เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก 106 เธอจะมาตายตรงนี้ไม่ได้นะ

Now you are reading เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก Chapter 106 เธอจะมาตายตรงนี้ไม่ได้นะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กู้จิ้งเจ๋อปล่อยให้คนช่วยพยุงโม่ฮุ่ยหลิงขึ้นรถ จากนั้นเขาจึงขับรถพาเธอไปยังโรงพยาบาล

 

 

เมื่อถึงโรงพยาบาล หมอก็รีบตรวจเช็กร่างกายของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว โม่ฮุ่ยหลิงเอาแต่ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา พร่ำบอกแต่ว่าเธอแทบจะตายด้วยความเจ็บอยู่แล้ว

 

 

กู้จิ้งเจ๋อก็ทำได้แค่ปลอบใจเธออยู่ข้างๆ เท่านั้น

 

 

ไม่ช้าผลการตรวจก็ออกมา แพทย์แจ้งแก่ชายหนุ่มว่า “คุณกู้ครับ หัวเข่าคุณโม่มีรอยถลอกนิดหน่อย ส่วนข้อเท้าของเธอก็บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีอะไรร้ายแรง เพียงแค่ต้องพักสักสองสามวันและระวังไม่ให้หัวเข่าเปียกน้ำ แล้วก็อย่าให้เธอเดินมากเกินไปนัก เพียงเท่านี้ก็จะหายดีภายในเวลาไม่นานครับ”

 

 

เมื่อโม่ฮุ่ยหลิงได้ยินก็ไม่พอใจ เธอเงยหน้าขึ้นและรีบพูดทันทีว่า “หมายความว่ายังไงที่บอกว่า ‘ไม่มีอะไรร้ายแรง’ น่ะ นี่คุณเป็นหมอจริงหรือเปล่า ไปตามตัวหมอที่ดีที่สุดในโรงพยาบาลนี้มาให้ฉันเดี๋ยวนี้ นี่ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้วนะ จะบอกว่าไม่มีอะไรร้ายแรงได้ยังไงกัน”

 

 

คนเป็นหมอมองหน้าโม่ฮุ่ยหลิงด้วยความลังเล “คุณโม่ครับ หากคุณไม่เชื่อใจการรักษาของผม ถ้าอย่างนั้นก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ผลการเอกซเรย์บอกว่ากระดูกของคุณไม่ได้เป็นอะไร แล้วก็ไม่ได้มีอะไรบาดเจ็บร้ายแรงจริงๆ นะครับ”

 

 

“เฮอะ ฉันไม่สนหรอกว่าจะพูดยังไง นี่ฉันเจ็บจนจะแย่ คุณต้องทำให้ฉันหายเจ็บให้ได้สิ อย่ามาปล่อยไว้เฉยๆ แบบนี้ฉันไม่ยอมหรอกนะ”

 

 

ได้ยินหญิงสาวพูดเช่นนั้น กู้จิ้งเจ๋อก็หันมามองหน้าเธอแล้วพูดว่า “ฮุ่ยหลิง พอทีเถอะ”

 

 

โม่ฮุ่ยหลิงหันมา “ทำไมคะ นี่คุณจะไม่เอาเรื่องแม่หลินเช่อนั่นเหรอคะ หล่อนตั้งใจขับรถชนฉันเลยนะ ฉันไม่ปล่อยแม่นั่นไปง่ายๆ แน่”

 

 

กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกยุ่งยากใจขึ้นมาทันทีที่หันไปมองหน้าโม่ฮุ่ยหลิง “หลินเช่อเพิ่งจะหัดขับรถเท่านั้น เขายังขับไม่เก่งเท่าไหร่ ต่อให้เขาขับรถชนเธอโดยอุบัติเหตุ เขาก็ไม่ได้ตั้งใจทำอย่างแน่นอน น่าจะเป็นเพราะยังคุมรถได้ไม่คล่องมากกว่า”

 

 

“อะไรนะคะ” โม่ฮุ่ยหลิงร้องเสียงดังอย่างคาดไม่ถึง “คุณจะบอกว่าเพราะหล่อนยังควบคุมรถได้ไม่ดีพอก็เลยขับรถชนฉันแบบนี้ได้งั้นเหรอคะ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าหล่อนมองเห็นฉัน นั่นแปลว่าหล่อนต้องตั้งใจที่จะขับชนแน่ๆ”

 

 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้ว “ถ้าขนาดเห็นเธอแล้วแต่ก็ยังคุมรถไม่อยู่ นั่นก็แปลว่าฝีมือการขับรถของเขายังไม่ดีพอไงล่ะ ทำให้แม้จะเห็นคนเดินมาก็ยังหักพวงมาลัยหลบไม่ได้ หลินเช่อยังเป็นมือใหม่เพิ่งหัดขับรถเท่านั้น เขาไม่ได้ตั้งใจชนหรอก ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนแบบนั้น”

 

 

“นี่คุณ…” โม่ฮุ่ยหลิงกัดริมฝีปาก น้ำตาเริ่มที่จะเอ่อขึ้นมาคลอเบ้า เธอมองกู้จิ้งเจ๋อด้วยความเสียใจ

 

 

“ก็เพราะคุณเข้าข้างเธอแบบนี้ไงละคะ ต่อให้หล่อนตั้งใจยังไง คุณก็จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจอยู่ดีนั่นแหละ ใช่ไหมละคะ”

 

 

“เป็นไปไม่ได้หรอก” กู้จิ้งเจ๋อมองหญิงสาวน้ำตาไหลพรากด้วยความอึดอัดใจพลางนึกสงสัยว่าหลินเช่อขับรถไปถึงไหนกันแน่นะ ตอนนี้เขาชักเป็นห่วงเสียแล้วสิ

 

 

เขาเริ่มละล้าละลังที่จะอยู่คอยดูแลเอาใจโม่ฮุ่ยหลิงเพราะอยากแล่นกลับออกไปข้างนอกเต็มที

 

 

“ฮุ่ยหลิง ฉันต้องไปตามหาหลินเช่อก่อน แล้วฉันจะถามเขาต่อหน้าเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เธอต้องอยู่ที่นี่ ข้อเท้าของเธอยังต้องให้หมอรักษา เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องอื่นนอกจากเรื่องดูแลตัวเองให้หายดีเลยนะ”

 

 

เมื่อโม่ฮุ่ยหลิงได้ยินเช่นนั้น เธอก็ก้มลงมองที่ข้อเท้า บางทีกู้จิ้งเจ๋ออาจจะแคร์เธอจริงๆ ก็ได้และอยากให้เธอหายดีซะก่อน บางทีเขาอาจไม่อยากให้เธอต้องเจ็บแผลมากไปกว่านี้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าแต่โดยดีและบอกเขาว่า “งั้นฉันจะบอกหมอให้จัดการรักษาให้ดีที่สุดก็แล้วกันค่ะ แค่นี้ก็เจ็บจะแย่อยู่แล้ว”

 

 

“โอเค”

 

 

ชายหนุ่มพยักพเยิดเรียกตัวหมอที่รักษาเธอให้เดินตามเขาออกมาด้านนอก

 

 

เขาถามย้ำอีกครั้งถึงอาการบาดเจ็บของโม่ฮุ่ยหลิงว่ามีอะไรร้ายแรงหรือไม่และขอร้องให้ช่วยรักษาเธออย่างดีที่สุด

 

 

ซึ่งนายแพทย์ก็รับรองเป็นอย่างดีว่าไม่มีปัญหาใดๆ ร้ายแรง แผลที่พบเป็นเพียงอาการฟกช้ำดำเขียวและบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนความเจ็บที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงอาการชั่วคราว อันที่จริง จากลักษณะของอดการบาดเจ็บแล้ว โม่ฮุ่ยหลิงไม่น่าจะรู้สึกเจ็บใดๆ ด้วยซ้ำ บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอบอบบางเกินไปหรือไม่ก็ไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนเลย แต่อย่างไรก็ตามเขาจะรักษาเธออย่างดีที่สุด

 

 

ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างพอใจ

 

 

เขาเหลือบดูเวลาและคาดคะเนว่าจนถึงตอนนี้หลินเช่อน่าจะขับรถออกไปได้ราวหนึ่งชั่วโมงแล้ว ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังจะไปไหนในเวลาแบบนี้

 

 

เขาหันกลับไปมองโม่ฮุ่ยหลิงที่อยู่ด้านในห้องและเห็นว่านางพยาบาลกำลังฉีดยาให้ โดยที่หญิงสาวตะคอกกลับเสียงดังว่า “เจ็บนะ นี่หล่อนฉีดยาไม่เป็นหรือไง เบามือหน่อยสิ”

 

 

กู้จิ้งเจ๋อถอนหายใจ โม่ฮุ่ยหลิงคงไม่เคยบาดเจ็บมาก่อนเลยจริงๆ ในฐานะลูกสาวคนเล็กของตระกูลโม่ หญิงสาวจึงได้รับการประคบประหงมดูแลเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก อย่างไรก็ตามชายหนุ่มนึกเลยไปถึงตอนที่หลินเช่อได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ ทว่าฝ่ายนั้นกลับทำท่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอไม่ได้กรีดร้องใดๆ ด้วยความเจ็บปวดเลยด้วยซ้ำ

 

 

บางทีอาจเป็นเพราะหลินเช่อไม่มีใครที่คอยเอาใจใส่เธอตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็กก็เป็นได้

 

 

เขาโบกมือให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่คอยติดตาม “ลงมือค้นหาทั่วทั้งเมืองซิ หาตัวภรรยาของฉันให้เจอแล้วพาเธอกลับมา”

 

 

หลินเช่อนี่นะ มีแต่จะทำให้เขาต้องคอยกังวลเพราะนิสัยทำอะไรไม่ค่อยคิดอยู่เรื่อย

 

 

 

 

ขณะที่ขับรถจากมา หลินเช่อยังคงโกรธจัด โม่ฮุ่ยหลิงนี่สร้างปัญหาให้ตั้งแต่ในวันแรกที่หล่อนย้ายมาอยู่เลยทีเดียว ซึ่งแปลในอนาคตข้างหน้าก็อย่าหวังว่าเธอจะได้อยู่อย่างสงบเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ หรือบางทีเธอย้ายหนีไปเสียให้ไกลเลยจะดีมั้ยนะ พอไม่เห็นหน้าด็จะได้ไม่ต้องหัวเสีย หญิงสาวคิดในใจ

 

 

ฝีมือการขับรถของเธอดูเหมือนจะดีขึ้นแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังไม่มั่นใจมากเท่าไหร่นัก ทันใดนั้นก็มีสายเรียกเข้ามาจากอวี๋หมินหมิ่น เธอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ทั้งที่กำลังขับรถอยู่ และในชั่วขณะที่เธอละสายตาจากถนนไปเพียงแวบเดียวนั่นเอง รถก็ไถลออกนอกเส้นทาง

 

 

หลินเช่อขว้างโทรศัพท์ทิ้งแล้วรีบหันกลับมาคว้าพวงมาลัยรถเอาไว้

 

 

ทว่ารถก็ยังคงพุ่งออกนอกเส้นทางต่อไปอยู่ดี

 

 

หลินเช่อร้องเสียงหลง กว่าจะรู้สึกตัว รถก็พุ่งกระแทกเข้ากับแนวกำแพงเตี้ยๆ ที่กั้นอยู่ขอบถนนไปแล้ว จากนั้นรถทั้งคันก็หมุนคว้าง

 

 

หลินเช่อตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ แต่แล้วเธอก็รู้สึกตัวว่ารถของเธอกำลังอยู่บนสะพาน ครึ่งหนึ่งของตัวรถไถลเลยออกไปนอกถนนทำให้ตัวรถกำลังกระดกหน้ากระดกหลังอย่างน่าหวาดเสียว เรียกว่าหากขยับตัวเพียงนิดเดียวก็อาจส่งผลให้รถหล่นออกไปนอกสะพานได้โดยง่ายดาย

 

 

หญิงสาวเพิ่งได้สติว่าเธอขับรถขึ้นสะพานมา และตอนนี้ตัวรถก็ชนเข้ากับตอม่อสะพานโดยมีราวเหล็กที่อยู่เหนือขึ้นไปด้านบนขวางตัวรถเอาไว้ไม่ให้หล่นลงไปในตอนนี้ ทว่าตัวราวเหล็กนั้นก็ได้รับความเสียหายไม่น้อย และถึงแม้ว่ารถจะยังค้างเติ่งอยู่ได้ไม่ร่วงหล่นลงไปแต่ก็ดูเหมือนว่าจะรั้งเอาไว้ได้อีกไม่นานนัก

 

 

เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังติดอยู่ในรถที่ห้อยต่องแต่ง หญิงสาวก็กลัวแทบสิ้นสติ หัวใจของเธอเต้นแรงเสียจนต้องยกมือขึ้นมากุมอก “ตายแน่ ฉันต้องตายแน่ๆ นี่ฉันจะต้องมาตายที่นี่เหรอเนี่ย ฉันยังมีอะไรที่อยากทำอีกตั้งหลายอย่างนะ”

 

 

ที่ด้านล่าง ใครบางคนเริ่มโทรเรียกตำรวจ ซึ่งพวกเขาก็มาถึงที่เกิดเหตุในเวลาอันรวดเร็ว แต่พวกเขาก็กลับเอาแต่ยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ลงมือทำอะไร

 

 

“ใครอยู่ในนั้นล่ะนั่น แล้วขับรถยังไงถึงได้ไปลงเอยอีท่านั้นได้นี่ เอ้า ไปกั้นถนนเข้าสิอย่าให้รถขึ้นสะพานได้”

 

 

“ดูเหมือนจะเป็นรถหรูเสียด้วย”

 

 

“ท่าทางจะเป็นผู้หญิงขับนะ”

 

 

“ผู้หญิงขับรถนี่อันตรายเป็นบ้า”

 

 

“ให้ผู้หญิงขับรถนี่เหมือนเอาเงินไปทิ้งจริงๆ สมควรแล้วล่ะที่ชนเข้าขนาดนี้น่ะ”

 

 

ผู้คนที่อยู่ด้านล่างพากันถกเถียงแสดงความเห็นว่าจะหาทางยับยั้งไม่ให้รถหล่นลงมาและช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ข้างในได้อย่างไร

 

 

แต่เมื่อรถเริ่มโคลงเคลงหนักขึ้นก็ไม่มีใครกล้าก้าวเข้ามาใกล้ เพราะหากไปแตะต้องอะไรจนรถหล่นลงจากสะพานเข้าแล้วละก็อาจกลายเป็นความผิดของตัวเองได้ แถมคนที่อยู่ในรถก็ดูท่าทางไม่น่าจะเป็นคนธรรมดาด้วย พวกเขาจึงนึกกลัวว่าจะเป็นการล่วงเกินหรือเปล่า และหากคนในรถออกตามหาตัวพวกเขาขึ้นมาก็อาจกลายเป็นปัญหาในภายหลังได้

 

 

ด้วยเหตุนี้ จึงยังไม่มีใครรีบร้อนเข้าไปช่วยหลินเช่อ ทุกคนเอาแต่ถกเถียงกันว่าใครที่ควรเข้าไปจัดการกับปัญหานี้

 

 

ในระหว่างนั้น หลินเช่อก็กลัวจนใกล้สติแตกเต็มที

 

 

เธอได้ยินเสียงรถตำรวจและรถพยาบาลแล่นมาใกล้แต่กลับไม่เห็นใครมีท่าทีว่าจะเข้ามาช่วยเลย

 

 

โทรศัพท์ของเธอถูกเหวี่ยงลงกับพื้นรถจนเธอไม่อาจเอื้อมไปหยิบถึง และเมื่อมองดูโดยรอบแล้ว หลินเช่อก็รู้ดีว่าการตะโกนร้องขอความช่วยเหลือนั้นเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์

 

 

ถ้าเธอต้องตายที่นี่จริงๆ ก็คงเป็นเพราะโชคชะตาของเธอเองนั่นแหละ

 

 

แต่อย่างน้อย…คงทำให้กู้จิ้งเจ๋อหมดกังวลใจไปได้เรื่องหนึ่งละนะ ถ้าเธอตาย เขาก็จะเป็นอิสระ…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด