เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 209 (II) แผ่นดินสะเทือน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 209 (II) แผ่นดินสะเทือน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 209 (II) แผ่นดินสะเทือน

 

“โอ้?”

 

“หาทางลงให้แก่ข้า?”

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้มีร่องรอยของการประชดประชั้นปรากฏบนใบหน้าของซูฉิน เขามองไปที่ชิงชิวชิงหลิงด้วยความสนใจ“เจ้าไม่ต้องการจะรู้หรือว่าทําไมข้าที่รู้ว่าเกาะหยิงโจวถูกครอบครองโดยกลุ่มภูตอสูรและมีค่ายกลสังหารภายในกลับยังกล้าเข้ามา?”

 

เมื่อซูฉินกล่าวออกไปเช่นนี้

 

ใบหน้าของชิงชิวชิงหลิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

ถูกต้อง

 

หากซูฉินทราบว่ามีอันตรายที่นี่ ทําไมเขาถึงยังเข้ามา?

 

ยิ่งชิงชิวชิงหลิงคิด ก็ยิ่งรู้สึกว่าบางสิ่งไม่ถูกต้องซูฉินรู้ถึงอันตรายแต่ก็ยังเข้ามามีความเป็นไปได้เพียงสองทางเท่านั้น

 

หนึ่งคือโง่

 

ประการที่สองคือมีความมั่นใจ

 

ด้วยความสามารถของซุฉินที่ปีนป่ายขึ้นมาถึงตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ดได้นั้น เป็นธรรมดาที่จะไม่ได้โง่เง่า ดังนั้นความเป็นไปได้จึงมีเพียงประการหลังเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ทันที่ชิงชิวชิงหลิงจะตอบกลับอะไร

 

“นั่นเป็นเพราะข้ากังวลว่าถ้าเจ้ายังอยู่ข้างใน หยกเนื้อดีจะถูกเผาทําลายดั่งหินน่ะสิ!” ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อยก้าวเท้าไปข้าวหน้าพร้อมกับกล่าวเบาๆ “แต่ตอนนี้เจ้าไม่สา มารถเผาหยกดั่งหินได้แล้ว”

 

ในชั่วพริบตา

 

ซูฉินก็ยกมือขึ้น ดึงมีดเทพเจ้าปีศาจออกมาผสานแก่นแท้แห่งพลังเข้าไปและตวัดมีดฟาดฟัน

 

เปรี้ยง

 

ซูฉินนั้นราวกับเป็นเทพเจ้าปีศาจ ด้วยรัศมีพลังที่พลุ่งพล่านราวกับน้ําในมหาสมุทร แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วทุกทิศทาง

 

ขณะปัจจุบัน

 

นอกเกาะหยิงโจว

 

ร่างงามชุดแดงยืดตัวตรงขึ้น มองดูค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่เริ่มมีความผันผวนอย่างช้าๆ

 

“ดูเหมือนว่าพวกหัวหน้าเผ่าจะลงมือแล้ว”

 

ร่างงามในชุดแดงมีชื่อว่า ชิงชิวเฉียนเฉียน เป็นจิ้งจอกตระกูลชิงชิวเช่นเดียวกัน

 

“ข้าไม่เข้าใจว่าทําไมหัวหน้าเผ่าต้องใช้ค่ายกลสังหารบนเกาะลงมือตรงๆก็ดีเยี่ยมแล้ว การใช้ค่ายกลสังหารไม่ใช่ว่าสิ้นเปลืองพลังงานบนเกาะหรอกหรือ…”

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนสายศีรษะและพึมพํากับตนเองต่อ “อย่างไรเสียนี่ก็เป็นตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ดและท่านหัวหน้าเผ่าคงต้องการใช้ค่ายกลสังหารเพื่อป้องกันความผิดพลาด

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนคิดไปเรื่อยเปื่อย

 

จากมุมของชิงชิวเฉียนเฉียน ตราบใดที่ซูฉินเข้าไปในเกาะหยิงโจวเขาก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้วภายใต้พื้นที่ครอบคลุมของค่ายกลสังหารเป็นไปไม่ได้ที่ซูฉินจะ หาทางหลบหนี

 

“เอ๋?”

 

“มีมนุษย์อยู่ที่นี่อีกหรือ?”

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนเหลือบมองเรือประมงที่อยู่ไม่ไกลและกล่าวอย่างเป็นกันเองว่า “พวกเจ้ารีบไปเถอะ”

 

สําหรับชิงชิวเฉียนเฉียน นางไม่ได้สนใจแม้แต่จะโจมตีมนุษย์ที่ราวกับมดปลวก นอกจากนี้นางยังอยู่ในอารมณ์ที่ดีจึงคิดจะไว้ชีวิตพวกเขาและเปิดเขตแดนให้ออกไป

 

ด้านบนเรือประมง

 

หญิงสาวอย่างอาถั่วตัวสั่น และเมื่อได้ยินคํากล่าวของชิงชิวเฉียนเฉียนที่ปล่อยให้พวกตนจากไป พวกเขาก็ถอนหาย ใจด้วยความโล่งอก

 

“ท่านเทพธิดา..”

 

อาตัว หญิงสาวกัดฟันแล้วกล่าวถามออกมาว่า “พี่ชายคนเมื่อครู่นี้จะออกมาเมื่อไหร่… ”

 

อาตั๋วหมายถึงซูฉินที่เพิ่งเข้าสู่เกาะหยิงโจว

 

“เทพธิดา?”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชิงชิวเฉียนเฉียน ในเผ่าพันธุ์จิ้งจอกนางอาศัยอยู่บนเกาะหยิงโจวตลอดเวลาจะมีเวลาไหนบ้างที่ถูกเรียกขานว่าเทพธิดา?

 

“เขาหรอ…”

 

“น่าจะตายไปแล้วล่ะ…”

 

หาได้ยากนักที่ชิงชิวเฉียนเฉียนจะอดทนขนาดนี้

 

“ตายแล้ว?”

 

อาตั๋วใจสั่น

 

ใบหน้าของชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างก็เปลี่ยนไป

 

ในมุมมองของเขา ทั้งซูฉินและชิงชิวเฉียนเฉียนผู้ทรงเสน่ห์เย้ายวนทั้งคู่ต่างก็เป็น “เซียนอมตะ

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนกล่าวว่าซูฉินตายแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีการต่อสู้ระหว่างเซียนอมตะเกิดขึ้น

 

ในการต่อสู้ของเซียนอมตะ นับประสาอะไรกับการที่มนุษย์จะเข้าไปแทรกแซงหากพวกเขาอยู่ ใกล้เกินไปสักหน่อยอาจจะตายกันหมดโดยไม่เหลือร่างทิ้งเอาไว้

 

“ย้อนทิศทางเรือ”

 

“พวกเรารีบไปกันเถอะ”

 

ชายวัยกลางคนตื่นตระหนก

 

หญิงสาวอย่างอาตัวเหมือนจะยังไม่ยอมแพ้นางเงยหน้าขึ้นมองชิงชิวเฉียนเฉียนและถามต่อว่า “ท่านเทพธิดาพี่ชายคนนั้นตายแล้วจริงๆ หรือ?”

 

“แน่นอนว่าตายแล้ว”

 

“ติดอยู่ในค่ายกลสังหาร ทั้งยังถูกท่านหัวหน้าเผ่าโจมตีเขาน่าจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้วในตอนนี้คงตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรแล้ว”

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนขมวดคิ้วกําลังจะกล่าวต่อ

 

ฉับพลัน!

 

ตูมมม!

 

เห็นใบมีดสีดําฟาดฟันออกมา ราวกับจะตัดทั้งเกาะหยิงโจวออกเป็นสองส่วน

 

ท่ามกลางสายตาไม่อยากจะเชื่อของทุกคนชิงชิวชิงหลิงบินหนีออกมาอย่างตื่นตระหนกสภาพกระเซอะกระเซิงเลือดสีน้ําเงินไหลย้อยย้อมน้ําทะเลให้กลายเป็นสีฟ้าอ่อน

 

“นี่คือ?”

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนเบิกตากว้าง ใบหน้าตกตะลึง

 

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ตอนนี้หัวหน้าเผ่าควรจะกลืนกินเลือดเนื้อของตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ดอยู่ไม่ใช่หรือ?

 

ขณะนั้นเอง

 

ซูฉินกํามีดเทพเจ้าปีศาจเอาไว้ในมือ คว่ําปลายมีดลงเดินออกจากเกาะหยิงโจวอย่างไม่รีบร้อน ดวงตาของเขา สงบนิ่ง

 

“ข้าบอกแล้ว ตอนนี้เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเผาหยกดั่งหินด้วยซ้ํา”

 

เผาหยกดั่งหิน มีความหมายคือ นําหยกที่เป็นของสูงค่าไปเผารวมกับหินที่เป็นของด้อยค่า แน่นอนว่าย่อมทําให้หยกสูญเสียความงดงามหรือพังทลายลง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 209 (II) แผ่นดินสะเทือน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 209 (II) แผ่นดินสะเทือน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 209 (II) แผ่นดินสะเทือน

 

“โอ้?”

 

“หาทางลงให้แก่ข้า?”

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้มีร่องรอยของการประชดประชั้นปรากฏบนใบหน้าของซูฉิน เขามองไปที่ชิงชิวชิงหลิงด้วยความสนใจ“เจ้าไม่ต้องการจะรู้หรือว่าทําไมข้าที่รู้ว่าเกาะหยิงโจวถูกครอบครองโดยกลุ่มภูตอสูรและมีค่ายกลสังหารภายในกลับยังกล้าเข้ามา?”

 

เมื่อซูฉินกล่าวออกไปเช่นนี้

 

ใบหน้าของชิงชิวชิงหลิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

ถูกต้อง

 

หากซูฉินทราบว่ามีอันตรายที่นี่ ทําไมเขาถึงยังเข้ามา?

 

ยิ่งชิงชิวชิงหลิงคิด ก็ยิ่งรู้สึกว่าบางสิ่งไม่ถูกต้องซูฉินรู้ถึงอันตรายแต่ก็ยังเข้ามามีความเป็นไปได้เพียงสองทางเท่านั้น

 

หนึ่งคือโง่

 

ประการที่สองคือมีความมั่นใจ

 

ด้วยความสามารถของซุฉินที่ปีนป่ายขึ้นมาถึงตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ดได้นั้น เป็นธรรมดาที่จะไม่ได้โง่เง่า ดังนั้นความเป็นไปได้จึงมีเพียงประการหลังเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ทันที่ชิงชิวชิงหลิงจะตอบกลับอะไร

 

“นั่นเป็นเพราะข้ากังวลว่าถ้าเจ้ายังอยู่ข้างใน หยกเนื้อดีจะถูกเผาทําลายดั่งหินน่ะสิ!” ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อยก้าวเท้าไปข้าวหน้าพร้อมกับกล่าวเบาๆ “แต่ตอนนี้เจ้าไม่สา มารถเผาหยกดั่งหินได้แล้ว”

 

ในชั่วพริบตา

 

ซูฉินก็ยกมือขึ้น ดึงมีดเทพเจ้าปีศาจออกมาผสานแก่นแท้แห่งพลังเข้าไปและตวัดมีดฟาดฟัน

 

เปรี้ยง

 

ซูฉินนั้นราวกับเป็นเทพเจ้าปีศาจ ด้วยรัศมีพลังที่พลุ่งพล่านราวกับน้ําในมหาสมุทร แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วทุกทิศทาง

 

ขณะปัจจุบัน

 

นอกเกาะหยิงโจว

 

ร่างงามชุดแดงยืดตัวตรงขึ้น มองดูค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่เริ่มมีความผันผวนอย่างช้าๆ

 

“ดูเหมือนว่าพวกหัวหน้าเผ่าจะลงมือแล้ว”

 

ร่างงามในชุดแดงมีชื่อว่า ชิงชิวเฉียนเฉียน เป็นจิ้งจอกตระกูลชิงชิวเช่นเดียวกัน

 

“ข้าไม่เข้าใจว่าทําไมหัวหน้าเผ่าต้องใช้ค่ายกลสังหารบนเกาะลงมือตรงๆก็ดีเยี่ยมแล้ว การใช้ค่ายกลสังหารไม่ใช่ว่าสิ้นเปลืองพลังงานบนเกาะหรอกหรือ…”

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนสายศีรษะและพึมพํากับตนเองต่อ “อย่างไรเสียนี่ก็เป็นตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ดและท่านหัวหน้าเผ่าคงต้องการใช้ค่ายกลสังหารเพื่อป้องกันความผิดพลาด

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนคิดไปเรื่อยเปื่อย

 

จากมุมของชิงชิวเฉียนเฉียน ตราบใดที่ซูฉินเข้าไปในเกาะหยิงโจวเขาก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้วภายใต้พื้นที่ครอบคลุมของค่ายกลสังหารเป็นไปไม่ได้ที่ซูฉินจะ หาทางหลบหนี

 

“เอ๋?”

 

“มีมนุษย์อยู่ที่นี่อีกหรือ?”

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนเหลือบมองเรือประมงที่อยู่ไม่ไกลและกล่าวอย่างเป็นกันเองว่า “พวกเจ้ารีบไปเถอะ”

 

สําหรับชิงชิวเฉียนเฉียน นางไม่ได้สนใจแม้แต่จะโจมตีมนุษย์ที่ราวกับมดปลวก นอกจากนี้นางยังอยู่ในอารมณ์ที่ดีจึงคิดจะไว้ชีวิตพวกเขาและเปิดเขตแดนให้ออกไป

 

ด้านบนเรือประมง

 

หญิงสาวอย่างอาถั่วตัวสั่น และเมื่อได้ยินคํากล่าวของชิงชิวเฉียนเฉียนที่ปล่อยให้พวกตนจากไป พวกเขาก็ถอนหาย ใจด้วยความโล่งอก

 

“ท่านเทพธิดา..”

 

อาตัว หญิงสาวกัดฟันแล้วกล่าวถามออกมาว่า “พี่ชายคนเมื่อครู่นี้จะออกมาเมื่อไหร่… ”

 

อาตั๋วหมายถึงซูฉินที่เพิ่งเข้าสู่เกาะหยิงโจว

 

“เทพธิดา?”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชิงชิวเฉียนเฉียน ในเผ่าพันธุ์จิ้งจอกนางอาศัยอยู่บนเกาะหยิงโจวตลอดเวลาจะมีเวลาไหนบ้างที่ถูกเรียกขานว่าเทพธิดา?

 

“เขาหรอ…”

 

“น่าจะตายไปแล้วล่ะ…”

 

หาได้ยากนักที่ชิงชิวเฉียนเฉียนจะอดทนขนาดนี้

 

“ตายแล้ว?”

 

อาตั๋วใจสั่น

 

ใบหน้าของชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างก็เปลี่ยนไป

 

ในมุมมองของเขา ทั้งซูฉินและชิงชิวเฉียนเฉียนผู้ทรงเสน่ห์เย้ายวนทั้งคู่ต่างก็เป็น “เซียนอมตะ

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนกล่าวว่าซูฉินตายแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีการต่อสู้ระหว่างเซียนอมตะเกิดขึ้น

 

ในการต่อสู้ของเซียนอมตะ นับประสาอะไรกับการที่มนุษย์จะเข้าไปแทรกแซงหากพวกเขาอยู่ ใกล้เกินไปสักหน่อยอาจจะตายกันหมดโดยไม่เหลือร่างทิ้งเอาไว้

 

“ย้อนทิศทางเรือ”

 

“พวกเรารีบไปกันเถอะ”

 

ชายวัยกลางคนตื่นตระหนก

 

หญิงสาวอย่างอาตัวเหมือนจะยังไม่ยอมแพ้นางเงยหน้าขึ้นมองชิงชิวเฉียนเฉียนและถามต่อว่า “ท่านเทพธิดาพี่ชายคนนั้นตายแล้วจริงๆ หรือ?”

 

“แน่นอนว่าตายแล้ว”

 

“ติดอยู่ในค่ายกลสังหาร ทั้งยังถูกท่านหัวหน้าเผ่าโจมตีเขาน่าจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้วในตอนนี้คงตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรแล้ว”

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนขมวดคิ้วกําลังจะกล่าวต่อ

 

ฉับพลัน!

 

ตูมมม!

 

เห็นใบมีดสีดําฟาดฟันออกมา ราวกับจะตัดทั้งเกาะหยิงโจวออกเป็นสองส่วน

 

ท่ามกลางสายตาไม่อยากจะเชื่อของทุกคนชิงชิวชิงหลิงบินหนีออกมาอย่างตื่นตระหนกสภาพกระเซอะกระเซิงเลือดสีน้ําเงินไหลย้อยย้อมน้ําทะเลให้กลายเป็นสีฟ้าอ่อน

 

“นี่คือ?”

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนเบิกตากว้าง ใบหน้าตกตะลึง

 

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ตอนนี้หัวหน้าเผ่าควรจะกลืนกินเลือดเนื้อของตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ดอยู่ไม่ใช่หรือ?

 

ขณะนั้นเอง

 

ซูฉินกํามีดเทพเจ้าปีศาจเอาไว้ในมือ คว่ําปลายมีดลงเดินออกจากเกาะหยิงโจวอย่างไม่รีบร้อน ดวงตาของเขา สงบนิ่ง

 

“ข้าบอกแล้ว ตอนนี้เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเผาหยกดั่งหินด้วยซ้ํา”

 

เผาหยกดั่งหิน มีความหมายคือ นําหยกที่เป็นของสูงค่าไปเผารวมกับหินที่เป็นของด้อยค่า แน่นอนว่าย่อมทําให้หยกสูญเสียความงดงามหรือพังทลายลง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+