เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 218 ทะลวงด่าน! นภาชั้นที่แปด!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 218 ทะลวงด่าน! นภาชั้นที่แปด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 218 ทะลวงด่าน! นภาชั้นที่แปด!

 

ห่างจากเมืองอินจีหลายสิบลี้

 

ดวงตาของซูฉินลุกเป็นไฟ ความคิดแปรเปลี่ยนผันไม่หยุด

 

สําหรับซูฉิน เมื่อเขาฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมา จะสามารถแปลงกายเป็นอีกาทองคําสามขาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่งแม้แต่อีกาทองคําสามขาวัยเยาว์ก็เพียงพอแล้วที่จะสามารถเอาชนะเซียนเทพปฐพีได้

 

น่าเสียดาย…..

 

แม้จะไม่มีคอขวดในการฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมาแต่ทรัพยากรที่จําเป็นต้องใช้ก็มากมายดุจขุนเขาและทะเลกว้าง

 

แน่นอนว่าเมื่อซูฉินสําเร็จวิชาในภาพดวงตะวันขนาดมหึมาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งในโลกใบนี้

 

เดิมที่ซูฉินก็กําลังคิดที่จะเสาะหาสถานที่ที่มีพลังงานธาตุไฟเพียงพอสําหรับการลงชื่อเข้าใช้เพื่อนํามาเตรียมการสําหรับบ่มเพาะวิชาในภาพดวงตะวันขนาดมหึมา

 

ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมา เมื่อพบเมืองอินจี่แห่งนี้จะไม่ให้มีความสุขได้อย่างไร?

 

“นายท่าน”

 

“เจ้าเมืองอินจีนําราชาปีศาจใต้อาณัติไปด้วยเป็นจํานวนมากและทุกคนล้วนตกตายอยู่นอกเมืองเมฆาปีศาจเมืองอินจี้จึงไม่ควรมีผู้ที่แข็งแกร่งในยามนี้…”

 

โม่จีกล่าวคําออกมาอย่างระมัดระวังอยู่ด้านข้าง

 

“เข้าใจแล้ว”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วจึงมุ่งหน้าไปยังเมืองอินจี้

 

หลังจากออกจากเมืองเมฆาปีศาจ ซูฉินไม่ได้มุ่งตรงไปยังเมืองอินจีในทันที แต่เดินดูทัศนียภาพรอบๆดินแดนโม่ฮวาแทนมองดูว่ามีสถานที่อื่นใดที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้บ้างหลังจากเดินทางอย่างไม่รีบร้อนอยู่นานกว่าหนึ่งปีจึงมาถึงเมีองอินในที่สุด

เมื่อโม่จีเห็นซูฉินเดินหน้าเข้าไปก็ตามติดไปในทันที

 

ไม่นาน

 

ซูฉินก็ถึงด้านหน้าของเมืองอินจี้

 

เมื่อเทียบกับเมืองเมฆาปีศาจแล้ว เมืองอินจี้มีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่ามากแม้ว่าเจ้าเมืองอินจไม่ได้กลับมาเป็นเวลานานแต่ก็ยังมีปีศาจจํานวนมากเข้าออกเมืองอยู่ทุกวัน

 

“ราชาปีศาจแปดตน?”

 

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะเหลือบมองผ่านๆจึงรู้รายละเอียดภายในเมืองอินจี้ในยามนี้

 

ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองอินจีมีราชาปีศาจอยู่แค่แปดตนที่คอยประจําการและราชาปีศาจทั้งแปดนี้ก็เป็นปีศาจที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตราชาปีศาจไม่นานมานี้เอง

 

ซูฉินปรากฏตัวอยู่หน้าเมืองอินจี้และไม่ได้ปิดบังตัวตนในไม่ช้าปีศาจกลุ่มหนึ่งก็รีบพุ่งออกจากเมืองอินจี้ มายืนต่อหน้าซูฉินและกล่าวด้วยความเคารพ

 

“พวกเรารอท่านอยู่แล้ว เจ้าเมืองเมฆาปีศาจ”

 

ซฉินสังหารเจ้าเมืองอินจี่และราชาปีศาจจํานวนมากที่นอกเมืองเมฆาปีศาจมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว และข่าวนี้ก็กระ จายไปทั่วดินแดนโม่ฮวาแน่นอนว่าเมืองอินได้ทราบข่าว นี้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ

 

ดังนั้นในปีที่ผ่านมา ราชาปีศาจที่เหลืออยู่ภายในเมืองอินจี้จึงเฝ้ากังวลทั้งวันทั้งคืนเพราะกลัวว่าซูฉินจะบุกมาอย่างกะทันหันและเข่นฆ่าพวกมันทีละคนเช่นเดียวกับที่ทํากับเจ้าเมืองอิน

 

ดังนั้น

 

ราชาปีศาจเหล่านี้จึงออกคําสั่งตั้งแต่ช่วงแรกๆให้ปีศาจเฝ้าประตูบางตนรับหน้าที่พิเศษ คอยตรวจสอบด้านนอกเมืองเมื่อมีร่างใดที่คล้ายคลึงซูฉินให้รีบแจ้งพว กมันในทันที

 

“โอ้?”

 

“เจ้ารู้จักข้ารึ?”

 

ซูฉินเหลือบมองไปที่ราชาปีศาจตนที่กําลังทําความเคารพแล้วจึงกล่าวออกมาอย่างสบายๆ

 

“ความเกรียงไกรของท่านเจ้าเมืองได้แผ่ไปทั่วดินแดนโม่ฮวาจะมีปีศาจตนใดไม่รู้กัน?” ราชาปีศาจตนนั้นกล่าวด้วยความนอบน้อม “ข้ามาที่นี่เพื่อรอท่านเจ้าเมืองมาประจํา การเมืองอินจี้”

 

“เจ้าเป็นคนฉลาดนะ”

 

ซูฉินเหลือบตามองปีศาจที่อยู่ตรงหน้าแล้วเดินอย่างช้าๆเข้าไปในเมืองอินจี่

 

เมื่อซูฉินเข้าไป ราชาปีศาจตนที่ออกมาพบรู้สึกโล่งใจอย่างมาก สิ่งที่พวกมันกลัวที่สุดคือซูฉินเข้ามาโจมตีพวกตนโดยไม่เจรจาพูดคุยอะไรสักคํา

 

หากเป็นดังเช่นที่กล่าวมา พวกมันไม่มีโอกาสยอมจํานนเสียด้วยซ้ํา

 

แต่เมื่อซูฉินปล่อยให้พวกมันมีชีวิตรอด ตราบใดที่ไม่ฆ่าตัวตายก็ไม่ควรจะมีอันตรายใดเกิดขึ้น

 

“ฮ่าฮ่า…”

 

โม่จีเหลือบมองไปที่ราชาปีศาจในเมืองอินจี้ จู่ๆ ก็ผุดความรู้สึกถึงวิกฤตบางอย่างในใจ

 

ในเวลาต่อมา

 

โม่จีและราชาปีศาจทั้งหลายต่างก็ตามซูฉินไปอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อพวกเขาไปกันหมดแล้ว

 

ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นนอกเมืองอิน

 

ปีศาจจํานวนมากที่กําลังเดินทางเข้าออกต่างตกตะลึงนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นราชาปีศาจในเมืองอินจี้กล่าวคําอย่างแผ่วเบาเมื่อเผชิญหน้ากับซูฉินราชาปีศาจเหล่านี้ แทบจะคุกเข่าลงไปเบื้องหน้าซูฉินอยู่แล้ว

 

“ยิ้ม”

 

“พวกเจ้าจะไปรู้อะไร?”

 

“คนเมื่อครู่เป็นเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ เป็นมหาอํานาจไร้เปรียบที่สังหารเจ้าเมืองอินจีไป!”

 

ปีศาจที่จําซูฉินได้อย่างแม่นยําก็ลดเสียงลดพร้อมกับกล่าวบอกออกมา

 

“อะไรนะ?”

 

“เขาคือเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ?”

 

เมื่อปีศาจที่เหลือได้ยินสิ่งนี้ รูม่านตาของพวกมันก็หดตัวลงทันทีใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความรู้สึกสยดสยอง

 

แม้ว่าพวกมันไม่สามารถจําซูฉินได้ในทันทีแต่พวกมันจะไม่เคยได้ยินความเกรียงไกรของซูฉินได้เช่นไร?

 

ในฐานะที่เจ้าเมืองอินจี้เป็นผู้มีอํานาจในรัศมีหนึ่งล้านนี้กลับตกตายอย่างกะทันหัน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว

 

“นี่ แล้วเราควรจะทําเช่นไร?”

 

“เจ้าเมืองเมฆาปีศาจผู้นี้คงไม่ได้ชอบเข่นฆ่าสังหารมากนักหรอกใช่ไหม?”

 

ปีศาจขี้ขลาดตาขาวอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

 

“ควรทําเช่นไร?”

 

ปีศาจอีกตนส่งเสียงขู่คําราม “ถ้าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจต้องการเข่นฆ่าจริงๆ เจ้าจะทําอะไรได้?”

 

“มิผิด แม้ว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจจะเด็ดขาด แต่เขาคงจะดูแคลนการสังหารผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่เช่นนั้นเมืองเมฆาปีศาจคงจะกลายเป็นเมืองร้างไปเสียนานแล้ว”

 

ปีศาจตัวที่สามพยักหน้าแล้วกล่าวคําตามที่คิด

 

“อย่างไรก็ตาม เมืองอินจี่ของข้าคราวนี้ มีตัวตนที่ยิ่งใหญ่อยู่จริงๆ…” ปีศาจที่พูดออกมาตนแรกก็ถอนหายใจออกมาด้วยเสียงแหบต่ํา

 

ปีศาจตนที่เหลือต่างนิ่งเงียบ แสดงออกถึงความหวาดกล้ว

 

ขณะที่เมืองอินจี่กําลังตกอยู่ในความวุ่นวายเพราะการมาถึงของซูฉิน

ซูฉินก็มาถึงห้องโถงใหญ่ของเมืองเรียบร้อยแล้ว และราชาปีศาจทั้งหมดก็กําลังรออยู่นอกห้องโถงใหญ่รวมถึงโม่จีด้วย

 

“พวกเจ้าออกไปก่อน”

 

“ถ้านายท่านมีอะไรเรียกใช้ ข้าจะแจ้งให้พวกเจ้าทราบ”โม่จีเหลือบมองไปที่ราชาปีศาจทั้งหลายอย่างไม่สบายใจแล้วจึงพูดออกไป

 

“ขอรับ”

 

ราชาปีศาจมองหน้ากัน แล้วจึงโค้งคํานับก่อนจากไป

 

และในตอนนี้

 

ที่ส่วนลึกของโถงใหญ่ในเมือง

 

ต้นไม้เก่าแก่กําลังแกว่งไกวไปมา มีแสงระยิบระยับเปล่งประกายซึ่งดูพิเศษอย่างมาก

 

เมื่อเทียบกับต้นไม้โบราณในเมืองเมฆาปีศาจ กิ่งก้านและใบของต้นไม้ในเมืองอินจี้นั้นมีสีแดงจางๆ และบรรยากาศที่กระจายออกมาค่อนข้างเร่าร้อนแผดเผา

 

“กิ่งก้านของต้นไม้ปีศาจโบราณนั้นแตกต่างกันมากถึงเพียงนี้”

 

ซูฉันยืนอยู่ใต้ต้นไม้โบราณด้วยสีหน้าครุ่นคิด

 

ต้นไม้โบราณในเมืองอินจี้ยังคงเป็นกิ่งก้านของต้นไม้ปีศาจโบราณในส่วนลึกของโลกนี้ แต่ด้วยเหตุผลใดไม่อาจทราบได้ทําให้ต้นไม้โบราณมีลักษณะเช่นนี้

 

“มันเป็นเพราะภูเขาไฟข้างใต้ หรือเพราะต้นปีศาจโบราณจริงๆแล้วแบ่งตามธาตุมีทั้งทอง ไม้ น้ํา ไฟและดิน?”

 

ซูฉินแตะปลายคาง ความคิดผันผวนไปมา

 

“เอาล่ะ”

 

“อย่าเพิ่งไปคิดมากเลย”

 

“แค่ลงชื่อเข้าใช้แล้วลองดู”

 

ซูฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดออกมาภายในใจ“ระบบลงชื่อเข้าใช้”

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จได้รับโอสถปีศาจเพลิงสีชาด” ]

 

เสียงจักรกลไร้อารมณ์ดังอยู่ในหูของซูฉิน

 

“โอสถปีศาจเพลิงสีชาด?”

 

ซูฉินผสานจิตเข้ากับคลังระบบด้วยความรวดเร็วพบเม็ดโอสถสีแดงปรากฏขึ้นที่มุมหนึ่งของคลัง

 

โอสถปีศาจเพลิงสีชาดนี้ ในแง่ของไอพลังเพียงอย่างเดียวไม่ได้ดีเท่ากับโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์ แต่ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก

 

สิ่งที่ทําให้ซูฉันรู้สึกว่าที่นี่ดีกว่าคือจํานวนครั้งในลงชื่อเข้าใช้น่าจะมากกว่าที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้จากถ้ําเซียนบนเกาะหยิงโจว

 

ดูจากต้นไม้โบราณในเมืองเมฆาปีศาจ ซูฉินสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้เป็นเวลาหลายปี ยิ่งกว่านั้นเมืองอินจี้ยังมีขนาดใหญ่กว่าเมืองเมฆาปีศาจมากมิใช่หรือ?

 

“ไม่เลวไม่เลว”

 

“บางที่ความหวังในการสําเร็จวิชาภาพดวงตะวันขนาดมที่มาของข้าอาจจะอยู่ที่นี่แล้ว”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉินยิ่งคิดก็ยิ่งพึงพอใจ

 

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะปิดด่านฝึกตนที่นี่และลงชื่อเข้าใช้ต่อไป”

 

ซูฉันคิดตัดสินใจ และแจ้งโม่จีที่อยู่ด้านนอกโดยตรงด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นจึงนั่งขัดสมาธิ เข้าสู่ห้วงบ่มเพาะ

 

เกาะหยิ่งโจว

 

ภายในถ้ําเซียน

 

ลมหายใจของซูฉินค่อยๆ สงบลง

 

“ในที่สุดระดับนภาชั้นที่เจ็ดก็มาถึงจุดสูงสุดแล้วและยามนี้ข้าก็พร้อมที่จะทะลวงไปสู่นภาชั้นที่แปด”

 

ซูฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ครุ่นคิดภายในใจอย่างรวดเร็ว

 

“การขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของนภาชั้นที่เจ็ด มันใช้น้ําพุจิตวิญญาณไปถึงหนึ่งในสิบ ที่เหลือนี่ก็คงเพียงพอให้ข้าทะลวงเข้าสู่นภาชั้นที่แปดได้”

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ คิดอยู่กับตนเอง

 

“น้ําพุจิตวิญญาณนี้ช่วยให้ข้าย่นระยะเวลาในการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงไปได้ถึงห้าปี”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

 

การฝึกฝนวิทยายุทธ โดยเฉพาะในขอบเขตตํานานยุทธมันไม่ใช่เพียงแค่การกลืนกินพลังงานฟ้าดินเท่านั้น

 

พลังฟ้าดินมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งบนโลก แม้แต่ช่วงที่กระแสปราณฉีเดือดแห้งก็ยังมีพลังฟ้าดินมากมาย แต่สําหรับตํานานยุทธผู้ทรงพลังพลังฟ้าดินก็ช่วยเพียงแค่ชดเชยพลังที่สูญเสียไปในแต่ละวันเท่านั้นไม่สามารถคาดหวังไปไกลได้ มากกว่านั้น

 

ตํานานยุทธที่ต้องการจะทะลวงขั้นนั้น นอกจากจะต้องเข้าใจความเป็นไปของโลกแล้ว สิ่งที่สําคัญที่สุดคือจิตใจแห่งฟ้าดิน

 

จิตใจแห่งฟ้าดินจะปรากฏขึ้นจํานวนมากในช่วงกระแสปราณฉีฟื้นคืนเท่านั้น และน้ําพุจิตวิญญาณคือการรวมตัวกันของจิตใจแห่งฟ้าดินจํานวนนับไม่ถ้วน

 

แม้แต่ในช่วงรุ่งเรืองของกระแสปราณฉีก็ยังมีจิตใจแห่งฟ้าดินไม่มากนักที่จ้าวทะเลบูรพาสามารถหามันพบได้ไม่ใช่

ดีอีกด้วย

 

มิฉะนั้น ถึงแม้จะมีพลังที่สามารถทําลายล้างโลกได้ทั้งใบหากแต่หาน้ําพุจิตวิญญาณไม่เจอจะไปมีประโยชน์อันใด?

 

“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้าได้เข้าใจเคล็ดวิชาจํานวนมากในหลายมุมของโลก ฐานการบ่มเพาะก็ได้รับการสะสมอย่างเพียงพอการที่จะทะลวงขั้นเพื่อให้ก้าวหน้า ต่อไปก็เป็นเรื่องเหมาะสมอย่างยิ่ง”

 

ความคิดของซูฉินผันผวน และความรู้สึกที่จะต้องลงมือทําอะไรสักอย่างก็ผุดขึ้นในใจ

 

ในขณะที่กระแสปราณฉียังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจะมีผู้แข็งแกร่งปรากฏมากยิ่งขึ้นเช่นกันอาทิในยุทธภพต่างแดนและเกาะหยิงโจวนอกจากนี้ยังมีสถานที่ลับต่างๆ ที่มี มาตั้งแต่ยุคสมัยกระแสปราณฉีเฟื่องฟูครั้งล่าสุด

 

แม้ว่าซูฉินจะยังคงอยู่ยงคงกระพันไม่ต้องกลัวสิ่งใดแต่ก็มีกังวลในข้อผิดพลาดต่างๆ อยู่ดี

 

ตัวอย่างเช่น ชิงชิวชิงหลิงซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวแม้ดูเหมือนซูฉินจะสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้ด้วยหมัดเดียว

 

แต่ที่จริงแล้ว หากว่านี่เป็นบรรพบุรุษของจิ้งจอกตระกูลชิงชิวที่แข็งแกร่งกว่านี้หลายพันเท่า คงเป็นเรื่องยากที่ซูฉินจะสังหารได้ด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว

 

“ต้องทรงพลังให้มากขึ้นไปอีก”

 

“หากข้าบรรลุถึงระดับเดียวกับองค์ยูไลได้ สัตว์ร้ายหรือปีศาจใดในโลกก็จะมิอาจแผ้วพาน”

 

ซูฉินหลับตาลงอีกครั้ง ไอพลังในร่างยังคงกลั่นตัวต่อไปเรื่อยๆ และน้ําพุจิตวิญญาณก็กลายเป็นจิตใจฟ้าดินจํานวนนับไม่ถ้วนไหลบ่าเข้าสู่ร่างของซูฉิน

 

ในเวลาเดียวกัน

 

สุดปลายขอบของทะเลบูรพา

 

หมิงโยว วิญญาณยมโลกจากนิกายเฮยหยวน และเหล่าผู้อาวุโสของนิกายใหญ่ต่างดินแดนก็เดินทางมาถึงที่นี่

 

“ตามข้อมูลที่ได้รับมาจากนิกายเฮยหยวน ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาอยู่ในพื้นที่ทะเลแถบนี้”

 

ท่าทีของชายในชุดคลุมสีดําดูดีอกดีใจ

 

“ทะเลแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาอยู่ที่ไหน” เฉวยวี่ผู้อาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะเลิกคิ้วขึ้น

 

คนอื่นก็พยักหน้าตามเล็กน้อย

 

จริงดังว่า

 

ทะเลบูรพามีขนาดใหญ่จนเกินไป

 

ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาจะต้องห้อมล้อมด้วยค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่หลีกเลี่ยงการจับสัมผัสของจิตสัม ผัสศักดิ์สิทธิ์พวกเขาจําเป็นจะต้องหาทั่วทะเลบูรพาทุกตา รางนิ้วหรือไม่?

 

หากเป็นเช่นนั้น แม้ด้วยความเร็วของตํานานยุทธก็ต้องใช้เวลานานหลายร้อยปีในการค้นหาจนทั่วทะเลบูรพาทั้งหมด

 

“สบายใจได้”

วิญญาณยมโลกในชุดคลุมสีดําเหลือบมองคนอื่นๆแล้วพูดเบาๆว่า “ข้ามีวิธีการลับ ตราบใดที่เข้าไปใกล้ถ้ําเซียนภายในรัศมีหนึ่งลี้ข้าจะสามารถจับตําแหน่งที่แน่นอน ได้”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 218 ทะลวงด่าน! นภาชั้นที่แปด!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 218 ทะลวงด่าน! นภาชั้นที่แปด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 218 ทะลวงด่าน! นภาชั้นที่แปด!

 

ห่างจากเมืองอินจีหลายสิบลี้

 

ดวงตาของซูฉินลุกเป็นไฟ ความคิดแปรเปลี่ยนผันไม่หยุด

 

สําหรับซูฉิน เมื่อเขาฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมา จะสามารถแปลงกายเป็นอีกาทองคําสามขาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่งแม้แต่อีกาทองคําสามขาวัยเยาว์ก็เพียงพอแล้วที่จะสามารถเอาชนะเซียนเทพปฐพีได้

 

น่าเสียดาย…..

 

แม้จะไม่มีคอขวดในการฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมาแต่ทรัพยากรที่จําเป็นต้องใช้ก็มากมายดุจขุนเขาและทะเลกว้าง

 

แน่นอนว่าเมื่อซูฉินสําเร็จวิชาในภาพดวงตะวันขนาดมหึมาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งในโลกใบนี้

 

เดิมที่ซูฉินก็กําลังคิดที่จะเสาะหาสถานที่ที่มีพลังงานธาตุไฟเพียงพอสําหรับการลงชื่อเข้าใช้เพื่อนํามาเตรียมการสําหรับบ่มเพาะวิชาในภาพดวงตะวันขนาดมหึมา

 

ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมา เมื่อพบเมืองอินจี่แห่งนี้จะไม่ให้มีความสุขได้อย่างไร?

 

“นายท่าน”

 

“เจ้าเมืองอินจีนําราชาปีศาจใต้อาณัติไปด้วยเป็นจํานวนมากและทุกคนล้วนตกตายอยู่นอกเมืองเมฆาปีศาจเมืองอินจี้จึงไม่ควรมีผู้ที่แข็งแกร่งในยามนี้…”

 

โม่จีกล่าวคําออกมาอย่างระมัดระวังอยู่ด้านข้าง

 

“เข้าใจแล้ว”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วจึงมุ่งหน้าไปยังเมืองอินจี้

 

หลังจากออกจากเมืองเมฆาปีศาจ ซูฉินไม่ได้มุ่งตรงไปยังเมืองอินจีในทันที แต่เดินดูทัศนียภาพรอบๆดินแดนโม่ฮวาแทนมองดูว่ามีสถานที่อื่นใดที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้บ้างหลังจากเดินทางอย่างไม่รีบร้อนอยู่นานกว่าหนึ่งปีจึงมาถึงเมีองอินในที่สุด

เมื่อโม่จีเห็นซูฉินเดินหน้าเข้าไปก็ตามติดไปในทันที

 

ไม่นาน

 

ซูฉินก็ถึงด้านหน้าของเมืองอินจี้

 

เมื่อเทียบกับเมืองเมฆาปีศาจแล้ว เมืองอินจี้มีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่ามากแม้ว่าเจ้าเมืองอินจไม่ได้กลับมาเป็นเวลานานแต่ก็ยังมีปีศาจจํานวนมากเข้าออกเมืองอยู่ทุกวัน

 

“ราชาปีศาจแปดตน?”

 

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะเหลือบมองผ่านๆจึงรู้รายละเอียดภายในเมืองอินจี้ในยามนี้

 

ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองอินจีมีราชาปีศาจอยู่แค่แปดตนที่คอยประจําการและราชาปีศาจทั้งแปดนี้ก็เป็นปีศาจที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตราชาปีศาจไม่นานมานี้เอง

 

ซูฉินปรากฏตัวอยู่หน้าเมืองอินจี้และไม่ได้ปิดบังตัวตนในไม่ช้าปีศาจกลุ่มหนึ่งก็รีบพุ่งออกจากเมืองอินจี้ มายืนต่อหน้าซูฉินและกล่าวด้วยความเคารพ

 

“พวกเรารอท่านอยู่แล้ว เจ้าเมืองเมฆาปีศาจ”

 

ซฉินสังหารเจ้าเมืองอินจี่และราชาปีศาจจํานวนมากที่นอกเมืองเมฆาปีศาจมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว และข่าวนี้ก็กระ จายไปทั่วดินแดนโม่ฮวาแน่นอนว่าเมืองอินได้ทราบข่าว นี้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ

 

ดังนั้นในปีที่ผ่านมา ราชาปีศาจที่เหลืออยู่ภายในเมืองอินจี้จึงเฝ้ากังวลทั้งวันทั้งคืนเพราะกลัวว่าซูฉินจะบุกมาอย่างกะทันหันและเข่นฆ่าพวกมันทีละคนเช่นเดียวกับที่ทํากับเจ้าเมืองอิน

 

ดังนั้น

 

ราชาปีศาจเหล่านี้จึงออกคําสั่งตั้งแต่ช่วงแรกๆให้ปีศาจเฝ้าประตูบางตนรับหน้าที่พิเศษ คอยตรวจสอบด้านนอกเมืองเมื่อมีร่างใดที่คล้ายคลึงซูฉินให้รีบแจ้งพว กมันในทันที

 

“โอ้?”

 

“เจ้ารู้จักข้ารึ?”

 

ซูฉินเหลือบมองไปที่ราชาปีศาจตนที่กําลังทําความเคารพแล้วจึงกล่าวออกมาอย่างสบายๆ

 

“ความเกรียงไกรของท่านเจ้าเมืองได้แผ่ไปทั่วดินแดนโม่ฮวาจะมีปีศาจตนใดไม่รู้กัน?” ราชาปีศาจตนนั้นกล่าวด้วยความนอบน้อม “ข้ามาที่นี่เพื่อรอท่านเจ้าเมืองมาประจํา การเมืองอินจี้”

 

“เจ้าเป็นคนฉลาดนะ”

 

ซูฉินเหลือบตามองปีศาจที่อยู่ตรงหน้าแล้วเดินอย่างช้าๆเข้าไปในเมืองอินจี่

 

เมื่อซูฉินเข้าไป ราชาปีศาจตนที่ออกมาพบรู้สึกโล่งใจอย่างมาก สิ่งที่พวกมันกลัวที่สุดคือซูฉินเข้ามาโจมตีพวกตนโดยไม่เจรจาพูดคุยอะไรสักคํา

 

หากเป็นดังเช่นที่กล่าวมา พวกมันไม่มีโอกาสยอมจํานนเสียด้วยซ้ํา

 

แต่เมื่อซูฉินปล่อยให้พวกมันมีชีวิตรอด ตราบใดที่ไม่ฆ่าตัวตายก็ไม่ควรจะมีอันตรายใดเกิดขึ้น

 

“ฮ่าฮ่า…”

 

โม่จีเหลือบมองไปที่ราชาปีศาจในเมืองอินจี้ จู่ๆ ก็ผุดความรู้สึกถึงวิกฤตบางอย่างในใจ

 

ในเวลาต่อมา

 

โม่จีและราชาปีศาจทั้งหลายต่างก็ตามซูฉินไปอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อพวกเขาไปกันหมดแล้ว

 

ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นนอกเมืองอิน

 

ปีศาจจํานวนมากที่กําลังเดินทางเข้าออกต่างตกตะลึงนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นราชาปีศาจในเมืองอินจี้กล่าวคําอย่างแผ่วเบาเมื่อเผชิญหน้ากับซูฉินราชาปีศาจเหล่านี้ แทบจะคุกเข่าลงไปเบื้องหน้าซูฉินอยู่แล้ว

 

“ยิ้ม”

 

“พวกเจ้าจะไปรู้อะไร?”

 

“คนเมื่อครู่เป็นเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ เป็นมหาอํานาจไร้เปรียบที่สังหารเจ้าเมืองอินจีไป!”

 

ปีศาจที่จําซูฉินได้อย่างแม่นยําก็ลดเสียงลดพร้อมกับกล่าวบอกออกมา

 

“อะไรนะ?”

 

“เขาคือเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ?”

 

เมื่อปีศาจที่เหลือได้ยินสิ่งนี้ รูม่านตาของพวกมันก็หดตัวลงทันทีใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความรู้สึกสยดสยอง

 

แม้ว่าพวกมันไม่สามารถจําซูฉินได้ในทันทีแต่พวกมันจะไม่เคยได้ยินความเกรียงไกรของซูฉินได้เช่นไร?

 

ในฐานะที่เจ้าเมืองอินจี้เป็นผู้มีอํานาจในรัศมีหนึ่งล้านนี้กลับตกตายอย่างกะทันหัน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว

 

“นี่ แล้วเราควรจะทําเช่นไร?”

 

“เจ้าเมืองเมฆาปีศาจผู้นี้คงไม่ได้ชอบเข่นฆ่าสังหารมากนักหรอกใช่ไหม?”

 

ปีศาจขี้ขลาดตาขาวอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

 

“ควรทําเช่นไร?”

 

ปีศาจอีกตนส่งเสียงขู่คําราม “ถ้าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจต้องการเข่นฆ่าจริงๆ เจ้าจะทําอะไรได้?”

 

“มิผิด แม้ว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจจะเด็ดขาด แต่เขาคงจะดูแคลนการสังหารผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่เช่นนั้นเมืองเมฆาปีศาจคงจะกลายเป็นเมืองร้างไปเสียนานแล้ว”

 

ปีศาจตัวที่สามพยักหน้าแล้วกล่าวคําตามที่คิด

 

“อย่างไรก็ตาม เมืองอินจี่ของข้าคราวนี้ มีตัวตนที่ยิ่งใหญ่อยู่จริงๆ…” ปีศาจที่พูดออกมาตนแรกก็ถอนหายใจออกมาด้วยเสียงแหบต่ํา

 

ปีศาจตนที่เหลือต่างนิ่งเงียบ แสดงออกถึงความหวาดกล้ว

 

ขณะที่เมืองอินจี่กําลังตกอยู่ในความวุ่นวายเพราะการมาถึงของซูฉิน

ซูฉินก็มาถึงห้องโถงใหญ่ของเมืองเรียบร้อยแล้ว และราชาปีศาจทั้งหมดก็กําลังรออยู่นอกห้องโถงใหญ่รวมถึงโม่จีด้วย

 

“พวกเจ้าออกไปก่อน”

 

“ถ้านายท่านมีอะไรเรียกใช้ ข้าจะแจ้งให้พวกเจ้าทราบ”โม่จีเหลือบมองไปที่ราชาปีศาจทั้งหลายอย่างไม่สบายใจแล้วจึงพูดออกไป

 

“ขอรับ”

 

ราชาปีศาจมองหน้ากัน แล้วจึงโค้งคํานับก่อนจากไป

 

และในตอนนี้

 

ที่ส่วนลึกของโถงใหญ่ในเมือง

 

ต้นไม้เก่าแก่กําลังแกว่งไกวไปมา มีแสงระยิบระยับเปล่งประกายซึ่งดูพิเศษอย่างมาก

 

เมื่อเทียบกับต้นไม้โบราณในเมืองเมฆาปีศาจ กิ่งก้านและใบของต้นไม้ในเมืองอินจี้นั้นมีสีแดงจางๆ และบรรยากาศที่กระจายออกมาค่อนข้างเร่าร้อนแผดเผา

 

“กิ่งก้านของต้นไม้ปีศาจโบราณนั้นแตกต่างกันมากถึงเพียงนี้”

 

ซูฉันยืนอยู่ใต้ต้นไม้โบราณด้วยสีหน้าครุ่นคิด

 

ต้นไม้โบราณในเมืองอินจี้ยังคงเป็นกิ่งก้านของต้นไม้ปีศาจโบราณในส่วนลึกของโลกนี้ แต่ด้วยเหตุผลใดไม่อาจทราบได้ทําให้ต้นไม้โบราณมีลักษณะเช่นนี้

 

“มันเป็นเพราะภูเขาไฟข้างใต้ หรือเพราะต้นปีศาจโบราณจริงๆแล้วแบ่งตามธาตุมีทั้งทอง ไม้ น้ํา ไฟและดิน?”

 

ซูฉินแตะปลายคาง ความคิดผันผวนไปมา

 

“เอาล่ะ”

 

“อย่าเพิ่งไปคิดมากเลย”

 

“แค่ลงชื่อเข้าใช้แล้วลองดู”

 

ซูฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดออกมาภายในใจ“ระบบลงชื่อเข้าใช้”

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จได้รับโอสถปีศาจเพลิงสีชาด” ]

 

เสียงจักรกลไร้อารมณ์ดังอยู่ในหูของซูฉิน

 

“โอสถปีศาจเพลิงสีชาด?”

 

ซูฉินผสานจิตเข้ากับคลังระบบด้วยความรวดเร็วพบเม็ดโอสถสีแดงปรากฏขึ้นที่มุมหนึ่งของคลัง

 

โอสถปีศาจเพลิงสีชาดนี้ ในแง่ของไอพลังเพียงอย่างเดียวไม่ได้ดีเท่ากับโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์ แต่ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก

 

สิ่งที่ทําให้ซูฉันรู้สึกว่าที่นี่ดีกว่าคือจํานวนครั้งในลงชื่อเข้าใช้น่าจะมากกว่าที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้จากถ้ําเซียนบนเกาะหยิงโจว

 

ดูจากต้นไม้โบราณในเมืองเมฆาปีศาจ ซูฉินสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้เป็นเวลาหลายปี ยิ่งกว่านั้นเมืองอินจี้ยังมีขนาดใหญ่กว่าเมืองเมฆาปีศาจมากมิใช่หรือ?

 

“ไม่เลวไม่เลว”

 

“บางที่ความหวังในการสําเร็จวิชาภาพดวงตะวันขนาดมที่มาของข้าอาจจะอยู่ที่นี่แล้ว”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉินยิ่งคิดก็ยิ่งพึงพอใจ

 

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะปิดด่านฝึกตนที่นี่และลงชื่อเข้าใช้ต่อไป”

 

ซูฉันคิดตัดสินใจ และแจ้งโม่จีที่อยู่ด้านนอกโดยตรงด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นจึงนั่งขัดสมาธิ เข้าสู่ห้วงบ่มเพาะ

 

เกาะหยิ่งโจว

 

ภายในถ้ําเซียน

 

ลมหายใจของซูฉินค่อยๆ สงบลง

 

“ในที่สุดระดับนภาชั้นที่เจ็ดก็มาถึงจุดสูงสุดแล้วและยามนี้ข้าก็พร้อมที่จะทะลวงไปสู่นภาชั้นที่แปด”

 

ซูฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ครุ่นคิดภายในใจอย่างรวดเร็ว

 

“การขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของนภาชั้นที่เจ็ด มันใช้น้ําพุจิตวิญญาณไปถึงหนึ่งในสิบ ที่เหลือนี่ก็คงเพียงพอให้ข้าทะลวงเข้าสู่นภาชั้นที่แปดได้”

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ คิดอยู่กับตนเอง

 

“น้ําพุจิตวิญญาณนี้ช่วยให้ข้าย่นระยะเวลาในการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงไปได้ถึงห้าปี”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

 

การฝึกฝนวิทยายุทธ โดยเฉพาะในขอบเขตตํานานยุทธมันไม่ใช่เพียงแค่การกลืนกินพลังงานฟ้าดินเท่านั้น

 

พลังฟ้าดินมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งบนโลก แม้แต่ช่วงที่กระแสปราณฉีเดือดแห้งก็ยังมีพลังฟ้าดินมากมาย แต่สําหรับตํานานยุทธผู้ทรงพลังพลังฟ้าดินก็ช่วยเพียงแค่ชดเชยพลังที่สูญเสียไปในแต่ละวันเท่านั้นไม่สามารถคาดหวังไปไกลได้ มากกว่านั้น

 

ตํานานยุทธที่ต้องการจะทะลวงขั้นนั้น นอกจากจะต้องเข้าใจความเป็นไปของโลกแล้ว สิ่งที่สําคัญที่สุดคือจิตใจแห่งฟ้าดิน

 

จิตใจแห่งฟ้าดินจะปรากฏขึ้นจํานวนมากในช่วงกระแสปราณฉีฟื้นคืนเท่านั้น และน้ําพุจิตวิญญาณคือการรวมตัวกันของจิตใจแห่งฟ้าดินจํานวนนับไม่ถ้วน

 

แม้แต่ในช่วงรุ่งเรืองของกระแสปราณฉีก็ยังมีจิตใจแห่งฟ้าดินไม่มากนักที่จ้าวทะเลบูรพาสามารถหามันพบได้ไม่ใช่

ดีอีกด้วย

 

มิฉะนั้น ถึงแม้จะมีพลังที่สามารถทําลายล้างโลกได้ทั้งใบหากแต่หาน้ําพุจิตวิญญาณไม่เจอจะไปมีประโยชน์อันใด?

 

“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้าได้เข้าใจเคล็ดวิชาจํานวนมากในหลายมุมของโลก ฐานการบ่มเพาะก็ได้รับการสะสมอย่างเพียงพอการที่จะทะลวงขั้นเพื่อให้ก้าวหน้า ต่อไปก็เป็นเรื่องเหมาะสมอย่างยิ่ง”

 

ความคิดของซูฉินผันผวน และความรู้สึกที่จะต้องลงมือทําอะไรสักอย่างก็ผุดขึ้นในใจ

 

ในขณะที่กระแสปราณฉียังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจะมีผู้แข็งแกร่งปรากฏมากยิ่งขึ้นเช่นกันอาทิในยุทธภพต่างแดนและเกาะหยิงโจวนอกจากนี้ยังมีสถานที่ลับต่างๆ ที่มี มาตั้งแต่ยุคสมัยกระแสปราณฉีเฟื่องฟูครั้งล่าสุด

 

แม้ว่าซูฉินจะยังคงอยู่ยงคงกระพันไม่ต้องกลัวสิ่งใดแต่ก็มีกังวลในข้อผิดพลาดต่างๆ อยู่ดี

 

ตัวอย่างเช่น ชิงชิวชิงหลิงซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวแม้ดูเหมือนซูฉินจะสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้ด้วยหมัดเดียว

 

แต่ที่จริงแล้ว หากว่านี่เป็นบรรพบุรุษของจิ้งจอกตระกูลชิงชิวที่แข็งแกร่งกว่านี้หลายพันเท่า คงเป็นเรื่องยากที่ซูฉินจะสังหารได้ด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว

 

“ต้องทรงพลังให้มากขึ้นไปอีก”

 

“หากข้าบรรลุถึงระดับเดียวกับองค์ยูไลได้ สัตว์ร้ายหรือปีศาจใดในโลกก็จะมิอาจแผ้วพาน”

 

ซูฉินหลับตาลงอีกครั้ง ไอพลังในร่างยังคงกลั่นตัวต่อไปเรื่อยๆ และน้ําพุจิตวิญญาณก็กลายเป็นจิตใจฟ้าดินจํานวนนับไม่ถ้วนไหลบ่าเข้าสู่ร่างของซูฉิน

 

ในเวลาเดียวกัน

 

สุดปลายขอบของทะเลบูรพา

 

หมิงโยว วิญญาณยมโลกจากนิกายเฮยหยวน และเหล่าผู้อาวุโสของนิกายใหญ่ต่างดินแดนก็เดินทางมาถึงที่นี่

 

“ตามข้อมูลที่ได้รับมาจากนิกายเฮยหยวน ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาอยู่ในพื้นที่ทะเลแถบนี้”

 

ท่าทีของชายในชุดคลุมสีดําดูดีอกดีใจ

 

“ทะเลแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาอยู่ที่ไหน” เฉวยวี่ผู้อาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะเลิกคิ้วขึ้น

 

คนอื่นก็พยักหน้าตามเล็กน้อย

 

จริงดังว่า

 

ทะเลบูรพามีขนาดใหญ่จนเกินไป

 

ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาจะต้องห้อมล้อมด้วยค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่หลีกเลี่ยงการจับสัมผัสของจิตสัม ผัสศักดิ์สิทธิ์พวกเขาจําเป็นจะต้องหาทั่วทะเลบูรพาทุกตา รางนิ้วหรือไม่?

 

หากเป็นเช่นนั้น แม้ด้วยความเร็วของตํานานยุทธก็ต้องใช้เวลานานหลายร้อยปีในการค้นหาจนทั่วทะเลบูรพาทั้งหมด

 

“สบายใจได้”

วิญญาณยมโลกในชุดคลุมสีดําเหลือบมองคนอื่นๆแล้วพูดเบาๆว่า “ข้ามีวิธีการลับ ตราบใดที่เข้าไปใกล้ถ้ําเซียนภายในรัศมีหนึ่งลี้ข้าจะสามารถจับตําแหน่งที่แน่นอน ได้”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+