เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 221 ร่วมมือกัน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 221 ร่วมมือกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 221 ร่วมมือกัน

 

ด้านนอกเกาะหยิงโจว

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนดูมีความสุขยิ่ง “ค่ายกลขนาดใหญ่กําลังจะแตกแล้ว!”

 

พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้อาวุโสของนิกายใหญ่ในต่างแดนเป็นรองเพียงผู้นํานิกายเท่านั้น เคล็ดวิชาและความสามารถล้วนไม่ธรรมดาและในตอนนี้ด้วยความร่วมมือกันระหว่างพวกเขาทั้งหมดค่ายกลฟ้าดินที่คอยปกคลุมเกาะหยิงโจวก็พังลงในทันที

 

ฉีกกก!

 

เมื่อเห็นค่ายกลฟ้าดินถูกฉีกกระชากออก หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนและคนอื่นๆ ก็ก้าวผ่านรอยแยกนี้ เข้าไปภายในเกาะหยิงโจว

 

“ในที่สุดก็เข้ามาได้ ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่นั้นน่ากลัวเกินไปถ้าข้าไม่รู้จุดอ่อนเกรงว่าคงถูกพลังของค่ายกลฟ้าดินกดทับไปเสียนานแล้ว”

 

ชายที่สะพายดาบยาวจากพรรคหมื่นดาบดูเหมือนจะเกรงกลัวพลังของค่ายกลไม่น้อย

 

คนอื่นๆ ก็ใจสั่นไม่แพ้กัน เพิ่งรู้ซึ้งถึงพลังของค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ก็ยามนี้ และทําให้ยิ่งเกรงกลัวจ้าวทะเลบูรพาที่หายสาบสูญไปเมื่อหลายพันปีก่อนมากขึ้นไปอีก ตัวตนเช่นไรกันขนาดค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ที่ตั้งทิ้งไว้เบื้องหลังยัง น่ากลัวถึงขนาดนี้แม้จะผ่านมาเป็นระยะเวลานาน

 

“อิ่ม!”

 

“ถ้าหากมีแค่ข้าเพียงผู้เดียว แม้รู้ว่ามีจุดอ่อนอยู่ที่ใดในค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่แห่งนี้ แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทําลาย ไม่เช่นนั้นจะมีเหตุผลใดที่ข้าต้องเชิญชวนพวกท่านมาร่วมแบ่งสมบัติในครั้งนี้กับข้า?”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนเหลือบมองคนอื่นๆอย่างเย็นชา

 

นิกายเฮยหยวนต่างสั่งสอนศิษย์ให้เห็นแก่ตัว ไม่ต้องถามว่าตัวเขาเป็นเช่นไร? ถ้าไม่ใช่ว่าหมิงโยวไร้ทางเลือกเขาก็ไม่มีทางบอกความลับของถ้ําเซียนนี้ให้ผู้อื่นฟัง

 

“น่าเสียดาย…”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนเหลือบมองไปที่ประกายแสงสีเลือดที่ค่อยๆจางหายไปต่อหน้าต่อตาด้วยความทุกข์เล็กน้อย

 

ประกายแสงสีเลือดนี้กลั่นมาจากเลือดของทายาทศิษย์จ้าวทะเลบูรพาด้วยวิธีการลับของนิกายเฮยหยวน เมื่อใช้ไปแล้วไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรมันจะสลายหายไปกลับคืนสู่ฟ้าดิน

 

“โชคดีที่ข้าได้พบถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาเรียบร้อยประกายแสงสีเลือดนี้ถือว่าทําหน้าที่ของมันแล้วแม้ว่ามันจะไม่สลายหายไปแต่ก็จะไม่ถูกนํามาใช้อีกในอนาคต”

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนแอบพูดกับตัวเองคนเดียวใน

 

“ปราณฉีภายในเกาะแห่งนี้ดีกว่าโลกภายนอกมาก” เฉว่ยวอาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะมีสีหน้าครุ่นคิด

 

แม้ว่าซูฉินจะกลืนกินน้ําพุจิตวิญญาณจนแทบเกลี้ยงและเกาะหยิงโจวก็สูญเสียแหล่งพลังงานไปแล้วแต่ปราณฉีและจิตใจแห่งฟ้าดินที่มีอยู่บนเกาะก่อนหน้าก็ไม่ได้หาย ไปในทันทีแต่จะค่อยๆลดลงไปตามเวลา

 

“ไม่เลว”

 

“สภาพแวดล้อมที่นี่เทียบได้กับในดินแดนของพวกเรา”

 

นักพรตสํานักเอกะวิถีพยักหน้าเล็กน้อยแสดงอาการเห็นด้วย

 

“เอาล่ะ หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว พวกเรารีบไปยังใจกลางของเกาะกันเถอะถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาตั้งอยู่ตรงจุดนั้นโปรดจําไว้ว่ารอบถ้ําเซียนน่าจะมีค่ายกลสังหารล้อมไว้อยู่ระวังอย่าไปแตะต้องค่ายกลสังหารนั้นเข้าล่ะไม่เช่นนั้นแม้แต่ข้าเองก็ไม่อาจช่วยพวกเจ้าได้”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนกล่าวเตือน

 

หากกล่าวถึงค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่จํานวนมากมายที่โอบล้อมเกาะหยิงโจวไว้ มันก็ยังพอมีทางหนีไปได้แต่สิ่งที่เรียกว่าค่ายกลสังหารนั้นย่อมไม่ให้โอกาสในการหลบหนีแก่พวกเขาแน่

 

“เข้าใจแล้ว”

 

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ จากนิกายใหญ่รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อยพยักหน้ารับฟัง

 

ค่ายกลสังหารนั้นมีจุดประสงค์ก็เพื่อฆ่าสังหารเท่านั้นเมื่อนึกถึงความรู้ความเข้าใจของจ้าวทะเลบูรพาแล้วนั้นการจัดตั้งค่ายกลสังหารย่อมน่ากลัวอย่างยิ่ง

 

ในเวลาต่อมา

 

กลุ่มคนเหล่านี้ก็ตรงไปยังใจกลางเกาะหยิงโจว

 

ทุกคนต่างเป็นตํานานยุทธ สามารถฝ่าอากาศกลายเป็นเงาแสงหลายดวงพุ่งออกไปอย่างว่องไว

 

“หือ?”

 

ฉับพลัน

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนก็หยุดฝีเท้า ร่องรอยความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

“สหายหมิงโยว ท่านหยุดทําไม?” ชายสะพายดาบยาวจากพรรคหมื่นดาบกล่าวถามออกมา

 

“แปลกยิ่งนัก

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนสอดส่ายสายตาอย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียง

 

“ตามความเข้าใจของข้าจากข้อมูลที่รวบรวมไว้ในนิกายเฮยหยวน เกาะแห่งนี้มีชื่อเรียกว่าหยิงโจว เป็นลานพํานักข องจ้าวทะเลบูรพาเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยปราณฉีและจิตใจ แห่งฟ้าดินกระจายอยู่ทั่วทุกที่ถ้าว่ากันตามจริงแล้วควรจะ มีสิ่งมีชีวิตอยู่บ้าง”

 

“ตอนนี้เราเดินมาจนจะสุดทางแล้วแต่ยังไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใดๆเลย”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนขมวดคิ้วและกล่าวออกมา

 

สิ่งมีชีวิตที่เขากล่าวถึงนั้นไม่ได้หมายถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์เพียงเท่านั้น

 

“เมื่อสหายเต๋ได้กล่าวออกมาเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน” นักพรตเฒ่าจากสํานักเอกะวิถีก็กล่าวต่อไปว่า “ข้าเพิ่งจะใช้ทักษะลับในการสํารวจไปเมื่อครู่ ยืนยันได้เลยว่าเพิ่งจะมีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตบนเกาะเมื่อไม่นานมานี้”

 

“แต่บัดนี้นั้น”

 

หลังจากนักพรตได้บอกออกมาเช่นนี้ก็ไม่ได้กล่าวต่อไป อีก

 

มีสิ่งมีชีวิตอยู่ แต่พวกเขาหาไม่พบ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นปัญหาแล้ว

 

“อิ่ม!”

 

หลังจากนั้นไม่นาน หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนก็หัวเราะเยาะเย้ย“ทําตัวลับๆ ล่อๆ ถ้าสิ่งมีชีวิตบนเกาะนี้สามารถบดขยี้เราได้ง่ายๆ มันก็คงออกมาโจมตีเราตั้งแต่ที่ค่ายกลถูกฉีกขาดไปแล้วทําไมต้องรอคอยมาจนถึงตอนนี้เล่า?”

 

เมื่อหมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนพูดเช่นนั้น มันก็เปลี่ยนเป็นร่างเงาดํามืดอีกครั้ง กระโดดพุ่งไปยังใจกลางของเกาะหยิ่งโจว

 

เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ ต่างก็ชําเลืองมองหน้ากันกัดฟันแล้วรุดหน้าไปต่อ

 

ตอนนี้ถ้ําเชียนของจ้าวทะเลบูรพาอยู่ตรงหน้าแล้วความหวังที่จะทะลวงขั้นต่อไปก็แทบจะมองเห็นได้ชัดเจนถ้าจะมาหันหลังกลับเอาเสียตอนนี้คงไม่มีใครยินยอมมากกว่านั้น

 

ก็เป็นอย่างที่หมิงโยวได้พูดไป ถ้าเกาะนี้มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังกว่าพวกเขาจริงๆมันจะปล่อยให้พวกเขาเข้ามาง่ายๆ ได้อย่างไร?

 

ไม่ช้านาน

 

คนทั้งหลายก็มาถึงทะเลสาบใจกลางเกาะหยิงโจว

 

“อยู่ที่นี่งั้นหรือ?”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนแลดูตื่นเต้น จ้องมองไปที่เกาะเล็กๆกลางทะเลสาบ

 

ในเวลานั้นผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็รีบตามหมิงโยวมาดูเกาะเล็กๆที่อยู่ตรงกลางทะเลสาบด้วย

 

“นี่คือถ้ําเซียนงั้นหรือ?”

 

แม้ว่าจะเป็นเฉวยวี่ ผู้อาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะดวงตาของนางก็ยังกลายเป็นร้อนแรง ถ้ําเซียนของเซียนเทพปฐพี่ได้มาอยู่ตรงหน้าพวกตนแล้วใครเล่าจะอดใจไหว?

 

“ข้าบอกแล้วนะว่าทะเลสาบแห่งนี้มันเป็นกลุ่มค่ายกลสังหารที่จัดตั้งโดยจ้าวทะเลบูรพาและไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่จะข้า มมันไปได้อย่าว่าแต่การไปยังเกาะเล็กๆกลางทะเลสาบนั้น เลย……

 

หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนพูดได้ถึงเท่านี้

 

ครืน

 

เสียงคํารามก้องก็ดังออกมาจากเกาะเล็กๆกลางทะเลส

 

ประตูหินสีดําค่อยๆ เปิดออก และชายร่างเพรียวที่มีดวงตาสงบนิ่งก็เดินออกมาจากด้านใน

 

ทุกคนตกตะลึง

 

โดยเฉพาะชายที่สะพายดาบด้ามยาวจากพรรคหมื่นดาบใบหน้าของเขาซีดเซียว

 

“จ้าว..จ้าวทะเลบูรพา?”

 

ชายสะพายดาบยาวกล่าวคําออกมา น้ําเสียงฟังดูคร่ําครวญ

 

คนอื่นๆ เองก็หน้าเปลี่ยนสี

 

ตามบันทึกของนิกายเฮยหยวน ทะเลสาบนั้นวางค่ายกลสังหารเอาไว้โดยจ้าวทะเลบูรพาและไม่มีทางที่ใครจะสามารถข้ามไปได้ในเวลานี้กลับมีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากภายในใครๆ ก็ย่อมคิดว่าชายผู้นี้จะต้องเป็นจ้าวทะเลบูรพา

 

“เวลาผ่านไปตั้งเกือบหมื่นปีแล้ว”

 

“แม้จะมีจ้าวทะเลบูรพาอีกสักสิบคน อย่างไรก็ต้องแก่ตายกันไปหมดแล้ว”

 

หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนตอบสนองได้ก่อนจ้องตรงไปที่ซูฉินแล้วถามอย่างเย็นชาว่า “เจ้าเป็นใคร?”

 

ผู้อาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะอย่างเฉวยวี่และผู้อาวุโสคนอื่นๆก็รู้ตัวแล้วเช่นกัน

เป็นจริงดังว่า

 

ไม่ว่าจ้าวทะเลบูรพาจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่มาจนถึงยุคนี้ แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เหนือล้ํา ยิ่งกว่าขอบเขตเซียนเทพปฐพีเมื่อผ่านไปหลายพันปี พวกเขาก็ย่อมต้องตายกันจนหมดสิ้นแล้วไม่ต้องพูดถึงจ้าวทะเลบูรพาเลย

 

“ข้าเป็นใคร?”

 

ซูฉินขี้เกียจเกินกว่าจะตอบคําถามนี้ ในตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่แปดและอยู่ในอารมณ์ที่ดีมีเพียงควา มรู้สึกที่ว่าโลกทั้งใบนั้นสดใสยิ่ง

 

ความรู้สึกครั้งเก่าก่อนที่เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็คล้ายมิเข้าใจบัดนี้ได้เข้าใจจนหมดแล้ว เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับได้เห็นท้องฟ้าสดใสหลังเมฆหมอกบดบัง

 

“ไม่บอกงั้นรึ?”

 

ท่าทีของหมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไรนัก

 

ตามหลักเหตุผลแล้ว เขาควรจะรีบหนีไปเสียตั้งแต่ตอนนี้แม้ว่าชายตรงหน้าจะไม่ใช่จ้าวทะเลบูรพา แต่ด้วยความสามารถในการข้ามค่ายกลสังหารแล้วเข้าสู่ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาได้นั้นไม่ใช่สิ่งที่มันจะหยั่งถึงได้

 

เพียงแต่เขาไม่เต็มใจจริงๆ

 

หลังจากนิกายเฮยหยวนจับทายาทของศิษย์จ้าวทะเลบูรพาไว้ได้พวกเขาก็รอคอยวันนี้มาโดยตลอด รอจนกว่าสภาพกระแสฟ้าดินจะเปลี่ยนแปลงรอจนถ้ําเซียนจะเผยไอ พลังออกมา

 

หลังจากทําทุกสิ่งทุกอย่างไปมากมายโดยไม่คาดคิดท้ายที่สุดกลับมีคนเข้ามาที่นี่ก่อนนิกายเฮยหยวน

 

“นายท่าน คนเหล่านี้นี่แหละที่บุกรุกเข้ามาที่นี่ทั้งยังรู้จุดอ่อนภายนอกของค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ด้วย จะต้องเตรียมการมาอย่างดีแน่นอน”

 

ทันใดนั้นเสียงอันคมชัดก็ดังขึ้นมาจากด้านข้างของซูฉินเป็นชิงชิวเฉียนเฉียนที่คอยกระซิบอยู่ข้างๆ

 

“ภูตอสูร?”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนเหลือบมองชิงชิวเฉียนเฉียนชั่วครู่หัวใจก็พลันกระตุกวูบ

 

ในยุทธภพต่างแดน การมีอยู่ของเผ่าพันธุ์ภูตอสูรไม่ใช่ความลับอย่างไรก็ตาม ในสงครามที่ต่อสู้กับโลกถ้ําปิศาจเมื่อหมื่นปีที่แล้วเผ่าภูตอสูรประสบกับความสูญเสียยิ่งเสียกว่าเผ่ามนุษย์และมรดกตกทอดก็ถูกตัดขาด ถ้าไม่มีสายเลือดของภูตอสูรสืบทอดต่อมา เกรงว่าพวกมันก็คงสูญพันธุ์ไปนานแล้ว

 

“แนวค่ายกลสังหารน่าจะพังทลายลงไปแล้ว…” หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนรู้ได้ด้วยวิธีการลับทําให้ใบหน้าของเขาค่อยๆผ่อนคลายลง

 

หากค่ายกลสังหารยังคงอยู่ภายในทะเลสาบและซูฉินบุกทะลวงค่ายกลสังหารของจ้าวทะเลบูรพาจนเข้าไปในถ้ําได้เขาจะหันหลังจากไปทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคํา

 

การทะลวงค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่จากภายนอกและการฝ่าแนวค่ายกลสังหารที่วางไว้โดยจ้าวทะเลบูรพานั้นเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

สําหรับตํานานยุทธที่เชี่ยวชาญในเรื่องค่ายกล แม้ว่าจะไม่รู้จุดอ่อนของค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ด้านนอกนั้นตราบใดที่มีเวลาหลายสิบปีนั่งคิดทั้งวันทั้งคืนควบคู่ไปกับความจริงที่ไม่มีใครคอยควบคุมค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่อยู่ก็มีแนวโน้มที่จะทําลายค่ายกลฟ้าดินนั้นได้

 

แต่สําหรับค่ายกลสังหาร…

 

การฝาค่ายกลสังหารไปได้นั้นแสดงถึงความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ค่ายกลสังหารที่จัดตั้งโดยจ้าวทะเลบูรพาแม้จะเป็นเวลาหนึ่งหมื่นปีก่อนก็ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถฝามันไปได้

 

ตัวตนที่สามารถฝ่าค่ายกลสังหารไปได้ แม้จะไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเซียนเทพปฐพีก็ตาม แต่เกรงว่าคงจะอยู่ไม่ไกลแล้ว

 

แต่ตอนนี้หมิงโยวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าค่ายกลสังหารได้พังทลายลงเมื่อเป็นเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของซูฉินอาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

 

“ท่านได้เข้าสู่ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพา ต้องได้อะไรติดมือมามากมายเลยสิท่า?” หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนจู่ๆก็พูดขึ้นมาโดยฉับพลันขณะที่กําลังพูดนั้นก็ส่งสายตาให้กับผู้อาวุโสที่อยู่ใกล้ๆ

 

เฉว่ยว ผู้อาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะพยักหน้าเล็กน้อยค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ พร้อมกันนักดาบแห่งพรรคหมื่นดาบเข้าโอบล้อมซูฉินที่อยู่ตรงกลาง

 

นักพรตสําานักเอกะวิถีลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่ได้กระทําการใดออกไปโดยประมาท

 

เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ สํานักเอกะวิถีมีภูมิหลังที่มั่งคั่งที่สุดและมีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นมากกว่าหนึ่งคนดังนั้นแม้นักพรตเฒ่าจะกระหายในสมบัติของจ้าวทะเลบูรพาด้านในถ้ําเซียนแต่ความรู้สึกนั้นก็น้อยกว่าคนอื่นๆ มาก

 

อย่างน้อยก็ไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงด้วยชีวิตของตน

 

“ท่านได้รับสมบัติของจ้าวทะเลบูรพามา ทําไมไม่แบ่งมันให้แก่พวกเราบ้าง?”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนจ้องตรงไปยังซูฉิน

 

คนตายเพราะเงิน นกตายจากความตะกละ

 

ด้วยการร่วมมือของพวกเขา แม้จะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนระดับเดียวกับผู้นํานิกายที่แข็งแกร่งหากใช้กลอุบายเข้าช่วยก็อาจจะมีหวังได้ชัยชนะ

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนเองก็เกรงกลัวซูฉินอยู่บ้างแต่เขาอยากจะเสี่ยงเพื่อที่จะได้รับสมบัติที่เหลืออยู่ของจ้าวทะเลบูรพามากกว่า

 

อย่างไรเสีย หมิงโยวก็คิดว่าความสามารถในการเอาตัวรอดของตนนั้นเป็นอันดับหนึ่งในต่างแดนแม้ว่าความแข็งแกร่งของซูฉินจะไปถึงระดับผู้เยี่ยมยุทธแล้วแต่เขาก็มั่นใจว่าสามารถหลบหนีกลับไปได้

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 221 ร่วมมือกัน

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 221 ร่วมมือกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 221 ร่วมมือกัน

 

ด้านนอกเกาะหยิงโจว

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนดูมีความสุขยิ่ง “ค่ายกลขนาดใหญ่กําลังจะแตกแล้ว!”

 

พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้อาวุโสของนิกายใหญ่ในต่างแดนเป็นรองเพียงผู้นํานิกายเท่านั้น เคล็ดวิชาและความสามารถล้วนไม่ธรรมดาและในตอนนี้ด้วยความร่วมมือกันระหว่างพวกเขาทั้งหมดค่ายกลฟ้าดินที่คอยปกคลุมเกาะหยิงโจวก็พังลงในทันที

 

ฉีกกก!

 

เมื่อเห็นค่ายกลฟ้าดินถูกฉีกกระชากออก หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนและคนอื่นๆ ก็ก้าวผ่านรอยแยกนี้ เข้าไปภายในเกาะหยิงโจว

 

“ในที่สุดก็เข้ามาได้ ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่นั้นน่ากลัวเกินไปถ้าข้าไม่รู้จุดอ่อนเกรงว่าคงถูกพลังของค่ายกลฟ้าดินกดทับไปเสียนานแล้ว”

 

ชายที่สะพายดาบยาวจากพรรคหมื่นดาบดูเหมือนจะเกรงกลัวพลังของค่ายกลไม่น้อย

 

คนอื่นๆ ก็ใจสั่นไม่แพ้กัน เพิ่งรู้ซึ้งถึงพลังของค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ก็ยามนี้ และทําให้ยิ่งเกรงกลัวจ้าวทะเลบูรพาที่หายสาบสูญไปเมื่อหลายพันปีก่อนมากขึ้นไปอีก ตัวตนเช่นไรกันขนาดค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ที่ตั้งทิ้งไว้เบื้องหลังยัง น่ากลัวถึงขนาดนี้แม้จะผ่านมาเป็นระยะเวลานาน

 

“อิ่ม!”

 

“ถ้าหากมีแค่ข้าเพียงผู้เดียว แม้รู้ว่ามีจุดอ่อนอยู่ที่ใดในค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่แห่งนี้ แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทําลาย ไม่เช่นนั้นจะมีเหตุผลใดที่ข้าต้องเชิญชวนพวกท่านมาร่วมแบ่งสมบัติในครั้งนี้กับข้า?”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนเหลือบมองคนอื่นๆอย่างเย็นชา

 

นิกายเฮยหยวนต่างสั่งสอนศิษย์ให้เห็นแก่ตัว ไม่ต้องถามว่าตัวเขาเป็นเช่นไร? ถ้าไม่ใช่ว่าหมิงโยวไร้ทางเลือกเขาก็ไม่มีทางบอกความลับของถ้ําเซียนนี้ให้ผู้อื่นฟัง

 

“น่าเสียดาย…”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนเหลือบมองไปที่ประกายแสงสีเลือดที่ค่อยๆจางหายไปต่อหน้าต่อตาด้วยความทุกข์เล็กน้อย

 

ประกายแสงสีเลือดนี้กลั่นมาจากเลือดของทายาทศิษย์จ้าวทะเลบูรพาด้วยวิธีการลับของนิกายเฮยหยวน เมื่อใช้ไปแล้วไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรมันจะสลายหายไปกลับคืนสู่ฟ้าดิน

 

“โชคดีที่ข้าได้พบถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาเรียบร้อยประกายแสงสีเลือดนี้ถือว่าทําหน้าที่ของมันแล้วแม้ว่ามันจะไม่สลายหายไปแต่ก็จะไม่ถูกนํามาใช้อีกในอนาคต”

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนแอบพูดกับตัวเองคนเดียวใน

 

“ปราณฉีภายในเกาะแห่งนี้ดีกว่าโลกภายนอกมาก” เฉว่ยวอาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะมีสีหน้าครุ่นคิด

 

แม้ว่าซูฉินจะกลืนกินน้ําพุจิตวิญญาณจนแทบเกลี้ยงและเกาะหยิงโจวก็สูญเสียแหล่งพลังงานไปแล้วแต่ปราณฉีและจิตใจแห่งฟ้าดินที่มีอยู่บนเกาะก่อนหน้าก็ไม่ได้หาย ไปในทันทีแต่จะค่อยๆลดลงไปตามเวลา

 

“ไม่เลว”

 

“สภาพแวดล้อมที่นี่เทียบได้กับในดินแดนของพวกเรา”

 

นักพรตสํานักเอกะวิถีพยักหน้าเล็กน้อยแสดงอาการเห็นด้วย

 

“เอาล่ะ หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว พวกเรารีบไปยังใจกลางของเกาะกันเถอะถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาตั้งอยู่ตรงจุดนั้นโปรดจําไว้ว่ารอบถ้ําเซียนน่าจะมีค่ายกลสังหารล้อมไว้อยู่ระวังอย่าไปแตะต้องค่ายกลสังหารนั้นเข้าล่ะไม่เช่นนั้นแม้แต่ข้าเองก็ไม่อาจช่วยพวกเจ้าได้”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนกล่าวเตือน

 

หากกล่าวถึงค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่จํานวนมากมายที่โอบล้อมเกาะหยิงโจวไว้ มันก็ยังพอมีทางหนีไปได้แต่สิ่งที่เรียกว่าค่ายกลสังหารนั้นย่อมไม่ให้โอกาสในการหลบหนีแก่พวกเขาแน่

 

“เข้าใจแล้ว”

 

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ จากนิกายใหญ่รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อยพยักหน้ารับฟัง

 

ค่ายกลสังหารนั้นมีจุดประสงค์ก็เพื่อฆ่าสังหารเท่านั้นเมื่อนึกถึงความรู้ความเข้าใจของจ้าวทะเลบูรพาแล้วนั้นการจัดตั้งค่ายกลสังหารย่อมน่ากลัวอย่างยิ่ง

 

ในเวลาต่อมา

 

กลุ่มคนเหล่านี้ก็ตรงไปยังใจกลางเกาะหยิงโจว

 

ทุกคนต่างเป็นตํานานยุทธ สามารถฝ่าอากาศกลายเป็นเงาแสงหลายดวงพุ่งออกไปอย่างว่องไว

 

“หือ?”

 

ฉับพลัน

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนก็หยุดฝีเท้า ร่องรอยความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

“สหายหมิงโยว ท่านหยุดทําไม?” ชายสะพายดาบยาวจากพรรคหมื่นดาบกล่าวถามออกมา

 

“แปลกยิ่งนัก

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนสอดส่ายสายตาอย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียง

 

“ตามความเข้าใจของข้าจากข้อมูลที่รวบรวมไว้ในนิกายเฮยหยวน เกาะแห่งนี้มีชื่อเรียกว่าหยิงโจว เป็นลานพํานักข องจ้าวทะเลบูรพาเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยปราณฉีและจิตใจ แห่งฟ้าดินกระจายอยู่ทั่วทุกที่ถ้าว่ากันตามจริงแล้วควรจะ มีสิ่งมีชีวิตอยู่บ้าง”

 

“ตอนนี้เราเดินมาจนจะสุดทางแล้วแต่ยังไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใดๆเลย”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนขมวดคิ้วและกล่าวออกมา

 

สิ่งมีชีวิตที่เขากล่าวถึงนั้นไม่ได้หมายถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์เพียงเท่านั้น

 

“เมื่อสหายเต๋ได้กล่าวออกมาเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน” นักพรตเฒ่าจากสํานักเอกะวิถีก็กล่าวต่อไปว่า “ข้าเพิ่งจะใช้ทักษะลับในการสํารวจไปเมื่อครู่ ยืนยันได้เลยว่าเพิ่งจะมีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตบนเกาะเมื่อไม่นานมานี้”

 

“แต่บัดนี้นั้น”

 

หลังจากนักพรตได้บอกออกมาเช่นนี้ก็ไม่ได้กล่าวต่อไป อีก

 

มีสิ่งมีชีวิตอยู่ แต่พวกเขาหาไม่พบ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นปัญหาแล้ว

 

“อิ่ม!”

 

หลังจากนั้นไม่นาน หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนก็หัวเราะเยาะเย้ย“ทําตัวลับๆ ล่อๆ ถ้าสิ่งมีชีวิตบนเกาะนี้สามารถบดขยี้เราได้ง่ายๆ มันก็คงออกมาโจมตีเราตั้งแต่ที่ค่ายกลถูกฉีกขาดไปแล้วทําไมต้องรอคอยมาจนถึงตอนนี้เล่า?”

 

เมื่อหมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนพูดเช่นนั้น มันก็เปลี่ยนเป็นร่างเงาดํามืดอีกครั้ง กระโดดพุ่งไปยังใจกลางของเกาะหยิ่งโจว

 

เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ ต่างก็ชําเลืองมองหน้ากันกัดฟันแล้วรุดหน้าไปต่อ

 

ตอนนี้ถ้ําเชียนของจ้าวทะเลบูรพาอยู่ตรงหน้าแล้วความหวังที่จะทะลวงขั้นต่อไปก็แทบจะมองเห็นได้ชัดเจนถ้าจะมาหันหลังกลับเอาเสียตอนนี้คงไม่มีใครยินยอมมากกว่านั้น

 

ก็เป็นอย่างที่หมิงโยวได้พูดไป ถ้าเกาะนี้มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังกว่าพวกเขาจริงๆมันจะปล่อยให้พวกเขาเข้ามาง่ายๆ ได้อย่างไร?

 

ไม่ช้านาน

 

คนทั้งหลายก็มาถึงทะเลสาบใจกลางเกาะหยิงโจว

 

“อยู่ที่นี่งั้นหรือ?”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนแลดูตื่นเต้น จ้องมองไปที่เกาะเล็กๆกลางทะเลสาบ

 

ในเวลานั้นผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็รีบตามหมิงโยวมาดูเกาะเล็กๆที่อยู่ตรงกลางทะเลสาบด้วย

 

“นี่คือถ้ําเซียนงั้นหรือ?”

 

แม้ว่าจะเป็นเฉวยวี่ ผู้อาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะดวงตาของนางก็ยังกลายเป็นร้อนแรง ถ้ําเซียนของเซียนเทพปฐพี่ได้มาอยู่ตรงหน้าพวกตนแล้วใครเล่าจะอดใจไหว?

 

“ข้าบอกแล้วนะว่าทะเลสาบแห่งนี้มันเป็นกลุ่มค่ายกลสังหารที่จัดตั้งโดยจ้าวทะเลบูรพาและไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่จะข้า มมันไปได้อย่าว่าแต่การไปยังเกาะเล็กๆกลางทะเลสาบนั้น เลย……

 

หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนพูดได้ถึงเท่านี้

 

ครืน

 

เสียงคํารามก้องก็ดังออกมาจากเกาะเล็กๆกลางทะเลส

 

ประตูหินสีดําค่อยๆ เปิดออก และชายร่างเพรียวที่มีดวงตาสงบนิ่งก็เดินออกมาจากด้านใน

 

ทุกคนตกตะลึง

 

โดยเฉพาะชายที่สะพายดาบด้ามยาวจากพรรคหมื่นดาบใบหน้าของเขาซีดเซียว

 

“จ้าว..จ้าวทะเลบูรพา?”

 

ชายสะพายดาบยาวกล่าวคําออกมา น้ําเสียงฟังดูคร่ําครวญ

 

คนอื่นๆ เองก็หน้าเปลี่ยนสี

 

ตามบันทึกของนิกายเฮยหยวน ทะเลสาบนั้นวางค่ายกลสังหารเอาไว้โดยจ้าวทะเลบูรพาและไม่มีทางที่ใครจะสามารถข้ามไปได้ในเวลานี้กลับมีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากภายในใครๆ ก็ย่อมคิดว่าชายผู้นี้จะต้องเป็นจ้าวทะเลบูรพา

 

“เวลาผ่านไปตั้งเกือบหมื่นปีแล้ว”

 

“แม้จะมีจ้าวทะเลบูรพาอีกสักสิบคน อย่างไรก็ต้องแก่ตายกันไปหมดแล้ว”

 

หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนตอบสนองได้ก่อนจ้องตรงไปที่ซูฉินแล้วถามอย่างเย็นชาว่า “เจ้าเป็นใคร?”

 

ผู้อาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะอย่างเฉวยวี่และผู้อาวุโสคนอื่นๆก็รู้ตัวแล้วเช่นกัน

เป็นจริงดังว่า

 

ไม่ว่าจ้าวทะเลบูรพาจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่มาจนถึงยุคนี้ แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เหนือล้ํา ยิ่งกว่าขอบเขตเซียนเทพปฐพีเมื่อผ่านไปหลายพันปี พวกเขาก็ย่อมต้องตายกันจนหมดสิ้นแล้วไม่ต้องพูดถึงจ้าวทะเลบูรพาเลย

 

“ข้าเป็นใคร?”

 

ซูฉินขี้เกียจเกินกว่าจะตอบคําถามนี้ ในตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่แปดและอยู่ในอารมณ์ที่ดีมีเพียงควา มรู้สึกที่ว่าโลกทั้งใบนั้นสดใสยิ่ง

 

ความรู้สึกครั้งเก่าก่อนที่เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็คล้ายมิเข้าใจบัดนี้ได้เข้าใจจนหมดแล้ว เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับได้เห็นท้องฟ้าสดใสหลังเมฆหมอกบดบัง

 

“ไม่บอกงั้นรึ?”

 

ท่าทีของหมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไรนัก

 

ตามหลักเหตุผลแล้ว เขาควรจะรีบหนีไปเสียตั้งแต่ตอนนี้แม้ว่าชายตรงหน้าจะไม่ใช่จ้าวทะเลบูรพา แต่ด้วยความสามารถในการข้ามค่ายกลสังหารแล้วเข้าสู่ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาได้นั้นไม่ใช่สิ่งที่มันจะหยั่งถึงได้

 

เพียงแต่เขาไม่เต็มใจจริงๆ

 

หลังจากนิกายเฮยหยวนจับทายาทของศิษย์จ้าวทะเลบูรพาไว้ได้พวกเขาก็รอคอยวันนี้มาโดยตลอด รอจนกว่าสภาพกระแสฟ้าดินจะเปลี่ยนแปลงรอจนถ้ําเซียนจะเผยไอ พลังออกมา

 

หลังจากทําทุกสิ่งทุกอย่างไปมากมายโดยไม่คาดคิดท้ายที่สุดกลับมีคนเข้ามาที่นี่ก่อนนิกายเฮยหยวน

 

“นายท่าน คนเหล่านี้นี่แหละที่บุกรุกเข้ามาที่นี่ทั้งยังรู้จุดอ่อนภายนอกของค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ด้วย จะต้องเตรียมการมาอย่างดีแน่นอน”

 

ทันใดนั้นเสียงอันคมชัดก็ดังขึ้นมาจากด้านข้างของซูฉินเป็นชิงชิวเฉียนเฉียนที่คอยกระซิบอยู่ข้างๆ

 

“ภูตอสูร?”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนเหลือบมองชิงชิวเฉียนเฉียนชั่วครู่หัวใจก็พลันกระตุกวูบ

 

ในยุทธภพต่างแดน การมีอยู่ของเผ่าพันธุ์ภูตอสูรไม่ใช่ความลับอย่างไรก็ตาม ในสงครามที่ต่อสู้กับโลกถ้ําปิศาจเมื่อหมื่นปีที่แล้วเผ่าภูตอสูรประสบกับความสูญเสียยิ่งเสียกว่าเผ่ามนุษย์และมรดกตกทอดก็ถูกตัดขาด ถ้าไม่มีสายเลือดของภูตอสูรสืบทอดต่อมา เกรงว่าพวกมันก็คงสูญพันธุ์ไปนานแล้ว

 

“แนวค่ายกลสังหารน่าจะพังทลายลงไปแล้ว…” หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนรู้ได้ด้วยวิธีการลับทําให้ใบหน้าของเขาค่อยๆผ่อนคลายลง

 

หากค่ายกลสังหารยังคงอยู่ภายในทะเลสาบและซูฉินบุกทะลวงค่ายกลสังหารของจ้าวทะเลบูรพาจนเข้าไปในถ้ําได้เขาจะหันหลังจากไปทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคํา

 

การทะลวงค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่จากภายนอกและการฝ่าแนวค่ายกลสังหารที่วางไว้โดยจ้าวทะเลบูรพานั้นเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

สําหรับตํานานยุทธที่เชี่ยวชาญในเรื่องค่ายกล แม้ว่าจะไม่รู้จุดอ่อนของค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ด้านนอกนั้นตราบใดที่มีเวลาหลายสิบปีนั่งคิดทั้งวันทั้งคืนควบคู่ไปกับความจริงที่ไม่มีใครคอยควบคุมค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่อยู่ก็มีแนวโน้มที่จะทําลายค่ายกลฟ้าดินนั้นได้

 

แต่สําหรับค่ายกลสังหาร…

 

การฝาค่ายกลสังหารไปได้นั้นแสดงถึงความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ค่ายกลสังหารที่จัดตั้งโดยจ้าวทะเลบูรพาแม้จะเป็นเวลาหนึ่งหมื่นปีก่อนก็ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถฝามันไปได้

 

ตัวตนที่สามารถฝ่าค่ายกลสังหารไปได้ แม้จะไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเซียนเทพปฐพีก็ตาม แต่เกรงว่าคงจะอยู่ไม่ไกลแล้ว

 

แต่ตอนนี้หมิงโยวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าค่ายกลสังหารได้พังทลายลงเมื่อเป็นเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของซูฉินอาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

 

“ท่านได้เข้าสู่ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพา ต้องได้อะไรติดมือมามากมายเลยสิท่า?” หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนจู่ๆก็พูดขึ้นมาโดยฉับพลันขณะที่กําลังพูดนั้นก็ส่งสายตาให้กับผู้อาวุโสที่อยู่ใกล้ๆ

 

เฉว่ยว ผู้อาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะพยักหน้าเล็กน้อยค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ พร้อมกันนักดาบแห่งพรรคหมื่นดาบเข้าโอบล้อมซูฉินที่อยู่ตรงกลาง

 

นักพรตสําานักเอกะวิถีลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่ได้กระทําการใดออกไปโดยประมาท

 

เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ สํานักเอกะวิถีมีภูมิหลังที่มั่งคั่งที่สุดและมีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นมากกว่าหนึ่งคนดังนั้นแม้นักพรตเฒ่าจะกระหายในสมบัติของจ้าวทะเลบูรพาด้านในถ้ําเซียนแต่ความรู้สึกนั้นก็น้อยกว่าคนอื่นๆ มาก

 

อย่างน้อยก็ไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงด้วยชีวิตของตน

 

“ท่านได้รับสมบัติของจ้าวทะเลบูรพามา ทําไมไม่แบ่งมันให้แก่พวกเราบ้าง?”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนจ้องตรงไปยังซูฉิน

 

คนตายเพราะเงิน นกตายจากความตะกละ

 

ด้วยการร่วมมือของพวกเขา แม้จะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนระดับเดียวกับผู้นํานิกายที่แข็งแกร่งหากใช้กลอุบายเข้าช่วยก็อาจจะมีหวังได้ชัยชนะ

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนเองก็เกรงกลัวซูฉินอยู่บ้างแต่เขาอยากจะเสี่ยงเพื่อที่จะได้รับสมบัติที่เหลืออยู่ของจ้าวทะเลบูรพามากกว่า

 

อย่างไรเสีย หมิงโยวก็คิดว่าความสามารถในการเอาตัวรอดของตนนั้นเป็นอันดับหนึ่งในต่างแดนแม้ว่าความแข็งแกร่งของซูฉินจะไปถึงระดับผู้เยี่ยมยุทธแล้วแต่เขาก็มั่นใจว่าสามารถหลบหนีกลับไปได้

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+