เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก 306 ไม่คิดเลยว่าหลินเช่อจะเป็นแบบนี้

Now you are reading เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก Chapter 306 ไม่คิดเลยว่าหลินเช่อจะเป็นแบบนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กู้จิ้งเจ๋อและหลินเช่อมาถึงบ้านตระกูลกู้

 

 

เมื่อลงจากเครื่องบิน ทั้งคู่ก็รู้สึกว่าเนื้อตัวสกปรกเต็มที

 

 

ชายหนุ่มยกแขนขึ้นโอบไหล่หลินเช่อ ขณะพาเธอเดินเข้าสู่ตัวบ้าน

 

 

เพราะเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว หญิงสาวจึงค่อยๆ คุ้นเคยกับทิศทางในบ้านเป็นอย่างดี

 

 

เมื่อก้าวเข้ามา เธอก็ได้พบหน้าสาวใช้ที่เคยเจอ และทักทายหล่อนเป็นอย่างดี

 

 

“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ คุณชายรองและคุณผู้หญิง”

 

 

“เชิญเข้ามาเลยค่ะ คุณชายรองและคุณผู้หญิง”

 

 

ทุกคนต่างก็พากันต้อนรับทั้งสองเป็นอย่างดี มู่หว่านฉิงออกมาเป็นคนแรกและพูดว่า “เสี่ยวเช่อ มาแล้วเหรอจ๊ะ เข้ามาเร็วเข้า! ได้ยินมาว่าเธอไปพักอยู่กับคุณยายมานี่จ๊ะ ท่านเป็นยังไงบ้าง”

 

 

หลินเช่อยิ้มและตอบว่า “คุณยายสบายดีค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะคุณแม่”

 

 

“แน่นอนจ้ะ ได้เห็นจิ้งเจ๋อออกไปข้างนอกกับเธอมากขึ้นแบบนี้ก็ดี เขาควรจะออกไปทำอะไรแบบนี้มากกว่าเอาแต่อยู่ในออฟฟิศตลอดเวลา”

 

 

หลินเช่อเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย ถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าเธอไปรบกวนการทำงานของเขาน่ะสิ

 

 

เธอรู้ดีว่ากู้จิ้งเจ๋อเป็นพวกบ้างานขนานแท้ที่ให้ความสำคัญกับงานยิ่งกว่าอะไร บางทีเขาอาจจะไม่สบายใจนักที่จะต้องห่างงานไปหลายวัน แต่ก็ไม่อยากทำให้คุณยายต้องผิดหวัง เขาก็เลยต้องอยู่ที่นั่นต่อ

 

 

กู้จิ้งเจ๋อบ่นว่า “แม่ครับ เดี๋ยวนี้แม่เข้าข้างหลินเช่อตลอดเลยนะ”

 

 

มู่หว่านฉิงทำเสียงฟึดฟัดใส่บุตรชาย

 

 

แล้วทุกคนก็ได้ยินเสียงหัวเราะของกู้จิ้งเหยียนดังมาจากข้างใน “พี่ชายรอง นี่ยังอุตส่าห์กลับมาบ้านอีกหรือคะนี่ ฉันคิดว่าพอได้ใช้เวลาอยู่กับพี่สะใภ้ตามลำพังแล้วจะทำให้พี่ไม่อยากกลับมาบ้านซะอีกแน่ะ”

 

 

มู่หว่านฉิงยังบอกกับกู้จิ้งเจ๋ออีกด้วยว่า “โอ้ จริงสิ น้องสาวของไป่เฉินก็มาด้วยนะ ลูกรู้จักเธอนี่จ๊ะ ลู่ชูเซี่ยน่ะ”

 

 

เมื่อได้ยินชื่อหล่อน กู้จิ้งเจ๋อก็ขมวดคิ้วน้อยๆ หลินเช่อเองก็ตัวแข็งขึ้นมาทันควัน

 

 

ลู่ชูเซี่ย…อยู่ที่นี่แล้วจริงๆ หรือนี่

 

 

ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายกันไป ลู่ชูเซี่ยและกู้จิ้งเหยียนก็กำลังเดินตรงมาทางพวกเขา

 

 

ลู่ชูเซี่ยมองเห็นกู้จิ้งเจ๋อที่ยืนสูงเด่นอยู่ได้แต่ไกล ทุกคนที่ยืนอยู่รอบเขาดูตัวเล็กลงไปถนัดตา ยังไม่นับรัศมีที่เปล่งประกายออกมาจากตัวเขาอีกต่างหาก

 

 

ในขณะที่หญิงสาวซึ่งใส่เสื้อตัวสั้นลายแดงและกางเกงขากว้างที่ยืนอยู่ข้างตัวเขานั้น ดูเรียบง่ายแต่ก็สวยสง่าน่ามอง ผมของเธอถูกเหน็บไว้หลังหู ดูสดใสชวนมองเหมือนสายลมแผ่วพลิ้วที่พัดมาสัมผัสใบหน้า

 

 

ต้องยอมรับว่าหลินเช่อสวยมากทีเดียว ลู่ชูเซี่ยคิด ถ้าไม่อย่างงั้นหล่อนก็คงไม่ได้เป็นดาราหรือเป็นที่ชื่นชมของคนในตระกูลกู้หรอกนะ

 

 

แต่ในความคิดของเธอแล้ว ลู่ชูเซี่ยคิดว่าดาราเป็นสินค้าที่ถูกตบแต่งมาเป็นอย่างดี ใบหน้าที่ถูกขึงจนตึงด้วยศัลยกรรมพลาสติก และทุกคนก็ดูเหมือนๆ กันไปหมด

 

 

ถึงกระนั้น เธอก็ไม่คิดมาก่อนว่าหน้าตาของหลินเช่อจะทำให้เธอเกิดความรู้สึกที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ขึ้น

 

 

หลินเช่อดูไม่เหมือนดาราคนอื่นๆ เลย เธอสวยและดูไม่เหมือนใคร ใครก็สามารถจำความสวยแปลกตาของหล่อนได้ในทันทีที่ได้เห็น

 

 

หล่อนมีดวงตากลมโต ใบหน้าเรียวเล็ก แต่กลับดูแตกต่างจากบรรดาพวกหน้าพลาสติกทั้งหลายอย่างสิ้นเชิง

 

 

เป็นความสวยที่มีเอกลักษณ์อย่างมาก

 

 

ลู่ชูเซี่ยชะงักอยู่กับที่ และมองดูกู้จิ้งเหยียนที่กำลังเดินยิ้มร่าเข้ามาหา เธอหยุดอยู่ที่ด้านหลัง มองดูหลินเช่อ และรู้สึกได้ถึงความโกรธที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ อยู่ในใจ

 

 

ทำไมแม่นี่ถึงไม่หน้าตาธรรมดาๆ เหมือนผู้หญิงทั่วไปนะ

 

 

ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็น่าจะทำให้เธอรู้สึกดีกว่านี้

 

 

แต่หล่อนกลับกลายเป็นผู้หญิงที่ยากจะเข้าถึง และนั่นทำให้ลู่ชูเซี่ยนึกอิจฉา

 

 

เป็นไปไม่ได้หรอก หล่อนจะต้องทำศัลยกรรมพลาสติกมาแน่ๆ และคงหมดเงินไปมหาศาลเสียด้วย

 

 

กู้จิ้งเจ๋อร่ำรวยมาก เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะให้เงินเธอไปเสริมความงามให้หน้าตาออกมาดูดีขึ้น

 

 

ลู่ชูเซี่ยยืนคิดอย่างโกรธแค้น พักใหญ่ทีเดียวกว่าเธอจะก้าวเท้าออกไปข้างหน้า

 

 

หลินเช่อมองเห็นลู่ชูเซี่ยที่กำลังเยื้องย่างอย่างสง่างามเข้ามาจากทางด้านหลังได้ในทันที เธอคิดว่าหล่อนน่าจะเป็นลูกสาวผู้ดีมีเงินเหมือนอย่างโม่ฮุ่ยหลิงนั่นแหละ แต่ดูแตกต่างออกไป

 

 

โม่ฮุ่ยหลิงใช้เวลาอยู่บ้านมากเกินไป จึงดูสบายๆ ไม่เจนจัด แต่ลู่ชูเซี่ยนี้ดูเป็นสาวสังคม หล่อนรู้มารยาทและการวางตัวเป็นอย่างดี

 

 

หลินเช่อเหลือบมองเธอครั้งหนึ่ง และก็ดูเหมือนว่าลู่ชูเซี่ยจะจ้องตอบกลับมา

 

 

เมื่อสายตาของทั้งคู่สบกัน หลินเช่อก็พลันรู้สึกอึดอัดและไม่มองไปทางนั้นอีก แต่รู้ได้ว่าหล่อนเดินตามกู้จิ้งเหยียนมา

 

 

“พี่ชายรอง พี่สะใภ้ คืนนี้จะค้างกันที่นี่หรือเปล่าคะ”

 

 

“ใช่แล้วล่ะ”

 

 

“เยี่ยมเลยค่ะ! พี่สะใภ้จะได้ช่วยฉันเลือกชุดแต่งงาน นี่ฉันดูจนตาลายไปหมดแล้ว”

 

 

“โอเคค่ะแต่รสนิยมฉันไม่ได้มีอะไรพิเศษนักหรอกนะคะ”

 

 

“จะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะ พี่สะใภ้ดูสวยเด่นตลอดเวลาออกโทรทัศน์เลยนะ”

 

 

“ฝีมือสไตลิสต์ต่างหากล่ะคะ” หลินเช่อบอกตามตรง

 

 

กู้จิ้งเหยียนว่า “ฉันเห็นในข่าวเมื่อคราวก่อน ว่าชุดของพี่ถูกทำลายแต่พี่ก็ดัดแปลงมันจนสามารถสวมออกไปขึ้นเวทีได้ นั่นฝีมือพี่เองไม่ใช่หรือคะ”

 

 

“นั่น…มันเรื่องบังเอิญน่ะค่ะ” หลินเช่อไม่รู้ว่าข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปถึงขนาดนี้

 

 

กู้จิ้งเหยียนพูดต่อไป “ทุกคนในโลกออนไลน์ก็เลยพากันพูดว่าพี่น่ะเป็นเจ้าแม่แฟชั่นตัวยงเลย อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลยค่ะ”

 

 

“คนในออนไลน์ก็พูดไปเรื่อยนั่นแหละค่ะ”

 

 

ในที่สุดลู่ชูเซี่ยก็เดินมาถึง กู้จิ้งเจ๋อหรี่ตามองอีกฝ่าย เขายืนนิ่งอยู่ข้างหลินเช่อ ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้น

 

 

ลู่ชูเซี่ยจ้องมองกู้จิ้งเจ๋อนิ่งนาน ก่อนจะหันไปยิ้มให้หลินเช่อและพูดว่า “คุณคงจะเป็นหลินเช่อสินะคะ”

 

 

หลินเช่อได้ยินเสียงของหล่อนก็หันมา

 

 

ลู่ชูเซี่ยยิ้ม กวาดตามองหลินเช่อขึ้นๆ ลงๆ ด้วยสีหน้าเป็นมิตร แต่สายตาติดจะดูแคลน เธอพูดต่อไปว่า “สวัสดีค่ะ ฉันลู่ชูเซี่ย ไม่แน่ใจว่าพี่จิ้งเจ๋อเคยพูดถึงฉันหรือเปล่า”

 

 

หลินเช่อหันไปหาลู่ชูเซี่ย มองดูใบหน้าถือดีของอีกฝ่ายเงียบๆ ก่อนจะยิ้มและตอบกลับไปว่า “สวัสดีค่ะ…” เธอเหลือบมองกู้จิ้งเจ๋อที่ไม่เคยพูดถึงลู่ชูเซี่ยให้เธอได้ยินแม้แต่ครั้งเดียว แต่นั่นก็ไม่จำเป็นหรอก เพราะเธอได้เห็นข่าวซุบซิบนี้ทางออนไลน์แล้ว

 

 

เหมือนที่กู้จิ้ิ้งอวี่บอกนั่นแหละ ว่าภาพได้ถูกลบออกไปแล้ว แต่ข่าวลือเกี่ยวกับกู้จิ้งเจ๋อและลู่ชูเซี่ยยังคงถูกพูดถึงกันอยู่ไม่ซา

 

 

หลายคนอยากรู้ว่ากู้จิ้งเจ๋ออยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลลู่ด้วยการแต่งงานหรือเปล่า แล้วทำไมลู่ชูเซี่ยถึงได้คอยปรากฏตัวอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลาแบบนี้

 

 

ในสายตาของทุกคนแล้วมองว่า กู้จิ้งเจ๋ออยู่ในวัยที่เหมาะสมแก่การแต่งงานแล้ว แต่เขาก็ยังคงไม่แต่งเสียที ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขามีเธอเป็นภรรยาแล้ว

 

 

กู้จิ้งเจ๋อหันมองลู่ชูเซี่ยและพูดกับหลินเช่อว่า “นี่น้องสะใภ้ของจิ้งเหยียนน่ะ ฉันไม่เคยพูดถึงหล่อนให้เธอฟังเลย”

 

 

เขาหันไปหาลู่ชูเซี่ยก่อนจะอธิบายต่อไปว่า “ปกติแล้วฉันไม่ค่อยเล่าเรื่องไร้สาระให้หลินเช่อฟังเท่าไหร่น่ะ เพราะแบบนี้ฉันก็เลยไม่เคยพูดถึงเธอเลย”

 

 

สีหน้าของลู่ชูเซี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

 

นี่เธอกลายเป็นเรื่องไร้สาระอย่างนั้นหรือ

 

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองหลินเช่อ สีหน้าของลู่ชูเซี่ยก็ยังราบเรียบเป็นปกติ เธอทำได้เพียงเก็บเอาถ้อยคำที่สร้างความเจ็บปวดนั้นไว้ในใจเมื่อมองหน้าชายหนุ่ม แม้ความจริงจะรู้สึกเสียใจอย่างมากก็ตาม

 

 

เพียงครู่เดียวเท่านั้น ลู่ชูเซี่ยก็ยิ้มออกมาและพูดกับหลินเช่อว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงอีกหน่อยเราก็คงจะได้เจอหน้ากันบ่อยขึ้น จะได้ทำความรู้จักกันไว้ยังไงล่ะคะ”

 

 

ได้เจอหน้ากันบ่อยขึ้นงั้นเหรอ

 

 

หลินเช่อไม่อยากเจอหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ

 

 

หลินเช่อยิ้มและตอบว่า “โอเคค่ะ แต่บางทีฉันก็ยุ่ง คงไม่ได้มาที่นี่บ่อยๆ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด