เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 216 (II)

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 216 (II) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 216 (11)

 

“นายท่าน นอกจากร่างของจ้าวทะเลบูรพา สิ่งอื่นภายในถ้ําล้วนแต่หมดสภาพไม่มีเหลือแล้ว…”

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนมองดูขวดและไหบนพื้นชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความเสียดาย

 

ด้วยความแข็งแกร่งของจ้าวทะเลบูรพา โอสถวิเศษที่ทิ้งเอาไว้ภายในถ้ําจะต้องเป็นสิ่งหายากอย่างยิ่ง น่าเสียดายที่ในตอนนี้ โอสถทั้งหลายเหล่านี้ได้กลายเป็นเพียงเศษซากไร้ประโยชน์

 

“จะใช่เช่นนั้นจริงๆหรือ?”

 

ซูฉินไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของนาง

 

ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาในถ้ําแห่งนี้ ซูฉินรู้สึกว่าหลังจากผ่านไปนานหลายพันปี มันคงไม่สามารถเก็บรักษาสิ่งต่างๆไว้ได้

 

“ไม่ใช่หรอกหรือ?” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนกะพริบตา ใบหน้าสะสวยของนางเต็มไปด้วยความสับสน

 

ในตอนนี้ที่ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนได้รู้ว่าซูฉินจะไม่สังหารนาง ก็ทําให้นางโล่งใจมากขึ้น จนกล้าพูดคุยตอบโต้อย่างรวดเร็ว

 

“เจ้าคิดว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในถ้ําเชียนทั้งหมดนี้?”

 

ซูฉินยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวคําแฝงความนัยอันลึกซึ้ง

 

“อะไรคือสิ่งที่มีค่าที่สุด?” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนเหลือบมองขวดและไหที่วางระเกะระกะอยู่ จากนั้นสายตาจึงไปตกลงบน <<เทพวิชาเพลิงปฏิปักษ์>> ที่ซูฉินโยนทิ้งไว้ข้างๆ แต่ไม่กล้าพูดออกมา

 

“มันคือถ้ําเซียนแห่งนี้”

 

ซูฉินขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจชิงชิวเฉียนเฉี่ยน เขายกมือขวาขึ้นแล้วกดมือกระแทกลงไปด้านล่างอย่างรุนแรง

 

ในชั่วพริบตา พื้นถ้ํากระเบิดออกเผยให้เห็นโพรงมืดๆ

 

ในโพรงนั้น พลังงานปราณฉีมากมายรวมตัวกัน อัดแน่นจนเป็นตาน้ําพุ พลังงานมันทะลักออกมาทุกทิศทาง

 

เหตุผลที่พลังงานปราณฉีทั่วทั้งเกาะหยิงโจวมีอยู่อย่างมากมาย นอกเหนือไปจากค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ที่ตัดขาด จากโลกภายนอกคอยช่วยป้องกันการรั่วไหลของพลังงานแล้วนั้น สิ่งสําคัญที่สุดคือตาน้ําพุในที่แห่งนี้ที่คอยทด แทนพลังงานที่เสียไปภายในเกาะอยู่ตลอดเวลา

 

ไม่เช่นนั้น ด้วยพลังงานบนเกาะหยิงโจวที่มีปริมาณไม่ได้มากมายอะไรนัก จิ้งจอกตระกูลชิงชิวคงสูบกลืนจนหมดเกลี้ยงไปนานแล้ว จะมีพลังงานเหลือเฟือหลังจากผ่านมาเกือบหมื่นปีได้อย่างไร?

 

“ในตอนที่จ้าวทะเลบูรพาขึ้นไปทางตอนเหนือ เขาก็ได้พบตาน้ําพุจิตวิญญาณแห่งนี้ และพยายามอย่างเต็มที่ในการนํามันกลับมาไว้ใต้ถ้ํา”

 

รอยยิ้มเปี่ยมสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

 

น้ําพุจิตวิญญาณเกิดจากการรวมตัวของพลังงานปราณฉีจํานวนมาก โดยทั่วไปมันจะกําเนิดขึ้นเฉพาะช่วงรุ่งเรืองของกระแสปราณ

 

แม้ซูฉินจะพอรู้สึกได้ว่าเมื่อเข้ามาในถ้ํามีพลังงาน จํานวนมหาศาลผันผวนอยู่ใต้พื้นของถ้ําเซียน แต่เขาก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไรกันแน่

 

จนกระทั่งซูฉินค้นพบเกี่ยวกับตาน้ําพุจิตวิญญาณจากหยกที่จ้าวทะเลบูรพาได้ทิ้งเอาไว้

 

“นี่คือ?”

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ

 

นางไม่คิดว่าจะมีบางสิ่งอยู่ใต้ถ้ําเซียน และแม้ว่าชิงชิวเฉียนเฉี่ยนจะไม่รู้ว่าน้ําพุตรงหน้าตนคืออะไร แต่การที่นางได้อยู่กับมันเพียงชั่วขณะหนึ่ง นางก็รู้สึกว่าสบายเนื้อสบายตัว แม้แต่ฐานการบ่มเพาะก็เริ่มเพิ่มพูนขึ้นมาเสียอย่างนั้น

 

“นี่คือสมบัติที่แท้จริงของจ้าวทะเลบูรพา”

 

ดวงตาของซูฉินลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ

 

แน่นอนว่าสําหรับซูฉิน นอกเหนือจากตาน้ําพุจิตวิญญาณแล้ว โอกาสในการลงชื่อเข้าใช้ภายในถ้ําเซียนก็สําคัญไม่แพ้กัน หรือบางทีอาจจะสําคัญเกินกว่าตาน้ําพุจิตวิญญาณไปอีกก็เป็นได้

 

“น่าเสียดาย หลังจากที่ใช้มายาวนานกว่าหมื่นปี ตาน้ําพุจิตวิญญาณแห่งนี้ใกล้จะเหือดแห้งลงแล้ว” ซูฉินสายศีรษะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

หากตาน้ําพุจิตวิญญาณยังคงอยู่ในยุครุ่งเรืองของกระแสปราณฉี มันก็เพียงพอที่จะนําไปใช้เพื่อเพิ่มระดับพลังในระดับนภาชั้นที่แปดชั้นที่เก้าของซูฉิน และได้แม้กระทั่งขอบเขตเซียนเทพปฐพี

 

สาเหตุที่จ้าวทะเลบูรพากลับมาที่นี่ เพราะเขาต้องการพึ่งพาน้ําพุจิตวิญญาณเพื่อดํารงชีวิตต่อไป

 

พลังของเทพเจ้าปีศาจภายในส่วนลึกของโลกถ้ําปิศาจนั้น น่ากลัวจนเกินไป เพียงแค่ชําเลืองมองมา จ้าวทะเลบูรพาก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากสายตาของมัน ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ร้ายแรงเกือบถึงแก่ชีวิต

 

“อย่างไรก็ตาม ต่อให้มันใกล้จะเหือดแห้ง แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะใช้เพื่อก้าวเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่แปด”

 

ซูฉินประมาณการคร่าวๆ คํานวณในใจอย่างรวดเร็ว

 

จากการคํานวณในตอนแรกของเขา ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามปีเพื่อเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่แปด แต่ตอนนี้การมีน้ําพุจิตวิญญาณอยู่ก็ช่วยให้กระบวนการดังกล่าวสั้น ลงอย่างมาก

 

น้ําพุจิตวิญญาณไม่ใช่พลังงานฟ้าดิน

 

แต่เป็นพลังงานที่อยู่สูงกว่าพลังฟ้าดิน ซูฉินเคยดึงพลังงานทั้งหมดภายในเมืองฉางอัน เมื่อรวมกันแล้วได้พลัง งานขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น

 

แต่ยามนี้ เมื่อมองดูน้ําพุจิตวิญญาณตรงหน้า ไม่ว่ามันจะเดือดแห้งเพียงใด แต่ก็ยังหลั่งไหลออกมาราวกับน้ําพุ

 

ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทําให้ซูฉินกล้าที่จะมั่นใจว่าน้ําพุที่เกือบ จะเหือดแห้งนี้เพียงพอผลักดันให้เขาขึ้นสู่ระดับนภาชั้นที่แปด

 

“เจ้าออกไปก่อนเถอะ”

 

ซูฉินเหลือบมองชิงชิวเฉียนเฉี่ยนครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา

“เจ้าค่ะ” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนกล่าวด้วยความเคารพแล้ว จึงเดินออกจากถ้ํา

 

หลังจากชิงชิวเฉียนเฉี่ยนออกไปแล้ว ซูฉินก็นั่งขัดสมาธิ ด้านข้างของตาน้ําพุจิตวิญญาณเตรียมที่จะปิดด่านฝึกตน

 

“ในระหว่างช่วงปิดด่านฝึกตน ข้าสามารถลงชื่อเข้าใช้ที่นี่ได้ ดูซิว่าข้าจะได้รับโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์อีกครั้งหรือไม่”

 

ซูฉินเพียงคิด เม็ดโอสถที่ลุกไหม้ด้วยไฟอันร้อนแรงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าซูฉิน

 

“ไม่รู้ว่าโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์นี้จะสามารถจุดไฟบริเวณขอบของแผ่นหินได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่…”

 

ความคิดของซูฉินผันผวน

 

นอกจากบริเวณขอบของแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมาแล้ว ยังมีจุดแสงจํานวนนับพันที่กระจายอยู่ทั่วแผ่นหินภาพดวงตะวัน”

 

ตราบใดที่ซูฉินเติมเต็มจุดแสงเหล่านี้ได้ครอบคลุมครบถ้วน เขาสามารถนับได้ว่าเป็นผู้สําเร็จวิชาในภาพดวงตะวันขนาดมหึมา สามารถแปลงกายเป็นอีกาทองคําสามขาที่แท้จริงได้

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็มองไปที่เม็ดโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์ เปลวไฟที่ลุกท่วมเม็ดโอสถขนาดใหญ่เท่ากําปั้นก็ระเบิดออก กลายเป็นไอพลังธาตุไฟ ซึมหายเข้าไปในร่างของซูฉิน

 

ในขณะที่ซูฉินปิดด่านฝึกตน

 

ในต่างดินแดน

 

นิกายเฮยหยวนกําลังจะออกมา

 

มีหลายร่างกําลังเฝ้ารออยู่อย่างเงียบๆ

 

“หมิงโยววิญญาณยมโลกทําเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร?”

 

“ผู้นํานิกายของเจ้าให้พวกเราร่วมมือกันเข้าไปยังพื้นที่จุดตัด นี่เขาให้พวกเรารอมานานกว่าหนึ่งปีแล้วนะ ยังไม่ออกมาอีกหรือ?”

 

หญิงที่ดูเย็นชากล่าวคําออกมาด้วยน้ําเสียงเย็นเยียบ

 

ชื่อของนางคือเฉว่ยวี่ จากตําหนักเทพเจ้าหิมะ นางเป็นผู้อาวุโสตําหนักเทพเจ้าหิมะที่อายุน้อยที่สุด ในอนาคตถูกคาดหวังว่าจะกลายเป็นบุคคลผู้แข็งแกร่งระดับเยี่ยมยุทธ

 

“อย่าได้กังวลไปเลยสหายเต่เฉว่ยวี่ สหายเหมิงโยวกําลังอยู่ในช่วงปิดด่านฝึกตน พวกเรารอสักพักไม่เป็นอะไรหรอก”

 

ชายคนหนึ่งที่สะพายดาบยาวเปิดปากพูดออกมา

 

“รออีกสักพัก?”

 

เฉว่ยวี่เย้ยหยัน “เขาใช้เวลาของเขาได้ แล้วเวลาของข้าเล่า?”

 

ฉับพลัน

 

ในตอนนั้นเอง

 

เงามืดทะมึนร่างหนึ่งออกมาจากส่วนลึกของนิกายเฮยหยวน

 

เงานี้เหมือนกับซ่อนตัวอยู่ในชั้นบรรยากาศ เคลื่อนเข้ามาใกล้เฉว่ยวี่ และคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเงาดํานั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ในระยะสิบเมตร นักพรตที่สวมชุดคลุมแบบเต่ก็ดูเหมือนจะค้นพบบางอย่าง ขมวดคิ้ว แล้วตะโกนออกไป “นั่นใคร?”

 

คําที่กล่าวออกมา

 

คนอื่นก็สะดุ้งเล็กน้อย กวาดสายตามองไปรอบๆกันยกใหญ่

 

“เฮเฮ้”

 

เสียงแหบแห้งดังออกมา “ไม่ได้เจอกันหลายปี วิชาของสํานักเอกะวิถียังคงน่ารังเกียจเหมือนเดิม………..”

 

เพราะถูกเปิดเผยจากนักพรตเต๋ ร่างชายในชุดดํา จึงเดินออกมาอย่างช้าๆ

“หมิงโยววิญญาณยมโลก?”

 

ม่านตาของเฉว่ยวี่แห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะหดแคบลงเล็กน้อย

 

แม้นางจะแสดงออกว่าไม่สนใจหมิงโยวเลย แต่ในความเป็นจริงหมิงโยวหรือวิญญาณยมโลกแห่งนิกายเฮยหยวน ในฐานะตํานานยุทธแล้วนั้น มันใกล้เคียงกับตัวตนผู้เยี่ยมยุทธมากที่สุดในต่างดินแดน สามารถจินตนาการถึงพลังอํานาจที่ใช้ข่มเหงผู้คนได้ไม่ยาก

 

“ผู้นําได้กล่าวบอกแก่ข้าแล้ว”

 

หมิงโยวเพิกเฉยต่อความไม่พอใจของเฉว่ยวี่ หันมามองคนอื่นแล้วพูดเบาๆว่า “ตามหนังสือโบราณของนิกายเฮยหยวนของข้า บันทึกไว้ว่าพื้นที่จุดตัดในยุคล่าสุดที่มีการฟื้นฟูกระแสปราณจี้ตั้งอยู่ที่ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพา”

 

“ถ้าเป็นยามปกติจะมีค่ายกลขนาดใหญ่อยู่ที่ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพา และข้าจะไม่มีทางหาพบเลย”

 

“แต่ตอนนี้กระแสปราณฉีฟื้นกลับมาอีกครั้งและโลกนั้น ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาอาจจะเปิดเผยร่องรอยออกมา”

 

“ดังนั้น ก่อนที่จะเข้าสู่พื้นที่จุดตัดในครั้งนี้ ต้องหาถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาเสียก่อน”

 

หมิงโยวพูดทั้งหมดออกมาในคราวเดียว

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 216 (II)

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 216 (II) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 216 (11)

 

“นายท่าน นอกจากร่างของจ้าวทะเลบูรพา สิ่งอื่นภายในถ้ําล้วนแต่หมดสภาพไม่มีเหลือแล้ว…”

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนมองดูขวดและไหบนพื้นชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความเสียดาย

 

ด้วยความแข็งแกร่งของจ้าวทะเลบูรพา โอสถวิเศษที่ทิ้งเอาไว้ภายในถ้ําจะต้องเป็นสิ่งหายากอย่างยิ่ง น่าเสียดายที่ในตอนนี้ โอสถทั้งหลายเหล่านี้ได้กลายเป็นเพียงเศษซากไร้ประโยชน์

 

“จะใช่เช่นนั้นจริงๆหรือ?”

 

ซูฉินไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของนาง

 

ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาในถ้ําแห่งนี้ ซูฉินรู้สึกว่าหลังจากผ่านไปนานหลายพันปี มันคงไม่สามารถเก็บรักษาสิ่งต่างๆไว้ได้

 

“ไม่ใช่หรอกหรือ?” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนกะพริบตา ใบหน้าสะสวยของนางเต็มไปด้วยความสับสน

 

ในตอนนี้ที่ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนได้รู้ว่าซูฉินจะไม่สังหารนาง ก็ทําให้นางโล่งใจมากขึ้น จนกล้าพูดคุยตอบโต้อย่างรวดเร็ว

 

“เจ้าคิดว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในถ้ําเชียนทั้งหมดนี้?”

 

ซูฉินยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวคําแฝงความนัยอันลึกซึ้ง

 

“อะไรคือสิ่งที่มีค่าที่สุด?” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนเหลือบมองขวดและไหที่วางระเกะระกะอยู่ จากนั้นสายตาจึงไปตกลงบน <<เทพวิชาเพลิงปฏิปักษ์>> ที่ซูฉินโยนทิ้งไว้ข้างๆ แต่ไม่กล้าพูดออกมา

 

“มันคือถ้ําเซียนแห่งนี้”

 

ซูฉินขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจชิงชิวเฉียนเฉี่ยน เขายกมือขวาขึ้นแล้วกดมือกระแทกลงไปด้านล่างอย่างรุนแรง

 

ในชั่วพริบตา พื้นถ้ํากระเบิดออกเผยให้เห็นโพรงมืดๆ

 

ในโพรงนั้น พลังงานปราณฉีมากมายรวมตัวกัน อัดแน่นจนเป็นตาน้ําพุ พลังงานมันทะลักออกมาทุกทิศทาง

 

เหตุผลที่พลังงานปราณฉีทั่วทั้งเกาะหยิงโจวมีอยู่อย่างมากมาย นอกเหนือไปจากค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ที่ตัดขาด จากโลกภายนอกคอยช่วยป้องกันการรั่วไหลของพลังงานแล้วนั้น สิ่งสําคัญที่สุดคือตาน้ําพุในที่แห่งนี้ที่คอยทด แทนพลังงานที่เสียไปภายในเกาะอยู่ตลอดเวลา

 

ไม่เช่นนั้น ด้วยพลังงานบนเกาะหยิงโจวที่มีปริมาณไม่ได้มากมายอะไรนัก จิ้งจอกตระกูลชิงชิวคงสูบกลืนจนหมดเกลี้ยงไปนานแล้ว จะมีพลังงานเหลือเฟือหลังจากผ่านมาเกือบหมื่นปีได้อย่างไร?

 

“ในตอนที่จ้าวทะเลบูรพาขึ้นไปทางตอนเหนือ เขาก็ได้พบตาน้ําพุจิตวิญญาณแห่งนี้ และพยายามอย่างเต็มที่ในการนํามันกลับมาไว้ใต้ถ้ํา”

 

รอยยิ้มเปี่ยมสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

 

น้ําพุจิตวิญญาณเกิดจากการรวมตัวของพลังงานปราณฉีจํานวนมาก โดยทั่วไปมันจะกําเนิดขึ้นเฉพาะช่วงรุ่งเรืองของกระแสปราณ

 

แม้ซูฉินจะพอรู้สึกได้ว่าเมื่อเข้ามาในถ้ํามีพลังงาน จํานวนมหาศาลผันผวนอยู่ใต้พื้นของถ้ําเซียน แต่เขาก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไรกันแน่

 

จนกระทั่งซูฉินค้นพบเกี่ยวกับตาน้ําพุจิตวิญญาณจากหยกที่จ้าวทะเลบูรพาได้ทิ้งเอาไว้

 

“นี่คือ?”

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ

 

นางไม่คิดว่าจะมีบางสิ่งอยู่ใต้ถ้ําเซียน และแม้ว่าชิงชิวเฉียนเฉี่ยนจะไม่รู้ว่าน้ําพุตรงหน้าตนคืออะไร แต่การที่นางได้อยู่กับมันเพียงชั่วขณะหนึ่ง นางก็รู้สึกว่าสบายเนื้อสบายตัว แม้แต่ฐานการบ่มเพาะก็เริ่มเพิ่มพูนขึ้นมาเสียอย่างนั้น

 

“นี่คือสมบัติที่แท้จริงของจ้าวทะเลบูรพา”

 

ดวงตาของซูฉินลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ

 

แน่นอนว่าสําหรับซูฉิน นอกเหนือจากตาน้ําพุจิตวิญญาณแล้ว โอกาสในการลงชื่อเข้าใช้ภายในถ้ําเซียนก็สําคัญไม่แพ้กัน หรือบางทีอาจจะสําคัญเกินกว่าตาน้ําพุจิตวิญญาณไปอีกก็เป็นได้

 

“น่าเสียดาย หลังจากที่ใช้มายาวนานกว่าหมื่นปี ตาน้ําพุจิตวิญญาณแห่งนี้ใกล้จะเหือดแห้งลงแล้ว” ซูฉินสายศีรษะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

หากตาน้ําพุจิตวิญญาณยังคงอยู่ในยุครุ่งเรืองของกระแสปราณฉี มันก็เพียงพอที่จะนําไปใช้เพื่อเพิ่มระดับพลังในระดับนภาชั้นที่แปดชั้นที่เก้าของซูฉิน และได้แม้กระทั่งขอบเขตเซียนเทพปฐพี

 

สาเหตุที่จ้าวทะเลบูรพากลับมาที่นี่ เพราะเขาต้องการพึ่งพาน้ําพุจิตวิญญาณเพื่อดํารงชีวิตต่อไป

 

พลังของเทพเจ้าปีศาจภายในส่วนลึกของโลกถ้ําปิศาจนั้น น่ากลัวจนเกินไป เพียงแค่ชําเลืองมองมา จ้าวทะเลบูรพาก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากสายตาของมัน ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ร้ายแรงเกือบถึงแก่ชีวิต

 

“อย่างไรก็ตาม ต่อให้มันใกล้จะเหือดแห้ง แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะใช้เพื่อก้าวเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่แปด”

 

ซูฉินประมาณการคร่าวๆ คํานวณในใจอย่างรวดเร็ว

 

จากการคํานวณในตอนแรกของเขา ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามปีเพื่อเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่แปด แต่ตอนนี้การมีน้ําพุจิตวิญญาณอยู่ก็ช่วยให้กระบวนการดังกล่าวสั้น ลงอย่างมาก

 

น้ําพุจิตวิญญาณไม่ใช่พลังงานฟ้าดิน

 

แต่เป็นพลังงานที่อยู่สูงกว่าพลังฟ้าดิน ซูฉินเคยดึงพลังงานทั้งหมดภายในเมืองฉางอัน เมื่อรวมกันแล้วได้พลัง งานขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น

 

แต่ยามนี้ เมื่อมองดูน้ําพุจิตวิญญาณตรงหน้า ไม่ว่ามันจะเดือดแห้งเพียงใด แต่ก็ยังหลั่งไหลออกมาราวกับน้ําพุ

 

ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทําให้ซูฉินกล้าที่จะมั่นใจว่าน้ําพุที่เกือบ จะเหือดแห้งนี้เพียงพอผลักดันให้เขาขึ้นสู่ระดับนภาชั้นที่แปด

 

“เจ้าออกไปก่อนเถอะ”

 

ซูฉินเหลือบมองชิงชิวเฉียนเฉี่ยนครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา

“เจ้าค่ะ” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนกล่าวด้วยความเคารพแล้ว จึงเดินออกจากถ้ํา

 

หลังจากชิงชิวเฉียนเฉี่ยนออกไปแล้ว ซูฉินก็นั่งขัดสมาธิ ด้านข้างของตาน้ําพุจิตวิญญาณเตรียมที่จะปิดด่านฝึกตน

 

“ในระหว่างช่วงปิดด่านฝึกตน ข้าสามารถลงชื่อเข้าใช้ที่นี่ได้ ดูซิว่าข้าจะได้รับโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์อีกครั้งหรือไม่”

 

ซูฉินเพียงคิด เม็ดโอสถที่ลุกไหม้ด้วยไฟอันร้อนแรงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าซูฉิน

 

“ไม่รู้ว่าโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์นี้จะสามารถจุดไฟบริเวณขอบของแผ่นหินได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่…”

 

ความคิดของซูฉินผันผวน

 

นอกจากบริเวณขอบของแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมาแล้ว ยังมีจุดแสงจํานวนนับพันที่กระจายอยู่ทั่วแผ่นหินภาพดวงตะวัน”

 

ตราบใดที่ซูฉินเติมเต็มจุดแสงเหล่านี้ได้ครอบคลุมครบถ้วน เขาสามารถนับได้ว่าเป็นผู้สําเร็จวิชาในภาพดวงตะวันขนาดมหึมา สามารถแปลงกายเป็นอีกาทองคําสามขาที่แท้จริงได้

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็มองไปที่เม็ดโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์ เปลวไฟที่ลุกท่วมเม็ดโอสถขนาดใหญ่เท่ากําปั้นก็ระเบิดออก กลายเป็นไอพลังธาตุไฟ ซึมหายเข้าไปในร่างของซูฉิน

 

ในขณะที่ซูฉินปิดด่านฝึกตน

 

ในต่างดินแดน

 

นิกายเฮยหยวนกําลังจะออกมา

 

มีหลายร่างกําลังเฝ้ารออยู่อย่างเงียบๆ

 

“หมิงโยววิญญาณยมโลกทําเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร?”

 

“ผู้นํานิกายของเจ้าให้พวกเราร่วมมือกันเข้าไปยังพื้นที่จุดตัด นี่เขาให้พวกเรารอมานานกว่าหนึ่งปีแล้วนะ ยังไม่ออกมาอีกหรือ?”

 

หญิงที่ดูเย็นชากล่าวคําออกมาด้วยน้ําเสียงเย็นเยียบ

 

ชื่อของนางคือเฉว่ยวี่ จากตําหนักเทพเจ้าหิมะ นางเป็นผู้อาวุโสตําหนักเทพเจ้าหิมะที่อายุน้อยที่สุด ในอนาคตถูกคาดหวังว่าจะกลายเป็นบุคคลผู้แข็งแกร่งระดับเยี่ยมยุทธ

 

“อย่าได้กังวลไปเลยสหายเต่เฉว่ยวี่ สหายเหมิงโยวกําลังอยู่ในช่วงปิดด่านฝึกตน พวกเรารอสักพักไม่เป็นอะไรหรอก”

 

ชายคนหนึ่งที่สะพายดาบยาวเปิดปากพูดออกมา

 

“รออีกสักพัก?”

 

เฉว่ยวี่เย้ยหยัน “เขาใช้เวลาของเขาได้ แล้วเวลาของข้าเล่า?”

 

ฉับพลัน

 

ในตอนนั้นเอง

 

เงามืดทะมึนร่างหนึ่งออกมาจากส่วนลึกของนิกายเฮยหยวน

 

เงานี้เหมือนกับซ่อนตัวอยู่ในชั้นบรรยากาศ เคลื่อนเข้ามาใกล้เฉว่ยวี่ และคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเงาดํานั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ในระยะสิบเมตร นักพรตที่สวมชุดคลุมแบบเต่ก็ดูเหมือนจะค้นพบบางอย่าง ขมวดคิ้ว แล้วตะโกนออกไป “นั่นใคร?”

 

คําที่กล่าวออกมา

 

คนอื่นก็สะดุ้งเล็กน้อย กวาดสายตามองไปรอบๆกันยกใหญ่

 

“เฮเฮ้”

 

เสียงแหบแห้งดังออกมา “ไม่ได้เจอกันหลายปี วิชาของสํานักเอกะวิถียังคงน่ารังเกียจเหมือนเดิม………..”

 

เพราะถูกเปิดเผยจากนักพรตเต๋ ร่างชายในชุดดํา จึงเดินออกมาอย่างช้าๆ

“หมิงโยววิญญาณยมโลก?”

 

ม่านตาของเฉว่ยวี่แห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะหดแคบลงเล็กน้อย

 

แม้นางจะแสดงออกว่าไม่สนใจหมิงโยวเลย แต่ในความเป็นจริงหมิงโยวหรือวิญญาณยมโลกแห่งนิกายเฮยหยวน ในฐานะตํานานยุทธแล้วนั้น มันใกล้เคียงกับตัวตนผู้เยี่ยมยุทธมากที่สุดในต่างดินแดน สามารถจินตนาการถึงพลังอํานาจที่ใช้ข่มเหงผู้คนได้ไม่ยาก

 

“ผู้นําได้กล่าวบอกแก่ข้าแล้ว”

 

หมิงโยวเพิกเฉยต่อความไม่พอใจของเฉว่ยวี่ หันมามองคนอื่นแล้วพูดเบาๆว่า “ตามหนังสือโบราณของนิกายเฮยหยวนของข้า บันทึกไว้ว่าพื้นที่จุดตัดในยุคล่าสุดที่มีการฟื้นฟูกระแสปราณจี้ตั้งอยู่ที่ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพา”

 

“ถ้าเป็นยามปกติจะมีค่ายกลขนาดใหญ่อยู่ที่ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพา และข้าจะไม่มีทางหาพบเลย”

 

“แต่ตอนนี้กระแสปราณฉีฟื้นกลับมาอีกครั้งและโลกนั้น ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาอาจจะเปิดเผยร่องรอยออกมา”

 

“ดังนั้น ก่อนที่จะเข้าสู่พื้นที่จุดตัดในครั้งนี้ ต้องหาถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาเสียก่อน”

 

หมิงโยวพูดทั้งหมดออกมาในคราวเดียว

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+