เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 98 ชะตาคงจะถึงฆาตในไม่ช้า

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 98 ชะตาคงจะถึงฆาตในไม่ช้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 98 ชะตาคงจะถึงฆาตในไม่ช้า

 

 

“จะเกียจคร้านไม่ได้ จะมาพอใจกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้”

 

“ยังมีอีกหลายส่วนในวังที่ข้ายังไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้”

 

ซูฉินคิดในใจอย่างเงียบๆ พยายามระงับความคิดในใจตน

 

แม้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการสำรวจพระราชวัง แต่โอกาสในการลงชื่อเข้าใช้มีเพียงวันละครั้งเท่านั้น

 

ต้องการลงชื่อเข้าใช้ครั้งหนึ่ง ก็ออกไปหนึ่งที

 

“คำนวณจากเวลาแล้วนั้น”

 

“คงจะต้องใช้เวลาประมาณครึ่งปีในการลงชื่อเข้าใช้จนครบทุกที่ในวังหลวงกระมัง?”

 

ซูฉินคิดคำนวณในใจ

 

 

ในวันนั้นเอง

 

ซูเยว่หยุนได้ขอให้ซูฉินรับประทานอาหารค่ำร่วมกับนางและองค์ชายหลี่เชิง

 

ซูฉินไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด อย่างไรเสียโอกาสในการลงชื่อเข้าใช้ของเขาในครั้งนี้ก็ถูกใช้หมดไปแล้ว ตอนนี้เขาไม่มีธุระอะไรให้ต้องไปทำ

 

ไม่นานนัก

 

ซูฉินมาถึงที่ห้องโถงเฉิงเอิน

 

ห้องโถงเฉิงเอินเป็นสถานที่ประทับส่วนพระองค์ขององค์ชายหลี่เชิงในพระราชวังตะวันออก

 

องค์ชายหลี่เชิงและซูเยว่หยุนได้รอคอยอยู่นานแล้วก่อนที่ซูฉินจะมาถึง

 

“พี่เขย มาเร็วเข้า”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงกวักมือเรียกซูฉิน เขาปฏิบัติตนกับซูฉินโดยที่ไม่ได้มีสง่าราศีเหมือนกับองค์รัชทายาท แต่เป็นกันเองเหมือนญาติแท้ๆ

 

“พี่สาม ช่วงที่อยู่ในวังนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง?”

 

หลังจากที่ซูฉินนั่งลง ซูเยว่หยุนก็ถามด้วยความเป็นกังวล

 

แม้ว่าทุกอย่างภายในวังจะยอดเยี่ยม แต่มันหดหู่และเย็นชาจนเกินไปเป็นเหตุให้สองพี่น้องอย่างซูเฉิงฮ่าวและซูเฉิงยู่คิดว่าการเข้าร่วมกองทัพเป็นสิ่งที่ดีกว่า

 

สำหรับคนที่ชอบความสดชื่นมีชีวิตชีวานั้น การทำงานในวังก็ไม่ต่างกับการอยู่ในคุก

 

นั่นเป็นเหตุผลให้ซูเยว่หยุนถามคำถามนี้ขึ้นมา

 

“เป็นเยี่ยงไรบ้างงั้นรึ?”

 

ซูฉินนึกไปถึง [หยดน้ำจิตวิญญาณธรรมชาติ] [เคล็ดวิชาลับยืดอายุ] [กายาหยกขาว] [ทักษะดึงดูดดารา] และสมบัติชิ้นอื่นๆ อย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็พยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มันดีเยี่ยม!”

 

“ถ้าพี่เขยสามคุ้นชินกับมันก็ดียิ่งแล้ว”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้ายังคุยกับหยุนเหนียงอยู่เลยว่าพี่สามจะสามารถปรับตัวเข้ากับวังหลวงได้หรือไม่…”

 

ระหว่างที่องค์รัชทายาทหลี่เชิงพูดอยู่นั้นเขาก็ตบศีรษะตนแล้วรีบพูดขึ้นว่า “พี่เขยสาม เร็วเถอะ อาหารวันนี้ถูกจัดเตรียมอย่างพิถีพิถันโดยห้องเครื่องขององค์จักรพรรดิ ปกติแล้วจะไม่สามารถหาทานได้”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงแนะนำในทันที

 

แต่ซูฉินก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่นัก

 

นับตั้งแต่บรรลุระดับ‘อรหันต์‘ เขาก็เข้าสู่สถานะเดียวกับเทพเซียนที่อิ่มทิพย์สูบกินพลังฉีแทนอาหารและไม่จำเป็นต้องเติมเต็มพลังงานชีวิตด้วยการดื่มกินอาหารเข้าไป

 

แต่ไม่จำเป็นต้องกินก็ไม่ได้หมายความว่าซูฉินจะกินไม่ได้

 

ขณะนั้นเอง

 

ข้าราชบริพารหญิงรีบเดินเข้ามา

 

“ฝ่าบาท องค์จักรพรรดิเสด็จมาถึงแล้ว”

 

คำที่กล่าวออกมา

 

ท่าทีขององค์รัชทายาทหลี่เชิงได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

“ท่านพ่อมาที่นี่งั้นหรือ?”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงกำลังจะลุกขึ้นไปรับเสด็จ

 

ก็พบว่าองค์จักรพรรดิถังเดินเข้ามาแล้วและโบกมือพร้อมกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องมากพิธี ข้าเพียงมาเยี่ยมดูเท่านั้น”

 

“ตามประสงค์”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงรีบสละที่นั่งของตนเองให้กับจักรพรรดิถังแล้วเปลี่ยนไปนั่งด้านข้างแทน

 

“ชายหนุ่มผู้นี้เป็นใครกันรึ?”

 

องค์จักรพรรดิถังหันไปมองซูฉิน

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงรีบตอบทันที “ฝ่าบาท ท่านนี้คือพี่ชายสามของน้องหยุน เขาเพิ่งมาถึงฉางอันไม่นานมานี้ เหตุนี้ฝ่าบาทจึงไม่เคยเห็นเขามาก่อน”

 

“อืม เป็นตระกูลซูนี่เอง…”

 

จักรพรรดิถังพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรมาก

 

อย่างไรก็ตามเมื่อซูฉินมองไปที่องค์จักรพรรดิ คิ้วของก็ย่นเข้าหากันเล็กน้อย

 

เพราะซูฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของจักรพรรดิถังใช้งานมาจนถึงขีดสุดแล้ว ถ้าว่ากันตามเหตุผลแม้จะเป็นยอดฝีมือในระดับชั้นที่สามก็สมควรจะตายไปแล้ว

 

“ใช่เป็นเพราะเขาหรือไม่?”

 

ซูฉินกวาดสายตามองไปยังขันทีชุดม่วงที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างองค์จักรพรรดิ

 

ด้วยสายตาของซูฉิน ไม่แปลกที่จะพบว่าขันทีผู้นี้เป็นถึงยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด

 

เขาเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดที่มีการแปรสภาพทั้งร่างกายและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

 

“น่าเสียดาย…”

 

ซูเฉินเพียงเหลือบมองไปที่ขันทีชุดม่วงชั่วครู่ จากนั้นก็ไม่ได้มองอีกไปมากกว่านั้น

 

แม้ขันทีชุดม่วงจะแปรสภาพร่างกายและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถบรรลุการแปรสภาพจนสมบูรณ์ไปตลอดชีวิต เป็นเพราะร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของเขา

 

หากกล่าวถึงจอมมารและนักพรตจางที่พอจะมีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์ของระดับชั้นที่หนึ่ง แต่กับขันทีชุดม่วงผู้นี้ไม่ได้มีความหวังอันนั้นเหลืออยู่เลย

 

“เคล็ดวิชาลับยืดอายุ?”

 

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะแล้วจึงเข้าใจในทันทีว่าทำไมองค์จักรพรรดิถังจึงยังทรงมีชีวิตอยู่แม้ว่าร่างกายแทบจะว่างเปล่าไปแล้วก็ตาม

 

ร่างขององค์จักรพรรดิถังน่าจะหมดสิ้นอายุขัยไปแล้ว แต่ถูกขันทีชุดม่วงยื้อชีวิตเอาไว้พร้อมกับใช้เคล็ดวิชาลับในการยืดอายุขัยอย่างต่อเนื่อง

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง สิ่งที่องค์จักรพรรดิถังใช้อยู่ตอนนี้มิใช่พลังชีวิตของตนเอง แต่เป็นพลังชีวิตของขันทีชุดม่วง

 

ยิ่งจักรพรรดิถังมีอายุยาวนานขึ้นเท่าไหร่ พลังชีวิตของขันทีชุดม่วงก็ยิ่งเหลือน้อยลงเท่านั้น

 

เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็มองไปที่ขันทีชุดม่วง

 

แม้ว่าจะเป็นญาติสนิท แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถแลกชีวิตของตนเองให้คนอื่นได้ ไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของขันทีชุดม่วงเลย ไม่มีใครสามารถบังคับให้เขาใช้เคล็ดวิชาลับนี้ได้

 

“แต่มันก็ไร้ความหมาย…”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย

 

เคล็ดวิชาลับยืดอายุขัยเป็นวิชาที่ซับซ้อนมาก การสูญเสียพลังให้กับสื่อกลางก็มหาศาล การที่จักรพรรดิถังมีชีวิตอยู่นานขึ้นหนึ่งปี พลังชีวิตของขันทีชุดม่วงจะเสียไปสามถึงห้าปี

 

นอกจากนี้

 

ซูฉินยังสามารถเห็นอีกว่า แม้ขันทีชุดม่วงจะเต็มใจใช้พลังชีวิตของตนเองเพื่อช่วยองค์จักรพรรดิถังยืดอายุขัย

 

แต่ขณะนี้องค์จักรพรรดิถังก็คงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนานเท่าไหร่

 

เมื่อซูฉินกำลังคิดเรื่องนี้

 

องค์จักรพรรดิก็ได้นั่งลงแล้ว

 

“อา ใช่แล้ว ไวน์ชนิดนี้เป็นของหาได้ยากยิ่ง”

 

ดวงตาของจักรพรรดิถังสว่างขึ้นทันใดและยกแก้วขึ้นกำลังจะจิบ

 

“ฝ่าบาท ได้โปรดดูแลสุขภาพร่างกายด้วย…” องค์รัชทายาทหลี่เชิงกระวนกระวายใจและรีบปรามในทันที

 

“ดูแลร่างกาย?”

 

“ร่างกายข้าแย่เช่นนั้นหรือ?”

 

จักรพรรดิถังวางแก้วลง ขมวดคิ้วแล้วมองไปยังซูฉินที่นั่งนิ่งเงียบ “เจ้าเป็นพี่ชายสามของหยุนเอ๋อ บอกข้าทีซิว่าร่างกายของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

ซูฉินเงยหน้าขึ้นมององค์จักรพรรดิถังแล้วก็พยักหน้า สักพักก็ส่ายหัว

 

“เอ๋?”

 

“หมายความว่าเช่นไร?”

 

จักรพรรดิถังถามด้วยความสนใจ

 

“ท่านอยากรู้จริงๆ หรือ?” ซูฉินกล่าวขึ้นอย่างลวกๆ

 

“แน่นอน”

 

จักรพรรดิถังพยักหน้า

 

ซูฉินเงียบไปชั่วขณะและกล่าวขึ้นว่า “ชะตากำลังจะสิ้นสุดในไม่ช้า”

 

ด้วยคำที่กล่าวออกมา

 

ห้องโถงเฉิงเอินก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

 

แม้จะเป็นองค์รัชทายาทหลี่เชิงแต่ดวงตาของเขาเองก็เบิกกว้างและมองไปทางซูฉินด้วยความไม่อยากเชื่อ

 

เขาไม่คาดคิดว่าซูฉินจะกล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าองค์จักรพรรดิ

 

“ฝ่าบาท เขาไม่ได้ตั้งใจ…”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงกำลังจะเตรียมขอพระราชทานอภัยแทนซูฉิน

 

ในตอนนั้นเอง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

 

จักรพรรดิถังก็หัวเราะขึ้นมา

 

“น่าสนใจ”

 

“ช่างน่าสนใจจริงๆ…”

 

ร่องรอยเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจักรพรรดิถัง “ไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องที่ขนาดข้าราชบริพาร เหล่าทหารนายกอง และขุนนางยังไม่กล้าพูด แต่คนหนุ่มเช่นนี้กลับกล้าพูดออกมา…”

 

จักรพรรดิถังหัวเราะสักพักและไอออกมาสองสามครั้ง อารมณ์ของเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง

 

“มานี่สิ”

 

จักรพรรดิถังลดเสียงลง

 

“พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

 

ขันทีผู้น้อยเดินไปยืนอย่างเคารพนบนอบที่ด้านข้างขององค์จักรพรรดิ

 

“ในเมื่อกล้าที่จะพูด ก็ต้องได้รับรางวัล!”

 

จักรพรรดิมองดูซูฉินอย่างลึกซึ้ง ลุกขึ้น และเดินออกจากห้องโถงเฉิงเอิน

 

“ตามพระบัญชา”

 

ขันทีชั้นผู้น้อยโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนออกจากห้องโถงไปและกลับมาหลังจากหายไปไม่นานพร้อมกับพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า “ตามพระบัญชาขององค์จักรพรรดิ เจ้าได้รับรางวัลเป็นทองคำหนึ่งร้อยแท่ง และจี้หยกพระราชทานหนึ่งชิ้น”

 

องค์รัชทายาทและซูเยว่หยุนมองหน้ากัน ได้แต่นิ่งเงียบ ไม่มีการตอบสนองใดอยู่เป็นเวลานาน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล 98 ชะตาคงจะถึงฆาตในไม่ช้า

Now you are reading เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล Chapter 98 ชะตาคงจะถึงฆาตในไม่ช้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Sign in Buddha’s palm 98 ชะตาคงจะถึงฆาตในไม่ช้า

 

 

“จะเกียจคร้านไม่ได้ จะมาพอใจกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้”

 

“ยังมีอีกหลายส่วนในวังที่ข้ายังไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้”

 

ซูฉินคิดในใจอย่างเงียบๆ พยายามระงับความคิดในใจตน

 

แม้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการสำรวจพระราชวัง แต่โอกาสในการลงชื่อเข้าใช้มีเพียงวันละครั้งเท่านั้น

 

ต้องการลงชื่อเข้าใช้ครั้งหนึ่ง ก็ออกไปหนึ่งที

 

“คำนวณจากเวลาแล้วนั้น”

 

“คงจะต้องใช้เวลาประมาณครึ่งปีในการลงชื่อเข้าใช้จนครบทุกที่ในวังหลวงกระมัง?”

 

ซูฉินคิดคำนวณในใจ

 

 

ในวันนั้นเอง

 

ซูเยว่หยุนได้ขอให้ซูฉินรับประทานอาหารค่ำร่วมกับนางและองค์ชายหลี่เชิง

 

ซูฉินไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด อย่างไรเสียโอกาสในการลงชื่อเข้าใช้ของเขาในครั้งนี้ก็ถูกใช้หมดไปแล้ว ตอนนี้เขาไม่มีธุระอะไรให้ต้องไปทำ

 

ไม่นานนัก

 

ซูฉินมาถึงที่ห้องโถงเฉิงเอิน

 

ห้องโถงเฉิงเอินเป็นสถานที่ประทับส่วนพระองค์ขององค์ชายหลี่เชิงในพระราชวังตะวันออก

 

องค์ชายหลี่เชิงและซูเยว่หยุนได้รอคอยอยู่นานแล้วก่อนที่ซูฉินจะมาถึง

 

“พี่เขย มาเร็วเข้า”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงกวักมือเรียกซูฉิน เขาปฏิบัติตนกับซูฉินโดยที่ไม่ได้มีสง่าราศีเหมือนกับองค์รัชทายาท แต่เป็นกันเองเหมือนญาติแท้ๆ

 

“พี่สาม ช่วงที่อยู่ในวังนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง?”

 

หลังจากที่ซูฉินนั่งลง ซูเยว่หยุนก็ถามด้วยความเป็นกังวล

 

แม้ว่าทุกอย่างภายในวังจะยอดเยี่ยม แต่มันหดหู่และเย็นชาจนเกินไปเป็นเหตุให้สองพี่น้องอย่างซูเฉิงฮ่าวและซูเฉิงยู่คิดว่าการเข้าร่วมกองทัพเป็นสิ่งที่ดีกว่า

 

สำหรับคนที่ชอบความสดชื่นมีชีวิตชีวานั้น การทำงานในวังก็ไม่ต่างกับการอยู่ในคุก

 

นั่นเป็นเหตุผลให้ซูเยว่หยุนถามคำถามนี้ขึ้นมา

 

“เป็นเยี่ยงไรบ้างงั้นรึ?”

 

ซูฉินนึกไปถึง [หยดน้ำจิตวิญญาณธรรมชาติ] [เคล็ดวิชาลับยืดอายุ] [กายาหยกขาว] [ทักษะดึงดูดดารา] และสมบัติชิ้นอื่นๆ อย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็พยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มันดีเยี่ยม!”

 

“ถ้าพี่เขยสามคุ้นชินกับมันก็ดียิ่งแล้ว”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้ายังคุยกับหยุนเหนียงอยู่เลยว่าพี่สามจะสามารถปรับตัวเข้ากับวังหลวงได้หรือไม่…”

 

ระหว่างที่องค์รัชทายาทหลี่เชิงพูดอยู่นั้นเขาก็ตบศีรษะตนแล้วรีบพูดขึ้นว่า “พี่เขยสาม เร็วเถอะ อาหารวันนี้ถูกจัดเตรียมอย่างพิถีพิถันโดยห้องเครื่องขององค์จักรพรรดิ ปกติแล้วจะไม่สามารถหาทานได้”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงแนะนำในทันที

 

แต่ซูฉินก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่นัก

 

นับตั้งแต่บรรลุระดับ‘อรหันต์‘ เขาก็เข้าสู่สถานะเดียวกับเทพเซียนที่อิ่มทิพย์สูบกินพลังฉีแทนอาหารและไม่จำเป็นต้องเติมเต็มพลังงานชีวิตด้วยการดื่มกินอาหารเข้าไป

 

แต่ไม่จำเป็นต้องกินก็ไม่ได้หมายความว่าซูฉินจะกินไม่ได้

 

ขณะนั้นเอง

 

ข้าราชบริพารหญิงรีบเดินเข้ามา

 

“ฝ่าบาท องค์จักรพรรดิเสด็จมาถึงแล้ว”

 

คำที่กล่าวออกมา

 

ท่าทีขององค์รัชทายาทหลี่เชิงได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

“ท่านพ่อมาที่นี่งั้นหรือ?”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงกำลังจะลุกขึ้นไปรับเสด็จ

 

ก็พบว่าองค์จักรพรรดิถังเดินเข้ามาแล้วและโบกมือพร้อมกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องมากพิธี ข้าเพียงมาเยี่ยมดูเท่านั้น”

 

“ตามประสงค์”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงรีบสละที่นั่งของตนเองให้กับจักรพรรดิถังแล้วเปลี่ยนไปนั่งด้านข้างแทน

 

“ชายหนุ่มผู้นี้เป็นใครกันรึ?”

 

องค์จักรพรรดิถังหันไปมองซูฉิน

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงรีบตอบทันที “ฝ่าบาท ท่านนี้คือพี่ชายสามของน้องหยุน เขาเพิ่งมาถึงฉางอันไม่นานมานี้ เหตุนี้ฝ่าบาทจึงไม่เคยเห็นเขามาก่อน”

 

“อืม เป็นตระกูลซูนี่เอง…”

 

จักรพรรดิถังพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรมาก

 

อย่างไรก็ตามเมื่อซูฉินมองไปที่องค์จักรพรรดิ คิ้วของก็ย่นเข้าหากันเล็กน้อย

 

เพราะซูฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของจักรพรรดิถังใช้งานมาจนถึงขีดสุดแล้ว ถ้าว่ากันตามเหตุผลแม้จะเป็นยอดฝีมือในระดับชั้นที่สามก็สมควรจะตายไปแล้ว

 

“ใช่เป็นเพราะเขาหรือไม่?”

 

ซูฉินกวาดสายตามองไปยังขันทีชุดม่วงที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างองค์จักรพรรดิ

 

ด้วยสายตาของซูฉิน ไม่แปลกที่จะพบว่าขันทีผู้นี้เป็นถึงยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด

 

เขาเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดที่มีการแปรสภาพทั้งร่างกายและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

 

“น่าเสียดาย…”

 

ซูเฉินเพียงเหลือบมองไปที่ขันทีชุดม่วงชั่วครู่ จากนั้นก็ไม่ได้มองอีกไปมากกว่านั้น

 

แม้ขันทีชุดม่วงจะแปรสภาพร่างกายและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถบรรลุการแปรสภาพจนสมบูรณ์ไปตลอดชีวิต เป็นเพราะร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของเขา

 

หากกล่าวถึงจอมมารและนักพรตจางที่พอจะมีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์ของระดับชั้นที่หนึ่ง แต่กับขันทีชุดม่วงผู้นี้ไม่ได้มีความหวังอันนั้นเหลืออยู่เลย

 

“เคล็ดวิชาลับยืดอายุ?”

 

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะแล้วจึงเข้าใจในทันทีว่าทำไมองค์จักรพรรดิถังจึงยังทรงมีชีวิตอยู่แม้ว่าร่างกายแทบจะว่างเปล่าไปแล้วก็ตาม

 

ร่างขององค์จักรพรรดิถังน่าจะหมดสิ้นอายุขัยไปแล้ว แต่ถูกขันทีชุดม่วงยื้อชีวิตเอาไว้พร้อมกับใช้เคล็ดวิชาลับในการยืดอายุขัยอย่างต่อเนื่อง

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง สิ่งที่องค์จักรพรรดิถังใช้อยู่ตอนนี้มิใช่พลังชีวิตของตนเอง แต่เป็นพลังชีวิตของขันทีชุดม่วง

 

ยิ่งจักรพรรดิถังมีอายุยาวนานขึ้นเท่าไหร่ พลังชีวิตของขันทีชุดม่วงก็ยิ่งเหลือน้อยลงเท่านั้น

 

เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็มองไปที่ขันทีชุดม่วง

 

แม้ว่าจะเป็นญาติสนิท แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถแลกชีวิตของตนเองให้คนอื่นได้ ไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของขันทีชุดม่วงเลย ไม่มีใครสามารถบังคับให้เขาใช้เคล็ดวิชาลับนี้ได้

 

“แต่มันก็ไร้ความหมาย…”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย

 

เคล็ดวิชาลับยืดอายุขัยเป็นวิชาที่ซับซ้อนมาก การสูญเสียพลังให้กับสื่อกลางก็มหาศาล การที่จักรพรรดิถังมีชีวิตอยู่นานขึ้นหนึ่งปี พลังชีวิตของขันทีชุดม่วงจะเสียไปสามถึงห้าปี

 

นอกจากนี้

 

ซูฉินยังสามารถเห็นอีกว่า แม้ขันทีชุดม่วงจะเต็มใจใช้พลังชีวิตของตนเองเพื่อช่วยองค์จักรพรรดิถังยืดอายุขัย

 

แต่ขณะนี้องค์จักรพรรดิถังก็คงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนานเท่าไหร่

 

เมื่อซูฉินกำลังคิดเรื่องนี้

 

องค์จักรพรรดิก็ได้นั่งลงแล้ว

 

“อา ใช่แล้ว ไวน์ชนิดนี้เป็นของหาได้ยากยิ่ง”

 

ดวงตาของจักรพรรดิถังสว่างขึ้นทันใดและยกแก้วขึ้นกำลังจะจิบ

 

“ฝ่าบาท ได้โปรดดูแลสุขภาพร่างกายด้วย…” องค์รัชทายาทหลี่เชิงกระวนกระวายใจและรีบปรามในทันที

 

“ดูแลร่างกาย?”

 

“ร่างกายข้าแย่เช่นนั้นหรือ?”

 

จักรพรรดิถังวางแก้วลง ขมวดคิ้วแล้วมองไปยังซูฉินที่นั่งนิ่งเงียบ “เจ้าเป็นพี่ชายสามของหยุนเอ๋อ บอกข้าทีซิว่าร่างกายของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

ซูฉินเงยหน้าขึ้นมององค์จักรพรรดิถังแล้วก็พยักหน้า สักพักก็ส่ายหัว

 

“เอ๋?”

 

“หมายความว่าเช่นไร?”

 

จักรพรรดิถังถามด้วยความสนใจ

 

“ท่านอยากรู้จริงๆ หรือ?” ซูฉินกล่าวขึ้นอย่างลวกๆ

 

“แน่นอน”

 

จักรพรรดิถังพยักหน้า

 

ซูฉินเงียบไปชั่วขณะและกล่าวขึ้นว่า “ชะตากำลังจะสิ้นสุดในไม่ช้า”

 

ด้วยคำที่กล่าวออกมา

 

ห้องโถงเฉิงเอินก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

 

แม้จะเป็นองค์รัชทายาทหลี่เชิงแต่ดวงตาของเขาเองก็เบิกกว้างและมองไปทางซูฉินด้วยความไม่อยากเชื่อ

 

เขาไม่คาดคิดว่าซูฉินจะกล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าองค์จักรพรรดิ

 

“ฝ่าบาท เขาไม่ได้ตั้งใจ…”

 

องค์รัชทายาทหลี่เชิงกำลังจะเตรียมขอพระราชทานอภัยแทนซูฉิน

 

ในตอนนั้นเอง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

 

จักรพรรดิถังก็หัวเราะขึ้นมา

 

“น่าสนใจ”

 

“ช่างน่าสนใจจริงๆ…”

 

ร่องรอยเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจักรพรรดิถัง “ไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องที่ขนาดข้าราชบริพาร เหล่าทหารนายกอง และขุนนางยังไม่กล้าพูด แต่คนหนุ่มเช่นนี้กลับกล้าพูดออกมา…”

 

จักรพรรดิถังหัวเราะสักพักและไอออกมาสองสามครั้ง อารมณ์ของเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง

 

“มานี่สิ”

 

จักรพรรดิถังลดเสียงลง

 

“พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

 

ขันทีผู้น้อยเดินไปยืนอย่างเคารพนบนอบที่ด้านข้างขององค์จักรพรรดิ

 

“ในเมื่อกล้าที่จะพูด ก็ต้องได้รับรางวัล!”

 

จักรพรรดิมองดูซูฉินอย่างลึกซึ้ง ลุกขึ้น และเดินออกจากห้องโถงเฉิงเอิน

 

“ตามพระบัญชา”

 

ขันทีชั้นผู้น้อยโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนออกจากห้องโถงไปและกลับมาหลังจากหายไปไม่นานพร้อมกับพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า “ตามพระบัญชาขององค์จักรพรรดิ เจ้าได้รับรางวัลเป็นทองคำหนึ่งร้อยแท่ง และจี้หยกพระราชทานหนึ่งชิ้น”

 

องค์รัชทายาทและซูเยว่หยุนมองหน้ากัน ได้แต่นิ่งเงียบ ไม่มีการตอบสนองใดอยู่เป็นเวลานาน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+