เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก 225 ตลอดชีวิตก็ฟังดูไม่เลวเหมือนกันนะ

Now you are reading เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก Chapter 225 ตลอดชีวิตก็ฟังดูไม่เลวเหมือนกันนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลินเช่อจับผ้าขึ้นพันรอบคอเขาสองสามรอบก่อนจะถอยออกไป เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง เธอก็พบว่ามันทำให้เขาดูเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม มันทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากทีเดียว

 

 

รูปโฉมอันน่าทึ่งของกู้จิ้งเจ๋อเป็นสิ่งที่ไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้ รัศมีความสง่างามอย่างคนสูงศักดิ์ของเขาทำให้แม้ผ้าพันคอข้างถนนนี้ยังดูเป็นของดีมีราคาขึ้นมาได้

 

 

ว่ากันว่าเสื้อผ้าทำให้คนเราดูดี แต่บางทีเสื้อผ้าก็ดูดีเพราะคนสวมได้เช่นกัน

 

 

หลินเช่อคิด ผู้ชายอย่างกู้จิ้งเจ๋อนี้ แม้แต่จะสวมเพียงเสื้อผ้าลำลองธรรมดา ก็ยังคงดูราวกับนั่งอยู่ในงานแฟชั่นวีคในปารีสได้

 

 

ผู้คนที่เดินผ่านไปมาบนถนนเริ่มสังเกตเห็นและหันมามองสองหนุ่มสาว

 

 

หลินเช่อใช้สองมือขยับผ้าพันคอให้เข้าที่ และเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาระยิบพลางบอกว่า “คุณดูดีจังค่ะ”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาเยือกเย็นของอีกฝ่ายก็เลื่อนมาจับที่ใบหน้าหลินเช่อทันที เขามองดูเธอและยิ้ม ก่อนที่จะปลดชายยาวข้างหนึ่งของผ้าพันคอออกและพันเข้ากับคอของเธออีกคน

 

 

การทำเช่นนั้นยังทำให้ร่างทั้งสองต้องกระเถิบเข้ามาชิดกันมากขึ้นด้วย

 

 

หน้าของเธอแทบจะแนบเข้ากับคางของเขา หลินเช่อแหงนหน้ามองเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความงดงามอ่อนหวานและประทับใจ ใครก็ตามที่ผ่านไปมาก็อดไม่ได้ที่จะหันมามอง

 

 

ผู้คนบนถนนเมื่อได้เห็นสองหนุ่มสาวที่ดูราวกับภาพวาดนี้ ล้วนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งในความเหมาะสมกันจนน่าอิจฉาของเขาและเธอ

 

 

ใครคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ผ้าพันคอนั่นดูดีจัง ไม่เหมือนของขายข้างถนนเลย ไปซื้อกันซักผืนเถอะ”

 

 

“ไม่เอาน่า อย่างเธอน่ะต่อให้ใช้ของชาแนลก็ยังดูเหมือนของข้างถนนเลย ดูหน้าตาเขาซะมั่งเถอะ ต่อให้เธอซื้อเสื้อผ้าเหมือนเขา แต่งออกมายังดูเป็นคนละคนเลย”

 

 

“ปากเสีย ฉันว่ามันดูสวยดีนา”

 

 

แม่ค้าสาวอดใจไม่ไหวจึงถ่ายรูปของทั้งสองเอาไว้ เสียงกดชัตเตอร์ทำให้กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกตัวและหันขวับมา เขาถามทันทีว่า “นั่นทำอะไรน่ะ”

 

 

แม่ค้าตัวสั่นเทาด้วยความกลัวจากสายตาเย็นชาคู่นั้น “ฉันคิดว่าคุณทั้งสองคนดูดีมากๆ ก็เลยอยากจะถ่ายรูปเอาไว้ช่วยขายของน่ะค่ะ”

 

 

เมื่อหลินเช่อได้ยินก็กันมา “วันนี้อากาศเย็นออกจะตาย ทำไมเธอถึงออกมานั่งขายผ้าพันคอล่ะจ๊ะ”

 

 

ดูท่าทางเธอยังอายุไม่มาก บางทีน่าจะยังเป็นนักเรียนอยู่ด้วยซ้ำ

 

 

สาวน้อยหัวเราะเสียงขื่น “ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แต่ว่าไม่ได้ไปเรียนน่ะค่ะ ครอบครัวของฉันยากจนเกินไป ฉันก็เลยไม่มีทางเลือก ต้องออกมาทำงานก่อนในปีนี้ ถ้าเก็บเงินค่าเทอมกับค่าใช้จ่ายประจำวันได้พอเมื่อไหร่ ฉันว่าจะกลับไปสอบใหม่อีกทีในปีหน้า ตอนกลางวันฉันไปทำงาน ส่วนกลางคืนก็เลยออกมาขายของหารายได้เสริมน่ะค่ะ”

 

 

หลินเช่อมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเห็นใจ อดคิดถึงตัวเธอเองในยามที่จนตรอกขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน

 

 

เธอเข้าใจความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังเช่นนี้เป็นอันดี

 

 

แต่ไม่ว่าจะสิ้นหวังแค่ไหน เธอก็ยังต้องสร้างความหวังให้ตัวเอง และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอเอาชีวิตรอดมาได้

 

 

หลินเช่อเงยหน้ามองกู้จิ้งเจ๋อและพูดว่า “ฉันคิดว่าเด็กหญิงที่รู้จักพึ่งพาตัวเองได้แบบนี้เป็นเรื่องดีมากเลยนะคะ ฉันช่วยเธอเหมาหมดแผงนี่ได้ดีมั้ย”

 

 

กู้จิ้งเจ๋อหันมองเธอแล้วพยักหน้า

 

 

หลินเช่อหันไปบอกกับเด็กสาวว่า “ถ้าเธอสนใจ เธอมาทำงานกับฉันได้นะจ๊ะ นี่เป็นข้อมูลสำหรับติดต่อ รับไปสิจ๊ะ ถ้าเธอตัดสินใจว่าอยากจะมาทำ ก็โทรหาฉันแล้วกันนะ ฉันรับประกันได้ว่างานนี้จะทำให้เธอได้เงินมากกว่างานที่เธอทำอยู่ตอนนี้แน่ๆ แต่มันก็เป็นงานที่ยากเหมือนกันแล้วฉันก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะรับเธอหรือเปล่า แต่ถ้ายังไงก็มาลองดูก่อนได้นะจ๊ะ”

 

 

“อา ขอบคุณมากค่ะ! ฉันจะลองคิดดู” เด็กสาวหันไปมองกู้จิ้งเจ๋อแล้วก็หน้าแดงระเรื่อ “พี่สาวคะ แฟนพี่นี่หล่อจังเลย พี่เองก็ใจดีมาก พวกพี่สองคนโชคดีมากเลยนะคะ”

 

 

หลินเช่อยิ้มในขณะที่กู้จิ้งเจ๋อดึงมือเธอ

 

 

หลินเช่อหันไปปลดผ้าพันคอออกจากตัวเองและพันให้เขา เธอเขย่งปลายเท้า กวาดตามองใบหน้าของชายหนุ่ม เขาดูสมบูรณ์แบบอะไรอย่างนี้นะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแม่ค้าสาวคนนี้ถึงได้หน้าแดงเมื่อได้เห็นเขา

 

 

หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อพากันเดินต่อ แล้วจู่ๆ เกล็ดหิมะก็ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า

 

 

เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะยื่นมือออกไปคว้าละอองสีขาวนั้นไว้ เป็นท่วงทีเรียบง่าย สงบเงียบ ราวกับว่าทุกอย่างถูกคิดคำนวณมาแล้วเป็นอย่างดีและไม่มีอะไรจะมาขวางเขาได้

 

 

เมื่อก่อนนี้ หลินเช่อไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะชอบผู้ชายแบบนี้ได้ เธอมักจะชื่นชมผู้ชายสไตล์เด็กหนุ่มข้างบ้านแบบฉินชิงเสียมากกว่า

 

 

แต่ตอนนี้ เธอค่อยๆ หลงใหลในเสน่ห์ของเขาเพิ่มมากขึ้นทุกที เธอจับมือเขาไว้ และรู้สึกได้ว่าหัวใจเธอกำลังเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าตอนที่เธอกับเขาจูบหรือมีอะไรกันเสียอีก

 

 

นี่เธอเป็นอะไรไป

 

 

เมื่อเห็นเขามองตอบมา หญิงสาวก็รีบก้มหน้า

 

 

นี่เธอกำลังตกหลุมรักเขาอย่างงั้นเหรอ

 

 

หรือเธอแค่เริ่มเคยชินกับการมีเขาคอยปกป้องและเป็นที่พึ่งพา

 

 

นี่เธอกล้าดียังไงถึงได้ตกหลุมรักผู้ชายที่ทั้งแข็งแกร่งและเพียบพร้อมขนาดนี้

 

 

ด้วยความพยายามจะหลบสายตา แต่ในจังหวะต่อมา เมื่อก้าวขึ้นไปบนทางเท้าโดยไม่ระวัง ส้นรองเท้าของเธอก็เกิดหัก

 

 

“โอ๊ย ไม่นะ มาหักอะไรตอนนี้ รองเท้าแพงๆ แบบนี้ทำไมถึงได้หักง่ายนัก” หลินเช่อร้องออกมาอย่างลืมตัว กู้จิ้งเจ๋อมองดูรองเท้าส้นสูงที่หลินเช่อยังคร่ำครวญด้วยความเสียดาย ก่อนจะปามันทิ้งไป

 

 

“นี่ คุณทำอะไรน่ะ…” เธอร้องเสียงหลง

 

 

เขาว่า “เธอไม่ต้องใช้มันแล้วละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันซื้อให้ใหม่”

 

 

“…” หลินเช่ออึ้งไป “ทางบริษัทให้ฉันยืมใส่มางานเลี้ยงคืนนี้นะคะ!” และโดยไม่รอให้เธอเดินไปหยิบรองเท้ากลับมา เขาก็จัดการยกตัวเธอขึ้นหลัง “อย่าขยับสิ ฉันจะแบกเธอเอง”

 

 

เมื่อขึ้นไปอยู่บนหลังเขา หลินเช่อก็หยุดดิ้น เธอกอดแผ่นหลังกว้างนั้นไว้ ความรู้สึกซาบซึ้งผุดขึ้นในใจอย่างเงียบๆ

 

 

สมัยยังเป็นเด็ก เธอนึกอิจฉาคนที่ได้ขี่คอพ่อ และถูกแบกไปมาราวกับสมบัติล้ำค่าอยู่เสมอ

 

 

แต่ตัวเธอเองกลับไม่เคยได้สัมผัสกับความรักของผู้เป็นพ่อแม้ซักวันเดียว

 

 

หลินเช่อเอนตัวพิง ซบหน้าลงกับแผ่นหลังนั้น

 

 

ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ว่าเธอแนบตัวลงบนตัวเขา ความรู้สึกอันแนบแน่นนี้ทำให้หัวใจเขารู้สึกถึงบางอย่างที่แตกต่างออกไป

 

 

กู้จิ้งเจ๋อยิ้มออกมา นี่เป็นความรู้สึกอันชวนให้สงบ และทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างที่สุด

 

 

หลินเช่อที่กางแขนกอดร่างเขาไว้พูดขึ้นว่า “ฉันว่าคุณน่าจะปล่อยฉันลงได้แล้วนะคะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว”

 

 

“ข้อเท้าเธอพลิก ไม่เห็นหรือไงว่ามันแดงออกอย่างนั้นน่ะ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล”

 

 

“ไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้นซักหน่อยนี่คะ”

 

 

“ถ้าเธอรอจนอาการหนักกว่านี้ มันจะสายเกินไปที่จะไปโรงพยาบาล ฉันไม่อยากจะคอยรับใช้ยัยแก่ขาหักไปตลอดชีวิตหรอกนะ”

 

 

“โถ่เอ๊ย พวกเราไม่ได้พูดเอาไว้ในคำสาบานตนวันแต่งงานหรอกเหรอคะ ทั้งในยามดีและยามร้ายน่ะ คุณจะไม่ทอดทิ้งฉัน แล้วนี่แค่จะต้องแบกฉันไปตลอดชีวิตทำไมถึงจะทำไม่ได้ล่ะคะ”

 

 

ตลอดชีวิตเหรอ

 

 

ภาพของเธอและเขาที่ผมหงอกขาวจูงมือกันผุดวาบขึ้นในความคิดของชายหนุ่ม

 

 

จะว่าไปมันก็ดูแล้วอบอุ่นหัวใจดีเหมือนกันนะ

 

 

ได้อยู่กับเธอไปจนตลอดชีวิต…

 

 

ฟังดูแล้วก็ไม่ได้ยากตรงไหน

 

 

เขาคิดว่าชีวิตแบบนั้นก็ดูท่าจะน่าสนใจดีเหมือนกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด