เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 40 พรรคมาร

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 40 พรรคมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 40 พรรคมาร

 

 

ด้านนอกวัดเส้าหลิน

 

ดวงจันทร์แทบหายลับไปแล้ว

 

ซูฉินเลือกที่จะออกนอกวัดเส้าหลินตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อป้องกันไม่ให้ตนพลาดการลงชื่อเข้าใช้ในแต่ละวัน

 

ตราบเท่าที่ซูฉินสามารถกลับมาภายในคืนวันพรุ่งนี้ได้ เขาก็จะไม่เสียสิทธิ์การลงชื่อเข้าใช้ของวันพรุ่งนี้ไป

 

“ข้าละสงสัยเสียจริง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของข้าบ้างในช่วงเวลาสิบห้าปีที่ผ่านมา?”

 

เขาเริ่มนึกถึงเด็กสาวที่มักจะเดินตามเขาต้อยๆ อีกครั้ง

 

เด็กหญิงตัวน้อยมีชื่อว่าซูเยว่หยุน อายุน้อยกว่าซูฉินอยู่เจ็ดปี

 

ซูเยว่หยุนมีอายุเพียงสามขวบตอนที่ซูฉินเข้ามาในวัดเส้าหลิน ตอนนี้ก็ผ่านมาสิบห้าปีแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้ซูเยว่หยุนก็จะมีอายุได้สิบแปดปี

 

ผู้หญิงในโลกนี้ส่วนใหญ่จะแต่งงานตอนที่อายุประมาณสิบหกปี และซูเยว่หยุนถือว่า ‘มีอายุมากแล้ว‘ เพราะอายุอานามก็ลากยาวมาถึงวัยสิบแปดปี

 

“กลับตระกูลซูครานี้ ไม่จำเป็นต้องไปพบปะทักทายกับใคร ขอเพียงแค่แอบไปมองดูสักพักก็พอ”

 

ซูฉินแอบคิดอยู่เงียบๆ ในใจ

 

เขาห่างจากตระกูลซูไปเป็นเวลาสิบห้าปี คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตคนเดียวมาเสียนานแล้ว

 

“อย่างไรก็ตามก่อนที่ข้าจะกลับไป มีบางสิ่งที่จำต้องได้รับการแก้ไข”

 

ซูฉินชะงักกึก เงยหน้าหันไปมองทิศทางหนึ่ง

 

เมื่อสิบห้าปีก่อนศัตรูคนสำคัญของตระกูลซูบุกเข้ามาล่าสังหารคนในตระกูล และเพื่อคงสายเลือดของคนในตระกูลไว้บรรดาศิษย์ของตระกูลต่างกระจัดกระจายไปยังที่ต่างๆ

 

เพราะเหตุนี้เองซูฉินจึงถูกส่งมายังวัดเส้าหลิน

 

มีเพียงการนมัสการวัดเส้าหลินเป็นที่พักพิงเท่านั้น ซูฉินจึงจะปลอดภัย

 

เวลาต่อมาแม้ตระกูลซูจะคิดหาวิธีการบางอย่างขึ้นมาได้จนบังคับศัตรูให้ถอยร่น ตระกูลก็ค่อยๆ ฟื้นตัว แต่ศัตรูคนนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซูฉินยุ่งอยู่กับการลงชื่อเข้าใช้เพื่อใฝ่หาความแข็งแกร่งของตนเองควบคู่ไปกับการทราบข่าวคราวว่าตระกูลซูนั้นเป็นไปด้วยดี เขาจึงไม่ห่วงเรื่องศัตรูของตระกูลมากนัก

 

ส่วนตอนนี้เขาคิดว่าควรจะใช้โอกาสนี้ไปจัดการปัญหาศัตรูของตระกูลเสียให้สมบูรณ์

 

“ตามจดหมายที่ตระกูลซูได้ส่งมาในช่วงหลายปีก่อน ชื่อของศัตรูก็คือ ‘เหยียนหั่ว‘ มันเป็นศิษย์พรรคมารและเพิ่งจะกลายเป็นผู้คุมกฎของพรรคเมื่อไม่นานมานี้”

 

ซูฉินคิดเร็วๆ ในใจ

 

ผู้นำตระกูลซูยังค่อนข้างกังวลในเรื่องนี้อยู่จากที่อ่านในจดหมาย เพราะกลัวว่าศัตรูตัวฉกาจนี้อาจจะกลับมาอีกครั้งในนามของพรรคมาร ซึ่งมากเกินกว่าปัญหาส่วนตัว

 

“พรรคมาร?”

 

ดวงตาของซูฉินสาดประกายเย็นชา

 

 

ยงโจว (ภูมิภาคยง)

 

อาณาจักรถังครอบคลุมทั้งหมดสิบแปดภูมิภาค ซึ่งยงโจว (ภูมิภาคยง) นั้นเป็นดินแดนของพรรคมาร หางเสือสำคัญของพรรคมารตั้งอยู่ที่นี่

 

พรรคมารหรือก็คือฝ่ายอธรรม ทั้งฝ่ายอธรรมและฝ่ายธรรมะต่างก็ต่อสู้ห้ำหั่นกันในอาณาเขตราชวงศ์ถังนี้ แต่เนื่องจากจ้าวพรรคมารคนล่าสุดจบชีวิตลงในการต่อสู้กับฝ่ายธรรมะ พรรคมารจึงเสียเปรียบมาตั้งแต่บัดนั้น

 

หลายทศวรรษก่อน พรรคมารเข้ายึดครองดินแดนไปทั่วทั้งสามภูมิภาค

 

แต่ตอนนี้ถูกบีบบังคับให้ถอยร่นไปจนเหลือแค่ยงโจวเท่านั้นที่ยังมีกลุ่มพรรคมารเหลืออยู่

 

การต่อสู้ห้ำหั่นที่เกิดขึ้นนี้ อาณาจักรถังเองก็ทำเป็นปิดตาข้างหนึ่ง ไม่ต้องการจะเข้าไปไกล่เกลี่ยปัญหาแต่อย่างใด

 

ไม่ว่าจะฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายอธรรมก็ตาม ในสายตาของอาณาจักรถังล้วนเป็นพวกหัวขบถไม่ยอมทำตามกฎของทางการ

 

ยิ่งมีทั้งสองขั้วนี้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี บางทีพวกทางการยังแอบสุมไฟยุยงให้เกิดการต่อสู้เสียด้วยซ้ำ

 

และในขณะนี้

 

ที่เชิงเขาหวู่หนาน ภูมิภาคยง

 

มีเด็กชายสวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายตัวหนา เงยหน้าขึ้นมองหิมะด้วยความตื่นเต้น

 

“ท่านปู่ หิมะตกลงมาเยอะมากเลย…..”

 

เด็กน้อยปั้นก้อนหิมะแล้วมองไปที่ชายชราด้านข้าง

 

“ใช่แล้ว”

 

“หิมะแบบนี้ไม่ปรากฏมาหลายสิบปีแล้ว”

 

ชายชราปล่อยอารมณ์ราวกับกำลังคะนึงถึงความทรงจำบางอย่าง

 

ในขณะนั้นเอง เสียงที่อ่อนโยนก็ดังขึ้น

 

“นี่คือภูเขาหวู่หนานใช่หรือไม่?”

 

ภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งสวมทับด้วยจีวรสีเทามองไปที่คู่ปู่หลานด้วยรอยยิ้ม

 

ภิกษุหนุ่มรูปนี้ย่อมต้องเป็นซูฉิน

 

วัดเส้าหลินอยู่ห่างจากยงโจวหลายพันลี้ เป็นคนธรรมดาก็คงใช้เวลาอย่างน้อยสองสามเดือน หรือนานหน่อยอาจจะถึงปีก็ได้

 

แม้แต่จอมยุทธก็ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบเดือนหนึ่ง

 

แต่สำหรับซูฉินแล้วนั้น จากวัดเส้าหลินเดินทางมายังยงโจวใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง

 

นี่เพราะซูฉินหยุดพักเป็นบางครั้งระหว่างทางเพื่อดูว่ามีสถานที่รอบๆ ที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้หรือไม่ ซึ่งทำให้เสียเวลาไปพอสมควร

 

มิฉะนั้นความเร็วในการเดินทางมายงโจวของซูฉินควรจะเร็วกว่านี้

 

 

“ใช่แล้ว”

 

“มันอยู่ข้างหน้านี่แหละ”

 

เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองซูฉิน มีความรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย แต่เขาก็ยังพยักหน้าแล้วพูดว่า “มันมีจุดอากาศที่เป็นพิษหลายที่มากบนภูเขาหวู่หนาน”

 

“นอกจากนี้ยังมี……”

 

ยามที่เด็กชายกำลังจะพูดสิ่งนี้ เขาก็หันมองดูรอบตัวอย่างระมัดระวัง ลดเสียงลงแล้วพูดว่า “ปู่บอกข้าว่า มีเทพเซียนอยู่บนภูเขาหวู่หนาน ถ้าไม่มีธุระใดห้ามเข้าไปใกล้เด็ดขาด…”

 

“เทพเซียน?”

 

ซูฉินผงะไปชั่วครู่

 

แต่เขาก็ตอบสนองกลับไปอย่างรวดเร็ว และ ‘เทพเซียน‘ จากปากของเด็กน้อยน่าจะเป็นจอมยุทธฝ่ายอธรรม

 

ในส่วนลึกของเขาหวู่หนานเป็นพื้นที่หลักของพรรคมารซึ่งจอมยุทธฝ่ายอธรรมมักเข้าออกกันทางนี้

 

และสำหรับคนธรรมดาอย่างเด็กชายตัวเล็ก จอมยุทธเหล่านั้นย่อมไม่ต่างไปจาก ‘เทพเซียน‘

 

“วันนี้จะมีหิมะตกหนัก พวกเจ้าจงรีบกลับเสียหน่อยเถิด”

 

ซูฉินเหลือบมองปู่หลานคู่นี้แล้วเดินไปทางเขาหวู่หนานโดยไม่เร่งร้อนอะไร

 

“หิมะตกหนัก?”

 

“เจ้ามิใช่เทพเซียนเสียหน่อย เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้หิมะจะตกหนัก?”

 

เด็กน้อยพูดกระซิบ

 

แม้ว่าจะยังมีหิมะตกอยู่ แต่มันก็มีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดและควรจะหยุดตกในตอนกลางวัน

 

หิมะจะไปตกหนักได้อย่างไร?

 

“ปู่”

 

“ปู่เป็นอะไรรึเปล่า?”

 

“ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลย”

 

ในตอนนี้จู่ๆ เด็กน้อยก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้และหันไปมองชายชราข้างๆ

 

“อย่าได้กล่าวคำ!”

 

ใบหน้าของชายชราซีดเป็นกระดาษ มือไม้ของเขาสั่นอย่างไม่อาจควบคุม

 

“ท่านปู่เป็นอะไรหรือไม่” เด็กน้อยตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติและรีบเข้าไปหาชายชรา

 

“เจ้านี่น้า…”

 

ชายชรายิ้มหยันและจ้องมองเด็กน้อยด้วยสายตาดุดัน “เจ้ารู้ไหมว่าตัวเจ้ากับปู่น่ะได้เดินเฉียดประตูนรกไปแล้วเมื่อครู่?”

 

“อ๊ะ?”

 

“ประตูนรก?”

 

เด็กน้อยงงงวย “ท่านปู่หมายถึงคนคนนั้นหรือ?”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นการแสดงออกของชายชราก็เปลี่ยนไปอีกครั้งหนึ่ง และแอบเหลือบมองไปยังทิศทางที่ซูฉินจากไปด้วยความหวาดกลัว “เจ้าไม่เห็นหรือว่ามีอะไรแปลกๆ น่ะ?”

 

“แปลกๆ?”

 

เด็กน้อยกะพริบตาปริบๆ

 

ชายชราถอนหายใจ ยกเท้าขึ้นมาจากหิมะ แล้วหันไปหาเด็กน้อย “เจ้าดูสิว่านี่คือสิ่งใด?”

 

“รอยเท้า?”

 

เด็กน้อยตอบรับ

 

“แล้วทำไมถึงมีรอยเท้าได้ล่ะ?” ชายชรากล่าวถาม

 

เด็กน้อยกลอกตา “ท่านปู่คิดว่าข้าโง่หรือ ตอนนี้หิมะกำลังตก ทั่วทุกพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ถ้ามีใครไปเหยียบมันเข้าย่อมต้องมีรอยเท้า…”

 

“แต่เจ้าลองดูสิว่ามีรอยเท้าบนเส้นทางที่ชายคนนั้นเพิ่งเดินผ่านมาหรือไม่” ชายชราสูดลมหายใจเข้าลึก พูดออกด้วยเสียงสั่นเครือ

 

เด็กน้อยขมวดคิ้วแล้วหันไปมอง

 

“เอ๋?”

 

ใบหน้าของเด็กน้อยเปลี่ยนไป

 

เพราะสิ่งที่เขาเห็นนั้น เป็นลานหิมะกว้างสุดลูกหูลูกตา

 

“ไม่…ไม่มีรอยเท้าเลย…”

 

ทันใดนั้นหน้าของเด็กน้อยก็ซีดเผือดราวกับเห็นผี

 

รู้หรือไม่ว่าปีนี้หิมะตกหนักมาก และเมื่อไม่กี่วันก่อนหิมะบนพื้นก็สูงขึ้นมาหลายฝ่ามือ ถ้าเป็นคนธรรมดามาเดิน พวกเขาก็ต้องทิ้งรอยเท้าหนักๆ เอาไว้อย่างแน่นอน

 

แต่ตอนนี้เด็กน้อยไม่พบรอยเท้าแท้แต่ครึ่งเท้าเลยด้วยซ้ำ

 

“อีกสิ่งหนึ่ง”

 

ชายชราสงบลงแล้วพูดต่อ “เจ้าเห็นหิมะเกาะบนตัวชายคนนั้นสักนิดสักหน่อยหรือไม่?”

 

เมื่อคำนี้กล่าวออกมา

 

เด็กน้อยก็ตัวสั่นขึ้นมาทันใด

 

เป็นจริงดังนั้น

 

เขารู้สึกแปลกๆ อยู่เล็กๆ ตั้งแต่คราแรกแล้วเมื่อพบซูฉิน

 

แต่ตอนนั้นเด็กน้อยไม่ได้คิดมากแต่ประการใด

 

ทว่ายามนี้เมื่อชายชรากล่าวเตือนเขาขึ้นมา เขาก็ตระหนักได้ว่าไม่ว่าจะตัวเขาเองหรือชายชราต่างก็มีเกล็ดหิมะปกคลุมกระจายไปทั่วทั้งตัว

 

มันย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วมิใช่หรือ

 

หิมะกำลังตก ตัวพวกเขาก็ไม่ได้หลบอยู่ในบ้าน แล้วจะไม่ให้มีหิมะเกาะได้อย่างไร

 

แต่พระหนุ่มเมื่อครู่กลับแตกต่าง

 

บนร่างกายของเขา

 

สะอาดและดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

 

ไม่มีแม้แต่ฝุ่นเกาะเลย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 40 พรรคมาร

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 40 พรรคมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 40 พรรคมาร

 

 

ด้านนอกวัดเส้าหลิน

 

ดวงจันทร์แทบหายลับไปแล้ว

 

ซูฉินเลือกที่จะออกนอกวัดเส้าหลินตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อป้องกันไม่ให้ตนพลาดการลงชื่อเข้าใช้ในแต่ละวัน

 

ตราบเท่าที่ซูฉินสามารถกลับมาภายในคืนวันพรุ่งนี้ได้ เขาก็จะไม่เสียสิทธิ์การลงชื่อเข้าใช้ของวันพรุ่งนี้ไป

 

“ข้าละสงสัยเสียจริง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของข้าบ้างในช่วงเวลาสิบห้าปีที่ผ่านมา?”

 

เขาเริ่มนึกถึงเด็กสาวที่มักจะเดินตามเขาต้อยๆ อีกครั้ง

 

เด็กหญิงตัวน้อยมีชื่อว่าซูเยว่หยุน อายุน้อยกว่าซูฉินอยู่เจ็ดปี

 

ซูเยว่หยุนมีอายุเพียงสามขวบตอนที่ซูฉินเข้ามาในวัดเส้าหลิน ตอนนี้ก็ผ่านมาสิบห้าปีแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้ซูเยว่หยุนก็จะมีอายุได้สิบแปดปี

 

ผู้หญิงในโลกนี้ส่วนใหญ่จะแต่งงานตอนที่อายุประมาณสิบหกปี และซูเยว่หยุนถือว่า ‘มีอายุมากแล้ว‘ เพราะอายุอานามก็ลากยาวมาถึงวัยสิบแปดปี

 

“กลับตระกูลซูครานี้ ไม่จำเป็นต้องไปพบปะทักทายกับใคร ขอเพียงแค่แอบไปมองดูสักพักก็พอ”

 

ซูฉินแอบคิดอยู่เงียบๆ ในใจ

 

เขาห่างจากตระกูลซูไปเป็นเวลาสิบห้าปี คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตคนเดียวมาเสียนานแล้ว

 

“อย่างไรก็ตามก่อนที่ข้าจะกลับไป มีบางสิ่งที่จำต้องได้รับการแก้ไข”

 

ซูฉินชะงักกึก เงยหน้าหันไปมองทิศทางหนึ่ง

 

เมื่อสิบห้าปีก่อนศัตรูคนสำคัญของตระกูลซูบุกเข้ามาล่าสังหารคนในตระกูล และเพื่อคงสายเลือดของคนในตระกูลไว้บรรดาศิษย์ของตระกูลต่างกระจัดกระจายไปยังที่ต่างๆ

 

เพราะเหตุนี้เองซูฉินจึงถูกส่งมายังวัดเส้าหลิน

 

มีเพียงการนมัสการวัดเส้าหลินเป็นที่พักพิงเท่านั้น ซูฉินจึงจะปลอดภัย

 

เวลาต่อมาแม้ตระกูลซูจะคิดหาวิธีการบางอย่างขึ้นมาได้จนบังคับศัตรูให้ถอยร่น ตระกูลก็ค่อยๆ ฟื้นตัว แต่ศัตรูคนนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซูฉินยุ่งอยู่กับการลงชื่อเข้าใช้เพื่อใฝ่หาความแข็งแกร่งของตนเองควบคู่ไปกับการทราบข่าวคราวว่าตระกูลซูนั้นเป็นไปด้วยดี เขาจึงไม่ห่วงเรื่องศัตรูของตระกูลมากนัก

 

ส่วนตอนนี้เขาคิดว่าควรจะใช้โอกาสนี้ไปจัดการปัญหาศัตรูของตระกูลเสียให้สมบูรณ์

 

“ตามจดหมายที่ตระกูลซูได้ส่งมาในช่วงหลายปีก่อน ชื่อของศัตรูก็คือ ‘เหยียนหั่ว‘ มันเป็นศิษย์พรรคมารและเพิ่งจะกลายเป็นผู้คุมกฎของพรรคเมื่อไม่นานมานี้”

 

ซูฉินคิดเร็วๆ ในใจ

 

ผู้นำตระกูลซูยังค่อนข้างกังวลในเรื่องนี้อยู่จากที่อ่านในจดหมาย เพราะกลัวว่าศัตรูตัวฉกาจนี้อาจจะกลับมาอีกครั้งในนามของพรรคมาร ซึ่งมากเกินกว่าปัญหาส่วนตัว

 

“พรรคมาร?”

 

ดวงตาของซูฉินสาดประกายเย็นชา

 

 

ยงโจว (ภูมิภาคยง)

 

อาณาจักรถังครอบคลุมทั้งหมดสิบแปดภูมิภาค ซึ่งยงโจว (ภูมิภาคยง) นั้นเป็นดินแดนของพรรคมาร หางเสือสำคัญของพรรคมารตั้งอยู่ที่นี่

 

พรรคมารหรือก็คือฝ่ายอธรรม ทั้งฝ่ายอธรรมและฝ่ายธรรมะต่างก็ต่อสู้ห้ำหั่นกันในอาณาเขตราชวงศ์ถังนี้ แต่เนื่องจากจ้าวพรรคมารคนล่าสุดจบชีวิตลงในการต่อสู้กับฝ่ายธรรมะ พรรคมารจึงเสียเปรียบมาตั้งแต่บัดนั้น

 

หลายทศวรรษก่อน พรรคมารเข้ายึดครองดินแดนไปทั่วทั้งสามภูมิภาค

 

แต่ตอนนี้ถูกบีบบังคับให้ถอยร่นไปจนเหลือแค่ยงโจวเท่านั้นที่ยังมีกลุ่มพรรคมารเหลืออยู่

 

การต่อสู้ห้ำหั่นที่เกิดขึ้นนี้ อาณาจักรถังเองก็ทำเป็นปิดตาข้างหนึ่ง ไม่ต้องการจะเข้าไปไกล่เกลี่ยปัญหาแต่อย่างใด

 

ไม่ว่าจะฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายอธรรมก็ตาม ในสายตาของอาณาจักรถังล้วนเป็นพวกหัวขบถไม่ยอมทำตามกฎของทางการ

 

ยิ่งมีทั้งสองขั้วนี้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี บางทีพวกทางการยังแอบสุมไฟยุยงให้เกิดการต่อสู้เสียด้วยซ้ำ

 

และในขณะนี้

 

ที่เชิงเขาหวู่หนาน ภูมิภาคยง

 

มีเด็กชายสวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายตัวหนา เงยหน้าขึ้นมองหิมะด้วยความตื่นเต้น

 

“ท่านปู่ หิมะตกลงมาเยอะมากเลย…..”

 

เด็กน้อยปั้นก้อนหิมะแล้วมองไปที่ชายชราด้านข้าง

 

“ใช่แล้ว”

 

“หิมะแบบนี้ไม่ปรากฏมาหลายสิบปีแล้ว”

 

ชายชราปล่อยอารมณ์ราวกับกำลังคะนึงถึงความทรงจำบางอย่าง

 

ในขณะนั้นเอง เสียงที่อ่อนโยนก็ดังขึ้น

 

“นี่คือภูเขาหวู่หนานใช่หรือไม่?”

 

ภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งสวมทับด้วยจีวรสีเทามองไปที่คู่ปู่หลานด้วยรอยยิ้ม

 

ภิกษุหนุ่มรูปนี้ย่อมต้องเป็นซูฉิน

 

วัดเส้าหลินอยู่ห่างจากยงโจวหลายพันลี้ เป็นคนธรรมดาก็คงใช้เวลาอย่างน้อยสองสามเดือน หรือนานหน่อยอาจจะถึงปีก็ได้

 

แม้แต่จอมยุทธก็ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบเดือนหนึ่ง

 

แต่สำหรับซูฉินแล้วนั้น จากวัดเส้าหลินเดินทางมายังยงโจวใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง

 

นี่เพราะซูฉินหยุดพักเป็นบางครั้งระหว่างทางเพื่อดูว่ามีสถานที่รอบๆ ที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้หรือไม่ ซึ่งทำให้เสียเวลาไปพอสมควร

 

มิฉะนั้นความเร็วในการเดินทางมายงโจวของซูฉินควรจะเร็วกว่านี้

 

 

“ใช่แล้ว”

 

“มันอยู่ข้างหน้านี่แหละ”

 

เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองซูฉิน มีความรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย แต่เขาก็ยังพยักหน้าแล้วพูดว่า “มันมีจุดอากาศที่เป็นพิษหลายที่มากบนภูเขาหวู่หนาน”

 

“นอกจากนี้ยังมี……”

 

ยามที่เด็กชายกำลังจะพูดสิ่งนี้ เขาก็หันมองดูรอบตัวอย่างระมัดระวัง ลดเสียงลงแล้วพูดว่า “ปู่บอกข้าว่า มีเทพเซียนอยู่บนภูเขาหวู่หนาน ถ้าไม่มีธุระใดห้ามเข้าไปใกล้เด็ดขาด…”

 

“เทพเซียน?”

 

ซูฉินผงะไปชั่วครู่

 

แต่เขาก็ตอบสนองกลับไปอย่างรวดเร็ว และ ‘เทพเซียน‘ จากปากของเด็กน้อยน่าจะเป็นจอมยุทธฝ่ายอธรรม

 

ในส่วนลึกของเขาหวู่หนานเป็นพื้นที่หลักของพรรคมารซึ่งจอมยุทธฝ่ายอธรรมมักเข้าออกกันทางนี้

 

และสำหรับคนธรรมดาอย่างเด็กชายตัวเล็ก จอมยุทธเหล่านั้นย่อมไม่ต่างไปจาก ‘เทพเซียน‘

 

“วันนี้จะมีหิมะตกหนัก พวกเจ้าจงรีบกลับเสียหน่อยเถิด”

 

ซูฉินเหลือบมองปู่หลานคู่นี้แล้วเดินไปทางเขาหวู่หนานโดยไม่เร่งร้อนอะไร

 

“หิมะตกหนัก?”

 

“เจ้ามิใช่เทพเซียนเสียหน่อย เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้หิมะจะตกหนัก?”

 

เด็กน้อยพูดกระซิบ

 

แม้ว่าจะยังมีหิมะตกอยู่ แต่มันก็มีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดและควรจะหยุดตกในตอนกลางวัน

 

หิมะจะไปตกหนักได้อย่างไร?

 

“ปู่”

 

“ปู่เป็นอะไรรึเปล่า?”

 

“ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลย”

 

ในตอนนี้จู่ๆ เด็กน้อยก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้และหันไปมองชายชราข้างๆ

 

“อย่าได้กล่าวคำ!”

 

ใบหน้าของชายชราซีดเป็นกระดาษ มือไม้ของเขาสั่นอย่างไม่อาจควบคุม

 

“ท่านปู่เป็นอะไรหรือไม่” เด็กน้อยตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติและรีบเข้าไปหาชายชรา

 

“เจ้านี่น้า…”

 

ชายชรายิ้มหยันและจ้องมองเด็กน้อยด้วยสายตาดุดัน “เจ้ารู้ไหมว่าตัวเจ้ากับปู่น่ะได้เดินเฉียดประตูนรกไปแล้วเมื่อครู่?”

 

“อ๊ะ?”

 

“ประตูนรก?”

 

เด็กน้อยงงงวย “ท่านปู่หมายถึงคนคนนั้นหรือ?”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นการแสดงออกของชายชราก็เปลี่ยนไปอีกครั้งหนึ่ง และแอบเหลือบมองไปยังทิศทางที่ซูฉินจากไปด้วยความหวาดกลัว “เจ้าไม่เห็นหรือว่ามีอะไรแปลกๆ น่ะ?”

 

“แปลกๆ?”

 

เด็กน้อยกะพริบตาปริบๆ

 

ชายชราถอนหายใจ ยกเท้าขึ้นมาจากหิมะ แล้วหันไปหาเด็กน้อย “เจ้าดูสิว่านี่คือสิ่งใด?”

 

“รอยเท้า?”

 

เด็กน้อยตอบรับ

 

“แล้วทำไมถึงมีรอยเท้าได้ล่ะ?” ชายชรากล่าวถาม

 

เด็กน้อยกลอกตา “ท่านปู่คิดว่าข้าโง่หรือ ตอนนี้หิมะกำลังตก ทั่วทุกพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ถ้ามีใครไปเหยียบมันเข้าย่อมต้องมีรอยเท้า…”

 

“แต่เจ้าลองดูสิว่ามีรอยเท้าบนเส้นทางที่ชายคนนั้นเพิ่งเดินผ่านมาหรือไม่” ชายชราสูดลมหายใจเข้าลึก พูดออกด้วยเสียงสั่นเครือ

 

เด็กน้อยขมวดคิ้วแล้วหันไปมอง

 

“เอ๋?”

 

ใบหน้าของเด็กน้อยเปลี่ยนไป

 

เพราะสิ่งที่เขาเห็นนั้น เป็นลานหิมะกว้างสุดลูกหูลูกตา

 

“ไม่…ไม่มีรอยเท้าเลย…”

 

ทันใดนั้นหน้าของเด็กน้อยก็ซีดเผือดราวกับเห็นผี

 

รู้หรือไม่ว่าปีนี้หิมะตกหนักมาก และเมื่อไม่กี่วันก่อนหิมะบนพื้นก็สูงขึ้นมาหลายฝ่ามือ ถ้าเป็นคนธรรมดามาเดิน พวกเขาก็ต้องทิ้งรอยเท้าหนักๆ เอาไว้อย่างแน่นอน

 

แต่ตอนนี้เด็กน้อยไม่พบรอยเท้าแท้แต่ครึ่งเท้าเลยด้วยซ้ำ

 

“อีกสิ่งหนึ่ง”

 

ชายชราสงบลงแล้วพูดต่อ “เจ้าเห็นหิมะเกาะบนตัวชายคนนั้นสักนิดสักหน่อยหรือไม่?”

 

เมื่อคำนี้กล่าวออกมา

 

เด็กน้อยก็ตัวสั่นขึ้นมาทันใด

 

เป็นจริงดังนั้น

 

เขารู้สึกแปลกๆ อยู่เล็กๆ ตั้งแต่คราแรกแล้วเมื่อพบซูฉิน

 

แต่ตอนนั้นเด็กน้อยไม่ได้คิดมากแต่ประการใด

 

ทว่ายามนี้เมื่อชายชรากล่าวเตือนเขาขึ้นมา เขาก็ตระหนักได้ว่าไม่ว่าจะตัวเขาเองหรือชายชราต่างก็มีเกล็ดหิมะปกคลุมกระจายไปทั่วทั้งตัว

 

มันย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วมิใช่หรือ

 

หิมะกำลังตก ตัวพวกเขาก็ไม่ได้หลบอยู่ในบ้าน แล้วจะไม่ให้มีหิมะเกาะได้อย่างไร

 

แต่พระหนุ่มเมื่อครู่กลับแตกต่าง

 

บนร่างกายของเขา

 

สะอาดและดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

 

ไม่มีแม้แต่ฝุ่นเกาะเลย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+