เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 292 รสชาติไม่เลว

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 292 รสชาติไม่เลว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 292 รสชาติไม่เลว

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ เรียกได้ว่ายืนอยู่บนจุดสูงสุดในต่างดินแดนแล้ว และในยุคสมัยที่ไม่มีเซียนเทพปฐพีก็เพียงพอแล้วที่กวาดล้างได้ไปทั่วทั้งดินแดน

ตัวอย่างเช่น บรรพชนดาบเมื่อพันกว่าปีก่อนเขาใช้ดาบกดดันปราบปรามต่างดินแดนมาเป็นเวลากว่าสองร้อยปีมันทรงพลังเพียงไหน?ครอบงําผู้คนเพียงใด?

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับมหาอํานาจขั้นสูงสุดเหล่านี้ ซูฉินที่ต่อสู้แบบหนึ่งต่อสามกับตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้วกลับ โจมตีพวกเขาจนบาดเจ็บสาหัส?

โดยเฉพาะบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะที่ร่างกายแตกสลาย มีเพียงจิตวิญญาณแรกกําเนิดเท่านั้นที่หนีรอดมาได้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเพราะบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะนั้นประเมินศัตรูต่ําเกินไปและไม่ทันได้ใช้เคล็ดหลบหนีแต่นั่นก็ยังแสดงให้เห็นความน่ากลัวจากหมัดของซูฉินอยู่ดี

“น่าเสียดาย

ซูฉันค่อยๆ รั้งมือขวากลับมาถอนหายใจเล็กน้อย

ด้วยหมัดที่เขาเพิ่งส่งออกไปเมื่อครู่ได้รวบรวมพลังปราณเลือดจิตวิญญาณแรกกําเนิดและเคล็ดวิชาอีกมากมายพูดได้ว่านอกจากไฟลับที่เก็บเอาไว้หลายสิบใบ นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นการลงมืออย่างเต็มที่แล้วทว่ามันยังไม่สามารถสังหารบรรพชนทั้งสามได้อย่างสมบูรณ์

ไม่ว่าอย่างไรบรรพชนทั้งสามก็เป็นถึงตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้วเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์การต่อสู้เมื่อตอนที่ซูฉินปล่อยหมัดออกไปทุกคนต่างสังเกตเห็นความผิดปกติและมีเพียงบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะเท่านั้นที่ไม่มีเวลาหลบหนีจนประสบความสูญเสียครั้งใหญ่แต่ทั้งบรรพชนนิกายเฮยหยวนและบรรพบุรุษเหลยสิ่งนิกายเทพเจ้าสายฟ้าต่างหลบหนีได้ทัน

“หากข้าบรรลุการแปรสภาพร่างกายครั้งที่เจ็ดอย่างสมบูรณ์และกลายเป็นกายแห่งธรรมชาติพลังของหมัดนี้จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่าเมื่อถึงตอนนั้นนับประสาอะไรกับบรรพชนทั้งสามที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ต่อให้มาอีกหกคนสิบคนก็ยังต้องโดนกวาดล้างจนไม่มีเหลือ

ซูฉันคิดในใจเงียบๆ

แม้ว่าร่างกายของเขาในตอนนี้จะเป็นเพียงครึ่งก้าวเข้าสู่กายแห่งธรรมชาติ แต่ก็ยังไม่ใช่กายแห่งธรรมชาติที่แท้จริงเพื่อจัดการกับร่างจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่ไร้กายเนื้ออย่างบรรพชน ดาบ เขาย่อมรับมือได้เป็นธรรมดาแต่เมื่อเผชิญหน้ากับบรรพชนทั้งสามที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดแล้ว กลับไม่สามารถบดขย์ได้

หากกลุ่มของบรรพบุรุษเหลยสิ่งรู้ว่าซูฉินกําลังคิดอะไรอยู่ในขณะนี้พวกเขาคงได้กระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธซูฉินสามารถโจมตีศัตรูสามคนจนบาดเจ็บได้ แต่ก็ยังไม่พอใจคิดจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดภายในหมัดเดียว?

“ปราณชีวิตและเลือดเนื้อพวยพุ่งขนาดนี้เลยหรือ?”

“เจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่แล้วงั้นรึ?”

รูม่านตาของบรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้าหดตัวลงอย่างไม่อยากเชื่อ

จากหมัดของซูฉินเขารู้สึกได้ถึงพลังปราณเลือดอันยิ่งใหญ่และต่อหน้าปราณเลือดระดับนี้แม้แต่ชายผู้แข็งแกร่งอย่างเขาก็ต้องตกใจ

“เป็นไปไม่ได้”

“หากเจ้าเป็นเซียนเทพปฐพี ภายใต้การคุ้มครองของอาณาเขตขนาดใหญ่ ข้าคงกลายเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้วยังจะต้องปล่อยหมัดออกมาอีกหรือ?”

บรรพบุรุษเหลยสิ่งสงบใจลงอย่างรวดเร็ว จ้องมองซูฉินอย่างใกล้ชิด
ถ้าเซียนเทพปฐพี่ต้องการจะสังหารพวกเขามันก็ไม่จําเป็นต้องทําอะไรมากเลย

บรรพชนนิกายเฮยหยวนก้าวเดินช้าๆมาอยู่ ข้างๆบรรพบุรุษเหลยสิงมองซูฉินด้วยสีหน้าหวาดกลัวอย่างมาก

พลังรูปแบบฝันร้ายนับอยู่ในหมวดพลังหยินและพลังงานความชั่วร้าย สามารถถูกยับยั้ง ได้ด้วยปราณเลือด

หากเป็นปราณเลือดของตัวตนในระดับเดียวกันด้วยพลังรูปแบบฝันร้ายของบรรพชนเฮยหยวนเขาจะไม่หวาดกลัวเลยอย่างมากสุดก็อาจจะต่อสู้อย่างทุลักทุเลเล็กน้อยแต่พลังปราณเลือดของซูฉินนั้นเกินระดับเดียวกันไปอย่างสมบูรณ์มันชัดเจนว่าไปถึงขอบเขตใหม่แล้ว

“เป็นปัญหาแล้ว”

“ดูเหมือนจะหมดหวังเสียแล้ว”

บรรพบุรุษเหลยสิงกล่าวด้วยน้ําเสียงลึกล้ํา

แม้จะเห็นว่าซูฉินยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีแต่ร่างกายก็แทบจะแตะถึงขอบเขตนั้นแล้วซึ่งน่ากลัวอย่างมากถ้าไม่ใส่ทุกอย่างที่มีอย่างเต็มที่นับประสาอะไรกับการต่อสู้กับซูฉินแค่การจะเอาตัวรอดให้ได้ยังนับเป็นปัญหา

ทว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นบรรพบุรุษเหลยสิงบรรพชนนิกายเฮยหยวนหรือบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะที่เหลือเพียงจิตวิญญาณก็ไม่เคยคิดจะหนี

สําหรับการต่อสู้กันระหว่างผู้แข็งแกร่งนอกจากความแข็งแกร่งของตนเองแล้วสิ่งที่สําคัญกว่าคือศักยภาพและความเชื่อมั่นในการต่อสู้
เมื่อพวกเขาล่าถอยกลับไปพวกเขาก็มีแต่จะต้องรอให้ตนเองถูกไล่ล่าสังหารโดยซูฉินแน่นอน

สิ่งสําคัญที่สุดคือ บรรพบุรุษเหลยสิ่งและบรรพชนนิกายเฮยหยวนพบว่าความแข็งแกร่งของซูฉินนั้นน่ากลัวก็จริงแต่ก็ยังอยู่ในระดับเดียวกันกับ พวกเขาช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ได้ห่างไกลกันนัก

ไม่เช่นนั้น หากซูฉินแสดงพลังของเซียนเทพปฐพีออกมาบรรพชนทั้งสามคงจะหันหลังจากไปอย่างแน่นอน

“ทําลายร่างของข้า ข้าอยากให้เจ้าตายซะ!!!”

บรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะจ้องซูฉินเขม็ง กล่าวออกด้วยน้ําเสียงที่เย็นชา

แม้ว่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดจะหลุดพ้นจากพันธนาการทางกายดํารงอยู่เป็นอิสระทั้งยังสามารถกําเนิดใหม่ได้แต่ความแข็งแกร่งระหว่างจิต วิญญาณแรกกําเนิดที่มีกับไม่มีร่างกายเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

แม้จะกําเนิดขึ้นใหม่แล้ว แต่ร่างกายของผู้อื่นจะเหมาะสมเท่ากับร่างกายของตนเองที่ฝึกฝนบ่มเพาะมาได้เช่นไร?

“เป็นแค่ภูตผีชั่ว กล้าเอ่ยวาจาต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?” ซูฉินเหลือบมองบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะแล้วจึงเยาะเย้ยใส่

ช่วงเวลาต่อมา

ซูฉินก้าวขาออกไปหนึ่งก้าวยกมือขวาขึ้นผลักออกไปทางบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะ

ครีน

มือขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพุ่งลงมาจากบนฟ้าอย่างช้าๆ

“หยุดเขา”

บรรพชนนิกายเฮยหยวนตะโกนเสียงดังลั่นและกลายร่างเป็นร่างกายรูปแบบฝันร้ายอีกครั้งพลังรูปแบบฝันร้ายที่พวยพุ่งออกมาราวขุมนรกพุ่งเข้าไปทางมือขนาดใหญ่ของซูฉินที่กําลังกดลงมา

ไม่ใช่ว่าบรรพชนนิกายเฮยหยวนเป็นห่วงบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะแต่ถ้าบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะตกตายด้วยน้ํามือของซูฉินแรงกดดันของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมากแม้ว่าบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะจะเหลือเพียงจิตวิญญาณแรกกําเนิดแต่ก็ยังคงแข็งแกร่งสามารถทําให้ซูฉันต้องแบ่งความสนใจได้

หากบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะตายไปซูฉินจะต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อจัดการกับพวกเขาทั้งสองคนแน่ชัดเจนว่าบรรพชนเฮยหยวนไม่ต้องการจะให้เป็นเช่นนั้น

บรรพบุรุษเหลยสิ่งแห่งนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเองก็เล็งเห็นถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนท่าทีของเขาดูจริงจังและลงมือโดยไม่ลังเล
ครีน

พลังสายฟ้าอันน่าพรั่นพรึงสั่นสะเทือนไปทั่ว

ท้องฟ้ามืดครึ้มมาพร้อมกับเมฆดําสายฟ้าแลบวาบผ่านไปมา

“เคล็ดพันสายฟ้า!”

หลังจากที่บรรพชนเหลยสิงกล่าวสามคํานี้ไอพลังของเขาก็เริ่มสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน

เมฆสีดําบนฟ้าก็เริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆสายฟ้าคลื่นแล้วคลื่นเล่าวาบผ่านไปมาราวกับมันทะลุทะลวงสวรรค์ได้พลังฟ้าดินราวกับกําลังพิโรธต้องการจะส่งสายฟ้ามาลงทัณฑ์ซูฉิน

“นี่คือเคล็ดพันสายฟ้าที่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าใช้ในการหยัดยืนอยู่ในต่างดินแดนมานับพันปีมันสามารถสั่งสายฟ้าและลงทัณฑ์ในนามของสวรรค์ได้”

ห่างออกไปหลายสิบลี้ ตํานานยุทธหลายคนที่เฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกลต่างประหลาดใจ

ชายชราเฟยยวที่เชื่อมั่นในตัวซูฉินอยู่เสมอแอบหม่นหมองไปไม่น้อยในขณะนี้ไม่ว่าซูฉินจะแข็งแกร่งเพียงใดจะเอาชนะสวรรค์และโลกที่แท้จริงได้หรือ?

ไม่ใช่แค่ซูฉิน แม้แต่เซียนเทพปฐพีต่อหน้าสวรรค์และโลกที่แท้จริงก็เปรียบประดุจฝุ่นผง

เซียนเทพปฐพี่สามารถดํารงอยู่ได้เพียงแค่พันปีแต่การดํารงอยู่ของสวรรค์และโลกมีอยู่เป็นหมื่นเป็นล้านปีมิใช่หรือ?

ครืน

ตอนที่เสียงฟ้าร้องดังก้องพลังขุมนรกอันมืดมิดจากรูปแบบฝันร้ายของบรรพชนเฮยหยวนก็พุ่งเข้าไปทางมือขนาดใหญ่ที่ปกคลุมท้องฟ้า

และในตอนนี้

พลังสายฟ้าของบรรพบุรุษเหลยสิงก็ไม่รีรอลังเลที่จะโจมตีเข้าใส่ซูฉิน

ในสายตาของบรรพบุรุษเหลยสิงซูฉินมีสองทางเลือกหนึ่งคือเปลี่ยนทิศทางฝ่ามือและเข้าต่อต้านพลังสายฟ้าด้วยพลังทั้งหมดของตนและอีกทางคือเลือกรับพลังโจมตีจากสายฟ้าและจัดการกับบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะ

ทั้งสองตัวเลือกนี้ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็อยู่ในความคาดหวังของบรรพบุรุษเหลยสิ่งทั้งหมด

ถ้าซูฉันเลือกอย่างแรกอันตรายของบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะจะคลี่คลาย

แต่ถ้าเลือกอย่างหลัง…

แม้จะเป็นร่างของเซียนเทพปฐพี่ที่แท้จริงเมื่อรับพลังสายฟ้าฟาดเข้าไป เกรงว่าคงจะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง?

ร่างกายของซูฉินนั้นแข็งแกร่งแน่นอนแต่เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะแตะขอบเขตของกายแห่งธรรมชาติอย่างน้อยต้องได้รับบาดเจ็บจากการเข้ารับพลังสายฟ้าฟาด

เพื่อแลกชีวิตของบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะกับโอกาสที่ซูฉินจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ไม่มีอะไรนอกเสียจากผลกําไรที่ได้รับ

พลังรูปแบบฝันร้ายอันมืดมิดของบรรพชนนิกายเฮยหยวนกวาดกระจายไปทั่วทุกทิศทางและสัมผัสเข้ากับฝ่ามือขนาดใหญ่ของซูฉินที่กดลงมาทั้งสองปะทะกันมือขนาดใหญ่เปรียบเสมือนมือของเทพเจ้าโบราณสามารถทําลายพลังรูปแบบฝันร้ายได้อย่างง่ายดาย

“ไม่!!!”

บรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะกรีดร้องและภายใต้แรงกดดันของมือขนาดใหญ่นี้จิตวิญญาณแรกกําเนิดค่อยๆ ทรุดตัวลงทีละนิดจนในที่สุดก็ถูกกําจัดออกไปจนหมด

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

“เจ้าเสร็จแน่! ต่อให้ร่างกายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางร้านได้”

เมื่อเห็นฉากนี้บรรพบุรุษเหลยสิ่งไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใดตรงข้ามกลับชื่นชมยินดี

การยืนกรานสังหารบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะของซูฉินนั้นเท่ากับการต้องทนรับพลังอันยิ่งใหญ่ของสายฟ้าฟาดซึ่งเป็นสิ่งที่เขาพึงปรารถนา

ทันทีหลังจากนั้น

ท่ามกลางสายตาของทุกคนสายฟ้าที่ร้องคํารามก็พุ่งลงมาจากเมฆสีดํา เข้าปกคลุมซูฉินอย่างสมบูรณ์

โดยมีซูฉินเป็นจุดศูนย์กลางภายในรัศมีหลายร้อยเมตรดุจทะเลสายฟ้า ฟ้าผ่าลงมาอย่างโหมกระหน่ําแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวจนใจสั่น

แม้แต่บรรพบุรุษเหลยสิ่งก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขตทะเลสายฟ้าที่เพิ่งเกิดขึ้นแต่กลับมีขนาดหลาย ร้อยเมตรนี้

ทะเลสายฟ้าเกิดจากสายฟ้าจํานวนนับไม่ถ้วนมีอํานาจสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน

“สายฟ้าจะฟาดลงมาอีกครึ่งก้านธูป เมื่อถึงเวลานั้นสายฟ้าจะหายไปและตํานานยุทธอาณาจักรถังจะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงเราจะร่วมมือกัน สังหารเขาโดยตรงในตอนนั้นเอาที่เดียวให้จบ”

บรรพบุรุษเหลยสิ่งแห่งนิกายเทพเจ้าสายฟ้าหันไปพูดกับบรรพชนนิกายเฮยหยวน

“เข้าใจแล้ว”

“ข้าจะใช้ทักษะต้องห้ามตามเข้าไปภายหลัง”

บรรพชนเฮยหยวนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้า

ความแข็งแกร่งของซูฉินนั้นเกินความคาดหมายของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง แต่เนื่องจากพวกเขาได้เข้าปิดล้อมซูฉินไว้แล้วย่อมไม่อาจหวนกลับทําได้เพียงต้องจัดการฆ่าให้หมดจดเท่านั้น

ไม่เช่นนั้น หากซูฉินยังมีชีวิตรอดต่อไปจะมีปัญหาตามมาไม่รู้จบ
“ทะเลสายฟ้านี้สามารถทําร้ายเขาได้จริงๆหรือ?” บรรพชนเฮยหยวนลังเลครู่หนึ่งแล้วกล่าวถามด้วยเสียงต่ํา

“วางใจได้”

บรรพบุรุษเหลยสิ่งเยาะเย้ย “เคล็ดพันสายฟ้าเป็นทักษะลับของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเมื่อถูกโจมตีขอบเขตต่ํากว่าเซียนเทพปฐพี่แทบจะไม่มี ใครรอดชีวิตได้

“ถ้าไม่ใช่เพราะตํานานยุทธอาณาจักรถังแสดงให้เห็นถึงร่างกายที่ใกล้เคียงกับกายแห่งธรรมชาติข้าเกรงว่ามันคงตกตายไปอย่างสมบูรณ์ด้วย พลังสายฟ้านี้……..”

น้ําเสียงของบรรพบุรุษเหลยสิ่งเต็มเปี่ยมไป ด้วยความมั่นใจ
ฉับพลัน

ในตอนนั้นเอง

ทะเลสายฟ้าขนาดร้อยเมตรที่อยู่ด้านหน้าเริ่มบิดเบี้ยวร่างมนุษย์ปรากฏขึ้นที่ผิวขอบของทะเลสายฟ้า

“นี่คือ?”

คําพูดของบรรพบุรุษเหลยสิ่งหยุดลงอย่างกะทันหัน

แต่ยังไม่ทันที่บรรพบุรุษเหลยสิ่งจะทันได้ตอบสนอง

เท้าขวาของคนผู้นั้นก็ก้าวออกมาจากทะเลสายฟ้าอย่างช้าๆตามด้วยลําตัว มือ และใบหน้าสุดท้ายที่ก้าวออกมาก็คือเท้าซ้าย

ช่วงเวลาต่อมา

ท่ามกลางสายตาอันเหลือเชื่อของทุกคน

ร่างที่เดินออกมาจากทะเลสายฟ้าก็หายวับจากนั้นมือเรียวยาวแต่ทรงพลังก็คว้าหมับเข้าที่ลําคอของบรรพบุรุษเหลยสิ่งอย่างรุนแรงและจับยกขึ้น

“รสชาติไม่เลว”

ซูฉันมองไปยังบรรพบุรุษเหลยสิ่งที่กําลังตกใจด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 292 รสชาติไม่เลว

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 292 รสชาติไม่เลว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 292 รสชาติไม่เลว

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ เรียกได้ว่ายืนอยู่บนจุดสูงสุดในต่างดินแดนแล้ว และในยุคสมัยที่ไม่มีเซียนเทพปฐพีก็เพียงพอแล้วที่กวาดล้างได้ไปทั่วทั้งดินแดน

ตัวอย่างเช่น บรรพชนดาบเมื่อพันกว่าปีก่อนเขาใช้ดาบกดดันปราบปรามต่างดินแดนมาเป็นเวลากว่าสองร้อยปีมันทรงพลังเพียงไหน?ครอบงําผู้คนเพียงใด?

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับมหาอํานาจขั้นสูงสุดเหล่านี้ ซูฉินที่ต่อสู้แบบหนึ่งต่อสามกับตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้วกลับ โจมตีพวกเขาจนบาดเจ็บสาหัส?

โดยเฉพาะบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะที่ร่างกายแตกสลาย มีเพียงจิตวิญญาณแรกกําเนิดเท่านั้นที่หนีรอดมาได้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเพราะบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะนั้นประเมินศัตรูต่ําเกินไปและไม่ทันได้ใช้เคล็ดหลบหนีแต่นั่นก็ยังแสดงให้เห็นความน่ากลัวจากหมัดของซูฉินอยู่ดี

“น่าเสียดาย

ซูฉันค่อยๆ รั้งมือขวากลับมาถอนหายใจเล็กน้อย

ด้วยหมัดที่เขาเพิ่งส่งออกไปเมื่อครู่ได้รวบรวมพลังปราณเลือดจิตวิญญาณแรกกําเนิดและเคล็ดวิชาอีกมากมายพูดได้ว่านอกจากไฟลับที่เก็บเอาไว้หลายสิบใบ นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นการลงมืออย่างเต็มที่แล้วทว่ามันยังไม่สามารถสังหารบรรพชนทั้งสามได้อย่างสมบูรณ์

ไม่ว่าอย่างไรบรรพชนทั้งสามก็เป็นถึงตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้วเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์การต่อสู้เมื่อตอนที่ซูฉินปล่อยหมัดออกไปทุกคนต่างสังเกตเห็นความผิดปกติและมีเพียงบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะเท่านั้นที่ไม่มีเวลาหลบหนีจนประสบความสูญเสียครั้งใหญ่แต่ทั้งบรรพชนนิกายเฮยหยวนและบรรพบุรุษเหลยสิ่งนิกายเทพเจ้าสายฟ้าต่างหลบหนีได้ทัน

“หากข้าบรรลุการแปรสภาพร่างกายครั้งที่เจ็ดอย่างสมบูรณ์และกลายเป็นกายแห่งธรรมชาติพลังของหมัดนี้จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่าเมื่อถึงตอนนั้นนับประสาอะไรกับบรรพชนทั้งสามที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ต่อให้มาอีกหกคนสิบคนก็ยังต้องโดนกวาดล้างจนไม่มีเหลือ

ซูฉันคิดในใจเงียบๆ

แม้ว่าร่างกายของเขาในตอนนี้จะเป็นเพียงครึ่งก้าวเข้าสู่กายแห่งธรรมชาติ แต่ก็ยังไม่ใช่กายแห่งธรรมชาติที่แท้จริงเพื่อจัดการกับร่างจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่ไร้กายเนื้ออย่างบรรพชน ดาบ เขาย่อมรับมือได้เป็นธรรมดาแต่เมื่อเผชิญหน้ากับบรรพชนทั้งสามที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดแล้ว กลับไม่สามารถบดขย์ได้

หากกลุ่มของบรรพบุรุษเหลยสิ่งรู้ว่าซูฉินกําลังคิดอะไรอยู่ในขณะนี้พวกเขาคงได้กระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธซูฉินสามารถโจมตีศัตรูสามคนจนบาดเจ็บได้ แต่ก็ยังไม่พอใจคิดจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดภายในหมัดเดียว?

“ปราณชีวิตและเลือดเนื้อพวยพุ่งขนาดนี้เลยหรือ?”

“เจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่แล้วงั้นรึ?”

รูม่านตาของบรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้าหดตัวลงอย่างไม่อยากเชื่อ

จากหมัดของซูฉินเขารู้สึกได้ถึงพลังปราณเลือดอันยิ่งใหญ่และต่อหน้าปราณเลือดระดับนี้แม้แต่ชายผู้แข็งแกร่งอย่างเขาก็ต้องตกใจ

“เป็นไปไม่ได้”

“หากเจ้าเป็นเซียนเทพปฐพี ภายใต้การคุ้มครองของอาณาเขตขนาดใหญ่ ข้าคงกลายเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้วยังจะต้องปล่อยหมัดออกมาอีกหรือ?”

บรรพบุรุษเหลยสิ่งสงบใจลงอย่างรวดเร็ว จ้องมองซูฉินอย่างใกล้ชิด
ถ้าเซียนเทพปฐพี่ต้องการจะสังหารพวกเขามันก็ไม่จําเป็นต้องทําอะไรมากเลย

บรรพชนนิกายเฮยหยวนก้าวเดินช้าๆมาอยู่ ข้างๆบรรพบุรุษเหลยสิงมองซูฉินด้วยสีหน้าหวาดกลัวอย่างมาก

พลังรูปแบบฝันร้ายนับอยู่ในหมวดพลังหยินและพลังงานความชั่วร้าย สามารถถูกยับยั้ง ได้ด้วยปราณเลือด

หากเป็นปราณเลือดของตัวตนในระดับเดียวกันด้วยพลังรูปแบบฝันร้ายของบรรพชนเฮยหยวนเขาจะไม่หวาดกลัวเลยอย่างมากสุดก็อาจจะต่อสู้อย่างทุลักทุเลเล็กน้อยแต่พลังปราณเลือดของซูฉินนั้นเกินระดับเดียวกันไปอย่างสมบูรณ์มันชัดเจนว่าไปถึงขอบเขตใหม่แล้ว

“เป็นปัญหาแล้ว”

“ดูเหมือนจะหมดหวังเสียแล้ว”

บรรพบุรุษเหลยสิงกล่าวด้วยน้ําเสียงลึกล้ํา

แม้จะเห็นว่าซูฉินยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีแต่ร่างกายก็แทบจะแตะถึงขอบเขตนั้นแล้วซึ่งน่ากลัวอย่างมากถ้าไม่ใส่ทุกอย่างที่มีอย่างเต็มที่นับประสาอะไรกับการต่อสู้กับซูฉินแค่การจะเอาตัวรอดให้ได้ยังนับเป็นปัญหา

ทว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นบรรพบุรุษเหลยสิงบรรพชนนิกายเฮยหยวนหรือบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะที่เหลือเพียงจิตวิญญาณก็ไม่เคยคิดจะหนี

สําหรับการต่อสู้กันระหว่างผู้แข็งแกร่งนอกจากความแข็งแกร่งของตนเองแล้วสิ่งที่สําคัญกว่าคือศักยภาพและความเชื่อมั่นในการต่อสู้
เมื่อพวกเขาล่าถอยกลับไปพวกเขาก็มีแต่จะต้องรอให้ตนเองถูกไล่ล่าสังหารโดยซูฉินแน่นอน

สิ่งสําคัญที่สุดคือ บรรพบุรุษเหลยสิ่งและบรรพชนนิกายเฮยหยวนพบว่าความแข็งแกร่งของซูฉินนั้นน่ากลัวก็จริงแต่ก็ยังอยู่ในระดับเดียวกันกับ พวกเขาช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ได้ห่างไกลกันนัก

ไม่เช่นนั้น หากซูฉินแสดงพลังของเซียนเทพปฐพีออกมาบรรพชนทั้งสามคงจะหันหลังจากไปอย่างแน่นอน

“ทําลายร่างของข้า ข้าอยากให้เจ้าตายซะ!!!”

บรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะจ้องซูฉินเขม็ง กล่าวออกด้วยน้ําเสียงที่เย็นชา

แม้ว่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดจะหลุดพ้นจากพันธนาการทางกายดํารงอยู่เป็นอิสระทั้งยังสามารถกําเนิดใหม่ได้แต่ความแข็งแกร่งระหว่างจิต วิญญาณแรกกําเนิดที่มีกับไม่มีร่างกายเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

แม้จะกําเนิดขึ้นใหม่แล้ว แต่ร่างกายของผู้อื่นจะเหมาะสมเท่ากับร่างกายของตนเองที่ฝึกฝนบ่มเพาะมาได้เช่นไร?

“เป็นแค่ภูตผีชั่ว กล้าเอ่ยวาจาต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?” ซูฉินเหลือบมองบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะแล้วจึงเยาะเย้ยใส่

ช่วงเวลาต่อมา

ซูฉินก้าวขาออกไปหนึ่งก้าวยกมือขวาขึ้นผลักออกไปทางบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะ

ครีน

มือขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพุ่งลงมาจากบนฟ้าอย่างช้าๆ

“หยุดเขา”

บรรพชนนิกายเฮยหยวนตะโกนเสียงดังลั่นและกลายร่างเป็นร่างกายรูปแบบฝันร้ายอีกครั้งพลังรูปแบบฝันร้ายที่พวยพุ่งออกมาราวขุมนรกพุ่งเข้าไปทางมือขนาดใหญ่ของซูฉินที่กําลังกดลงมา

ไม่ใช่ว่าบรรพชนนิกายเฮยหยวนเป็นห่วงบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะแต่ถ้าบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะตกตายด้วยน้ํามือของซูฉินแรงกดดันของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมากแม้ว่าบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะจะเหลือเพียงจิตวิญญาณแรกกําเนิดแต่ก็ยังคงแข็งแกร่งสามารถทําให้ซูฉันต้องแบ่งความสนใจได้

หากบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะตายไปซูฉินจะต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อจัดการกับพวกเขาทั้งสองคนแน่ชัดเจนว่าบรรพชนเฮยหยวนไม่ต้องการจะให้เป็นเช่นนั้น

บรรพบุรุษเหลยสิ่งแห่งนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเองก็เล็งเห็นถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนท่าทีของเขาดูจริงจังและลงมือโดยไม่ลังเล
ครีน

พลังสายฟ้าอันน่าพรั่นพรึงสั่นสะเทือนไปทั่ว

ท้องฟ้ามืดครึ้มมาพร้อมกับเมฆดําสายฟ้าแลบวาบผ่านไปมา

“เคล็ดพันสายฟ้า!”

หลังจากที่บรรพชนเหลยสิงกล่าวสามคํานี้ไอพลังของเขาก็เริ่มสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน

เมฆสีดําบนฟ้าก็เริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆสายฟ้าคลื่นแล้วคลื่นเล่าวาบผ่านไปมาราวกับมันทะลุทะลวงสวรรค์ได้พลังฟ้าดินราวกับกําลังพิโรธต้องการจะส่งสายฟ้ามาลงทัณฑ์ซูฉิน

“นี่คือเคล็ดพันสายฟ้าที่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าใช้ในการหยัดยืนอยู่ในต่างดินแดนมานับพันปีมันสามารถสั่งสายฟ้าและลงทัณฑ์ในนามของสวรรค์ได้”

ห่างออกไปหลายสิบลี้ ตํานานยุทธหลายคนที่เฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกลต่างประหลาดใจ

ชายชราเฟยยวที่เชื่อมั่นในตัวซูฉินอยู่เสมอแอบหม่นหมองไปไม่น้อยในขณะนี้ไม่ว่าซูฉินจะแข็งแกร่งเพียงใดจะเอาชนะสวรรค์และโลกที่แท้จริงได้หรือ?

ไม่ใช่แค่ซูฉิน แม้แต่เซียนเทพปฐพีต่อหน้าสวรรค์และโลกที่แท้จริงก็เปรียบประดุจฝุ่นผง

เซียนเทพปฐพี่สามารถดํารงอยู่ได้เพียงแค่พันปีแต่การดํารงอยู่ของสวรรค์และโลกมีอยู่เป็นหมื่นเป็นล้านปีมิใช่หรือ?

ครืน

ตอนที่เสียงฟ้าร้องดังก้องพลังขุมนรกอันมืดมิดจากรูปแบบฝันร้ายของบรรพชนเฮยหยวนก็พุ่งเข้าไปทางมือขนาดใหญ่ที่ปกคลุมท้องฟ้า

และในตอนนี้

พลังสายฟ้าของบรรพบุรุษเหลยสิงก็ไม่รีรอลังเลที่จะโจมตีเข้าใส่ซูฉิน

ในสายตาของบรรพบุรุษเหลยสิงซูฉินมีสองทางเลือกหนึ่งคือเปลี่ยนทิศทางฝ่ามือและเข้าต่อต้านพลังสายฟ้าด้วยพลังทั้งหมดของตนและอีกทางคือเลือกรับพลังโจมตีจากสายฟ้าและจัดการกับบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะ

ทั้งสองตัวเลือกนี้ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็อยู่ในความคาดหวังของบรรพบุรุษเหลยสิ่งทั้งหมด

ถ้าซูฉันเลือกอย่างแรกอันตรายของบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะจะคลี่คลาย

แต่ถ้าเลือกอย่างหลัง…

แม้จะเป็นร่างของเซียนเทพปฐพี่ที่แท้จริงเมื่อรับพลังสายฟ้าฟาดเข้าไป เกรงว่าคงจะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง?

ร่างกายของซูฉินนั้นแข็งแกร่งแน่นอนแต่เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะแตะขอบเขตของกายแห่งธรรมชาติอย่างน้อยต้องได้รับบาดเจ็บจากการเข้ารับพลังสายฟ้าฟาด

เพื่อแลกชีวิตของบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะกับโอกาสที่ซูฉินจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ไม่มีอะไรนอกเสียจากผลกําไรที่ได้รับ

พลังรูปแบบฝันร้ายอันมืดมิดของบรรพชนนิกายเฮยหยวนกวาดกระจายไปทั่วทุกทิศทางและสัมผัสเข้ากับฝ่ามือขนาดใหญ่ของซูฉินที่กดลงมาทั้งสองปะทะกันมือขนาดใหญ่เปรียบเสมือนมือของเทพเจ้าโบราณสามารถทําลายพลังรูปแบบฝันร้ายได้อย่างง่ายดาย

“ไม่!!!”

บรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะกรีดร้องและภายใต้แรงกดดันของมือขนาดใหญ่นี้จิตวิญญาณแรกกําเนิดค่อยๆ ทรุดตัวลงทีละนิดจนในที่สุดก็ถูกกําจัดออกไปจนหมด

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

“เจ้าเสร็จแน่! ต่อให้ร่างกายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางร้านได้”

เมื่อเห็นฉากนี้บรรพบุรุษเหลยสิ่งไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใดตรงข้ามกลับชื่นชมยินดี

การยืนกรานสังหารบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะของซูฉินนั้นเท่ากับการต้องทนรับพลังอันยิ่งใหญ่ของสายฟ้าฟาดซึ่งเป็นสิ่งที่เขาพึงปรารถนา

ทันทีหลังจากนั้น

ท่ามกลางสายตาของทุกคนสายฟ้าที่ร้องคํารามก็พุ่งลงมาจากเมฆสีดํา เข้าปกคลุมซูฉินอย่างสมบูรณ์

โดยมีซูฉินเป็นจุดศูนย์กลางภายในรัศมีหลายร้อยเมตรดุจทะเลสายฟ้า ฟ้าผ่าลงมาอย่างโหมกระหน่ําแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวจนใจสั่น

แม้แต่บรรพบุรุษเหลยสิ่งก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขตทะเลสายฟ้าที่เพิ่งเกิดขึ้นแต่กลับมีขนาดหลาย ร้อยเมตรนี้

ทะเลสายฟ้าเกิดจากสายฟ้าจํานวนนับไม่ถ้วนมีอํานาจสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน

“สายฟ้าจะฟาดลงมาอีกครึ่งก้านธูป เมื่อถึงเวลานั้นสายฟ้าจะหายไปและตํานานยุทธอาณาจักรถังจะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงเราจะร่วมมือกัน สังหารเขาโดยตรงในตอนนั้นเอาที่เดียวให้จบ”

บรรพบุรุษเหลยสิ่งแห่งนิกายเทพเจ้าสายฟ้าหันไปพูดกับบรรพชนนิกายเฮยหยวน

“เข้าใจแล้ว”

“ข้าจะใช้ทักษะต้องห้ามตามเข้าไปภายหลัง”

บรรพชนเฮยหยวนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้า

ความแข็งแกร่งของซูฉินนั้นเกินความคาดหมายของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง แต่เนื่องจากพวกเขาได้เข้าปิดล้อมซูฉินไว้แล้วย่อมไม่อาจหวนกลับทําได้เพียงต้องจัดการฆ่าให้หมดจดเท่านั้น

ไม่เช่นนั้น หากซูฉินยังมีชีวิตรอดต่อไปจะมีปัญหาตามมาไม่รู้จบ
“ทะเลสายฟ้านี้สามารถทําร้ายเขาได้จริงๆหรือ?” บรรพชนเฮยหยวนลังเลครู่หนึ่งแล้วกล่าวถามด้วยเสียงต่ํา

“วางใจได้”

บรรพบุรุษเหลยสิ่งเยาะเย้ย “เคล็ดพันสายฟ้าเป็นทักษะลับของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเมื่อถูกโจมตีขอบเขตต่ํากว่าเซียนเทพปฐพี่แทบจะไม่มี ใครรอดชีวิตได้

“ถ้าไม่ใช่เพราะตํานานยุทธอาณาจักรถังแสดงให้เห็นถึงร่างกายที่ใกล้เคียงกับกายแห่งธรรมชาติข้าเกรงว่ามันคงตกตายไปอย่างสมบูรณ์ด้วย พลังสายฟ้านี้……..”

น้ําเสียงของบรรพบุรุษเหลยสิ่งเต็มเปี่ยมไป ด้วยความมั่นใจ
ฉับพลัน

ในตอนนั้นเอง

ทะเลสายฟ้าขนาดร้อยเมตรที่อยู่ด้านหน้าเริ่มบิดเบี้ยวร่างมนุษย์ปรากฏขึ้นที่ผิวขอบของทะเลสายฟ้า

“นี่คือ?”

คําพูดของบรรพบุรุษเหลยสิ่งหยุดลงอย่างกะทันหัน

แต่ยังไม่ทันที่บรรพบุรุษเหลยสิ่งจะทันได้ตอบสนอง

เท้าขวาของคนผู้นั้นก็ก้าวออกมาจากทะเลสายฟ้าอย่างช้าๆตามด้วยลําตัว มือ และใบหน้าสุดท้ายที่ก้าวออกมาก็คือเท้าซ้าย

ช่วงเวลาต่อมา

ท่ามกลางสายตาอันเหลือเชื่อของทุกคน

ร่างที่เดินออกมาจากทะเลสายฟ้าก็หายวับจากนั้นมือเรียวยาวแต่ทรงพลังก็คว้าหมับเข้าที่ลําคอของบรรพบุรุษเหลยสิ่งอย่างรุนแรงและจับยกขึ้น

“รสชาติไม่เลว”

ซูฉันมองไปยังบรรพบุรุษเหลยสิ่งที่กําลังตกใจด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+