เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 23 ซูฉินและมารร้าย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 23 ซูฉินและมารร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 23 ซูฉินและมารร้าย

 

 

ที่ด้านนอกของหอคอยสะกดมาร

 

มีพระนับร้อยรูปคอยเดินตรวจตรา

 

ด้วยความที่เป็นเขตหวงห้ามของวัดเส้าหลิน หอคอยสะกดมารจำต้องมีภิกษุคอยเฝ้าระวังอย่างน้อยหนึ่งร้อยแปดรูปไม่ว่าจะกลางวันหรือยามค่ำคืน

 

พระทั้งหนึ่งร้อยแปดรูปนี้จะต้องมีความสามารถในการตั้งค่ายกลขนาดใหญ่ได้โดยทันที เพียงพอที่จะสกัดจับผู้เชี่ยวชาญในสามระดับบนทั่วๆ ไป ในเวลาอันสั้นได้

 

“ศิษย์พี่”

 

“ทำไมคืนนี้ข้ารู้สึกว่าหอคอยมีบางอย่างแปลกไป…”

 

พระหนุ่มมองผ่านความมืดมิดไปยังหอคอยสะกดมารที่น่าขนลุกยามนี้แล้วกระซิบแผ่วเบากับศิษย์อีกคน

 

“แปลกไป?”

 

“จะมีอะไรแปลกได้เล่า?”

 

ศิษย์ที่อาวุโสกว่าจ้องมองมาที่พระหนุ่มแล้วกล่าวตำหนิ “แค่ทำหน้าที่ของตนดีๆ อย่าได้มัวแต่หันมองนู่นนี่”

 

“ขอรับ”

 

พระหนุ่มหดหัวลง

 

ขณะนั้นเอง

 

ครืน!!!

 

พวกเขาก็เห็นว่าหอคอยสะกดมารสั่นไหว

 

สงฆ์ทั้งร้อยแปดรูปที่เฝ้าระวังอยู่ด้านนอกหอคอยสะกดมารต่างตกตะลึงแล้วพากันจ้องมองไปที่หอคอยสะกดมารโดยไม่รู้ตัว

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ข้ารู้สึกได้ว่าหอคอยสะกดมารเหมือนจะสั่นไหว ใช่หรือเปล่านะ?”

 

“ใช้ ข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกัน คิดว่าเป็นภาพลวงตาเสียอีก”

 

 

เหล่าสงฆ์ต่างแปลกใจ

 

อย่างไรก็ตาม ความแปลกใจถูกหยุดอยู่เพียงเท่านั้น

 

ในเวลาต่อมา

 

แกร๊ก

 

ช่องว่างด้านข้างประตูของหอคอยสะกดมารพลันแตกออก

 

เงาร่างสีดำของมารร้ายกระโดดออกมาจากช่องว่างนั้นและยืนจังก้าอยู่ด้านนอกหอคอยสะกดมารเป็นที่เรียบร้อย

 

“ออกมาแล้ว”

 

“ในที่สุดข้าก็ออกมาได้แล้ว!”

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตดีใจอย่างเหลือล้น

 

ความจริงแล้วก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปในหอคอยสะกดมาร มารเฒ่ากลืนโลหิตก็มีความลังเลอยู่เล็กน้อยในเรื่องที่เสี่ยงเช่นนี้

 

นอกเหนือจากนั้น

 

ในหนังสือโบราณที่ได้รับมา ระบุไว้ว่ามีช่องโหว่มากมายในค่ายกลฟ้าดินภายในหอคอยสะกดมาร…

 

แต่ก่อนที่จะได้ลองด้วยตนเองจริงๆ ใครกันจะมั่นใจได้ว่าสิ่งที่หนังสือโบราณได้บอกไว้เป็นความจริงหรือไม่?

 

นี่คือหอคอยสะกดมารแห่งวัดเส้าหลินเชียวนะ

 

ไม่รู้ว่ามีตัวตนเก่งกาจราวกับสัตว์ประหลาดกี่ตนแล้วที่ถูกปราบปรามกักขังอยู่ภายใน?

 

พวกมารร้ายเหล่านี้ไม่เคยออกมาได้เลยตั้งแต่ที่ถูกขังไว้ด้านในหอคอย

 

พวกเขาไม่ได้อย่างออกมางั้นหรือ?

 

ย่อมมิใช่

 

เป็นเพราะพวกมันไม่สามารถหนีออกไปได้ต่างหาก

 

นั่นล่ะคือความน่าพรั่นพรึงของหอคอยสะกดมาร

 

แต่ตอนนี้

 

กลับมีหนังสือโบราณเล่มหนึ่งเขียนว่าหอคอยสะกดมารนี้มีช่องโหว่?

 

ถ้าใครสักคนมาบอกว่ามีช่องโหว่ มันก็แปลว่ามีช่องโหว่จริงๆ อย่างนั้นหรือ?

 

แล้วถ้าในกรณีที่หนังสือโบราณกล่าวไว้เป็นเท็จ…

 

ไม่ใช่ว่ามารเฒ่าโลหิตได้ขุดหลุมฝังตัวเองไปแล้วหรอกรึ?

 

แต่ทั้งหมดที่ว่ามาก็เท่านั้น

 

ในท้ายที่สุดมารเฒ่าก็ตัดสินใจกระทำลงไปแล้วอยู่ดี

 

นั่นเพราะยามเมื่อแผนประสบความสำเร็จ ด้วยมารร้ายจำนวนมหาศาลที่มารเฒ่าได้สูบกลืนพลังมา มารเฒ่ากลืนโลหิตย่อมพบโอกาสที่จะก้าวไปยืนบนจุดสูงสุดในใต้หล้า

 

กลิ่นหอมหวานของความสำเร็จน่าเย้ายวนถึงเพียงนี้ ไยมารเฒ่ากลืนโลหิตจะทนไหว

 

อนึ่ง

 

คำอธิบายเกี่ยวกับช่องโหว่ในหอคอยสะกดมารที่ระบุไว้ในหนังสือโบราณนั้นละเอียดมาก และไม่ได้เป็นเรื่องที่เสริมเติมแต่งแต่ประการใด มันจึงช่วยเสริมความมั่นใจให้มารเฒ่าได้อย่างดี

 

 

“ไม่ดีแล้ว”

 

“มีมารร้ายหลบหนีออกมา”

 

เมื่อเทียบกับความสุขสันต์ของมารเฒ่ากลืนโลหิต พระที่คุ้มกันหอคอยสะกดมารอยู่ต่างประหวั่นพรั่นพรึง

 

ในเวลาหลายสิบปีมานี้ไม่เคยมีประวัติการหลบหนีของมารร้ายจากหอคอยมาก่อน

 

“ตั้งขบวน จัดค่ายกล!!!”

 

หัวหน้าของกลุ่มสงฆ์ตะโกนด้วยน้ำเสียงรุนแรงเร่งเร้า

 

ทันใดนั้น

 

สงฆ์ทั้งหนึ่งร้อยแปดรูปต่างระงับความตกตะลึงในใจ แล้วกลับเข้าตำแหน่งของตนเองอย่างว่องไว เกิดเป็นแถวทับซ้อนกันเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ล้อมดักมารเฒ่ากลืนโลหิตที่อยู่ตรงกลางขบวนค่ายกล

 

“เป็นรูปแบบค่ายกลที่น่าเวทนาเสียจริง…”

 

“แค่การกระดิกนิ้วทีเดียวของมารเฒ่าผู้นี้ก็ทำลายมันได้แล้วกระมัง!”

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตยิ้มเยาะดูถูก

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้เข้าไปในหอคอยสะกดมาร รูปแบบค่ายกลพวกนี้ยังพอสามารถดักจับเขาเอาไว้ได้

 

แต่ตอนนี้

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตถึงขีดจำกัดสูงสุดของระดับชั้นที่สองแล้ว แทบจะสามารถกลายเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งได้ตลอดเวลาหากมีโอกาส

 

ต้องการจะดักจับตัวมันไว้ด้วยค่ายกลประเภทนี้ถือเป็นความฝัน ช่างโง่เง่า

 

บูม!!!

 

พลังมารก่อตัวขึ้นก่อนจะกระจายออกไปอย่างบ้าคลั่งทั่วทิศทาง

 

เปรี๊ยะๆๆ

 

ค่ายกลขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากสงฆ์ทั้งหนึ่งร้อยแปดรูปถูกทุบตีจนแตกพ่าย

 

สงฆ์ทั้งร้อยแปดรูปปลิวกระเด็นออกไปกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง เลือดกบปาก

 

ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา

 

ตั้งแต่ที่หอคอยสะกดมารสั่นไหว การหลบหนีของมารเฒ่ากลืนโลหิต ไปจนถึงรูปแบบค่ายกลถูกทำลายด้วยนิ้วเดียว เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่

 

เหล่าสงฆ์ต่างก็มีเวลาแค่ก่อค่ายกลเท่านั้นก่อนที่มันจะถูกทำลายลง แล้วพวกเขาต่างก็หมดสติไป

 

หมายความว่าไม่มีแม้แต่เวลาส่งข่าวไปให้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินหรือหัวหน้าตำหนักด้วยซ้ำ

 

“ฮี่ๆ แค่กระบวนท่าเดียวก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ…”

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตยกมือขวาของมันขึ้นมาดูรู้สึกเหมือนกับว่าได้ค้นพบพลังใหม่ของตนเอง มันช่างน่าตื่นเต้นยิ่งนัก

 

“หึ! วัดเส้าหลินมันก็เท่านี้แหละ!”

 

มารเฒ่าหัวเราะเยาะ

 

“ได้เวลาจากไปแล้ว”

 

มารเฒ่าหันมองไปรอบๆ

 

ถึงแม้ว่ามารเฒ่าจะหนีมาจากหอคอยสะกดมารได้และไม่มอบโอกาสใดให้สงฆ์ที่ทำหน้าที่ตรวจตราได้ส่งข่าวออกไป แต่วัดเส้าหลินก็ใช่ว่าจะโง่

 

หอคอยสะกดมารเป็นเขตหวงห้ามของวัดเส้าหลิน นี่ถึงกับมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น ต่อให้พวกเขาไม่ได้รับแจ้ง ก็ต้องมีคนระแคะระคายว่ามีบางอย่างผิดปกติเป็นแน่ ไม่ช้าก็เร็ว

 

เวลานี้ถ้ามารเฒ่ากลืนโลหิตยังมัวแต่อยู่ที่นี่ กลัวว่าเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและหัวหน้าตำหนักจะแห่กันมาปิดล้อมและสังหารเขาซะ

 

“ฮุ่ยเหวิน ไอ้ลาแก่หัวโล้น!”

 

การแสดงออกของมารเฒ่ากลืนโลหิตเปลี่ยนเป็นเย็นชา

 

ในทั้งวัดเส้าหลิน สิ่งเดียวที่มารเฒ่ากลืนโลหิตยังกลัวอยู่ก็คือเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

 

ทั้งตัวมารเฒ่าเองและเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินต่างอยู่ในระดับชั้นที่สองทั้งคู่

 

แม้ว่ามารเฒ่ากลืนโลหิตจะอยู่ในจุดสูงสุดของระดับชั้นที่สอง แต่เดิมทีวิชาของวัดเส้าหลินก็ยับยั้งวิถีมารโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แถมตอนนี้ตัวมันยังอยู่ในถิ่นของวัดเส้าหลินอีก เท่ากับว่ามันต้องต่อสู้อยู่ตัวคนเดียว

 

ยิ่งการต่อสู้ถูกลากยาวไปมากเท่าไหร่ ตัวมันเองจะยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

 

ถึงมารเฒ่ากลืนโลหิตจะมั่นใจในตนเองมากตอนนี้ แต่มันย่อมรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับตัวมัน

 

“แต่ก่อนจะจากไป ขอแวะลิ้มชิมรสเลือดเนื้อของลาหัวโล้นวัดเส้าหลินก่อนก็แล้วกัน…”

 

มารเฒ่าทอดสายตามองไปยังพระทั้งร้อยแปดรูปพลางเลียริมฝีปาก

 

ในอดีตหากมารเฒ่ากลืนโลหิตได้เจอเข้ากับศิษย์ของสุดยอดพรรคอย่างวัดเส้าหลิน ไยมันจักหาญกล้าไปยั่วยุได้?

 

แต่ด้วยความแข็งแกร่งในขณะนี้ ทำให้มารเฒ่ามีความมั่นใจอย่างมิรู้ประมาณ

 

ในเมื่อการหลบหนีออกจากหอคอยสะกดมารของมันได้สร้างความร้าวฉานกับวัดเส้าหลินไปแล้ว เช่นนั้นก็คงไม่เป็นอะไรหากมันจะดื่มกินเลือดและสูบพลังของศิษย์วัดเส้าหลินเข้าไป

 

เมื่อนึกได้แบบนั้น มารเฒ่ากลืนโลหิตก็ก้าวไปด้านหน้าภิกษุรูปหนึ่ง

 

พระรูปนี้เป็นผู้นำขบวนค่ายกล มีพลังอยู่ในระดับชั้นที่สี่ พลังชีวิตที่มากล้นแบบนี้นับว่าเป็นของชอบของมารเฒ่าเลยทีเดียว

 

“ไอ้ปีศาจ!”

 

“จงตาย!”

 

ทันใดนั้น ไอพลังของพระรูปนั้นก็พุ่งสูงขึ้น แล้วลุกขึ้นเคลื่อนตัวปล่อยหมัดเข้าใส่มารเฒ่ากลืนโลหิต

 

“ช่างอ่อนแอเสียจริง…”

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตที่เหมือนจะคาดเดาการกระทำนี้เอาไว้อยู่แล้ว ยกมือขวาขึ้นแล้วกดลงอย่างเชื่องช้า

 

ปัง!!!

 

พลังมารที่น่าสยดสยองโอบล้อมเข้ากดทับพระรูปนั้นทันที

 

“ทำไมเจ้าจึงไม่ทำตัวเชื่องๆ แล้วให้ผู้อาวุโสได้ดื่มกินพลังชีวิตของเจ้าเสียหน่อยเล่า?”

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตส่ายหัวน้อยๆ

 

“ข้าจะลากเจ้าให้ตายไปกับข้า!!!”

 

สงฆ์รูปนั้นพยายามลุกขึ้น ดวงตาแดงก่ำ

 

เมื่อเห็นฉากนั้น มารเฒ่าจึงขี้เกียจเกินกว่าจะเสวนาต่อ

 

ก็แค่สูบพลังพระพวกนี้มาเสีย จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว

 

 

ห่างออกไปหลายลี้

 

ด้านบนเขา

 

“เฮ้อ…”

 

“ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย?”

 

ซูฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วถอนหายใจออกมา

 

ระหว่างฝ่ามือของเขามีพลังหยางแข็งแกร่งที่ควบแน่นมาจากวิชากายาวัชระคงกระพัน และพลังหยินอันรุนแรงที่มาจากวิชาขัดเกลากายาจันทรา ปะทะเข้าหากันแล้วหมุนออกไปรอบๆ ระเบิดออกเป็นแสงสว่างวาบคล้ายสายฟ้าแลบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 23 ซูฉินและมารร้าย

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 23 ซูฉินและมารร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 23 ซูฉินและมารร้าย

 

 

ที่ด้านนอกของหอคอยสะกดมาร

 

มีพระนับร้อยรูปคอยเดินตรวจตรา

 

ด้วยความที่เป็นเขตหวงห้ามของวัดเส้าหลิน หอคอยสะกดมารจำต้องมีภิกษุคอยเฝ้าระวังอย่างน้อยหนึ่งร้อยแปดรูปไม่ว่าจะกลางวันหรือยามค่ำคืน

 

พระทั้งหนึ่งร้อยแปดรูปนี้จะต้องมีความสามารถในการตั้งค่ายกลขนาดใหญ่ได้โดยทันที เพียงพอที่จะสกัดจับผู้เชี่ยวชาญในสามระดับบนทั่วๆ ไป ในเวลาอันสั้นได้

 

“ศิษย์พี่”

 

“ทำไมคืนนี้ข้ารู้สึกว่าหอคอยมีบางอย่างแปลกไป…”

 

พระหนุ่มมองผ่านความมืดมิดไปยังหอคอยสะกดมารที่น่าขนลุกยามนี้แล้วกระซิบแผ่วเบากับศิษย์อีกคน

 

“แปลกไป?”

 

“จะมีอะไรแปลกได้เล่า?”

 

ศิษย์ที่อาวุโสกว่าจ้องมองมาที่พระหนุ่มแล้วกล่าวตำหนิ “แค่ทำหน้าที่ของตนดีๆ อย่าได้มัวแต่หันมองนู่นนี่”

 

“ขอรับ”

 

พระหนุ่มหดหัวลง

 

ขณะนั้นเอง

 

ครืน!!!

 

พวกเขาก็เห็นว่าหอคอยสะกดมารสั่นไหว

 

สงฆ์ทั้งร้อยแปดรูปที่เฝ้าระวังอยู่ด้านนอกหอคอยสะกดมารต่างตกตะลึงแล้วพากันจ้องมองไปที่หอคอยสะกดมารโดยไม่รู้ตัว

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ข้ารู้สึกได้ว่าหอคอยสะกดมารเหมือนจะสั่นไหว ใช่หรือเปล่านะ?”

 

“ใช้ ข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกัน คิดว่าเป็นภาพลวงตาเสียอีก”

 

 

เหล่าสงฆ์ต่างแปลกใจ

 

อย่างไรก็ตาม ความแปลกใจถูกหยุดอยู่เพียงเท่านั้น

 

ในเวลาต่อมา

 

แกร๊ก

 

ช่องว่างด้านข้างประตูของหอคอยสะกดมารพลันแตกออก

 

เงาร่างสีดำของมารร้ายกระโดดออกมาจากช่องว่างนั้นและยืนจังก้าอยู่ด้านนอกหอคอยสะกดมารเป็นที่เรียบร้อย

 

“ออกมาแล้ว”

 

“ในที่สุดข้าก็ออกมาได้แล้ว!”

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตดีใจอย่างเหลือล้น

 

ความจริงแล้วก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปในหอคอยสะกดมาร มารเฒ่ากลืนโลหิตก็มีความลังเลอยู่เล็กน้อยในเรื่องที่เสี่ยงเช่นนี้

 

นอกเหนือจากนั้น

 

ในหนังสือโบราณที่ได้รับมา ระบุไว้ว่ามีช่องโหว่มากมายในค่ายกลฟ้าดินภายในหอคอยสะกดมาร…

 

แต่ก่อนที่จะได้ลองด้วยตนเองจริงๆ ใครกันจะมั่นใจได้ว่าสิ่งที่หนังสือโบราณได้บอกไว้เป็นความจริงหรือไม่?

 

นี่คือหอคอยสะกดมารแห่งวัดเส้าหลินเชียวนะ

 

ไม่รู้ว่ามีตัวตนเก่งกาจราวกับสัตว์ประหลาดกี่ตนแล้วที่ถูกปราบปรามกักขังอยู่ภายใน?

 

พวกมารร้ายเหล่านี้ไม่เคยออกมาได้เลยตั้งแต่ที่ถูกขังไว้ด้านในหอคอย

 

พวกเขาไม่ได้อย่างออกมางั้นหรือ?

 

ย่อมมิใช่

 

เป็นเพราะพวกมันไม่สามารถหนีออกไปได้ต่างหาก

 

นั่นล่ะคือความน่าพรั่นพรึงของหอคอยสะกดมาร

 

แต่ตอนนี้

 

กลับมีหนังสือโบราณเล่มหนึ่งเขียนว่าหอคอยสะกดมารนี้มีช่องโหว่?

 

ถ้าใครสักคนมาบอกว่ามีช่องโหว่ มันก็แปลว่ามีช่องโหว่จริงๆ อย่างนั้นหรือ?

 

แล้วถ้าในกรณีที่หนังสือโบราณกล่าวไว้เป็นเท็จ…

 

ไม่ใช่ว่ามารเฒ่าโลหิตได้ขุดหลุมฝังตัวเองไปแล้วหรอกรึ?

 

แต่ทั้งหมดที่ว่ามาก็เท่านั้น

 

ในท้ายที่สุดมารเฒ่าก็ตัดสินใจกระทำลงไปแล้วอยู่ดี

 

นั่นเพราะยามเมื่อแผนประสบความสำเร็จ ด้วยมารร้ายจำนวนมหาศาลที่มารเฒ่าได้สูบกลืนพลังมา มารเฒ่ากลืนโลหิตย่อมพบโอกาสที่จะก้าวไปยืนบนจุดสูงสุดในใต้หล้า

 

กลิ่นหอมหวานของความสำเร็จน่าเย้ายวนถึงเพียงนี้ ไยมารเฒ่ากลืนโลหิตจะทนไหว

 

อนึ่ง

 

คำอธิบายเกี่ยวกับช่องโหว่ในหอคอยสะกดมารที่ระบุไว้ในหนังสือโบราณนั้นละเอียดมาก และไม่ได้เป็นเรื่องที่เสริมเติมแต่งแต่ประการใด มันจึงช่วยเสริมความมั่นใจให้มารเฒ่าได้อย่างดี

 

 

“ไม่ดีแล้ว”

 

“มีมารร้ายหลบหนีออกมา”

 

เมื่อเทียบกับความสุขสันต์ของมารเฒ่ากลืนโลหิต พระที่คุ้มกันหอคอยสะกดมารอยู่ต่างประหวั่นพรั่นพรึง

 

ในเวลาหลายสิบปีมานี้ไม่เคยมีประวัติการหลบหนีของมารร้ายจากหอคอยมาก่อน

 

“ตั้งขบวน จัดค่ายกล!!!”

 

หัวหน้าของกลุ่มสงฆ์ตะโกนด้วยน้ำเสียงรุนแรงเร่งเร้า

 

ทันใดนั้น

 

สงฆ์ทั้งหนึ่งร้อยแปดรูปต่างระงับความตกตะลึงในใจ แล้วกลับเข้าตำแหน่งของตนเองอย่างว่องไว เกิดเป็นแถวทับซ้อนกันเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ล้อมดักมารเฒ่ากลืนโลหิตที่อยู่ตรงกลางขบวนค่ายกล

 

“เป็นรูปแบบค่ายกลที่น่าเวทนาเสียจริง…”

 

“แค่การกระดิกนิ้วทีเดียวของมารเฒ่าผู้นี้ก็ทำลายมันได้แล้วกระมัง!”

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตยิ้มเยาะดูถูก

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้เข้าไปในหอคอยสะกดมาร รูปแบบค่ายกลพวกนี้ยังพอสามารถดักจับเขาเอาไว้ได้

 

แต่ตอนนี้

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตถึงขีดจำกัดสูงสุดของระดับชั้นที่สองแล้ว แทบจะสามารถกลายเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งได้ตลอดเวลาหากมีโอกาส

 

ต้องการจะดักจับตัวมันไว้ด้วยค่ายกลประเภทนี้ถือเป็นความฝัน ช่างโง่เง่า

 

บูม!!!

 

พลังมารก่อตัวขึ้นก่อนจะกระจายออกไปอย่างบ้าคลั่งทั่วทิศทาง

 

เปรี๊ยะๆๆ

 

ค่ายกลขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากสงฆ์ทั้งหนึ่งร้อยแปดรูปถูกทุบตีจนแตกพ่าย

 

สงฆ์ทั้งร้อยแปดรูปปลิวกระเด็นออกไปกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง เลือดกบปาก

 

ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา

 

ตั้งแต่ที่หอคอยสะกดมารสั่นไหว การหลบหนีของมารเฒ่ากลืนโลหิต ไปจนถึงรูปแบบค่ายกลถูกทำลายด้วยนิ้วเดียว เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่

 

เหล่าสงฆ์ต่างก็มีเวลาแค่ก่อค่ายกลเท่านั้นก่อนที่มันจะถูกทำลายลง แล้วพวกเขาต่างก็หมดสติไป

 

หมายความว่าไม่มีแม้แต่เวลาส่งข่าวไปให้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินหรือหัวหน้าตำหนักด้วยซ้ำ

 

“ฮี่ๆ แค่กระบวนท่าเดียวก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ…”

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตยกมือขวาของมันขึ้นมาดูรู้สึกเหมือนกับว่าได้ค้นพบพลังใหม่ของตนเอง มันช่างน่าตื่นเต้นยิ่งนัก

 

“หึ! วัดเส้าหลินมันก็เท่านี้แหละ!”

 

มารเฒ่าหัวเราะเยาะ

 

“ได้เวลาจากไปแล้ว”

 

มารเฒ่าหันมองไปรอบๆ

 

ถึงแม้ว่ามารเฒ่าจะหนีมาจากหอคอยสะกดมารได้และไม่มอบโอกาสใดให้สงฆ์ที่ทำหน้าที่ตรวจตราได้ส่งข่าวออกไป แต่วัดเส้าหลินก็ใช่ว่าจะโง่

 

หอคอยสะกดมารเป็นเขตหวงห้ามของวัดเส้าหลิน นี่ถึงกับมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น ต่อให้พวกเขาไม่ได้รับแจ้ง ก็ต้องมีคนระแคะระคายว่ามีบางอย่างผิดปกติเป็นแน่ ไม่ช้าก็เร็ว

 

เวลานี้ถ้ามารเฒ่ากลืนโลหิตยังมัวแต่อยู่ที่นี่ กลัวว่าเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและหัวหน้าตำหนักจะแห่กันมาปิดล้อมและสังหารเขาซะ

 

“ฮุ่ยเหวิน ไอ้ลาแก่หัวโล้น!”

 

การแสดงออกของมารเฒ่ากลืนโลหิตเปลี่ยนเป็นเย็นชา

 

ในทั้งวัดเส้าหลิน สิ่งเดียวที่มารเฒ่ากลืนโลหิตยังกลัวอยู่ก็คือเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

 

ทั้งตัวมารเฒ่าเองและเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินต่างอยู่ในระดับชั้นที่สองทั้งคู่

 

แม้ว่ามารเฒ่ากลืนโลหิตจะอยู่ในจุดสูงสุดของระดับชั้นที่สอง แต่เดิมทีวิชาของวัดเส้าหลินก็ยับยั้งวิถีมารโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แถมตอนนี้ตัวมันยังอยู่ในถิ่นของวัดเส้าหลินอีก เท่ากับว่ามันต้องต่อสู้อยู่ตัวคนเดียว

 

ยิ่งการต่อสู้ถูกลากยาวไปมากเท่าไหร่ ตัวมันเองจะยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

 

ถึงมารเฒ่ากลืนโลหิตจะมั่นใจในตนเองมากตอนนี้ แต่มันย่อมรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับตัวมัน

 

“แต่ก่อนจะจากไป ขอแวะลิ้มชิมรสเลือดเนื้อของลาหัวโล้นวัดเส้าหลินก่อนก็แล้วกัน…”

 

มารเฒ่าทอดสายตามองไปยังพระทั้งร้อยแปดรูปพลางเลียริมฝีปาก

 

ในอดีตหากมารเฒ่ากลืนโลหิตได้เจอเข้ากับศิษย์ของสุดยอดพรรคอย่างวัดเส้าหลิน ไยมันจักหาญกล้าไปยั่วยุได้?

 

แต่ด้วยความแข็งแกร่งในขณะนี้ ทำให้มารเฒ่ามีความมั่นใจอย่างมิรู้ประมาณ

 

ในเมื่อการหลบหนีออกจากหอคอยสะกดมารของมันได้สร้างความร้าวฉานกับวัดเส้าหลินไปแล้ว เช่นนั้นก็คงไม่เป็นอะไรหากมันจะดื่มกินเลือดและสูบพลังของศิษย์วัดเส้าหลินเข้าไป

 

เมื่อนึกได้แบบนั้น มารเฒ่ากลืนโลหิตก็ก้าวไปด้านหน้าภิกษุรูปหนึ่ง

 

พระรูปนี้เป็นผู้นำขบวนค่ายกล มีพลังอยู่ในระดับชั้นที่สี่ พลังชีวิตที่มากล้นแบบนี้นับว่าเป็นของชอบของมารเฒ่าเลยทีเดียว

 

“ไอ้ปีศาจ!”

 

“จงตาย!”

 

ทันใดนั้น ไอพลังของพระรูปนั้นก็พุ่งสูงขึ้น แล้วลุกขึ้นเคลื่อนตัวปล่อยหมัดเข้าใส่มารเฒ่ากลืนโลหิต

 

“ช่างอ่อนแอเสียจริง…”

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตที่เหมือนจะคาดเดาการกระทำนี้เอาไว้อยู่แล้ว ยกมือขวาขึ้นแล้วกดลงอย่างเชื่องช้า

 

ปัง!!!

 

พลังมารที่น่าสยดสยองโอบล้อมเข้ากดทับพระรูปนั้นทันที

 

“ทำไมเจ้าจึงไม่ทำตัวเชื่องๆ แล้วให้ผู้อาวุโสได้ดื่มกินพลังชีวิตของเจ้าเสียหน่อยเล่า?”

 

มารเฒ่ากลืนโลหิตส่ายหัวน้อยๆ

 

“ข้าจะลากเจ้าให้ตายไปกับข้า!!!”

 

สงฆ์รูปนั้นพยายามลุกขึ้น ดวงตาแดงก่ำ

 

เมื่อเห็นฉากนั้น มารเฒ่าจึงขี้เกียจเกินกว่าจะเสวนาต่อ

 

ก็แค่สูบพลังพระพวกนี้มาเสีย จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว

 

 

ห่างออกไปหลายลี้

 

ด้านบนเขา

 

“เฮ้อ…”

 

“ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย?”

 

ซูฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วถอนหายใจออกมา

 

ระหว่างฝ่ามือของเขามีพลังหยางแข็งแกร่งที่ควบแน่นมาจากวิชากายาวัชระคงกระพัน และพลังหยินอันรุนแรงที่มาจากวิชาขัดเกลากายาจันทรา ปะทะเข้าหากันแล้วหมุนออกไปรอบๆ ระเบิดออกเป็นแสงสว่างวาบคล้ายสายฟ้าแลบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+