เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 73 เข้าสู่ระบบ! พระสูตรอมิตาภาบรรพกาล!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 73 เข้าสู่ระบบ! พระสูตรอมิตาภาบรรพกาล! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เรื่องที่จักรพรรดิถังมีอายุมากแล้วไม่ได้เป็นความลับใด

 

หากไม่มีขันทีชุดม่วงอันทรงเกียรติคอยปราม เกรงว่าขณะนี้วังหลวงคงจะเต็มไปด้วยความโกลาหลเสียแล้ว

 

แต่กระนั้นเหล่าองค์ชายก็ยังคงต่อสู้กันอยู่ทั้งที่ลับและที่แจ้ง ทุกคนต่างมีความคิดแตกต่างกัน

 

เหล่าเชื้อพระวงศ์ต่างก็เลือกข้างเดิมพันสนับสนุนองค์ชายสักพระองค์

 

เดิมทีจากสายตาของผู้คนมากมาย จักรพรรดิถังคงจะเลือกองค์ชายสักพระองค์ในวังหลวงที่ทรงสง่าราศีมาแต่งตั้งเป็นรัชทายาท

 

ที่สุดแล้วในบรรดาทายาทหลายคนขององค์จักรพรรดิถัง บางคนก็มีความสามารถไม่น้อย ต่างจากคนอื่นที่เก่งเพียงแต่การดื่มกินเที่ยวเล่น รอคอยความตายไปวันๆ

 

อย่างไรก็ตาม

 

สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดคือในที่สุดองค์จักรพรรดิถังก็เลือก เลือกองค์ชายหลี่เชิงเป็นองค์รัชทายาท?

 

องค์ชายหลี่เชิงเป็นทายาทที่องค์จักรพรรดิถังทรงทิ้งไว้ภายนอกวัง และเพิ่งได้รับการยอมรับให้กลับเข้าวังเมื่อไม่กี่ปีก่อนนี่เอง

 

เหล่าขุนนางและองค์ชายหลายคนรู้เรื่องนี้อยู่บ้างเหมือนกัน เพียงแต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งองค์ชายหลี่เชิงจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาท

 

เนื่องจากรากฐานเบื้องหลังขององค์ชายหลี่เชิงตื้นเขินเกินไป

 

 

ณ วัดเส้าหลิน

 

บางคราซูฉินก็จะใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขากวาดไปรอบๆ วัด และมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาได้ยินศิษย์วัดพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาในรั้วในวัง เรื่องรัชทายาทพระองค์ใหม่แห่งอาณาจักรถัง

 

“โอ้?”

 

“จริงเสียด้วย เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเรียบร้อยแล้ว”

 

ซูฉินแตะปลายคาง ดวงตาของเขาเหม่อลอยครุ่นคิด

 

เมื่อเขาพบเข้ากับหลี่เชิงครั้งแรกที่คฤหาสน์ตระกูลซู เขาก็รู้ได้ว่ามีโชคชะตาบ้านเมืองแห่งอาณาจักรถังอยู่ในตัวชายคนนั้นถึงหนึ่งในสิบส่วน

 

ตัวตนเช่นนี้ตราบใดที่ไม่ตกตายไปเสียก่อน ในอนาคตก็คงเป็นเรื่องของเวลาก่อนที่เขาจะขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์

 

“อาณาจักรถัง…”

 

“เมืองฉางอัน…”

 

หัวใจของซูฉินขยับวูบ

 

อาณาจักรราชวงศ์ถังก่อตั้งมานานถึงห้าร้อยปี แต่เมืองหลวงของอาณาจักรถังซึ่งก็คือฉางอัน เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ที่ผ่านยุคสมัยมากว่าสิบราชวงศ์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี

 

ในเวลาหลายพันปีมานี้รอบนอกของเมืองฉางอันอาจจะถูกบูรณะซ่อมแซมใหม่นับครั้งไม่ถ้วน แต่เมืองหลวงของอาณาจักรไม่เคยแปรเปลี่ยนไป

 

แม้แต่ปราสาทหยกที่ประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดาและพระราชวังที่สูงตระหง่านก็เหมือนเดิม เหมือนกับเมื่อหลายพันปีก่อน

 

อีกนัยหนึ่ง เมืองหลวงฉางอันได้อยู่เคียงคู่การเกิดดับของราชวงศ์นับสิบ ยืนหยัดอยู่บนผืนแผ่นดินเดิมมานับพันปี

 

“เมืองหลวงอันเก่าแก่ยาวนานนับสิบราชวงศ์…”

 

“ ‘เต๋าสะสม‘ นับพันปีที่อยู่ภายในเมืองฉางอัน น่าจะใกล้เคียงกับของวัดเส้าหลิน…”

 

ดวงตาของซูฉินสดใส หัวใจของเขาเต้นถี่รัว

 

แม้ว่าซูฉินจะไม่เคยไปที่เมืองฉางอันมาก่อน แต่เขาก็เดาได้ว่า ‘เต๋าสะสม‘ ภายในเมืองคงสะสมมายาวนานหลายพันปี

 

คงจะมากพอให้ซูฉินลงชื่อเข้าใช้ได้เป็นเวลานาน

 

“เมื่อ ‘เต๋าสะสม‘ ของวัดเส้าหลินหมดลง ถึงเวลาแล้วที่จะไปยังเมืองฉางอัน”

 

ความคิดของซูฉินพลิกตลบ

 

“เมื่อพูดถึงการลงชื่อเข้าใช้ สิทธิ์ในการลงชื่อของวันนี้ก็ยังไม่ได้ใช้เลยนี่นา”

 

ทันทีที่ซูฉินคิดออก ร่างเขาก็หายวับไปและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ด้านนอกศาลาพระคัมภีร์

 

“ในช่วงหลายสิบครั้งที่ผ่านมา ข้าลงชื่อเข้าใช้ที่ลานโพธิ์จนมีโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำอยู่มากพอสมควรแล้ว วันนี้ข้าจะลงชื่อเข้าใช้ที่ศาลาพระคัมภีร์แทน”

 

ซูฉินพูดกับตนเองในใจ

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับ ‘พระสูตรอมิตาภาบรรพกาล‘]

 

เสียงจักรกลเย็นยะเยือกดังก้องอยู่ภายในหูของซูฉิน

 

“พระสูตรอมิตาภาบรรพกาล?”

 

สีหน้าของซูฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

พระสูตรอมิตาภาบรรพกาลเป็นหนึ่งในคัมภีร์ระดับสูงที่สุดของวิทยายุทธทางสายพุทธ

 

ระดับนั้นสูงส่งมาก แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบเท่าฝ่ามือยูไล แต่เกรงว่ามันจะไม่ห่างไกลกันมากนัก

 

กล่าวเพียงแค่ในประวัติศาสตร์ของวัดเส้าหลินกว่าพันปีและแม้แต่ ‘ปรมาจารย์โพธิธรรม‘ ที่เชี่ยวชาญศาสตร์วิชาหลายแขนงก็ยังไม่เข้าใจในพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลเลย นับประสาอะไรกับคนอื่นๆ

 

ราวกับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลไม่ได้มีไว้ให้ปุถุชนได้เรียนรู้

 

ซูฉินเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าการลงชื่อครั้งนี้ของเขาจะได้รับสุดยอดคัมภีร์เช่นนี้มา

 

“คราวนี้ได้กำไรมาเต็มๆ”

 

ซูฉินมีความสุขมากเห็นได้จากรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา จากนั้นจึงหันหลังกลับไปที่เขตหวงห้ามภูเขาด้านหลัง

 

สำหรับคนอื่นๆ แม้ว่าจะได้รับต้นฉบับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลไปก็ไม่มีประโยชน์ใด

 

เพราะยังไงก็คงไม่สามารถเข้าใจความละเอียดอ่อนของเนื้อหาภายในได้

 

ดังนั้นในสายตาของคนส่วนใหญ่ จึงเห็นว่าพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลไม่ได้ใช้งานง่ายเหมือนกับหมัดอรหันต์

 

อย่างน้อยๆ หากศึกษาหมัดอรหันต์อย่างเพียรพยายาม แม้แต่คนธรรมดาก็ยังสามารถเข้าใจหลักการของมันได้ภายในไม่กี่เดือน

 

แต่กับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลนั้น?

 

ไม่ว่าจะมีความสามารถแค่ไหน ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ถ้าหากไม่เข้าใจ จะเอาไปใช้งานได้เยี่ยงไร?

 

แต่ซูฉินแตกต่างจากผู้อื่น

 

ไม่ว่าทักษะมหัศจรรย์ใดที่ได้รับมาจากระบบ จะถูกปลูกฝังเข้าไปในจิต และจะเชี่ยวชาญศาสตร์นั้นได้โดยอัตโนมัติ

 

ความยากของพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลคือการไม่สามารถแม้แต่จะก้าวข้ามประตูด่านแรกในการศึกษาได้เลยด้วยซ้ำ

 

หรือกล่าวได้ว่า ส่วนที่ยากที่สุดในพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลคือส่วนที่ง่ายที่สุดในสายตาของซูฉิน

 

ตอนที่ซูฉินกำลังคิดถึงเรื่องนี้

 

ข้อมูลอันลึกซึ้งเกี่ยวกับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลก็ถาโถมเข้ามาในจิตของซูฉิน

 

ภาพทุกอย่างสับสนวิงเวียนไปหมด ในส่วนลึกของจิตใจซูฉินได้กลั่นตัวออกมาเป็นยูไลองค์ใหญ่ที่อยู่ในห้วงอดีต กำลังจ้องมองมาที่ปัจจุบันขณะและมองต่อไปยังอนาคต

 

ตูม!!!

 

จิตวิญญาณของซูฉินสั่นสะเทือน ตกใจจนลืมตาตื่นขึ้นมาในทันที

 

“พระสูตรอมิตาภาบรรพกาลสมควรแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในวิทยายุทธระดับสูงสุดของสายพุทธ”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย แม้แต่ขอบเขตอรหันต์เช่นเขาก็อดไม่ได้ที่จะนั่งจมอยู่ในความคิด ใคร่ครวญถึงพระสูตรอมิตาภาบรรพกาล

 

“พระสูตรอมิตาภาบรรพกาลเป็นกลวิธีบ่มเพาะจิตวิญญาณที่ใช้แก่นแท้แห่งพลังในการขับเคลื่อน”

 

เมื่อความคิดของซูฉินเคลื่อนไป แก่นแท้แห่งพลังในกายของเขาก็เริ่มไหลเวียนโคจรอย่างต่อเนื่องไปตามเส้นทางการโคจรพิเศษเฉพาะ

 

ก่อนที่จะได้รับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาล ที่ผ่านมาซูฉินควบคุมจิตวิญญาณของตนด้วย‘วิชาบ่มเพาะอรหันต์ชั้นยอด‘

 

‘วิชาบ่มเพาะอรหันต์ชั้นยอด‘ เป็นกลวิธีบ่มเพาะจิตวิญญาณระดับอรหันต์ซึ่งสามารถเร่งความเร็วในการบ่มเพาะได้ดีทีเดียว ช่วยเพิ่มการรับรู้และควบคุมพลังฟ้าดิน

 

นับได้ว่าวิชาบ่มเพาะอรหันต์ชั้นยอดเป็นกลวิธีบ่มเพาะจิตวิญญาณในระดับอรหันต์ที่ยอดเยี่ยมวิธีหนึ่ง

 

แต่ในขณะนี้หลังจากที่ได้รับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลซึ่งเหนือกว่าวิชาบ่มเพาะอรหันต์ชั้นยอดไปมาก ซูฉินก็เปลี่ยนมาบ่มเพาะวิชาใหม่แทนวิชาบ่มเพาะอรหันต์ชั้นยอดโดยไม่มีความลังเลเลย

 

หวู่!

 

ชี่!

 

ซูฉินนั่งลงขัดสมาธิ แก่นแท้แห่งพลังไหลเวียนไปตามแนวทางของพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลอย่างรวดเร็ว

 

ฟู่ว

 

ระหว่างดำเนินการบ่มเพาะพระสูตรอมิตาภาบรรพกาล ทั่วพื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลังก็เกิดลมพายุก่อตัวจากพลังฟ้าดินขนาดใหญ่กว่าปกตินับสิบเท่า วิ่งวนรวมกันเป็นทรงกรวยขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่ร่างของซูฉินอย่างบ้าคลั่ง

 

เวลาผ่านเลยไป

 

ลมพายุจากพลังฟ้าดินยังคงรวมตัวกันที่เขตหวงห้ามภูเขาด้านหลัง ไม่เพียงไม่สลายหายไป แต่กลับกระจายพื้นที่สูบพลังฟ้าดินจากทั่ววัดเส้าหลิน

 

ไม่นานจากนั้น

 

ท้องฟ้าเหนือวัดเส้าหลินก็เหมือนถูกพายุเข้าปกคลุม

 

“นั่นมันอะไรกัน?”

 

ศิษย์วัดเส้าหลินหลายคนเงยหน้าขึ้นมองอย่างตื่นตะลึง

 

ขณะนั้นพวกเขากำลังทำกิจธุระของตนอยู่ บ้างฝึกฝน บ้างทำงาน พวกเขาไม่คาดคิดว่าสภาพอากาศจะผันแปรไปอย่างรุนแรงแบบนี้ พลังฉีฟ้าดินมารวมตัวกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดคลุมไปทั่วทุกพื้นที่

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและเหล่าหัวหน้าตำหนักรีบมารวมตัวกัน

 

“พลังฉีฟ้าดินมารวมตัวกันราวกับเมฆฝนเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเหล่าอรหันต์สำเร็จความก้าวหน้าในการบ่มเพาะ…”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 

หัวหน้าตำหนักมองหน้ากันต่างพากันกลืนน้ำลายลงคอทีละคนสองคน

 

ในสายตาของพวกเขาผู้ทรงสมณศักดิ์อันสูงส่งเปรียบเสมือนเทพเจ้าที่ยืนอยู่เหนือโลกหล้า พวกเขานึกไม่ออกเลยว่าหากผู้ทรงสมณศักดิ์ฯ ยังคงทะลวงขั้นต่อไปมันจะเป็นเยี่ยงไร?

 

 

พื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลัง

 

ซูฉินที่นั่งขัดสมาธิอยู่ ได้เปิดเปลือกตาขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 73 เข้าสู่ระบบ! พระสูตรอมิตาภาบรรพกาล!

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 73 เข้าสู่ระบบ! พระสูตรอมิตาภาบรรพกาล! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เรื่องที่จักรพรรดิถังมีอายุมากแล้วไม่ได้เป็นความลับใด

 

หากไม่มีขันทีชุดม่วงอันทรงเกียรติคอยปราม เกรงว่าขณะนี้วังหลวงคงจะเต็มไปด้วยความโกลาหลเสียแล้ว

 

แต่กระนั้นเหล่าองค์ชายก็ยังคงต่อสู้กันอยู่ทั้งที่ลับและที่แจ้ง ทุกคนต่างมีความคิดแตกต่างกัน

 

เหล่าเชื้อพระวงศ์ต่างก็เลือกข้างเดิมพันสนับสนุนองค์ชายสักพระองค์

 

เดิมทีจากสายตาของผู้คนมากมาย จักรพรรดิถังคงจะเลือกองค์ชายสักพระองค์ในวังหลวงที่ทรงสง่าราศีมาแต่งตั้งเป็นรัชทายาท

 

ที่สุดแล้วในบรรดาทายาทหลายคนขององค์จักรพรรดิถัง บางคนก็มีความสามารถไม่น้อย ต่างจากคนอื่นที่เก่งเพียงแต่การดื่มกินเที่ยวเล่น รอคอยความตายไปวันๆ

 

อย่างไรก็ตาม

 

สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดคือในที่สุดองค์จักรพรรดิถังก็เลือก เลือกองค์ชายหลี่เชิงเป็นองค์รัชทายาท?

 

องค์ชายหลี่เชิงเป็นทายาทที่องค์จักรพรรดิถังทรงทิ้งไว้ภายนอกวัง และเพิ่งได้รับการยอมรับให้กลับเข้าวังเมื่อไม่กี่ปีก่อนนี่เอง

 

เหล่าขุนนางและองค์ชายหลายคนรู้เรื่องนี้อยู่บ้างเหมือนกัน เพียงแต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งองค์ชายหลี่เชิงจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาท

 

เนื่องจากรากฐานเบื้องหลังขององค์ชายหลี่เชิงตื้นเขินเกินไป

 

 

ณ วัดเส้าหลิน

 

บางคราซูฉินก็จะใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขากวาดไปรอบๆ วัด และมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาได้ยินศิษย์วัดพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาในรั้วในวัง เรื่องรัชทายาทพระองค์ใหม่แห่งอาณาจักรถัง

 

“โอ้?”

 

“จริงเสียด้วย เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเรียบร้อยแล้ว”

 

ซูฉินแตะปลายคาง ดวงตาของเขาเหม่อลอยครุ่นคิด

 

เมื่อเขาพบเข้ากับหลี่เชิงครั้งแรกที่คฤหาสน์ตระกูลซู เขาก็รู้ได้ว่ามีโชคชะตาบ้านเมืองแห่งอาณาจักรถังอยู่ในตัวชายคนนั้นถึงหนึ่งในสิบส่วน

 

ตัวตนเช่นนี้ตราบใดที่ไม่ตกตายไปเสียก่อน ในอนาคตก็คงเป็นเรื่องของเวลาก่อนที่เขาจะขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์

 

“อาณาจักรถัง…”

 

“เมืองฉางอัน…”

 

หัวใจของซูฉินขยับวูบ

 

อาณาจักรราชวงศ์ถังก่อตั้งมานานถึงห้าร้อยปี แต่เมืองหลวงของอาณาจักรถังซึ่งก็คือฉางอัน เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ที่ผ่านยุคสมัยมากว่าสิบราชวงศ์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี

 

ในเวลาหลายพันปีมานี้รอบนอกของเมืองฉางอันอาจจะถูกบูรณะซ่อมแซมใหม่นับครั้งไม่ถ้วน แต่เมืองหลวงของอาณาจักรไม่เคยแปรเปลี่ยนไป

 

แม้แต่ปราสาทหยกที่ประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดาและพระราชวังที่สูงตระหง่านก็เหมือนเดิม เหมือนกับเมื่อหลายพันปีก่อน

 

อีกนัยหนึ่ง เมืองหลวงฉางอันได้อยู่เคียงคู่การเกิดดับของราชวงศ์นับสิบ ยืนหยัดอยู่บนผืนแผ่นดินเดิมมานับพันปี

 

“เมืองหลวงอันเก่าแก่ยาวนานนับสิบราชวงศ์…”

 

“ ‘เต๋าสะสม‘ นับพันปีที่อยู่ภายในเมืองฉางอัน น่าจะใกล้เคียงกับของวัดเส้าหลิน…”

 

ดวงตาของซูฉินสดใส หัวใจของเขาเต้นถี่รัว

 

แม้ว่าซูฉินจะไม่เคยไปที่เมืองฉางอันมาก่อน แต่เขาก็เดาได้ว่า ‘เต๋าสะสม‘ ภายในเมืองคงสะสมมายาวนานหลายพันปี

 

คงจะมากพอให้ซูฉินลงชื่อเข้าใช้ได้เป็นเวลานาน

 

“เมื่อ ‘เต๋าสะสม‘ ของวัดเส้าหลินหมดลง ถึงเวลาแล้วที่จะไปยังเมืองฉางอัน”

 

ความคิดของซูฉินพลิกตลบ

 

“เมื่อพูดถึงการลงชื่อเข้าใช้ สิทธิ์ในการลงชื่อของวันนี้ก็ยังไม่ได้ใช้เลยนี่นา”

 

ทันทีที่ซูฉินคิดออก ร่างเขาก็หายวับไปและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ด้านนอกศาลาพระคัมภีร์

 

“ในช่วงหลายสิบครั้งที่ผ่านมา ข้าลงชื่อเข้าใช้ที่ลานโพธิ์จนมีโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำอยู่มากพอสมควรแล้ว วันนี้ข้าจะลงชื่อเข้าใช้ที่ศาลาพระคัมภีร์แทน”

 

ซูฉินพูดกับตนเองในใจ

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับ ‘พระสูตรอมิตาภาบรรพกาล‘]

 

เสียงจักรกลเย็นยะเยือกดังก้องอยู่ภายในหูของซูฉิน

 

“พระสูตรอมิตาภาบรรพกาล?”

 

สีหน้าของซูฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

พระสูตรอมิตาภาบรรพกาลเป็นหนึ่งในคัมภีร์ระดับสูงที่สุดของวิทยายุทธทางสายพุทธ

 

ระดับนั้นสูงส่งมาก แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบเท่าฝ่ามือยูไล แต่เกรงว่ามันจะไม่ห่างไกลกันมากนัก

 

กล่าวเพียงแค่ในประวัติศาสตร์ของวัดเส้าหลินกว่าพันปีและแม้แต่ ‘ปรมาจารย์โพธิธรรม‘ ที่เชี่ยวชาญศาสตร์วิชาหลายแขนงก็ยังไม่เข้าใจในพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลเลย นับประสาอะไรกับคนอื่นๆ

 

ราวกับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลไม่ได้มีไว้ให้ปุถุชนได้เรียนรู้

 

ซูฉินเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าการลงชื่อครั้งนี้ของเขาจะได้รับสุดยอดคัมภีร์เช่นนี้มา

 

“คราวนี้ได้กำไรมาเต็มๆ”

 

ซูฉินมีความสุขมากเห็นได้จากรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา จากนั้นจึงหันหลังกลับไปที่เขตหวงห้ามภูเขาด้านหลัง

 

สำหรับคนอื่นๆ แม้ว่าจะได้รับต้นฉบับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลไปก็ไม่มีประโยชน์ใด

 

เพราะยังไงก็คงไม่สามารถเข้าใจความละเอียดอ่อนของเนื้อหาภายในได้

 

ดังนั้นในสายตาของคนส่วนใหญ่ จึงเห็นว่าพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลไม่ได้ใช้งานง่ายเหมือนกับหมัดอรหันต์

 

อย่างน้อยๆ หากศึกษาหมัดอรหันต์อย่างเพียรพยายาม แม้แต่คนธรรมดาก็ยังสามารถเข้าใจหลักการของมันได้ภายในไม่กี่เดือน

 

แต่กับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลนั้น?

 

ไม่ว่าจะมีความสามารถแค่ไหน ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ถ้าหากไม่เข้าใจ จะเอาไปใช้งานได้เยี่ยงไร?

 

แต่ซูฉินแตกต่างจากผู้อื่น

 

ไม่ว่าทักษะมหัศจรรย์ใดที่ได้รับมาจากระบบ จะถูกปลูกฝังเข้าไปในจิต และจะเชี่ยวชาญศาสตร์นั้นได้โดยอัตโนมัติ

 

ความยากของพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลคือการไม่สามารถแม้แต่จะก้าวข้ามประตูด่านแรกในการศึกษาได้เลยด้วยซ้ำ

 

หรือกล่าวได้ว่า ส่วนที่ยากที่สุดในพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลคือส่วนที่ง่ายที่สุดในสายตาของซูฉิน

 

ตอนที่ซูฉินกำลังคิดถึงเรื่องนี้

 

ข้อมูลอันลึกซึ้งเกี่ยวกับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลก็ถาโถมเข้ามาในจิตของซูฉิน

 

ภาพทุกอย่างสับสนวิงเวียนไปหมด ในส่วนลึกของจิตใจซูฉินได้กลั่นตัวออกมาเป็นยูไลองค์ใหญ่ที่อยู่ในห้วงอดีต กำลังจ้องมองมาที่ปัจจุบันขณะและมองต่อไปยังอนาคต

 

ตูม!!!

 

จิตวิญญาณของซูฉินสั่นสะเทือน ตกใจจนลืมตาตื่นขึ้นมาในทันที

 

“พระสูตรอมิตาภาบรรพกาลสมควรแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในวิทยายุทธระดับสูงสุดของสายพุทธ”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย แม้แต่ขอบเขตอรหันต์เช่นเขาก็อดไม่ได้ที่จะนั่งจมอยู่ในความคิด ใคร่ครวญถึงพระสูตรอมิตาภาบรรพกาล

 

“พระสูตรอมิตาภาบรรพกาลเป็นกลวิธีบ่มเพาะจิตวิญญาณที่ใช้แก่นแท้แห่งพลังในการขับเคลื่อน”

 

เมื่อความคิดของซูฉินเคลื่อนไป แก่นแท้แห่งพลังในกายของเขาก็เริ่มไหลเวียนโคจรอย่างต่อเนื่องไปตามเส้นทางการโคจรพิเศษเฉพาะ

 

ก่อนที่จะได้รับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาล ที่ผ่านมาซูฉินควบคุมจิตวิญญาณของตนด้วย‘วิชาบ่มเพาะอรหันต์ชั้นยอด‘

 

‘วิชาบ่มเพาะอรหันต์ชั้นยอด‘ เป็นกลวิธีบ่มเพาะจิตวิญญาณระดับอรหันต์ซึ่งสามารถเร่งความเร็วในการบ่มเพาะได้ดีทีเดียว ช่วยเพิ่มการรับรู้และควบคุมพลังฟ้าดิน

 

นับได้ว่าวิชาบ่มเพาะอรหันต์ชั้นยอดเป็นกลวิธีบ่มเพาะจิตวิญญาณในระดับอรหันต์ที่ยอดเยี่ยมวิธีหนึ่ง

 

แต่ในขณะนี้หลังจากที่ได้รับพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลซึ่งเหนือกว่าวิชาบ่มเพาะอรหันต์ชั้นยอดไปมาก ซูฉินก็เปลี่ยนมาบ่มเพาะวิชาใหม่แทนวิชาบ่มเพาะอรหันต์ชั้นยอดโดยไม่มีความลังเลเลย

 

หวู่!

 

ชี่!

 

ซูฉินนั่งลงขัดสมาธิ แก่นแท้แห่งพลังไหลเวียนไปตามแนวทางของพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลอย่างรวดเร็ว

 

ฟู่ว

 

ระหว่างดำเนินการบ่มเพาะพระสูตรอมิตาภาบรรพกาล ทั่วพื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลังก็เกิดลมพายุก่อตัวจากพลังฟ้าดินขนาดใหญ่กว่าปกตินับสิบเท่า วิ่งวนรวมกันเป็นทรงกรวยขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่ร่างของซูฉินอย่างบ้าคลั่ง

 

เวลาผ่านเลยไป

 

ลมพายุจากพลังฟ้าดินยังคงรวมตัวกันที่เขตหวงห้ามภูเขาด้านหลัง ไม่เพียงไม่สลายหายไป แต่กลับกระจายพื้นที่สูบพลังฟ้าดินจากทั่ววัดเส้าหลิน

 

ไม่นานจากนั้น

 

ท้องฟ้าเหนือวัดเส้าหลินก็เหมือนถูกพายุเข้าปกคลุม

 

“นั่นมันอะไรกัน?”

 

ศิษย์วัดเส้าหลินหลายคนเงยหน้าขึ้นมองอย่างตื่นตะลึง

 

ขณะนั้นพวกเขากำลังทำกิจธุระของตนอยู่ บ้างฝึกฝน บ้างทำงาน พวกเขาไม่คาดคิดว่าสภาพอากาศจะผันแปรไปอย่างรุนแรงแบบนี้ พลังฉีฟ้าดินมารวมตัวกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดคลุมไปทั่วทุกพื้นที่

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและเหล่าหัวหน้าตำหนักรีบมารวมตัวกัน

 

“พลังฉีฟ้าดินมารวมตัวกันราวกับเมฆฝนเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเหล่าอรหันต์สำเร็จความก้าวหน้าในการบ่มเพาะ…”

 

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 

หัวหน้าตำหนักมองหน้ากันต่างพากันกลืนน้ำลายลงคอทีละคนสองคน

 

ในสายตาของพวกเขาผู้ทรงสมณศักดิ์อันสูงส่งเปรียบเสมือนเทพเจ้าที่ยืนอยู่เหนือโลกหล้า พวกเขานึกไม่ออกเลยว่าหากผู้ทรงสมณศักดิ์ฯ ยังคงทะลวงขั้นต่อไปมันจะเป็นเยี่ยงไร?

 

 

พื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลัง

 

ซูฉินที่นั่งขัดสมาธิอยู่ ได้เปิดเปลือกตาขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+