เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 83 หนึ่งคมดาบไม้ ห่างไกลพันลี้ เชือดเฉือนชีวียอดปรมาจารย์

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 83 หนึ่งคมดาบไม้ ห่างไกลพันลี้ เชือดเฉือนชีวียอดปรมาจารย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 83 หนึ่งคมดาบไม้ ห่างไกลพันลี้ เชือดเฉือนชีวียอดปรมาจารย์

 

 

วันต่อมา

 

เฉียนขู่เดินผ่านถิ่นทุรกันดารไปพร้อมๆ กับสาวกนิกายอื่นและหยุดพักที่ด้านหน้าบ้านพักแห่งหนึ่ง

 

“เข้าไปพักด้านในกันก่อนเถิด”

 

มีบางคนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแนะ

 

พวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกยุทธในขอบเขตสามระดับกลางและระดับชั้นที่สาม แม้พวกเขาจะมีกำลังภายในคอยคุ้มกันอยู่ แต่ยังไงพวกเขาก็จำเป็นต้องพักผ่อน

 

“ได้เลย”

 

จางเซียวมองไปทางบ้านพักและพยักหน้าเห็นด้วย หลังจากแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติ

 

“รอก่อน”

 

ในเวลานั้นเอง จู่ๆ เฉียนขู่ก็พูดขึ้น

 

“เราไม่ควรพักที่นี่”

 

เฉียนขู่เงียบไปชั่วขณะและกล่าวขึ้น

 

ตอนที่เฉียนขู่กำลังมองดูบ้านพักแห่งนี้ก็พลันรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้

 

แม้ว่าเฉียนขู่จะไม่รู้ว่าเหตุอะไรจะเกิดขึ้น แต่เขาตระหนักขึ้นมาได้เพราะดวงใจพุทธะสั่นเตือน

 

“ไม่ควรพักที่นี่?”

 

จางเซียวผงะไปครู่หนึ่งแล้วมองไปยังเฉียนขู่ เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

 

“ข้าก็มิทราบเช่นกัน แต่รู้สึกว่าบ้านพักแห่งนี้อันตรายอย่างมาก”

 

เฉียนขู่ส่ายหัวพร้อมอธิบาย

 

สำหรับคำเตือนจากดวงใจพุทธะมันลึกลับซับซ้อนจนไม่รู้อธิบายอย่างไร จึงได้แต่บอกว่าเป็นความรู้สึกส่วนตัว

 

“อันตราย?”

 

จางเซียวมองกลับไปที่บ้านพักหลังนั้นอีกครั้ง

 

“เมื่อเป็นเช่นนั้น”

 

“ก็อย่าเพิ่งพักที่นี่เลย ไปต่อกันเถอะ”

 

จางเซียวขบคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดออกมา

 

คนอื่นๆ ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่พอใจเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร

 

สำหรับผู้ฝึกยุทธอย่างพวกเขา แม้ว่าจะเหนื่อยแต่ก็ประคองตัวต่อไปไหว

 

อย่างไรก็ตาม

 

เมื่อเฉียนขู่และคนอื่นๆ กำลังจะจากไป

 

ทันใดนั้นเสียงที่ฟังดูมืดมนก็ดังขึ้น

 

“เฮ่เฮ่ เมื่อพวกเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว คิดจะจากไปนี่ถามข้าหรือยังเล่า?”

 

เห็นเป็นชายคนหนึ่งที่มีจมูกงุ้มเหมือนกับนกอินทรีเดินเข้ามาอย่างช้าๆ

 

ในขณะที่ชายจมูกงุ้มปรากฏตัวขึ้น กลุ่มคนในชุดดำก็เข้ามาล้อมกลุ่มของเฉียนขู่อย่างเงียบเชียบ

 

“มีปัญหาแล้ว”

 

จางเซียวกล่าวอย่างเคร่งขรึม

 

มาถึงตอนนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ตัวว่ากลุ่มของเขาตกหลุมพรางของพวกมันเข้าให้แล้ว

 

“ขอบังอาจถามว่าท่านคือใคร?”

 

“ส่วนตัวข้าเป็นศิษย์ของนักพรตจางแห่งเขาหวู่ตั้ง…”

 

ชายจมูกนกอินทรีที่อยู่ไม่ไกลนั้นทำให้จางเซียวรู้สึกอันตราย

 

แม้จางเซียวจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของชายที่มีจมูกเหมือนนกอินทรี แต่ก็เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าเขามาก

 

ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ จางเซียวไม่คิดที่จะท้าทายหรือกระทำการใดๆ และรีบแจ้งชื่อเสียงเรียงนามก่อนสิ่งอื่นใด

 

เมื่อคนอื่นได้ยินเช่นนั้นก็โล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย

 

ในความเห็นของพวกเขา นักพรตจางแห่งเขาหวู่ตั้งนั้นทรงพลัง และเมื่อฝ่ายตรงข้ามรู้ว่ากลุ่มของพวกเขาเกี่ยวข้องกับนักพรตจาง จะต้องยอมปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน

 

เพียงเท่านั้น

 

เมื่อได้ยินสามพยางค์ที่ว่า นักพรตจาง ชายจมูกงุ้มไม่เพียงไม่แสดงอาการหวาดกลัว แต่กลับหัวเราะอย่างมีความสุข

 

“นักพรตจาง?”

 

“เป้าหมายการสังหารก็คือศิษย์ของนักพรตจางนี่แหละ!”

 

ชายจมูกงุ้มหัวเราะอย่างดุร้าย “พวกเรา จัดการมันให้หมด!”

 

ทันใดนั้น

 

คนชุดดำหลายสิบคนก็รีบกรูกันเข้ามาโดยไม่มีท่าทีลังเล

 

นักพรตเฒ่าคนหนึ่งที่สวมชุดนักพรตทางเต๋าก็โผล่ออกมาแล้วคว้าไหล่ของจางเซียวไว้ พยายามจะพาหลบหนี

 

“อาจารย์อา?”

 

“ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”

 

เมื่อจางเซียวเห็นนักพรตเฒ่า เขาก็ผงะไปเล็กน้อย รู้สึกดีใจมาก

 

นักพรตเฒ่าคืออาจารย์อาของเขาซึ่งเป็นปรมาจารย์ระดับชั้นที่สองแห่งเขาหวู่ตั้ง

 

จางเซียวไม่คิดว่าจะพบอาจารย์อาของเขาที่นี่

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“นานมาแล้วที่ข้าไม่ได้พบเจ้า!”

 

ชายที่มีจมูกงุ้มเหมือนนกอินทรียิ้มเยาะ มันยกมือขวาและกดมือลงไปทางนักพรตเฒ่า

 

ฟู่ม!!

 

แรงระเบิดพุ่งฝ่าอากาศเข้าใส่นักพรตเฒ่าอย่างแผ่วเบา

 

ปึง!!

 

นักพรตเฒ่าหน้าแดงเถือก อาเจียนออกมาเป็นเลือด ต้องก้าวถอยหลังไปจนเกือบจะล้มลงกับพื้น

 

“เจ้าน่าจะเป็นผู้พิทักษ์ของจางเซียวสินะ?”

 

ชายจมูกนกมองไปที่นักพรตเฒ่าแล้วกล่าวคำช้าๆ

 

ฐานะอย่างจางเซียวจะไม่มีใครคอยคุ้มกันเขาได้อย่างไรเมื่อออกท่องยุทธภพ

 

เหตุผลที่ชายจมูกงุ้มไม่ลงมือแต่แรกเป็นเพราะต้องการรอให้คนเหล่านี้ออกมา

 

“คนอื่นๆ จงออกมาให้หมดเถอะ”

 

ชายจมูกนกหันไปมองคนอื่นๆ

 

“เฮ่”

 

“ข้าสงสัยยิ่งนักว่ายอดฝีมือท่านนี้คือใคร?”

 

“ถ้าจำไม่ผิด เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมิใช่หรือ?”

 

คนจำนวนหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากมุมอับทีละคน มองไปที่ชายจมูกงุ้มแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

 

“แน่นอนว่าย่อมมิรู้จัก”

 

ปรากฏร่องรอยความเย็นชาฉายวาบบนใบหน้าของชายจมูกงุ้ม “แต่ในเมื่อพวกเจ้าอยู่กันเสียที่นี่แล้ว ก็จงตายกันไปเสียเถอะ”

 

ทันใดนั้นเอง

 

กลิ่นอายของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งก็ปะทุออกอย่างรุนแรง

 

เหล่าจอมยุทธในสามระดับบนที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมอับเพื่อคอยปกป้องเหล่าศิษย์ของตนเอง ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีและถูกซัดกระเด็นลงไปกระแทกกับพื้น

 

“หึ ทนไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว”

 

ชายจมูกนกยิ้มอย่างดูถูก

 

ด้วยความแข็งแกร่งของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งของมัน การกำราบผู้พิทักษ์พวกนี้ทำได้ง่ายเหมือนกระดกน้ำเคี้ยวอาหาร

 

เหล่าศิษย์สำนักต่างๆ เมื่อเห็นฉากดังกล่าวก็พลันหนาวยะเยือกตั้งแต่มือลามไปจนถึงเท้า

 

พวกเขาไม่คิดฝันมาก่อนว่าผู้อาวุโสในสำนักของตนจะไม่สามารถทนการโจมตีของชายจมูกงุ้มได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว

 

“พวกเจ้ารีบไปเถอะ”

 

“จงวิ่งไปให้ไกลที่สุด ทำได้หรือไม่?”

 

ในขณะนั้นเองนักพรตเฒ่าจากเขาหวู่ตั้งตะโกนดังก้อง

 

คำพูดที่กล่าวออก

 

ทำให้ทุกคนฟื้นสติ

 

ถูกต้อง

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ไม่ใช้การนิ่งเฉยรอคอย แต่ต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอด

 

“วิ่ง?”

 

แววถากถางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายจมูกงุ้ม

 

ศิษย์เหล่านี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตสามระดับบนด้วยซ้ำ จะรอดพ้นเงื้อมมือของยอดปรมาจารย์เช่นเขาจริงๆ น่ะหรือ?

 

“ไปกันเร็ว”

 

จางเซียวถอยกลับไปอยู่ด้านข้างของเฉียนขู่ แล้วแอบกระซิบผ่านสายลมอย่างรวดเร็วว่า “ท่านอาจารย์อาของข้าบอกมาว่าเขาจะเปิดใช้ทักษะลับหลังจากนี้ และจะสกัดผู้คนไว้ได้สักพัก เราต้องใช้โอกาสนี้เพื่อหลบหนี”

 

“หลังจากนี้พวกเราต้องวิ่งไปพร้อมกัน”

 

หลิ่วหรูเหมยตัวสั่นพร้อมกับกล่าวคำ

 

เธอมีชาติกำเนิดที่สูงส่ง ตั้งแต่เด็กจนตอนนี้เธอไม่เคยต้องหวาดกลัวเท่าครั้งนี้มาก่อน ยังดีที่เธอยังพอจะหยัดยืนอยู่ได้ในตอนนี้

 

“อืม”

 

เฉียนขู่พยักหน้า

 

ในตอนนี้แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะวิกฤติ แต่เฉียนขู่ก็สงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

เมื่อสิ้นเสียงของเฉียนขู่

 

นักพรตเฒ่าผู้มากประสบการณ์จากเข้าหวู่ตั้งที่อยู่อีกด้านก็ทะยานเข้าหาชายจมูกงุ้ม

 

“ทักษะลับต้องห้าม?”

 

ชายจมูกนกส่ายหัวก้าวไปหานักพรตเฒ่าตรงๆ แล้วตบฝ่ามือเข้าใส่อย่างกะทันหัน

 

ตูม!!

 

ทันใดนั้นใบหน้าของนักพรตเฒ่าก็ซีดขาวราวกับกระดาษ ล้มฟาดลงกับพื้น ลมหายใจรวยริน

 

“นี่…”

 

ใบหน้าของจางเซียวบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด และหลิ่วหรูเหมยที่อยู่ด้านข้างก็ขาสั่นด้วยความตกใจ

 

พวกเขาไม่คาดคิดว่าขนาดนักพรตเฒ่าอุตส่าห์ใช้ทักษะลับต้องห้ามก็ยังจะเปราะบางเช่นนี้อยู่อีก

 

“ข้าจะไม่เล่นกับพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว”

 

ชายจมูกงุ้มผู้นั้นเหมือนจะหมดความอดทน มันยื่นมือขวาออกไปคว้าจับตัวของจางเซียวเอาไว้

 

“ไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าจะไม่ได้ตายง่ายๆ แน่”

 

“ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสความทรมานอย่างสุดแสนก่อนที่จะส่งแกไปลงนรก”

 

ชายจมูกนกมองไปที่จางเซียวอย่างอาฆาตมาดร้าย

 

“มันจบแล้ว”

 

สีหน้าของจางเซียวซีดเทาราวกับคนตาย ขณะนี้ทั้งร่างของเขาถูกจับกุมไว้โดยชายจมูกงุ้ม ไม่สามารถฆ่าตัวตายได้

 

“ส่วนพวกเจ้า…”

 

“ข้าไม่ได้แค้นเคืองอะไรกับพวกเข้า เพียงแต่เจ้าได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น…”

 

ชายจมูกงุ้มเหมือนนกอินทรีหันมามองเฉียนขู่ และคนอื่นๆ เขายกมือซ้ายขึ้น กำลังภายในที่น่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมา มันต้องการจะจัดการกลุ่มของเฉียนขู่ให้กลายเป็นเนื้อบดด้วยฝ่ามือของมัน

 

“ทำเช่นไรดี”

 

ศิษย์คนอื่นๆ เสียขวัญไปแล้ว จิตใจสับสนรวนเรกันไปหมด

 

แม้แต่จอมยุทธอาวุโสในขอบเขตสามระดับบนยังนอนทอดร่างอยู่ที่นี่ นับประสาอะไรกับศิษย์อย่างพวกเขา?

 

หลิ่วหรูเหมยหน้าซีดเช่นกัน นางซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเฉียนขู่อย่างนิ่งงัน ท่าทางหวาดกลัว หลับตารอคอยความตาย

 

“เณรน้อยเฉียนขู่ ข้าไม่คิดฝันเลยว่าจะต้องมาตายไปพร้อมกับเจ้า”

 

หลิ่วหรูเหมยพึมพำกับตนเอง

 

เมื่อความตายย่างกรายเข้ามา หลิ่วหรูเหมยกลับรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา

 

“นะโมอมิตาพุทธ”

 

“หากข้ามิก้าวสู่นรก ผู้ใดเล่าจะก้าวลงนรก”

 

เฉียนขู่ก้าวเท้าไปด้านหน้าแล้วพุ่งเข้าหาชายที่มีจมูกงองุ้ม

 

แม้ว่าเฉียนขู่จะรู้ว่าเขาจะต้องตาย แต่ระหว่างจำยอมตายกับเข้าต่อต้านแล้วตาย เขาย่อมเลือกอย่างหลัง

 

“เจ้าโล้นตัวน้อยนี่ช่างมีความกล้าหาญนัก”

 

ชายจมูกงุ้มส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “แต่ก็ยังน่าเสียดาย ต่อหน้าข้า ไม่ว่าจะกล้าหาญมากเพียงใดมันก็ไม่มีความหมาย”

 

ชายจมูกงุ้มดูเย็นชา มือซ้ายของมันพลันเปลี่ยนวิถีไปอย่างกะทันหันแล้วมวลพลังอันน่าหวาดหวั่นก็เข้าโอบล้อมพื้นที่ไว้อย่างรวดเร็ว

 

ตูม!!!

 

เฉียนขู่ราวกับถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่ สติของเขาเริ่มพร่ามัว

 

“นี่ข้ากำลังจะตายหรือ?”

 

ภาพต่างๆ นานาปรากฏขึ้นในมโนจิตของเฉียนขู่ และในที่สุดภาพก็จับไปที่ซูฉินที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในพื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลัง

 

“ในที่สุดข้าก็ได้พบหน้าพระอาจารย์เป็นครั้งสุดท้าย…”

 

เมื่อยามที่เฉียนขู่กำลังเผชิญหน้ากับความตายอย่างสงบ

 

ดาบไม้ธรรมดาๆ ขนาดเท่าฝ่ามือที่เขาแขวนอยู่รอบคอก็เริ่มสั่นสะเทือน

 

แกร็ก

 

ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีลมพัดผ่าน ดาบไม้ก็ค่อยๆ ลอยขึ้นเองโดยปลายดาบชี้ขึ้นแล้วตัดลงหาชายจมูกงุ้มอย่างเชื่องช้า

 

“นี่มันคืออะไรกัน?”

 

ชายจมูกงุ้มเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง เขาสังเกตเห็นดาบไม้ขนาดเท่าฝ่ามือที่อยู่รอบคอของเฉียนขู่ในทันที

 

“ไม่ดีแล้ว!”

 

ชายจมูกงุ้มพลันรู้สึกถึงวิกฤตความเป็นความตาย จึงล่าถอยกลับไปเต็มกำลัง

 

อย่างไรก็ตาม

 

ในเวลานี้ ดาบไม้ขนาดเท่าฝ่ามือที่อยู่รอบคอของเฉียนขู่ ได้ฟาดฟันลงมาเป็นที่เรียบร้อย

 

ชิ้ง

 

เจตจำนงดาบปรากฏเป็นภาพมายาออกมาฟันเข้าใส่ชายที่มีจมูกงองุ้ม

 

ไม่มีใครสามารถทราบถึงความคมของดาบเล่มนี้ได้

 

ดาบเล่มนี้ฟาดฟันลงมาราวกับว่า แม้แต่มิติก็จะต้องขาดเป็นสองท่อนยามเมื่อมันพาดผ่านไปที่ใด ในลานสายตาของชายจมูกงุ้ม เขาเห็นเพียงแค่เจตจำนงแห่งดาบพาดผ่านลงมาจากฟากฟ้า

 

เจตจำนงดาบอันนี้พุ่งฝ่าอากาศในระยะหลายร้อยเมตรในชั่วอึดใจเดียว และตัดผ่านการป้องกันของชายจมูกงุ้มได้อย่างง่ายดาย หั่นชายจมูกงุ้มออกเป็นสองท่อน

 

เจตจำนงแห่งดาบที่เหลืออยู่ฟาดออกไปทำลายบ้านพักบนภูเขาด้านหลังชายที่มีจมูกงองุ้มเหมือนนกอินทรี

 

ตูมตูมตูม

 

ทันใดนั้นก็เห็นรอยที่ราบเรียบตรงกึ่งกลางของบ้านพักบนภูเขา โดยไม่มีรอยแตกร้าวใดๆ ให้เห็น บ้างพักทั้งหลังถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนในทันที

 

“นี่คือ?”

 

ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ยืนอึ้ง ใบหน้าและจิตใจของพวกเขาพลันเหลือแต่ความว่างเปล่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 83 หนึ่งคมดาบไม้ ห่างไกลพันลี้ เชือดเฉือนชีวียอดปรมาจารย์

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 83 หนึ่งคมดาบไม้ ห่างไกลพันลี้ เชือดเฉือนชีวียอดปรมาจารย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 83 หนึ่งคมดาบไม้ ห่างไกลพันลี้ เชือดเฉือนชีวียอดปรมาจารย์

 

 

วันต่อมา

 

เฉียนขู่เดินผ่านถิ่นทุรกันดารไปพร้อมๆ กับสาวกนิกายอื่นและหยุดพักที่ด้านหน้าบ้านพักแห่งหนึ่ง

 

“เข้าไปพักด้านในกันก่อนเถิด”

 

มีบางคนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแนะ

 

พวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกยุทธในขอบเขตสามระดับกลางและระดับชั้นที่สาม แม้พวกเขาจะมีกำลังภายในคอยคุ้มกันอยู่ แต่ยังไงพวกเขาก็จำเป็นต้องพักผ่อน

 

“ได้เลย”

 

จางเซียวมองไปทางบ้านพักและพยักหน้าเห็นด้วย หลังจากแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติ

 

“รอก่อน”

 

ในเวลานั้นเอง จู่ๆ เฉียนขู่ก็พูดขึ้น

 

“เราไม่ควรพักที่นี่”

 

เฉียนขู่เงียบไปชั่วขณะและกล่าวขึ้น

 

ตอนที่เฉียนขู่กำลังมองดูบ้านพักแห่งนี้ก็พลันรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้

 

แม้ว่าเฉียนขู่จะไม่รู้ว่าเหตุอะไรจะเกิดขึ้น แต่เขาตระหนักขึ้นมาได้เพราะดวงใจพุทธะสั่นเตือน

 

“ไม่ควรพักที่นี่?”

 

จางเซียวผงะไปครู่หนึ่งแล้วมองไปยังเฉียนขู่ เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

 

“ข้าก็มิทราบเช่นกัน แต่รู้สึกว่าบ้านพักแห่งนี้อันตรายอย่างมาก”

 

เฉียนขู่ส่ายหัวพร้อมอธิบาย

 

สำหรับคำเตือนจากดวงใจพุทธะมันลึกลับซับซ้อนจนไม่รู้อธิบายอย่างไร จึงได้แต่บอกว่าเป็นความรู้สึกส่วนตัว

 

“อันตราย?”

 

จางเซียวมองกลับไปที่บ้านพักหลังนั้นอีกครั้ง

 

“เมื่อเป็นเช่นนั้น”

 

“ก็อย่าเพิ่งพักที่นี่เลย ไปต่อกันเถอะ”

 

จางเซียวขบคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดออกมา

 

คนอื่นๆ ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่พอใจเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร

 

สำหรับผู้ฝึกยุทธอย่างพวกเขา แม้ว่าจะเหนื่อยแต่ก็ประคองตัวต่อไปไหว

 

อย่างไรก็ตาม

 

เมื่อเฉียนขู่และคนอื่นๆ กำลังจะจากไป

 

ทันใดนั้นเสียงที่ฟังดูมืดมนก็ดังขึ้น

 

“เฮ่เฮ่ เมื่อพวกเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว คิดจะจากไปนี่ถามข้าหรือยังเล่า?”

 

เห็นเป็นชายคนหนึ่งที่มีจมูกงุ้มเหมือนกับนกอินทรีเดินเข้ามาอย่างช้าๆ

 

ในขณะที่ชายจมูกงุ้มปรากฏตัวขึ้น กลุ่มคนในชุดดำก็เข้ามาล้อมกลุ่มของเฉียนขู่อย่างเงียบเชียบ

 

“มีปัญหาแล้ว”

 

จางเซียวกล่าวอย่างเคร่งขรึม

 

มาถึงตอนนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ตัวว่ากลุ่มของเขาตกหลุมพรางของพวกมันเข้าให้แล้ว

 

“ขอบังอาจถามว่าท่านคือใคร?”

 

“ส่วนตัวข้าเป็นศิษย์ของนักพรตจางแห่งเขาหวู่ตั้ง…”

 

ชายจมูกนกอินทรีที่อยู่ไม่ไกลนั้นทำให้จางเซียวรู้สึกอันตราย

 

แม้จางเซียวจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของชายที่มีจมูกเหมือนนกอินทรี แต่ก็เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าเขามาก

 

ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ จางเซียวไม่คิดที่จะท้าทายหรือกระทำการใดๆ และรีบแจ้งชื่อเสียงเรียงนามก่อนสิ่งอื่นใด

 

เมื่อคนอื่นได้ยินเช่นนั้นก็โล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย

 

ในความเห็นของพวกเขา นักพรตจางแห่งเขาหวู่ตั้งนั้นทรงพลัง และเมื่อฝ่ายตรงข้ามรู้ว่ากลุ่มของพวกเขาเกี่ยวข้องกับนักพรตจาง จะต้องยอมปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน

 

เพียงเท่านั้น

 

เมื่อได้ยินสามพยางค์ที่ว่า นักพรตจาง ชายจมูกงุ้มไม่เพียงไม่แสดงอาการหวาดกลัว แต่กลับหัวเราะอย่างมีความสุข

 

“นักพรตจาง?”

 

“เป้าหมายการสังหารก็คือศิษย์ของนักพรตจางนี่แหละ!”

 

ชายจมูกงุ้มหัวเราะอย่างดุร้าย “พวกเรา จัดการมันให้หมด!”

 

ทันใดนั้น

 

คนชุดดำหลายสิบคนก็รีบกรูกันเข้ามาโดยไม่มีท่าทีลังเล

 

นักพรตเฒ่าคนหนึ่งที่สวมชุดนักพรตทางเต๋าก็โผล่ออกมาแล้วคว้าไหล่ของจางเซียวไว้ พยายามจะพาหลบหนี

 

“อาจารย์อา?”

 

“ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”

 

เมื่อจางเซียวเห็นนักพรตเฒ่า เขาก็ผงะไปเล็กน้อย รู้สึกดีใจมาก

 

นักพรตเฒ่าคืออาจารย์อาของเขาซึ่งเป็นปรมาจารย์ระดับชั้นที่สองแห่งเขาหวู่ตั้ง

 

จางเซียวไม่คิดว่าจะพบอาจารย์อาของเขาที่นี่

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“นานมาแล้วที่ข้าไม่ได้พบเจ้า!”

 

ชายที่มีจมูกงุ้มเหมือนนกอินทรียิ้มเยาะ มันยกมือขวาและกดมือลงไปทางนักพรตเฒ่า

 

ฟู่ม!!

 

แรงระเบิดพุ่งฝ่าอากาศเข้าใส่นักพรตเฒ่าอย่างแผ่วเบา

 

ปึง!!

 

นักพรตเฒ่าหน้าแดงเถือก อาเจียนออกมาเป็นเลือด ต้องก้าวถอยหลังไปจนเกือบจะล้มลงกับพื้น

 

“เจ้าน่าจะเป็นผู้พิทักษ์ของจางเซียวสินะ?”

 

ชายจมูกนกมองไปที่นักพรตเฒ่าแล้วกล่าวคำช้าๆ

 

ฐานะอย่างจางเซียวจะไม่มีใครคอยคุ้มกันเขาได้อย่างไรเมื่อออกท่องยุทธภพ

 

เหตุผลที่ชายจมูกงุ้มไม่ลงมือแต่แรกเป็นเพราะต้องการรอให้คนเหล่านี้ออกมา

 

“คนอื่นๆ จงออกมาให้หมดเถอะ”

 

ชายจมูกนกหันไปมองคนอื่นๆ

 

“เฮ่”

 

“ข้าสงสัยยิ่งนักว่ายอดฝีมือท่านนี้คือใคร?”

 

“ถ้าจำไม่ผิด เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมิใช่หรือ?”

 

คนจำนวนหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากมุมอับทีละคน มองไปที่ชายจมูกงุ้มแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

 

“แน่นอนว่าย่อมมิรู้จัก”

 

ปรากฏร่องรอยความเย็นชาฉายวาบบนใบหน้าของชายจมูกงุ้ม “แต่ในเมื่อพวกเจ้าอยู่กันเสียที่นี่แล้ว ก็จงตายกันไปเสียเถอะ”

 

ทันใดนั้นเอง

 

กลิ่นอายของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งก็ปะทุออกอย่างรุนแรง

 

เหล่าจอมยุทธในสามระดับบนที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมอับเพื่อคอยปกป้องเหล่าศิษย์ของตนเอง ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีและถูกซัดกระเด็นลงไปกระแทกกับพื้น

 

“หึ ทนไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว”

 

ชายจมูกนกยิ้มอย่างดูถูก

 

ด้วยความแข็งแกร่งของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งของมัน การกำราบผู้พิทักษ์พวกนี้ทำได้ง่ายเหมือนกระดกน้ำเคี้ยวอาหาร

 

เหล่าศิษย์สำนักต่างๆ เมื่อเห็นฉากดังกล่าวก็พลันหนาวยะเยือกตั้งแต่มือลามไปจนถึงเท้า

 

พวกเขาไม่คิดฝันมาก่อนว่าผู้อาวุโสในสำนักของตนจะไม่สามารถทนการโจมตีของชายจมูกงุ้มได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว

 

“พวกเจ้ารีบไปเถอะ”

 

“จงวิ่งไปให้ไกลที่สุด ทำได้หรือไม่?”

 

ในขณะนั้นเองนักพรตเฒ่าจากเขาหวู่ตั้งตะโกนดังก้อง

 

คำพูดที่กล่าวออก

 

ทำให้ทุกคนฟื้นสติ

 

ถูกต้อง

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ไม่ใช้การนิ่งเฉยรอคอย แต่ต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอด

 

“วิ่ง?”

 

แววถากถางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายจมูกงุ้ม

 

ศิษย์เหล่านี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตสามระดับบนด้วยซ้ำ จะรอดพ้นเงื้อมมือของยอดปรมาจารย์เช่นเขาจริงๆ น่ะหรือ?

 

“ไปกันเร็ว”

 

จางเซียวถอยกลับไปอยู่ด้านข้างของเฉียนขู่ แล้วแอบกระซิบผ่านสายลมอย่างรวดเร็วว่า “ท่านอาจารย์อาของข้าบอกมาว่าเขาจะเปิดใช้ทักษะลับหลังจากนี้ และจะสกัดผู้คนไว้ได้สักพัก เราต้องใช้โอกาสนี้เพื่อหลบหนี”

 

“หลังจากนี้พวกเราต้องวิ่งไปพร้อมกัน”

 

หลิ่วหรูเหมยตัวสั่นพร้อมกับกล่าวคำ

 

เธอมีชาติกำเนิดที่สูงส่ง ตั้งแต่เด็กจนตอนนี้เธอไม่เคยต้องหวาดกลัวเท่าครั้งนี้มาก่อน ยังดีที่เธอยังพอจะหยัดยืนอยู่ได้ในตอนนี้

 

“อืม”

 

เฉียนขู่พยักหน้า

 

ในตอนนี้แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะวิกฤติ แต่เฉียนขู่ก็สงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

เมื่อสิ้นเสียงของเฉียนขู่

 

นักพรตเฒ่าผู้มากประสบการณ์จากเข้าหวู่ตั้งที่อยู่อีกด้านก็ทะยานเข้าหาชายจมูกงุ้ม

 

“ทักษะลับต้องห้าม?”

 

ชายจมูกนกส่ายหัวก้าวไปหานักพรตเฒ่าตรงๆ แล้วตบฝ่ามือเข้าใส่อย่างกะทันหัน

 

ตูม!!

 

ทันใดนั้นใบหน้าของนักพรตเฒ่าก็ซีดขาวราวกับกระดาษ ล้มฟาดลงกับพื้น ลมหายใจรวยริน

 

“นี่…”

 

ใบหน้าของจางเซียวบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด และหลิ่วหรูเหมยที่อยู่ด้านข้างก็ขาสั่นด้วยความตกใจ

 

พวกเขาไม่คาดคิดว่าขนาดนักพรตเฒ่าอุตส่าห์ใช้ทักษะลับต้องห้ามก็ยังจะเปราะบางเช่นนี้อยู่อีก

 

“ข้าจะไม่เล่นกับพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว”

 

ชายจมูกงุ้มผู้นั้นเหมือนจะหมดความอดทน มันยื่นมือขวาออกไปคว้าจับตัวของจางเซียวเอาไว้

 

“ไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าจะไม่ได้ตายง่ายๆ แน่”

 

“ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสความทรมานอย่างสุดแสนก่อนที่จะส่งแกไปลงนรก”

 

ชายจมูกนกมองไปที่จางเซียวอย่างอาฆาตมาดร้าย

 

“มันจบแล้ว”

 

สีหน้าของจางเซียวซีดเทาราวกับคนตาย ขณะนี้ทั้งร่างของเขาถูกจับกุมไว้โดยชายจมูกงุ้ม ไม่สามารถฆ่าตัวตายได้

 

“ส่วนพวกเจ้า…”

 

“ข้าไม่ได้แค้นเคืองอะไรกับพวกเข้า เพียงแต่เจ้าได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น…”

 

ชายจมูกงุ้มเหมือนนกอินทรีหันมามองเฉียนขู่ และคนอื่นๆ เขายกมือซ้ายขึ้น กำลังภายในที่น่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมา มันต้องการจะจัดการกลุ่มของเฉียนขู่ให้กลายเป็นเนื้อบดด้วยฝ่ามือของมัน

 

“ทำเช่นไรดี”

 

ศิษย์คนอื่นๆ เสียขวัญไปแล้ว จิตใจสับสนรวนเรกันไปหมด

 

แม้แต่จอมยุทธอาวุโสในขอบเขตสามระดับบนยังนอนทอดร่างอยู่ที่นี่ นับประสาอะไรกับศิษย์อย่างพวกเขา?

 

หลิ่วหรูเหมยหน้าซีดเช่นกัน นางซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเฉียนขู่อย่างนิ่งงัน ท่าทางหวาดกลัว หลับตารอคอยความตาย

 

“เณรน้อยเฉียนขู่ ข้าไม่คิดฝันเลยว่าจะต้องมาตายไปพร้อมกับเจ้า”

 

หลิ่วหรูเหมยพึมพำกับตนเอง

 

เมื่อความตายย่างกรายเข้ามา หลิ่วหรูเหมยกลับรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา

 

“นะโมอมิตาพุทธ”

 

“หากข้ามิก้าวสู่นรก ผู้ใดเล่าจะก้าวลงนรก”

 

เฉียนขู่ก้าวเท้าไปด้านหน้าแล้วพุ่งเข้าหาชายที่มีจมูกงองุ้ม

 

แม้ว่าเฉียนขู่จะรู้ว่าเขาจะต้องตาย แต่ระหว่างจำยอมตายกับเข้าต่อต้านแล้วตาย เขาย่อมเลือกอย่างหลัง

 

“เจ้าโล้นตัวน้อยนี่ช่างมีความกล้าหาญนัก”

 

ชายจมูกงุ้มส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “แต่ก็ยังน่าเสียดาย ต่อหน้าข้า ไม่ว่าจะกล้าหาญมากเพียงใดมันก็ไม่มีความหมาย”

 

ชายจมูกงุ้มดูเย็นชา มือซ้ายของมันพลันเปลี่ยนวิถีไปอย่างกะทันหันแล้วมวลพลังอันน่าหวาดหวั่นก็เข้าโอบล้อมพื้นที่ไว้อย่างรวดเร็ว

 

ตูม!!!

 

เฉียนขู่ราวกับถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่ สติของเขาเริ่มพร่ามัว

 

“นี่ข้ากำลังจะตายหรือ?”

 

ภาพต่างๆ นานาปรากฏขึ้นในมโนจิตของเฉียนขู่ และในที่สุดภาพก็จับไปที่ซูฉินที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในพื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลัง

 

“ในที่สุดข้าก็ได้พบหน้าพระอาจารย์เป็นครั้งสุดท้าย…”

 

เมื่อยามที่เฉียนขู่กำลังเผชิญหน้ากับความตายอย่างสงบ

 

ดาบไม้ธรรมดาๆ ขนาดเท่าฝ่ามือที่เขาแขวนอยู่รอบคอก็เริ่มสั่นสะเทือน

 

แกร็ก

 

ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีลมพัดผ่าน ดาบไม้ก็ค่อยๆ ลอยขึ้นเองโดยปลายดาบชี้ขึ้นแล้วตัดลงหาชายจมูกงุ้มอย่างเชื่องช้า

 

“นี่มันคืออะไรกัน?”

 

ชายจมูกงุ้มเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง เขาสังเกตเห็นดาบไม้ขนาดเท่าฝ่ามือที่อยู่รอบคอของเฉียนขู่ในทันที

 

“ไม่ดีแล้ว!”

 

ชายจมูกงุ้มพลันรู้สึกถึงวิกฤตความเป็นความตาย จึงล่าถอยกลับไปเต็มกำลัง

 

อย่างไรก็ตาม

 

ในเวลานี้ ดาบไม้ขนาดเท่าฝ่ามือที่อยู่รอบคอของเฉียนขู่ ได้ฟาดฟันลงมาเป็นที่เรียบร้อย

 

ชิ้ง

 

เจตจำนงดาบปรากฏเป็นภาพมายาออกมาฟันเข้าใส่ชายที่มีจมูกงองุ้ม

 

ไม่มีใครสามารถทราบถึงความคมของดาบเล่มนี้ได้

 

ดาบเล่มนี้ฟาดฟันลงมาราวกับว่า แม้แต่มิติก็จะต้องขาดเป็นสองท่อนยามเมื่อมันพาดผ่านไปที่ใด ในลานสายตาของชายจมูกงุ้ม เขาเห็นเพียงแค่เจตจำนงแห่งดาบพาดผ่านลงมาจากฟากฟ้า

 

เจตจำนงดาบอันนี้พุ่งฝ่าอากาศในระยะหลายร้อยเมตรในชั่วอึดใจเดียว และตัดผ่านการป้องกันของชายจมูกงุ้มได้อย่างง่ายดาย หั่นชายจมูกงุ้มออกเป็นสองท่อน

 

เจตจำนงแห่งดาบที่เหลืออยู่ฟาดออกไปทำลายบ้านพักบนภูเขาด้านหลังชายที่มีจมูกงองุ้มเหมือนนกอินทรี

 

ตูมตูมตูม

 

ทันใดนั้นก็เห็นรอยที่ราบเรียบตรงกึ่งกลางของบ้านพักบนภูเขา โดยไม่มีรอยแตกร้าวใดๆ ให้เห็น บ้างพักทั้งหลังถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนในทันที

 

“นี่คือ?”

 

ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ยืนอึ้ง ใบหน้าและจิตใจของพวกเขาพลันเหลือแต่ความว่างเปล่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+