เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 60 เพียงสะบัดมือก็กระพือใจผู้คนให้ตะลึงงัน!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 60 เพียงสะบัดมือก็กระพือใจผู้คนให้ตะลึงงัน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 60 เพียงสะบัดมือก็กระพือใจผู้คนให้ตะลึงงัน!

 

 

ด้านหน้าโถงศาลาการประชุมใหญ่

 

ทุกคนต่างตะลึงงัน

 

สาวกพรรคมารฟื้นสภาพจิตใจกลับมาได้บ้าง แม้ว่าจะตกใจแต่พวกมันก็พอจะเข้าใจได้บ้างว่าซูฉินปิดบังตัวตนเอาไว้อย่างแนบเนียน พวกมันต่างแอบสบถในใจว่าพวกลาหัวโล้นวัดเส้าหลินนี่มันทั้งชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์เสียจริง

 

แต่กับเหล่าศิษย์วัดเส้าหลิน รวมถึงเจ้าอาวาสและหัวหน้าตำหนักต่างตกตะลึงกันอย่างสิ้นเชิง

 

สาวกพรรคมารไม่รู้รายละเอียดเบื้องลึกของซูฉิน พวกมันจะไปรู้มาจากไหนได้เล่า?

 

ซูฉินอยู่ในวัดมากว่ายี่สิบปี เป็นพระกวาดลานมากว่ายี่สิบปี ศิษย์ส่วนใหญ่มักจะรู้จักซูฉินและทักทายกันเป็นประจำ

 

บุคคลเช่นนี้หรือที่เป็นบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ของวัดเส้าหลิน?

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินตกตะลึง หัวหน้าลานจิปาถะตกตะลึง เหล่าหัวหน้าตำหนักและหัวหน้าฝ่ายวินัยสงฆ์ต่างก็ตื่นตะลึง…

 

“เจินกวน? สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนาม?”

 

หัวหน้าคนใหม่ของลานจิปาถะรู้สึกได้เพียงเสียงอื้ออึงที่อยู่ในหัว ก่อนที่หัวหน้าลานจิปาถะคนเก่าจะมรณภาพไปท่านได้สั่งเสียให้เขาดูแลเจินกวนให้ดี

 

ทว่าตอนนี้…

 

หัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่เกิดรู้สึกขึ้นมาว่า ทุกสิ่งในวัดเส้าหลินกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคยอีกต่อไป

 

“เขาคือบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในวัดของพวกเรา?”

 

ทันใดนั้นเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินก็นึกย้อนไปถึงความทรงจำเมื่อหกปีก่อน ปรากฏเป็นร่างคลุมเครือที่เข้ามาหา ระหว่างที่เขาตกอยู่ในอาการธาตุไฟเข้าแทรก

 

ในตอนนั้นเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินก็รู้สึกว่าร่างคลุมเครือดูยังหนุ่มมาก ดูไม่เหมือนว่าเขาอายุมากกว่าร้อยปีเลย

 

แม้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินจะมีข้อสงสัยอยู่เมื่อตอนนั้น แต่สุดท้ายเขาก็คิดว่าตนเองคิดมากเกินไป

 

แล้ววิธีการ ขั้นตอนต่างๆ ที่บรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการแก้ปัญหานั้นช่างลึกล้ำ จะมีอายุน้อยไปได้อย่างไร?

 

นอกเหนือจากนี้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินมั่นใจมากว่าบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ศิษย์จากรุ่น ‘ฮุ่ย‘

 

จากกรณีนั้นเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินจึงไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้ นอกเสียจากท่านจะเป็นบรรพบุรุษในอดีตซึ่งเจ้าอาวาสไม่รู้จัก

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินไม่คาดคิดก็คือ บรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ศิษย์รุ่น ‘ฮุ่ย‘

 

แต่เป็นศิษย์รุ่น ‘เจิน‘

 

“ศิษย์น้องเจินกวน…”

 

เจินชื่อมองไปที่ซูฉินด้วยสายตาว่างเปล่า สีหน้าสับสน

 

เมื่อสิบปีก่อน มารเฒ่ากลืนโลหิตได้แอบเข้าไปในหอคอยสะกดมาร กลืนกินเหล่ามารร้ายในหอคอยเป็นจำนวนมากที่ด้านในหอคอย จนสุดท้ายก็เข้าสู่ระดับชั้นที่สองในบัดดล

 

ในเวลานั้นเมื่อภิกษุสงฆ์ที่ลาดตระเวนหน้าหอคอยสะกดมารกำลังจะต้องตายด้วยฝีมือของมารเฒ่ากลืนโลหิต ร่างคลุมเครือก็ปรากฏขึ้นแล้วสังหารมารเฒ่ากลืนโลหิตทิ้ง

 

ขณะนี้

 

ร่างที่เลือนรางในความทรงจำบางส่วนของเจินชื่อ ก็ค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับซูฉินที่ยืนอยู่ตอนนี้

 

หลังจากนั้นเพียงไม่นาน

 

ตอนที่ทุกคนยังตกตะลึงกันอยู่

 

เสียงหัวเราะแผ่วเบาจากจอมมารในชุดคลุมสีดำก็ดังขึ้น

 

“เจ้าเป็นสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามจริงๆ!”

 

“เจ้าเป็นสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามจริงๆ!!”

 

ดวงตาของจอมมารชุดดำเปล่งประกายเป็นแสงสีดำอันมืดมิดราวกับว่ามันเป็นเหวลึก

 

“เนื่องจากเจ้าเป็นสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามผู้นั้น วันนี้ข้าจะใช้เลือดของเจ้าเพื่อเป็นบันไดให้ข้าก้าวสู่ระดับตำนานยุทธ!!!”

 

จอมมารชุดคลุมดำพลันกระทืบเท้า ทันใดนั้นพลังมารก็เดือดพล่านกระจายออกไปทุกทิศทาง

 

แม้ว่าจอมมารจะไม่รู้ว่าทำไมซูฉินถึงหลบเลี่ยงการตรวจสอบของมันได้

 

แต่ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร คู่ต่อสู้ที่เขาใฝ่หาก็มายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว เขาจะอดทนถามคำถามให้เสียเวลาไปทำไม

 

“ข้าฝึกฝนอย่างหนักในทะเลทรายตะวันตกมาเป็นเวลาห้าสิบปี เฝ้าดูภัยธรรมชาติ สัมผัสถึงฟ้าดิน และตั้งใจสรรสร้างเคล็ดวิชานี้ขึ้นมา”

 

“ข้าหวังว่าสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามนี่จะไม่ทำให้ข้าต้องผิดหวังนะ!!”

 

ทันทีที่จอมมารชุดดำเงียบเสียง พลังมารอันไม่มีที่สิ้นสุดก็เข้าปะทะกันเองอย่างต่อเนื่อง แล้วหลอมรวมกันกลายเป็นพายุทรายสีดำที่หมุนวนไม่หยุด

 

“ไม่ดีแล้ว!!”

 

หนังศีรษะของฮุ่ยเหวินชาวาบ

 

ต่อหน้าพายุทรายสีดำอันนี้ แม้แต่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอย่างเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินยังสั่นสะท้าน ความรู้สึกวิกฤติถึงแก่ชีวิตเกิดขึ้นในใจของเขา

 

“องค์ท่าน… ผู้อาวุโส การลงมือนี้น่าจะเป็นการลงมือเต็มกำลังของจอมมาร พวกเรามาตั้งค่ายกลอรหันต์แห่งวัดเส้าหลินร่วมกันเถิด เพื่อจะได้ต้านมันเอาไว้ได้ชั่วคราว”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินไม่รู้จะเรียกซูฉินว่าอะไรดี จึงได้แต่เรียกว่า “ผู้อาวุโส”

 

ในสายตาของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินนั้น แม้ซูฉินจะเป็นบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ความแข็งแกร่งของเขาก็คงไม่อาจจะต้านทานจอมมารในตอนนี้ได้

 

ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างเต็มกำลังของจอมมาร ถ้าให้พูดตามตรง ก็มีเพียงแต่จะต้องถอยหนี

 

อย่างไรก็ตาม

 

ซูฉินส่ายหัวและกล่าวออกมาอย่างสบายๆ ว่า “ไม่จำเป็น มันยุ่งยากเกินไป”

 

ซูฉินเพิ่งเข้าสู่ระดับ ‘อรหันต์‘ แต่เขาก็อยากจะลองดูสักหน่อยว่าตอนนี้เขาแข็งแกร่งถึงขนาดไหนแล้ว

 

การที่จอมมารในชุดคลุมสีดำควบแน่นพลังมารเป็นพายุทรายสีดำ ในมุมมองของซูฉินสิ่งนี้มันก็แค่การใช้กำลังภายในในอีกรูปแบบหนึ่งก็เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย

 

“ช่างกล้านัก!!”

 

จอมมารชุดคลุมดำเมื่อเห็นซูฉินไม่มีความตั้งใจที่จะหลบแต่อย่างใด เขาก็โกรธมาก พายุทรายสีดำทวีความเข้มข้นมากขึ้นไปอีก

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

ท้องฟ้ามืดสลัวลง

 

ซูฉินถูกพายุทรายสีดำสนิทเข้าปกคลุม

 

“ระวัง!”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

 

กระนั้นร่างกายของเขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ในตอนนี้ เขาไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างจอมมารชุดดำกับซูฉินได้

 

เมื่อสาวกพรรคมารทั้งหลายเหมือนจะเห็นว่าซูฉินถูกทำลายไปโดยพายุทรายสีดำ!!!

 

ปึง!!!

 

จะเห็นได้ว่าในระยะสิบเมตรรอบกายของซูฉิน บรรยากาศผันผวนเล็กน้อย และพายุทรายสีดำที่อยู่บริเวณโดยรอบพลันสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่

 

“นี่คือ?”

 

ใบหน้าของจอมมารชุดดำเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มันมองมาที่ซูฉินด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ

 

ไม่ใช่เพียงแต่จอมมารชุดดำเท่านั้น แต่คนอื่นก็จ้องกันจนตาแทบถลน

 

หากซูฉินเตรียมพร้อมป้องกันการโจมตีของจอมมาร แล้วฝ่าออกด้วยความยากลำบาก ทุกคนก็ยังพอจะรับได้

 

แต่ความจริงเป็นเช่นไร?

 

ซูฉินไม่แม้แต่จะขยับตัวออกจากจุดเดิม เขายืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว และสกัดกั้นจอมมารที่ทุ่มกำลังทั้งหมดไว้ได้

 

เป็นไปได้อย่างไร?!!

 

“นี่คือความแข็งแกร่งทั้งหมดของเจ้าหรือ?”

 

ซูฉินยืนอยู่ที่เดิม ใบหน้าของเขาแสดงความผิดหวังเล็กน้อย

 

หากการโจมตีของจอมมารแข็งแกร่งกว่านี้อีกสักพันเท่า มันคงอาจจะทำให้เขารู้สึกถูกคุกคามได้

 

“แกเป็นใครกัน?”

 

สีหน้าของจอมมารชุดดำเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

ในตอนแรกจอมมารในชุดคลุมสีดำคิดว่าความแข็งแกร่งของซูฉินนั้นใกล้เคียงกับตน ทั้งคู่ควรจะเป็นระดับชั้นที่หนึ่งที่ผ่านการแปรสภาพมาสองครั้ง และซูฉินน่าจะอ่อนแอกว่าตัวมันเสียด้วยซ้ำ

 

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นไปได้ว่าจะเป็นระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสมบูรณ์ที่แปรสภาพครบสามครั้ง

 

“จะสู้ต่อหรือจะถอยกลับดี?”

 

ท่าทางของจอมมารชุดดำค่อนข้างลังเล

 

ถ้าซูฉินเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสมบูรณ์จริงๆ แล้วเขายังคงรั้งรออยู่ที่นี่ เขาอาจจะถูกฝังกลบอยู่ใต้ผืนดินแห่งนี้

 

เพียงเท่านั้น

 

ก่อนที่จอมมารชุดดำจะทันใดตัดสินใจ ซูฉินที่ยืนอยู่ที่เดิมก็ก้าวเท้าออกไปด้านหน้า

 

“มันจบแล้ว”

 

ซูฉินยื่นมือขวาเรียวยาวออกไป และตบเบาๆ ไปทางจอมมารชุดคลุมสีดำ

 

“หึ!”

 

ความเย็นชาปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของจอมมารเสื้อคลุมดำ

 

“แม้ว่าเจ้าจะเป็นขั้นสมบูรณ์ แล้วเจ้าจะทำอะไรได้?”

 

“คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอาชนะข้า ข้ารู้ดี แต่หากเจ้าต้องการจะรั้งข้าเอาไว้ ก็ฝันไปเถอะ!”

 

จอมมารชุดดำรีบถอยกลับอย่างว่องไว ต้องการจะอยู่ให้ห่างจากซูฉิน

 

อย่างไรก็ตาม

 

ในช่วงเวลาต่อมา

 

พลังอันแสนยิ่งใหญ่และสง่างามกระแทกเข้ามาจากทุกทิศทาง กักขังจอมมารชุดดำเอาไว้ให้อยู่กับที่

 

“นี่คือ?”

 

สีหน้าของจอมมารเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง มันจ้องมองซูฉินราวกับเห็นสัตว์ประหลาด

 

“พลังแห่งฟ้าดิน?”

 

“หรือว่าเจ้าคือตำนานยุทธ!!!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 60 เพียงสะบัดมือก็กระพือใจผู้คนให้ตะลึงงัน!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 60 เพียงสะบัดมือก็กระพือใจผู้คนให้ตะลึงงัน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 60 เพียงสะบัดมือก็กระพือใจผู้คนให้ตะลึงงัน!

 

 

ด้านหน้าโถงศาลาการประชุมใหญ่

 

ทุกคนต่างตะลึงงัน

 

สาวกพรรคมารฟื้นสภาพจิตใจกลับมาได้บ้าง แม้ว่าจะตกใจแต่พวกมันก็พอจะเข้าใจได้บ้างว่าซูฉินปิดบังตัวตนเอาไว้อย่างแนบเนียน พวกมันต่างแอบสบถในใจว่าพวกลาหัวโล้นวัดเส้าหลินนี่มันทั้งชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์เสียจริง

 

แต่กับเหล่าศิษย์วัดเส้าหลิน รวมถึงเจ้าอาวาสและหัวหน้าตำหนักต่างตกตะลึงกันอย่างสิ้นเชิง

 

สาวกพรรคมารไม่รู้รายละเอียดเบื้องลึกของซูฉิน พวกมันจะไปรู้มาจากไหนได้เล่า?

 

ซูฉินอยู่ในวัดมากว่ายี่สิบปี เป็นพระกวาดลานมากว่ายี่สิบปี ศิษย์ส่วนใหญ่มักจะรู้จักซูฉินและทักทายกันเป็นประจำ

 

บุคคลเช่นนี้หรือที่เป็นบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ของวัดเส้าหลิน?

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินตกตะลึง หัวหน้าลานจิปาถะตกตะลึง เหล่าหัวหน้าตำหนักและหัวหน้าฝ่ายวินัยสงฆ์ต่างก็ตื่นตะลึง…

 

“เจินกวน? สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนาม?”

 

หัวหน้าคนใหม่ของลานจิปาถะรู้สึกได้เพียงเสียงอื้ออึงที่อยู่ในหัว ก่อนที่หัวหน้าลานจิปาถะคนเก่าจะมรณภาพไปท่านได้สั่งเสียให้เขาดูแลเจินกวนให้ดี

 

ทว่าตอนนี้…

 

หัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่เกิดรู้สึกขึ้นมาว่า ทุกสิ่งในวัดเส้าหลินกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคยอีกต่อไป

 

“เขาคือบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในวัดของพวกเรา?”

 

ทันใดนั้นเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินก็นึกย้อนไปถึงความทรงจำเมื่อหกปีก่อน ปรากฏเป็นร่างคลุมเครือที่เข้ามาหา ระหว่างที่เขาตกอยู่ในอาการธาตุไฟเข้าแทรก

 

ในตอนนั้นเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินก็รู้สึกว่าร่างคลุมเครือดูยังหนุ่มมาก ดูไม่เหมือนว่าเขาอายุมากกว่าร้อยปีเลย

 

แม้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินจะมีข้อสงสัยอยู่เมื่อตอนนั้น แต่สุดท้ายเขาก็คิดว่าตนเองคิดมากเกินไป

 

แล้ววิธีการ ขั้นตอนต่างๆ ที่บรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการแก้ปัญหานั้นช่างลึกล้ำ จะมีอายุน้อยไปได้อย่างไร?

 

นอกเหนือจากนี้เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินมั่นใจมากว่าบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ศิษย์จากรุ่น ‘ฮุ่ย‘

 

จากกรณีนั้นเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินจึงไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้ นอกเสียจากท่านจะเป็นบรรพบุรุษในอดีตซึ่งเจ้าอาวาสไม่รู้จัก

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินไม่คาดคิดก็คือ บรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ศิษย์รุ่น ‘ฮุ่ย‘

 

แต่เป็นศิษย์รุ่น ‘เจิน‘

 

“ศิษย์น้องเจินกวน…”

 

เจินชื่อมองไปที่ซูฉินด้วยสายตาว่างเปล่า สีหน้าสับสน

 

เมื่อสิบปีก่อน มารเฒ่ากลืนโลหิตได้แอบเข้าไปในหอคอยสะกดมาร กลืนกินเหล่ามารร้ายในหอคอยเป็นจำนวนมากที่ด้านในหอคอย จนสุดท้ายก็เข้าสู่ระดับชั้นที่สองในบัดดล

 

ในเวลานั้นเมื่อภิกษุสงฆ์ที่ลาดตระเวนหน้าหอคอยสะกดมารกำลังจะต้องตายด้วยฝีมือของมารเฒ่ากลืนโลหิต ร่างคลุมเครือก็ปรากฏขึ้นแล้วสังหารมารเฒ่ากลืนโลหิตทิ้ง

 

ขณะนี้

 

ร่างที่เลือนรางในความทรงจำบางส่วนของเจินชื่อ ก็ค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับซูฉินที่ยืนอยู่ตอนนี้

 

หลังจากนั้นเพียงไม่นาน

 

ตอนที่ทุกคนยังตกตะลึงกันอยู่

 

เสียงหัวเราะแผ่วเบาจากจอมมารในชุดคลุมสีดำก็ดังขึ้น

 

“เจ้าเป็นสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามจริงๆ!”

 

“เจ้าเป็นสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามจริงๆ!!”

 

ดวงตาของจอมมารชุดดำเปล่งประกายเป็นแสงสีดำอันมืดมิดราวกับว่ามันเป็นเหวลึก

 

“เนื่องจากเจ้าเป็นสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามผู้นั้น วันนี้ข้าจะใช้เลือดของเจ้าเพื่อเป็นบันไดให้ข้าก้าวสู่ระดับตำนานยุทธ!!!”

 

จอมมารชุดคลุมดำพลันกระทืบเท้า ทันใดนั้นพลังมารก็เดือดพล่านกระจายออกไปทุกทิศทาง

 

แม้ว่าจอมมารจะไม่รู้ว่าทำไมซูฉินถึงหลบเลี่ยงการตรวจสอบของมันได้

 

แต่ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร คู่ต่อสู้ที่เขาใฝ่หาก็มายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว เขาจะอดทนถามคำถามให้เสียเวลาไปทำไม

 

“ข้าฝึกฝนอย่างหนักในทะเลทรายตะวันตกมาเป็นเวลาห้าสิบปี เฝ้าดูภัยธรรมชาติ สัมผัสถึงฟ้าดิน และตั้งใจสรรสร้างเคล็ดวิชานี้ขึ้นมา”

 

“ข้าหวังว่าสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามนี่จะไม่ทำให้ข้าต้องผิดหวังนะ!!”

 

ทันทีที่จอมมารชุดดำเงียบเสียง พลังมารอันไม่มีที่สิ้นสุดก็เข้าปะทะกันเองอย่างต่อเนื่อง แล้วหลอมรวมกันกลายเป็นพายุทรายสีดำที่หมุนวนไม่หยุด

 

“ไม่ดีแล้ว!!”

 

หนังศีรษะของฮุ่ยเหวินชาวาบ

 

ต่อหน้าพายุทรายสีดำอันนี้ แม้แต่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอย่างเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินยังสั่นสะท้าน ความรู้สึกวิกฤติถึงแก่ชีวิตเกิดขึ้นในใจของเขา

 

“องค์ท่าน… ผู้อาวุโส การลงมือนี้น่าจะเป็นการลงมือเต็มกำลังของจอมมาร พวกเรามาตั้งค่ายกลอรหันต์แห่งวัดเส้าหลินร่วมกันเถิด เพื่อจะได้ต้านมันเอาไว้ได้ชั่วคราว”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินไม่รู้จะเรียกซูฉินว่าอะไรดี จึงได้แต่เรียกว่า “ผู้อาวุโส”

 

ในสายตาของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินนั้น แม้ซูฉินจะเป็นบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ความแข็งแกร่งของเขาก็คงไม่อาจจะต้านทานจอมมารในตอนนี้ได้

 

ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างเต็มกำลังของจอมมาร ถ้าให้พูดตามตรง ก็มีเพียงแต่จะต้องถอยหนี

 

อย่างไรก็ตาม

 

ซูฉินส่ายหัวและกล่าวออกมาอย่างสบายๆ ว่า “ไม่จำเป็น มันยุ่งยากเกินไป”

 

ซูฉินเพิ่งเข้าสู่ระดับ ‘อรหันต์‘ แต่เขาก็อยากจะลองดูสักหน่อยว่าตอนนี้เขาแข็งแกร่งถึงขนาดไหนแล้ว

 

การที่จอมมารในชุดคลุมสีดำควบแน่นพลังมารเป็นพายุทรายสีดำ ในมุมมองของซูฉินสิ่งนี้มันก็แค่การใช้กำลังภายในในอีกรูปแบบหนึ่งก็เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย

 

“ช่างกล้านัก!!”

 

จอมมารชุดคลุมดำเมื่อเห็นซูฉินไม่มีความตั้งใจที่จะหลบแต่อย่างใด เขาก็โกรธมาก พายุทรายสีดำทวีความเข้มข้นมากขึ้นไปอีก

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

ท้องฟ้ามืดสลัวลง

 

ซูฉินถูกพายุทรายสีดำสนิทเข้าปกคลุม

 

“ระวัง!”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

 

กระนั้นร่างกายของเขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ในตอนนี้ เขาไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างจอมมารชุดดำกับซูฉินได้

 

เมื่อสาวกพรรคมารทั้งหลายเหมือนจะเห็นว่าซูฉินถูกทำลายไปโดยพายุทรายสีดำ!!!

 

ปึง!!!

 

จะเห็นได้ว่าในระยะสิบเมตรรอบกายของซูฉิน บรรยากาศผันผวนเล็กน้อย และพายุทรายสีดำที่อยู่บริเวณโดยรอบพลันสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่

 

“นี่คือ?”

 

ใบหน้าของจอมมารชุดดำเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มันมองมาที่ซูฉินด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ

 

ไม่ใช่เพียงแต่จอมมารชุดดำเท่านั้น แต่คนอื่นก็จ้องกันจนตาแทบถลน

 

หากซูฉินเตรียมพร้อมป้องกันการโจมตีของจอมมาร แล้วฝ่าออกด้วยความยากลำบาก ทุกคนก็ยังพอจะรับได้

 

แต่ความจริงเป็นเช่นไร?

 

ซูฉินไม่แม้แต่จะขยับตัวออกจากจุดเดิม เขายืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว และสกัดกั้นจอมมารที่ทุ่มกำลังทั้งหมดไว้ได้

 

เป็นไปได้อย่างไร?!!

 

“นี่คือความแข็งแกร่งทั้งหมดของเจ้าหรือ?”

 

ซูฉินยืนอยู่ที่เดิม ใบหน้าของเขาแสดงความผิดหวังเล็กน้อย

 

หากการโจมตีของจอมมารแข็งแกร่งกว่านี้อีกสักพันเท่า มันคงอาจจะทำให้เขารู้สึกถูกคุกคามได้

 

“แกเป็นใครกัน?”

 

สีหน้าของจอมมารชุดดำเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

ในตอนแรกจอมมารในชุดคลุมสีดำคิดว่าความแข็งแกร่งของซูฉินนั้นใกล้เคียงกับตน ทั้งคู่ควรจะเป็นระดับชั้นที่หนึ่งที่ผ่านการแปรสภาพมาสองครั้ง และซูฉินน่าจะอ่อนแอกว่าตัวมันเสียด้วยซ้ำ

 

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นไปได้ว่าจะเป็นระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสมบูรณ์ที่แปรสภาพครบสามครั้ง

 

“จะสู้ต่อหรือจะถอยกลับดี?”

 

ท่าทางของจอมมารชุดดำค่อนข้างลังเล

 

ถ้าซูฉินเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสมบูรณ์จริงๆ แล้วเขายังคงรั้งรออยู่ที่นี่ เขาอาจจะถูกฝังกลบอยู่ใต้ผืนดินแห่งนี้

 

เพียงเท่านั้น

 

ก่อนที่จอมมารชุดดำจะทันใดตัดสินใจ ซูฉินที่ยืนอยู่ที่เดิมก็ก้าวเท้าออกไปด้านหน้า

 

“มันจบแล้ว”

 

ซูฉินยื่นมือขวาเรียวยาวออกไป และตบเบาๆ ไปทางจอมมารชุดคลุมสีดำ

 

“หึ!”

 

ความเย็นชาปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของจอมมารเสื้อคลุมดำ

 

“แม้ว่าเจ้าจะเป็นขั้นสมบูรณ์ แล้วเจ้าจะทำอะไรได้?”

 

“คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอาชนะข้า ข้ารู้ดี แต่หากเจ้าต้องการจะรั้งข้าเอาไว้ ก็ฝันไปเถอะ!”

 

จอมมารชุดดำรีบถอยกลับอย่างว่องไว ต้องการจะอยู่ให้ห่างจากซูฉิน

 

อย่างไรก็ตาม

 

ในช่วงเวลาต่อมา

 

พลังอันแสนยิ่งใหญ่และสง่างามกระแทกเข้ามาจากทุกทิศทาง กักขังจอมมารชุดดำเอาไว้ให้อยู่กับที่

 

“นี่คือ?”

 

สีหน้าของจอมมารเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง มันจ้องมองซูฉินราวกับเห็นสัตว์ประหลาด

 

“พลังแห่งฟ้าดิน?”

 

“หรือว่าเจ้าคือตำนานยุทธ!!!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+