เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก 153 เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอก

Now you are reading เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก Chapter 153 เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เพราะกู้จิ้งเจ๋อเหรอ” เขาถามพลางยิ้มอย่างหม่นหมอง 

 

 

หลินเช่อส่ายหน้า อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็คือคนที่เธอเคยชอบนักหนามาก่อน “การชอบหรือไม่ชอบใครสักคนน่ะมันไม่เกี่ยวกับคนอื่นหรอกนะ” 

 

 

ถ้าจะชอบ มันก็ชอบ ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาไปเปรียบเทียบกับใครเลย 

 

 

หลินเช่อหมุนตัวและเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไร เธอเปิดโทรศัพท์แล้วก็ได้เห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับอยู่นับสิบ 

 

 

เมื่อก้าวออกมานอกห้อง เธอก็ได้พบว่าหัวหน้าพ่อบ้านตระกูลกู้กำลังยืนรอเธออยู่ที่ด้านนอกของห้อง 

 

 

หลินเช่อถามด้วยความตกใจ “พ่อบ้านหู มาที่นี่ได้ยังไงคะ” 

 

 

พ่อบ้านรีบตอบว่า “นายท่านเที่ยวตามหาคุณผู้หญิงอยู่นานทีเดียวครับ ท่านบอกว่าคุณไม่มาพบตามที่นัดเอาไว้ว่าจะกินอาหารค่ำด้วยกัน แล้วท่านก็ไม่รู้ว่าคุณหายตัวไปไหน” 

 

 

หลินเช่อยกมือขึ้นตบหัวตัวเอง “จริงสินะ ฉันลืมเรื่องนัดกินมื้อค่ำไปสนิทเลย พอดีเกิดเหตุขึ้นซะก่อนน่ะ” 

 

 

“เดี๋ยวผมจะให้คนมารับช่วงดูแลเรื่องต่อให้เอง คุณผู้หญิงรีบกลับบ้านไปก่อนเถอะครับ” 

 

 

หลินเช่อรับคำแต่โดยดี “ตกลง แต่ความจริงที่นี่ก็ไม่มีอะไรแล้วละจ้ะ” 

 

 

ในขณะที่ก้าวขึ้นรถที่มารับกลับบ้าน หลินเช่อก็นึกถึงท่าทางของผู้เป็นพ่อบ้านที่ปกติแล้วจะดูสงบเยือกเย็นอยู่เป็นนิจ ทว่าวันนี้กลับดูไม่เหมือนปกติ เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่จึงรีบคว้าแขนคนขับรถที่นั่งอยู่ด้านหน้าไว้แล้วถามว่า “นี่เขาโกรธหรือเปล่าคะ” 

 

 

อีตานั่นน่ะใจน้อยออกจะตาย แปลว่าเขาต้องโกรธแน่ๆ ละ 

 

 

คนขับหันมามองหญิงสาวอย่างกระอักกระอ่วนใจ เขารู้ดีว่าคุณผู้หญิงเป็นคนพูดเสียงดัง ทำอะไรไม่คิดและไม่ถือเนื้อถือตัวแบบนี้นี่แหละ แต่ว่าวันนี้นายใหญ่ของเขานั้น… 

 

 

ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว คนขับรถจึงได้เพียงแต่บอกว่า “เดี๋ยวไปถึงบ้านก็รู้เองนั่นแหละครับ คุณผู้หญิง” 

 

 

เมื่อได้เห็นเช่นนั้น หลินเช่อก็รู้แล้วว่าท่าทางเรื่องคงจะไม่ค่อยสวยนัก หรือว่าเขาโกรธที่ปล่อยให้เขารอเก้อกันนะ หญิงสาวนึกด้วยความกระวนกระวาย 

 

 

ด้วยรู้ดีว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด หลินเช่อจึงนึกประดิดประดอยถ้อยคำที่จะพูดเตรียมเอาไว้ในใจ และเมื่อเธอก้าวเข้าไปในบ้าน กู้จิ้งเจ๋อก็ดินสวนออกมาพอดิบพอดี 

 

 

ชายหนุ่มเห็นเธอแล้วตั้งแต่ตอนที่หลินเช่อผลักประตูและเดินเข้ามาในบ้าน ดวงตาดำขลับของเขาตวัดมองด้วยความขุ่นมัวและจ้องเขม็งอยู่ที่เธอ ก่อนที่จะมองข้ามศีรษะเธอและเดินต่อไปข้างนอกอย่างไม่แยแส 

 

 

เมื่อหลินเช่อเห็นคนตัวโตกว่ายังก้าวขายาวฉับๆ ต่อไปโดยไม่ยอมหยุด เธอก็รีบพูดขึ้นว่า “ฉันขอโทษค่ะ เป็นความผิดของฉันเองแหละ ฉันไม่ควรปล่อยให้คุณรอเก้อแล้วก็ไม่รับสายตอนที่คุณโทรมาเลย แต่ฉันมีเรื่องสำคัญจริงๆ นะคะ ก็เลยมัวแต่วุ่นวายไปหน่อย จนไม่ทันสังเกตเห็น ฉัน…” 

 

 

สายตาดุดันนั้นตวัดมาหาเธอ ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ดุจหินที่ฝังจมอยู่ในก้อนน้ำแข็ง ความเย็นยะเยือกนั้นแผ่กระจายออกมาและเจาะทะลวงเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจของเธอ 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่เขาโกรธเธอนั้นเป็นเพราะว่าหลินเช่อแค่ไม่รับสายเขา หรือเพราะว่าหลินเช่อไม่ยอมรับสายเขาเพราะผู้ชายคนนั้นกันแน่… 

 

 

เขามองดูเธอด้วยสายตาปราศจากความรู้สึก มัวแต่วุ่นวายไปหน่อยงั้นรึ 

 

 

ทำไมไม่ยอมพูดออกมาล่ะว่ามัวแต่ยุ่งอยู่กับใคร 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อขยับขายาวๆ ของตัวเองออกเดินต่อไป 

 

 

หลินเช่อลนลานและรีบร้องเรียกเสียงดังว่า “กู้จิ้งเจ๋อ นี่คุณโกรธจริงเหรอเนี่ย” 

 

 

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมแม้แต่จะเหลียวหลังกลับมา หลินเช่อก็รีบออกวิ่งตามไป “กู้จิ้งเจ๋อ ทำไมถึงทำตัวแบบนี้ล่ะ นี่คุณเอาแต่โกรธฉันโดยไม่ยอมเอ่ยปากถามอะไรให้ฉันอธิบายสักคำด้วยซ้ำ มันเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ นะคะ อีกอย่าง ฉันก็เพิ่งจะเคยปล่อยให้คุณรอเก้อครั้งนี้ครั้งแรกเองนะ จะต้องโกรธกันขนาดนี้เลยเหรอ คุณ…” 

 

 

“อธิบายงั้นเรอะ” ชายหนุ่มหันขวับมา “ฉันยังจะต้องการคำอธิบายอะไรอีกล่ะ” 

 

 

หลินเช่อเกาะประตูรถแน่นไม่ยอมปล่อย 

 

 

สายตาเขาจับจ้องที่มือเธอก่อนจะเอื้อมมาปัดมือเธอออกไป “ฉันต้องรอให้เธออธิบายด้วยเหรอว่าเธอแล่นไปถึงโรงพยาบาลเพื่อผู้ชายที่เธอรักน่ะ รอให้เธอเล่าว่าไม่ยอมรับสายฉันเพราะเธอต้องคอยดูแลผู้ชายคนนั้นที่กำลังป่วยอยู่อย่างงั้นเหรอ” 

 

 

“ฉัน…” หลินเช่อนิ่งไป คิดในใจว่าเขาคงรู้ละสินะ ไม่อย่างงั้นเขาก็คงไม่สั่งให้พ่อบ้านหูไปตามหาเธอที่โรงพยาบาลหรอก 

 

 

คนอย่างกู้จิ้งเจ๋อย่อมต้องรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว 

 

 

“แต่…” 

 

 

“ฉันแค่อยากจะถามเธอสักหน่อยนะ ว่าเธอยังจำได้รึเปล่าว่าเขาเป็นคู่หมั้นพี่สาวเธอ เป็นผู้ชายที่เธอจะต้องเรียกเขาว่าพี่เขยน่ะ” 

 

 

“ฉัน…” 

 

 

หลังจากทิ้งท้ายด้วยประโยคทิ่มแทงราวกับมีดที่กรีดลงกลางใจ ชายหนุ่มก็ส่งสัญญาณบอกให้ออกรถได้ 

 

 

หลินเช่อทำได้พียงยืนมองรถเขาแล่นหายไปจนลับตา 

 

 

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน… 

 

 

เธอไม่ได้ลืมสักหน่อยว่าเขาเป็นพี่เขยน่ะ แล้วก็เพราะเหตุนี้ยังไงล่ะ เธอถึงได้ตัดสินใจเดินออกมาจากโรงพยาบาลแบบนั้น 

 

 

 

 

 

ที่โรงพยาบาล… 

 

 

ฉินชิงยังคงงุนงง แน่นอนว่าเขายังไม่ได้บอกใครเรื่องที่ตัวเองประสบอุบัติเหตุ แต่หมอของโรงพยาบาลกลับส่งตัวเขามายังโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาแผลอุบัติเหตุมากกว่า 

 

 

เพียงไม่นาน เขาก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลประจำกองทัพที่ดีที่สุดของประเทศและได้พักในห้องผู้ป่วยระดับวีไอพีของที่นั่น 

 

 

ฉินชิงยังคงต้องนอนคว่ำหน้า แต่เขาเห็นบรรดาพยาบาลพากันเดินขวักไขว่ไปมาไม่หยุด ชายหนุ่มร้องเรียกพยาบาลสาวคนหนึ่งไว้และถามว่า “ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ แล้วครอบครัวผมไปไหนกันหมด มีใครมาเยี่ยมบ้างหรือยัง” 

 

 

หรือว่าหลินเช่อจะเป็นคนแจ้งครอบครัวของเขาให้รู้เรื่องกันแล้วนะ 

 

 

แต่ถ้าครอบครัวของเขารู้ก็น่าจะต้องรีบรุดมาเยี่ยมในทันทีแน่ ทว่าจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นใครสักคน 

 

 

พยาบาลหญิงมองหน้าเขาด้วยท่าทีอึกอัก เมื่อฉินชิงถามซ้ำอีก เขาก็ได้ยินเสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นดังให้ได้ยินมาแต่ไกล 

 

 

ฉินชิงชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ได้เห็นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเดินเรียงหน้ากันมาเป็นแถว ตามหลังบุรุษสูงใหญ่ที่เดินอยู่ตรงกลาง ชายผู้นั้นเดินใกล้เข้ามา และใกล้เข้ามา 

 

 

ชายคนนั้นก็คือกู้จิ้งเจ๋อนั่นเอง 

 

 

เขาอยู่ในชุดสีดำ ขับให้ดวงตาดำสนิทของเขายิ่งดูดุดันขึ้นไปอีก แล้วก็ดูเหมือนว่าแววตาที่เย็นชาไร้ความปรานีคู่นั้นจะยิ่งดูเย่อหยิ่งไม่แยแสโลกยิ่งกว่าครั้งไหนๆ จนเมื่อกู้จิ้งเจ๋อมองเห็นเขาแล้ว สีหน้าสงบนิ่งไม่รู้สึกรู้สานั้นก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยน หนำซ้ำยังดูเหมือนจะแฝงด้วยความมืดดำยากจะเข้าถึงบางอย่างเอาไว้ด้วย 

 

 

เขามาที่นี่ทำไมกันนะ… 

 

 

สายตาของกู้จิ้งเจ๋อมองตรงมาที่เขา 

 

 

ฉินชิงรีบผุดลุกขึ้นและเอ่ยเรียก “ท่านประธานกู้” 

 

 

“ไม่ต้องลุกหรอก ฉันได้ยินจากหลินเช่อว่านายช่วยเธอไว้ ต้องขอบคุณการกระทำที่เสียสละของนายในครั้งนี้ด้วย ฉันเลยอยากมาเยี่ยมเพื่อดูว่านายเป็นยังไงบ้าง โรงพยาบาลนี้น่าจะสบายกว่าที่เดิมไม่น้อยเพราะเป็นโรงพยาบาลที่ดีกว่ามาก ฉันจัดการฝากฝังนายกับทีมแพทย์ของที่นี่ไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะช่วยดูแลนายให้หายดีในเร็ววัน เพราะฉะนั้นคุณชายรองโปรดอย่าได้กังวลถึงเรื่องอื่นเลย แค่ใส่ใจดูแลตัวเองให้หายดีเท่านั้นก็พอ ฉันสั่งคนให้ช่วยแจ้งข่าวครอบครัวของนายแล้ว เดี๋ยวพวกเขาก็คงจะรีบมาเยี่ยมกัน” 

 

 

หลินเช่องั้นเหรอ 

 

 

นี่หลินเช่อเล่าให้กู้จิ้งเจ๋อฟังงั้นเหรอ 

 

 

ความผิดหวังฉายวาบขึ้นบนใบหน้าของฉินชิง สายตาทอดมองไปข้างหน้า แม้ว่าในหัวใจเขาจะรู้สึกโศกเศร้ามากแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจแสดงมันออกมาให้อีกฝ่ายรู้ได้ 

 

 

ถ้าหลินเช่อเป็นคนเล่าให้กู้จิ้งเจ๋อฟัง แล้วกู้จิ้งเจ๋อก็ยังอุตส่าห์ตามมาดูเขาถึงที่นี่แบบนี้ละก็… 

 

 

นั่นแปลว่าเธอไม่ต้องการที่จะข้องเกี่ยวอะไรกับเขาอีกต่อไปแล้วจริงๆ 

 

 

ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาเธอคงไม่เคยชอบเขาเลยสินะ 

 

 

ฉินชิงยิ้มอย่างแห้งแล้งและตอบว่า “ขอบคุณมาก หลินเช่อเป็นผู้หญิง ถึงยังไงมันก็เป็นสิ่งที่ผมสมควรทำอยู่แล้วละครับ ถ้าจะปล่อยให้ผู้หญิงต้องเจอแผลมากมายขนาดนี้จนกลายเป็นแผลเป็นคงไม่ดีแน่” 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อว่า “ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณคุณชายรองอยู่ดีนั่นแหละ สิ่งที่คุณชายรองทำเพื่อหลินเช่อ ก็เท่ากับว่าทำเพื่อผมด้วยเหมือนกัน” 

 

 

ฉินชิงเหลียวมองไปรอบๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้ถูกส่งตัวมายังห้องพิเศษของโรงพยาบาลแห่งนี้ 

 

 

ชายหนุ่มมองเลยไปยังบรรดาบอดี้การ์ดที่ยืนแวดล้อมร่างสูงเอาไว้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลินเช่อถึงชอบผู้ชายคนนี้ 

 

 

ก็เขามีอะไรให้ไม่ชอบบ้างล่ะ 

 

 

ต่อให้เธอรู้ว่านี่เป็นความสัมพันธ์ที่อันตราย เธอก็คงไม่ยอมไปจากกู้จิ้งเจ๋อได้ง่ายๆ หรอก 

 

 

เมื่อคิดดังนั้น ฉินชิงจึงรู้สึกว่าคำสารภาพรักของเขาที่มีต่อเธอในวันนี้ช่างเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี 

 

 

ต่อให้เอามาเปรียบเทียบกันคร่าวๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ว่าใครก็จะต้องเลือกผู้ชายอย่างกู้จิ้งเจ๋อ แทนที่จะเป็นเขากันทั้งนั้นแหละ… 

 

 

แต่ถึงกระนั้นฉินชิงก็ยังอดเศร้าใจไม่ได้ ถ้าเพียงแต่เขาได้รู้ว่าหลินเช่อดีแค่ไหนให้เร็วกว่านี้สักหน่อยละก็… 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด