เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 244 ฮือฮา

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 244 ฮือฮา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 244 ฮือฮา

เมื่อซูฉินเข้าสู่วิหารการสงคราม และยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดได้ออกจากยอดเขาคุนหลุนไปทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนเทือกเขาคุนหลุนก็ เหมือนกับคลื่นพายุพัดผ่าน แพร่กระจายไปทั่วโลก

 

“เจ้าได้ยินเรื่องนั้นมาหรือเปล่า?”

 

“จักรพรรดิมารร้ายที่สร้างความพินาศไปทั่วยุทธภพเมื่อเจ็ดสิบปีก่อนได้ตายไปแล้ว?”

“จักรพรรดิมารร้ายจะนับเป็นตัวอะไรกัน? ให้ข้าบอกให้เจ้าฟังยังมีผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินได้ไปปรากฏตัวที่เทือกเขาคุนหลุนอีกด้วย”

“อะไรนะ? ไม่ใช่ว่าผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินได้ข้ามน้ําข้ามทะเลไปแล้วหรอกหรือ เหตุไฉนจึงมาปรากฏตัวบนเทือกเขาคุนหลุนได้?”

 

“เฟยเฟย ความคิดของผู้ทรงสมณศักดิ์ ปุถุชนคนธรรมดาอย่างข้าจะไปกล้าคาดเดาได้อย่างไร?”

ภายในร้านอาหาร จอมยุทธหลายต่อหลายคนต่างพูดคุยกันทุกวันนี้กระแสปราณฉีที่ฟื้นฟูยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และสภาพแวดล้อมก็ทําให้การฝึกฝนนั้นง่ายขึ้น แม้ว่าจะยังไม่มีตํานานยุทธปรากฏขึ้นแต่จอมยุทธที่ระดับต่ํากว่าขอบเขตตํานานยุทธมีมากกว่าสิบปี ก่อนอย่างไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

ประกอบเข้ากับความจริงที่ว่าอาณาจักรถังได้ครอบครองทวีป ก่อตั้งสถานที่สอนวิทยายุทธขั้นพื้นฐานมากมาย ทําให้ผู้ฝึกยุทธระดับต่ํามีจํานวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นที่ทุกคนเป็นจอมยุทธแต่จากคนธรรมดาสิบคนจะมีคนที่เป็นผู้ฝึกยุทธอยู่สามถึงสี่คนเป็นเรื่องปกติ

 

“ข่าวที่พวกเจ้ารู้มันล้าหลังจนเกินไปแล้ว”

“ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินไม่เพียงแต่ปรากฏตัวบนเขาคุนหลุนเท่านั้นแต่ยังฉีกร่างมังกรปีศาจจากวิหารการสงครามด้วยสองมือทรงพลังยิ่งใหญ่ประดุจทวยเทพไร้เทียมทานใต้ผืนฟ้า…”

ในเวลานั้นชายที่สวมใส่ชุดคลุมผ้า เห็นได้ชัดว่าเป็นคนของตระกูลใหญ่หรือสุดยอดพรรค ค่อยๆ กล่าวออกมาอย่างช้าๆ ใบหน้า เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

 

“วิหารการสงคราม?”

“มังกรปีศาจ?”

จอมยุทธทั้งหลายภายในร้านอาหารต่างมองหน้ากัน ดูไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว

 

พวกเขารู้ว่าช่วงนี้มีข่าวลือเกี่ยวกับวิหารการสงครามมากมายและแม้แต่ศิษย์หน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ยุทธภพก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางไปยังเทือกเขาคุนหลุน ต้องการเห็นการถือกําเนิดของวิหารการสงครามด้วยตาของพวกเขาเอง

แต่มังกรปีศาจ..

มังกรปีศาจที่คอยเฝ้าอยู่ภายในวิหารการสงครามนั้นเป็นความลับสุดยอดสําหรับจอมยุทธธรรมดา แม้จะเป็นขอบเขตสามระดับบนหากไม่มีเส้นสายก็เป็นไปไม่ได้ที่จะล่วงรู้

 

มีจอมยุทธเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยและดวงตาของพวกเขาก็ฉายแววไม่เชื่อถือ

“มังกรปีศาจคืออะไร…” หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีจอมยุทธอดใจไม่ได้ที่จะเอ่ยถามชายในชุดคลุมผ้า

 

“มังกรปีศาจ?”

 

ชายในชุดคลุมผ้าสายศีรษะ “ไม่มีใครรู้ที่มาของมังกรปีศาจรู้เพียงว่าครั้งแรกที่วิหารการสงครามถือกําเนิดขึ้นเมื่อแปดพันปีก่อนมังกรปีศาจก็อยู่ภายในวิหารการสงครามเรียบร้อยแล้ว บรรพบุรุษบางคนคาดการณ์ว่ามังกรปีศาจตนนี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และมังกรที่แท้จริง ”

คําที่กล่าวออกมา

 

จอมยุทธในร้านอาหารต่างก็ตกใจ

มังกรแท้หรือมังกรไม่แท้ พวกเขานั้นล้วนไม่เข้าใจแต่ตามที่ชายในชุดคลุมผ้าได้กล่าวเอาไว้ มังกรปีศาจตนนี้อยู่มาตั้งแต่แปดพันปีก่อนจนถึงปัจจุบันนั่นก็เพียงพอที่จะทําให้ผู้คนสยองแล้ว แปดพันปีแปดพันปีเต็มๆ! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มังกรปีศาจนั้นเกี่ยวข้องกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้จะเป็นหมูที่มีชีวิตอยู่มาแปดพันปีก็นับเป็น สิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติแล้วไม่ใช่รี?

“แล้วความแข็งแกร่งของมังกรปีศาจตัวนี้”

จอมยุทธผู้นั้นถามอย่างระมัดระวัง

 

“มันเหนือกว่าตํานานยุทธทั่วๆ ไป” ชายในชุดคลุมผ้ากล่าวอย่างจริงจัง “เป็นคนในยุคหลายพันปีก่อนคาดเดาเอาไว้ว่าตํานานยุทธธรรมดาเมื่ออยู่ต่อหน้ามังกรปีศาจ เกรงว่าจะหนีไม่พ้น ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งก่อนที่วิหารการสงครามปรากฏขึ้น มังกรปีศาจขี้เกียจจนแทบจะไม่ขยับตัวไปไหน ข้าเกรงว่าบัดนี้คงไม่มีใครกล้าเข้า ไปภายในวิหารการสงคราม”

“ในเมื่อมังกรปีศาจมีกําลังมากเช่นนั้น มันจะตกตายลงได้อย่างไร?” จอมยุทธบางคนเอ่ยถาม “อาจจะเป็นข้อมูลเท็จอันที่จริงผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินไม่ได้สังหารมังกร?”

“ใช่ ใช่”

จอมยุทธหลายคนพยักหน้าเห็นด้วย

 

จากที่ชายในชุดคลุมผ้าพูดมา มังกรปีศาจนั้นสมบูรณ์แบบราวกับจะเป็นเทพแล้ว เกือบเทียบเท่าเหล่าเทพเซียนเสียด้วยซ้ํา ผู้ทรงสมณศักดิ์นั้นทรงพลังก็จริง แต่ไม่มีทางเกินขอบเขตตํานานยุทธจะสังหารมังกรปีศาจได้อย่างไร?

 

“ข้อมูลเท็จ?”

ใบหน้าของชายชุดคลุมผ้ามีแววถากถางวาบผ่าน “นี่เป็นข่าวที่บรรพบุรุษพรรคเฉินสิ่งของข้านํากลับมา”

 

“บรรพบุรุษพรรคเฉิงสิ่งของข้าท่องเดินทางไปทั่วโลก ท่านเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดครั้งนี้ท่านได้ไปเทือกเขาคุนหลุนกับเพื่อนอีกสองสามคนและประสบเหตุการณ์นั้นด้วยตนเองยังจะเป็นข่าวเท็จได้อีกหรือ?”

 

ชายในชุดคลุมผ้าดูภูมิใจ

 

เมื่อจอมยุทธคนอื่นๆ ได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และสายตาที่จ้องมองไปยังชายในชุดคลุมผ้าก็กลายเป็นเคารพมากยิ่งขึ้น

ตอนแรกพวกเขาไม่ทราบว่าชายในชุดคลุมผ้านี้เป็นศิษย์ของพรรคเฉินสิ่ง

พรรคเฉินสิ่งเป็นสุดยอดพรรคที่สืบทอดความเป็นมานับพันปีมียอดฝีมือมากมาย และเมื่อไม่นานมานี้บรรพบุรุษของพรรคก็ได้ออกจากด่านฝึกตน เขาได้สําเร็จวิชาครั้งยิ่งใหญ่ ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง

 

เนื่องจากชายในชุดคลุมผ้าได้ข่าวมาจากบรรพบุรุษของเขาเรื่อง ต่างๆ ที่พูดมานั้นอาจจะเป็นจริง

“ข้าไม่เคยกล่าวว่ามังกรปีศาจนั้นไม่แข็งแกร่งจากที่ข้าได้ฟังมา แม้ว่าจะเป็นบรรพบุรุษพรรคเฉินสิ่งของข้าเองตัวตนของมังกรปี ศาจก็ไม่ได้ต่างไปจากเทพเซียน”

 

“มังกรปีศาจนั้นแข็งแกร่งจริงๆ เพียงแต่ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินนั้นแข็งแกร่งกว่า!”

 

เมื่อชายชุดคลุมผ้าพูดถึงตรงนี้เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อที่ตัวเขาอธิบายออกมามากมายขนาดนี้ก็เพราะยามที่เขาได้ฟังข่าวมาตัวเขาก็ตกใจมากเช่นกัน เลยต้องปลดปล่อยมันออกมาบ้างเพื่อคลายอารมณ์อัดอั้นในใจ

เมื่อคํากล่าวของชายในชุดคลุมผ้าจบลง

 

จอมยุทธในร้านอาหารทั้งหมดก็เงียบกริบ โดยเฉพาะคําพูดสุดท้ายของชายในชุดคลุมผ้า

 

มังกรปีศาจนั้นแข็งแกร่ง แต่ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินนั้นแข็งแกร่งกว่า

มันทําให้จอมยุทธหลายคนตกใจอย่างบอกไม่ถูกราวกับกําลังฟัง เรื่องเล่าจากหนังสือตํานานสวรรค์

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เหล่าจอมยุทธก็ทอดถอนหายใจออกมา“ในเมื่อผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินสามารถสังหารมังกรปีศาจได้ก็คงจะไร้เทียมทานในใต้หล้านี้แล้วมิใช่หรือ?”

คําพูดนี้ทําให้จอมยุทธส่วนใหญ่พากันเห็นด้วยในทันที แต่จอมยุทธบางคนก็โต้กลับไปว่า “แน่นอนว่าผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดเส้าหลินนั้นแข็งแกร่ง แต่ตํานานยุทธเมืองฉางอันก็หาได้อ่อนแอไม่ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าไร้เทียมทานในใต้หล้า”

 

“ใช่ ข้าก็คิดว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันนั้นแข็งแกร่งกว่า”

 

“แต่ข้าก็ยังคิดว่าผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินนั้นแข็งแกร่งกว่า เขาสามารถสังหารมังกรปีศาจได้ ตํานานยุทธเมืองฉางอันทําได้หรือไม่เล่า?”

“เจ้ายังไม่เคยเห็นตํานานยุทธเมืองฉางอันลงมือ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาทําไม่ได้?”

ทันใดนั้น จอมยุทธภายในร้านอาหารต่างก็โต้เถียงกันหน้าดําหน้าแดง ว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันหรือผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินใครแข็งแกร่งกว่ากัน

แม้ว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันจะไม่เคยสังหารมังกรปีศาจ อย่างไรก็ตาม มีตํานานยุทธมากมายที่ตกตายภายใต้ฝีมือของเขาแม้ว่าเขาจะไม่เคยต่อสู้กับอรหันต์จากวัดเส้าหลิน แต่ก็ยังมีจอมยุทธหลายต่อหลายคนที่รู้สึกว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันนั้นแข็งแกร่งกว่า

 

วัดเส้าหลิน

 

ยังมีโคมไฟสีฟ้าและพระพุทธรูปโบราณเก่าแก่

ระฆังทองแดงยังคงเปล่งเสียงดังเหง่งหง่างเหมือนเก่าก่อน

เจ้าอาวาสอุ่ยเหวินและหัวหน้าตําหนักต่างมาชุมนุมกันที่ลานธรรมใบหน้าของพวกเขาดีอกดีใจอย่างยิ่ง

 

“ผู้ทรงสมณศักดิ์ปรากฏตัวขึ้นงั้นหรือ?”

 

หัวหน้าตําหนักยุทธสงฆ์ยังคงใจร้อนเช่นเคย เป็นผู้เปิดประเด็นขึ้นมาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

 

“มิผิด”

 

เจ้าอาวาสชุ่ยเหวินถึงกับหลั่งน้ําตาแห่งความปีติ ซูฉินไม่ได้เป็นเพียงผู้ทรงสมศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินเท่านั้น ยังเป็นผู้อุปถัมภ์ค้ําชูวัดเส้าหลินอีกด้วย การปรากฏตัวของซูฉินบนเทือกเขาคุนหลุนนั้นเท่ากับเป็นการประกาศให้ทั่วโลกได้รู้ว่าเบื้องหลังอันแข็งแกร่งของวัดเส้าหลินยังคงอยู่

“ไปที่เทือกเขาคุนหลุนโดยพลัน ไปเข้าพบผู้ทรงสมณศักดิ์” จู่ๆหัวหน้าตําหนักยุทธสงฆ์ก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้โพล่งคําออกมาทันที

“รอก่อนๆ”

แต่เจ้าอาวาสอุ่ยเหวินได้หยุดเอาไว้ ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ท่านผู้ทรงสมณศักดิ์จะต้องมีธุระบางอย่างภายในเทือกเขาคุนหลุนเป็นแน่ถ้าพวกเราไปรอ มันจะเป็นการรบกวนท่านมากเกินไปหากผู้ทรงสมณศักดิ์ตําหนิขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ?”

“จริงด้วย”

หัวหน้าตําหนักคนอื่นๆ ต่างพยักหน้าออกมาเล็กน้อย

 

ซูฉินไม่ทราบว่าโลกภายนอกกําลังตกใจกับการเคลื่อนไหวของเขาในการสังหารมังกรในครั้งนี้

ยามนี้ ซูฉันเดินเข้ามาในวิหารการสงครามอย่างไม่เร่งรีบ หยกหลายสิบชิ้นก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าเขา

 

“หินหยกเหล่านี้กระจัดกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่งภายในวิหารการสงคราม และมีเคล็ดวิชาระดับตํานานยุทธอยู่ภายใน

ซูฉินเหลือบมองดูก้อนหยกเหล่านั้น คิดอยู่ภายในใจตนเองเงียบๆ

“นอกจากนี้ ผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ “โอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิด” ที่ได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้ภายในวิหารการสง

คราม…..”

จิตใจของซูฉินผสานเข้ากับพื้นที่ของระบบ มองดูเม็ดโอสถสีขาวขุ่น เป็นโอสถที่มีลักษณะไม่ชัดราวกับเป็นภาพลวงตา

 

เม็ดโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดนี้ ดูราวกับไม่ใช่ของจริง ประกอบไปด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่อัดแน่น ดูน่าทิ้งอย่างยิ่ง

 

“โอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิด…”

ซูฉินถอนหายใจเบาๆ ดวงตาของเขาสว่างวาบ

ตามบันทึกของจ้าวทะเลบูรพาบนเกาะหยิงโจว ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่ต้องการจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี นอกเหนือจากการควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็กแล้ว ยังต้องแปรเปลี่ยนจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิดอีกด้วย

การเปลี่ยนแปลงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง ความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจจะทําให้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เสียหาย ไม่ต้องพูดถึงการเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี แค่รักษาสภาพปัจจุบันให้คงอยู่ได้โดยไม่ตกตายไปเสียก่อนนั้นก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว

แต่โอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดสามารถเร่งเวลา และช่วยให้ก้าวผ่านขั้นตอนนี้ไปได้

“ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้โอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดมาจากการลงชื่อเข้าใช้!”

 

ซูฉินดูยินดีและพึงพอใจเป็นอย่างมาก

โอสถวิเศษอย่างโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นได้สูญหายไปนานมากแล้วแม้จะเป็นในต่างดินแดนก็ตามที

แม้จะเป็นนิกายใหญ่ที่เชี่ยวชาญในด้านการปรุงกลั่นโอสถก็ทําได้เพียงเก็บรักษาเศษเสี้ยวของสูตรตํารับโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดเท่านั้นซึ่งแตกต่างห่างไกลจากตํารับการปรุงโอสถที่แท้จริงไปนับแสนนับหมื่นลี้

 

“อย่างไรก็ตาม ตามบันทึกของจ้าวทะเลบูรพา ก่อนที่ทํานานยุทธจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ยิ่งสะสมพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ด้วยวิธีเช่นนี้ เมื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีก็ยิ่งจะได้รับประโยชน์ไปอีกมากโข”

จิตใจของซูฉินผสานเข้ากับพื้นที่ของระบบ สัมผัสกับโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดอย่างระมัดระวัง ใคร่ครวญกับมันอยู่แบบนั้น

โอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดสามารถช่วยเปลี่ยนจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินให้กลายเป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ในเวลาอันสั้นแต่หากเขาต้องการจะสร้างจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่ทรง พลังอย่างแท้จริงเห็นได้ชัดว่าโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดเพียงเม็ด เดียวไม่เพียงพอ

“ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน”

“อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเพียงแค่วันแรก เต๋าสะสม ในวิหารการสงครามแห่งนี้สะสมมานับหมื่นปี อาจจะไม่ถึงขั้นต้องลงชื่อเข้าใช้ได้หลายพันหลายหมื่นครั้ง แต่อย่างน้อยก็ต้องลงชื่อเข้าใช้ได้หลายร้อยครั้งอย่างไม่มีปัญหาใดๆ”

“บางทีข้าอาจจะสามารถได้รับโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดจากการลงชื่อเข้าใช้เพิ่มเติมในภายหลัง”

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อยและเดินต่อไปด้านหน้าอย่างช้าๆ

 

“ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่มังกรปีศาจเคยหลับใหลใช่หรือไม่?” ซูฉินหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน และมองไปยังทางเดินหุบเขาเบื้องหน้าหุบเขาแห่งนี้มีกลิ่นอายของมังกรปีศาจอยู่จางๆ

“ด้านหลังนี้ควรจะเป็นส่วนลึกของวิหารการสงครามความลับที่แท้จริงของวิหารการสงครามอาจจะซ่อนอยู่ภายในนี้”

ซูฉันมองไกลเข้าไปในหุบเขาอย่างสบายๆ

ตั้งแต่ที่ซูฉินเข้ามาในวิหารการสงครามจนถึงตอนนี้เขาได้เดิน เล่นไปรอบๆ ซึ่งเป็นที่ที่จอมยุทธทุกยุคทุกสมัยที่เข้ามาภายในวิหา รการสงครามล้วนผ่านมาแล้วทั้งนั้น แต่ด้านหลังหุบเขานี้มันคือส่วนลึกของวิหารการสงคราม

“ไม่มีปราณฉีของสิ่งมีชีวิตใดๆ เลยงั้นหรือ?”

 

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะ และใช้วิชาปราณฉีฟ้ากําหนดเพื่อใช้ในการตรวจสอบส่วนลึกของวิหารการสงครามซึ่งเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าซูฉินจะไม่รู้ว่าส่วนลึกของวิหารการสงครามนั้นมีอะไร แต่เขามั่นใจว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ภายในไม่เช่นนั้นมันคงไม่อาจหลบรอดจากดวงตาแห่งสัจจะไปได้

“ข้าต้องรู้ให้ได้ว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ในวิหารการสงคราม”

 

ซูฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงก้าวเท้าเดินเข้าไปยังส่วนลึกของวิหารการสงคราม

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 244 ฮือฮา

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 244 ฮือฮา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 244 ฮือฮา

เมื่อซูฉินเข้าสู่วิหารการสงคราม และยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดได้ออกจากยอดเขาคุนหลุนไปทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนเทือกเขาคุนหลุนก็ เหมือนกับคลื่นพายุพัดผ่าน แพร่กระจายไปทั่วโลก

 

“เจ้าได้ยินเรื่องนั้นมาหรือเปล่า?”

 

“จักรพรรดิมารร้ายที่สร้างความพินาศไปทั่วยุทธภพเมื่อเจ็ดสิบปีก่อนได้ตายไปแล้ว?”

“จักรพรรดิมารร้ายจะนับเป็นตัวอะไรกัน? ให้ข้าบอกให้เจ้าฟังยังมีผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินได้ไปปรากฏตัวที่เทือกเขาคุนหลุนอีกด้วย”

“อะไรนะ? ไม่ใช่ว่าผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินได้ข้ามน้ําข้ามทะเลไปแล้วหรอกหรือ เหตุไฉนจึงมาปรากฏตัวบนเทือกเขาคุนหลุนได้?”

 

“เฟยเฟย ความคิดของผู้ทรงสมณศักดิ์ ปุถุชนคนธรรมดาอย่างข้าจะไปกล้าคาดเดาได้อย่างไร?”

ภายในร้านอาหาร จอมยุทธหลายต่อหลายคนต่างพูดคุยกันทุกวันนี้กระแสปราณฉีที่ฟื้นฟูยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และสภาพแวดล้อมก็ทําให้การฝึกฝนนั้นง่ายขึ้น แม้ว่าจะยังไม่มีตํานานยุทธปรากฏขึ้นแต่จอมยุทธที่ระดับต่ํากว่าขอบเขตตํานานยุทธมีมากกว่าสิบปี ก่อนอย่างไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

ประกอบเข้ากับความจริงที่ว่าอาณาจักรถังได้ครอบครองทวีป ก่อตั้งสถานที่สอนวิทยายุทธขั้นพื้นฐานมากมาย ทําให้ผู้ฝึกยุทธระดับต่ํามีจํานวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นที่ทุกคนเป็นจอมยุทธแต่จากคนธรรมดาสิบคนจะมีคนที่เป็นผู้ฝึกยุทธอยู่สามถึงสี่คนเป็นเรื่องปกติ

 

“ข่าวที่พวกเจ้ารู้มันล้าหลังจนเกินไปแล้ว”

“ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินไม่เพียงแต่ปรากฏตัวบนเขาคุนหลุนเท่านั้นแต่ยังฉีกร่างมังกรปีศาจจากวิหารการสงครามด้วยสองมือทรงพลังยิ่งใหญ่ประดุจทวยเทพไร้เทียมทานใต้ผืนฟ้า…”

ในเวลานั้นชายที่สวมใส่ชุดคลุมผ้า เห็นได้ชัดว่าเป็นคนของตระกูลใหญ่หรือสุดยอดพรรค ค่อยๆ กล่าวออกมาอย่างช้าๆ ใบหน้า เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

 

“วิหารการสงคราม?”

“มังกรปีศาจ?”

จอมยุทธทั้งหลายภายในร้านอาหารต่างมองหน้ากัน ดูไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว

 

พวกเขารู้ว่าช่วงนี้มีข่าวลือเกี่ยวกับวิหารการสงครามมากมายและแม้แต่ศิษย์หน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ยุทธภพก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางไปยังเทือกเขาคุนหลุน ต้องการเห็นการถือกําเนิดของวิหารการสงครามด้วยตาของพวกเขาเอง

แต่มังกรปีศาจ..

มังกรปีศาจที่คอยเฝ้าอยู่ภายในวิหารการสงครามนั้นเป็นความลับสุดยอดสําหรับจอมยุทธธรรมดา แม้จะเป็นขอบเขตสามระดับบนหากไม่มีเส้นสายก็เป็นไปไม่ได้ที่จะล่วงรู้

 

มีจอมยุทธเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยและดวงตาของพวกเขาก็ฉายแววไม่เชื่อถือ

“มังกรปีศาจคืออะไร…” หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีจอมยุทธอดใจไม่ได้ที่จะเอ่ยถามชายในชุดคลุมผ้า

 

“มังกรปีศาจ?”

 

ชายในชุดคลุมผ้าสายศีรษะ “ไม่มีใครรู้ที่มาของมังกรปีศาจรู้เพียงว่าครั้งแรกที่วิหารการสงครามถือกําเนิดขึ้นเมื่อแปดพันปีก่อนมังกรปีศาจก็อยู่ภายในวิหารการสงครามเรียบร้อยแล้ว บรรพบุรุษบางคนคาดการณ์ว่ามังกรปีศาจตนนี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และมังกรที่แท้จริง ”

คําที่กล่าวออกมา

 

จอมยุทธในร้านอาหารต่างก็ตกใจ

มังกรแท้หรือมังกรไม่แท้ พวกเขานั้นล้วนไม่เข้าใจแต่ตามที่ชายในชุดคลุมผ้าได้กล่าวเอาไว้ มังกรปีศาจตนนี้อยู่มาตั้งแต่แปดพันปีก่อนจนถึงปัจจุบันนั่นก็เพียงพอที่จะทําให้ผู้คนสยองแล้ว แปดพันปีแปดพันปีเต็มๆ! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มังกรปีศาจนั้นเกี่ยวข้องกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้จะเป็นหมูที่มีชีวิตอยู่มาแปดพันปีก็นับเป็น สิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติแล้วไม่ใช่รี?

“แล้วความแข็งแกร่งของมังกรปีศาจตัวนี้”

จอมยุทธผู้นั้นถามอย่างระมัดระวัง

 

“มันเหนือกว่าตํานานยุทธทั่วๆ ไป” ชายในชุดคลุมผ้ากล่าวอย่างจริงจัง “เป็นคนในยุคหลายพันปีก่อนคาดเดาเอาไว้ว่าตํานานยุทธธรรมดาเมื่ออยู่ต่อหน้ามังกรปีศาจ เกรงว่าจะหนีไม่พ้น ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งก่อนที่วิหารการสงครามปรากฏขึ้น มังกรปีศาจขี้เกียจจนแทบจะไม่ขยับตัวไปไหน ข้าเกรงว่าบัดนี้คงไม่มีใครกล้าเข้า ไปภายในวิหารการสงคราม”

“ในเมื่อมังกรปีศาจมีกําลังมากเช่นนั้น มันจะตกตายลงได้อย่างไร?” จอมยุทธบางคนเอ่ยถาม “อาจจะเป็นข้อมูลเท็จอันที่จริงผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินไม่ได้สังหารมังกร?”

“ใช่ ใช่”

จอมยุทธหลายคนพยักหน้าเห็นด้วย

 

จากที่ชายในชุดคลุมผ้าพูดมา มังกรปีศาจนั้นสมบูรณ์แบบราวกับจะเป็นเทพแล้ว เกือบเทียบเท่าเหล่าเทพเซียนเสียด้วยซ้ํา ผู้ทรงสมณศักดิ์นั้นทรงพลังก็จริง แต่ไม่มีทางเกินขอบเขตตํานานยุทธจะสังหารมังกรปีศาจได้อย่างไร?

 

“ข้อมูลเท็จ?”

ใบหน้าของชายชุดคลุมผ้ามีแววถากถางวาบผ่าน “นี่เป็นข่าวที่บรรพบุรุษพรรคเฉินสิ่งของข้านํากลับมา”

 

“บรรพบุรุษพรรคเฉิงสิ่งของข้าท่องเดินทางไปทั่วโลก ท่านเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดครั้งนี้ท่านได้ไปเทือกเขาคุนหลุนกับเพื่อนอีกสองสามคนและประสบเหตุการณ์นั้นด้วยตนเองยังจะเป็นข่าวเท็จได้อีกหรือ?”

 

ชายในชุดคลุมผ้าดูภูมิใจ

 

เมื่อจอมยุทธคนอื่นๆ ได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และสายตาที่จ้องมองไปยังชายในชุดคลุมผ้าก็กลายเป็นเคารพมากยิ่งขึ้น

ตอนแรกพวกเขาไม่ทราบว่าชายในชุดคลุมผ้านี้เป็นศิษย์ของพรรคเฉินสิ่ง

พรรคเฉินสิ่งเป็นสุดยอดพรรคที่สืบทอดความเป็นมานับพันปีมียอดฝีมือมากมาย และเมื่อไม่นานมานี้บรรพบุรุษของพรรคก็ได้ออกจากด่านฝึกตน เขาได้สําเร็จวิชาครั้งยิ่งใหญ่ ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง

 

เนื่องจากชายในชุดคลุมผ้าได้ข่าวมาจากบรรพบุรุษของเขาเรื่อง ต่างๆ ที่พูดมานั้นอาจจะเป็นจริง

“ข้าไม่เคยกล่าวว่ามังกรปีศาจนั้นไม่แข็งแกร่งจากที่ข้าได้ฟังมา แม้ว่าจะเป็นบรรพบุรุษพรรคเฉินสิ่งของข้าเองตัวตนของมังกรปี ศาจก็ไม่ได้ต่างไปจากเทพเซียน”

 

“มังกรปีศาจนั้นแข็งแกร่งจริงๆ เพียงแต่ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินนั้นแข็งแกร่งกว่า!”

 

เมื่อชายชุดคลุมผ้าพูดถึงตรงนี้เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อที่ตัวเขาอธิบายออกมามากมายขนาดนี้ก็เพราะยามที่เขาได้ฟังข่าวมาตัวเขาก็ตกใจมากเช่นกัน เลยต้องปลดปล่อยมันออกมาบ้างเพื่อคลายอารมณ์อัดอั้นในใจ

เมื่อคํากล่าวของชายในชุดคลุมผ้าจบลง

 

จอมยุทธในร้านอาหารทั้งหมดก็เงียบกริบ โดยเฉพาะคําพูดสุดท้ายของชายในชุดคลุมผ้า

 

มังกรปีศาจนั้นแข็งแกร่ง แต่ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินนั้นแข็งแกร่งกว่า

มันทําให้จอมยุทธหลายคนตกใจอย่างบอกไม่ถูกราวกับกําลังฟัง เรื่องเล่าจากหนังสือตํานานสวรรค์

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เหล่าจอมยุทธก็ทอดถอนหายใจออกมา“ในเมื่อผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินสามารถสังหารมังกรปีศาจได้ก็คงจะไร้เทียมทานในใต้หล้านี้แล้วมิใช่หรือ?”

คําพูดนี้ทําให้จอมยุทธส่วนใหญ่พากันเห็นด้วยในทันที แต่จอมยุทธบางคนก็โต้กลับไปว่า “แน่นอนว่าผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดเส้าหลินนั้นแข็งแกร่ง แต่ตํานานยุทธเมืองฉางอันก็หาได้อ่อนแอไม่ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าไร้เทียมทานในใต้หล้า”

 

“ใช่ ข้าก็คิดว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันนั้นแข็งแกร่งกว่า”

 

“แต่ข้าก็ยังคิดว่าผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินนั้นแข็งแกร่งกว่า เขาสามารถสังหารมังกรปีศาจได้ ตํานานยุทธเมืองฉางอันทําได้หรือไม่เล่า?”

“เจ้ายังไม่เคยเห็นตํานานยุทธเมืองฉางอันลงมือ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาทําไม่ได้?”

ทันใดนั้น จอมยุทธภายในร้านอาหารต่างก็โต้เถียงกันหน้าดําหน้าแดง ว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันหรือผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินใครแข็งแกร่งกว่ากัน

แม้ว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันจะไม่เคยสังหารมังกรปีศาจ อย่างไรก็ตาม มีตํานานยุทธมากมายที่ตกตายภายใต้ฝีมือของเขาแม้ว่าเขาจะไม่เคยต่อสู้กับอรหันต์จากวัดเส้าหลิน แต่ก็ยังมีจอมยุทธหลายต่อหลายคนที่รู้สึกว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันนั้นแข็งแกร่งกว่า

 

วัดเส้าหลิน

 

ยังมีโคมไฟสีฟ้าและพระพุทธรูปโบราณเก่าแก่

ระฆังทองแดงยังคงเปล่งเสียงดังเหง่งหง่างเหมือนเก่าก่อน

เจ้าอาวาสอุ่ยเหวินและหัวหน้าตําหนักต่างมาชุมนุมกันที่ลานธรรมใบหน้าของพวกเขาดีอกดีใจอย่างยิ่ง

 

“ผู้ทรงสมณศักดิ์ปรากฏตัวขึ้นงั้นหรือ?”

 

หัวหน้าตําหนักยุทธสงฆ์ยังคงใจร้อนเช่นเคย เป็นผู้เปิดประเด็นขึ้นมาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

 

“มิผิด”

 

เจ้าอาวาสชุ่ยเหวินถึงกับหลั่งน้ําตาแห่งความปีติ ซูฉินไม่ได้เป็นเพียงผู้ทรงสมศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินเท่านั้น ยังเป็นผู้อุปถัมภ์ค้ําชูวัดเส้าหลินอีกด้วย การปรากฏตัวของซูฉินบนเทือกเขาคุนหลุนนั้นเท่ากับเป็นการประกาศให้ทั่วโลกได้รู้ว่าเบื้องหลังอันแข็งแกร่งของวัดเส้าหลินยังคงอยู่

“ไปที่เทือกเขาคุนหลุนโดยพลัน ไปเข้าพบผู้ทรงสมณศักดิ์” จู่ๆหัวหน้าตําหนักยุทธสงฆ์ก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้โพล่งคําออกมาทันที

“รอก่อนๆ”

แต่เจ้าอาวาสอุ่ยเหวินได้หยุดเอาไว้ ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ท่านผู้ทรงสมณศักดิ์จะต้องมีธุระบางอย่างภายในเทือกเขาคุนหลุนเป็นแน่ถ้าพวกเราไปรอ มันจะเป็นการรบกวนท่านมากเกินไปหากผู้ทรงสมณศักดิ์ตําหนิขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ?”

“จริงด้วย”

หัวหน้าตําหนักคนอื่นๆ ต่างพยักหน้าออกมาเล็กน้อย

 

ซูฉินไม่ทราบว่าโลกภายนอกกําลังตกใจกับการเคลื่อนไหวของเขาในการสังหารมังกรในครั้งนี้

ยามนี้ ซูฉันเดินเข้ามาในวิหารการสงครามอย่างไม่เร่งรีบ หยกหลายสิบชิ้นก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าเขา

 

“หินหยกเหล่านี้กระจัดกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่งภายในวิหารการสงคราม และมีเคล็ดวิชาระดับตํานานยุทธอยู่ภายใน

ซูฉินเหลือบมองดูก้อนหยกเหล่านั้น คิดอยู่ภายในใจตนเองเงียบๆ

“นอกจากนี้ ผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ “โอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิด” ที่ได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้ภายในวิหารการสง

คราม…..”

จิตใจของซูฉินผสานเข้ากับพื้นที่ของระบบ มองดูเม็ดโอสถสีขาวขุ่น เป็นโอสถที่มีลักษณะไม่ชัดราวกับเป็นภาพลวงตา

 

เม็ดโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดนี้ ดูราวกับไม่ใช่ของจริง ประกอบไปด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่อัดแน่น ดูน่าทิ้งอย่างยิ่ง

 

“โอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิด…”

ซูฉินถอนหายใจเบาๆ ดวงตาของเขาสว่างวาบ

ตามบันทึกของจ้าวทะเลบูรพาบนเกาะหยิงโจว ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่ต้องการจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี นอกเหนือจากการควบแน่นอาณาเขตขนาดเล็กแล้ว ยังต้องแปรเปลี่ยนจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิดอีกด้วย

การเปลี่ยนแปลงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง ความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจจะทําให้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เสียหาย ไม่ต้องพูดถึงการเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี แค่รักษาสภาพปัจจุบันให้คงอยู่ได้โดยไม่ตกตายไปเสียก่อนนั้นก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว

แต่โอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดสามารถเร่งเวลา และช่วยให้ก้าวผ่านขั้นตอนนี้ไปได้

“ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้โอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดมาจากการลงชื่อเข้าใช้!”

 

ซูฉินดูยินดีและพึงพอใจเป็นอย่างมาก

โอสถวิเศษอย่างโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นได้สูญหายไปนานมากแล้วแม้จะเป็นในต่างดินแดนก็ตามที

แม้จะเป็นนิกายใหญ่ที่เชี่ยวชาญในด้านการปรุงกลั่นโอสถก็ทําได้เพียงเก็บรักษาเศษเสี้ยวของสูตรตํารับโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดเท่านั้นซึ่งแตกต่างห่างไกลจากตํารับการปรุงโอสถที่แท้จริงไปนับแสนนับหมื่นลี้

 

“อย่างไรก็ตาม ตามบันทึกของจ้าวทะเลบูรพา ก่อนที่ทํานานยุทธจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ยิ่งสะสมพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ด้วยวิธีเช่นนี้ เมื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีก็ยิ่งจะได้รับประโยชน์ไปอีกมากโข”

จิตใจของซูฉินผสานเข้ากับพื้นที่ของระบบ สัมผัสกับโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดอย่างระมัดระวัง ใคร่ครวญกับมันอยู่แบบนั้น

โอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดสามารถช่วยเปลี่ยนจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินให้กลายเป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ในเวลาอันสั้นแต่หากเขาต้องการจะสร้างจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่ทรง พลังอย่างแท้จริงเห็นได้ชัดว่าโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดเพียงเม็ด เดียวไม่เพียงพอ

“ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน”

“อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเพียงแค่วันแรก เต๋าสะสม ในวิหารการสงครามแห่งนี้สะสมมานับหมื่นปี อาจจะไม่ถึงขั้นต้องลงชื่อเข้าใช้ได้หลายพันหลายหมื่นครั้ง แต่อย่างน้อยก็ต้องลงชื่อเข้าใช้ได้หลายร้อยครั้งอย่างไม่มีปัญหาใดๆ”

“บางทีข้าอาจจะสามารถได้รับโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดจากการลงชื่อเข้าใช้เพิ่มเติมในภายหลัง”

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อยและเดินต่อไปด้านหน้าอย่างช้าๆ

 

“ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่มังกรปีศาจเคยหลับใหลใช่หรือไม่?” ซูฉินหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน และมองไปยังทางเดินหุบเขาเบื้องหน้าหุบเขาแห่งนี้มีกลิ่นอายของมังกรปีศาจอยู่จางๆ

“ด้านหลังนี้ควรจะเป็นส่วนลึกของวิหารการสงครามความลับที่แท้จริงของวิหารการสงครามอาจจะซ่อนอยู่ภายในนี้”

ซูฉันมองไกลเข้าไปในหุบเขาอย่างสบายๆ

ตั้งแต่ที่ซูฉินเข้ามาในวิหารการสงครามจนถึงตอนนี้เขาได้เดิน เล่นไปรอบๆ ซึ่งเป็นที่ที่จอมยุทธทุกยุคทุกสมัยที่เข้ามาภายในวิหา รการสงครามล้วนผ่านมาแล้วทั้งนั้น แต่ด้านหลังหุบเขานี้มันคือส่วนลึกของวิหารการสงคราม

“ไม่มีปราณฉีของสิ่งมีชีวิตใดๆ เลยงั้นหรือ?”

 

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะ และใช้วิชาปราณฉีฟ้ากําหนดเพื่อใช้ในการตรวจสอบส่วนลึกของวิหารการสงครามซึ่งเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าซูฉินจะไม่รู้ว่าส่วนลึกของวิหารการสงครามนั้นมีอะไร แต่เขามั่นใจว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ภายในไม่เช่นนั้นมันคงไม่อาจหลบรอดจากดวงตาแห่งสัจจะไปได้

“ข้าต้องรู้ให้ได้ว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ในวิหารการสงคราม”

 

ซูฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงก้าวเท้าเดินเข้าไปยังส่วนลึกของวิหารการสงคราม

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+