เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 223 ไฟลับในมือหมิงโยว

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 223 ไฟลับในมือหมิงโยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 223 ไฟลับในมือหมิงโยว

 

“เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้เยี่ยงไร?”

 

ขณะนี้ความอัศจรรย์ใจท่วมท้นอยู่ในความรู้สึกของนักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถี

 

เขาคิดว่าตนเองประเมินซูฉินสูงพอแล้ว คาดเดาไปว่าควรจะเป็นตัวตนในระดับผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงสุด

 

ถึงแม้จะเป็นผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงสุด เมื่อเผชิญกับทักษะก้นหีบที่ใช้เฉพาะยามสิ้นหวังของหมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวน รวมถึงผู้อาวุโสนิกายใหญ่ทั้งสองคนเช่นนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะได้ในพริบตา อย่างน้อยก็ต้องใช้ชั้นเชิงบางอย่างเข้าช่วย

 

ในความเห็นของนักพรตเฒ่า ซูฉินไม่จําเป็นต้องต่อสู้กับพวกหมิงโยวอย่างเต็มกําลัง เพียงแต่ต้องลากถ่วงการต่อสู้ออกไปให้นานที่สุด จนกว่าพลังของคู่ต่อสู้จะหมดลง ก็สามารถเข้าจัดการได้อย่างง่ายดาย

 

อย่างไรก็ตาม นักพรตเฒ่าไม่ได้คาดหวังว่าหมิงโยวและผู้อาวุโสนิกายใหญ่อีกสองคน เมื่ออยู่ต่อหน้าซูฉินจะอ่อนแอราวกับกระดาษ แม้จะใช้ทักษะลับต้องห้ามจนหมดก็ยังไม่สามารถต่อกรได้เลยแม้แต่น้อย

 

“เขาแข็งแกร่งมาก ทําไมเขาไม่ลงมือตั้งแต่แรก? อยากจะรอดูพวกเราบุกเข้ามาในเกาะงั้นหรือ?”

 

ฝ่ามือฝ่าเท้าของนักพรตเฒ่าเย็นเยียบ ร่องรอยของความพิศวงงงงวยสาดวาบเข้ามาในใจ เพราะหลังจากค่ายกลฉีกขาด มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามมา พวกเขาจึงตรงเข้ามาถึงที่นี่

 

นักพรตเฒ่าไม่ทราบว่าซูฉินอยู่ในช่วงปิดด่านฝึกตนก่อนหน้านี้ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดถูกดึงกลับเข้าไปภายในร่าง ในเวลาต่อมาหลังจากชิงชิวเฉียนเฉียนแจ้งว่ามีผู้บุกรุกเข้ามา ซูฉินจึงปล่อยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปตรวจสอบ และเมื่อรู้ว่าผู้รุกเป็นพวกเขา ซูฉินก็ไม่ได้สนใจจะลงมือในทันที แต่เลือกสัมผัสประสบการณ์ ทําความคุ้นชินกับรายละเอียดต่างๆของระดับนภาชั้นที่แปดแทน

 

สําหรับซูฉิน ไม่ว่าจะเป็นหมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนหรือคนอื่นอีกสองสามคน พวกเขาก็ไม่ต่างไปจากมดแมลง สามารถเหยียบย่ําจนตายเมื่อไหร่ก็ได้ มันจะเทียบกับการสัมผัสความรู้สึกหลังพัฒนาขั้นได้อย่างไร?

 

ไม่ต้องสงสัย

 

นี่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของกลุ่มหมิงโยวนั้นอ่อนแอเกินไป หากเป็นกลุ่มตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ด ชั้นที่แปด หรือระดับนภาชั้นที่เก้าฝ่าเข้ามา ซูฉินจะไม่ทําตัวใหญ่โตเช่นนี้แน่นอน

 

“แต่เดิมข้าก็คิดจะให้เจ้ารออีกสักหน่อย”

 

ดวงตาอันสงบนิ่งของซูฉินมองไปที่หมิงโยว

 

ที่จริงแล้วนอกจากหมิงโยวที่ยังคงยืนอยู่ได้ ผู้อาวุโสเฉว่ยวี่จากตําหนักเทพเจ้าหิมะ นักดาบจากพรรคหมื่นดาบต่างล้วนลงไปนอนกองอยู่กับพื้น บาดเจ็บรุนแรงและกําลังจะตาย

 

“พลังของเจ้าช่างน่ากลัวนัก น่าจะเหนือกว่าระดับผู้เยี่ยมยุทธไปแล้ว…”

 

หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนสงบใจลง ยิ่งเขาเข้าใกล้ความเป็นความตายมากเท่าไหร่ เขายิ่งสงบขึ้นมากเท่านั้น เพราะหมิงโยวรู้แก่ใจว่ามีเพียงต้องทําเช่นนี้เท่านั้นจึงจะรอดชีวิตไปได้

 

“ข้ามาจากนิกายเฮยหยวนในดินแดนโพ้นทะเล เจ้าคงจะเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้าง” หมิงโยวประมวลผลในสมอง และเปิดปากพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

 

“ตราบใดที่เจ้าปล่อยข้าไป นิกายเฮยหยวนของข้า ขอให้คําสัตย์สัญญาว่า หากเจ้าต้องการสั่งการสิ่งใดในอนาคต นิกายของข้าจะปฏิบัติตามที่เจ้าต้องการ”

 

เหงื่อเย็นซึมออกมาตามหน้าผากของหมิงโยว

 

เขารู้ดีว่าชายผู้แข็งแกร่งเช่นซูฉิน การข่มขู่นั้นย่อมไม่ได้ผล รังแต่จะทําให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองใจ

 

แน่นอนว่าย่อมมีบรรพชนในนิกายเฮยหยวนที่เหนือกว่าระดับผู้เยี่ยมยุทธ แต่แล้วอย่างไรเล่า? บรรพชนเฒ่าเหล่านั้น เลือดเนื้อและปราณฉีถดถอยไปนานแล้ว ใกล้สิ้นอายุขัยเต็มทน เว้นแต่นิกายเฮยหยวนจะประสบภัยพิบัติ หากไม่ใช่เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตื่นจากหลับใหล ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่จะมาคุกคามซูฉินเลย

 

“สัญญา?”

 

“เจ้าคู่ควรที่จะทําสัญญากับข้าด้วยหรือ?”

 

ซูฉินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะใช้ความคิดสั่งการ ทันใดนั้นอากาศในรัศมีหลายพันจ้างก็เริ่มรวมตัวเข้ามา กลายเป็นเหมือนกับกรงขัง

 

แกรัก

 

แกรัก

 

ภายในช่วงเวลานี้ ร่างของผู้อาวุโสเฉว่ยวี่แห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะและนักดาบจากพรรคหมื่นดาบก็สลายกลายเป็นผุยผงในทันที และแม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจรอดพ้นไป

 

“อ๊ากกก!”

 

“เป็นเจ้าที่บังคับข้า!!”

 

เมื่อเห็นฉากนี้ หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนก็รู้ว่าซูฉินไม่ได้วางแผนจะปล่อยเขาไป จึงคํารามออกมา

 

เห็นปราณปีศาจสีดําจํานวนนับไม่ถ้วนเข้าคลุมร่างของหมิงโยว และปราณปีศาจเหล่านั้นก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ค่อยเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายไปอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากนั้นร่างกายของหมิงโยวก็ค่อยๆเลือนรางลงเรื่อยๆ ราวกับหายไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิง

 

ในขณะนี้ แม้ว่าหมิงโยวจะยืนอยู่ตรงจุดนั้น สวมชุดคลุมสีดําเหมือนเดิม แต่ก็ไม่มีใครรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา

 

หากจะบอกว่าสภาพก่อนหน้านี้ของเขาเป็นกึ่งร่างลวงตาถึงความเป็นจริง ในตอนนี้มันได้แปรเปลี่ยนเป็นร่างลวงตาอย่างสมบูรณ์

 

“เคล็ดวิชาต้องห้ามอย่างสุดท้ายของนิกายเฮยหยวน ร่างปีศาจลวงตา สละเนื้อหนังบวงสรวงต่อร่างลวงตา ละทิ้งกายหยาบแล้วกลายเป็นร่างลวงตาตลอดไป”

 

เมื่อนักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีเห็นฉากนี้ที่ไกลๆ ร่องรอยความขมขื่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

ร่างปีศาจลวงตาของนิกายเฮยหยวน สามารถเปลี่ยนแปลงตนเองไปมาระหว่างความเป็นจริง และร่างลวงตาเป็นผลให้สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีส่วนใหญ่ในโลกหล้านี้

 

อาจกล่าวได้ว่าในหมู่ศิษย์นิกายเฮยหยวนผู้ที่ควบคุมร่างปีศาจลวงตาได้นั้น ยากเย็นอย่างยิ่งที่จะสังหารให้สิ้น โดยเฉพาะหมิงโยวที่ฝึกฝนร่างปีศาจลวงตาจนถึงขอบเขตความสําเร็จอันยิ่งใหญ่ แม้ว่าจะเป็นระดับผู้เยี่ยมยุทธลงมือเองก็ตาม ก็ไม่อาจจะทําอะไรได้

 

แน่นอน ไม่ว่าร่างปีศาจลวงตาจะพิสดารสักแค่ไหน แต่อย่างไรมันก็ยังมีความเป็นจริงซ่อนอยู่ ไม่ว่าศิษย์นิกายเฮยหยวนจะกลายร่างเป็นร่างลวงตามากเท่าไหร่ พวกเขาย่อมต้องเก็บบางส่วนที่เป็นความจริงเอาไว้ เพื่อที่จะเปลี่ยนจากร่างลวงตาให้กลับเป็นร่างจริงได้อีกครั้ง

 

แต่ตอนนี้หมิงโยวได้ละทิ้งเศษเสี้ยวของความเป็นจริงไปหมดสิ้นแล้ว หลังจากวันนี้ แม้ว่าหมิงโยวจะมีชีวิตรอดไปได้ เขาก็จะไม่มีปราณชีวิต ไม่มีเลือดเนื้อ หรือร่างกายที่สมบูรณ์อีกต่อไป แม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ถูกหลอมรวมเข้าไปด้วย จากนี้ความแข็งแกร่งของเขาจะหยุดนิ่ง ทุกสิ่งจะจมอยู่ในภาพลวงตาตลอดไป

 

ศิษย์นิกายเฮยหยวนบางคน แม้จะต้องเสียชีวิตจากการต่อสู้ ก็ไม่เต็มใจจะเลือกสิ่งนี้ เป็นคนที่ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง

 

และแน่นอน

 

หมิงโยวเลือกที่เปลี่ยนเป็นร่างลวงตาอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเขาจะต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

แต่ในทางกลับกัน สภาวะของหมิงโยวตอนนี้ สามารถเพิกเฉยต่อการโจมตีใดๆก็ตามเกือบทั้งหมดบนโลกนี้

 

เว้นแต่จะเป็นมหาอํานาจผู้ไร้เปรียบที่สามารถควบแน่น อาณาเขตขนาดเล็ก ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเหล่าตํานานยุทธ ไม่เช่นนั้นแม้จะเป็นเหล่าบรรพชน ก็ไม่มีทางทําอะไรเขาได้

 

“แม้แต่หมิงโยวยังต้องถูกบังคับให้เอาตัวรอดด้วยวิธีนี้ ข้าควรทําเช่นไรดี?” นักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีถอนหายใจออกมาเบาๆ

 

แม้ว่าเขาจะอยู่ไกลออกมาจากซูฉิน แต่เขาก็ยังอยู่ในเกาะหยิงโจว

 

“สหายเต้าหมิงโยวช่างกล้าหาญ”

 

นักพรตเฒ่าสายหัวเล็กน้อย ในความเห็นของเขา หมิงโยวน่าจะรอดชีวิตแน่แล้ว ไม่ว่าซูฉินจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็คงทําอะไรหมิงโยวที่อยู่ในสภาวะลวงตาอย่างสมบูรณ์ไม่ได้

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“เจ้าไม่ได้พยายามจะสังหารข้าหรอกหรือ?”

 

“มาสิ มาสังหารข้าสิ!”

 

หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนขู่คํารามใสซูฉินราวกับคนบ้า

 

เขาละทิ้งซึ่งความเป็นจริงและกลายเป็นร่างลวงตา ชีวิตของเขาได้พังพินาศเพราะต้องอยู่ในสภาพร่างลวงตาตล อดไป ซึ่งทั้งหมดก็เป็นซูฉินที่บีบบังคับ

 

ดังนั้นแม้ว่าความแข็งแกร่งของซูฉินจะเหนือกว่าผู้เยี่ย มยุทธ เข้าถึงระดับที่เหล่าบรรพชนเท่านั้นที่เคยไปถึง แต่ห มิงโยวก็ไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

 

ซูฉินแข็งแกร่งแล้วอย่างไร?

 

ตราบใดที่ไม่มีอาณาเขตขนาดเล็ก ก็ไม่มีทางจะทําอะไรได้ ทําได้แค่จ้องมองเฉยๆเท่านั้น

 

แม้ว่าการบรรลุถึงขอบเขตตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ด จะมีความหวังในการควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็ก

 

แต่ความหวังนั้นมันก็ช่างริบหรี่เหลือเกิน

 

ในความเป็นจริง มีเพียงจุดสูงสุดของตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เก้าเท่านั้นที่สามารถทําได้

 

ดังนั้น

 

หมิงโยวในตอนนี้ จึงทําตัวไร้ยางอายได้อย่างเต็มที่

 

ในขณะนี้ หมิงโยวก็บังเอิญสังเกตเห็นชิงชิวเฉียนเฉียนที่ยืนอยู่ถัดจากซูฉิน

 

ในตอนนี้เจ้าภูตอสูรจิ้งจอกตัวน้อยกําลังมองเขาด้วยความเวทนา

 

เวทนา?

 

หมิงโยวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ตอบสนองไม่ถูกไปสักพักใหญ่

 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่หมิงโยวจะหาสาเหตุของความ “เวทนา” จากชิงชิวเฉียนเฉียนได้

 

เสียงที่สงบและเย็นเยียบก็ดังผ่านเข้ามาในหู

 

“ได้ตามที่ขอ”

 

“อะไร?” จู่ๆ ความรู้สึกราวกับเจอภัยร้ายก็แวบเข้ามาในใจของหมิงโยว และต้องการหลบหนีจากไป ในตอนนี้เขาได้แปลงเป็นร่างลวงตาอย่างสมบูรณ์ ความเร็วก็เพิ่มสูงขึ้นโดยธรรมชาติ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะหนีไปได้ไกลหลายร้อยลี้

 

แต่ก็เท่านั้น

 

ในตอนนี้เอง

 

หมิงโยวก็รู้ว่าอากาศรอบตัวเขานั้นแข็งราวกับเหล็ก กักขังเขาไว้แน่น เคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้

 

“เป็นไปได้เยี่ยงไร?”

 

“ข้ากลายเป็นร่างลวงตาอย่างสมบูรณ์แล้ว จะมาถูกกักขังเอาไว้ได้อย่างไร?”

 

หมิงโยวเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ ทันใดนั้นเขาก็มองไปทางซูฉินด้วยใบหน้าที่สิ้นหวัง “อาณาเขต?”

 

“เขาควบแน่นอาณาเขตได้แล้ว?”

 

บนโลกใบนี้ นอกเหนือจากอาณาเขตแล้ว หมิงโยวก็ไม่อาจจะคิดออกว่า ยังจะมีวิธีการใดที่สามารถกักขังเขาเอาไว้ได้ดังเช่นตอนนี้อีก?

 

ในเวลาต่อมา

 

แรงกดดันอันน่าหวาดกลัวก็ถูกบีบอัดเข้ามา

 

ภายใต้แรงกดดันอันหนักหน่วงนี้ แม้ว่าหมิงโยวจะแปลงเป็นร่างลวงตาแล้วก็ตาม รูปร่างของเขาก็ค่อยๆแตกเป็นเสี่ยงๆ รอยร้าวแพร่กระจายไปทั่วทุกตารางนิ้ว จากนั้นก็หายไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิง

 

“ร่างลวงตา?”

 

ใบหน้าของซูฉินเคลือบฉาบไว้ด้วยความดูถูก

 

สิ่งที่เรียกว่าร่างลวงตา มันก็แค่ลมปาก แม้ว่าซูฉินจะไม่ใช้อาณาเขต แต่ก็มีวิธีอื่นอีกมากมายนับสิบวิธีที่สามารถจัดการกับหมิงโยวได้ เพียงแค่การใช้อาณาเขตนั้นเป็นสิ่งที่ง่าย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

ตัวอย่างเช่น ฝ่ามือยไลเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของวัดเส้าหลิน หรือคัมภีร์มารเก่าวิถี และอีกอย่างก็คือเปลวไฟที่แท้จริงของอีกาทองคําสามขา

 

“อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนความเป็นจริงให้กลายเป็นร่างลวงตานั้นมีความข้องเกี่ยวกับวิถีมาร” ซูฉินแตะปลายคาง ใบหน้าของเขาครุ่นคิด

 

“วิถีมาร” จากปากของซูฉินไม่ใช่วิถีมารของพรรคมาร แต่เป็นเผ่าปีศาจในโลกถ้ําใต้ดิน

 

“นายท่านช่างทรงพลังไร้เปรียบจริงๆ”

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวออกด้วยความเคารพ

 

ก่อนที่ซูฉินจะปิดด่านฝึกตน เขาก็สามารถสังหารชิงชิวชิงหลิงได้ด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว หลังจากที่เพิ่งจะฟาดฟันค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่บนเกาะหยิงโจวจนฉีกขาด

 

สภาวะของหมิงโยวเมื่อครู่อาจจะพิสดารก็จริง แต่หากจะคิดว่าสามารถทําให้ซูฉินอับอายได้ล่ะก็ คงจะเป็นเรื่องตลกแล้ว

 

“นี่คือ?”

 

นักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีมองดูซูฉินจากระยะไกลอย่างไม่อยากเชื่อ

 

เขาได้เห็นกับตาของตนเองว่าหมิงโยวในสภาวะร่างลวงตาได้กลายเป็นความว่างเปล่าอย่างแท้จริงเมื่อครู่นี้เอง

 

“ตาเจ้าแล้ว….

…”

ซูฉินมองไปที่นักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถี จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็เคลื่อนออกไป

 

ทันใดนั้น นักพรตเฒ่าก็รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมได้เปลี่ยนไป และเมื่อมองรอบๆ เขาก็พบว่าตนมายืนอยู่เบื้องหน้าของซูฉินแล้ว

 

“การเคลื่อนย้ายมวลสารเช่นนี้ ข้าคิดว่ามันคงเป็นพลังของอาณาเขต

 

ใบหน้าของนักพรตเฒ่าซีดเซียว เขายังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมิงโยวไม่หาย แต่พอรู้ตัวอีกทีปรากฏว่าอีกฝ่ายได้ตายไปเสียนานแล้ว

 

สิ่งที่เข้าใจได้ยากที่สุดสําหรับร่างปีศาจลวงตาของนิกายเฮยหยวนก็คือการเปลี่ยนแปลงไปมาระหว่างร่างลวงตาและความเป็นจริง แต่ทั้งหมดนั้นก็ล้วนอยู่ในโลก ณ ปัจจุบันขณะอยู่ดี

 

อย่างไรก็ตาม พลังของอาณาเขตสามารถเข้าแทรกแซงโลกหล้าใต้ผืนฟ้าเหนือแผ่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ร่างปีศาจลวงตาจะอย่างไรก็ยังอยู่บนโลกใบนี้ เทียบเท่ากับอยู่ในเป้าหมายของอาณาเขตโดยตรง สามารถจินตนาการได้ไม่ยากเลย ว่ามันจะจบลงเช่นไร

 

อาจกล่าวได้ว่าพลังของอาณาเขตนั้นควบคุมร่างปีศาจลวงตาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์

 

“คารวะผู้อาวุโส”

 

จิตใจของนักพรตเฒ่าผู้มากประสบการณ์ก็กลับมาสงบลงอย่างรวดเร็วและกล่าวออกด้วยความเคารพ “ไม่ว่าผู้ อาวุโสต้องการจะทราบสิ่งใด ผู้น้อยย่อมตอบได้ทุกเรื่อง”

 

นักพรตเฒ่ารู้ดีอยู่แก่ใจตน ว่าถ้าซูฉินควบแน่นอาณาเขตได้แล้วจริงๆ เพียงแค่ความคิดเดียวก็สามารถสังหารตนได้อย่างง่ายดาย

 

ภายในอาณาเขตนั้น ซูฉินเป็นนายเหนือหัวแต่เพียงผู้เดียว

 

และตอนนี้เขาก็ยังไม่ตาย มีความเป็นไปได้เดียวคือ ซูฉินไม่ต้องการจะสังหารเขาในเวลานี้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 223 ไฟลับในมือหมิงโยว

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 223 ไฟลับในมือหมิงโยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 223 ไฟลับในมือหมิงโยว

 

“เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้เยี่ยงไร?”

 

ขณะนี้ความอัศจรรย์ใจท่วมท้นอยู่ในความรู้สึกของนักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถี

 

เขาคิดว่าตนเองประเมินซูฉินสูงพอแล้ว คาดเดาไปว่าควรจะเป็นตัวตนในระดับผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงสุด

 

ถึงแม้จะเป็นผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงสุด เมื่อเผชิญกับทักษะก้นหีบที่ใช้เฉพาะยามสิ้นหวังของหมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวน รวมถึงผู้อาวุโสนิกายใหญ่ทั้งสองคนเช่นนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะได้ในพริบตา อย่างน้อยก็ต้องใช้ชั้นเชิงบางอย่างเข้าช่วย

 

ในความเห็นของนักพรตเฒ่า ซูฉินไม่จําเป็นต้องต่อสู้กับพวกหมิงโยวอย่างเต็มกําลัง เพียงแต่ต้องลากถ่วงการต่อสู้ออกไปให้นานที่สุด จนกว่าพลังของคู่ต่อสู้จะหมดลง ก็สามารถเข้าจัดการได้อย่างง่ายดาย

 

อย่างไรก็ตาม นักพรตเฒ่าไม่ได้คาดหวังว่าหมิงโยวและผู้อาวุโสนิกายใหญ่อีกสองคน เมื่ออยู่ต่อหน้าซูฉินจะอ่อนแอราวกับกระดาษ แม้จะใช้ทักษะลับต้องห้ามจนหมดก็ยังไม่สามารถต่อกรได้เลยแม้แต่น้อย

 

“เขาแข็งแกร่งมาก ทําไมเขาไม่ลงมือตั้งแต่แรก? อยากจะรอดูพวกเราบุกเข้ามาในเกาะงั้นหรือ?”

 

ฝ่ามือฝ่าเท้าของนักพรตเฒ่าเย็นเยียบ ร่องรอยของความพิศวงงงงวยสาดวาบเข้ามาในใจ เพราะหลังจากค่ายกลฉีกขาด มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามมา พวกเขาจึงตรงเข้ามาถึงที่นี่

 

นักพรตเฒ่าไม่ทราบว่าซูฉินอยู่ในช่วงปิดด่านฝึกตนก่อนหน้านี้ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดถูกดึงกลับเข้าไปภายในร่าง ในเวลาต่อมาหลังจากชิงชิวเฉียนเฉียนแจ้งว่ามีผู้บุกรุกเข้ามา ซูฉินจึงปล่อยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปตรวจสอบ และเมื่อรู้ว่าผู้รุกเป็นพวกเขา ซูฉินก็ไม่ได้สนใจจะลงมือในทันที แต่เลือกสัมผัสประสบการณ์ ทําความคุ้นชินกับรายละเอียดต่างๆของระดับนภาชั้นที่แปดแทน

 

สําหรับซูฉิน ไม่ว่าจะเป็นหมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนหรือคนอื่นอีกสองสามคน พวกเขาก็ไม่ต่างไปจากมดแมลง สามารถเหยียบย่ําจนตายเมื่อไหร่ก็ได้ มันจะเทียบกับการสัมผัสความรู้สึกหลังพัฒนาขั้นได้อย่างไร?

 

ไม่ต้องสงสัย

 

นี่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของกลุ่มหมิงโยวนั้นอ่อนแอเกินไป หากเป็นกลุ่มตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ด ชั้นที่แปด หรือระดับนภาชั้นที่เก้าฝ่าเข้ามา ซูฉินจะไม่ทําตัวใหญ่โตเช่นนี้แน่นอน

 

“แต่เดิมข้าก็คิดจะให้เจ้ารออีกสักหน่อย”

 

ดวงตาอันสงบนิ่งของซูฉินมองไปที่หมิงโยว

 

ที่จริงแล้วนอกจากหมิงโยวที่ยังคงยืนอยู่ได้ ผู้อาวุโสเฉว่ยวี่จากตําหนักเทพเจ้าหิมะ นักดาบจากพรรคหมื่นดาบต่างล้วนลงไปนอนกองอยู่กับพื้น บาดเจ็บรุนแรงและกําลังจะตาย

 

“พลังของเจ้าช่างน่ากลัวนัก น่าจะเหนือกว่าระดับผู้เยี่ยมยุทธไปแล้ว…”

 

หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนสงบใจลง ยิ่งเขาเข้าใกล้ความเป็นความตายมากเท่าไหร่ เขายิ่งสงบขึ้นมากเท่านั้น เพราะหมิงโยวรู้แก่ใจว่ามีเพียงต้องทําเช่นนี้เท่านั้นจึงจะรอดชีวิตไปได้

 

“ข้ามาจากนิกายเฮยหยวนในดินแดนโพ้นทะเล เจ้าคงจะเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้าง” หมิงโยวประมวลผลในสมอง และเปิดปากพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

 

“ตราบใดที่เจ้าปล่อยข้าไป นิกายเฮยหยวนของข้า ขอให้คําสัตย์สัญญาว่า หากเจ้าต้องการสั่งการสิ่งใดในอนาคต นิกายของข้าจะปฏิบัติตามที่เจ้าต้องการ”

 

เหงื่อเย็นซึมออกมาตามหน้าผากของหมิงโยว

 

เขารู้ดีว่าชายผู้แข็งแกร่งเช่นซูฉิน การข่มขู่นั้นย่อมไม่ได้ผล รังแต่จะทําให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองใจ

 

แน่นอนว่าย่อมมีบรรพชนในนิกายเฮยหยวนที่เหนือกว่าระดับผู้เยี่ยมยุทธ แต่แล้วอย่างไรเล่า? บรรพชนเฒ่าเหล่านั้น เลือดเนื้อและปราณฉีถดถอยไปนานแล้ว ใกล้สิ้นอายุขัยเต็มทน เว้นแต่นิกายเฮยหยวนจะประสบภัยพิบัติ หากไม่ใช่เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตื่นจากหลับใหล ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่จะมาคุกคามซูฉินเลย

 

“สัญญา?”

 

“เจ้าคู่ควรที่จะทําสัญญากับข้าด้วยหรือ?”

 

ซูฉินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะใช้ความคิดสั่งการ ทันใดนั้นอากาศในรัศมีหลายพันจ้างก็เริ่มรวมตัวเข้ามา กลายเป็นเหมือนกับกรงขัง

 

แกรัก

 

แกรัก

 

ภายในช่วงเวลานี้ ร่างของผู้อาวุโสเฉว่ยวี่แห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะและนักดาบจากพรรคหมื่นดาบก็สลายกลายเป็นผุยผงในทันที และแม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจรอดพ้นไป

 

“อ๊ากกก!”

 

“เป็นเจ้าที่บังคับข้า!!”

 

เมื่อเห็นฉากนี้ หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนก็รู้ว่าซูฉินไม่ได้วางแผนจะปล่อยเขาไป จึงคํารามออกมา

 

เห็นปราณปีศาจสีดําจํานวนนับไม่ถ้วนเข้าคลุมร่างของหมิงโยว และปราณปีศาจเหล่านั้นก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ค่อยเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายไปอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากนั้นร่างกายของหมิงโยวก็ค่อยๆเลือนรางลงเรื่อยๆ ราวกับหายไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิง

 

ในขณะนี้ แม้ว่าหมิงโยวจะยืนอยู่ตรงจุดนั้น สวมชุดคลุมสีดําเหมือนเดิม แต่ก็ไม่มีใครรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา

 

หากจะบอกว่าสภาพก่อนหน้านี้ของเขาเป็นกึ่งร่างลวงตาถึงความเป็นจริง ในตอนนี้มันได้แปรเปลี่ยนเป็นร่างลวงตาอย่างสมบูรณ์

 

“เคล็ดวิชาต้องห้ามอย่างสุดท้ายของนิกายเฮยหยวน ร่างปีศาจลวงตา สละเนื้อหนังบวงสรวงต่อร่างลวงตา ละทิ้งกายหยาบแล้วกลายเป็นร่างลวงตาตลอดไป”

 

เมื่อนักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีเห็นฉากนี้ที่ไกลๆ ร่องรอยความขมขื่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

ร่างปีศาจลวงตาของนิกายเฮยหยวน สามารถเปลี่ยนแปลงตนเองไปมาระหว่างความเป็นจริง และร่างลวงตาเป็นผลให้สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีส่วนใหญ่ในโลกหล้านี้

 

อาจกล่าวได้ว่าในหมู่ศิษย์นิกายเฮยหยวนผู้ที่ควบคุมร่างปีศาจลวงตาได้นั้น ยากเย็นอย่างยิ่งที่จะสังหารให้สิ้น โดยเฉพาะหมิงโยวที่ฝึกฝนร่างปีศาจลวงตาจนถึงขอบเขตความสําเร็จอันยิ่งใหญ่ แม้ว่าจะเป็นระดับผู้เยี่ยมยุทธลงมือเองก็ตาม ก็ไม่อาจจะทําอะไรได้

 

แน่นอน ไม่ว่าร่างปีศาจลวงตาจะพิสดารสักแค่ไหน แต่อย่างไรมันก็ยังมีความเป็นจริงซ่อนอยู่ ไม่ว่าศิษย์นิกายเฮยหยวนจะกลายร่างเป็นร่างลวงตามากเท่าไหร่ พวกเขาย่อมต้องเก็บบางส่วนที่เป็นความจริงเอาไว้ เพื่อที่จะเปลี่ยนจากร่างลวงตาให้กลับเป็นร่างจริงได้อีกครั้ง

 

แต่ตอนนี้หมิงโยวได้ละทิ้งเศษเสี้ยวของความเป็นจริงไปหมดสิ้นแล้ว หลังจากวันนี้ แม้ว่าหมิงโยวจะมีชีวิตรอดไปได้ เขาก็จะไม่มีปราณชีวิต ไม่มีเลือดเนื้อ หรือร่างกายที่สมบูรณ์อีกต่อไป แม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ถูกหลอมรวมเข้าไปด้วย จากนี้ความแข็งแกร่งของเขาจะหยุดนิ่ง ทุกสิ่งจะจมอยู่ในภาพลวงตาตลอดไป

 

ศิษย์นิกายเฮยหยวนบางคน แม้จะต้องเสียชีวิตจากการต่อสู้ ก็ไม่เต็มใจจะเลือกสิ่งนี้ เป็นคนที่ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง

 

และแน่นอน

 

หมิงโยวเลือกที่เปลี่ยนเป็นร่างลวงตาอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเขาจะต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

แต่ในทางกลับกัน สภาวะของหมิงโยวตอนนี้ สามารถเพิกเฉยต่อการโจมตีใดๆก็ตามเกือบทั้งหมดบนโลกนี้

 

เว้นแต่จะเป็นมหาอํานาจผู้ไร้เปรียบที่สามารถควบแน่น อาณาเขตขนาดเล็ก ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเหล่าตํานานยุทธ ไม่เช่นนั้นแม้จะเป็นเหล่าบรรพชน ก็ไม่มีทางทําอะไรเขาได้

 

“แม้แต่หมิงโยวยังต้องถูกบังคับให้เอาตัวรอดด้วยวิธีนี้ ข้าควรทําเช่นไรดี?” นักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีถอนหายใจออกมาเบาๆ

 

แม้ว่าเขาจะอยู่ไกลออกมาจากซูฉิน แต่เขาก็ยังอยู่ในเกาะหยิงโจว

 

“สหายเต้าหมิงโยวช่างกล้าหาญ”

 

นักพรตเฒ่าสายหัวเล็กน้อย ในความเห็นของเขา หมิงโยวน่าจะรอดชีวิตแน่แล้ว ไม่ว่าซูฉินจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็คงทําอะไรหมิงโยวที่อยู่ในสภาวะลวงตาอย่างสมบูรณ์ไม่ได้

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“เจ้าไม่ได้พยายามจะสังหารข้าหรอกหรือ?”

 

“มาสิ มาสังหารข้าสิ!”

 

หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนขู่คํารามใสซูฉินราวกับคนบ้า

 

เขาละทิ้งซึ่งความเป็นจริงและกลายเป็นร่างลวงตา ชีวิตของเขาได้พังพินาศเพราะต้องอยู่ในสภาพร่างลวงตาตล อดไป ซึ่งทั้งหมดก็เป็นซูฉินที่บีบบังคับ

 

ดังนั้นแม้ว่าความแข็งแกร่งของซูฉินจะเหนือกว่าผู้เยี่ย มยุทธ เข้าถึงระดับที่เหล่าบรรพชนเท่านั้นที่เคยไปถึง แต่ห มิงโยวก็ไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

 

ซูฉินแข็งแกร่งแล้วอย่างไร?

 

ตราบใดที่ไม่มีอาณาเขตขนาดเล็ก ก็ไม่มีทางจะทําอะไรได้ ทําได้แค่จ้องมองเฉยๆเท่านั้น

 

แม้ว่าการบรรลุถึงขอบเขตตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ด จะมีความหวังในการควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็ก

 

แต่ความหวังนั้นมันก็ช่างริบหรี่เหลือเกิน

 

ในความเป็นจริง มีเพียงจุดสูงสุดของตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เก้าเท่านั้นที่สามารถทําได้

 

ดังนั้น

 

หมิงโยวในตอนนี้ จึงทําตัวไร้ยางอายได้อย่างเต็มที่

 

ในขณะนี้ หมิงโยวก็บังเอิญสังเกตเห็นชิงชิวเฉียนเฉียนที่ยืนอยู่ถัดจากซูฉิน

 

ในตอนนี้เจ้าภูตอสูรจิ้งจอกตัวน้อยกําลังมองเขาด้วยความเวทนา

 

เวทนา?

 

หมิงโยวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ตอบสนองไม่ถูกไปสักพักใหญ่

 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่หมิงโยวจะหาสาเหตุของความ “เวทนา” จากชิงชิวเฉียนเฉียนได้

 

เสียงที่สงบและเย็นเยียบก็ดังผ่านเข้ามาในหู

 

“ได้ตามที่ขอ”

 

“อะไร?” จู่ๆ ความรู้สึกราวกับเจอภัยร้ายก็แวบเข้ามาในใจของหมิงโยว และต้องการหลบหนีจากไป ในตอนนี้เขาได้แปลงเป็นร่างลวงตาอย่างสมบูรณ์ ความเร็วก็เพิ่มสูงขึ้นโดยธรรมชาติ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะหนีไปได้ไกลหลายร้อยลี้

 

แต่ก็เท่านั้น

 

ในตอนนี้เอง

 

หมิงโยวก็รู้ว่าอากาศรอบตัวเขานั้นแข็งราวกับเหล็ก กักขังเขาไว้แน่น เคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้

 

“เป็นไปได้เยี่ยงไร?”

 

“ข้ากลายเป็นร่างลวงตาอย่างสมบูรณ์แล้ว จะมาถูกกักขังเอาไว้ได้อย่างไร?”

 

หมิงโยวเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ ทันใดนั้นเขาก็มองไปทางซูฉินด้วยใบหน้าที่สิ้นหวัง “อาณาเขต?”

 

“เขาควบแน่นอาณาเขตได้แล้ว?”

 

บนโลกใบนี้ นอกเหนือจากอาณาเขตแล้ว หมิงโยวก็ไม่อาจจะคิดออกว่า ยังจะมีวิธีการใดที่สามารถกักขังเขาเอาไว้ได้ดังเช่นตอนนี้อีก?

 

ในเวลาต่อมา

 

แรงกดดันอันน่าหวาดกลัวก็ถูกบีบอัดเข้ามา

 

ภายใต้แรงกดดันอันหนักหน่วงนี้ แม้ว่าหมิงโยวจะแปลงเป็นร่างลวงตาแล้วก็ตาม รูปร่างของเขาก็ค่อยๆแตกเป็นเสี่ยงๆ รอยร้าวแพร่กระจายไปทั่วทุกตารางนิ้ว จากนั้นก็หายไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิง

 

“ร่างลวงตา?”

 

ใบหน้าของซูฉินเคลือบฉาบไว้ด้วยความดูถูก

 

สิ่งที่เรียกว่าร่างลวงตา มันก็แค่ลมปาก แม้ว่าซูฉินจะไม่ใช้อาณาเขต แต่ก็มีวิธีอื่นอีกมากมายนับสิบวิธีที่สามารถจัดการกับหมิงโยวได้ เพียงแค่การใช้อาณาเขตนั้นเป็นสิ่งที่ง่าย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

ตัวอย่างเช่น ฝ่ามือยไลเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของวัดเส้าหลิน หรือคัมภีร์มารเก่าวิถี และอีกอย่างก็คือเปลวไฟที่แท้จริงของอีกาทองคําสามขา

 

“อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนความเป็นจริงให้กลายเป็นร่างลวงตานั้นมีความข้องเกี่ยวกับวิถีมาร” ซูฉินแตะปลายคาง ใบหน้าของเขาครุ่นคิด

 

“วิถีมาร” จากปากของซูฉินไม่ใช่วิถีมารของพรรคมาร แต่เป็นเผ่าปีศาจในโลกถ้ําใต้ดิน

 

“นายท่านช่างทรงพลังไร้เปรียบจริงๆ”

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวออกด้วยความเคารพ

 

ก่อนที่ซูฉินจะปิดด่านฝึกตน เขาก็สามารถสังหารชิงชิวชิงหลิงได้ด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว หลังจากที่เพิ่งจะฟาดฟันค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่บนเกาะหยิงโจวจนฉีกขาด

 

สภาวะของหมิงโยวเมื่อครู่อาจจะพิสดารก็จริง แต่หากจะคิดว่าสามารถทําให้ซูฉินอับอายได้ล่ะก็ คงจะเป็นเรื่องตลกแล้ว

 

“นี่คือ?”

 

นักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีมองดูซูฉินจากระยะไกลอย่างไม่อยากเชื่อ

 

เขาได้เห็นกับตาของตนเองว่าหมิงโยวในสภาวะร่างลวงตาได้กลายเป็นความว่างเปล่าอย่างแท้จริงเมื่อครู่นี้เอง

 

“ตาเจ้าแล้ว….

…”

ซูฉินมองไปที่นักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถี จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็เคลื่อนออกไป

 

ทันใดนั้น นักพรตเฒ่าก็รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมได้เปลี่ยนไป และเมื่อมองรอบๆ เขาก็พบว่าตนมายืนอยู่เบื้องหน้าของซูฉินแล้ว

 

“การเคลื่อนย้ายมวลสารเช่นนี้ ข้าคิดว่ามันคงเป็นพลังของอาณาเขต

 

ใบหน้าของนักพรตเฒ่าซีดเซียว เขายังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมิงโยวไม่หาย แต่พอรู้ตัวอีกทีปรากฏว่าอีกฝ่ายได้ตายไปเสียนานแล้ว

 

สิ่งที่เข้าใจได้ยากที่สุดสําหรับร่างปีศาจลวงตาของนิกายเฮยหยวนก็คือการเปลี่ยนแปลงไปมาระหว่างร่างลวงตาและความเป็นจริง แต่ทั้งหมดนั้นก็ล้วนอยู่ในโลก ณ ปัจจุบันขณะอยู่ดี

 

อย่างไรก็ตาม พลังของอาณาเขตสามารถเข้าแทรกแซงโลกหล้าใต้ผืนฟ้าเหนือแผ่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ร่างปีศาจลวงตาจะอย่างไรก็ยังอยู่บนโลกใบนี้ เทียบเท่ากับอยู่ในเป้าหมายของอาณาเขตโดยตรง สามารถจินตนาการได้ไม่ยากเลย ว่ามันจะจบลงเช่นไร

 

อาจกล่าวได้ว่าพลังของอาณาเขตนั้นควบคุมร่างปีศาจลวงตาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์

 

“คารวะผู้อาวุโส”

 

จิตใจของนักพรตเฒ่าผู้มากประสบการณ์ก็กลับมาสงบลงอย่างรวดเร็วและกล่าวออกด้วยความเคารพ “ไม่ว่าผู้ อาวุโสต้องการจะทราบสิ่งใด ผู้น้อยย่อมตอบได้ทุกเรื่อง”

 

นักพรตเฒ่ารู้ดีอยู่แก่ใจตน ว่าถ้าซูฉินควบแน่นอาณาเขตได้แล้วจริงๆ เพียงแค่ความคิดเดียวก็สามารถสังหารตนได้อย่างง่ายดาย

 

ภายในอาณาเขตนั้น ซูฉินเป็นนายเหนือหัวแต่เพียงผู้เดียว

 

และตอนนี้เขาก็ยังไม่ตาย มีความเป็นไปได้เดียวคือ ซูฉินไม่ต้องการจะสังหารเขาในเวลานี้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+