เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก 189 ไม่ว่าคุณจะต้องการอะไร เรามีทุกอย่าง

Now you are reading เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก Chapter 189 ไม่ว่าคุณจะต้องการอะไร เรามีทุกอย่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กู้จิ้งเจ๋อครุ่นคิด สมองของหลินเช่อคนนี้ ล้วนแต่เต็มไปด้วยความคิดบ้องตื้นไร้สาระอยู่เต็มไปหมด  

 

 

แต่เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวไม่เคยมาเที่ยวแอลเอมาก่อนเลย กู้จิ้งเจ๋อก็จัดการสั่งเตรียมรถเพื่อพาเธอไปช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าในทันที  

 

 

เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้า หลินเช่อก็ได้เห็นประโยชน์ของการมาช้อปปิ้งกับอภิมหาเศรษฐี เพราะทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปในร้าน บรรดาพนักงานก็พากันขนเอากระเป๋าสารพัดแบบออกมาให้เลือกชม กู้จิ้งเจ๋อเมื่อเห็นว่าทุกใบดูสวยดี จึงจัดแจงสั่งแพ็คลงกล่องทันที  

 

 

เพียงไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น หลินเช่อก็มีถุงข้าวของพะรุงพะรังเต็มตัว  

 

 

หญิงสาวพูดขึ้นว่า “ไม่คิดเลยนะคะเนี่ยว่า การได้รับบาดเจ็บจะทำให้ฉันมีโอกาสได้มาต่างประเทศ ฮิๆ”  

 

 

กู้จิ้งเจ๋อว่า “ฉันสั่งคนให้สืบหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจากคนในทีมงานแล้วนะ”  

 

 

“หืม แบบนี้ทีมงานไม่กลัวกันจนหัวหดหรือคะถ้าคุณไปซักไซ้ไล่เลียงเข้าน่ะ…อันที่จริง มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เราก็แค่ถ่ายทำกันตามปกติ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะผิดพลาดเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้นะคะ”  

 

 

แต่กู้จิ้งเจ๋อยังคงยืนยัน “ถึงยังไงเราก็ต้องรู้สาเหตุให้ได้ เท่าที่เรารู้ อาจจะมีใครบางคนที่พยายามวางแผนทำร้ายเธอก็ได้ เราต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน”  

 

 

“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ใครจะอยากทำร้ายฉันกันคะ” หลินเช่อถามด้วยความสงสัย  

 

 

คนตัวใหญ่กว่าเคาะหัวเธอ “สมองน้อยอย่างเธอจะไปเข้าใจอะไรล่ะ เอาละ ไปกันเถอะ ไปซื้อกระเป๋า ก็ไหนเธอบอกว่ามันเป็นยาสารพัดโรคไม่ใช่เหรอ”  

 

 

หลินเช่อเดินตามชายหนุ่มไปแต่โดยดี แต่เมื่อเห็นเขากว้านซื้อข้าวของมากมายไม่หยุด เธอก็รีบบอกว่า “อันที่จริง ฉันว่าคุณซื้อเยอะเกินไปแล้วละค่ะ”  

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก เอากลับไปแล้วเธอค่อยๆ เลือกมาใส่ก็ได้”  

 

 

“นี่ฉันต้องมีเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ ปกติบริษัทก็เป็นคนเตรียมเสื้อผ้าเวลาฉันออกงานอยู่แล้ว” หลินเช่อรีบบอก  

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก งั้นก็เอาไว้ใส่ให้ฉันดูก็ได้นี่” กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะ  

 

 

“นี่คุณจะบอกว่า เสื้อผ้าที่ฉันใส่อยู่ทุกวันมันไม่ได้เรื่องงั้นเหรอคะ หึ ก็คงอย่างนั้นแหละค่ะ ผู้หญิงบ้านนอกๆ อย่างฉันจะไปดูดีสู้พวกกุลสตรีทั้งหลายได้ยังไงเล่า” หลินเช่อทำปากยื่นอย่างเง้างอน  

 

 

ชายหนุ่มหันมองคนใจน้อยแล้วก็ปลอบว่า “ไม่หรอกน่า เธอใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้นนั่นแหละ”  

 

 

“ฉันไม่เชื่อหรอก เชอะ” หลินเช่อยังคงกระบิดกระบวนไม่เลิก เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะกลายเป็นผู้หญิงแสนงอนแบบนี้ได้  

 

 

ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ แล้วมองดูปากตุ่ยๆ ของอีกฝ่าย ด้วยความรู้สึกที่ลุกวาบขึ้นในใจ เขายิ้ม ก่อนจะก้มลงมาหาเธอ ใบหน้าของหลินเช่อยังมีกลิ่นยาฆ่าเชื้ออยู่ แต่มันกลับไม่สามารถบดบังกลิ่นกายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอได้ กลิ่นที่เขาสามารถบอกได้ทันทีว่านี่คือเธอ  

 

 

เขาก้มศีรษะลงมาแล้วเอาแนบเข้ากับศีรษะของอีกฝ่าย “ฉันพูดจริงๆ เสื้อผ้าที่เธอใส่น่ะสวยดีออก”  

 

 

ชายหนุ่มมองหน้าและพูดเรียบๆ ต่อไปอีกว่า “แต่แน่นอนว่า เธอจะดูดียิ่งกว่าถ้าไม่ใส่เสื้อผ้าอะไรเลย…”  

 

 

“…” หลินเช่อหน้าแดงแป๊ด ยกมือฟาดเขาเข้าดังเพียะ  

 

 

แต่กู้จิ้งเจ๋อถอยหนีไปได้เสียก่อน  

 

 

สีหน้าเคร่งขรึมเป็นปกติของเขา ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลินเช่อได้แต่คิดในใจ…ผู้ชายคนนี้ชักจะเกเรมากขึ้นทุกวันแล้วนะ! นี่หัดตัวทำร้ายๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  

 

 

แถมยังมาทำหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้อีกต่างหาก  

 

 

กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะลั่นเมื่อได้เห็นหน้าอีกฝ่ายแดงก่ำ  

 

 

ทั้งสองเดินช้อปปิ้งกันต่อ  

 

 

เมื่อเสร็จเรียบร้อย หลินเช่อก็นึกกังวลใจว่า แล้วพวกเธอจะขนข้าวของทั้งหมดกลับประเทศได้อย่างไร จนกระทั่งเธอเห็นกู้จิ้งเจ๋อออกคำสั่งกับคนขับรถด้วยภาษาอังกฤษอันคล่องแคล่ว ให้พาเขาและเธอไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง  

 

 

ในไม่ช้า รถก็ขับมาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง หลินเช่ออดคิดไม่ได้ว่ามันช่างใหญ่โตราวกับพิพิธภัณฑ์เลยทีเดียว  

 

 

“เรามาทำอะไรที่นี่กันคะ”  

 

 

เขาตอบ “ปกติฉันไม่ค่อยได้แวะมาที่บ้านหลังนี้เท่าไหร่”  

 

 

“โอ้ ฉันลืมไปว่ามหาเศรษฐีอย่างคุณน่ะมีบ้านอยู่ทั่วทุกที่ โธ่เอ๊ย ฉันอุตส่าห์กังวลไปเสียตั้งมากมาย” หลินเช่อบ่น  

 

 

“กังวลเรื่องอะไร”  

 

 

“ก็กังวลว่าจะหาที่เก็บของพวกนี้ได้ที่ไหนน่ะสิคะ”  

 

 

“…”  

 

 

หลินเช่อเดินเข้าไปด้านใน และเหลียวดูโดยรอบ บ้านหลังนี้ใหญ่ยิ่งกว่าคฤหาสน์ตระกูลกู้เสียอีกแต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นบ้านซักเท่าไหร่ มันดูเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่มีชิ้นงานศิลปะวางประดับอยู่ทั่วไปหมดมากกว่า ทำให้ถึงแม้ว่าจะสวยสง่า แต่ก็ปราศจากสัมผัสของการมีคนอาศัยอยู่  

 

 

กู้จิ้งเจ๋ออธิบายว่า “ปกติแล้วฉันจะใช้บ้านนี้เอาไว้เก็บงานศิลปะที่ประมูลมาได้น่ะ เข้าไปกันเถอะ ข้างในมีห้องนอน เราค้างคืนกันที่นี่ได้”  

 

 

หลินเช่อเดินเข้าไปในห้อง เธอพูดพลาง สำรวจรอบๆ ไปพลางว่า “ที่นี่ใหญ่เป็นบ้าเลย กู้จิ้งเจ๋อ ฉันเพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่าคุณรวยเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนี้น่ะ”  

 

 

“เพิ่งจะรู้หรือไง” ชายหนุ่มหัวเราะหึ  

 

 

หลินเช่อว่า “ฉันรู้ค่ะว่าคุณรวย แต่ยิ่งรู้จักคุณมากเท่าไหร่ ฉันก็ได้รู้ว่าคุณรวยมาก มากเกินไป ยิ่งคุณรวยมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งยอมหย่าจากคุณไม่ได้เท่านั้น แล้วแบบนี้จะให้ฉันทำยังไงดีล่ะคะ”  

 

 

กู้จิ้งเจ๋อหันมองเธอ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวเขาทันที ถ้าเขาไม่หย่ากับเธอล่ะ…  

 

 

คฤหาสน์แห่งนี้เหมาะมากสำหรับการมาพักผ่อนช่วงวันหยุด  

 

 

ถ้าจัดการตกแต่งมันซะใหม่ให้ดูอบอุ่นด้วยโทนสีเหลือง สร้างสระว่ายน้ำเอาไว้ตรงสนามด้านนอก ตั้งชิงช้ากับหลุมทราย แล้วก็มีเด็กๆ ซักสามหรือห้าคนวิ่งเล่นอยู่บนสนาม มีหมาคอยเห่าอยู่รอบๆ ก็คงจะเป็นชีวิตที่งดงามไม่น้อยเลยทีเดียว  

 

 

กู้จิ้งเจ๋อคนเก่าคงไม่มีทางจินตนาการถึงชีวิตแบบนี้เป็นแน่  

 

 

หลินเช่อเดินเข้าห้องและตรงเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ เมื่อก้าวกลับออกมา เธอก็ได้เห็นกู้จิ้งเจ๋อถอดเสื้อออกและเหวี่ยงทิ้งไปข้างๆ  

 

 

ร่างกายท่อนบนของเขาปกคลุมด้วยผิวสีน้ำผึ้งที่ทำให้หลินเช่อถึงกับตะลึงจนลืมขยับตัว  

 

 

ชายหนุ่มหันมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า และได้เห็นหญิงสาวกำลังยืนจ้องมองเขาด้วยท่าทีงงงัน  

 

 

สายตาเธอจับจ้องมาที่เนื้อตัวเขาอย่างชนิดที่ไม่สงวนท่าทีแม้แต่น้อย จ้องเอาจ้องเอาเสียจนดูราวกับลูกกะตาจะหลุดออกมาดอกเบ้าได้ทุกเมื่อ  

 

 

ความชื่นชมฉายชัดอยู่บนใบหน้าแดงระเรื่อ ทำให้ชายหนุ่มแช่มชื่นในอารมณ์ขึ้นมาทันที ทั้งรู้สึกภาคภูมิและมีชีวิตชีวาไปพร้อมกัน  

 

 

เขายิ้มและหันไปมองเธอ แสยะยิ้มน้อยๆ ก่อนจะถามว่า “มองอะไรน่ะ”  

 

 

หลินเช่อสะดุ้ง และรีบแสร้งยกมือเขาศีรษะ “นี่คุณจะมาถอดเสื้อผ้าตรงนี้ทำไมคะเนี่ย!”  

 

 

“อ้าว ฉันก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ แล้วนี่เธอจะบอกว่าไม่ชอบมองรึไง จะมาทำเป็นมีน้ำโหทำไมเนี่ย”  

 

 

“ใครชอบมองกัน…” หลินเช่อร้องเสียงดัง  

 

 

“ไม่ชอบหรอกรึ ก็เห็นน้ำลายยืดซะขนาดนั้น เอ้ารีบเช็ดเข้าสิ”  

 

 

“อะไรนะ จริงเหรอ” หลินเช่อรีบก้มหน้าลงและยกมือขึ้นเช็ดน้ำลาย  

 

 

ลึกๆ ในใจ หญิงสาวก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองช่างทำอะไรน่าอายอย่างนี้นะ  

 

 

แต่ทว่าเมื่อมือสัมผัสเข้าที่มุมปาก หลินเช่อก็พบว่ามันแห้งสะอาดดี ไม่มีน้ำลายเลยซักนิด  

 

 

เขาโกหกนี่นา  

 

 

คราวนี้หลินเช่อเอ็ดตะโรกลับอย่างโกรธจัด “ไม่มีน้ำลายซักหน่อย คนโกหก!”  

 

 

กู้จิ้งเจ๋อเมื่อได้เห็นหลินเช่อทำเรื่องซื่อบื้อแบบนั้น ก็อดขันไม่ได้  

 

 

ในหัวของหล่อนทำด้วยอะไรกันนะ ถึงได้บื้อได้ขนาดนี้  

 

 

กู้จิ้งเจ๋อมองดูใบหน้าเล็กๆ นั้น และเดินเข้ามาหาอย่างเงียบๆ “มองหาน้ำลายอยู่เหรอ”  

 

 

“อะไรนะคะ”  

 

 

“มีน้ำลายอยู่ตรงนี้นี่ไง”  

 

 

“ไหนคะ…” หลินเช่อถามอย่างสงสัย  

 

 

แล้วทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มก็ใช้มือประคองด้านหลังศีรษะของเธอไว้ และบังคับใบหน้าเรียวเล็กนั้นให้เชิดขึ้น และกดจูบลงกับริมฝีปากเรียวบาง แดงเรื่อ  

 

 

ปลายลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในปาก นำพาความชื้นฉ่ำเข้าไปด้วย  

 

 

มันสร้างความปั่นป่วนอึงอวลขึ้นในใจของหลินเช่อ เขาดึงลิ้นอุ่นออกมาแล้วกลับดันมันกลับเข้าไปใหม่ หยอกเย้ากับเรียวปากของเธอจนกระทั่งชื้นฉ่ำกันไปทั้งคู่  

 

 

“นี่ไงล่ะ น้ำลาย”  

 

 

ก็ใช่ ตอนที่เขาบอกว่ามีน้ำลาย เขาหมายถึงน้ำลายของเขานี่เอง…  

 

 

ใครอยากได้น้ำลายเขากันไม่ทราบ  

 

 

ให้ตายสิ…  

 

 

อีตากู้จิ้งเจ๋อคนนี้ไปหัดทำเรื่องร้ายกาจแบบนี้มาจากไหนกันนะ ก็เห็นๆ อยู่ว่าเมื่อก่อนไม่ใช่คนเกกมะเหรกเกเรอะไรซักหน่อย  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด