เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 212 ดวงตะวันขนาดมหึมา

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 212 ดวงตะวันขนาดมหึมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 212 ดวงตะวันขนาดมหึมา

 

“ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”

 

ใบหน้าของซูฉินพลันแข็งค้างไป

 

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ราวกับเป็นเทพเจ้าที่อยู่ในตํานานมาโดยตลอด ไม่มีตัวตนจริง และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดก็แสดงถึงอํานาจอันสูงสุดในแต่ละสาย

 

ขณะที่ซูฉินกําลังคิดถึงเรื่องนี้

 

ข้อมูลมากมายที่เกี่ยวข้องกับ “ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์” ก็ปรากฏขึ้น

 

“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน”

 

ซูฉินกวาดตามองชิงชิวเฉียนเฉี่ยนแล้วนั่งขัดสมาธิลงหน้า แผ่นศิลาสีดํา ก่อตั้งค่ายกลสังหารสามชั้นในรัศมีสามจ้างรอบตัว

 

ค่ายกลสังหารสามชั้นนี้อาศัยการบังคับจากแผ่นศิลาสีดํา แม้ว่าชิงชิวชิงหลิงจะเกิดใหม่อีกครั้ง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทําลายมันด้วยพละกําลัง

 

“เจ้าค่ะ”

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนโค้งคํานับพร้อมกับกล่าวคํา

 

แม้ว่านางจะสงสัยเล็กน้อยว่าทําไมซูฉินจึงไม่ไปยังถ้ํา ในส่วนลึกของเกาะหยิงโจว

 

แต่ในตอนนี้ คําพูดของซูฉินต่อชิงชิวเฉียนเฉี่ยนก็ไม่ต่างไปจาก ‘คําสั่งศักดิ์สิทธิ์” นางผู้ไม่รีรอที่จะปฏิบัติตาม จะกล้าตั้งคําถามได้อย่างไร?

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนคุ้มกันซูฉินอยู่ในระยะสิบเมตร คอยดูแลไม่ให้มีสิ่งมีชีวิตใดเข้าไปรบกวนซูฉิน

 

บนเกาะหยิงโจวไม่ได้มีเพียงเผ่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวเป็น สิ่งมีชีวิตชนิดเดียว แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆด้วย แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเป็นสัตว์ร้าย แม้แต่ภูมิปัญญาก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหน้าแผ่นศิลาสีดํา

 

“ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”

 

ภายในจิตใจของซูฉิน ปรากฏแผ่นภาพหินสลัก แผ่นหินทั้งสิบสองชิ้นฝังอยู่ภายในจิตใจของเขา ค่อยๆหมุนตัว ปลดปล่อยบรรยากาศที่แสนโบราณและปาเถื่อนออกมา

 

“ภาพสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสองแผ่นนี้ แม้จะไม่ได้ดีเท่ากับฝ่ามือยูไล แต่ก็เทียบได้กับคัมภีร์มารเก่าวิถี”

 

ซูฉินรู้สึกทิ้ง

 

นี่คือเหตุผลที่เขารีบนั่งลงในทันทีเพื่อทําความเข้าใจกับ “ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์

 

ซูฉินไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้แล้วได้รับเคล็ดวิชาชั้นสูง ที่ใกล้เคียงกับฝ่ามือยไลมานานถึงสิบปีแล้ว เมื่อได้พบมันแล้วแน่นอนเขาต้องรีบทําความเข้าใจมันในทันที

 

ส่วนเคหาสน์ลับในส่วนลึกของเกาะหยิงโจว ยังไงก็ยังอยู่ ตรงนั้นไม่หนีไปไหน จะไปตอนนี้หรือไปตอนไหนก็ไม่ต่างกัน

 

จิ้งจอกตระกูลชิงชิวรอมาได้เป็นหมื่นปี ฉะนั้นซูฉินไม่จําเป็นต้องสนใจเรื่องเวลาแต่ประการใดเลย

 

“อย่างไรก็ตาม จากแผ่นหินทั้งสิบสองชิ้นนี้ มีเพียงแผ่นแรกเท่านั้นที่มองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน ส่วนอีกสิบเอ็ดภาพที่เหลือ…”

 

สายตาของซูฉินมองกวาดภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไปทุกแผ่น โดยที่แผ่นหินสิบเอ็ดแผ่นปกคลุมไปด้วยม่านหมอก ไม่ว่าจะใช้ตามองหรือใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ พวกมันก็ไม่สามารถมองฝ่าชันหมอกเข้าไปได้

 

“ดูเหมือนว่าหลังจากฝึกฝนแผ่นหินภาพแรกสําเร็จแล้ว จึงจะสามารถเห็นแผ่นหินต่อไปได้ชัดเจน”

 

ซูฉินแตะปลายคาง ใบหน้าแลดูครุ่นคิด

 

เมื่อคิดเรื่องราวต่างๆแล้ว สายตาของซูฉินก็เพ่งไปที่แผ่นหินรูปแรก

 

แผ่นหินนั้นโบราณเก่าแก่อย่างมิอาจประมาณ ราวกับว่ามันผ่านระยะเวลามายาวนานนับอนันต์ บนแผ่นหินมีดวงตะวันขนาดมหึมาอยู่หนึ่งดวง กําลังลุกไหม้อย่างช้าๆ เหมือนกับมันกําลังเผาโลกทั้งใบ

 

“นี่เป็นแผ่นหินแผ่นแรกในภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ภาพดวงตะวันขนาดมหึมา?”

 

ซูฉินซึมซับมันเข้ามา ชิ้นส่วนความรู้ความเข้าใจของแผ่นหินนี้ไหลเข้ามาในจิตของซูฉิน

 

“เดี๋ยวก่อนนะ ดวงตะวันขนาดมหึมานี้เกี่ยวอะไรกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”

 

ทันทีที่ความสงสัยผุดขึ้นในใจของซูฉิน เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดอันน่าหวาดกลัวของภาพดวงตะวันขนาดมหึมาพุ่งเข้ามา ดูดกลืนจิตใจของเขาเข้าไปจนหมด

 

“ที่นี่คือ?”

 

ใบหน้าของซูฉินเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ในตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ภายในจิตใจตนเองอีกแล้ว แต่เป็นสถานที่เวิ้งว้างว่างเปล่า

 

และด้านหน้าก็มีลูกไฟขนาดมหึมากําลังลุกโชน

 

“นี่ข้าถูกดึงเข้ามาอยู่ในภาพสลักแผ่นหินงั้นหรือ?”

 

ซูฉินเข้าใจสถานการณ์ของตนได้ในทันที

 

ขณะที่ซูฉินคิดว่าจะทําอะไรต่อไปดี

 

“แกว้ก!!”

 

เป็นเสียงร้องคํารามที่แสนน่ากลัว

 

เห็นเป็นนกศักดิ์สิทธิ์ อีกาสามขาในส่วนลึกของดวงตะวันขนาดมหึมา อีกาศักดิ์สิทธิ์สามขาโบยบินออกมาพร้อมด้วยเปลวเพลิงท่วมทั้งตัวดูน่าหวาดกลัวยิ่ง เปลวไฟบนตัวมันเผาอากาศธาตุจนทิ้งรอยสีดําเป็นปั่นไปตามทางที่มันบิน

 

แต่กระนั้นรอยร้าวสีเทาดําเหล่านั้นก็ยังคงลุกไหม้ต่อไป ราวกับว่าต่อหน้าอีกาสามขานี้ สิ่งมีชีวิตใดๆในโลกก็ล้วนสามารถถูกมันเผาผลาญจนสิ้นได้

 

เมื่อนํามาเทียบกับอีกาศักดิ์สิทธิ์สามขานี้ เคล็ดเก้าสุริยันของซูฉินกลายเป็นบอบบางราวกับแสงเทียน

 

เคล็ดเก้าสุริยันเมื่อฝึกจนถึงจุดสูงสุด ก็สามารถสร้างลูกไฟขนาดยักษ์ได้เพียงเก้าลูกเท่านั้น มันจะมาเทียบกับดวงตะวันขนาดมหึมาที่แท้จริงได้อย่างไร

 

“นี่คืออีกาทองคําสามขาที่ร่ําลือกันว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีเปลวไฟที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างนั้นหรือ?”

 

ซฉินจ้องไปที่อีกาศักดิ์สิทธิ์สามขาอย่างชิดใกล้ พร้อมกับพึมพําอยู่กับตนเอง

 

อีกาทองคําสามขา เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีเปลวไฟ แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ตํานานสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ถือกําเนิดขึ้น จากใจกลางดวงตะวันขนาดมหึมา สามารถแปลงร่างเป็นดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างไปทั่วทั้งสามโลก

 

เปลวเพลิงจากดวงตะวันขนาดมหึมาของอีกาทองคําสามขา สามารถเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้ว่าจะเป็นหมู่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน ก็มีเพียงไม่กี่ประเภทเท่านั้นที่จะมีเปลวเพลิงเทียบเท่าอีกาทองคําสามขาได้ อาทิ หงส์เพลิง

 

“แผ่นหินดวงตะวันขนาดมหึมานี้เป็นคัมภีร์วิธีการฝึกฝนของอีกาทองคําสามขา ตราบใดที่ข้าบ่มเพาะ ตามวิธีการข้างต้น และทําตามขั้นตอนของแผ่นหินดวงตะวันขนาดมหึมานี้อย่างละเอียด ข้าก็จะได้รับพลังของอีกาทองคําสามขามา”

 

ซูฉินไม่ทันได้คาดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

เดิมที่เขาคิดว่าภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะเป็นบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตํานาน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแผ่นหินดวงตะวันขนาดมหึมาซึ่งเป็นแผ่นหินแผ่นแรกนี้ หลังจากฝึกฝนตาม จะทําให้เขากลายเป็นอีกาทองคําสามขาได้จริงๆ ช่างน่าตกใจอย่างยิ่ง

 

ต้องรู้ก่อนว่าการจะเปลี่ยนแปลงพลังครั้งนี้ของซูฉินไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆ มันมีรูปแบบรูปร่างของมัน และการที่ได้รับพลังของอีกาทองคําสามขา รวมถึงพลังของดวงตะวันขนาดมหึมา มันเพียงพอที่จะทําให้เขาเผาผลาญทุกสรรพสิ่ง

 

แน่นอนว่า

 

แม้ฉันจะฝึกฝนตามแผ่นหินดวงตะวันขนาดมหึมานี้แล้ว แต่ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง พลังในครอบครองจะไม่ใช่พลังของอีกาทองคําสามขาที่แท้จริง อย่างมากที่สุดก็เป็นเพียงอีกาทองคําสามขาวัยเยาว์เท่านั้น

 

“อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สร้างสิ่งวิเศษขนาดนี้ขึ้นมาได้ ต้องสร้างความเกลียดชังต่อเหล่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มากเพียงใด…”

 

ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย

 

ในการสร้างสุดยอดวิชาที่สามารถแปลงกายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดายนั้น อย่างน้อยก็ต้องมีความเข้าใจในสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างดีเยี่ยม

 

และแน่นอนว่าการเข้าใจได้ขนาดนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการจับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มาสังเกตอย่างใกล้ชิด

 

“แผ่นหินแผ่นแรกคืออีกาทองคําสามขาที่ร่ําลือกันว่ามีพลังเปลวเพลิงที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วแผ่นหินที่เหลือเล่า? สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดมันจะเป็นตัวอะไรกัน?”

 

ซูฉินค่อยๆ ถอนจิตออกจากแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมา มองดูภาพแผ่นหินอีกสิบเอ็ดแผ่นที่เหลือซึ่งปกคลุมไปด้วยหมอกควัน ดูผ่อนคลายและน่าหลงใหล

 

หากซูฉินสามารถฝึกฝนแผ่นหินภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้ทั้งหมด สามารถกลายร่างเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสองตัวได้อย่างง่ายดาย พลังของมันคงน่าสะพรึงกลัวจนไม่อาจจะจินตนาการได้

 

“น่าเสียดาย แผ่นหินภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนั้นทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่มันก็ยากพอๆกับปีนปายสวรรค์เพื่อจะฝึกฝนมันทั้งหมด”

 

ซุฉินถอนหายใจเบาๆ

 

ไม่ต้องกล่าวถึงภาพแผ่นหินถัดไปทั้งสิบเอ็ดแผ่นเลย เพียงต้องการฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมา ทรัพยากรที่ต้องใช้นั้นมากมายราวกับมหาสมุทร และทรัพยากรทั้งหมดต้องเป็นสมบัติเป็นโอสถธาตุไฟเท่านั้น

 

แม้แต่ซูฉินที่คิดว่าตน ร่ํารวย” ก็ต้องเกิดอาการคันที่หัวใจเมื่อเขาเห็นทรัพยากรที่จําเป็นต้องใช้

 

“ภาพดวงตะวันขนาดมหึมาแผ่นแรกนี้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้ฝึกฝนมัน แต่เพียงได้เข้าใจก็ดูเหมือนจะช่วยให้ข้าได้ เข้าใจพลังแห่งเปลวเพลิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างน้อยก็สามารถยกระดับเคล็ดเก้าสุริยันที่หยุดนิ่งมานาน เพิ่มระดับขึ้นไปได้หลายระดับเลยทีเดียว”

 

ความคิดของซูฉินผันแปรไปอย่างรวดเร็ว และจิตใจของเขาก็รวมเข้ากับแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมาอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงอีกาทองคําสามขาที่ถือกําเนิดขึ้นมาจากดวงตะวัน เผาผลาญท้องฟ้าและผืนดิน

 

“นายท่านนั่งอยู่ตรงนี้มาหนึ่งวันแล้ว…”

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนหันมองซูฉินซึ่งกําลังนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าแผ่นหินอย่างระมัดระวัง

 

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่า นายท่านจะทําอะไรกับข้าบ้าง…”

 

หลังจากที่ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนเหลือบมองอยู่ครู่หนึ่ง จิตใจของนางก็เริ่มหดหู่

 

ในตอนนี้ ชีวิตความเป็นความตายของนางขึ้นอยู่กับการ ตัดสินใจของซูฉิน หากซูฉินตั้งใจจะสังหารนางชิงชิวเฉียนเฉี่ยนก็ไม่สามารถต้านทานได้เลย

 

สําหรับการใช้ประโยชน์จากการที่ซูฉินกําลังปิดด่านฝึกตนหลบหนีไปเสีย

 

ตอนนี้ทั่วทั้งเกาะหยิงโจวห้อมล้อมไปด้วยค่ายกลฟ้าดินมากมาย ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนไม่สามารถหลบหนีไปได้ แม้นางจะต้องการก็ตาม

 

นอกจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นหากชิงชิวเฉียนเฉี่ยนสามารถหลบหนีไปได้จริงๆ?

 

เมื่อซูฉินออกจากการฝึกตน และพบว่านางไม่อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเวลานั้นจะเป็นวันตายของนางหรอกหรือ?

 

ฉับพลัน

 

ทันใดนั้นเอง

 

ซูฉินที่กําลังนั่งขัดสมาธิ ค่อยๆลืมตาขึ้น

 

ในส่วนลึกของดวงตา ดวงตะวันขนาดมหึมาที่กําลังแผดเผาลุกไหม้ได้ปรากฏขึ้น

 

ดวงตะวันขนาดมหึมาดวงนี้เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็พุ่งออกมาจากดวงตาของซูฉิน และโผล่ขึ้นไปอยู่เหนือหัวของเขา

 

กึ่งกลางของดวงตะวันขนาดมหึมานี้สามารถมองเห็นอีกาศักดิ์สิทธิ์สามขาได้รางๆมันกําลังโบยบินอย่างอิสรเสรี

 

ทุกครั้งที่อีกาสามขาสยายปีก เปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมา ราวกับจะแผดเผาทุกสิ่งเผาผลาญทุกอย่าง

 

“นี่คือ?”

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนบังเอิญหันมาเห็นฉากดังกล่าว ยืนนิ่งงันอยู่กับที่ในทันที

 

“นี่คืออีกาทองคําสามขาไม่ใช่หรือ?”

 

เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในใจของชิงชิวเฉียนเฉี่ยน

 

นางไม่เคยคิดฝันว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่แต่เพียงในบันทึก โบราณของเผ่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวจะมีอยู่จริง

 

ต้องรู้ว่าแม้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะอยู่เหนือกว่าภูตอสูรมาก แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็มีภูตอสูรมากมายที่มีร่องรอยสายเลือดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวอย่างไม่รู้ตัว

 

ตัวอย่างเช่น หากเผ่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวเติบโตจนมีเก้าหางและชําระสายเลือดของมันให้บริสุทธิ์มากที่สุด มันก็สามารถเข้าใกล้ระดับของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตํานานได้

 

น่าเสียดายที่จิ้งจอกอสูรเก้าหางนั้นหายากถึงขีดสุด แม้จะเป็นชิงชิวชิงหลิงที่ตกตายไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าจิ้งจอกสามหาง

 

ส่วนเก้าหางนั้น

 

บางทีมันอาจจะไม่มีอยู่เลยก็ได้

 

“เป็นไปได้ไหมว่านายท่านไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เป็นอีกาทองคําสามขา…” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนสงบใจลง และเริ่มใคร่ครวญอย่างรวดเร็ว

 

เพียงเท่านั้นใจของชิงชิวเฉียนเฉี่ยนก็รู้สึกสยดสยอง

 

ตอนนั้น ดวงตะวันขนาดมหึมา” ที่ลอยอยู่บนหัวซูฉินก็ค่อยๆกระจายออก เคลื่อนกลับมาที่ดวงตาของซูฉิน

 

“หลังจากที่เข้าใจภาพดวงตะวันขนาดมหึมาแล้ว เคล็ดเก้าสุริยันของข้าก็มีกลิ่นอายของดวงตะวันขนาดมหึมา ติดมาเล็กน้อย ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สี่และนภาชั้นที่ห้าจะไม่สามารถหยุดเปลวเพลิงแผดเผาของเคล็ดเก้าสุริยันได้”

ซูฉินลุกขึ้นโดยไม่รอช้า

 

แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถฝึกฝนดวงตะวันขนาดมหึมาได้ในขณะนี้ แต่เขาสามารถเพิ่มพลังของเคล็ดเก้าสุริยันจนสมบูรณ์ได้

 

“หลังจากที่ทําความเข้าใจจนนํามาปรับปรุงวิชาจนมีพลังตามที่เห็นได้เช่นนี้ หากฝึกฝนดวงตะวันขนาดมหึมาจริงๆ มันจะมีพลังขนาดไหนกันนะ?”

 

ซูฉินปล่อยลมหายใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกออกมา

 

“ผ่านไปหนึ่งวันแล้วอย่างนั้นหรือ?”

 

ซฉินเหลือบมองไปที่ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนซึ่งกําลังตกตะลึงอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก จากนั้นจึงหันกลับมามองแผ่นศิลาสีดําอีกครั้ง

 

“น่าเสียดายที่ไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ําได้อีกต่อไป”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าการลงชื่อเข้าใช้และ ได้รับ ‘ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์” จากระบบ ได้ใช้ “เต๋าสะสม” บนเกาะหยิงโจวไปจนหมดสิ้น และไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ซูฉินลงชื่อเข้าใช้ต่อไปได้

 

“อย่างไรเสีย คราวนี้ข้าได้รับ “ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มา ก็เรียกได้ว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าแล้ว”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย ดูพึงพอใจอย่างมาก

 

ซูฉินลงชื่อเข้าใช้มาหลายสิบปี เขาไม่เคยขาดแคลนโอสถและผลไม้จิตวิญญาณ เคล็ดวิชาวิเศษภายใน “ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์” เพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว สําหรับชดเชยสิ่งของจํานวนมากมายนับไม่ถ้วน

 

“ได้เวลาไปเยี่ยมถ้ําเซียนแห่งนั้นแล้ว”

 

เมื่อคิดได้ ซูฉินก็มองไปยังส่วนลึกของเกาะหยิงโจว

 

ตามการคาดเดาของเผ่าจิ้งจอกชิงชิว ถ้ําแห่งนั้นคือที่อยู่ของจ้าวทะเลบูรพาที่แท้จริง และตอนนี้ก็ผ่านไปหลายหมื่นปีแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีอะไรหลงเหลืออยู่ภายในนั้นบ้าง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 212 ดวงตะวันขนาดมหึมา

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 212 ดวงตะวันขนาดมหึมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 212 ดวงตะวันขนาดมหึมา

 

“ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”

 

ใบหน้าของซูฉินพลันแข็งค้างไป

 

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ราวกับเป็นเทพเจ้าที่อยู่ในตํานานมาโดยตลอด ไม่มีตัวตนจริง และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดก็แสดงถึงอํานาจอันสูงสุดในแต่ละสาย

 

ขณะที่ซูฉินกําลังคิดถึงเรื่องนี้

 

ข้อมูลมากมายที่เกี่ยวข้องกับ “ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์” ก็ปรากฏขึ้น

 

“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน”

 

ซูฉินกวาดตามองชิงชิวเฉียนเฉี่ยนแล้วนั่งขัดสมาธิลงหน้า แผ่นศิลาสีดํา ก่อตั้งค่ายกลสังหารสามชั้นในรัศมีสามจ้างรอบตัว

 

ค่ายกลสังหารสามชั้นนี้อาศัยการบังคับจากแผ่นศิลาสีดํา แม้ว่าชิงชิวชิงหลิงจะเกิดใหม่อีกครั้ง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทําลายมันด้วยพละกําลัง

 

“เจ้าค่ะ”

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนโค้งคํานับพร้อมกับกล่าวคํา

 

แม้ว่านางจะสงสัยเล็กน้อยว่าทําไมซูฉินจึงไม่ไปยังถ้ํา ในส่วนลึกของเกาะหยิงโจว

 

แต่ในตอนนี้ คําพูดของซูฉินต่อชิงชิวเฉียนเฉี่ยนก็ไม่ต่างไปจาก ‘คําสั่งศักดิ์สิทธิ์” นางผู้ไม่รีรอที่จะปฏิบัติตาม จะกล้าตั้งคําถามได้อย่างไร?

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนคุ้มกันซูฉินอยู่ในระยะสิบเมตร คอยดูแลไม่ให้มีสิ่งมีชีวิตใดเข้าไปรบกวนซูฉิน

 

บนเกาะหยิงโจวไม่ได้มีเพียงเผ่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวเป็น สิ่งมีชีวิตชนิดเดียว แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆด้วย แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเป็นสัตว์ร้าย แม้แต่ภูมิปัญญาก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหน้าแผ่นศิลาสีดํา

 

“ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”

 

ภายในจิตใจของซูฉิน ปรากฏแผ่นภาพหินสลัก แผ่นหินทั้งสิบสองชิ้นฝังอยู่ภายในจิตใจของเขา ค่อยๆหมุนตัว ปลดปล่อยบรรยากาศที่แสนโบราณและปาเถื่อนออกมา

 

“ภาพสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสองแผ่นนี้ แม้จะไม่ได้ดีเท่ากับฝ่ามือยูไล แต่ก็เทียบได้กับคัมภีร์มารเก่าวิถี”

 

ซูฉินรู้สึกทิ้ง

 

นี่คือเหตุผลที่เขารีบนั่งลงในทันทีเพื่อทําความเข้าใจกับ “ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์

 

ซูฉินไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้แล้วได้รับเคล็ดวิชาชั้นสูง ที่ใกล้เคียงกับฝ่ามือยไลมานานถึงสิบปีแล้ว เมื่อได้พบมันแล้วแน่นอนเขาต้องรีบทําความเข้าใจมันในทันที

 

ส่วนเคหาสน์ลับในส่วนลึกของเกาะหยิงโจว ยังไงก็ยังอยู่ ตรงนั้นไม่หนีไปไหน จะไปตอนนี้หรือไปตอนไหนก็ไม่ต่างกัน

 

จิ้งจอกตระกูลชิงชิวรอมาได้เป็นหมื่นปี ฉะนั้นซูฉินไม่จําเป็นต้องสนใจเรื่องเวลาแต่ประการใดเลย

 

“อย่างไรก็ตาม จากแผ่นหินทั้งสิบสองชิ้นนี้ มีเพียงแผ่นแรกเท่านั้นที่มองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน ส่วนอีกสิบเอ็ดภาพที่เหลือ…”

 

สายตาของซูฉินมองกวาดภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไปทุกแผ่น โดยที่แผ่นหินสิบเอ็ดแผ่นปกคลุมไปด้วยม่านหมอก ไม่ว่าจะใช้ตามองหรือใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ พวกมันก็ไม่สามารถมองฝ่าชันหมอกเข้าไปได้

 

“ดูเหมือนว่าหลังจากฝึกฝนแผ่นหินภาพแรกสําเร็จแล้ว จึงจะสามารถเห็นแผ่นหินต่อไปได้ชัดเจน”

 

ซูฉินแตะปลายคาง ใบหน้าแลดูครุ่นคิด

 

เมื่อคิดเรื่องราวต่างๆแล้ว สายตาของซูฉินก็เพ่งไปที่แผ่นหินรูปแรก

 

แผ่นหินนั้นโบราณเก่าแก่อย่างมิอาจประมาณ ราวกับว่ามันผ่านระยะเวลามายาวนานนับอนันต์ บนแผ่นหินมีดวงตะวันขนาดมหึมาอยู่หนึ่งดวง กําลังลุกไหม้อย่างช้าๆ เหมือนกับมันกําลังเผาโลกทั้งใบ

 

“นี่เป็นแผ่นหินแผ่นแรกในภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ภาพดวงตะวันขนาดมหึมา?”

 

ซูฉินซึมซับมันเข้ามา ชิ้นส่วนความรู้ความเข้าใจของแผ่นหินนี้ไหลเข้ามาในจิตของซูฉิน

 

“เดี๋ยวก่อนนะ ดวงตะวันขนาดมหึมานี้เกี่ยวอะไรกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”

 

ทันทีที่ความสงสัยผุดขึ้นในใจของซูฉิน เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดอันน่าหวาดกลัวของภาพดวงตะวันขนาดมหึมาพุ่งเข้ามา ดูดกลืนจิตใจของเขาเข้าไปจนหมด

 

“ที่นี่คือ?”

 

ใบหน้าของซูฉินเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ในตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ภายในจิตใจตนเองอีกแล้ว แต่เป็นสถานที่เวิ้งว้างว่างเปล่า

 

และด้านหน้าก็มีลูกไฟขนาดมหึมากําลังลุกโชน

 

“นี่ข้าถูกดึงเข้ามาอยู่ในภาพสลักแผ่นหินงั้นหรือ?”

 

ซูฉินเข้าใจสถานการณ์ของตนได้ในทันที

 

ขณะที่ซูฉินคิดว่าจะทําอะไรต่อไปดี

 

“แกว้ก!!”

 

เป็นเสียงร้องคํารามที่แสนน่ากลัว

 

เห็นเป็นนกศักดิ์สิทธิ์ อีกาสามขาในส่วนลึกของดวงตะวันขนาดมหึมา อีกาศักดิ์สิทธิ์สามขาโบยบินออกมาพร้อมด้วยเปลวเพลิงท่วมทั้งตัวดูน่าหวาดกลัวยิ่ง เปลวไฟบนตัวมันเผาอากาศธาตุจนทิ้งรอยสีดําเป็นปั่นไปตามทางที่มันบิน

 

แต่กระนั้นรอยร้าวสีเทาดําเหล่านั้นก็ยังคงลุกไหม้ต่อไป ราวกับว่าต่อหน้าอีกาสามขานี้ สิ่งมีชีวิตใดๆในโลกก็ล้วนสามารถถูกมันเผาผลาญจนสิ้นได้

 

เมื่อนํามาเทียบกับอีกาศักดิ์สิทธิ์สามขานี้ เคล็ดเก้าสุริยันของซูฉินกลายเป็นบอบบางราวกับแสงเทียน

 

เคล็ดเก้าสุริยันเมื่อฝึกจนถึงจุดสูงสุด ก็สามารถสร้างลูกไฟขนาดยักษ์ได้เพียงเก้าลูกเท่านั้น มันจะมาเทียบกับดวงตะวันขนาดมหึมาที่แท้จริงได้อย่างไร

 

“นี่คืออีกาทองคําสามขาที่ร่ําลือกันว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีเปลวไฟที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างนั้นหรือ?”

 

ซฉินจ้องไปที่อีกาศักดิ์สิทธิ์สามขาอย่างชิดใกล้ พร้อมกับพึมพําอยู่กับตนเอง

 

อีกาทองคําสามขา เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีเปลวไฟ แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ตํานานสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ถือกําเนิดขึ้น จากใจกลางดวงตะวันขนาดมหึมา สามารถแปลงร่างเป็นดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างไปทั่วทั้งสามโลก

 

เปลวเพลิงจากดวงตะวันขนาดมหึมาของอีกาทองคําสามขา สามารถเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้ว่าจะเป็นหมู่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน ก็มีเพียงไม่กี่ประเภทเท่านั้นที่จะมีเปลวเพลิงเทียบเท่าอีกาทองคําสามขาได้ อาทิ หงส์เพลิง

 

“แผ่นหินดวงตะวันขนาดมหึมานี้เป็นคัมภีร์วิธีการฝึกฝนของอีกาทองคําสามขา ตราบใดที่ข้าบ่มเพาะ ตามวิธีการข้างต้น และทําตามขั้นตอนของแผ่นหินดวงตะวันขนาดมหึมานี้อย่างละเอียด ข้าก็จะได้รับพลังของอีกาทองคําสามขามา”

 

ซูฉินไม่ทันได้คาดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

เดิมที่เขาคิดว่าภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะเป็นบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตํานาน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแผ่นหินดวงตะวันขนาดมหึมาซึ่งเป็นแผ่นหินแผ่นแรกนี้ หลังจากฝึกฝนตาม จะทําให้เขากลายเป็นอีกาทองคําสามขาได้จริงๆ ช่างน่าตกใจอย่างยิ่ง

 

ต้องรู้ก่อนว่าการจะเปลี่ยนแปลงพลังครั้งนี้ของซูฉินไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆ มันมีรูปแบบรูปร่างของมัน และการที่ได้รับพลังของอีกาทองคําสามขา รวมถึงพลังของดวงตะวันขนาดมหึมา มันเพียงพอที่จะทําให้เขาเผาผลาญทุกสรรพสิ่ง

 

แน่นอนว่า

 

แม้ฉันจะฝึกฝนตามแผ่นหินดวงตะวันขนาดมหึมานี้แล้ว แต่ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง พลังในครอบครองจะไม่ใช่พลังของอีกาทองคําสามขาที่แท้จริง อย่างมากที่สุดก็เป็นเพียงอีกาทองคําสามขาวัยเยาว์เท่านั้น

 

“อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สร้างสิ่งวิเศษขนาดนี้ขึ้นมาได้ ต้องสร้างความเกลียดชังต่อเหล่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มากเพียงใด…”

 

ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย

 

ในการสร้างสุดยอดวิชาที่สามารถแปลงกายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดายนั้น อย่างน้อยก็ต้องมีความเข้าใจในสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างดีเยี่ยม

 

และแน่นอนว่าการเข้าใจได้ขนาดนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการจับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มาสังเกตอย่างใกล้ชิด

 

“แผ่นหินแผ่นแรกคืออีกาทองคําสามขาที่ร่ําลือกันว่ามีพลังเปลวเพลิงที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วแผ่นหินที่เหลือเล่า? สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดมันจะเป็นตัวอะไรกัน?”

 

ซูฉินค่อยๆ ถอนจิตออกจากแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมา มองดูภาพแผ่นหินอีกสิบเอ็ดแผ่นที่เหลือซึ่งปกคลุมไปด้วยหมอกควัน ดูผ่อนคลายและน่าหลงใหล

 

หากซูฉินสามารถฝึกฝนแผ่นหินภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้ทั้งหมด สามารถกลายร่างเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสองตัวได้อย่างง่ายดาย พลังของมันคงน่าสะพรึงกลัวจนไม่อาจจะจินตนาการได้

 

“น่าเสียดาย แผ่นหินภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนั้นทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่มันก็ยากพอๆกับปีนปายสวรรค์เพื่อจะฝึกฝนมันทั้งหมด”

 

ซุฉินถอนหายใจเบาๆ

 

ไม่ต้องกล่าวถึงภาพแผ่นหินถัดไปทั้งสิบเอ็ดแผ่นเลย เพียงต้องการฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมา ทรัพยากรที่ต้องใช้นั้นมากมายราวกับมหาสมุทร และทรัพยากรทั้งหมดต้องเป็นสมบัติเป็นโอสถธาตุไฟเท่านั้น

 

แม้แต่ซูฉินที่คิดว่าตน ร่ํารวย” ก็ต้องเกิดอาการคันที่หัวใจเมื่อเขาเห็นทรัพยากรที่จําเป็นต้องใช้

 

“ภาพดวงตะวันขนาดมหึมาแผ่นแรกนี้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้ฝึกฝนมัน แต่เพียงได้เข้าใจก็ดูเหมือนจะช่วยให้ข้าได้ เข้าใจพลังแห่งเปลวเพลิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างน้อยก็สามารถยกระดับเคล็ดเก้าสุริยันที่หยุดนิ่งมานาน เพิ่มระดับขึ้นไปได้หลายระดับเลยทีเดียว”

 

ความคิดของซูฉินผันแปรไปอย่างรวดเร็ว และจิตใจของเขาก็รวมเข้ากับแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมาอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงอีกาทองคําสามขาที่ถือกําเนิดขึ้นมาจากดวงตะวัน เผาผลาญท้องฟ้าและผืนดิน

 

“นายท่านนั่งอยู่ตรงนี้มาหนึ่งวันแล้ว…”

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนหันมองซูฉินซึ่งกําลังนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าแผ่นหินอย่างระมัดระวัง

 

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่า นายท่านจะทําอะไรกับข้าบ้าง…”

 

หลังจากที่ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนเหลือบมองอยู่ครู่หนึ่ง จิตใจของนางก็เริ่มหดหู่

 

ในตอนนี้ ชีวิตความเป็นความตายของนางขึ้นอยู่กับการ ตัดสินใจของซูฉิน หากซูฉินตั้งใจจะสังหารนางชิงชิวเฉียนเฉี่ยนก็ไม่สามารถต้านทานได้เลย

 

สําหรับการใช้ประโยชน์จากการที่ซูฉินกําลังปิดด่านฝึกตนหลบหนีไปเสีย

 

ตอนนี้ทั่วทั้งเกาะหยิงโจวห้อมล้อมไปด้วยค่ายกลฟ้าดินมากมาย ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนไม่สามารถหลบหนีไปได้ แม้นางจะต้องการก็ตาม

 

นอกจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นหากชิงชิวเฉียนเฉี่ยนสามารถหลบหนีไปได้จริงๆ?

 

เมื่อซูฉินออกจากการฝึกตน และพบว่านางไม่อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเวลานั้นจะเป็นวันตายของนางหรอกหรือ?

 

ฉับพลัน

 

ทันใดนั้นเอง

 

ซูฉินที่กําลังนั่งขัดสมาธิ ค่อยๆลืมตาขึ้น

 

ในส่วนลึกของดวงตา ดวงตะวันขนาดมหึมาที่กําลังแผดเผาลุกไหม้ได้ปรากฏขึ้น

 

ดวงตะวันขนาดมหึมาดวงนี้เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็พุ่งออกมาจากดวงตาของซูฉิน และโผล่ขึ้นไปอยู่เหนือหัวของเขา

 

กึ่งกลางของดวงตะวันขนาดมหึมานี้สามารถมองเห็นอีกาศักดิ์สิทธิ์สามขาได้รางๆมันกําลังโบยบินอย่างอิสรเสรี

 

ทุกครั้งที่อีกาสามขาสยายปีก เปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมา ราวกับจะแผดเผาทุกสิ่งเผาผลาญทุกอย่าง

 

“นี่คือ?”

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนบังเอิญหันมาเห็นฉากดังกล่าว ยืนนิ่งงันอยู่กับที่ในทันที

 

“นี่คืออีกาทองคําสามขาไม่ใช่หรือ?”

 

เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในใจของชิงชิวเฉียนเฉี่ยน

 

นางไม่เคยคิดฝันว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่แต่เพียงในบันทึก โบราณของเผ่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวจะมีอยู่จริง

 

ต้องรู้ว่าแม้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะอยู่เหนือกว่าภูตอสูรมาก แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็มีภูตอสูรมากมายที่มีร่องรอยสายเลือดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวอย่างไม่รู้ตัว

 

ตัวอย่างเช่น หากเผ่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวเติบโตจนมีเก้าหางและชําระสายเลือดของมันให้บริสุทธิ์มากที่สุด มันก็สามารถเข้าใกล้ระดับของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตํานานได้

 

น่าเสียดายที่จิ้งจอกอสูรเก้าหางนั้นหายากถึงขีดสุด แม้จะเป็นชิงชิวชิงหลิงที่ตกตายไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าจิ้งจอกสามหาง

 

ส่วนเก้าหางนั้น

 

บางทีมันอาจจะไม่มีอยู่เลยก็ได้

 

“เป็นไปได้ไหมว่านายท่านไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เป็นอีกาทองคําสามขา…” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนสงบใจลง และเริ่มใคร่ครวญอย่างรวดเร็ว

 

เพียงเท่านั้นใจของชิงชิวเฉียนเฉี่ยนก็รู้สึกสยดสยอง

 

ตอนนั้น ดวงตะวันขนาดมหึมา” ที่ลอยอยู่บนหัวซูฉินก็ค่อยๆกระจายออก เคลื่อนกลับมาที่ดวงตาของซูฉิน

 

“หลังจากที่เข้าใจภาพดวงตะวันขนาดมหึมาแล้ว เคล็ดเก้าสุริยันของข้าก็มีกลิ่นอายของดวงตะวันขนาดมหึมา ติดมาเล็กน้อย ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สี่และนภาชั้นที่ห้าจะไม่สามารถหยุดเปลวเพลิงแผดเผาของเคล็ดเก้าสุริยันได้”

ซูฉินลุกขึ้นโดยไม่รอช้า

 

แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถฝึกฝนดวงตะวันขนาดมหึมาได้ในขณะนี้ แต่เขาสามารถเพิ่มพลังของเคล็ดเก้าสุริยันจนสมบูรณ์ได้

 

“หลังจากที่ทําความเข้าใจจนนํามาปรับปรุงวิชาจนมีพลังตามที่เห็นได้เช่นนี้ หากฝึกฝนดวงตะวันขนาดมหึมาจริงๆ มันจะมีพลังขนาดไหนกันนะ?”

 

ซูฉินปล่อยลมหายใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกออกมา

 

“ผ่านไปหนึ่งวันแล้วอย่างนั้นหรือ?”

 

ซฉินเหลือบมองไปที่ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนซึ่งกําลังตกตะลึงอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก จากนั้นจึงหันกลับมามองแผ่นศิลาสีดําอีกครั้ง

 

“น่าเสียดายที่ไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ําได้อีกต่อไป”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าการลงชื่อเข้าใช้และ ได้รับ ‘ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์” จากระบบ ได้ใช้ “เต๋าสะสม” บนเกาะหยิงโจวไปจนหมดสิ้น และไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ซูฉินลงชื่อเข้าใช้ต่อไปได้

 

“อย่างไรเสีย คราวนี้ข้าได้รับ “ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มา ก็เรียกได้ว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าแล้ว”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย ดูพึงพอใจอย่างมาก

 

ซูฉินลงชื่อเข้าใช้มาหลายสิบปี เขาไม่เคยขาดแคลนโอสถและผลไม้จิตวิญญาณ เคล็ดวิชาวิเศษภายใน “ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์” เพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว สําหรับชดเชยสิ่งของจํานวนมากมายนับไม่ถ้วน

 

“ได้เวลาไปเยี่ยมถ้ําเซียนแห่งนั้นแล้ว”

 

เมื่อคิดได้ ซูฉินก็มองไปยังส่วนลึกของเกาะหยิงโจว

 

ตามการคาดเดาของเผ่าจิ้งจอกชิงชิว ถ้ําแห่งนั้นคือที่อยู่ของจ้าวทะเลบูรพาที่แท้จริง และตอนนี้ก็ผ่านไปหลายหมื่นปีแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีอะไรหลงเหลืออยู่ภายในนั้นบ้าง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+