เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 280 (II) พินาศ ย่อยยับ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 280 (II) พินาศ ย่อยยับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 280 (II) พินาศ ย่อยยับ

“สหายเต๋า ข้ารู้ว่าข้านั้นผิด…”

เสียงของบรรพชนดาบอ่อนลงเรื่อยๆ เขายังคงอ้อนวอนขอความเมตตา

อย่างไรก็ตาม ซูฉินไม่ตั้งใจจะหยุดแม้แต่น้อย เนื่องจากเขาได้บุกรุกพรรคหมื่นดาบเสียขนาดนี้แล้ว ได้สร้างความบาดหมางครั้งใหญ่ จําเป็นจะต้องถอนรากถอนโคนเป็นธรรมดา

ซูฉินจะปล่อยบรรพชนดาบไปได้อย่างไร?

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

หลายชั่วโมงผ่านไปภายในพริบตา

ในที่สุดเศษเสี้ยวสุดท้ายของจิตวิญญาณแรกกําเนิดของบรรพชนดาบก็หายไปพร้อมกับเสียงสาปแช่ง มันค่อยๆ สลายไป ถูกพลังงานอันได้ที่สิ้นสุดของปราณชีวิตและเลือดเนื้อแผดเผาจนสะอาดเอี่ยม

….

ณ อาคารดาบเก้ายอดสูงพันจ้าง

ประมุขพรรคหมื่นดาบและบรรพชนหลายคน เฝ้ามองการสลายตัวของบรรพชนดาบด้วยตาของพวกเขาเอง ใบหน้าพลันเศร้าโศก

บรรพชนดาบได้ปกป้องพรรคหมื่นดาบมาเป็นเวลากว่าพันปี แต่ตอนนี้พวกเขาทําได้เพียงมองดูเท่านั้น ความโศกเศร้าในใจมากเสียจนไม่อาจจินตนาการได้

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเศร้าแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้าออกจากยอดเขาดาบ

หลังจากที่ซูฉินกลั่นเกลาบรรพชนดาบจนละเอียดยิบแล้ว เขาก็ก้าวเท้าเดินต่อไปข้างหน้า ไปปรากฏอยู่หน้าอาคารดาบเก้ายอดสูงพันจ้าง

ในขณะที่เขากําลังกัดเซาะร่างของบรรพชนดาบด้วยปราณชีวิตและเลือดเนื้อ พลังงานส่วนใหญ่เขาใช้ไปกับบรรพชนดาบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอก การกระทําของประมุขพรรคหมื่นดาบและคนอื่นๆ ชัดเจนอยู่ในสายตาของซูฉินทั้งหมด

“เร็วเข้า เคลื่อนค่ายกลขนาดใหญ่บนยอดเขาดาบ!”

ประมุขพรรคหมื่นดาบกลัวมากจนหนังศีรษะแทบระเบิด ร่วมมือกับบรรพชนทั้งหลายเติมแก่นแท้แห่งพลังเข้าไปในยอดเขาดาบ

ครืน

เห็นว่าอาคารดาบเก้ายอดพันจ้างถูกกระตุ้นได้ในที่สุด พลังงานดาบอันแหลมคมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ตัวอาคารดาบเก้ายอดเองก็สั่นสะเทือน

หากมองจากระยะไกล อาคารดาบทั้งเก้ายอดนี้ดูราวกับเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่พร้อมจะตัดผ่าทุกสิ่ง

ดาบเก้าเล่มหมุนเวียนสับเปลี่ยนไปมา

นี่คือไพลับที่ทิ้งเอาไว้โดยนักพรตหมื่นดาบ เมื่อค่ายกลเปิดใช้งาน อาคารเก้ายอดพันจ้างจะได้รับการฟื้นพลังอย่างเต็มที่ อาคารดาบทั้งเก้ายอดนี้ แต่ละยอดจะมีเจตจํานงดาบของนักพรตหมื่นดาบอยู่ มันได้รับการหล่อเลี้ยงมานับพันปีจนมีจิตวิญญาณ ในช่วงที่มันฟื้นตัวนี้ ไม่ใช่เรื่องกล่าวเกินจริงๆ เลยที่จะบอกว่ามันมีพลังทําลายสะเทือนฟ้ายิ่งนัก

“ไร้สาระ”

“แม้แต่ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ที่เซียนเทพปฐพีขั้นสูงสุดอย่างจ้าวทะเลบูรพาสร้างขึ้น ยังถูกข้าฟันทําลายได้ แค่ค่ายกลสังหารที่ไม่มีใครควบคุมได้อย่างเหมาะสม คิดว่าจะหยุดข้าได้หรือ?”

ดวงตาของซูฉินดูลึกล้ํา

ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ ประกอบกับเจตจํานงดาบของนักพรตหมื่นดาบที่ฟื้นคืนกลับมา มันสามารถต่อกรกับเซียนเทพปฐพีได้ในเวลาสั้นๆ ด้วยซ้ํา เมื่อสามพันปีก่อน พ่อมดราชันแห่งสํานักผู้วิเศษไม่ได้เข้าโจมตีก็เพราะเหตุนี้

ไม่ใช่ว่าพ่อมดราชันไม่สามารถทําลายค่ายกลได้ แต่มันไม่จําเป็นจะเกิดอะไรขึ้นถ้าทําลายค่ายกลเก้าดาบหมุนวนนี่?

พ่อมดราชันไม่ได้เดินทางในวิถีแห่งดาบ เคล็ดวิชาจํานวนมากของพรรคหมื่นดาบไม่มีประโยชน์สําหรับเขา ส่วนทรัพยากรบ่มเพาะ…

สํานักผู้วิเศษสืบทอดมรดกมาตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด ภูมิหลังยิ่งใหญ่กว่าพรรคหมื่นดาบมาก เป็นไปได้อย่างไรที่ทรัพยากรบ่มเพาะของพรรคหมื่นดาบจะอยู่ในสายตา?

นอกจากนี้ ในขอบเขตเซียนเทพปฐพี สมบัติส่วนใหญ่บนโลกก็แทบไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
น่าเสียดาย

หากเป็นเมื่อสามพันปีก่อน ตอนที่ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนยังคงรักษาสภาพจุดสูงสุดเอาไว้ได้ พ่อมดราชันก็ยังไม่อาจผ่านไปได้โดยง่าย

แต่ตอนนี้ผ่านไปสามพันปี ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนได้สูญเสียพลังของมันไปนานแล้ว ยุครุ่งเรืองของค่ายกลเก้าดาบหมุนวนได้เสื่อมถอยไปตามกาลเวลา

พรรคหมื่นดาบไม่เหมือนจ้าวทะเลบูรพาที่มีน้ําพุจิตวิญญาณคอยหล่อเลี้ยงค่ายกลเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะอ่อนแอเพียงไร ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนในตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาในการปิดกันตํานานยุทธขั้นสูงสุด และแม้แต่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็ไม่สามารถทําอะไรได้

แต่ต่อหน้าซูฉินที่มีดวงตาแห่งสัจจะ เขาสามารถเข้าใจจุดบกพร่องของค่ายกลขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย

ดวงตาแห่งสัจจะสามารถเห็นพลังทุกอย่างบนโลก และค่ายกลฟ้าดินก็มีพลังฟ้าดินอยู่เต็มไปหมด มันอยู่ในขอบเขตการสังเกตของซูฉิน

หากค่ายกลเก้าดาบหมุนวนอยู่ในจุดสูงสุด แม้ว่าซูฉินจะพบข้อบกพร่อง แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะเขาไม่มีพลังแม้แต่จะเจาะทําลายข้อบกพร่อง

แต่ตอนนี้ หลังจากผ่านไปสามพันปี ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนอ่อนแอลงไปหนึ่งช่วงใหญ่ ซูฉินจึงมีความมั่นใจเป็นธรรมดา

“แตกไปซะ!”

ซูฉินก้าวเท้าเข้าไปอีก กําหมัดแน่นราวกับเป็นค้อนยักษ์ เข้าโจมตีค่ายกลเก้าดาบหมุนวนอย่างรุนแรง

ตูม!

เสียงทุ่มแน่นดังขึ้น และค่ายกลเก้าดาบหมุนวนที่เพิ่งฟื้นตัวก็สั่นไหวอย่างกะทันหัน พลังอันน่าสะพรึงกลัวส่งผ่านทะลวงค่ายกลเก้าดาบหมุนวน พุ่งตรงเข้าสู่คนของพรรคหมื่นดาบที่พยายามจะป้องกัน

บรรพชนพรรคหมื่นดาบหลายคนพ่นเลือดออกมาเป็นฟูมฝอย ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวราวกับกระดาษ พวกเขาตะโกนด้วยเสียงอันรุนแรงร้อนรนอย่างถึงที่สุด “ปิดกั้นมัน ปิดกั้นมันเอาไว้”

และในครั้งนี้

ซูฉินก็เหวี่ยงหมัด คอยมองอย่างระมัดระวัง แล้วกระแทกหมัดเข้าใส่อีกครั้ง

ตูม!

ตูม!

ตูม!!!

ซูฉินปล่อยหมัดหลายครั้งติดต่อกัน และทุกหมัดก็ตรงเข้าทําลายจุดบกพร่องของค่ายกลเก้าดาบหมุนวนทั้งสิ้น พลังอันน่าสะพรึงกลัวเกือบจะทะลวงอาคารดาบเก้ายอดพันจ้าง หากไม่ใช่ เพราะซูฉินต้องการยั้งมือเพราะเกรงว่าจะกระทบกับหลีหว่าน ในตอนนี้พวกพรรคหมื่นดาบทุกคนที่อยู่ในยอดเขาดาบคงถูกกระแทกจนตายด้วย พลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้แล้ว

แต่กระนั้น ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนก็พังทลายลงเกือบครึ่ง ทําให้ซูฉินมองผ่านค่ายกลขนาดใหญ่เข้าไปได้ ผู้คนพรรคหมื่นดาบที่อยู่ภายในยอดเขาดาบต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกสยดสยอง

“อดทนไว้ ยอดเขาดาบถูกสร้างโดยนักพรตหมื่นดาบ มันปกป้องพรรคหมื่นดาบของพวกเรามาหลายต่อหลายรุ่นแล้ว มันจะต้องปกป้องเราได้อย่างแน่นอน……” ประมุขพรรคหมื่นดาบที่เลือดไหลออกทวารทั้งเจ็ด ยังคงให้กําลังใจ

เหล่าศิษย์ สาวกพรรคหมื่นดาบที่สิ้นหวัง

และในวินาทีต่อมา

ซูฉินก็ต่อยอีกครั้ง

พลังของหมัดไม่สามารถอธิบายเป็นคําพูดได้

ปราณเลือดของซูฉินสันสะเทือน มองดูคล้ายอีกาทองคําสามขา ยิ่งใหญ่คับฟ้า ควบแน่นขึ้นมาเป็นรูปร่างอยู่ด้านหลังของซูฉิน นอกจากพลังอันยิ่งใหญ่ของปราณชีวิตและเลือดเนื้อแล้ว ยังมีเปลวไฟลุกโชนเต็มไปหมด

ฉับพลัน

ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนก็ถูกทําลายลงอย่างสมบูรณ์ ประกายแสงดาบจํานวนมากพังทลายลงอย่างรวดเร็ว บรรพชนพรรคหมื่นดาบที่กระตุ้นพลังของค่ายกลขนาดใหญ่ ทั้งร่างกายและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาพลันแตกสลายไปหมดพร้อมกับความทุกข์ทรมาน

“ข้า…..พรรคหมื่นดาบของข้าถูกทําลายลงแล้ว…”

ประมุขพรรคหมื่นดาบไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ก้าวถอยหลัง ล้มร่างลงนั่งบนพื้น ใบหน้าซีดเซียวเหมือนคนตาย สมองเหมือนจะไม่ประมวลผลอีกต่อไป

ในตอนนี้ ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนได้พังทลายลง และประมุขพรรคหมื่นดาบก็ไม่สามารถคิดหาหนทางใดมาต่อต้านซูฉินได้อีกแล้ว

เว้นแต่นักพรตหมื่นดาบเมื่อสี่พันปีก่อนจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา ก็ไม่มีทางรอดอื่นอีก

หลังจากทะลวงผ่านค่ายกลเก้าดาบหมุนวน ซูฉินก็มุ่งตรง บุกไปยังคุกใต้ดินที่เรียกขานกันว่า ลุมทมิฬ ซึ่งอยู่กึ่งกลางอาคารดาบสูงพันจ้างทั้งเก้านี้

แกร็ก แกร็ก

คุกใต้ดินสีดําสนิทที่สร้างขึ้นจากเหล็กดําทมิฬทะเลเหนือ เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังดัชนีของซูฉิน มันก็ไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย พลันแตกเป็นเสี่ยงๆ เผยให้เห็นหลี่หว่านที่อยู่ด้านล่าง

“ลุงสาม”

หลีหว่านที่อยู่ด้านล่างโบกมือให้ซูฉินทันที พร้อมทั้งตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น

ชายชราที่มีผมและเคราสีขาวซึ่งถูกขังอยู่บนชั้นที่สิบเอ็ดของคุกใต้ดินสีดําเหลือบมองซูฉินอย่างลึกซึ้ง

“โลกนี้มีเทพเซียนอยู่จริงๆ งั้นรึ?”

ชายชราก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว คิดในใจว่าหากมีเทพเซียนอยู่บนโลกนี้จริงๆ ก็คงต้องเป็นซูฉินผู้นี้เท่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 280 (II) พินาศ ย่อยยับ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 280 (II) พินาศ ย่อยยับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 280 (II) พินาศ ย่อยยับ

“สหายเต๋า ข้ารู้ว่าข้านั้นผิด…”

เสียงของบรรพชนดาบอ่อนลงเรื่อยๆ เขายังคงอ้อนวอนขอความเมตตา

อย่างไรก็ตาม ซูฉินไม่ตั้งใจจะหยุดแม้แต่น้อย เนื่องจากเขาได้บุกรุกพรรคหมื่นดาบเสียขนาดนี้แล้ว ได้สร้างความบาดหมางครั้งใหญ่ จําเป็นจะต้องถอนรากถอนโคนเป็นธรรมดา

ซูฉินจะปล่อยบรรพชนดาบไปได้อย่างไร?

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

หลายชั่วโมงผ่านไปภายในพริบตา

ในที่สุดเศษเสี้ยวสุดท้ายของจิตวิญญาณแรกกําเนิดของบรรพชนดาบก็หายไปพร้อมกับเสียงสาปแช่ง มันค่อยๆ สลายไป ถูกพลังงานอันได้ที่สิ้นสุดของปราณชีวิตและเลือดเนื้อแผดเผาจนสะอาดเอี่ยม

….

ณ อาคารดาบเก้ายอดสูงพันจ้าง

ประมุขพรรคหมื่นดาบและบรรพชนหลายคน เฝ้ามองการสลายตัวของบรรพชนดาบด้วยตาของพวกเขาเอง ใบหน้าพลันเศร้าโศก

บรรพชนดาบได้ปกป้องพรรคหมื่นดาบมาเป็นเวลากว่าพันปี แต่ตอนนี้พวกเขาทําได้เพียงมองดูเท่านั้น ความโศกเศร้าในใจมากเสียจนไม่อาจจินตนาการได้

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเศร้าแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้าออกจากยอดเขาดาบ

หลังจากที่ซูฉินกลั่นเกลาบรรพชนดาบจนละเอียดยิบแล้ว เขาก็ก้าวเท้าเดินต่อไปข้างหน้า ไปปรากฏอยู่หน้าอาคารดาบเก้ายอดสูงพันจ้าง

ในขณะที่เขากําลังกัดเซาะร่างของบรรพชนดาบด้วยปราณชีวิตและเลือดเนื้อ พลังงานส่วนใหญ่เขาใช้ไปกับบรรพชนดาบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอก การกระทําของประมุขพรรคหมื่นดาบและคนอื่นๆ ชัดเจนอยู่ในสายตาของซูฉินทั้งหมด

“เร็วเข้า เคลื่อนค่ายกลขนาดใหญ่บนยอดเขาดาบ!”

ประมุขพรรคหมื่นดาบกลัวมากจนหนังศีรษะแทบระเบิด ร่วมมือกับบรรพชนทั้งหลายเติมแก่นแท้แห่งพลังเข้าไปในยอดเขาดาบ

ครืน

เห็นว่าอาคารดาบเก้ายอดพันจ้างถูกกระตุ้นได้ในที่สุด พลังงานดาบอันแหลมคมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ตัวอาคารดาบเก้ายอดเองก็สั่นสะเทือน

หากมองจากระยะไกล อาคารดาบทั้งเก้ายอดนี้ดูราวกับเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่พร้อมจะตัดผ่าทุกสิ่ง

ดาบเก้าเล่มหมุนเวียนสับเปลี่ยนไปมา

นี่คือไพลับที่ทิ้งเอาไว้โดยนักพรตหมื่นดาบ เมื่อค่ายกลเปิดใช้งาน อาคารเก้ายอดพันจ้างจะได้รับการฟื้นพลังอย่างเต็มที่ อาคารดาบทั้งเก้ายอดนี้ แต่ละยอดจะมีเจตจํานงดาบของนักพรตหมื่นดาบอยู่ มันได้รับการหล่อเลี้ยงมานับพันปีจนมีจิตวิญญาณ ในช่วงที่มันฟื้นตัวนี้ ไม่ใช่เรื่องกล่าวเกินจริงๆ เลยที่จะบอกว่ามันมีพลังทําลายสะเทือนฟ้ายิ่งนัก

“ไร้สาระ”

“แม้แต่ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ที่เซียนเทพปฐพีขั้นสูงสุดอย่างจ้าวทะเลบูรพาสร้างขึ้น ยังถูกข้าฟันทําลายได้ แค่ค่ายกลสังหารที่ไม่มีใครควบคุมได้อย่างเหมาะสม คิดว่าจะหยุดข้าได้หรือ?”

ดวงตาของซูฉินดูลึกล้ํา

ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ ประกอบกับเจตจํานงดาบของนักพรตหมื่นดาบที่ฟื้นคืนกลับมา มันสามารถต่อกรกับเซียนเทพปฐพีได้ในเวลาสั้นๆ ด้วยซ้ํา เมื่อสามพันปีก่อน พ่อมดราชันแห่งสํานักผู้วิเศษไม่ได้เข้าโจมตีก็เพราะเหตุนี้

ไม่ใช่ว่าพ่อมดราชันไม่สามารถทําลายค่ายกลได้ แต่มันไม่จําเป็นจะเกิดอะไรขึ้นถ้าทําลายค่ายกลเก้าดาบหมุนวนนี่?

พ่อมดราชันไม่ได้เดินทางในวิถีแห่งดาบ เคล็ดวิชาจํานวนมากของพรรคหมื่นดาบไม่มีประโยชน์สําหรับเขา ส่วนทรัพยากรบ่มเพาะ…

สํานักผู้วิเศษสืบทอดมรดกมาตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด ภูมิหลังยิ่งใหญ่กว่าพรรคหมื่นดาบมาก เป็นไปได้อย่างไรที่ทรัพยากรบ่มเพาะของพรรคหมื่นดาบจะอยู่ในสายตา?

นอกจากนี้ ในขอบเขตเซียนเทพปฐพี สมบัติส่วนใหญ่บนโลกก็แทบไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
น่าเสียดาย

หากเป็นเมื่อสามพันปีก่อน ตอนที่ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนยังคงรักษาสภาพจุดสูงสุดเอาไว้ได้ พ่อมดราชันก็ยังไม่อาจผ่านไปได้โดยง่าย

แต่ตอนนี้ผ่านไปสามพันปี ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนได้สูญเสียพลังของมันไปนานแล้ว ยุครุ่งเรืองของค่ายกลเก้าดาบหมุนวนได้เสื่อมถอยไปตามกาลเวลา

พรรคหมื่นดาบไม่เหมือนจ้าวทะเลบูรพาที่มีน้ําพุจิตวิญญาณคอยหล่อเลี้ยงค่ายกลเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะอ่อนแอเพียงไร ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนในตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาในการปิดกันตํานานยุทธขั้นสูงสุด และแม้แต่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็ไม่สามารถทําอะไรได้

แต่ต่อหน้าซูฉินที่มีดวงตาแห่งสัจจะ เขาสามารถเข้าใจจุดบกพร่องของค่ายกลขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย

ดวงตาแห่งสัจจะสามารถเห็นพลังทุกอย่างบนโลก และค่ายกลฟ้าดินก็มีพลังฟ้าดินอยู่เต็มไปหมด มันอยู่ในขอบเขตการสังเกตของซูฉิน

หากค่ายกลเก้าดาบหมุนวนอยู่ในจุดสูงสุด แม้ว่าซูฉินจะพบข้อบกพร่อง แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะเขาไม่มีพลังแม้แต่จะเจาะทําลายข้อบกพร่อง

แต่ตอนนี้ หลังจากผ่านไปสามพันปี ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนอ่อนแอลงไปหนึ่งช่วงใหญ่ ซูฉินจึงมีความมั่นใจเป็นธรรมดา

“แตกไปซะ!”

ซูฉินก้าวเท้าเข้าไปอีก กําหมัดแน่นราวกับเป็นค้อนยักษ์ เข้าโจมตีค่ายกลเก้าดาบหมุนวนอย่างรุนแรง

ตูม!

เสียงทุ่มแน่นดังขึ้น และค่ายกลเก้าดาบหมุนวนที่เพิ่งฟื้นตัวก็สั่นไหวอย่างกะทันหัน พลังอันน่าสะพรึงกลัวส่งผ่านทะลวงค่ายกลเก้าดาบหมุนวน พุ่งตรงเข้าสู่คนของพรรคหมื่นดาบที่พยายามจะป้องกัน

บรรพชนพรรคหมื่นดาบหลายคนพ่นเลือดออกมาเป็นฟูมฝอย ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวราวกับกระดาษ พวกเขาตะโกนด้วยเสียงอันรุนแรงร้อนรนอย่างถึงที่สุด “ปิดกั้นมัน ปิดกั้นมันเอาไว้”

และในครั้งนี้

ซูฉินก็เหวี่ยงหมัด คอยมองอย่างระมัดระวัง แล้วกระแทกหมัดเข้าใส่อีกครั้ง

ตูม!

ตูม!

ตูม!!!

ซูฉินปล่อยหมัดหลายครั้งติดต่อกัน และทุกหมัดก็ตรงเข้าทําลายจุดบกพร่องของค่ายกลเก้าดาบหมุนวนทั้งสิ้น พลังอันน่าสะพรึงกลัวเกือบจะทะลวงอาคารดาบเก้ายอดพันจ้าง หากไม่ใช่ เพราะซูฉินต้องการยั้งมือเพราะเกรงว่าจะกระทบกับหลีหว่าน ในตอนนี้พวกพรรคหมื่นดาบทุกคนที่อยู่ในยอดเขาดาบคงถูกกระแทกจนตายด้วย พลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้แล้ว

แต่กระนั้น ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนก็พังทลายลงเกือบครึ่ง ทําให้ซูฉินมองผ่านค่ายกลขนาดใหญ่เข้าไปได้ ผู้คนพรรคหมื่นดาบที่อยู่ภายในยอดเขาดาบต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกสยดสยอง

“อดทนไว้ ยอดเขาดาบถูกสร้างโดยนักพรตหมื่นดาบ มันปกป้องพรรคหมื่นดาบของพวกเรามาหลายต่อหลายรุ่นแล้ว มันจะต้องปกป้องเราได้อย่างแน่นอน……” ประมุขพรรคหมื่นดาบที่เลือดไหลออกทวารทั้งเจ็ด ยังคงให้กําลังใจ

เหล่าศิษย์ สาวกพรรคหมื่นดาบที่สิ้นหวัง

และในวินาทีต่อมา

ซูฉินก็ต่อยอีกครั้ง

พลังของหมัดไม่สามารถอธิบายเป็นคําพูดได้

ปราณเลือดของซูฉินสันสะเทือน มองดูคล้ายอีกาทองคําสามขา ยิ่งใหญ่คับฟ้า ควบแน่นขึ้นมาเป็นรูปร่างอยู่ด้านหลังของซูฉิน นอกจากพลังอันยิ่งใหญ่ของปราณชีวิตและเลือดเนื้อแล้ว ยังมีเปลวไฟลุกโชนเต็มไปหมด

ฉับพลัน

ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนก็ถูกทําลายลงอย่างสมบูรณ์ ประกายแสงดาบจํานวนมากพังทลายลงอย่างรวดเร็ว บรรพชนพรรคหมื่นดาบที่กระตุ้นพลังของค่ายกลขนาดใหญ่ ทั้งร่างกายและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาพลันแตกสลายไปหมดพร้อมกับความทุกข์ทรมาน

“ข้า…..พรรคหมื่นดาบของข้าถูกทําลายลงแล้ว…”

ประมุขพรรคหมื่นดาบไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ก้าวถอยหลัง ล้มร่างลงนั่งบนพื้น ใบหน้าซีดเซียวเหมือนคนตาย สมองเหมือนจะไม่ประมวลผลอีกต่อไป

ในตอนนี้ ค่ายกลเก้าดาบหมุนวนได้พังทลายลง และประมุขพรรคหมื่นดาบก็ไม่สามารถคิดหาหนทางใดมาต่อต้านซูฉินได้อีกแล้ว

เว้นแต่นักพรตหมื่นดาบเมื่อสี่พันปีก่อนจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา ก็ไม่มีทางรอดอื่นอีก

หลังจากทะลวงผ่านค่ายกลเก้าดาบหมุนวน ซูฉินก็มุ่งตรง บุกไปยังคุกใต้ดินที่เรียกขานกันว่า ลุมทมิฬ ซึ่งอยู่กึ่งกลางอาคารดาบสูงพันจ้างทั้งเก้านี้

แกร็ก แกร็ก

คุกใต้ดินสีดําสนิทที่สร้างขึ้นจากเหล็กดําทมิฬทะเลเหนือ เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังดัชนีของซูฉิน มันก็ไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย พลันแตกเป็นเสี่ยงๆ เผยให้เห็นหลี่หว่านที่อยู่ด้านล่าง

“ลุงสาม”

หลีหว่านที่อยู่ด้านล่างโบกมือให้ซูฉินทันที พร้อมทั้งตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น

ชายชราที่มีผมและเคราสีขาวซึ่งถูกขังอยู่บนชั้นที่สิบเอ็ดของคุกใต้ดินสีดําเหลือบมองซูฉินอย่างลึกซึ้ง

“โลกนี้มีเทพเซียนอยู่จริงๆ งั้นรึ?”

ชายชราก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว คิดในใจว่าหากมีเทพเซียนอยู่บนโลกนี้จริงๆ ก็คงต้องเป็นซูฉินผู้นี้เท่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+