เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก 98 กู้จิ้งอวี่ไม่ยอมเล่นตามกฎอีกแล้ว

Now you are reading เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก Chapter 98 กู้จิ้งอวี่ไม่ยอมเล่นตามกฎอีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลินเช่อมองชายหนุ่มเดินออกไปเงียบๆ คิดว่าเดี๋ยวเขาก็คงออกจากบ้านไปเองหลังจากที่ล้อเธอเล่นจนพอใจแล้ว จากนั้นหญิงสาวก็เริ่มลากชุดยาวด้วยความทุลักทุเลเพื่อเดินทางไปร่วมงาน

 

 

ที่ด้านนอกพื้นที่จัดงานประกาศผลรางวัล บรรยากาศนั้นแตกต่างออกไปอย่างมาก

 

 

หลินเช่อยกชายกระโปรงขึ้นและเดินเข้างานไปพร้อมกับอวี๋หมินหมิ่น

 

 

ผู้จัดการสาวหันมาบอกเธอว่า “เธอน่าจะได้โอกาสดีๆ บ้างเหมือนกันนะ ต่อให้ไม่ได้รางวัลก็เถอะ แต่อย่างน้อยเราก็ได้มางานใหญ่แบบนี้”

 

 

“ฉันไม่คิดว่าฉันจะได้โอกาสสักเท่าไหร่หรอกค่ะ มีรายการดังๆ ตั้งหลายรายการในปีนี้ แล้วก็มีอีกตั้งหลายบทบาทที่เด่นกว่าของฉันตั้งเยอะ โดยเฉพาะบทตัวร้ายทั้งหลาย ใครๆ ก็เชื่อกันนี่คะ ว่าผู้หญิงที่เล่น บทร้ายน่ะเป็นพวกมีฝีมือการแสดง”

 

 

“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกน่า บทของเธอเองก็เด่นไม่น้อยเหมือนกัน” อวี๋หมินหมิ่นยิ้มและลูบแขนหลินเช่ออย่างปลอบประโลม

 

 

หลินเช่อมองออกไปด้านนอกและได้เห็นนักแสดงหน้าใหม่จากรายการยอดนิยมอีกรายการหนึ่งกำลังเดินอยู่บนพรมแดง พิธีกรของงานแนะนำเธออย่างกระตือรือร้นว่า “การแสดงของหวังฉิงฉู่ในซีรีส์โทรทัศน์เรื่องผู้หญิงสยบโลกนั้นโดดเด่นเป็นที่น่าจดจำทีเดียวครับ การรับบทนำในเรื่องนี้ของเธอกลายเป็นที่จดจำของทุกคน เธออายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น นับว่าอายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเลยทีเดียวละครับ”

 

 

หลินเช่อเห็นทุกคนต่างพากันหันไปมองหวังฉิงฉู่ที่กำลังเดินเข้างานมาอย่างสวยสง่า แสงแฟลชสาดพรึ่บพรั่บขึ้นไม่ขาดสาย หญิงสาวยักไหล่แล้วหันไปหาอวี๋หมินหมิ่น

 

 

อย่างที่หลินเช่อบอกนั่นแหละ นี่คือคู่แข่งของเธอ

 

 

แม้จะอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น แต่หวังฉิงฉู่ก็ดูส่องประกายอย่างมาก

 

 

อวี๋หมินหมิ่นได้ยินคนที่ยืนข้างเธอพูดขึ้นอย่างเปิดเผยว่า “ท่าทางหล่อนน่าจะชนะรางวัลในคืนนี้นะ ท่าทางหล่อนดูมั่นอกมั่นใจเหลือเกินอย่างกับว่าได้รางวัลแล้วอย่างงั้นแหละ”

 

 

“ใช่ อีกอย่างหนึ่ง ได้ข่าวว่าเมื่อเร็วๆ นี้เธอไปมีอะไรๆ กับหลิวข่ายอีกต่างหาก กลายเป็นประเด็นร้อนอยู่หลายครั้งเลยล่ะ ฉันว่าคืนนี้หล่อนไม่พ้นต้องคว้ารางวัลใหญ่แน่นอน”

 

 

ทุกคนหันมามองหลินเช่อด้วยแววตากึ่งสมเพช

 

 

หญิงสาวหันไปหาอวี๋หมินหมิ่นที่พูดขึ้นเบาๆ ว่า “อย่าไปสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงเลย ในวงการนี้น่ะ เวลาไม่มีอะไรให้พูดถึง ผู้คนก็พากันมโนเรื่องไร้สาระขึ้นมา เราก็ใช้ชีวิตของเราไป แล้วก็ปล่อยเขาใช้ชีวิตของเขาไปเถอะ”

 

 

หลินเช่อพยักหน้า “ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่อวี๋ ฉันรู้ค่ะ”

 

 

แต่แล้วใครบางคนก็เดินเข้ามาตบศีรษะเธอเบาๆ จากทางด้านหลัง

 

 

“โอ๊ะ ใครน่ะ”

 

 

หญิงสาวหันไปแล้วก็เห็นว่าเป็นกู้จิ้งอวี่นั่นเอง เธอไม่ได้พบเขามานานทีเดียว แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาเดินตามเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

“มองอะไรเล่า” เขาถาม

 

 

หลินเช่อถามขึ้นว่า “กู้จิ้งอวี่ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ละคะ”

 

 

“ก็ฉันเห็นเธอยืนบื้ออยู่ตรงนี้น่ะสิ ก็เลยต้องเข้ามาดูเสียหน่อย”

 

 

“ฉันจะยืนบื้อได้ยังไง…” หลินเช่อลูบหัวตัวเองเบาๆ

 

 

กู้จิ้งอวี่บอกว่า “ยัยโง่ มาเถอะ! อย่ามัวรีรออีกเลย เดินมากับฉันนี่”

 

 

“หา คุณต้องตามมาทีหลังไม่ใช่เหรอคะ ตามคิววันนี้ฉันไม่ต้องเดินพรมแดงคู่กับใครนี่นา”

 

 

“ก็คู่กับฉันอยู่นี่ไงเล่า”

 

 

“แต่…” หลินเช่อถูกลากจนหน้าคะมำ

 

 

“แต่อะไรอีก ไปเถอะ ฉันจะเดินกับเธอเอง”

 

 

จะทำแบบนั้นได้ยังไงกันเล่า

 

 

แม้ว่าพอจะรู้อยู่ว่าคนอย่างกู้จิ้งอวี่เป็นพวกไม่ชอบเล่นตามกฎ เพราะว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับเขา แต่หลินเช่อเป็นคนทำตามกฎทุกอย่างในวงการบันเทิงชนิดไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง

 

 

กู้จิ้งอวี่ควรจะเดินเป็นคิวสุดท้ายสำหรับการเข้างาน แต่ขณะที่เขาลากหลินเช่อถูลู่ถูกังไปด้วยนั้น ใครต่อใครก็พากันหันมองด้วยความอิจฉา เมื่อถึงเวลาต้องเริ่มเดินบนพรมแดง เขาก็จับมือเธอให้คล้องแขนเขาและออกเดินไปพร้อมกัน

 

 

พิธีกรที่อยู่ภายในงานตกใจไม่น้อยที่ได้เห็น แต่ก็รู้ดีว่าคนอย่างกู้จิ้งอวี่ไม่เคยทำอะไรตามคำสั่งอยู่แล้ว พิธีกรหัวใสจึงรีบรับลูกอย่างรวดเร็ว

 

 

ทุกคนหันมองสองหนุ่มสาวที่เดินเคียงกันอย่างนึกริษยา แสงแฟลชสว่างพรึ่บเป็นจังหวะ แล้วพิธีกรก็ออกปากแซวว่ากู้จิ้งอวี่นั้นทอดทิ้งดารานำหญิงของเรื่อง หันมาเดินพรมแดงกับดาราสมทบแทนเสียแล้ว

 

 

เหตุการณ์นี้ยิ่งเติมเชื้อไฟให้กับข่าวลือที่หลายคนพากันพูดถึงเมื่อไม่นานมานี้

 

 

อวี๋หมินหมิ่นเฝ้ามองเหตุการณ์จากด้านหลังแล้วส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไรได้

 

 

ทั้งสองเดินไปจนสุดผืนพรมและเดินเข้าไปยังที่นั่งของตัวเอง

 

 

หวังฉิงฉู่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าอยู่ๆ ก็หันมาหาหลินเช่อ เธอยิ้มให้พลางพูดว่า “เราได้รับการเสนอชื่อพร้อมกันนะคะคราวนี้”

 

 

หลินเช่อยิ้มตอบ “ใช่แล้วค่ะ”

 

 

“ฉันคิดว่าซีรีส์ของคุณท่าทางจะโด่งดังไม่น้อยเลยนะคะ ก็มีทั้งกู้จิ้งอวี่ทั้งมู่เฝ่ยหรานเชียวนี่นา แม้แต่บทสมทบก็ยังได้ดาราดังอย่างหลินลี่มาเล่นด้วยซ้ำ ดาราหน้าใหม่อย่างพวกเราจะไปสู้อะไรได้นะคะ เพิ่งจะอายุแค่นี้กันเท่านั้นเอง แค่ได้มีชื่อเสียงขึ้นมาได้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว ใครจะรู้ว่าเราจะกลายเป็นม้ามืดหรือเปล่านะคะ”

 

 

ถึงแม้ถ้อยคำที่ใช้จะดูถ่อมตัว แต่น้ำเสียงยามที่พูดนั้นกลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิไม่น้อยทีเดียว

 

 

หล่อนกำลังจะบอกเป็นนัยๆ ว่า ซีรีส์ของหลินเช่อนั้นที่โด่งดังขึ้นมาได้ก็เพราะนักแสดงนำดังๆ ในเรื่อง ในขณะที่ซีรีส์ของหล่อนเองไม่ได้มีดาราใหญ่ร่วมแสดง เป็นการบอกใบ้กลายๆ ว่าหล่อนมาอยู่ตรงนี้ได้ด้วยความสามารถของตัวเอง

 

 

หลินเช่อยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “งั้นเหรอคะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่มีดาราดังๆ อยากจะรับเล่นซีรีส์ของคุณ ทั้งที่ดูเหมือนว่าบทก็น่าจะดีนี่คะ”

 

 

ที่เธอหมายถึงจริงๆ ก็คือ บทบาทในซีรีส์เรื่องนั้นดูไร้ค่าและไม่น่าสนใจ เพราะถ้าหากมันเป็นบทที่ดีจริงละก็ ทำไมดาราใหญ่ๆ ทั้งหลายถึงจะไม่รับเล่นล่ะ

 

 

สีหน้าของหวังฉิงฉู่เปลี่ยนไปในฉับพลัน เธอตวัดสายตามองหลินเช่อและได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจเพราะเห็นว่ามีกู้จิ้งอวี่คอยนั่งกันท่าอยู่

 

 

จากนั้นก็มีผู้คนมากมายพากันเดินเข้ามาทักทายหลินเช่อเมื่อพวกเขาสังเกตเห็นเธอ

 

 

หญิงสาวรู้จักบางคนเพราะเคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ก็มีอีกหลายคนที่เธอไม่เคยเจอะเจอมาก่อนเลยเช่นกัน

 

 

แม้ว่าหลินเช่อจะทำงานมานาน แต่เธอก็ไม่เคยเข้าไปพบปะเสวนากับผู้คนในวงการสักเท่าไหร่ และงานประกาศผลรางวัลครั้งนี้ก็เป็นเหมือนการรวมตัวกันครั้งใหญ่ของคนในแวดวงนี้ นักแสดงดังทุกคนที่คนพอจะนึกออกต่างก็มาร่วมงานกันทั้งนั้น ทุกคนล้วนมีผลงานออกฉายในปีนี้ และนี่เป็นครั้งแรกที่ผู้คนได้รู้ว่าหลินเช่อเป็นใคร มีคนอีกมากมายที่อยากจะเข้ามาทำความรู้จักกับเธอ

 

 

หลังจากวุ่นวายกับสีสันต่างๆ ในงานมาพักใหญ่ ในที่สุดพิธีประกาศรางวัลก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ทุกคนต่างพากันเดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง

 

 

หลินเช่อผ่อนลมหายใจยาวและพูดกับอวี๋หมินหมิ่นว่า “ฉันได้แลกเบอร์วีแชทกับคนตั้งเยอะเลยละค่ะ”

 

 

อวี๋หมินหมิ่นบอกว่า “ก็แน่ละสิ เธอกำลังเป็นดาวรุ่งนี่นา! ต้องมีคนมากมายอยากรู้จักเธออยู่แล้ว”

 

 

“ทำไมพวกเขาถึงได้อยากรู้จักฉันละคะ” หลินเช่อถามอย่างอยากรู้

 

 

อวี๋หมินหมิ่นตอบ “คอนเนกชันเป็นสิ่งสำคัญในวงการนี้ ใครจะรู้ว่าเราจะต้องการความช่วยเหลืออะไรในอนาคตบ้างล่ะ ตอนนี้เธอมีชื่อเสียงก็จริง แต่อนาคตก็ไม่ใช่สิ่งแน่นอน แต่แน่ล่ะว่าพวกเขาอยากจะรู้จักเธอเสียตั้งแต่เนิ่นๆ แบบนี้”

 

 

“โอเคค่ะ” หลินเช่อไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีค่าสำหรับคนอื่นขึ้นมาแล้วในตอนนี้ “ฉันคิดว่าฉันเป็นแค่ดาราหน้าใหม่เท่านั้น”

 

 

“ปีนี้เธอเป็นดาราหน้าใหม่ แต่อีกหน่อยเธอจะยิ่งดังขึ้นและดังขึ้นกว่านี้! ” ผู้จัดการสาวยิ้มให้

 

 

“ใครจะรู้ละคะ เดี๋ยวก็มีดาราหน้าเกิดขึ้นมาอีกเยอะแยะ ฉันไม่รู้ว่าอีกหน่อยจะมีคนตามแอบถ่ายภาพฉันเวลาไปเที่ยวทะเลหรือเปล่า”

 

 

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีต ทำให้หลินเช่อไม่ค่อยจะมองโลกในแง่ดีสักเท่าไหร่

 

 

ที่ด้านหน้า หวังฉิงฉู่ทำหน้าเยาะหยัน เธอหันหลังกลับมามองและได้พบว่า คนที่ห้อมล้อมเธอนั้นมีน้อยกว่าหลินเช่อมาก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะกู้จิ้งอวี่แท้ๆ หญิงสาวก่นด่าอยู่ในใจ ฮึ แล้วยังไงล่ะ เธอไม่เชื่อหรอกว่าหลินเช่อจะอาศัยเขาไปได้ตลอดน่ะ

 

 

การประกาศรางวัลเริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

 

หวังฉิงฉู่เดินออกไปเงียบๆ

 

 

 

 

 

 

ในห้องด้านนอก ใครบางคนกำลังหอบหายใจ

 

 

หวังฉิงฉู่กำลังหอบแรงด้วยท่าทีเย้ายวนยิ่ง “ประธานเฉินคะ คุณสัญญาแล้วนะคะ ว่ารางวัลนักแสดงหน้าใหม่ปีนี้จะต้องเป็นของฉันน่ะ”

 

 

“อืมม ของเธอ ของเธอแน่นอนจ้ะ”

 

 

“คุณน่าจะได้เห็นนะคะว่ายัยหลินเช่อนั่นทำท่ายโสแค่ไหน! หล่อนอาศัยความสนใจที่กู้จิ้งอวี่มีให้ ขโมยซีนพาดหัวข่าวของวันพรุ่งนี้ไปหมดเลย คุณจะยกรางวัลให้แม่นั่นไม่ได้นะคะ! ”

 

 

“ตกลงๆ ฉันจะไม่ให้หล่อน ที่รัก มาต่อกันเถอะจ้ะ…”

 

 

 

 

 

 

หวังฉิงฉู่จัดแจงสำรวจดูเครื่องสำอางบนใบหน้าให้เป็นที่เรียบร้อยก่อนจะกลับเข้ามาในงาน หล่อนมองหลินเช่อด้วยสายตาเหยียดหยาม ยิ่งได้ยินอวี๋หมินหมิ่นคอยบอกบทว่าเธอควรจะต้องพูดอะไรเมื่อขึ้นไปรับรางวัลด้วยแล้ว หญิงสาวก็ยิ่งยิ้มเยาะมากขึ้นไปอีก “อย่าเสียเวลาเลยจ้ะ หลินเช่อ ฉันรู้ว่าการแสดงของเธอก็ไม่ได้แย่หรอกนะ แล้วเธอก็พยายามอย่างหนักด้วย แต่รางวัลนี้ต้องเป็นของฉันอย่างแน่นอนจ้ะ” เมื่อพูดจบก็หมุนตัว ก่อนจะหันมาพูดทิ้งท้ายอีกครั้งว่า “ต่อให้เธอมีกู้จิ้งอวี่ก็เถอะ ยังไงก็ไร้ประโยชน์ ฉันบอกได้เลยว่า…เธอไม่รู้หรอกว่าคนคอยหนุนหลังฉันน่ะใหญ่ขนาดไหน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด