เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 38 ตื่นตระหนกตกใจ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 38 ตื่นตระหนกตกใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 38 ตื่นตระหนกตกใจ

 

 

ลานโพธิ์

 

ซูฉินเดินอย่างเชื่องช้าไปตรงหน้าเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

 

ในขณะนี้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเบิกตาโพลงจ้องซูฉินด้วยความตระหนก

 

เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นที่ซูฉินบุกฝ่าเข้ามาในอาคารของลานโพธิ์ แต่ภิกษุสงฆ์หลายร้อยคนในสามระดับกลาง และระดับชั้นที่สามของวัดเส้าหลินซึ่งรวมไปถึงเหล่าหัวหน้าตำหนักกลับไม่เหลืออำนาจในการต่อกร

 

ความแข็งแกร่งเช่นนี้ แม้จะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งก็ยังไม่มีความสามารถกระทำได้มิใช่หรือ?

 

“พลังปราณและโลหิตถดถอย”

 

“เส้นเอ็น เส้นชีพจร ยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ”

 

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะ แล้วสังเกตเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินในระยะใกล้

 

ด้วยดวงตาแห่งสัจจะ ทุกสิ่งในร่างของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินล้วนตกอยู่ในสายตาของซูฉิน

 

หากเป็นยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดคนอื่นๆ แม้จะผ่านการเปลี่ยนแปลงแปรสภาพพลังมาแล้วก็ตาม เมื่อต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน พวกเขาย่อมหมดหนทาง และจะใช้เวลาทั้งหมดที่มี เต็มที่กับการช่วยชีวิตเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

 

ส่วนจะให้ช่วยมากกว่านั้นก็อับจนหนทาง

 

ต่อให้เป็นยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักร่างกายของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินได้ถ้วนทั่ว

 

แต่ซูฉินนั้นแตกต่าง

 

ซูฉินมีดวงตาแห่งสัจจะ เปรียบเสมือนเป็นแพทย์อัจฉริยะที่สามารถสั่งยาให้เหมาะสมตามอาการ เพียงแค่ดูซ้ำอีกสองสามรอบเพื่อยืนยันสภาพร่างกายของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน การช่วยชีวิตนั้นช่างเป็นเรื่องง่ายดาย

 

“ท่าน…..ท่านคือบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่?”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินถามกับร่างเลือนรางตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจ

 

ในตอนนี้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินไม่เหลือความกลัวใดๆ อีกต่อไป เพราะถ้าซูฉินต้องการจะสังหารตนจริงๆ เขาก็คงตายไปนานแล้ว

 

ด้วยความแข็งแกร่งของซูฉิน น่ากลัวว่าทั้งวัดเส้าหลินจะถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย แล้วนับประสาอะไรกับตัวเขา?

 

และตอนนี้ซูฉินก็ไม่ได้ลงมือสังหารเขา เพียงแต่ยืนอยู่ตรงนั้น คงจะไม่ใช่ศัตรูของวัดเส้าหลิน

 

ในวัดเส้าหลินผู้เดียวที่ครอบครองพลังอันน่าสะพรึงกลัวได้ขนาดนี้มีเพียงบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แอบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด คอยยื่นมือช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงชะตากรรมเลวร้ายหลายต่อหลายครั้งในวัดเส้าหลินช่วงที่ผ่านมา

 

“อย่าได้กล่าวคำ”

 

“พยายามควบคุมกำลังภายในให้ฟื้นกลับคืนมา”

 

ซูฉินไม่ได้ใส่ใจมากนัก ยกมือขวาขึ้นแผ่วเบา แล้วกดไปที่หน้าอกของฮุ่ยเหวิน

 

“ฟื้นคืนกำลังภายในของข้าอย่างนั้นหรือ?”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินตะลึงแล้วยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

 

เส้นทางการฝึกตนของเขาเบี่ยงเบนไปแล้ว ธาตุไฟเข้าแทรก กำลังภายในหลุดออกจากการควบคุมไปนานแล้ว เขาจะไปควบคุมมันได้อย่างไร?

 

“สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ท่านไม่จำเป็นต้องลงมือหรอก ถึงท่านจะใช้ฐานการบ่มเพาะของท่านเพื่อช่วยชีวิตข้า ยังไงข้าก็ต้องกลายเป็นบุคคลไร้ประโยชน์อยู่ดี”

 

“ทำไมจะต้องมาเสียเรี่ยวแรงให้กับคนไร้ประโยชน์ ฐานบ่มเพาะที่สั่งสมมาจะต้องถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า”

 

ดวงตาของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินหรี่แคบ

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินตระหนักดีถึงอาการบาดเจ็บของเขานั้นร้ายแรง ไม่มีโอสถใดๆ จะช่วยได้ แม้จะใช้ฐานการบ่มเพาะเข้าช่วยเหลือ ยังไงตัวเขาก็ต้องสูญสิ้นกำลังภายในกลายเป็นคนไร้ประโยชน์

 

อย่างไรก็ตาม

 

ช่วงเวลาถัดมา

 

ขณะที่ซูฉินเอามือขวาเคาะไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน พลังภายในจำนวนมหาศาลก็พวยพุ่งเข้าไป

 

ภายใต้พลังภายในเหล่านี้ กำลังภายในของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินที่ทีแรกยุ่งเหยิง กลับกลายเป็นดี การโคจรสะดวกแทงทั่วไปตลอดเส้นลมปราณ

 

“นี่คือ?”

 

ม่านตาของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินหดตัวลงทันที มองไปที่ซูฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินตระหนักดีว่าเขาควรจะทำอะไรในเวลานี้ เขาหลับตาลง เริ่มควบคุมพลังภายในของเขาอีกครั้ง

 

เมื่อเห็นฉากดังกล่าวเหล่าหัวหน้าตำหนักที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ใจก็กระตุกคิดบางสิ่งขึ้นมาได้

 

แม้ว่าจะโดนจำกัดความเคลื่อนไหว แต่พวกเขายังคงความสามารถในการคิดได้อยู่ เมื่อเห็นร่างคลุมเครือที่บุกฝ่าเข้ามาในลานโพธิ์ พวกเขาก็คิดได้ทันทีว่าอีกฝ่ายอาจจะมาช่วยเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

 

“คนคนนี้มาช่วยท่านเจ้าอาวาสหรือ?”

 

“นั่นคือบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ของวัดเส้าหลินใช่หรือไม่?”

 

หัวใจของทุกคนเรรวน

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

หลังที่ปราบปรามพลังภายในของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินที่พยศอย่างรุนแรงลงได้แล้ว ซูฉินก็เริ่มชำระเส้นเอ็นที่จัดวางไม่เป็นระเบียบให้ใหม่

 

ด้วยความช่วยเหลือของดวงตาแห่งสัจจะ ซูฉินจึงไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่าไหร่นักในการดึงเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินออกมาจากอาการผิดปกติ

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

ซูฉินก็ค่อยๆ ถอนมือขวากลับไป

 

“ข้า…ข้าเป็นปกติดีแล้วหรือ?”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินลืมตาขึ้นเกือบจะพร้อมๆ กับมองไปยังมือที่หดกลับไปนั้นอย่างไม่อยากเชื่อ

 

หัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงจ้องมองไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นเลือดฝาดบนใบหน้าเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

พวกเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าอาการของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินจะฟื้นฟูกลับมาได้ด้วย?

 

ต้องรู้ว่าอาการของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเลวร้ายอย่างมาก แม้จะมียอดปรมาจารย์ยอมเสี่ยงสูญเสียความแข็งแกร่งไปหนึ่งช่วงใหญ่ก็แค่สามารถช่วยชีวิตของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินได้เท่านั้น

 

ส่วนการฟื้นฟูกลับมาได้อย่างสมบูรณ์นั้นอย่าได้คิดฝัน!

 

แต่ตอนนี้เมื่อมองไปที่เจ้าอาวาสซึ่งมีเลือดฝาดบนใบหน้า ลมปราณก็ฟื้นคืน เหล่าหัวหน้าตำหนักต่างรู้สึกว่าตนกำลังตกอยู่ในห้วงความฝัน

 

“ในเส้นทางของการฝึกวิทยายุทธ ต้องก้าวเดินทีละก้าว อย่าใจร้อน”

 

ซูฉินมองไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินแล้วเตือนเขาอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก

 

หากเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินรออีกสักสองสามปี อดทนขัดเกลาความแข็งแกร่งของกำลังภายในของตน เขาจะไม่เกิดอาการธาตุไฟเข้าแทรก

 

“ฮุ่ยเหวินน้อมรับคำสั่งสอนแล้ว…..”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้นก็ทำสีหน้าเคร่งขรึม และตอบกลับซูฉินไปด้วยความเคารพ

 

ในสายตาของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน ซูฉินจะต้องเป็นบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ของวัดเส้าหลิน และเขาควรจะแสดงความเคารพแบบที่ได้ทำไป

 

ซูฉินมองไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินที่กำลังทำความเคารพตนเอง และไม่รู้จะพูดอะไร

 

ถ้าเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินรู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้เป็นเพียงพระสงฆ์ที่แสนจะจืดจางจากลานจิปาถะ ก็คงไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวกันอย่างไรดี?

 

“ถึงเวลาต้องไปแล้ว……”

 

ซูฉินเหลือบมองหัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ ที่ยังถูกจำกัดความเคลื่อนไหวเอาไว้

 

ในตอนนั้นทุกคนก็ค่อยๆ ถูกคลายออกจากอาณาเขต หลังจากทุกคนได้รับการช่วยเหลือ ซูฉินก็จากไปเช่นกัน

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

อาณาเขตที่ยากจะหยั่งถึงที่ปกคลุมไปทั่วทั้งลานโพธิ์ก็สลายหายไปอย่างช้าๆ

 

หัวหน้าตำหนักต่างหายใจเข้าลึก ยืดตัวขึ้นตรงทันที ราวกับเพิ่งได้รับการช่วยเหลือจากการจมน้ำ

 

“เฟี่ยวว”

 

หัวหน้าตำหนักยุทธพุ่งลงกระแทกพื้น ใบหน้ากลายเป็นสีเทา

 

ตอนแรกที่จะโจมตีซูฉินด้วยหมัด แต่ถูกกักขังอยู่ในอาณาเขต ความแข็งแกร็งของเขาถูกสกัดกั้นและไม่สามารถควบคุมมันได้ ดังนั้นในตอนนี้เมื่อสนามพลังหายไปเขาจึงทำได้แค่ระงับกระบวนท่าและล้มลงกับพื้น

 

หัวหน้าตำหนักรูปอื่นๆ มองไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

 

“บรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ได้จากไปแล้ว……”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินนั่งเหม่อ ยังตกอยู่ในความสับสนงุนงง

 

“ท่านเจ้าอาวาสเป็นอย่างไรบ้าง อาการดีขึ้นหรือไม่”

 

หัวหน้าลานธรรมเดินปรี่เข้าไปหาเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินแล้วเอ่ยถามอย่างร้อนรน

 

“ข้าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินส่ายหัวแล้วกล่าวตอบ

 

“ลมปราณมั่นคง เลือดไหลเวียนสะดวก นี่ท่านฟื้นฟูกลับมาได้อย่างสมบูรณ์จริงๆ หรือนี่?”

 

หัวหน้าลานโพธิ์ตรวจชีพจรของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินแล้วพึมพำอย่างประหลาดใจ

 

แม้เขาจะคาดเดาได้จากสีหน้าของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน แต่ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าไม่มีสิ่งผิดปกติใดเกิดขึ้นกับเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน มันก็ยังสร้างคลื่นขนาดใหญ่ซัดสาดจิตใจเขา

 

รู้หรือไม่ว่าการเบี่ยงเบนไปของเส้นทางการฝึกตนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถรักษาได้?

 

 

ขณะนี้ซูฉินออกมานอกลานโพธิ์แล้ว

 

ภิกษุสงฆ์หลายร้อยรูปนอนอยู่บนพื้นจนมองเห็นเป็นเหมือนกับทางที่คดเคี้ยว

 

ซูฉินเพียงต้องการจะเข้าไปในตัวอาคาร แต่พระเหล่านี้ต้องการจะหยุดเขา เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้

 

ซูฉินไม่ได้สนใจพระที่นอนอยู่เหล่านี้

 

พระเหล่านี้หมดสติไปชั่วคราวเท่านั้น แล้วอีกสองสามชั่วโมงก็จะตื่นขึ้นมาเอง

 

อย่างว่องไว

 

ซูฉินกลับไปที่ลานจิปาถะ

 

ตลอดทางซูฉินใช้กำลังภายในปกปิดรูปลักษณ์จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ๆ จึงค่อยคลายการปกปิดออก

 

“ข้าไม่เคยคิดฝันว่าดวงตาแห่งสัจจะจะมีความสามารถแบบนี้อยู่ด้วย?”

 

ซูฉินปล่อยลมหายใจออกด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

 

ด้วยการจ้องมองด้วยดวงตาแห่งสัจจะ การเปลี่ยนแปลง การโคจรทั้งหมดภายในร่างกายของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินตกอยู่ในสายตาของซูฉินเพียงแค่มอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 38 ตื่นตระหนกตกใจ

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 38 ตื่นตระหนกตกใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 38 ตื่นตระหนกตกใจ

 

 

ลานโพธิ์

 

ซูฉินเดินอย่างเชื่องช้าไปตรงหน้าเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

 

ในขณะนี้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเบิกตาโพลงจ้องซูฉินด้วยความตระหนก

 

เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นที่ซูฉินบุกฝ่าเข้ามาในอาคารของลานโพธิ์ แต่ภิกษุสงฆ์หลายร้อยคนในสามระดับกลาง และระดับชั้นที่สามของวัดเส้าหลินซึ่งรวมไปถึงเหล่าหัวหน้าตำหนักกลับไม่เหลืออำนาจในการต่อกร

 

ความแข็งแกร่งเช่นนี้ แม้จะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งก็ยังไม่มีความสามารถกระทำได้มิใช่หรือ?

 

“พลังปราณและโลหิตถดถอย”

 

“เส้นเอ็น เส้นชีพจร ยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ”

 

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะ แล้วสังเกตเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินในระยะใกล้

 

ด้วยดวงตาแห่งสัจจะ ทุกสิ่งในร่างของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินล้วนตกอยู่ในสายตาของซูฉิน

 

หากเป็นยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุดคนอื่นๆ แม้จะผ่านการเปลี่ยนแปลงแปรสภาพพลังมาแล้วก็ตาม เมื่อต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน พวกเขาย่อมหมดหนทาง และจะใช้เวลาทั้งหมดที่มี เต็มที่กับการช่วยชีวิตเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

 

ส่วนจะให้ช่วยมากกว่านั้นก็อับจนหนทาง

 

ต่อให้เป็นยอดปรมาจารย์ระดับจุดสูงสุด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักร่างกายของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินได้ถ้วนทั่ว

 

แต่ซูฉินนั้นแตกต่าง

 

ซูฉินมีดวงตาแห่งสัจจะ เปรียบเสมือนเป็นแพทย์อัจฉริยะที่สามารถสั่งยาให้เหมาะสมตามอาการ เพียงแค่ดูซ้ำอีกสองสามรอบเพื่อยืนยันสภาพร่างกายของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน การช่วยชีวิตนั้นช่างเป็นเรื่องง่ายดาย

 

“ท่าน…..ท่านคือบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่?”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินถามกับร่างเลือนรางตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจ

 

ในตอนนี้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินไม่เหลือความกลัวใดๆ อีกต่อไป เพราะถ้าซูฉินต้องการจะสังหารตนจริงๆ เขาก็คงตายไปนานแล้ว

 

ด้วยความแข็งแกร่งของซูฉิน น่ากลัวว่าทั้งวัดเส้าหลินจะถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย แล้วนับประสาอะไรกับตัวเขา?

 

และตอนนี้ซูฉินก็ไม่ได้ลงมือสังหารเขา เพียงแต่ยืนอยู่ตรงนั้น คงจะไม่ใช่ศัตรูของวัดเส้าหลิน

 

ในวัดเส้าหลินผู้เดียวที่ครอบครองพลังอันน่าสะพรึงกลัวได้ขนาดนี้มีเพียงบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แอบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด คอยยื่นมือช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงชะตากรรมเลวร้ายหลายต่อหลายครั้งในวัดเส้าหลินช่วงที่ผ่านมา

 

“อย่าได้กล่าวคำ”

 

“พยายามควบคุมกำลังภายในให้ฟื้นกลับคืนมา”

 

ซูฉินไม่ได้ใส่ใจมากนัก ยกมือขวาขึ้นแผ่วเบา แล้วกดไปที่หน้าอกของฮุ่ยเหวิน

 

“ฟื้นคืนกำลังภายในของข้าอย่างนั้นหรือ?”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินตะลึงแล้วยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

 

เส้นทางการฝึกตนของเขาเบี่ยงเบนไปแล้ว ธาตุไฟเข้าแทรก กำลังภายในหลุดออกจากการควบคุมไปนานแล้ว เขาจะไปควบคุมมันได้อย่างไร?

 

“สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ท่านไม่จำเป็นต้องลงมือหรอก ถึงท่านจะใช้ฐานการบ่มเพาะของท่านเพื่อช่วยชีวิตข้า ยังไงข้าก็ต้องกลายเป็นบุคคลไร้ประโยชน์อยู่ดี”

 

“ทำไมจะต้องมาเสียเรี่ยวแรงให้กับคนไร้ประโยชน์ ฐานบ่มเพาะที่สั่งสมมาจะต้องถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า”

 

ดวงตาของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินหรี่แคบ

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินตระหนักดีถึงอาการบาดเจ็บของเขานั้นร้ายแรง ไม่มีโอสถใดๆ จะช่วยได้ แม้จะใช้ฐานการบ่มเพาะเข้าช่วยเหลือ ยังไงตัวเขาก็ต้องสูญสิ้นกำลังภายในกลายเป็นคนไร้ประโยชน์

 

อย่างไรก็ตาม

 

ช่วงเวลาถัดมา

 

ขณะที่ซูฉินเอามือขวาเคาะไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน พลังภายในจำนวนมหาศาลก็พวยพุ่งเข้าไป

 

ภายใต้พลังภายในเหล่านี้ กำลังภายในของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินที่ทีแรกยุ่งเหยิง กลับกลายเป็นดี การโคจรสะดวกแทงทั่วไปตลอดเส้นลมปราณ

 

“นี่คือ?”

 

ม่านตาของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินหดตัวลงทันที มองไปที่ซูฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินตระหนักดีว่าเขาควรจะทำอะไรในเวลานี้ เขาหลับตาลง เริ่มควบคุมพลังภายในของเขาอีกครั้ง

 

เมื่อเห็นฉากดังกล่าวเหล่าหัวหน้าตำหนักที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ใจก็กระตุกคิดบางสิ่งขึ้นมาได้

 

แม้ว่าจะโดนจำกัดความเคลื่อนไหว แต่พวกเขายังคงความสามารถในการคิดได้อยู่ เมื่อเห็นร่างคลุมเครือที่บุกฝ่าเข้ามาในลานโพธิ์ พวกเขาก็คิดได้ทันทีว่าอีกฝ่ายอาจจะมาช่วยเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

 

“คนคนนี้มาช่วยท่านเจ้าอาวาสหรือ?”

 

“นั่นคือบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ของวัดเส้าหลินใช่หรือไม่?”

 

หัวใจของทุกคนเรรวน

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

หลังที่ปราบปรามพลังภายในของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินที่พยศอย่างรุนแรงลงได้แล้ว ซูฉินก็เริ่มชำระเส้นเอ็นที่จัดวางไม่เป็นระเบียบให้ใหม่

 

ด้วยความช่วยเหลือของดวงตาแห่งสัจจะ ซูฉินจึงไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่าไหร่นักในการดึงเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินออกมาจากอาการผิดปกติ

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

ซูฉินก็ค่อยๆ ถอนมือขวากลับไป

 

“ข้า…ข้าเป็นปกติดีแล้วหรือ?”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินลืมตาขึ้นเกือบจะพร้อมๆ กับมองไปยังมือที่หดกลับไปนั้นอย่างไม่อยากเชื่อ

 

หัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงจ้องมองไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นเลือดฝาดบนใบหน้าเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

พวกเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าอาการของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินจะฟื้นฟูกลับมาได้ด้วย?

 

ต้องรู้ว่าอาการของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเลวร้ายอย่างมาก แม้จะมียอดปรมาจารย์ยอมเสี่ยงสูญเสียความแข็งแกร่งไปหนึ่งช่วงใหญ่ก็แค่สามารถช่วยชีวิตของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินได้เท่านั้น

 

ส่วนการฟื้นฟูกลับมาได้อย่างสมบูรณ์นั้นอย่าได้คิดฝัน!

 

แต่ตอนนี้เมื่อมองไปที่เจ้าอาวาสซึ่งมีเลือดฝาดบนใบหน้า ลมปราณก็ฟื้นคืน เหล่าหัวหน้าตำหนักต่างรู้สึกว่าตนกำลังตกอยู่ในห้วงความฝัน

 

“ในเส้นทางของการฝึกวิทยายุทธ ต้องก้าวเดินทีละก้าว อย่าใจร้อน”

 

ซูฉินมองไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินแล้วเตือนเขาอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก

 

หากเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินรออีกสักสองสามปี อดทนขัดเกลาความแข็งแกร่งของกำลังภายในของตน เขาจะไม่เกิดอาการธาตุไฟเข้าแทรก

 

“ฮุ่ยเหวินน้อมรับคำสั่งสอนแล้ว…..”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้นก็ทำสีหน้าเคร่งขรึม และตอบกลับซูฉินไปด้วยความเคารพ

 

ในสายตาของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน ซูฉินจะต้องเป็นบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ของวัดเส้าหลิน และเขาควรจะแสดงความเคารพแบบที่ได้ทำไป

 

ซูฉินมองไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินที่กำลังทำความเคารพตนเอง และไม่รู้จะพูดอะไร

 

ถ้าเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินรู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้เป็นเพียงพระสงฆ์ที่แสนจะจืดจางจากลานจิปาถะ ก็คงไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวกันอย่างไรดี?

 

“ถึงเวลาต้องไปแล้ว……”

 

ซูฉินเหลือบมองหัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ ที่ยังถูกจำกัดความเคลื่อนไหวเอาไว้

 

ในตอนนั้นทุกคนก็ค่อยๆ ถูกคลายออกจากอาณาเขต หลังจากทุกคนได้รับการช่วยเหลือ ซูฉินก็จากไปเช่นกัน

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

อาณาเขตที่ยากจะหยั่งถึงที่ปกคลุมไปทั่วทั้งลานโพธิ์ก็สลายหายไปอย่างช้าๆ

 

หัวหน้าตำหนักต่างหายใจเข้าลึก ยืดตัวขึ้นตรงทันที ราวกับเพิ่งได้รับการช่วยเหลือจากการจมน้ำ

 

“เฟี่ยวว”

 

หัวหน้าตำหนักยุทธพุ่งลงกระแทกพื้น ใบหน้ากลายเป็นสีเทา

 

ตอนแรกที่จะโจมตีซูฉินด้วยหมัด แต่ถูกกักขังอยู่ในอาณาเขต ความแข็งแกร็งของเขาถูกสกัดกั้นและไม่สามารถควบคุมมันได้ ดังนั้นในตอนนี้เมื่อสนามพลังหายไปเขาจึงทำได้แค่ระงับกระบวนท่าและล้มลงกับพื้น

 

หัวหน้าตำหนักรูปอื่นๆ มองไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน

 

“บรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ได้จากไปแล้ว……”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินนั่งเหม่อ ยังตกอยู่ในความสับสนงุนงง

 

“ท่านเจ้าอาวาสเป็นอย่างไรบ้าง อาการดีขึ้นหรือไม่”

 

หัวหน้าลานธรรมเดินปรี่เข้าไปหาเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินแล้วเอ่ยถามอย่างร้อนรน

 

“ข้าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินส่ายหัวแล้วกล่าวตอบ

 

“ลมปราณมั่นคง เลือดไหลเวียนสะดวก นี่ท่านฟื้นฟูกลับมาได้อย่างสมบูรณ์จริงๆ หรือนี่?”

 

หัวหน้าลานโพธิ์ตรวจชีพจรของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินแล้วพึมพำอย่างประหลาดใจ

 

แม้เขาจะคาดเดาได้จากสีหน้าของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน แต่ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าไม่มีสิ่งผิดปกติใดเกิดขึ้นกับเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน มันก็ยังสร้างคลื่นขนาดใหญ่ซัดสาดจิตใจเขา

 

รู้หรือไม่ว่าการเบี่ยงเบนไปของเส้นทางการฝึกตนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถรักษาได้?

 

 

ขณะนี้ซูฉินออกมานอกลานโพธิ์แล้ว

 

ภิกษุสงฆ์หลายร้อยรูปนอนอยู่บนพื้นจนมองเห็นเป็นเหมือนกับทางที่คดเคี้ยว

 

ซูฉินเพียงต้องการจะเข้าไปในตัวอาคาร แต่พระเหล่านี้ต้องการจะหยุดเขา เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้

 

ซูฉินไม่ได้สนใจพระที่นอนอยู่เหล่านี้

 

พระเหล่านี้หมดสติไปชั่วคราวเท่านั้น แล้วอีกสองสามชั่วโมงก็จะตื่นขึ้นมาเอง

 

อย่างว่องไว

 

ซูฉินกลับไปที่ลานจิปาถะ

 

ตลอดทางซูฉินใช้กำลังภายในปกปิดรูปลักษณ์จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ๆ จึงค่อยคลายการปกปิดออก

 

“ข้าไม่เคยคิดฝันว่าดวงตาแห่งสัจจะจะมีความสามารถแบบนี้อยู่ด้วย?”

 

ซูฉินปล่อยลมหายใจออกด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

 

ด้วยการจ้องมองด้วยดวงตาแห่งสัจจะ การเปลี่ยนแปลง การโคจรทั้งหมดภายในร่างกายของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินตกอยู่ในสายตาของซูฉินเพียงแค่มอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+