เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 61 ทุกสิ่งอยู่ในกำมือ อรหันต์เดินดิน!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 61 ทุกสิ่งอยู่ในกำมือ อรหันต์เดินดิน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 61 ทุกสิ่งอยู่ในกำมือ อรหันต์เดินดิน!

 

 

“เจ้าไม่ใช่ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสมบูรณ์!”

 

“เจ้า…เจ้าคือระดับตำนานยุทธ!!!”

 

เสียงคำรามที่ฟังดูสิ้นหวังของจอมมารชุดดำกระจายไปทั่ววัดเส้าหลินโดยพลัน

 

“ระดับตำนานยุทธ?”

 

“ระดับตำนานยุทธคืออะไรเยี่ยงนั้นหรือ?”

 

ศิษย์วัดเส้าหลินที่เพิ่งเข้ามาใหม่เผลอตั้งคำถามโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาอยู่ที่วัดเส้าหลินได้ไม่นาน พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นแบ่งอย่างไร นับประสาอะไรกับตำนานยุทธ

 

แต่เมื่อเหล่าศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาใหม่เห็นว่าศิษย์พี่ที่ด้านข้างต่างก็ตกตะลึง การแสดงออกของพวกเขาบ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อ ศิษย์ใหม่เหล่านั้นจึงไม่กล้าที่จะพูดต่อ

 

“ตำนานยุทธ?”

 

“ระดับอรหันต์?”

 

หัวหน้าฝ่ายวินัยสงฆ์บ่นพึมพำอยู่กับตนเอง

 

ปัจจุบันนี้ระดับของวิทยายุทธแบ่งออกเป็นเก้าระดับ และมีเพียงผู้ที่อยู่เหนือกว่าระดับวิทยายุทธทั้งเก้าเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้รับการขนานนามว่าเป็นระดับ ‘อรหันต์‘ หรือ ระดับตำนานยุทธ

 

ในความเป็นจริงแล้วทั้งสถานะของ ‘อรหันต์‘ และตำนานยุทธนั้นมีความหมายเดียวกัน แต่อย่างแรกมักจะใช้กันในวัดเส้าหลินหรือไม่ก็นักบวชในสำนักพุทธอื่นๆ ส่วนอย่างหลังนั้นเป็นชื่อที่เรียกกันในหมู่จอมยุทธ

 

“ระดับตำนานยุทธ?”

 

“เจินกวน?”

 

นัยน์ตาของหัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่พลันหม่นลง

 

เดิมทีที่เจินกวนก้าวกระโดดจากพระกวาดลานกลายมาเป็นบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยเหลือวัดเส้าหลินไว้จากวิกฤติตั้งหลายต่อหลายครั้งก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่แล้ว

 

แต่ตอนนี้

 

ถึงกับมีคนกล่าวออกมาว่า

 

เจินกวนไม่ได้เป็นเพียงบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

 

แต่เป็น ‘อรหันต์‘ ตัวตนที่ไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นในวัดเส้าหลินมาเกือบพันปีแล้วน่ะหรือ?

 

นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปหรือไม่?

 

หัวหน้าลานจิปาถะไม่ได้รู้สึกอิจฉา แต่เขาตกใจจนสุดขีด ไม่สามารถตอบสนองอะไรได้ในตอนนี้

 

หัวหน้าลานโพธิ์ หัวหน้าตำหนักยุทธสงฆ์ หัวหน้าลานอรหันต์ หัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ รวมไปถึงศิษย์อีกหลายคนต่างตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

ถ้าประโยคนี้ไม่ได้ออกมาจากปากยอดปรมาจารย์อย่างจอมมารพวกเขาก็คงจะไม่เชื่อถือ

 

ระดับตำนานยุทธ?

 

น้ำหนักของคำแต่ละพยางค์ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นคำคำนี้แทบจะกดทับได้ทุกสรรพสิ่ง จะให้พูดคำพวกนี้ออกมาอย่างลวกๆ ได้อย่างไร?

 

ในฐานะจอมมาร คงจะน่าอับอายอย่างมากถ้าจะมาโกหกด้วยเรื่องเช่นนี้ และน้ำเสียงที่จอมมารพูดออกมาก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องโกหกด้วย

 

“อะไรนะ?”

 

“ระดับตำนานยุทธ?”

 

เมื่อเทียบกับอาการตกใจของศิษย์วัดเส้าหลิน เหล่าสาวกพรรคมารต่างก็ตื่นตระหนกยิ่งกว่าอย่างสิ้นเชิง

 

พวกมันเตรียมที่จะบุกทำลายวัดเส้าหลินอย่างอุกอาจ เดิมทีพวกมันคิดว่าการที่มีจอมมารอยู่ด้วยจะสร้างโอกาสชนะให้กับพวกมัน แม้จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้น มันก็ยังสามารถฉกฉวยมรดกตกทอดจาก ‘เหล่าอรหันต์‘ ในอดีตของวัดเส้าหลินไปได้

 

ด้วยระดับของจอมมารยังไงก็ไม่มีปัญหาในการคุ้มกะลาหัวพวกมันทุกตัวให้อยู่รอดปลอดภัย

 

แต่ตอนนี้?

 

วัดเส้าหลินในยุคนี้ดันมี ‘อรหันต์‘ ตัวเป็นๆ หลบซ่อนอยู่?

 

เป็นไปได้เยี่ยงไรกัน?

 

แม้ว่าเหล่าสาวกพรรคมารเหล่านี้จะมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในตัวจอมมาร แต่พวกมันก็คงไม่คิดว่าจอมมารจะสามารถเอาชนะ ‘อรหันต์‘ ได้แน่ๆ

 

ทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแม้แต่น้อย

 

“มันจบแล้ว”

 

“มันจบสิ้นแล้ว”

 

บรรดาสาวกพรรคมารต่างหมดสิ้นซึ่งความหวัง

 

พวกเขาคิดที่จะหนี แต่ทันทีที่คิดเรื่องนั้น พวกมันก็รู้สึกเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยพลังงานจากทุกทิศทาง

 

ราวกับว่าทั้งวัดเส้าหลินถูกแปรสภาพกลายเป็น ‘อาณาเขต‘ ที่สิงสถิตของเทพเซียน

 

“เขาคือระดับตำนานยุทธ?”

 

คุนคงสาวกพรรคมารรู้สึกว่าเขากำลังได้ยินตลกร้ายเรื่องหนึ่ง

 

หลังจากการสูญเสียชีวิตของเหล่าอาวุโสไปกว่าเก้าคน เขาเดินทางรอนแรมข้ามทะเลทรายตะวันตกเพื่อตามหาจอมมารโดยทันที และเชิญจอมมารกลับสู่ยุทธภพ เขาต้องการจะฟื้นฟูพรรคมารกลับมา แก้แค้นสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามจากวัดเส้าหลิน

 

แต่เจ้ากลับบอกว่าอีกฝ่ายเป็นระดับตำนานยุทธเช่นนั้นหรือ?

 

นี่มันไม่ใช่การแก้แค้นแล้ว นี่มันรนหาที่ตาย!!

 

ทันใดนั้นในหัวของคุนคงก็พลันฉายภาพย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน ยามเมื่อซูฉินสวมจีวรสีเทาเข้ามากวาดล้างฐานที่มั่นหลักของพรรคมาร

 

ในตอนนี้ความสิ้นหวังทั้งหมดทั้งมวลพลันรวมกลับเข้ามาในใจของคุนคงแล้วกลั่นออกมาเป็นประโยคเดียว

 

“เจ้าเป็นถึงตำนานยุทธ เหตุไฉนจึงต้องใช้อำนาจรังแกผู้อ่อนแอด้วย!!”

 

 

หน้าโถงศาลาการประชุมใหญ่

 

ในขณะที่ซูฉินโบกมือเบาๆ นั้น ร่างของเขาก็วูบไหวราวภูตผี และจอมมารก็กระเด็นห่างออกไปแล้วถูกกดกระแทกติดอยู่กับพื้นเช่นนั้น ไม่สามารถขยับไปไหนมาไหนได้

 

“เจ้า เจ้าเป็นใครกันแน่?”

 

จอมมารชุดดำดูซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง มองดูซูฉิน พูดออกด้วยเสียงแหบแห้ง

 

ความคิดในการใช้แรงกดดันที่อันตรายถึงแก่ชีวิตเพื่อพัฒนาวิทยายุทธอะไรนั่น กล่าวได้ว่าจอมมารโยนมันทิ้งไปตั้งนานแล้ว

 

ตอนนี้สิ่งเดียวในสมองของจอมมารชุดดำคือมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ตัวมันมีชีวิตรอดต่อไป

 

ตราบใดที่ชีวิตไม่สิ้น นั่นย่อมเท่ากับยังมีหวัง

 

“ข้าก็เป็นเพียงพระกวาดลานที่อยู่ในวัดเส้าหลินก็เท่านั้น”

 

ซูฉินคิดอยู่สักพักแล้วพูดขึ้น

 

ซูฉินไม่ได้โป้ปด เป็นเวลากว่ายี่สิบปีแล้วที่เขาไม่เคยย่อท้อต่อการกวาดลานวัดเลยแม้แต่น้อย ทุกสิ่งนี้สามารถยืนยันได้จากทุกคนในวัดเส้าหลิน

 

“พระกวาดลาน?”

 

จอมมารในชุดคลุมสีดำนิ่งไปชั่วขณะ ท่าทางไม่อาจเชื่อถือ

 

พระกวาดลานในวัดเส้าหลิน?

 

นี่ล้อกันเล่นใช่หรือไม่?

 

ตำนานยุทธที่แสนจะโดดเด่น? จะไปเป็นพระกวาดลานในวัดเส้าหลินได้อย่างไร?

 

ถ้าเจ้าพูดแบบนั้นแม้แต่เด็กสามขวบยังต้องเยาะเย้ย มันราวกับกล่าวว่าจักรพรรดิผู้มั่งคั่งไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียว

 

“เอาล่ะ”

 

“ตอนนี้ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว”

 

ฉับพลันซูฉินก็หมดความสนใจไปโดยสิ้นเชิง แต่เดิมเขาต้องการจะยืมมือของจอมมารผู้นี้เพื่อมาทดสอบความแข็งแกร่งของตนเอง

 

แต่มิคิดว่าอีกฝ่ายจะอ่อนแอถึงขนาดนี้

 

“อ๊าาาาาาาาาาาาาา!!!”

 

ทันใดนั้นจอมมารชุดดำก็รู้สึกว่าแรงกดดันที่กักเขาเอาไว้ จู่ๆ ก็รุนแรงมากขึ้นจนเกือบจะบดขยี้ตัวของมันเป็นเสี่ยงๆ ตอนนี้เองมันก็รู้ตัวแล้วว่าซูฉินไม่ได้คิดที่จะปล่อยมันเอาไว้

 

“จงสลายออกไปให้หมด!”

 

“สลายไปซะ!!!!”

 

แม้ว่าจอมมารชุดคลุมสีดำจะรู้ว่าความหวังของเขาที่จะรอดชีวิตนั้นน้อยนิด แต่เขาก็ต้องฝืนสู้ให้ถึงที่สุด

 

พลันเผาผลาญกำลังภายใน และเปลี่ยนสภาพร่างกายของตัวเองด้วยทักษะต้องห้าม

 

ทันใดนั้นกลิ่นอายที่น่ากลัวก็พวยพุ่งออกมาจากจอมมารชุดคลุมดำ

 

กลิ่นอายนี้เหนือเสียยิ่งกว่าระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสมบูรณ์ด้วยซ้ำ

 

ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน แต่จอมมารชุดดำไม่มีร่องรอยของความสุขบนใบหน้าแม้เพียงนิด

 

ด้วยทักษะลับต้องห้ามนี้ มันเผาผลาญทั้งกายเนื้อและกำลังภายในไปจนสิ้น แม้ว่ามันจะมีชีวิตรอดไปได้ ความแข็งแกร่งของมันย่อมต้องลดลงไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ระดับชั้นอาจจะตกจากระดับชั้นที่หนึ่งไปเลย

 

แต่ตอนนี้จอมมารชุดดำไม่สนใจเรื่องนั้นอีกต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

พลังที่แสนน่าหวาดหวั่นแห่งฟ้าดินก็บดขยี้ลงมา

 

แกร็ก

 

แกร็ก

 

ในทันทีทันใด กระดูกของจอมมารก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

 

“ไม่คาดคิดเลยว่า ข้าที่สังหารผู้คนนับไม่ถ้วนมาทั้งชีวิต ต้องมาตกตายด้วยน้ำมือของผู้อื่น”

 

จอมมารชุดดำพึมพำอยู่กับตนเอง

 

ร่างของเขาแหลกเหลว หลงเหลือไว้เพียง ‘พลังศักดิ์สิทธิ์‘

 

แต่แค่ว่า ‘พลังศักดิ์สิทธิ์‘ ของจอมมารชุดดำนั้นอ่อนด้อยกว่ามารพุทธะมาก แม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เขาก็ยังควบแน่นออกมาได้ไม่สำเร็จ เมื่อสูญเสียร่างกายที่คอยคุ้นกันไป พลังศักดิ์สิทธิ์ก็จะค่อยๆ สลายหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องให้ซูฉินต้องลงแรงด้วยซ้ำ

 

เป็นไปตามคาด

 

เพียงไม่ถึงอึดใจ

 

จิตของจอมมารชุดดำสั่นไหว หดตัว แล้วก็หายไป

 

ผู้คนโดยรอบเงียบกริบ

 

ทุกคนหยุดนิ่ง

 

หากจะบอกว่าในตอนแรกที่จอมมารชุดคลุมดำตะโกนออกมาว่า “ระดับตำนานยุทธ” ผู้คนยังสงสัยกันอยู่

 

แต่เมื่อได้เห็นผู้ที่อยู่เหนือผู้ใดเช่นจอมมารชุดดำไม่แม้แต่จะสามารถขัดขืนได้ แล้วสุดท้ายถูกกำจัดไป

 

ก็ไม่เหลือข้อสงสัยใดอีกในใจของทุกคน

 

ศิษย์ในวัดเส้าหลินและทุกคนจากพรรคมารต่างตกตะลึงพรึงเพริดกับฉากดังกล่าวที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินน้ำตาไหลย้อยลงไปตามใบหน้า ตัวเขาสั่นสะท้านแล้วพูดว่า

 

“เก้าร้อยปีแล้ว”

 

“กว่าเก้าร้อยปี ในที่สุดวัดเส้าหลินของเราก็มีระดับอรหันต์กำเนิดขึ้นเสียที…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 61 ทุกสิ่งอยู่ในกำมือ อรหันต์เดินดิน!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 61 ทุกสิ่งอยู่ในกำมือ อรหันต์เดินดิน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 61 ทุกสิ่งอยู่ในกำมือ อรหันต์เดินดิน!

 

 

“เจ้าไม่ใช่ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสมบูรณ์!”

 

“เจ้า…เจ้าคือระดับตำนานยุทธ!!!”

 

เสียงคำรามที่ฟังดูสิ้นหวังของจอมมารชุดดำกระจายไปทั่ววัดเส้าหลินโดยพลัน

 

“ระดับตำนานยุทธ?”

 

“ระดับตำนานยุทธคืออะไรเยี่ยงนั้นหรือ?”

 

ศิษย์วัดเส้าหลินที่เพิ่งเข้ามาใหม่เผลอตั้งคำถามโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาอยู่ที่วัดเส้าหลินได้ไม่นาน พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นแบ่งอย่างไร นับประสาอะไรกับตำนานยุทธ

 

แต่เมื่อเหล่าศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาใหม่เห็นว่าศิษย์พี่ที่ด้านข้างต่างก็ตกตะลึง การแสดงออกของพวกเขาบ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อ ศิษย์ใหม่เหล่านั้นจึงไม่กล้าที่จะพูดต่อ

 

“ตำนานยุทธ?”

 

“ระดับอรหันต์?”

 

หัวหน้าฝ่ายวินัยสงฆ์บ่นพึมพำอยู่กับตนเอง

 

ปัจจุบันนี้ระดับของวิทยายุทธแบ่งออกเป็นเก้าระดับ และมีเพียงผู้ที่อยู่เหนือกว่าระดับวิทยายุทธทั้งเก้าเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้รับการขนานนามว่าเป็นระดับ ‘อรหันต์‘ หรือ ระดับตำนานยุทธ

 

ในความเป็นจริงแล้วทั้งสถานะของ ‘อรหันต์‘ และตำนานยุทธนั้นมีความหมายเดียวกัน แต่อย่างแรกมักจะใช้กันในวัดเส้าหลินหรือไม่ก็นักบวชในสำนักพุทธอื่นๆ ส่วนอย่างหลังนั้นเป็นชื่อที่เรียกกันในหมู่จอมยุทธ

 

“ระดับตำนานยุทธ?”

 

“เจินกวน?”

 

นัยน์ตาของหัวหน้าลานจิปาถะคนใหม่พลันหม่นลง

 

เดิมทีที่เจินกวนก้าวกระโดดจากพระกวาดลานกลายมาเป็นบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยเหลือวัดเส้าหลินไว้จากวิกฤติตั้งหลายต่อหลายครั้งก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่แล้ว

 

แต่ตอนนี้

 

ถึงกับมีคนกล่าวออกมาว่า

 

เจินกวนไม่ได้เป็นเพียงบรรพบุรุษสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

 

แต่เป็น ‘อรหันต์‘ ตัวตนที่ไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นในวัดเส้าหลินมาเกือบพันปีแล้วน่ะหรือ?

 

นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปหรือไม่?

 

หัวหน้าลานจิปาถะไม่ได้รู้สึกอิจฉา แต่เขาตกใจจนสุดขีด ไม่สามารถตอบสนองอะไรได้ในตอนนี้

 

หัวหน้าลานโพธิ์ หัวหน้าตำหนักยุทธสงฆ์ หัวหน้าลานอรหันต์ หัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ รวมไปถึงศิษย์อีกหลายคนต่างตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

ถ้าประโยคนี้ไม่ได้ออกมาจากปากยอดปรมาจารย์อย่างจอมมารพวกเขาก็คงจะไม่เชื่อถือ

 

ระดับตำนานยุทธ?

 

น้ำหนักของคำแต่ละพยางค์ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นคำคำนี้แทบจะกดทับได้ทุกสรรพสิ่ง จะให้พูดคำพวกนี้ออกมาอย่างลวกๆ ได้อย่างไร?

 

ในฐานะจอมมาร คงจะน่าอับอายอย่างมากถ้าจะมาโกหกด้วยเรื่องเช่นนี้ และน้ำเสียงที่จอมมารพูดออกมาก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องโกหกด้วย

 

“อะไรนะ?”

 

“ระดับตำนานยุทธ?”

 

เมื่อเทียบกับอาการตกใจของศิษย์วัดเส้าหลิน เหล่าสาวกพรรคมารต่างก็ตื่นตระหนกยิ่งกว่าอย่างสิ้นเชิง

 

พวกมันเตรียมที่จะบุกทำลายวัดเส้าหลินอย่างอุกอาจ เดิมทีพวกมันคิดว่าการที่มีจอมมารอยู่ด้วยจะสร้างโอกาสชนะให้กับพวกมัน แม้จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้น มันก็ยังสามารถฉกฉวยมรดกตกทอดจาก ‘เหล่าอรหันต์‘ ในอดีตของวัดเส้าหลินไปได้

 

ด้วยระดับของจอมมารยังไงก็ไม่มีปัญหาในการคุ้มกะลาหัวพวกมันทุกตัวให้อยู่รอดปลอดภัย

 

แต่ตอนนี้?

 

วัดเส้าหลินในยุคนี้ดันมี ‘อรหันต์‘ ตัวเป็นๆ หลบซ่อนอยู่?

 

เป็นไปได้เยี่ยงไรกัน?

 

แม้ว่าเหล่าสาวกพรรคมารเหล่านี้จะมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในตัวจอมมาร แต่พวกมันก็คงไม่คิดว่าจอมมารจะสามารถเอาชนะ ‘อรหันต์‘ ได้แน่ๆ

 

ทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแม้แต่น้อย

 

“มันจบแล้ว”

 

“มันจบสิ้นแล้ว”

 

บรรดาสาวกพรรคมารต่างหมดสิ้นซึ่งความหวัง

 

พวกเขาคิดที่จะหนี แต่ทันทีที่คิดเรื่องนั้น พวกมันก็รู้สึกเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยพลังงานจากทุกทิศทาง

 

ราวกับว่าทั้งวัดเส้าหลินถูกแปรสภาพกลายเป็น ‘อาณาเขต‘ ที่สิงสถิตของเทพเซียน

 

“เขาคือระดับตำนานยุทธ?”

 

คุนคงสาวกพรรคมารรู้สึกว่าเขากำลังได้ยินตลกร้ายเรื่องหนึ่ง

 

หลังจากการสูญเสียชีวิตของเหล่าอาวุโสไปกว่าเก้าคน เขาเดินทางรอนแรมข้ามทะเลทรายตะวันตกเพื่อตามหาจอมมารโดยทันที และเชิญจอมมารกลับสู่ยุทธภพ เขาต้องการจะฟื้นฟูพรรคมารกลับมา แก้แค้นสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรนามจากวัดเส้าหลิน

 

แต่เจ้ากลับบอกว่าอีกฝ่ายเป็นระดับตำนานยุทธเช่นนั้นหรือ?

 

นี่มันไม่ใช่การแก้แค้นแล้ว นี่มันรนหาที่ตาย!!

 

ทันใดนั้นในหัวของคุนคงก็พลันฉายภาพย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน ยามเมื่อซูฉินสวมจีวรสีเทาเข้ามากวาดล้างฐานที่มั่นหลักของพรรคมาร

 

ในตอนนี้ความสิ้นหวังทั้งหมดทั้งมวลพลันรวมกลับเข้ามาในใจของคุนคงแล้วกลั่นออกมาเป็นประโยคเดียว

 

“เจ้าเป็นถึงตำนานยุทธ เหตุไฉนจึงต้องใช้อำนาจรังแกผู้อ่อนแอด้วย!!”

 

 

หน้าโถงศาลาการประชุมใหญ่

 

ในขณะที่ซูฉินโบกมือเบาๆ นั้น ร่างของเขาก็วูบไหวราวภูตผี และจอมมารก็กระเด็นห่างออกไปแล้วถูกกดกระแทกติดอยู่กับพื้นเช่นนั้น ไม่สามารถขยับไปไหนมาไหนได้

 

“เจ้า เจ้าเป็นใครกันแน่?”

 

จอมมารชุดดำดูซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง มองดูซูฉิน พูดออกด้วยเสียงแหบแห้ง

 

ความคิดในการใช้แรงกดดันที่อันตรายถึงแก่ชีวิตเพื่อพัฒนาวิทยายุทธอะไรนั่น กล่าวได้ว่าจอมมารโยนมันทิ้งไปตั้งนานแล้ว

 

ตอนนี้สิ่งเดียวในสมองของจอมมารชุดดำคือมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ตัวมันมีชีวิตรอดต่อไป

 

ตราบใดที่ชีวิตไม่สิ้น นั่นย่อมเท่ากับยังมีหวัง

 

“ข้าก็เป็นเพียงพระกวาดลานที่อยู่ในวัดเส้าหลินก็เท่านั้น”

 

ซูฉินคิดอยู่สักพักแล้วพูดขึ้น

 

ซูฉินไม่ได้โป้ปด เป็นเวลากว่ายี่สิบปีแล้วที่เขาไม่เคยย่อท้อต่อการกวาดลานวัดเลยแม้แต่น้อย ทุกสิ่งนี้สามารถยืนยันได้จากทุกคนในวัดเส้าหลิน

 

“พระกวาดลาน?”

 

จอมมารในชุดคลุมสีดำนิ่งไปชั่วขณะ ท่าทางไม่อาจเชื่อถือ

 

พระกวาดลานในวัดเส้าหลิน?

 

นี่ล้อกันเล่นใช่หรือไม่?

 

ตำนานยุทธที่แสนจะโดดเด่น? จะไปเป็นพระกวาดลานในวัดเส้าหลินได้อย่างไร?

 

ถ้าเจ้าพูดแบบนั้นแม้แต่เด็กสามขวบยังต้องเยาะเย้ย มันราวกับกล่าวว่าจักรพรรดิผู้มั่งคั่งไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียว

 

“เอาล่ะ”

 

“ตอนนี้ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว”

 

ฉับพลันซูฉินก็หมดความสนใจไปโดยสิ้นเชิง แต่เดิมเขาต้องการจะยืมมือของจอมมารผู้นี้เพื่อมาทดสอบความแข็งแกร่งของตนเอง

 

แต่มิคิดว่าอีกฝ่ายจะอ่อนแอถึงขนาดนี้

 

“อ๊าาาาาาาาาาาาาา!!!”

 

ทันใดนั้นจอมมารชุดดำก็รู้สึกว่าแรงกดดันที่กักเขาเอาไว้ จู่ๆ ก็รุนแรงมากขึ้นจนเกือบจะบดขยี้ตัวของมันเป็นเสี่ยงๆ ตอนนี้เองมันก็รู้ตัวแล้วว่าซูฉินไม่ได้คิดที่จะปล่อยมันเอาไว้

 

“จงสลายออกไปให้หมด!”

 

“สลายไปซะ!!!!”

 

แม้ว่าจอมมารชุดคลุมสีดำจะรู้ว่าความหวังของเขาที่จะรอดชีวิตนั้นน้อยนิด แต่เขาก็ต้องฝืนสู้ให้ถึงที่สุด

 

พลันเผาผลาญกำลังภายใน และเปลี่ยนสภาพร่างกายของตัวเองด้วยทักษะต้องห้าม

 

ทันใดนั้นกลิ่นอายที่น่ากลัวก็พวยพุ่งออกมาจากจอมมารชุดคลุมดำ

 

กลิ่นอายนี้เหนือเสียยิ่งกว่าระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสมบูรณ์ด้วยซ้ำ

 

ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน แต่จอมมารชุดดำไม่มีร่องรอยของความสุขบนใบหน้าแม้เพียงนิด

 

ด้วยทักษะลับต้องห้ามนี้ มันเผาผลาญทั้งกายเนื้อและกำลังภายในไปจนสิ้น แม้ว่ามันจะมีชีวิตรอดไปได้ ความแข็งแกร่งของมันย่อมต้องลดลงไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ระดับชั้นอาจจะตกจากระดับชั้นที่หนึ่งไปเลย

 

แต่ตอนนี้จอมมารชุดดำไม่สนใจเรื่องนั้นอีกต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

พลังที่แสนน่าหวาดหวั่นแห่งฟ้าดินก็บดขยี้ลงมา

 

แกร็ก

 

แกร็ก

 

ในทันทีทันใด กระดูกของจอมมารก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

 

“ไม่คาดคิดเลยว่า ข้าที่สังหารผู้คนนับไม่ถ้วนมาทั้งชีวิต ต้องมาตกตายด้วยน้ำมือของผู้อื่น”

 

จอมมารชุดดำพึมพำอยู่กับตนเอง

 

ร่างของเขาแหลกเหลว หลงเหลือไว้เพียง ‘พลังศักดิ์สิทธิ์‘

 

แต่แค่ว่า ‘พลังศักดิ์สิทธิ์‘ ของจอมมารชุดดำนั้นอ่อนด้อยกว่ามารพุทธะมาก แม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เขาก็ยังควบแน่นออกมาได้ไม่สำเร็จ เมื่อสูญเสียร่างกายที่คอยคุ้นกันไป พลังศักดิ์สิทธิ์ก็จะค่อยๆ สลายหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องให้ซูฉินต้องลงแรงด้วยซ้ำ

 

เป็นไปตามคาด

 

เพียงไม่ถึงอึดใจ

 

จิตของจอมมารชุดดำสั่นไหว หดตัว แล้วก็หายไป

 

ผู้คนโดยรอบเงียบกริบ

 

ทุกคนหยุดนิ่ง

 

หากจะบอกว่าในตอนแรกที่จอมมารชุดคลุมดำตะโกนออกมาว่า “ระดับตำนานยุทธ” ผู้คนยังสงสัยกันอยู่

 

แต่เมื่อได้เห็นผู้ที่อยู่เหนือผู้ใดเช่นจอมมารชุดดำไม่แม้แต่จะสามารถขัดขืนได้ แล้วสุดท้ายถูกกำจัดไป

 

ก็ไม่เหลือข้อสงสัยใดอีกในใจของทุกคน

 

ศิษย์ในวัดเส้าหลินและทุกคนจากพรรคมารต่างตกตะลึงพรึงเพริดกับฉากดังกล่าวที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินน้ำตาไหลย้อยลงไปตามใบหน้า ตัวเขาสั่นสะท้านแล้วพูดว่า

 

“เก้าร้อยปีแล้ว”

 

“กว่าเก้าร้อยปี ในที่สุดวัดเส้าหลินของเราก็มีระดับอรหันต์กำเนิดขึ้นเสียที…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+