เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก 141 ของขวัญที่หล่อนให้เขา

Now you are reading เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก Chapter 141 ของขวัญที่หล่อนให้เขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กู้จิ้งเจ๋อตอบไปว่า “ก็ได้ งั้นฉันจะส่งคนไปรับของพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” 

 

 

“ค่ะ ดีค่ะ” อันที่จริง โม่ฮุ่ยหลิงอยากให้เขามารับด้วยตัวเองมากกว่า แต่เธอก็คิดว่าไม่ควรทำตัวงี่เง่าเท่าไหร่ ดังนั้นหญิงสาวจึงพยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้ 

 

 

ถ้าเธออยากได้ดีกว่าหลินเช่อ เธอจะต้องอดทน! 

 

 

ด้วยเหตุนี้เธอจึงชวนคุยเรื่องอื่นแทนว่า “ฉันไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะพาหลินเช่อมาร่วมงานเลี้ยงการกุศลคืนนี้ด้วยน่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่คุณพาใครไปออกงานด้วย รู้ตัวมั้ยคะ ที่ผ่านมาคุณไม่เคยพาฉันไปเลย…” 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบไปว่า “ก็ที่ผ่านมาฉันไม่มีใครให้พาไปออกงานด้วยนี่…เธอเองก็ไม่ชอบไปงานเลี้ยงแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” 

 

 

“ฉันเนี่ยนะคะ…ใครบอกกันคะว่าฉันไม่ชอบ ฉันคิดว่าเป็นคุณเสียอีกอยากจะทำตัวโลว์เงียบๆ ไม่เป็นที่สนใจ” โม่ฮุ่ยหลิงตัดพ้อด้วยความน้อยใจ 

 

 

ชายหนุ่มว่า “ฉันไม่ชอบเป็นข่าวก็จริง แต่ฉันก็ไม่เคยพูดสักหน่อยว่าเราไปออกงานเลี้ยงแบบนี้ไม่ได้น่ะ เธอควรจะบอกฉันสิว่าเธอชอบออกงาน ไม่อย่างนั้นฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ” 

 

 

“ฉัน…” โม่ฮุ่ยหลิงนึกเสียใจเป็นที่สุด นี่เธอเข้าใจเขาผิดมาตลอดเลยหรือนี่ เธอคิดว่าเขาไม่ชอบออกงานพบปะใครจึงไม่เคยร้องขอให้เขาพาเธอเป็นคู่ควงไปงานเลี้ยงใดๆ มาก่อนเลย 

 

 

“จิ้งเจ๋อคะ ฉันคิดว่าคุณยอมตามใจหลินเช่อมากเกินไปหน่อยนะคะ อย่าโกรธนะคะที่ฉันต้องพูดแบบนี้ ฉันพูดก็เพราะว่าเห็นแก่คุณเองนั่นแหละค่ะ หลินเช่อน่ะเป็นคุณผู้หญิงตระกูลกู้แล้ว แต่เธอกลับดูไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่เลย เธอไม่รู้จักมารยาทการวางตัวให้ดี แถมยังคุยโม้โอ้อวดต่างๆ นานาในเวยป๋อของตัวเองอีกต่างหาก ฉันว่าแบบนี้มันออกจะเกินไปหน่อยนะคะ คุณน่าจะบอกเธอว่าควรทำตัวให้สมเป็นคุณผู้หญิงตระกูลกู้” 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อถามกลับมาว่า “แล้วทำไมเขาถึงโพสต์อะไรในเวยป๋อไม่ได้ล่ะ” 

 

 

“โพสต์คุยโวโอ้อวดเรื่องตัวเองได้มาออกงานเลี้ยงใหญ่แบบนี้มันเป็นเรื่องดีตรงไหนกันคะ” 

 

 

“ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดอะไรนี่” 

 

 

โม่ฮุ่ยหลิงนิ่งอึ้ง ชั่วขณะนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่กู้จิ้งเจ๋อที่เธอรู้จักอีกต่อไปแล้ว 

 

 

ชายหนุ่มยังพูดต่อไปอีกว่า “ฉันไม่สนใจเรื่องนี้หรอกนะ อีกอย่างที่เขาโพสต์ก็ไม่ใช่เรื่องคุยโตโอ้อวดอะไร ก็แค่โพสต์สนุกๆ เท่านั้นเอง” 

 

 

“นี่คุณ…” 

 

 

เมื่อไม่อาจโน้มน้าวใจเขาได้ โม่ฮุ่ยหลิงก็สติหลุดกลายเป็นความโกรธเกรี้ยว “ฉันอุตส่าห์มีน้ำใจมาบอกคุณเรื่องนี้ แต่ถ้าคุณไม่อยากรับฟังก็ช่างมันเถอะค่ะ” 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าโม่ฮุ่ยหลิงจะเอาใจใส่เรื่องแบบนี้ด้วย เพราะที่ผ่านมาเขาคิดว่าเธอชอบทำตัวเรียบง่ายและไม่วุ่นวายหรือตกเป็นเป้าสนใจ เขาคิดว่าเธอชอบทำตัวแบบนั้นมาโดยตลอด แต่เมื่อได้มาเห็นเธอตอนนี้ เขาถึงเพิ่งรู้ว่าในใจของโม่ฮุ่ยหลิงมีความรู้สึกนึกคิดอีกมากมายที่เขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อน 

 

 

วันต่อมา เขาส่งคนไปรับเข็มกลัดเนกไทที่บ้านเธอ โดยคราวนี้เขาได้เขียนโน้ตขอบคุณสำหรับของขวัญแนบไปด้วย เมื่อได้รับของชิ้นดังกล่าวมา เขาก็เปิดกล่องออกดู ในอดีตที่ผ่านมา โม่ฮุ่ยหลิงมักให้ของขวัญเขาอยู่เสมอ แต่ของที่เธอให้ก็มักไม่ได้เป็นของสลักสำคัญอะไรนัก ชายหนุ่มจึงค่อนข้างจะชินชาเพราะได้รับมาหลายต่อหลายครั้งจนพอจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าจะเป็นอะไร และหลังจากนั้นเขาก็จะโยนมันใส่ตู้ที่มุมห้องเอาไว้อย่างไม่สนใจและไม่เคยเปิดออกมาดูอีกเลย 

 

 

หลินเช่อใช้เวลาตลอดทั้งวันอยู่ที่บริษัทเพื่อพบปะกับนักแสดงที่จะร่วมงานกันในงานชิ้นถัดไปของเธอ หลังจากทำความรู้จักกันคร่าวๆ และเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทำที่จะมีขึ้นเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาก็กลับไปโดยทิ้งเธอเอาไว้กับอวี๋หมินหมิ่น 

 

 

ผู้จัดการสาวบอกว่า “ฉันเห็นประกาศเปิดกล้องละครที่กู้จิ้ิ้งอวี่ร่วมแสดงด้วยแน่ะ ดารานำฝ่ายหญิงคือฉินหวานหว่าน” 

 

 

“จริงเหรอคะ ฉันได้ยินฉินหวานหว่านพูดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ว่าเธอกำลังจะได้ร่วมงานกับกู้จิ้ิ้งอวี่น่ะค่ะ” 

 

 

อวี๋หมินหมิ่นออกความเห็นว่า “ดูเหมือนงานแสดงเรื่องถัดไปของฉินหวานหว่านน่าจะออกมาดีทีเดียวละ ไม่เคยมีงานแสดงเรื่องไหนของกู้จิ้ิ้งอวี่เรื่องไหนที่กระแสตอบรับไม่ดีมาก่อนเลย ทางทีมงานเองก็มาจากบริษัทใหญ่ทีเดียว” 

 

 

“ใช่ค่ะ” 

 

 

“แต่เราเองก็ใช่ว่าจะด้อยกว่าเขานะ หัวหน้าผู้กำกับของเราก็เคยมีผลงานละครระดับคลาสสิกมาแล้วหลายเรื่อง แถมเรายังมีโอกาสที่ได้เข้าชิงรางวัลละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยมด้วยนะ เธอกลับไปเตรียมตัวให้ดีล่ะ” 

 

 

“แน่นอนเลยค่ะพี่อวี๋” 

 

 

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลินเช่อก็เดินเข้ามาในห้องนอนและได้เห็นกล่องใบน้อยที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง 

 

 

หัวใจเธอสะดุดเล็กน้อย 

 

 

หลินเช่อคิดว่ากู้จิ้งเจ๋อคงจะซื้อของขวัญให้เธอกระมัง แต่เมื่อเปิดกล่องออกดู เธอก็ได้รู้ว่า… 

 

 

ข้างในนั้นคือเข็มกลัดเนกไทชิ้นเล็กบอบบาง เธอจำมันได้เป็นอย่างดีจากงานประมูลเมื่อคืนก่อน เพราะเจ้าเข็มกลัดชิ้นจิ๋วหลิวนี่มีราคาสูงถึงหลักล้านจนทำให้เธออดประทับใจไม่ได้ เธอได้ยินมาว่าผู้ออกออกแบบเข็มกลัดนี้เป็นดีไซเนอร์ชื่อดัง และหลังจากที่นักออกแบบคนนั้นเสียชีวิตลง ผลงานของเขาก็กลายเป็นของล้ำค่าและมีราคาแพงลิบขึ้นมาทันตา 

 

 

แต่ถึงอย่างไรก็เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเครื่องประดับสำหรับผู้ชาย 

 

 

หลินเช่อมองเห็นการ์ดใบเล็กในกล่อง แม้จะไม่อยากอ่านแต่ลายมือเรียบๆ นั้นก็ทำให้เธออดหยิบขึ้นมาดูไม่ได้ 

 

 

ข้อความนั้นลงท้ายด้วยตัวอักษร ‘M’ ด้านล่าง เห็นได้ชัดว่าคนที่มอบของชิ้นนี้ให้เขาก็คือโม่ฮุ่ยหลิงนั่นเอง 

 

 

หลินเช่อได้ยินเสียงดังมาจากนอกห้อง เธอจึงรีบปิดกล่องกลับคืนดังเดิม 

 

 

แม้จะไม่อาจซ่อนความประหลาดใจที่ยังคงเต้นระยิบอยู่ในดวงตาได้ แต่หญิงสาวก็พยายามทำท่าทีให้เป็นปกติ ด้วยเธอรู้ดีว่าเป็นเรื่องธรรมดาอย่างมากที่โม่ฮุ่ยหลิงจะมีของขวัญให้กู้จิ้งเจ๋อแบบนี้ 

 

 

แต่กระนั้นคำพูดของโม่ฮุ่ยหลิงก่อนหน้านี้ก็ยังติดค้างอยู่ในใจไม่คลายจนทำให้เธออดรู้สึกหดหู่ไม่ได้ 

 

 

ตกกลางคืน เธอปฏิเสธอาหารเย็นและชวนเฉินโยวหรานออกไปเที่ยวข้างนอก 

 

 

หญิงสาวทั้งสองตรงไปยังคลับที่ฉินหวานหว่านพาไปเมื่อวันก่อน 

 

 

เฉินโยวหรานไม่เคยมาที่นี่มาก่อน เธอจึงรีบคว้าแขนเพื่อนสาวด้วยความไม่แน่ใจ “ที่นี่ดูแพงมากเลยนะ” 

 

 

หลินเช่อตอบ “ฉันได้ยินมาว่าที่นี่เป็นบาร์ลับน่ะ มีแต่คนวงในเท่านั้นที่จะเข้ามาที่นี่ได้” 

 

 

“มิน่าล่ะ ฉันถึงคุ้นหน้าใครหลายคนในนี้อยู่ ดูเหมือนจะเป็นดาราทั้งนั้นเลย” เฉินโยวหรานว่า 

 

 

หลินเช่อพูดต่อไป “ฉันเองก็เพิ่งเคยมาสองครั้งเอง แต่ที่นี่ก็น่าจะมีดารามาเที่ยวเยอะอยู่หรอก” 

 

 

เฉินโยวหรานเหลียวมองไปรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจในขณะที่หลินเช่อมองหาที่นั่ง ความรู้สึกหดหู่หม่นหมองนี้ทำให้เธอนึกอยากดื่มขึ้นมาเสียอย่างนั้น 

 

 

“โยวหราน บอกฉันหน่อยสิ ฉันนี่โง่มากมั้ย ทำไมฉันถึงไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย” หลินเช่อถาม 

 

 

เฉินโยวหรานตอบโดยไม่รอช้า “ไม่นะ เธอไม่โง่หรอก ฉันคิดว่าเธอฉลาดออกจะตายไป” 

 

 

“นั่นเป็นเพราะว่าเธอชอบฉันน่ะสิ” 

 

 

“เดี่ยวเถอะ นี่ฉันกำลังปลอบเธออยู่นะ อย่าชักใบให้เรือเสียสิ” 

 

 

หลินเช่อเล่าให้เพื่อนฟังเรื่องที่กู้จิ้งเจ๋อได้รับของขวัญจากหญิงสาวคนรัก 

 

 

ฝ่ายเฉินโยวหรานเมื่อได้ฟังก็เป็นเดือดเป็นแค้นอย่างยิ่ง “ให้ตายสิ! แบบนี้มันยอมไม่ได้ ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเขาแล้วนะ!” 

 

 

“ก็ใช่ แต่ผู้หญิงคนนั้นคือรักแท้ของเขานะ ฉันไม่มีทางเทียบหล่อนได้หรอก ที่โม่ฮุ่ยหลิงว่าก็ถูกแล้วล่ะ ฉันไม่คู่ควรกับเขาเลยสักนิด แต่ฉันดันหนังหนาหน้าทนน่ะสิถึงได้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเรื่องนี้” 

 

 

“นี่ เธอจะยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้นะยะ ถ้าหล่อนให้ของขวัญเขา เธอก็ควรจะให้บ้างซี่” 

 

 

หลินเช่อหันมองหน้าเพื่อน “ฉันจะให้อะไรได้ล่ะ ฉันคิดไม่ออกเลยว่าตัวเองจะมีปัญญาให้อะไรเขา กู้จิ้งเจ๋อไม่เคยขาดอะไร แล้วเขาก็ไม่ต้องการอะไรด้วยเหมือนกัน ส่วนตัวฉันก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังไว้ถลุงเล่นเหมือนโม่ฮุ่ยหลิงที่จะซื้อของขวัญชิ้นละเป็นล้านแบบนั้นด้วย…” 

 

 

เฉินโยวหรานหัวเราะ “เฮ้ๆ พอเป็นเรื่องของการให้แล้วมันไม่เกี่ยวกับราคาหรอกนะ มันเกี่ยวกับความคิดต่างหากล่ะ..ถ้าเธอไม่มีเงินจะซื้อของ…” เพื่อนสาวขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก “ก็ให้ตัวเองแทนไงล่ะ เข้าท่าออกนะ” 

 

 

“จะบ้าเรอะ!” 

 

 

ดวงตาของเฉินโยวหรานเต้นระยับเมื่ออยู่ๆ ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว “ก็ทำให้เขาประหลาดใจสิ…แบบนี้เป็นไงล่ะ…เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะส่งของบางอย่างไปให้เธอนะ ฮิๆ เธอจะได้ใช้มันมอบเป็นของขวัญให้กู้จิ้งเจ๋อไงล่ะ รับรองได้ว่าเขาจะต้องชอบมันแน่!” 

 

 

“อะไรนะ” 

 

 

หลินเช่ออยากจะถามต่อ แต่เป็นจังหวะที่เธอได้ยินใครบางคนร้องเรียกขึ้นทางด้านหลังพอดี 

 

 

“คุณนายกู้ มาทำอะไรที่นี่ครับเนี่ย” คนคนนั้นก็คือเฉินอวี่เฉิงนั่นเอง 

 

 

เมื่อเฉินโยวหรานหันไปเห็นนายแพทย์หนุ่ม หน้าเธอก็พลันเปลี่ยนสีทันที 

 

 

เฉินอวี่เฉิงทำทีเป็นมองไม่เห็นเฉินโยวหรานแล้วเดินเข้ามาทักทายหลินเช่อ เขาถามเธอว่า “แล้วท่านประธานกู้ล่ะครับ” 

 

 

หลินเช่อมองนายแพทย์ประจำตัวของกู้จิ้งเจ๋อด้วยความประหลาดใจ “ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ละคะ” 

 

 

ที่เดินมาเคียงข้างเฉินอวี่เฉิงคือหญิงสาวหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตาที่ดูท่าทางจะสนิทสนมกับเขาไม่น้อยเลย “ผมมาสนุกที่นี่อยู่บ่อยๆ น่ะครับ เพราะงั้นผมควรจะเป็นคนถามคำถามนี้กับคุณมากกว่านะ ว่าคุณมาทำอะไรที่นี่” 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด