เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 264 (II) หวาดผวา

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 264 (II) หวาดผวา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 264 (II) หวาดผวา

 

เมื่อเหล่าบรรพชนกําลังจะหันกลับไปยังนิกายของตน

 

“นั่นคือ?”

 

บรรพชนในชุดคลุมสีแดงเลือดเหลือบสายตาไปเห็น ทันใดนั้น ม่านตาของเขาก็หดตัวลงในทันที

 

เมื่อบรรพชนคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ เขาก็มองตามบรรพชนในชุดคลุมสีเลือดไปยังวิหารหมื่นพุทธทันที

 

ฉับพลัน

 

บรรพชนทั้งหลายต่างหน้าเปลี่ยนสี

 

เพราะพวกเขาตกใจที่ผู้ทรงสมณศักดิ์วัดเส้าหลินพุ่งเข้าใส่ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ

 

และฉากต่อมาก็ทําให้บรรพชนทั้งหลายต้องตกตะลึง ราวกับพวกเขาได้พบเจอภูตผี

 

“คนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไปหรือไม่ เขาสร้างความสะเทือนให้กับตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณได้จริงๆ?”

 

“สั่นสะเทือนหรือ? ยิ่งกว่าสั่นสะเทือนอีก ข้ารู้สึกว่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณแทบจะทนไม่ไหวแล้ว แสงพุทธคุณก็เริ่มสลายหายไปแล้ว”

 

“น่ากลัว น่ากลัวเกินไปแล้ว”

 

เหล่าบรรพชนกลืนน้ําลายลงคอ หันหน้ามองกัน สีหน้าของแต่ละคนไม่สามารถปกปิดความตกใจเอาไว้ได้

 

ความน่ากลัวของซูฉินนั้นเกินขีดจํากัดจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว

ระหว่างที่ออกกระบวนท่า พลังเลือดเนื้อปราณชีวิตก็พวย พุ่งท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ มันสง่างามและน่าตกใจพอๆกับเทพโบราณ

 

“เป็นร่างกายที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้ ข้ากลัวว่ามันเข้าใกล้ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่เต็มที่แล้วใช่หรือไม่?”

 

บรรพชนที่ดูเหมือนหญิงงามมีสีหน้าเคร่งเครียด กล่าวออกมาทีละคํา

 

สําหรับบรรพชนคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็มีดวงตาที่ดูหนักอึ้ง ไม่ได้หักล้างประโยคเมื่อครู่ เพราะในความเห็นของพวกเขา ร่างกายของซูฉินนั้นใกล้เคียงกับร่างกายของเซียนเทพปฐพี่จริง

 

“ไม่น่าแปลกใจที่วิหารหมื่นพุทธใช้ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณตั้งแต่ที่แรก…”

ท่าทีของบรรพชนแต่ละคนต่างครุ่นคิดเรื่องนี้

 

ในตอนแรกพวกเขายังมีข้อสงสัยอยู่บ้างว่าทําไมวิหารหมื่น พุทธจึงยอมให้ซูฉินมาถึงหน้าประตูโดยไม่ขัดขึ้น ทั้งยังป้องกันตนเองด้วยตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณโดยตรง..

 

ตอนนี้ดูเหมือนว่า วิหารหมื่นพุทธจะรู้ถึงความน่ากลัวของซูฉินอยู่แล้ว…….

 

“อา ถ้าร่างกายของบุคคลผู้นี้ใกล้เคียงกับเซียนเทพปฐพี จริงๆข้าเกรงว่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณจะหยุดเขาไม่ได้”

 

ใบหน้าของบรรพชนในชุดคลุมสีแดงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

ในขณะที่พลังชีวิตและเลือดเนื้อของซูฉินกําลังเดือดพล่าน และชกหมัดสุดท้ายออกไป ก็ทําให้เกิดรอยร้าวที่ตัวตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ภายในวิหารหมื่นพุทธ กลิ่นอายของบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้าก็พวยพุ่งออกมา ทั้งสามลอยขึ้นไปบนฟ้าและใช้อาณาเขตสามแห่ง กักขังซูฉินไว้ภายใน

 

“บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้า”

 

“วิหารหมื่นพุทธจ่ายออกในราคามหาศาลจริงๆ ครั้งนี้ ส่งบรรพชนมาถึงสามคนพร้อมกัน”

 

บรรพชนทั้งหลายต่างจดจําตัวตนบรรพชนหก บรรพชน เจ็ด และบรรพชนเก้าได้

 

“เหตุผลที่ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินสามารถสร้าง ความสั่นสะเทือนให้กับตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณได้ทั้งหมด เป็นเพราะร่างกายของเขาที่ใกล้เคียงกับเซียนเทพปฐพี”

 

“แต่บัดนี้ทั้งบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้า จากวิหารหมื่นพุทธได้ร่วมมือกัน ใช้อาณาเขตเข้าปราบปรามจนผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินไม่สามารถใช้ประโยชน์จากกายเนื้อได้ ”

 

เหล่าบรรพชนเมื่อเห็นฉากนี้ก็โล่งใจเล็กน้อย

 

ต้องบอกว่าบรรพชนทั้งสามจากวิหารหมื่นพุทธตอบสนองได้รวดเร็วและเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการจัดการกับซูกิน

 

“บางทีอาจจะเก็บคนผู้นี้ไว้ได้…”

 

บรรพชนที่พูดคนสุดท้าย ยังไม่ทันจะได้พูดจนจบ

 

ก็เห็นซูฉินค่อยๆ เหยียดมือขวาออก และกดนิ้วทั้งห้าลงมา พลังฟ้าดินเข้าห่อหุ้มฝามือจนกลายเป็นสีทองอร่าม รัศมีพลังอันน่ากลัวขยายออก ควบแน่นจนมีรูปลักษณ์เป็นองค์ยูไลทองคํา เหลือบมองลงมายังวิหารหมื่นพุทธ

 

ในทันที พลังอาณาเขตของบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้าแห่งวิหารหมื่นพุทธก็พังทลายลง

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

ที่ชายขอบของทะเลทรายตะวันตก

 

กลุ่มบรรพชนที่เฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกลไม่สามารถตอบสนองอะไรได้อีกแล้ว

 

เพราะด้วยรูปลักษณ์ขององค์ยูไลทองคํา ผืนฟ้าผืนดินกลายเป็นยุ่งเหยิง กลิ่นอายกระจายทั่ว และพื้นที่ที่เคยเป็นวิหารหมื่นพุทธนั้นเหมือนกับจะหายไปจากการรับรู้ของพวกเขาในทันที

 

เงียบดังป่าช้า

 

บรรพชนทั้งหลายเงียบกริบ อดไม่ได้ที่จะแสดงความหวาดกลัวออกมาผ่านแววตา

 

เมื่อครู่ ร่างองค์ยูไลสีทองจู่ๆก็ปรากฏขึ้น ชี้มือขึ้นฟ้า อีกมือเอื้อมพสุธา ช่างน่ากลัวจนถึงขีดสุด แม้ว่าเหล่าบรรพชนจะอยู่ห่างไกลมาก และเหลือบตามองไปเห็นเพียงชั่วแวบเดียว จิตใจของพวกเขาก็สั่นรัวราวระเบิดลง ไม่ต้องพูดถึงวิหารหมื่น พุทธที่ประจันหน้าอยู่กับอานุภาพขององค์ยูไลทองคําเลย

ผ่านไปสักพัก บรรพชนคนหนึ่งก็พูดด้วยน้ําเสียงสั่นๆว่า “เรายังต้องร่วมมือกันจัดการผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดเส้าหลินอีกไหม เพื่อถามไถ่ความลับจากเขา…”

 

ไม่มีบรรพชนคนใดตอบคําถามนี้ แม้แต่บรรพชนที่เป็นผู้เสนอความคิดก็นิ่งเงียบ

 

บรรพชนที่เหลือเหลือบมองหน้ากัน ไม่กล้าพูดถึงหัวข้อนี้ อีกต่อไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 264 (II) หวาดผวา

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 264 (II) หวาดผวา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 264 (II) หวาดผวา

 

เมื่อเหล่าบรรพชนกําลังจะหันกลับไปยังนิกายของตน

 

“นั่นคือ?”

 

บรรพชนในชุดคลุมสีแดงเลือดเหลือบสายตาไปเห็น ทันใดนั้น ม่านตาของเขาก็หดตัวลงในทันที

 

เมื่อบรรพชนคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ เขาก็มองตามบรรพชนในชุดคลุมสีเลือดไปยังวิหารหมื่นพุทธทันที

 

ฉับพลัน

 

บรรพชนทั้งหลายต่างหน้าเปลี่ยนสี

 

เพราะพวกเขาตกใจที่ผู้ทรงสมณศักดิ์วัดเส้าหลินพุ่งเข้าใส่ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ

 

และฉากต่อมาก็ทําให้บรรพชนทั้งหลายต้องตกตะลึง ราวกับพวกเขาได้พบเจอภูตผี

 

“คนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไปหรือไม่ เขาสร้างความสะเทือนให้กับตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณได้จริงๆ?”

 

“สั่นสะเทือนหรือ? ยิ่งกว่าสั่นสะเทือนอีก ข้ารู้สึกว่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณแทบจะทนไม่ไหวแล้ว แสงพุทธคุณก็เริ่มสลายหายไปแล้ว”

 

“น่ากลัว น่ากลัวเกินไปแล้ว”

 

เหล่าบรรพชนกลืนน้ําลายลงคอ หันหน้ามองกัน สีหน้าของแต่ละคนไม่สามารถปกปิดความตกใจเอาไว้ได้

 

ความน่ากลัวของซูฉินนั้นเกินขีดจํากัดจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว

ระหว่างที่ออกกระบวนท่า พลังเลือดเนื้อปราณชีวิตก็พวย พุ่งท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ มันสง่างามและน่าตกใจพอๆกับเทพโบราณ

 

“เป็นร่างกายที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้ ข้ากลัวว่ามันเข้าใกล้ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่เต็มที่แล้วใช่หรือไม่?”

 

บรรพชนที่ดูเหมือนหญิงงามมีสีหน้าเคร่งเครียด กล่าวออกมาทีละคํา

 

สําหรับบรรพชนคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็มีดวงตาที่ดูหนักอึ้ง ไม่ได้หักล้างประโยคเมื่อครู่ เพราะในความเห็นของพวกเขา ร่างกายของซูฉินนั้นใกล้เคียงกับร่างกายของเซียนเทพปฐพี่จริง

 

“ไม่น่าแปลกใจที่วิหารหมื่นพุทธใช้ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณตั้งแต่ที่แรก…”

ท่าทีของบรรพชนแต่ละคนต่างครุ่นคิดเรื่องนี้

 

ในตอนแรกพวกเขายังมีข้อสงสัยอยู่บ้างว่าทําไมวิหารหมื่น พุทธจึงยอมให้ซูฉินมาถึงหน้าประตูโดยไม่ขัดขึ้น ทั้งยังป้องกันตนเองด้วยตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณโดยตรง..

 

ตอนนี้ดูเหมือนว่า วิหารหมื่นพุทธจะรู้ถึงความน่ากลัวของซูฉินอยู่แล้ว…….

 

“อา ถ้าร่างกายของบุคคลผู้นี้ใกล้เคียงกับเซียนเทพปฐพี จริงๆข้าเกรงว่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณจะหยุดเขาไม่ได้”

 

ใบหน้าของบรรพชนในชุดคลุมสีแดงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

ในขณะที่พลังชีวิตและเลือดเนื้อของซูฉินกําลังเดือดพล่าน และชกหมัดสุดท้ายออกไป ก็ทําให้เกิดรอยร้าวที่ตัวตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ภายในวิหารหมื่นพุทธ กลิ่นอายของบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้าก็พวยพุ่งออกมา ทั้งสามลอยขึ้นไปบนฟ้าและใช้อาณาเขตสามแห่ง กักขังซูฉินไว้ภายใน

 

“บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้า”

 

“วิหารหมื่นพุทธจ่ายออกในราคามหาศาลจริงๆ ครั้งนี้ ส่งบรรพชนมาถึงสามคนพร้อมกัน”

 

บรรพชนทั้งหลายต่างจดจําตัวตนบรรพชนหก บรรพชน เจ็ด และบรรพชนเก้าได้

 

“เหตุผลที่ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินสามารถสร้าง ความสั่นสะเทือนให้กับตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณได้ทั้งหมด เป็นเพราะร่างกายของเขาที่ใกล้เคียงกับเซียนเทพปฐพี”

 

“แต่บัดนี้ทั้งบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้า จากวิหารหมื่นพุทธได้ร่วมมือกัน ใช้อาณาเขตเข้าปราบปรามจนผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินไม่สามารถใช้ประโยชน์จากกายเนื้อได้ ”

 

เหล่าบรรพชนเมื่อเห็นฉากนี้ก็โล่งใจเล็กน้อย

 

ต้องบอกว่าบรรพชนทั้งสามจากวิหารหมื่นพุทธตอบสนองได้รวดเร็วและเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการจัดการกับซูกิน

 

“บางทีอาจจะเก็บคนผู้นี้ไว้ได้…”

 

บรรพชนที่พูดคนสุดท้าย ยังไม่ทันจะได้พูดจนจบ

 

ก็เห็นซูฉินค่อยๆ เหยียดมือขวาออก และกดนิ้วทั้งห้าลงมา พลังฟ้าดินเข้าห่อหุ้มฝามือจนกลายเป็นสีทองอร่าม รัศมีพลังอันน่ากลัวขยายออก ควบแน่นจนมีรูปลักษณ์เป็นองค์ยูไลทองคํา เหลือบมองลงมายังวิหารหมื่นพุทธ

 

ในทันที พลังอาณาเขตของบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้าแห่งวิหารหมื่นพุทธก็พังทลายลง

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

ที่ชายขอบของทะเลทรายตะวันตก

 

กลุ่มบรรพชนที่เฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกลไม่สามารถตอบสนองอะไรได้อีกแล้ว

 

เพราะด้วยรูปลักษณ์ขององค์ยูไลทองคํา ผืนฟ้าผืนดินกลายเป็นยุ่งเหยิง กลิ่นอายกระจายทั่ว และพื้นที่ที่เคยเป็นวิหารหมื่นพุทธนั้นเหมือนกับจะหายไปจากการรับรู้ของพวกเขาในทันที

 

เงียบดังป่าช้า

 

บรรพชนทั้งหลายเงียบกริบ อดไม่ได้ที่จะแสดงความหวาดกลัวออกมาผ่านแววตา

 

เมื่อครู่ ร่างองค์ยูไลสีทองจู่ๆก็ปรากฏขึ้น ชี้มือขึ้นฟ้า อีกมือเอื้อมพสุธา ช่างน่ากลัวจนถึงขีดสุด แม้ว่าเหล่าบรรพชนจะอยู่ห่างไกลมาก และเหลือบตามองไปเห็นเพียงชั่วแวบเดียว จิตใจของพวกเขาก็สั่นรัวราวระเบิดลง ไม่ต้องพูดถึงวิหารหมื่น พุทธที่ประจันหน้าอยู่กับอานุภาพขององค์ยูไลทองคําเลย

ผ่านไปสักพัก บรรพชนคนหนึ่งก็พูดด้วยน้ําเสียงสั่นๆว่า “เรายังต้องร่วมมือกันจัดการผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดเส้าหลินอีกไหม เพื่อถามไถ่ความลับจากเขา…”

 

ไม่มีบรรพชนคนใดตอบคําถามนี้ แม้แต่บรรพชนที่เป็นผู้เสนอความคิดก็นิ่งเงียบ

 

บรรพชนที่เหลือเหลือบมองหน้ากัน ไม่กล้าพูดถึงหัวข้อนี้ อีกต่อไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 264 (II) หวาดผวา

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 264 (II) หวาดผวา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 264 (II) หวาดผวา

 

เมื่อเหล่าบรรพชนกําลังจะหันกลับไปยังนิกายของตน

 

“นั่นคือ?”

 

บรรพชนในชุดคลุมสีแดงเลือดเหลือบสายตาไปเห็น ทันใดนั้น ม่านตาของเขาก็หดตัวลงในทันที

 

เมื่อบรรพชนคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ เขาก็มองตามบรรพชนในชุดคลุมสีเลือดไปยังวิหารหมื่นพุทธทันที

 

ฉับพลัน

 

บรรพชนทั้งหลายต่างหน้าเปลี่ยนสี

 

เพราะพวกเขาตกใจที่ผู้ทรงสมณศักดิ์วัดเส้าหลินพุ่งเข้าใส่ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ

 

และฉากต่อมาก็ทําให้บรรพชนทั้งหลายต้องตกตะลึง ราวกับพวกเขาได้พบเจอภูตผี

 

“คนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไปหรือไม่ เขาสร้างความสะเทือนให้กับตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณได้จริงๆ?”

 

“สั่นสะเทือนหรือ? ยิ่งกว่าสั่นสะเทือนอีก ข้ารู้สึกว่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณแทบจะทนไม่ไหวแล้ว แสงพุทธคุณก็เริ่มสลายหายไปแล้ว”

 

“น่ากลัว น่ากลัวเกินไปแล้ว”

 

เหล่าบรรพชนกลืนน้ําลายลงคอ หันหน้ามองกัน สีหน้าของแต่ละคนไม่สามารถปกปิดความตกใจเอาไว้ได้

 

ความน่ากลัวของซูฉินนั้นเกินขีดจํากัดจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว

ระหว่างที่ออกกระบวนท่า พลังเลือดเนื้อปราณชีวิตก็พวย พุ่งท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ มันสง่างามและน่าตกใจพอๆกับเทพโบราณ

 

“เป็นร่างกายที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้ ข้ากลัวว่ามันเข้าใกล้ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่เต็มที่แล้วใช่หรือไม่?”

 

บรรพชนที่ดูเหมือนหญิงงามมีสีหน้าเคร่งเครียด กล่าวออกมาทีละคํา

 

สําหรับบรรพชนคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็มีดวงตาที่ดูหนักอึ้ง ไม่ได้หักล้างประโยคเมื่อครู่ เพราะในความเห็นของพวกเขา ร่างกายของซูฉินนั้นใกล้เคียงกับร่างกายของเซียนเทพปฐพี่จริง

 

“ไม่น่าแปลกใจที่วิหารหมื่นพุทธใช้ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณตั้งแต่ที่แรก…”

ท่าทีของบรรพชนแต่ละคนต่างครุ่นคิดเรื่องนี้

 

ในตอนแรกพวกเขายังมีข้อสงสัยอยู่บ้างว่าทําไมวิหารหมื่น พุทธจึงยอมให้ซูฉินมาถึงหน้าประตูโดยไม่ขัดขึ้น ทั้งยังป้องกันตนเองด้วยตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณโดยตรง..

 

ตอนนี้ดูเหมือนว่า วิหารหมื่นพุทธจะรู้ถึงความน่ากลัวของซูฉินอยู่แล้ว…….

 

“อา ถ้าร่างกายของบุคคลผู้นี้ใกล้เคียงกับเซียนเทพปฐพี จริงๆข้าเกรงว่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณจะหยุดเขาไม่ได้”

 

ใบหน้าของบรรพชนในชุดคลุมสีแดงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

ในขณะที่พลังชีวิตและเลือดเนื้อของซูฉินกําลังเดือดพล่าน และชกหมัดสุดท้ายออกไป ก็ทําให้เกิดรอยร้าวที่ตัวตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ภายในวิหารหมื่นพุทธ กลิ่นอายของบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้าก็พวยพุ่งออกมา ทั้งสามลอยขึ้นไปบนฟ้าและใช้อาณาเขตสามแห่ง กักขังซูฉินไว้ภายใน

 

“บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้า”

 

“วิหารหมื่นพุทธจ่ายออกในราคามหาศาลจริงๆ ครั้งนี้ ส่งบรรพชนมาถึงสามคนพร้อมกัน”

 

บรรพชนทั้งหลายต่างจดจําตัวตนบรรพชนหก บรรพชน เจ็ด และบรรพชนเก้าได้

 

“เหตุผลที่ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินสามารถสร้าง ความสั่นสะเทือนให้กับตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณได้ทั้งหมด เป็นเพราะร่างกายของเขาที่ใกล้เคียงกับเซียนเทพปฐพี”

 

“แต่บัดนี้ทั้งบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้า จากวิหารหมื่นพุทธได้ร่วมมือกัน ใช้อาณาเขตเข้าปราบปรามจนผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินไม่สามารถใช้ประโยชน์จากกายเนื้อได้ ”

 

เหล่าบรรพชนเมื่อเห็นฉากนี้ก็โล่งใจเล็กน้อย

 

ต้องบอกว่าบรรพชนทั้งสามจากวิหารหมื่นพุทธตอบสนองได้รวดเร็วและเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการจัดการกับซูกิน

 

“บางทีอาจจะเก็บคนผู้นี้ไว้ได้…”

 

บรรพชนที่พูดคนสุดท้าย ยังไม่ทันจะได้พูดจนจบ

 

ก็เห็นซูฉินค่อยๆ เหยียดมือขวาออก และกดนิ้วทั้งห้าลงมา พลังฟ้าดินเข้าห่อหุ้มฝามือจนกลายเป็นสีทองอร่าม รัศมีพลังอันน่ากลัวขยายออก ควบแน่นจนมีรูปลักษณ์เป็นองค์ยูไลทองคํา เหลือบมองลงมายังวิหารหมื่นพุทธ

 

ในทันที พลังอาณาเขตของบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้าแห่งวิหารหมื่นพุทธก็พังทลายลง

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

ที่ชายขอบของทะเลทรายตะวันตก

 

กลุ่มบรรพชนที่เฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกลไม่สามารถตอบสนองอะไรได้อีกแล้ว

 

เพราะด้วยรูปลักษณ์ขององค์ยูไลทองคํา ผืนฟ้าผืนดินกลายเป็นยุ่งเหยิง กลิ่นอายกระจายทั่ว และพื้นที่ที่เคยเป็นวิหารหมื่นพุทธนั้นเหมือนกับจะหายไปจากการรับรู้ของพวกเขาในทันที

 

เงียบดังป่าช้า

 

บรรพชนทั้งหลายเงียบกริบ อดไม่ได้ที่จะแสดงความหวาดกลัวออกมาผ่านแววตา

 

เมื่อครู่ ร่างองค์ยูไลสีทองจู่ๆก็ปรากฏขึ้น ชี้มือขึ้นฟ้า อีกมือเอื้อมพสุธา ช่างน่ากลัวจนถึงขีดสุด แม้ว่าเหล่าบรรพชนจะอยู่ห่างไกลมาก และเหลือบตามองไปเห็นเพียงชั่วแวบเดียว จิตใจของพวกเขาก็สั่นรัวราวระเบิดลง ไม่ต้องพูดถึงวิหารหมื่น พุทธที่ประจันหน้าอยู่กับอานุภาพขององค์ยูไลทองคําเลย

ผ่านไปสักพัก บรรพชนคนหนึ่งก็พูดด้วยน้ําเสียงสั่นๆว่า “เรายังต้องร่วมมือกันจัดการผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดเส้าหลินอีกไหม เพื่อถามไถ่ความลับจากเขา…”

 

ไม่มีบรรพชนคนใดตอบคําถามนี้ แม้แต่บรรพชนที่เป็นผู้เสนอความคิดก็นิ่งเงียบ

 

บรรพชนที่เหลือเหลือบมองหน้ากัน ไม่กล้าพูดถึงหัวข้อนี้ อีกต่อไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 264 (II) หวาดผวา

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 264 (II) หวาดผวา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 264 (II) หวาดผวา

 

เมื่อเหล่าบรรพชนกําลังจะหันกลับไปยังนิกายของตน

 

“นั่นคือ?”

 

บรรพชนในชุดคลุมสีแดงเลือดเหลือบสายตาไปเห็น ทันใดนั้น ม่านตาของเขาก็หดตัวลงในทันที

 

เมื่อบรรพชนคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ เขาก็มองตามบรรพชนในชุดคลุมสีเลือดไปยังวิหารหมื่นพุทธทันที

 

ฉับพลัน

 

บรรพชนทั้งหลายต่างหน้าเปลี่ยนสี

 

เพราะพวกเขาตกใจที่ผู้ทรงสมณศักดิ์วัดเส้าหลินพุ่งเข้าใส่ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ

 

และฉากต่อมาก็ทําให้บรรพชนทั้งหลายต้องตกตะลึง ราวกับพวกเขาได้พบเจอภูตผี

 

“คนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไปหรือไม่ เขาสร้างความสะเทือนให้กับตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณได้จริงๆ?”

 

“สั่นสะเทือนหรือ? ยิ่งกว่าสั่นสะเทือนอีก ข้ารู้สึกว่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณแทบจะทนไม่ไหวแล้ว แสงพุทธคุณก็เริ่มสลายหายไปแล้ว”

 

“น่ากลัว น่ากลัวเกินไปแล้ว”

 

เหล่าบรรพชนกลืนน้ําลายลงคอ หันหน้ามองกัน สีหน้าของแต่ละคนไม่สามารถปกปิดความตกใจเอาไว้ได้

 

ความน่ากลัวของซูฉินนั้นเกินขีดจํากัดจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว

ระหว่างที่ออกกระบวนท่า พลังเลือดเนื้อปราณชีวิตก็พวย พุ่งท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ มันสง่างามและน่าตกใจพอๆกับเทพโบราณ

 

“เป็นร่างกายที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้ ข้ากลัวว่ามันเข้าใกล้ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่เต็มที่แล้วใช่หรือไม่?”

 

บรรพชนที่ดูเหมือนหญิงงามมีสีหน้าเคร่งเครียด กล่าวออกมาทีละคํา

 

สําหรับบรรพชนคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็มีดวงตาที่ดูหนักอึ้ง ไม่ได้หักล้างประโยคเมื่อครู่ เพราะในความเห็นของพวกเขา ร่างกายของซูฉินนั้นใกล้เคียงกับร่างกายของเซียนเทพปฐพี่จริง

 

“ไม่น่าแปลกใจที่วิหารหมื่นพุทธใช้ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณตั้งแต่ที่แรก…”

ท่าทีของบรรพชนแต่ละคนต่างครุ่นคิดเรื่องนี้

 

ในตอนแรกพวกเขายังมีข้อสงสัยอยู่บ้างว่าทําไมวิหารหมื่น พุทธจึงยอมให้ซูฉินมาถึงหน้าประตูโดยไม่ขัดขึ้น ทั้งยังป้องกันตนเองด้วยตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณโดยตรง..

 

ตอนนี้ดูเหมือนว่า วิหารหมื่นพุทธจะรู้ถึงความน่ากลัวของซูฉินอยู่แล้ว…….

 

“อา ถ้าร่างกายของบุคคลผู้นี้ใกล้เคียงกับเซียนเทพปฐพี จริงๆข้าเกรงว่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณจะหยุดเขาไม่ได้”

 

ใบหน้าของบรรพชนในชุดคลุมสีแดงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

ในขณะที่พลังชีวิตและเลือดเนื้อของซูฉินกําลังเดือดพล่าน และชกหมัดสุดท้ายออกไป ก็ทําให้เกิดรอยร้าวที่ตัวตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ภายในวิหารหมื่นพุทธ กลิ่นอายของบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้าก็พวยพุ่งออกมา ทั้งสามลอยขึ้นไปบนฟ้าและใช้อาณาเขตสามแห่ง กักขังซูฉินไว้ภายใน

 

“บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้า”

 

“วิหารหมื่นพุทธจ่ายออกในราคามหาศาลจริงๆ ครั้งนี้ ส่งบรรพชนมาถึงสามคนพร้อมกัน”

 

บรรพชนทั้งหลายต่างจดจําตัวตนบรรพชนหก บรรพชน เจ็ด และบรรพชนเก้าได้

 

“เหตุผลที่ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินสามารถสร้าง ความสั่นสะเทือนให้กับตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณได้ทั้งหมด เป็นเพราะร่างกายของเขาที่ใกล้เคียงกับเซียนเทพปฐพี”

 

“แต่บัดนี้ทั้งบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้า จากวิหารหมื่นพุทธได้ร่วมมือกัน ใช้อาณาเขตเข้าปราบปรามจนผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินไม่สามารถใช้ประโยชน์จากกายเนื้อได้ ”

 

เหล่าบรรพชนเมื่อเห็นฉากนี้ก็โล่งใจเล็กน้อย

 

ต้องบอกว่าบรรพชนทั้งสามจากวิหารหมื่นพุทธตอบสนองได้รวดเร็วและเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการจัดการกับซูกิน

 

“บางทีอาจจะเก็บคนผู้นี้ไว้ได้…”

 

บรรพชนที่พูดคนสุดท้าย ยังไม่ทันจะได้พูดจนจบ

 

ก็เห็นซูฉินค่อยๆ เหยียดมือขวาออก และกดนิ้วทั้งห้าลงมา พลังฟ้าดินเข้าห่อหุ้มฝามือจนกลายเป็นสีทองอร่าม รัศมีพลังอันน่ากลัวขยายออก ควบแน่นจนมีรูปลักษณ์เป็นองค์ยูไลทองคํา เหลือบมองลงมายังวิหารหมื่นพุทธ

 

ในทันที พลังอาณาเขตของบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้าแห่งวิหารหมื่นพุทธก็พังทลายลง

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

ที่ชายขอบของทะเลทรายตะวันตก

 

กลุ่มบรรพชนที่เฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกลไม่สามารถตอบสนองอะไรได้อีกแล้ว

 

เพราะด้วยรูปลักษณ์ขององค์ยูไลทองคํา ผืนฟ้าผืนดินกลายเป็นยุ่งเหยิง กลิ่นอายกระจายทั่ว และพื้นที่ที่เคยเป็นวิหารหมื่นพุทธนั้นเหมือนกับจะหายไปจากการรับรู้ของพวกเขาในทันที

 

เงียบดังป่าช้า

 

บรรพชนทั้งหลายเงียบกริบ อดไม่ได้ที่จะแสดงความหวาดกลัวออกมาผ่านแววตา

 

เมื่อครู่ ร่างองค์ยูไลสีทองจู่ๆก็ปรากฏขึ้น ชี้มือขึ้นฟ้า อีกมือเอื้อมพสุธา ช่างน่ากลัวจนถึงขีดสุด แม้ว่าเหล่าบรรพชนจะอยู่ห่างไกลมาก และเหลือบตามองไปเห็นเพียงชั่วแวบเดียว จิตใจของพวกเขาก็สั่นรัวราวระเบิดลง ไม่ต้องพูดถึงวิหารหมื่น พุทธที่ประจันหน้าอยู่กับอานุภาพขององค์ยูไลทองคําเลย

ผ่านไปสักพัก บรรพชนคนหนึ่งก็พูดด้วยน้ําเสียงสั่นๆว่า “เรายังต้องร่วมมือกันจัดการผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดเส้าหลินอีกไหม เพื่อถามไถ่ความลับจากเขา…”

 

ไม่มีบรรพชนคนใดตอบคําถามนี้ แม้แต่บรรพชนที่เป็นผู้เสนอความคิดก็นิ่งเงียบ

 

บรรพชนที่เหลือเหลือบมองหน้ากัน ไม่กล้าพูดถึงหัวข้อนี้ อีกต่อไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+