชื่องช้าไปทางทะเลที่โล่งกว้างในระยะไกลลิบ

 

แสงสีดําราวกับหมึก เลื่อนออกไปในชั่วพริบตา และมันเหมือนกับว่าสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่างจนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นมา จากนั้นพื้นที่โดยรอบก็สั่นสะเทือน วงคลื่นกระเพื่อมเป็นระลอกราวกับหินกระทบผิวน้ำ

 

“อยู่ตรงนี้นี่เอง”

 

ดวงตาของซูฉินเป็นประกาย

 

เมื่อเขาใช้อาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ส่วนนี้ เขาพบว่ามันมีแรงต่อต้านเล็กน้อยที่นี่ สามารถต้านการบุกรุกของอาณาเขตได้ หลังจากทดสอบดูครู่หนึ่ง ซูฉินจะไม่ทราบได้อย่างไรว่ามันมีปัญหาอะไรบางอย่าง

 

“สามารถสกัดกั้นการบุกรุกด้วยอาณาเขตของข้าได้ และคมดาบของข้าก็ไม่สามารถทําลายมันลงได้ อย่างน้อยค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่นี้ก็ต้องถูกก่อตั้งโดยตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่เก้าหรือแม้แต่ตัวตนระดับเซียนเทพปฐพี”

 

ซูฉินยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งดูสดใสขึ้น

 

“น่าเสียดายที่ค่ายกลแห่งนี้อยู่มานานเกินไป และไม่สามารถแม้แต่ปิดบังไอพลังของมัน แล้วมันจะหยุดข้าได้อย่างไร?”

 

ซูฉินเมื่อนึกได้เช่นนี้ ก็ยกมีดเทพเจ้าปีศาจขึ้นมาฟาดฟันกระแสคมมีดออกไปติดต่อกันมากกว่าสิบครั้ง

 

เพียงครู่เดียว ทั่วทุกพื้นที่ก็เต็มไปด้วยแสงสีดํา ราวกับที่แห่งนี้กําลังแยกออกเป็นชิ้นๆ ไอพลังอันน่าขนพองสยองเกล้ากระจายออกมาอย่างท่วมท้น

 

ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่แห่งนี้สร้างขึ้นมาจากฝีมือเซียนเทพปฐพี ทั้งผู้ก่อตั้งยังเป็นจุดสูงสุดของขอบเขตเซียนเทพปฐพี บางทีแม้ซูฉินจะทุ่มสุดตัวก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทําให้ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่แห่งนี้สะเทือนได้

 

แต่หลังจากผ่านไปหลายพันปี ค่ายกลขนาดใหญ่แห่งนี้ก็เสื่อมโทรมลงไปเสียนานแล้ว แม้แต่ส่วนสําคัญที่สุดก็เริ่มจะหักพัง

 

นี่เป็นเหตุผลที่ซูฉินจับสัมผัสของไอพลังที่เปล่งออกมาจากที่แห่งนี้ได้แม้ตัวเองจะอยู่ในเมืองฉางอัน

 

“น่าหวาดกลัวเหลือเกิน”

 

บนเรือประมงที่อยู่ห่างออกไป ทุกคนรู้สึกราวกับว่าตกอยู่ในวันโลกาวินาศ ไม่ว่าจะเป็นอาตั่วหรือคนอื่นๆ พวกเขารู้สึกได้เพียง เหมือนมีฟ้าถล่ม โลกดํามืดไปหมด ความปั่นป่วนภายในท้องทะเลมีแต่จะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น

 

ขณะที่ซูฉินตวัดคมมีดออกไปนับสิบครั้ง ก็ได้กระตุ้นพลังของค่ายกลที่ไม่สมบูรณ์นี้ออกมา เผยให้เห็นส่วนหนึ่งของเกาะที่มีรัศมีหนึ่งร้อยลี้ขึ้นมาจางๆ

 

“มันควรจะเป็นสิบทวีปและสามเกาะตามตํานานของทะเลบูรพา”

 

“แต่ว่า เป็นส่วนไหนของสิบทวีปและสามเกาะกันแน่?”

 

ซูฉินแตะปลายคางของตนเองและไม่ได้เคลื่อนไหวทําอะไรอีก

 

ไม่ใช่เพราะซูฉินใช้แก่นแท้แห่งพลังจนหมด แต่เพราะกังวลว่าหากยังโจมตีต่อไป จะไม่ใช่แค่ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ทั้งเกาะเซียนจะพังทลายไปพร้อมกับค่ายกลฟ้าดินที่ปกคลุมอยู่

 

“ดูเหมือนว่าเราจะไม่สามารถพึ่งพาได้เพียงกําลังเท่านั้น”

 

ซูฉินค่อยๆ เบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะ จากนั้นจึงผสานวิชาปราณฉีฟ้ากําหนด ทันใดนั้นก็เห็นถึงการสลายตัวสลับกับการก่อกําเนิดใหม่ของค่ายกลฟ้าดินตรงหน้าซูฉิน

 

“ส่วนใหญ่เป็นคุณสมบัติที่ใช้ในการซ่อนเร้นงั้นรึ?”

 

ใบหน้าของซูฉินดูครุ่นคิด

 

อันที่จริงนี่ก็ล่วงเลยมาหลายพันปีแล้ว หากไม่ใช่เพราะค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่นี้ เกาะแห่งนี้ก็คงถูกค้นพบไปนานแล้ว แม้ว่าทะเลบูรพาจะกว้างใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถหยุดการเดินเรือของชาวประมงหลายชั่วอายุคนได้ นอกจากนี้ ยังมีตํานานยุทธกําเนิดขึ้นมาอยู่ตลอดเป็นระยะจะปกปิด มาได้นานขนาดนี้ได้อย่างไร?

 

“ตรงนี้?”

 

ซูฉินยกมีดเทพเจ้าปีศาจฟันไปยังตําแหน่งหนึ่ง ตามจุดที่เห็นไอพลังรัวไหลผ่านการมองด้วยดวงตาแห่งสัจจะและปราณฉีฟ้ากําหนด

 

เป๊ง

 

ทันใดนั้นค่ายกลฟ้าดินก็ส่งเสียงออกมา ภายในม่านค่ายกล ภาพเกาะมัวๆ ก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

 

ขณะที่ซูฉินกําลังจะฟันเข้าไปอีกสองสามครั้งเพื่อทําลาย ค่ายกลฟ้าดินนี้ให้สิ้นซาก

 

หวึ่ง!!

 

ก็เห็นได้ว่าค่ายกลฟ้าดินพลันสั่นสะเทือน ค่ายกลฟ้าดินหลายชิ้นเกี่ยวพันกันผสานตัวกลายเป็นช่องทางเข้าออก

 

เห็นร่างเงาที่แสนงดงามเดินออกมาจากช่องทางนี้อย่างช้าๆ

 

ร่างที่แสนงดงามนี้แต่งกายด้วยชุดสีแดง ฟันของนางขาวราวกับหยก ผิวสวยผมดําขลับเกล้ามวยขึ้นสูงดูน่าดึงดูดใจมากขึ้นไปอีก รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น เดินนวยนาดออกมาโค้งคารวะให้กับซูฉินเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า “คารวะสหายเต๋า”

 

น้ำเสียงของร่างงามนั้นไพเราะมาก ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง ชวนให้รู้สึกสบายหูยิ่งนัก

 

“โอ้?”

 

“มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนเกาะนี้ด้วยหรือ?”

 

ซูฉินหยุดความเคลื่อนไหว มองไปที่ร่างอันงดงามด้วยความสนใจ

 

“นี่คือเกาะเซียนทะเลบูรพา แม้กระแสปราณฉีจะซบเซา ธรรมชาติจะเหี่ยวเฉา แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นภายในเกาะก็ไม่ได้มากนัก เป็นธรรมดาที่จะมีสิ่งสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่”

 

ร่างอันงดงามเผยรอยยิ้มและกล่าวต่อ “เช่เป็น ผู้นี้ แต่เดิมคิดว่าโลกภายนอกอยู่ในจุดสิ้นสุดของกฏเกณฑ์ธรรมชาติไม่ได้คาดหวังว่าจะมีผู้ทรงพลังเช่นสหายเต๋ากําเนิดขึ้น

มา”

 

“เช่เชินอยากจะชวนสหายเต๋าไปนั่งพูดคุยกันภายในเกาะไม่รู้สหายจะคิดเห็นอย่างไร”

 

ร่างงามเฉียงตัวออกด้านข้างเล็กน้อย เผยให้เห็นช่องทางเข้าออก เชื้อเชิญซูฉินเข้าไปด้านใน

 

“จะให้ข้าเข้าไปรึ?”

 

ซูฉินมองลึกเข้าไปด้านใน

 

แม้ว่าทางเข้านี้จะเชื่อมต่อเข้ากับเกาะ แต่ก็ยังมีพลังมากมายแทรกซึมกั้นขวางอยู่ สามารถขัดขวางจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ได้ และแม้แต่อาณาเขตก็ยากที่จะเจาะทะลุเข้าไป

 

แต่ก็เท่านั้น แม้อาณาเขตหรือจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้สามารถ แต่ดวงตาแห่งสัจจะควบคู่ไปกับวิชาปราณฉีฟ้ากําหนดนั้นสามารถมองทะลุ เห็นสรรพสิ่งบนเกาะได้ในทันที

 

“เมื่อเป็นเช่นนั้น”

 

“ข้าก็ไม่เกรงใจล่ะนะ”

 

ซูฉินไม่รู้ว่าเขาจะต้องพบเจอกับอะไร แต่รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าและนํามีดเทพเจ้าปีศาจเก็บกลับไป เดินเข้าไปยังช่องทางที่เปิดออกอย่างสบายๆ

 

“สหายเต๋า เชิญ”

 

ท่าที่แปลกๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของร่างงาม และนางก็ก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว

 

คลิก

 

เมื่อซูฉินเดินผ่านช่องทางเข้าไป ทางเดินที่โผล่ออกมานั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่มาก่อน

 

“ฮื่อ!”

 

ถึงตอนนี้ ร่องรอยความพึงพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของร่างงามชุดแดงที่แสดงท่าที่นอบน้อมมาโดยตลอด ราวกับว่าแผนการประสบความสําเร็จ

 

[1] เช่เชิน คําแทนตัวแบบถ่อมตนของหญิงจีนโบราณ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+