เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 264 (1) หวาดผวา!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 264 (1) หวาดผวา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 264 (1) หวาดผวา!

ในขณะที่ซูฉินโจมตีวิหารหมื่นพุทธ

ที่ชายขอบของทะเลทรายตะวันตก ร่างหลายร่างก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ร่างเหล่านี้แผ่กลิ่นอายที่ทําให้อึดอัดคล้ายดั่งขุมนรก แต่ก็เผยให้เห็นถึงความเสื่อมโทรมบางอย่างพวกเขาเป็นบรรพชนที่หลับใหลด้วยวิธีลับจากนิกายใหญ่ต่างดินแดน

เมื่อซูฉินก้าวเข้าไปในทะเลทรายตะวันตก เขาก็ม้วนเกลียวคลื่นทรายสีเหลืองทองไปทั่วท้องฟ้าไอพลังสยดสยองโอบล้อมไปทั่วทุกที่ไม่ใช่แค่วิหารหมื่นพุทธเท่านั้นที่ตื่นตระหนก

ยังมีนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ ที่ย้ายถิ่นฐานมาจากต่างดินแดนก็ได้พํานักอยู่ในสถานที่ใกล้เคียง

เพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่นิกายใหญ่หลายแห่งในต่างแดนได้ปลุกบรรพชนของพวกตนให้มายังแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ

ส่วนวิหารหมื่นพุทธ

ก็เป็นเช่นเดียวกับนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ

“จากความแข็งแกร่งของบุคคลนี้ เขาสามารถควบแน่นอาณาเขตได้แล้วอย่างแน่นอน และพลังชีวิตเลือดเนื้อที่แข็งแกร่งควรจะเป็นตํานานยุทธที่เพิ่งเกิดในยุคนี้”

“แปลก เมื่อไหร่กันที่ผู้ทรงพลังอํานาจเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นในแดนโพ้นทะเล?”

เหล่าบรรพชนนิกายใหญ่ต่างพูดคุยกันด้วยความสงสัย

“เป็นไปได้ไหมว่าบุคคลนี้จะไม่ใช่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดจากดินแดนโพ้นทะเล?”

“มิผิด ข้าได้ยินมาว่าภายในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯตํานานยุทธที่ประจําการอยู่ในอาณาจักรถังก็ได้ควบแน่นอาณาเขตเรียบร้อยแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเขามาที่นี่?”

“ไม่น่าจะเป็นไปได้ วิหารหมื่นพุทธไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับ อาณาจักรถัง เป็นไปได้อย่างไรที่จะดึงดูดให้ตํานานยุทธขั้นสูง สุดมาด้วยตนเอง ข้าคิดว่าอาจจะเป็นผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลิน? ทั้งคู่เป็นชาวพุทธเช่นกัน ก็ไม่แปลกที่จะมาเยี่ยมเยือนวิหารหมื่นพุทธ…”

“เป็นไปได้ยังไง? วัดเส้าหลินก็มีอรหันต์ขั้นสูงสุดด้วยอย่างนั้นหรือ?”

บรรพชนหลายคนพูดคุยกันอย่างรวดเร็ว แสดงความเห็นเกี่ยวกับซูฉินด้วยน้ําเสียงสบายๆ

แม้ว่าความแข็งแกร่งของซูฉินจะน่ากลัวถึงขีดสุดแต่คนใดบ้างในที่นี้ที่ไม่ใช่ตํานานยุทธขั้นสูงสุด? อยู่มาห้าร้อยปี มุมมองของพวกเขาย่อมอยู่สูงไม่น้อยมิใช่หรือ?

แม้ว่าซูฉินจะรู้สึกได้ถึงสายตาที่แอบมองมาจากชายขอบของทะเลทรายตะวันตกมาเนิ่นนานแล้ว

แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ในครั้งนี้เขาพุ่งเป้ามาที่วิหารหมื่นพุทธ ประการแรกคือเขาต้องการคําอธิบายจากวิหารหมื่นพุทธประการที่สองก็ต้องการจะทําให้บรรพชนต่างดินแดนเหล่านี้หวาดกลัว
ไม่เช่นนั้นจะเป็นเหมือนอย่างวันนี้ที่บรรพชนเก้ามาหาพรุ่งนี้อาจจะมีบรรพชนนิกายใหญ่คนอื่นๆ มาอีก แล้วซูฉินจะปิดด่านฝึกตนอย่างไร? จะบ่มเพาะได้หรือ?

“มิถูกต้อง”

“ลักษณะของคนผู้นี้ดูข่มขู่คุกคาม เขาต้องการสร้างปัญหาให้กับวิหารหมื่นพุทธหรือไม่?”

บรรพชนในชุดคลุมสีแดงเลือดผู้หนึ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยยามเมื่อได้ยินประโยคของซูฉิน “พระผู้ต่ําต้อยเงินกวน มานมัสการวิหาร” คําพูดเต็มไปด้วยอาการยั่วยุอารมณ์

“ข้าไม่รู้ว่าเขาต้องการมาสร้างปัญหาให้กับวิหารหมื่นพุทธหรือไม่ แต่คนผู้นี้น่าจะเป็นผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดเส้าหลินจริงๆ”

บรรพชนอีกคนที่อยู่ถัดออกมาทอดถอนใจด้วยอารมณ์ความรู้สึก

ไม่ว่าจะเป็นยุทธภพต่างแดนหรือในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯมีเพียงพระภิกษุเท่านั้นที่สามารถอ้างตนว่าเป็นพระผู้ต่ําต้อย

“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบุคคลนี้จะเป็นอรหันต์ขั้นสูงสุดจริงๆหากต้องการท้าทายวิหารหมื่นพุทธด้วยตําแหน่งเพียงแค่นั้นอาจจะต้องพ่ายแพ้…”

บรรพชนคนที่สามที่ดูเหมือนจะเป็นหญิงสาวส่ายศีรษะ

ไม่ว่าจะเป็นวิหารหมื่นพุทธหรือนิกายใหญ่แห่งอื่นๆในต่างแดนก็อยู่มาไม่ต่ํากว่าหลายพันปี เภทภัยใดบ้างที่ไม่เคยประสบ? หากอรหันต์ขั้นสูงสุดวางแผนที่จะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับนิกายใหญ่ก็นับเป็นเพียงความฝันที่โง่งม

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ สามารถโด่งดังไปทั่วโลก แต่การที่โด่งดังไปทั่วโลกไม่ได้หมายความว่าจะกําจัดทุกอย่างได้เสียเมื่อไหร่

นอกจากเซียนเทพปฐพีที่แท้จริงแล้ว นิกายใหญ่จํานวนมากก็นับเป็นขุมกําลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สามารถผ่านอุปสรรคต่างๆมาได้หลายพันปีในต่างแดน

“แม้ว่าวิหารแห่งนี้จะไม่ใช่วิหารหลักของวิหารหมื่นพุทธแต่อย่างน้อยบรรพชนหนึ่งในเก้าก็น่าจะอยู่ประจําการ ทั้งยังมีสมบัติพุทธคุณอีกมากมายหลายชิ้น ผู้ทรงสมณศักดิ์วัดเส้าหลินผู้นี้ไม่เพียงแต่จะเรียกร้องอะไรกลับไปไม่ได้ ยังต้องประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ด้วย”

บรรพชนในชุดคลุมสีแดงเลือดพูดเบาๆ ราวกับเห็นจุดจบของซูฉินเรียบร้อยแล้ว

บรรพชนคนอื่นๆ ก็พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงอาการเห็นด้วย

กลุ่มลาหัวโล้นวัดหมื่นพุทธนั้นมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วโลกซูฉินที่ไม่ทราบความเป็นมาแต่รีบตรงมาเคาะประตูบ้านผู้อื่นเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่โง่มาก

“เฮเฮ”

“ใช้โอกาสนี้ตรวจสอบวิหารหมื่นพุทธสักหน่อย ให้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วบรรพชนทั้งเก้าลําดับอยู่ที่นี่จริงๆ หรือเปล่า”

บรรพชนอีกคนหัวเราะร่า

ซูฉินที่พรวดพราดเข้าไป สามารถช่วยพวกเขาสํารวจพื้นลีกหนาบางของวิหารหมื่นพุทธได้เป็นอย่างดี

ก่อนที่กระแสปราณฉีจะฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ นิกายใหญ่จํานวนมากในต่างแดนจะไม่ย้ายมรดกทั้งหมดของพวกเขามาที่นี่อย่างแน่นอน

และในเวลานี้การเข้าใจตื้นลึกหนาบางของกันและกันเป็นสําคัญมาก

แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์ขอบเขตของศัตรูได้ทั้งหมด แต่อย่างอย่างน้อยในอนาคต เมื่อต้องน้ํานั่นกันเองจะได้ไม่ต้องรั้งรอเฝ้าดูจังหวะ
“รอประเดี๋ยว พวกเราควรร่วมมือกัน เมื่อผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินถอยกลับมาพวกเราจะจัดการมันด้วยกัน…”

“บุคคลผู้นี้ฝึกฝนไปยังขอบเขตระดับนั้นได้ในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ จะต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่บางอย่างเราสามารถถือโอกาสนี้ไถ่ถามมันได้…”

บรรพชนคนสุดท้ายกล่าวขึ้นมาในทันใด แววตาแห่งความโลภปรากฏออกมา

คําที่กล่าวออก

บรรพชนทั้งหลายต่างก็ตกตะลึง เห็นได้ชัดว่ามันเย้ายวนใจอย่างมาก

“ดูเร็ว”

“ทั้งสองฝ่ายจะลงมือแล้ว”

ดวงตาของบรรพชนที่ดูเหมือนหญิงสาวแสนสวยพลันเปล่ง
ประกาย

บรรพชนคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นก็จ้องไปที่วิหารหมื่นพุทธ

แม้ว่าวิหารหมื่นพุทธจะอยู่ห่างไกลจากพวกเขามากแต่ในฐานะที่เป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุด บรรพชนเหล่านี้ย่อมมีวิธีการหลากหลายในการค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นที่วิหารหมื่นพุทธเป็นธรรมดา

“นั่นคือ?”

“ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ?”

“วิหารหมื่นพุทธนําตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณมาที่นี่จริงๆหรือนี่?”

เหล่าบรรพชนต่างผงะไปครู่หนึ่ง มองหน้ากันด้วยความเหลือเชื่อ
แม้จะเป็นวิหารหมื่นพุทธ ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณก็ยังนับเป็นสมบัติล้ําค่า ล้ําค่ายิ่งกว่าสมบัติพุทธคุณทั่วไปถ้าพูดตามหลักแล้วมันควรเก็บไว้ที่วิหารหลัก

“ดูเหมือนวิหารหมื่นพุทธจะชนะการต่อสู้ในครั้งนี้รพชนในชุดสีแดงเลือดกล่าว

” บร

“ด้วยที่พึ่งพิงอย่างตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ ข้าเกรงว่าผู้ทรงสมณศักดิ์วัดเส้าหลินจะไม่สามารถแตะต้องประตูวิหารหมื่นพุทธได้ ฉะนั้นเขาคงจะต้องถูกปิดกั้นไว้ได้ตั้งแต่ภายนอกเสียแล้ว………….”

บรรพชนอีกคนถอนหายใจด้วยอารมณ์ความรู้สึกน้ําเสียงของเขาดูเสียใจ

เดิมที่เขาคิดว่าจะได้เห็นการต่อสู้กันระหว่างอรหันต์สองรูปแต่เมื่อตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณถูกจุดแล้วจะมีการต่อสู้อะไรเกิดขึ้นอีก?

แม้ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินจะไม่รู้ว่าควรเดินหน้าต่อหรือถอยกลับ แต่หากได้รู้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณจะต้องล่าถอยกลับไปแน่

“อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปเสียที่เดียว”

“ถึงจะไม่แน่ใจว่าผู้ที่ประจําการอยู่ในวิหารหมื่นพุทธเป็นหนึ่งในบรรพชนทั้งเก้าหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าวิหารหมื่นพุทธได้นําตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณมายังแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ ”
บรรพชนคนที่สองกล่าวออกอย่างช้าๆ

“มิผิด”

“นี่คือตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ…”

บรรพชนที่ดูเหมือนหญิงสาวรูปงามบ่นกับตนเอง

หลายพันปีก่อน เซียนเทพปฐพีได้โจมตีวิหารหมื่นพุทธการโจมตีธรรมดาๆ ถูกขัดขวางไว้ด้วยตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ

แม้จะปิดกั้นการโจมตีของเซียนเทพปฐพีได้ แต่ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณก็หรี่แสงลงอย่างสมบูรณ์ แต่นั่นเป็นถึงเซียนเทพปฐพีเชียวนะ!

แม้กระทั่งในยุคปราณฉีเฟื่องฟู เซียนเทพปฐพีก็เป็นขุมพลังที่สามารถปราบผู้ใดก็ได้อย่างแน่นอน นับประสาอะไรกับยุคที่กระแสปราณฉีเงียบงันเช่นนี้

เมื่อเหล่าบรรพชนกําลังจะหันกลับไปยังนิกายของตน

“นั่นคือ?”

บรรพชนในชุดคลุมสีแดงเลือดเหลือบสายตาไปเห็นทันใดนั้นม่านตาของเขาก็หดตัวลงในทันที

เมื่อบรรพชนคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ เขาก็มองตามบรรพชนในชุดคลุมสีเลือดไปยังวิหารหมื่นพุทธทันที

ฉับพลัน

บรรพชนทั้งหลายต่างหน้าเปลี่ยนสี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 264 (1) หวาดผวา!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 264 (1) หวาดผวา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 264 (1) หวาดผวา!

ในขณะที่ซูฉินโจมตีวิหารหมื่นพุทธ

ที่ชายขอบของทะเลทรายตะวันตก ร่างหลายร่างก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ร่างเหล่านี้แผ่กลิ่นอายที่ทําให้อึดอัดคล้ายดั่งขุมนรก แต่ก็เผยให้เห็นถึงความเสื่อมโทรมบางอย่างพวกเขาเป็นบรรพชนที่หลับใหลด้วยวิธีลับจากนิกายใหญ่ต่างดินแดน

เมื่อซูฉินก้าวเข้าไปในทะเลทรายตะวันตก เขาก็ม้วนเกลียวคลื่นทรายสีเหลืองทองไปทั่วท้องฟ้าไอพลังสยดสยองโอบล้อมไปทั่วทุกที่ไม่ใช่แค่วิหารหมื่นพุทธเท่านั้นที่ตื่นตระหนก

ยังมีนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ ที่ย้ายถิ่นฐานมาจากต่างดินแดนก็ได้พํานักอยู่ในสถานที่ใกล้เคียง

เพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่นิกายใหญ่หลายแห่งในต่างแดนได้ปลุกบรรพชนของพวกตนให้มายังแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ

ส่วนวิหารหมื่นพุทธ

ก็เป็นเช่นเดียวกับนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ

“จากความแข็งแกร่งของบุคคลนี้ เขาสามารถควบแน่นอาณาเขตได้แล้วอย่างแน่นอน และพลังชีวิตเลือดเนื้อที่แข็งแกร่งควรจะเป็นตํานานยุทธที่เพิ่งเกิดในยุคนี้”

“แปลก เมื่อไหร่กันที่ผู้ทรงพลังอํานาจเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นในแดนโพ้นทะเล?”

เหล่าบรรพชนนิกายใหญ่ต่างพูดคุยกันด้วยความสงสัย

“เป็นไปได้ไหมว่าบุคคลนี้จะไม่ใช่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดจากดินแดนโพ้นทะเล?”

“มิผิด ข้าได้ยินมาว่าภายในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯตํานานยุทธที่ประจําการอยู่ในอาณาจักรถังก็ได้ควบแน่นอาณาเขตเรียบร้อยแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเขามาที่นี่?”

“ไม่น่าจะเป็นไปได้ วิหารหมื่นพุทธไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับ อาณาจักรถัง เป็นไปได้อย่างไรที่จะดึงดูดให้ตํานานยุทธขั้นสูง สุดมาด้วยตนเอง ข้าคิดว่าอาจจะเป็นผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลิน? ทั้งคู่เป็นชาวพุทธเช่นกัน ก็ไม่แปลกที่จะมาเยี่ยมเยือนวิหารหมื่นพุทธ…”

“เป็นไปได้ยังไง? วัดเส้าหลินก็มีอรหันต์ขั้นสูงสุดด้วยอย่างนั้นหรือ?”

บรรพชนหลายคนพูดคุยกันอย่างรวดเร็ว แสดงความเห็นเกี่ยวกับซูฉินด้วยน้ําเสียงสบายๆ

แม้ว่าความแข็งแกร่งของซูฉินจะน่ากลัวถึงขีดสุดแต่คนใดบ้างในที่นี้ที่ไม่ใช่ตํานานยุทธขั้นสูงสุด? อยู่มาห้าร้อยปี มุมมองของพวกเขาย่อมอยู่สูงไม่น้อยมิใช่หรือ?

แม้ว่าซูฉินจะรู้สึกได้ถึงสายตาที่แอบมองมาจากชายขอบของทะเลทรายตะวันตกมาเนิ่นนานแล้ว

แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ในครั้งนี้เขาพุ่งเป้ามาที่วิหารหมื่นพุทธ ประการแรกคือเขาต้องการคําอธิบายจากวิหารหมื่นพุทธประการที่สองก็ต้องการจะทําให้บรรพชนต่างดินแดนเหล่านี้หวาดกลัว
ไม่เช่นนั้นจะเป็นเหมือนอย่างวันนี้ที่บรรพชนเก้ามาหาพรุ่งนี้อาจจะมีบรรพชนนิกายใหญ่คนอื่นๆ มาอีก แล้วซูฉินจะปิดด่านฝึกตนอย่างไร? จะบ่มเพาะได้หรือ?

“มิถูกต้อง”

“ลักษณะของคนผู้นี้ดูข่มขู่คุกคาม เขาต้องการสร้างปัญหาให้กับวิหารหมื่นพุทธหรือไม่?”

บรรพชนในชุดคลุมสีแดงเลือดผู้หนึ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยยามเมื่อได้ยินประโยคของซูฉิน “พระผู้ต่ําต้อยเงินกวน มานมัสการวิหาร” คําพูดเต็มไปด้วยอาการยั่วยุอารมณ์

“ข้าไม่รู้ว่าเขาต้องการมาสร้างปัญหาให้กับวิหารหมื่นพุทธหรือไม่ แต่คนผู้นี้น่าจะเป็นผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดเส้าหลินจริงๆ”

บรรพชนอีกคนที่อยู่ถัดออกมาทอดถอนใจด้วยอารมณ์ความรู้สึก

ไม่ว่าจะเป็นยุทธภพต่างแดนหรือในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯมีเพียงพระภิกษุเท่านั้นที่สามารถอ้างตนว่าเป็นพระผู้ต่ําต้อย

“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบุคคลนี้จะเป็นอรหันต์ขั้นสูงสุดจริงๆหากต้องการท้าทายวิหารหมื่นพุทธด้วยตําแหน่งเพียงแค่นั้นอาจจะต้องพ่ายแพ้…”

บรรพชนคนที่สามที่ดูเหมือนจะเป็นหญิงสาวส่ายศีรษะ

ไม่ว่าจะเป็นวิหารหมื่นพุทธหรือนิกายใหญ่แห่งอื่นๆในต่างแดนก็อยู่มาไม่ต่ํากว่าหลายพันปี เภทภัยใดบ้างที่ไม่เคยประสบ? หากอรหันต์ขั้นสูงสุดวางแผนที่จะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับนิกายใหญ่ก็นับเป็นเพียงความฝันที่โง่งม

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ สามารถโด่งดังไปทั่วโลก แต่การที่โด่งดังไปทั่วโลกไม่ได้หมายความว่าจะกําจัดทุกอย่างได้เสียเมื่อไหร่

นอกจากเซียนเทพปฐพีที่แท้จริงแล้ว นิกายใหญ่จํานวนมากก็นับเป็นขุมกําลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สามารถผ่านอุปสรรคต่างๆมาได้หลายพันปีในต่างแดน

“แม้ว่าวิหารแห่งนี้จะไม่ใช่วิหารหลักของวิหารหมื่นพุทธแต่อย่างน้อยบรรพชนหนึ่งในเก้าก็น่าจะอยู่ประจําการ ทั้งยังมีสมบัติพุทธคุณอีกมากมายหลายชิ้น ผู้ทรงสมณศักดิ์วัดเส้าหลินผู้นี้ไม่เพียงแต่จะเรียกร้องอะไรกลับไปไม่ได้ ยังต้องประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ด้วย”

บรรพชนในชุดคลุมสีแดงเลือดพูดเบาๆ ราวกับเห็นจุดจบของซูฉินเรียบร้อยแล้ว

บรรพชนคนอื่นๆ ก็พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงอาการเห็นด้วย

กลุ่มลาหัวโล้นวัดหมื่นพุทธนั้นมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วโลกซูฉินที่ไม่ทราบความเป็นมาแต่รีบตรงมาเคาะประตูบ้านผู้อื่นเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่โง่มาก

“เฮเฮ”

“ใช้โอกาสนี้ตรวจสอบวิหารหมื่นพุทธสักหน่อย ให้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วบรรพชนทั้งเก้าลําดับอยู่ที่นี่จริงๆ หรือเปล่า”

บรรพชนอีกคนหัวเราะร่า

ซูฉินที่พรวดพราดเข้าไป สามารถช่วยพวกเขาสํารวจพื้นลีกหนาบางของวิหารหมื่นพุทธได้เป็นอย่างดี

ก่อนที่กระแสปราณฉีจะฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ นิกายใหญ่จํานวนมากในต่างแดนจะไม่ย้ายมรดกทั้งหมดของพวกเขามาที่นี่อย่างแน่นอน

และในเวลานี้การเข้าใจตื้นลึกหนาบางของกันและกันเป็นสําคัญมาก

แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์ขอบเขตของศัตรูได้ทั้งหมด แต่อย่างอย่างน้อยในอนาคต เมื่อต้องน้ํานั่นกันเองจะได้ไม่ต้องรั้งรอเฝ้าดูจังหวะ
“รอประเดี๋ยว พวกเราควรร่วมมือกัน เมื่อผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินถอยกลับมาพวกเราจะจัดการมันด้วยกัน…”

“บุคคลผู้นี้ฝึกฝนไปยังขอบเขตระดับนั้นได้ในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ จะต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่บางอย่างเราสามารถถือโอกาสนี้ไถ่ถามมันได้…”

บรรพชนคนสุดท้ายกล่าวขึ้นมาในทันใด แววตาแห่งความโลภปรากฏออกมา

คําที่กล่าวออก

บรรพชนทั้งหลายต่างก็ตกตะลึง เห็นได้ชัดว่ามันเย้ายวนใจอย่างมาก

“ดูเร็ว”

“ทั้งสองฝ่ายจะลงมือแล้ว”

ดวงตาของบรรพชนที่ดูเหมือนหญิงสาวแสนสวยพลันเปล่ง
ประกาย

บรรพชนคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นก็จ้องไปที่วิหารหมื่นพุทธ

แม้ว่าวิหารหมื่นพุทธจะอยู่ห่างไกลจากพวกเขามากแต่ในฐานะที่เป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุด บรรพชนเหล่านี้ย่อมมีวิธีการหลากหลายในการค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นที่วิหารหมื่นพุทธเป็นธรรมดา

“นั่นคือ?”

“ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ?”

“วิหารหมื่นพุทธนําตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณมาที่นี่จริงๆหรือนี่?”

เหล่าบรรพชนต่างผงะไปครู่หนึ่ง มองหน้ากันด้วยความเหลือเชื่อ
แม้จะเป็นวิหารหมื่นพุทธ ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณก็ยังนับเป็นสมบัติล้ําค่า ล้ําค่ายิ่งกว่าสมบัติพุทธคุณทั่วไปถ้าพูดตามหลักแล้วมันควรเก็บไว้ที่วิหารหลัก

“ดูเหมือนวิหารหมื่นพุทธจะชนะการต่อสู้ในครั้งนี้รพชนในชุดสีแดงเลือดกล่าว

” บร

“ด้วยที่พึ่งพิงอย่างตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ ข้าเกรงว่าผู้ทรงสมณศักดิ์วัดเส้าหลินจะไม่สามารถแตะต้องประตูวิหารหมื่นพุทธได้ ฉะนั้นเขาคงจะต้องถูกปิดกั้นไว้ได้ตั้งแต่ภายนอกเสียแล้ว………….”

บรรพชนอีกคนถอนหายใจด้วยอารมณ์ความรู้สึกน้ําเสียงของเขาดูเสียใจ

เดิมที่เขาคิดว่าจะได้เห็นการต่อสู้กันระหว่างอรหันต์สองรูปแต่เมื่อตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณถูกจุดแล้วจะมีการต่อสู้อะไรเกิดขึ้นอีก?

แม้ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินจะไม่รู้ว่าควรเดินหน้าต่อหรือถอยกลับ แต่หากได้รู้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณจะต้องล่าถอยกลับไปแน่

“อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปเสียที่เดียว”

“ถึงจะไม่แน่ใจว่าผู้ที่ประจําการอยู่ในวิหารหมื่นพุทธเป็นหนึ่งในบรรพชนทั้งเก้าหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าวิหารหมื่นพุทธได้นําตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณมายังแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ ”
บรรพชนคนที่สองกล่าวออกอย่างช้าๆ

“มิผิด”

“นี่คือตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ…”

บรรพชนที่ดูเหมือนหญิงสาวรูปงามบ่นกับตนเอง

หลายพันปีก่อน เซียนเทพปฐพีได้โจมตีวิหารหมื่นพุทธการโจมตีธรรมดาๆ ถูกขัดขวางไว้ด้วยตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ

แม้จะปิดกั้นการโจมตีของเซียนเทพปฐพีได้ แต่ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณก็หรี่แสงลงอย่างสมบูรณ์ แต่นั่นเป็นถึงเซียนเทพปฐพีเชียวนะ!

แม้กระทั่งในยุคปราณฉีเฟื่องฟู เซียนเทพปฐพีก็เป็นขุมพลังที่สามารถปราบผู้ใดก็ได้อย่างแน่นอน นับประสาอะไรกับยุคที่กระแสปราณฉีเงียบงันเช่นนี้

เมื่อเหล่าบรรพชนกําลังจะหันกลับไปยังนิกายของตน

“นั่นคือ?”

บรรพชนในชุดคลุมสีแดงเลือดเหลือบสายตาไปเห็นทันใดนั้นม่านตาของเขาก็หดตัวลงในทันที

เมื่อบรรพชนคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ เขาก็มองตามบรรพชนในชุดคลุมสีเลือดไปยังวิหารหมื่นพุทธทันที

ฉับพลัน

บรรพชนทั้งหลายต่างหน้าเปลี่ยนสี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+