เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 116 กำหนดเส้นตายเจ็ดวัน

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 116 กำหนดเส้นตายเจ็ดวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“วันนี้ที่เรียกคุณหนูทั้งสามมาแต่เช้าตรู่ก็เพราะมีเรื่องสำคัญอยากจะพูดกับพวกเจ้า” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเป่าใบชาที่อยู่ในถ้วยอย่างเนิบช้า ท่าทีที่มองทั้งสามคนนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“เชิญฮูหยินใหญ่กล่าวมาได้เลย” หวงเซียวเซียงดึงสติได้เป็นคนแรก หลังจากเยี่ยนมี่เอ๋อร์ฟื้นขึ้นมา พวกนางก็ได้รับข่าวทันที นางในยามนี้อยากรู้ที่สุดว่าตระกูลซั่งกวนจะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร แต่เสียดายที่ภายหลังก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใด พวกสาวใช้ไม่กล้าที่จะพูดอะไรทั้งนั้น ทั้งไม่กล้าที่จะไปหยั่งเชิงสืบข่าวด้วย

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเผยใบหน้าเย็นชามองอย่างเรียบเย็น แววตาที่น่าตื่นตระหนกนั้นทำให้อวี้เมิ่งเหยาเปิดเผยความกระวนกระวายออกมา แม้ว่าจะชิงชังกับความโง่ของนาง ทั้งๆ ที่มีโอกาสดีถึงเช่นนั้นเหตุใดไม่ทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้หลับไปตลอดกาลอย่างรู้แล้วรู้รอดไปเสีย ทว่าใบหน้ากลับเผยท่าทีไม่ชัดเจนนัก กล่าวอย่างเรียบนิ่ง “ที่จริงไม่ต้องจำเป็นต้องพูดพวกเจ้าก็คงรู้แล้วว่าเพราะเรื่องอันใด ไม่ว่าจะพูดอย่างไรมี่เอ๋อร์ก็เป็นสะใภ้ใหญ่ที่ตระกูลซั่งกวนแต่งเข้ามาอย่างเป็นทางการ แต่จู่ๆ กลับมีคนวางแผนทำร้ายนาง เรื่องนี้ควรจะมีคำอธิบาย!”

“ฮูหยินใหญ่เป็นผู้หลักแหลม ตัวข้านั้นถูกใส่ร้ายจริงๆ” อวี้เมิ่งเหยาหยัดกายขึ้น ทำความเคารพต่อทั่วป๋าซู่เยวี่ย ใบหน้านั้นไม่จำเป็นต้องเสแสร้งก็มีท่าทีคล้ายกับเสียใจอยู่แล้ว

“ข้าไม่สนว่าเจ้าถูกใส่ร้ายหรือไม่ แต่เจ้าเป็นคนนัดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ทั้งนางยังตกน้ำอยู่ท่ามกลางสายตาของเจ้า พวกสาวใช้ที่อยู่ห่างออกไปยังสามารถตามมาช่วยเหลือนางได้ทัน แต่ผู้ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมมืออย่างเจ้ากลับไม่ได้ช่วยอันใด…” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยในที่สุดก็ดื่มชาเข้าไปเป็นคำแรก ก่อนจะวางถ้วยชาลง มองไปที่อวี้เมิ่งเหยาอย่างผิดหวัง “ที่สำคัญที่สุดคือมีคนพบว่าที่ศาลาริมน้ำมีคนนำตะไคร่มาไว้ เรื่องนี้จะอธิบายอย่างไร!”

“ข้า…” อวี้เมิ่งเหยาในเวลานั้นหวาดหวั่นอยู่ในใจ คิดแต่จะหาร่องรอยเบาะแส จับคนที่ลอบวางแผนผู้นั้น รอจนนางนึกถึงเรื่องที่ตนเองทำลงไปได้ ในตอนที่ย้อนกลับไปที่ศาลาริมน้ำ ซั่งกวนจิ่นก็ได้ส่งคนมาค้นหานางที่ใกล้ๆ ศาลาริมน้ำแล้ว นางจะยังมีเวลาไปจัดการเก็บกวาดได้อย่างไรล่ะ!

“ไม่รู้จะหาคำพูดดีๆ อะไรมาอธิบายสินะ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองนางอย่างเรียบเย็น “มี่เอ๋อร์กลับเป็นคนที่มีเหตุผล หลังจากที่นางตื่นขึ้นมาก็อธิบายกับซั่งกวนเจวี๋ย กล่าวว่าเหตุที่นางตกน้ำก็เพราะมีคนอื่นลอบวางแผนอยู่เบื้องหลัง…”

หวงเซียวเซียงและสือหย่าฉีแลกเปลี่ยนสายตากัน ล้วนแต่สงสัยว่าเป็นอีกฝ่ายหรือไม่ แต่อวี้เมิ่งเหยากลับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ คำพูดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์คงจะพอสามารถล้างคำครหาของนางได้แน่!

“คนผู้นี้เป็นใครนั้นยังไม่ได้ตรวจสอบออกมา แต่ว่า…” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองสีหน้าของพวกนางที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างสนใจ เห็นพวกนางที่จู่ๆ ก็เผยท่าทีอกสั่นขวัญแขวนออกมา ก็กล่าวอย่างเพลิดเพลินใจ “แต่ว่าเรื่องนี้ยังคงเกิดขึ้นเพราะพวกเจ้า ดังนั้น เพื่อที่จะยับยั้งเรื่องทำนองนี้ให้หมดไป ตระกูลซั่งกวนคงไม่อาจรั้งพวกเจ้าไว้อีกแล้ว!”

“ฮูหยินใหญ่…” สือหย่าฉีร้องอย่างตกใจ นี่หมายความว่าอย่างไร ต้องการให้พวกนางจากไปอย่างนั้นรึ? แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกนางแม้แต่น้อย!

“ฮูหยินใหญ่ นี่นับเป็นการติดร่างแหไปด้วยกระมัง?” หวงเซียวเซียงยิ้มอย่างขมขื่น นางจนถึงตอนนี้ล้วนยังไม่ได้ลงมือก็มาถูกคัดออกจากสนามเสียแล้ว ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่พอใจ คล้อยหลังก็มองอวี้เมิ่งเหยาอย่างเยือกเย็น “เรื่องนี้เป็นใครที่ก่อขึ้นกัน รีบยอมรับตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าได้ทำให้คนอื่นติดร่างแหไปด้วย!”

“ก็พูดไปแล้วว่าข้าถูกใส่ร้าย!” อวี้เมิ่งเหยาถลึงตามองหวงเซียวเซียงอย่างดุดัน นางเตรียมจะแสดงละครตกน้ำที่ศาลาริมน้ำ เพียงแต่ที่วางแผนไว้คือตัวเองที่ตกน้ำ ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยได้เกิดความรู้สึกขยะแขยงต่อผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้คิดจะทำร้ายนางเสียหน่อย…นางกระจ่างใจดี ตัวเองนั้นไม่อาจเป็นภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ยได้อยู่แล้ว เช่นนั้นไม่ว่าใครจะนั่งในตำแหน่งภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ยก็ล้วนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือนางสามารถเข้าตระกูลได้ก็เพียงพอแล้ว

“เป็นการใส่ร้ายหรือไม่ นั่นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือพวกเราเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่กลับถูกติดร่างแหไปด้วยอย่างไร้สาเหตุ!”

สือหย่าฉีกล่าวแทรกหนึ่งประโยคอย่างเรียบเย็น ไม่รู้ว่าในหัวของอวี้เมิ่งเหยานั้นทื่อไปหมดหรือเปล่า จึงได้เลือกสถานที่ทำร้ายคนต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมาย!

“ฮูหยินใหญ่ เรื่องนี้ยังพอมีทางออกอื่นหรือไม่?” หวงเซียวเซียงดึงตัวเองออกมาจากข่าวร้ายได้เร็วที่สุด นางไม่เต็มใจที่จะถูกไล่ออกไปอย่างนี้ กล่าวอย่างเต็มไปด้วยความน้อยใจ “ข้านั้นถูกใส่ร้าย!”

“ใส่ร้าย?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองนางอย่างเยียบเย็น “ข้าไม่ยักจะเห็นว่าเจ้าถูกใส่ร้ายอย่างไร หากเป็นคุณหนูสื่อยังจะพอนับได้ว่าติดร่างแห คุณหนูหวง ในยามที่มี่เอ๋อร์ตกน้ำ เจ้าอยู่ที่ใดในใจเจ้าคงรู้ดี!”

หวงเซียวเซียงนิ่งไป นางทำได้เพียงกล่าวว่าตัวเองนั้นโชคไม่ดีเอามากๆ นางนั้นรู้เรื่องที่อวี้เมิ่งเหยาและเยี่ยนมี่เอ๋อร์นัดพบกันที่ศาลาริมน้ำ ทั้งยังอยากเห็นว่าอวี้เมิ่งเหยาจะเล่นลูกไม้อะไร แต่นางยังไม่ทันได้เข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงอวี้เมิ่งเหยาตะโกน คล้อยหลังก็ได้รับข่าวว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ตกน้ำ

“เป็นเจ้าที่เล่นอุบายอยู่ลับหลัง!” อวี้เมิ่งเหยาอยากจะบีบคอหวงเซียวเซียงให้ตายนัก หากกล่าวว่าผู้ที่กำลังค้นหากันอยู่นั้นเป็นหวงเซียวเซียง นางก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด หวงเซียวเซียงเอาแต่คิดหลอกใช้ตนและสือหย่าฉีมาโดยตลอด ทั้งยังมี

วรยุทธ์ยอดเยี่ยมกว่าพวกนาง ไม่ใช่นางแล้วจะเป็นใครได้?

“ข้ามีความจำเป็นที่ต้องวางแผนลับหลังเช่นนั้นรึ?” หวงเซียวเซียงถลึงตามองนางอย่างดุดัน นางไม่ได้เป็นคนทำเสียหน่อย!

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองทั้งสองโต้เถียงกัน ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตกลงเป็นใครกันแน่? เวลานั้นแถวริมทะเลสาบเหมือนว่าจะมีคนอยู่ไม่น้อย หวงเซียวเซียง คนของอนุภรรยาอู๋ แม่นมปี้คนข้างกายของตน กระทั่งพิงถิงก็อยู่ด้วยเช่นกัน นอกจากพิงถิงแล้ว คนอื่นๆ ก็ล้วนแต่เป็นเป้าหมายที่ถูกเจวี๋ยเอ๋อร์สงสัยทั้งนั้น แต่แม่นมปี้และหวงเซียวเซียงเป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุด

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมั่นใจว่าไม่ใช่ฝีมือของแม่นมปี้ นางนั้นหลบอยู่ใกล้ๆ ศาลาริมน้ำ อยากรู้ว่าจะมีโอกาสโจมตีเยี่ยนมี่เอ๋อร์บ้างหรือไม่ อย่างไรก็มีอวี้เมิ่งเหยาเป็นแพะรับบาป แต่ที่ไม่คาดคิดก็คือเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้รั้งตัวอยู่ที่ศาลาริมน้ำนานนัก นางจึงสูญเสียโอกาสไป

ครั้งนี้ฮ่าวเอ๋อร์และเจวี๋ยเอ๋ฮร์โมโหมากจริงๆ! ทั่วป๋าซู่เยวี่ยนึกถึงเมื่อวานที่สองพ่อลูกแสดงสีหน้าและท่าทางเหมือน กันไม่ผิดเพี้ยนก็ยังคงนึกกลัวอยู่ นางก็ไม่อยากจะไล่หญิงสาวสามคนนี้ไปเช่นกัน พวกนางล้วนเป็นหมากที่นางไม่ทันได้ใช้งาน แม้จะกล่าวว่าจะต้องเสียไปไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว แต่ยามนี้ยังไม่ถึงเวลา หากเสียพวกนางไป จะไปหาหมากที่เหมาะสมเช่นนี้ได้ที่ไหนอีก? แต่ว่า…ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกระจ่างใจดี หากนางยังคงออกหน้าปกป้องหญิงสาวสามคนนี้ ซั่งกวนฮ่าวย่อมไม่อาจรับปากเรื่องรับฉินซินเข้าตระกูลมาอีกตลอดไป นางจึงทำได้แค่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

“ฮูหยินใหญ่ หรือท่านก็จะนั่งนิ่งดูดายไม่สนใจเช่นนี้?” สือหย่าฉีเชื่อว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยย่อมไม่อาจละทิ้งพวกนางอย่างง่ายดายขนาดนี้ นางย่อมต้องพยายามไขว่คว้าโอกาสและเวลา

“ข้าก็ไม่มีวิธีเช่นกัน” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้คุณหนูอวี้วางแผนไม่รอบคอบอยู่จริงๆ คุณหนูหวงก็เอาแต่ยุ่งวุ่นวายกับเจวี๋ยเอ๋อร์ทั้งเช้าจรดเย็น จนทำให้เขารำคาญใจเสียกว่าอะไรดี เรื่องนี้สองพ่อลูกได้ปรึกษากันแล้ว เพียงแต่ให้ข้าเป็นคนมาบอกกล่าวต่อพวกเจ้า ใครใช้ให้ข้าเป็นคนที่รับพวกเจ้าเข้ามาล่ะ แต่ว่า ข้าจะพยายามยื้อเวลาให้พวกเจ้าเสียหน่อย ก็ต้องอยู่ที่พวกเจ้าแล้วว่าจะสามารถทำได้สำเร็จหรือไม่!”

“นานเท่าใด?” ดวงตาสือหย่าฉีเปล่งประกาย นางได้สืบเสาะหยั่งเชิงพื้นที่ของเรือนมีคู่ ทั้งกิจวัตรประจำวันของเยี่ยน

มี่เอ๋อร์มาบ้างแล้ว ขอเพียงแค่ให้เวลานางอีกสี่ห้าวัน นางย่อมรู้แพ้รู้ชนะกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้แน่ ถึงเวลานั้นน้ำถูกกวนจนขุ่นแล้ว โอกาสของนางก็จะมาถึงเช่นกัน

“เจ็ดวัน!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองทั้งสามคนที่เหมือนถูกช่วยขึ้นมาระหว่างความเป็นความตาย กล่าวอย่างเรียบนิ่ง “นี่เป็นการถกเถียงด้วยเหตุผลครั้งสุดท้ายของข้าแล้ว ไม่อาจจะยืดเวลามากกว่านี้ได้อีก ฉะนั้นต้องดูที่ตัวพวกเจ้าแล้ว คิดหาวิธีทำให้เจวี๋ยเอ๋อร์กลับคำ เห็นด้วยในการรับพวกเจ้าเข้าตระกูล และทำให้คนที่คัดค้านไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ พวกเจ้ามีเวลาทั้งหมดเจ็ดวันเท่านั้น แต่ข้ามีคำพูดที่ระคายหูต้องบอกก่อนเช่นกัน หากเกิดการถ่วงแข้งถ่วงขากัน หรือยิ่งทำยิ่งเสียนั้น ทางที่ดีที่สุดคือสละตัวเองออกไปเสีย อย่าได้สิ้นเปลืองเวลาคนอื่น!”

“ขอบคุณฮูหยินใหญ่ที่แนะนำ!” อวี้เมิ่งเหยาที่เต็มไปด้วยความขมขื่น สือหย่าฉีที่พึงพอใจ ทั้งหวงเซียวเซียงที่กระวนกระวายใจทำได้เพียงกล่าวขอบคุณไป ในใจของพวกนางกำลังคิดอะไรอยู่มีแต่พวกนางเท่านั้นที่กระจ่างชัด

“อีกอย่าง อย่าได้ลากอนุภรรยาอู๋มาร่วมมือด้วย!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกล่าวเตือนอย่างราบเรียบ “นางเป็นหนึ่งในคนที่เจวี๋ยเอ๋อร์ชิงชังมากที่สุด หากให้เจวี๋ยเอ๋อร์รู้ว่านางและพวกเจ้าคนใดได้เกี่ยวข้องอะไรกัน เขาย่อมต้องเว้นระยะห่างอย่างแน่นอน”

หวงเซียวเซียงและอวี้เมิ่งเหยานิ่งไปทั้งคู่ แม้หวงเซียวเซียงจะมีความบาดหมางระหว่างอนุภรรยาอู๋เพราะเรื่องอู๋เลี่ยนเยี่ยน แต่ภายหลังอนุภรรยาอู๋ก็เป็นฝ่ายเข้าหาอย่างเป็นมิตรก่อน ให้นางสามารถรู้ตารางการเดินทางของซั่งกวนเจวี๋ยและไปหาเขาได้ทันเวลา ความบาดหมางเล็กๆ น้อยๆ ของทั้งสองนั้นก็มลายหายไป และอวี้เมิ่งเหยา ในยามที่อยู่หัวเดียวกระเทียมลีบก็ได้รับความช่วยเหลือจากอนุภรรยาอู๋ สาวใช้ข้างกายของนางที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็เอาแต่เอื่อยเฉื่อยหลังจากคำพูดไม่กี่ประโยคของอนุภรรยาอู๋ จู่ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เดินล้อมหน้าล้อมหลังอย่างเอาใจใส่ เมื่อมีคนสามารถใช้งานได้ ทำเรื่องอะไรก็สะดวกขึ้นไม่น้อย

สือหย่าฉีกลับไม่อะไรมาก แม้อนุภรรยาอู๋จะไม่ได้มองข้ามนาง แต่ในใจของนางก็มีแผนอยู่ตั้งนานแล้ว ทั้งไม่จำเป็นต้องใช้คนของอนุภรรยาอู๋ แน่ว่าย่อมไม่มีความจำเป็นต้องติดค้างอะไรกับคนผู้นั้น!

มองท่าทีของพวกนาง ทั่วป๋าซู๋เยวี่ยก็ยกถ้วยชาขึ้นมา ก่อนแม่นมหนิงจะกล่าวยิ้มๆ ออกมา “ฮูหยินใหญ่คงจะเหนื่อยแล้ว ข้าจะส่งพวกคุณหนูแทนท่านเองเจ้าค่ะ!”

“ไม่รบกวนแม่นมแล้ว!” ไม่ว่ายังจะมีเรื่องอะไรที่อยากจะพูดอีกก็ตาม ทั้งสามคนก็หยัดกายขึ้นทันที แสดงท่าทีซาบซึ้งออกมา ก่อนกล่าวทั้งเผยยิ้ม “พวกเราก็ควรกลับไปครุ่นคิดดีๆ เหมือนกัน ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนฮูหยินใหญ่แล้ว!”

“ไปเถิด!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยผงกศีรษะ จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ใช่สิ ยังมีอีกเรื่อง เพราะครั้งนี้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้รับความตกใจ เจวี๋ยเอ๋อร์จึงไม่วางใจเป็นอย่างมาก เมื่อเย็นวานก็พักอยู่ที่เรือนมีคู่ ภายหลังยามเย็นไม่แน่ว่าก็อาจจะพักอยู่ที่เรือนมีคู่เช่นกัน ตอนเย็นพวกเจ้าก็อย่าได้ไปรบกวนพวกเขา!”

“เข้าใจแล้ว!” หญิงสาวทั้งสามรับปากก่อนจะค่อยๆ จากไป

“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ เวลาไม่กี่วันเช่นนี้ ท่านว่าพวกนางจะทำสำเร็จหรือไม่เจ้าคะ?” แม่นมหนิงกังวลใจอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ หรือทิ้งบาดแผลที่ไม่อาจหายสนิทไว้ให้นางก็ล้วนเป็นเรื่องดี ทั่วป๋าฉินซินก็จะมีเหตุผลที่เหมาะสมในการเข้าตระกูลมากยิ่งขึ้น

“เวลาเท่าใดนั้นไม่ใช่ปัญหา เวลาน้อยทำให้พวกนางได้ตื่นตัวนับว่าเป็นเรื่องดี ดีกว่าการที่เอาแต่เล่นเอื่อยเฉื่อยเช้าจรดเย็น!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่กังวลใจเรื่องนี้ “ตอนบ่ายให้หนิงซินและอวี่ไข่ออกจากจวนสักหน่อย ให้อวี่ไข่บอกผู้ดูแลนอกจวนว่า ช่วงนี้ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็พยายามมอบให้เจวี๋ยเอ๋อร์จัดการทั้งหมด ใครที่จะป่วยก็ป่วยเสีย ใครที่จะลาก็ลาได้เลย อย่าได้ให้เจวี๋ยพักอยู่ในจวนนานเกินไป มีเขาอยู่ โอกาสสำเร็จก็จะยิ่งน้อยลง!”

“เจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่!” แม่นมหนิงผงกศีรษะ

“อีกอย่าง เจ้าให้คนจับตาดูพิงถิงให้ดี ช่วงนี้นางแปลกๆ ไปอยู่บ้าง อย่าให้ได้แส่หาเรื่องอะไรออกมา!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยรู้ว่าซั่งกวนพิงถิงในช่วงนี้ล้วนแต่อัดอั้นตันใจ จิงอิ๋งตามอาจารย์เฉาไปยังเซิ่งจิง นั่นเป็นแผนที่สองพ่อลูกซั่งกวนได้เตรียมการณ์ไว้เนิ่นนานแล้ว แม้ว่านางจะโกรธที่พวกเขาพ่อลูกลำเอียงแต่ก็จนใจไม่อาจทำอะไรได้ หลิงหลงก็ไปเช่นกัน นั่นเพราะว่านางกำลังจะออกเรือนแล้ว ควรจะเรียนรู้ก่อนที่จะแต่งงาน แต่กระทั่งหลิงลี่ ลูกสาวของซั่งกวนจิ่นก็ได้ตามไปด้วย นี่ทำให้ในใจของนางรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมอย่างถึงที่สุด ทั้งยังชิงชังเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่ไม่ได้ออกหน้าพูดเพื่อนาง หากไม่ใช่เพราะว่านางกลัวความลำบาก ไม่ได้ร่ำเรียนวรยุทธ์มามากมายนัก คนที่น่าสงสัยที่สุดก็คงจะเป็นนางไปแล้ว!

“เจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่!” แม่นมหนิงยิ้มอย่างขมขื่น นางไร้ทางที่จะควบคุมพิงถิง แต่ว่า…ช่างเถิด อย่างไรส่งคนไปจับตามองนางก็น่าจะดีกว่า

——————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 116 กำหนดเส้นตายเจ็ดวัน

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 116 กำหนดเส้นตายเจ็ดวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“วันนี้ที่เรียกคุณหนูทั้งสามมาแต่เช้าตรู่ก็เพราะมีเรื่องสำคัญอยากจะพูดกับพวกเจ้า” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเป่าใบชาที่อยู่ในถ้วยอย่างเนิบช้า ท่าทีที่มองทั้งสามคนนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“เชิญฮูหยินใหญ่กล่าวมาได้เลย” หวงเซียวเซียงดึงสติได้เป็นคนแรก หลังจากเยี่ยนมี่เอ๋อร์ฟื้นขึ้นมา พวกนางก็ได้รับข่าวทันที นางในยามนี้อยากรู้ที่สุดว่าตระกูลซั่งกวนจะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร แต่เสียดายที่ภายหลังก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใด พวกสาวใช้ไม่กล้าที่จะพูดอะไรทั้งนั้น ทั้งไม่กล้าที่จะไปหยั่งเชิงสืบข่าวด้วย

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเผยใบหน้าเย็นชามองอย่างเรียบเย็น แววตาที่น่าตื่นตระหนกนั้นทำให้อวี้เมิ่งเหยาเปิดเผยความกระวนกระวายออกมา แม้ว่าจะชิงชังกับความโง่ของนาง ทั้งๆ ที่มีโอกาสดีถึงเช่นนั้นเหตุใดไม่ทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้หลับไปตลอดกาลอย่างรู้แล้วรู้รอดไปเสีย ทว่าใบหน้ากลับเผยท่าทีไม่ชัดเจนนัก กล่าวอย่างเรียบนิ่ง “ที่จริงไม่ต้องจำเป็นต้องพูดพวกเจ้าก็คงรู้แล้วว่าเพราะเรื่องอันใด ไม่ว่าจะพูดอย่างไรมี่เอ๋อร์ก็เป็นสะใภ้ใหญ่ที่ตระกูลซั่งกวนแต่งเข้ามาอย่างเป็นทางการ แต่จู่ๆ กลับมีคนวางแผนทำร้ายนาง เรื่องนี้ควรจะมีคำอธิบาย!”

“ฮูหยินใหญ่เป็นผู้หลักแหลม ตัวข้านั้นถูกใส่ร้ายจริงๆ” อวี้เมิ่งเหยาหยัดกายขึ้น ทำความเคารพต่อทั่วป๋าซู่เยวี่ย ใบหน้านั้นไม่จำเป็นต้องเสแสร้งก็มีท่าทีคล้ายกับเสียใจอยู่แล้ว

“ข้าไม่สนว่าเจ้าถูกใส่ร้ายหรือไม่ แต่เจ้าเป็นคนนัดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ทั้งนางยังตกน้ำอยู่ท่ามกลางสายตาของเจ้า พวกสาวใช้ที่อยู่ห่างออกไปยังสามารถตามมาช่วยเหลือนางได้ทัน แต่ผู้ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมมืออย่างเจ้ากลับไม่ได้ช่วยอันใด…” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยในที่สุดก็ดื่มชาเข้าไปเป็นคำแรก ก่อนจะวางถ้วยชาลง มองไปที่อวี้เมิ่งเหยาอย่างผิดหวัง “ที่สำคัญที่สุดคือมีคนพบว่าที่ศาลาริมน้ำมีคนนำตะไคร่มาไว้ เรื่องนี้จะอธิบายอย่างไร!”

“ข้า…” อวี้เมิ่งเหยาในเวลานั้นหวาดหวั่นอยู่ในใจ คิดแต่จะหาร่องรอยเบาะแส จับคนที่ลอบวางแผนผู้นั้น รอจนนางนึกถึงเรื่องที่ตนเองทำลงไปได้ ในตอนที่ย้อนกลับไปที่ศาลาริมน้ำ ซั่งกวนจิ่นก็ได้ส่งคนมาค้นหานางที่ใกล้ๆ ศาลาริมน้ำแล้ว นางจะยังมีเวลาไปจัดการเก็บกวาดได้อย่างไรล่ะ!

“ไม่รู้จะหาคำพูดดีๆ อะไรมาอธิบายสินะ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองนางอย่างเรียบเย็น “มี่เอ๋อร์กลับเป็นคนที่มีเหตุผล หลังจากที่นางตื่นขึ้นมาก็อธิบายกับซั่งกวนเจวี๋ย กล่าวว่าเหตุที่นางตกน้ำก็เพราะมีคนอื่นลอบวางแผนอยู่เบื้องหลัง…”

หวงเซียวเซียงและสือหย่าฉีแลกเปลี่ยนสายตากัน ล้วนแต่สงสัยว่าเป็นอีกฝ่ายหรือไม่ แต่อวี้เมิ่งเหยากลับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ คำพูดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์คงจะพอสามารถล้างคำครหาของนางได้แน่!

“คนผู้นี้เป็นใครนั้นยังไม่ได้ตรวจสอบออกมา แต่ว่า…” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองสีหน้าของพวกนางที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างสนใจ เห็นพวกนางที่จู่ๆ ก็เผยท่าทีอกสั่นขวัญแขวนออกมา ก็กล่าวอย่างเพลิดเพลินใจ “แต่ว่าเรื่องนี้ยังคงเกิดขึ้นเพราะพวกเจ้า ดังนั้น เพื่อที่จะยับยั้งเรื่องทำนองนี้ให้หมดไป ตระกูลซั่งกวนคงไม่อาจรั้งพวกเจ้าไว้อีกแล้ว!”

“ฮูหยินใหญ่…” สือหย่าฉีร้องอย่างตกใจ นี่หมายความว่าอย่างไร ต้องการให้พวกนางจากไปอย่างนั้นรึ? แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกนางแม้แต่น้อย!

“ฮูหยินใหญ่ นี่นับเป็นการติดร่างแหไปด้วยกระมัง?” หวงเซียวเซียงยิ้มอย่างขมขื่น นางจนถึงตอนนี้ล้วนยังไม่ได้ลงมือก็มาถูกคัดออกจากสนามเสียแล้ว ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่พอใจ คล้อยหลังก็มองอวี้เมิ่งเหยาอย่างเยือกเย็น “เรื่องนี้เป็นใครที่ก่อขึ้นกัน รีบยอมรับตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าได้ทำให้คนอื่นติดร่างแหไปด้วย!”

“ก็พูดไปแล้วว่าข้าถูกใส่ร้าย!” อวี้เมิ่งเหยาถลึงตามองหวงเซียวเซียงอย่างดุดัน นางเตรียมจะแสดงละครตกน้ำที่ศาลาริมน้ำ เพียงแต่ที่วางแผนไว้คือตัวเองที่ตกน้ำ ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยได้เกิดความรู้สึกขยะแขยงต่อผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้คิดจะทำร้ายนางเสียหน่อย…นางกระจ่างใจดี ตัวเองนั้นไม่อาจเป็นภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ยได้อยู่แล้ว เช่นนั้นไม่ว่าใครจะนั่งในตำแหน่งภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ยก็ล้วนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือนางสามารถเข้าตระกูลได้ก็เพียงพอแล้ว

“เป็นการใส่ร้ายหรือไม่ นั่นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือพวกเราเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่กลับถูกติดร่างแหไปด้วยอย่างไร้สาเหตุ!”

สือหย่าฉีกล่าวแทรกหนึ่งประโยคอย่างเรียบเย็น ไม่รู้ว่าในหัวของอวี้เมิ่งเหยานั้นทื่อไปหมดหรือเปล่า จึงได้เลือกสถานที่ทำร้ายคนต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมาย!

“ฮูหยินใหญ่ เรื่องนี้ยังพอมีทางออกอื่นหรือไม่?” หวงเซียวเซียงดึงตัวเองออกมาจากข่าวร้ายได้เร็วที่สุด นางไม่เต็มใจที่จะถูกไล่ออกไปอย่างนี้ กล่าวอย่างเต็มไปด้วยความน้อยใจ “ข้านั้นถูกใส่ร้าย!”

“ใส่ร้าย?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองนางอย่างเยียบเย็น “ข้าไม่ยักจะเห็นว่าเจ้าถูกใส่ร้ายอย่างไร หากเป็นคุณหนูสื่อยังจะพอนับได้ว่าติดร่างแห คุณหนูหวง ในยามที่มี่เอ๋อร์ตกน้ำ เจ้าอยู่ที่ใดในใจเจ้าคงรู้ดี!”

หวงเซียวเซียงนิ่งไป นางทำได้เพียงกล่าวว่าตัวเองนั้นโชคไม่ดีเอามากๆ นางนั้นรู้เรื่องที่อวี้เมิ่งเหยาและเยี่ยนมี่เอ๋อร์นัดพบกันที่ศาลาริมน้ำ ทั้งยังอยากเห็นว่าอวี้เมิ่งเหยาจะเล่นลูกไม้อะไร แต่นางยังไม่ทันได้เข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงอวี้เมิ่งเหยาตะโกน คล้อยหลังก็ได้รับข่าวว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ตกน้ำ

“เป็นเจ้าที่เล่นอุบายอยู่ลับหลัง!” อวี้เมิ่งเหยาอยากจะบีบคอหวงเซียวเซียงให้ตายนัก หากกล่าวว่าผู้ที่กำลังค้นหากันอยู่นั้นเป็นหวงเซียวเซียง นางก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด หวงเซียวเซียงเอาแต่คิดหลอกใช้ตนและสือหย่าฉีมาโดยตลอด ทั้งยังมี

วรยุทธ์ยอดเยี่ยมกว่าพวกนาง ไม่ใช่นางแล้วจะเป็นใครได้?

“ข้ามีความจำเป็นที่ต้องวางแผนลับหลังเช่นนั้นรึ?” หวงเซียวเซียงถลึงตามองนางอย่างดุดัน นางไม่ได้เป็นคนทำเสียหน่อย!

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองทั้งสองโต้เถียงกัน ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตกลงเป็นใครกันแน่? เวลานั้นแถวริมทะเลสาบเหมือนว่าจะมีคนอยู่ไม่น้อย หวงเซียวเซียง คนของอนุภรรยาอู๋ แม่นมปี้คนข้างกายของตน กระทั่งพิงถิงก็อยู่ด้วยเช่นกัน นอกจากพิงถิงแล้ว คนอื่นๆ ก็ล้วนแต่เป็นเป้าหมายที่ถูกเจวี๋ยเอ๋อร์สงสัยทั้งนั้น แต่แม่นมปี้และหวงเซียวเซียงเป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุด

ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมั่นใจว่าไม่ใช่ฝีมือของแม่นมปี้ นางนั้นหลบอยู่ใกล้ๆ ศาลาริมน้ำ อยากรู้ว่าจะมีโอกาสโจมตีเยี่ยนมี่เอ๋อร์บ้างหรือไม่ อย่างไรก็มีอวี้เมิ่งเหยาเป็นแพะรับบาป แต่ที่ไม่คาดคิดก็คือเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้รั้งตัวอยู่ที่ศาลาริมน้ำนานนัก นางจึงสูญเสียโอกาสไป

ครั้งนี้ฮ่าวเอ๋อร์และเจวี๋ยเอ๋ฮร์โมโหมากจริงๆ! ทั่วป๋าซู่เยวี่ยนึกถึงเมื่อวานที่สองพ่อลูกแสดงสีหน้าและท่าทางเหมือน กันไม่ผิดเพี้ยนก็ยังคงนึกกลัวอยู่ นางก็ไม่อยากจะไล่หญิงสาวสามคนนี้ไปเช่นกัน พวกนางล้วนเป็นหมากที่นางไม่ทันได้ใช้งาน แม้จะกล่าวว่าจะต้องเสียไปไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว แต่ยามนี้ยังไม่ถึงเวลา หากเสียพวกนางไป จะไปหาหมากที่เหมาะสมเช่นนี้ได้ที่ไหนอีก? แต่ว่า…ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกระจ่างใจดี หากนางยังคงออกหน้าปกป้องหญิงสาวสามคนนี้ ซั่งกวนฮ่าวย่อมไม่อาจรับปากเรื่องรับฉินซินเข้าตระกูลมาอีกตลอดไป นางจึงทำได้แค่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

“ฮูหยินใหญ่ หรือท่านก็จะนั่งนิ่งดูดายไม่สนใจเช่นนี้?” สือหย่าฉีเชื่อว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยย่อมไม่อาจละทิ้งพวกนางอย่างง่ายดายขนาดนี้ นางย่อมต้องพยายามไขว่คว้าโอกาสและเวลา

“ข้าก็ไม่มีวิธีเช่นกัน” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้คุณหนูอวี้วางแผนไม่รอบคอบอยู่จริงๆ คุณหนูหวงก็เอาแต่ยุ่งวุ่นวายกับเจวี๋ยเอ๋อร์ทั้งเช้าจรดเย็น จนทำให้เขารำคาญใจเสียกว่าอะไรดี เรื่องนี้สองพ่อลูกได้ปรึกษากันแล้ว เพียงแต่ให้ข้าเป็นคนมาบอกกล่าวต่อพวกเจ้า ใครใช้ให้ข้าเป็นคนที่รับพวกเจ้าเข้ามาล่ะ แต่ว่า ข้าจะพยายามยื้อเวลาให้พวกเจ้าเสียหน่อย ก็ต้องอยู่ที่พวกเจ้าแล้วว่าจะสามารถทำได้สำเร็จหรือไม่!”

“นานเท่าใด?” ดวงตาสือหย่าฉีเปล่งประกาย นางได้สืบเสาะหยั่งเชิงพื้นที่ของเรือนมีคู่ ทั้งกิจวัตรประจำวันของเยี่ยน

มี่เอ๋อร์มาบ้างแล้ว ขอเพียงแค่ให้เวลานางอีกสี่ห้าวัน นางย่อมรู้แพ้รู้ชนะกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้แน่ ถึงเวลานั้นน้ำถูกกวนจนขุ่นแล้ว โอกาสของนางก็จะมาถึงเช่นกัน

“เจ็ดวัน!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองทั้งสามคนที่เหมือนถูกช่วยขึ้นมาระหว่างความเป็นความตาย กล่าวอย่างเรียบนิ่ง “นี่เป็นการถกเถียงด้วยเหตุผลครั้งสุดท้ายของข้าแล้ว ไม่อาจจะยืดเวลามากกว่านี้ได้อีก ฉะนั้นต้องดูที่ตัวพวกเจ้าแล้ว คิดหาวิธีทำให้เจวี๋ยเอ๋อร์กลับคำ เห็นด้วยในการรับพวกเจ้าเข้าตระกูล และทำให้คนที่คัดค้านไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ พวกเจ้ามีเวลาทั้งหมดเจ็ดวันเท่านั้น แต่ข้ามีคำพูดที่ระคายหูต้องบอกก่อนเช่นกัน หากเกิดการถ่วงแข้งถ่วงขากัน หรือยิ่งทำยิ่งเสียนั้น ทางที่ดีที่สุดคือสละตัวเองออกไปเสีย อย่าได้สิ้นเปลืองเวลาคนอื่น!”

“ขอบคุณฮูหยินใหญ่ที่แนะนำ!” อวี้เมิ่งเหยาที่เต็มไปด้วยความขมขื่น สือหย่าฉีที่พึงพอใจ ทั้งหวงเซียวเซียงที่กระวนกระวายใจทำได้เพียงกล่าวขอบคุณไป ในใจของพวกนางกำลังคิดอะไรอยู่มีแต่พวกนางเท่านั้นที่กระจ่างชัด

“อีกอย่าง อย่าได้ลากอนุภรรยาอู๋มาร่วมมือด้วย!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกล่าวเตือนอย่างราบเรียบ “นางเป็นหนึ่งในคนที่เจวี๋ยเอ๋อร์ชิงชังมากที่สุด หากให้เจวี๋ยเอ๋อร์รู้ว่านางและพวกเจ้าคนใดได้เกี่ยวข้องอะไรกัน เขาย่อมต้องเว้นระยะห่างอย่างแน่นอน”

หวงเซียวเซียงและอวี้เมิ่งเหยานิ่งไปทั้งคู่ แม้หวงเซียวเซียงจะมีความบาดหมางระหว่างอนุภรรยาอู๋เพราะเรื่องอู๋เลี่ยนเยี่ยน แต่ภายหลังอนุภรรยาอู๋ก็เป็นฝ่ายเข้าหาอย่างเป็นมิตรก่อน ให้นางสามารถรู้ตารางการเดินทางของซั่งกวนเจวี๋ยและไปหาเขาได้ทันเวลา ความบาดหมางเล็กๆ น้อยๆ ของทั้งสองนั้นก็มลายหายไป และอวี้เมิ่งเหยา ในยามที่อยู่หัวเดียวกระเทียมลีบก็ได้รับความช่วยเหลือจากอนุภรรยาอู๋ สาวใช้ข้างกายของนางที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็เอาแต่เอื่อยเฉื่อยหลังจากคำพูดไม่กี่ประโยคของอนุภรรยาอู๋ จู่ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เดินล้อมหน้าล้อมหลังอย่างเอาใจใส่ เมื่อมีคนสามารถใช้งานได้ ทำเรื่องอะไรก็สะดวกขึ้นไม่น้อย

สือหย่าฉีกลับไม่อะไรมาก แม้อนุภรรยาอู๋จะไม่ได้มองข้ามนาง แต่ในใจของนางก็มีแผนอยู่ตั้งนานแล้ว ทั้งไม่จำเป็นต้องใช้คนของอนุภรรยาอู๋ แน่ว่าย่อมไม่มีความจำเป็นต้องติดค้างอะไรกับคนผู้นั้น!

มองท่าทีของพวกนาง ทั่วป๋าซู๋เยวี่ยก็ยกถ้วยชาขึ้นมา ก่อนแม่นมหนิงจะกล่าวยิ้มๆ ออกมา “ฮูหยินใหญ่คงจะเหนื่อยแล้ว ข้าจะส่งพวกคุณหนูแทนท่านเองเจ้าค่ะ!”

“ไม่รบกวนแม่นมแล้ว!” ไม่ว่ายังจะมีเรื่องอะไรที่อยากจะพูดอีกก็ตาม ทั้งสามคนก็หยัดกายขึ้นทันที แสดงท่าทีซาบซึ้งออกมา ก่อนกล่าวทั้งเผยยิ้ม “พวกเราก็ควรกลับไปครุ่นคิดดีๆ เหมือนกัน ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนฮูหยินใหญ่แล้ว!”

“ไปเถิด!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยผงกศีรษะ จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ใช่สิ ยังมีอีกเรื่อง เพราะครั้งนี้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้รับความตกใจ เจวี๋ยเอ๋อร์จึงไม่วางใจเป็นอย่างมาก เมื่อเย็นวานก็พักอยู่ที่เรือนมีคู่ ภายหลังยามเย็นไม่แน่ว่าก็อาจจะพักอยู่ที่เรือนมีคู่เช่นกัน ตอนเย็นพวกเจ้าก็อย่าได้ไปรบกวนพวกเขา!”

“เข้าใจแล้ว!” หญิงสาวทั้งสามรับปากก่อนจะค่อยๆ จากไป

“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ เวลาไม่กี่วันเช่นนี้ ท่านว่าพวกนางจะทำสำเร็จหรือไม่เจ้าคะ?” แม่นมหนิงกังวลใจอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ หรือทิ้งบาดแผลที่ไม่อาจหายสนิทไว้ให้นางก็ล้วนเป็นเรื่องดี ทั่วป๋าฉินซินก็จะมีเหตุผลที่เหมาะสมในการเข้าตระกูลมากยิ่งขึ้น

“เวลาเท่าใดนั้นไม่ใช่ปัญหา เวลาน้อยทำให้พวกนางได้ตื่นตัวนับว่าเป็นเรื่องดี ดีกว่าการที่เอาแต่เล่นเอื่อยเฉื่อยเช้าจรดเย็น!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่กังวลใจเรื่องนี้ “ตอนบ่ายให้หนิงซินและอวี่ไข่ออกจากจวนสักหน่อย ให้อวี่ไข่บอกผู้ดูแลนอกจวนว่า ช่วงนี้ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็พยายามมอบให้เจวี๋ยเอ๋อร์จัดการทั้งหมด ใครที่จะป่วยก็ป่วยเสีย ใครที่จะลาก็ลาได้เลย อย่าได้ให้เจวี๋ยพักอยู่ในจวนนานเกินไป มีเขาอยู่ โอกาสสำเร็จก็จะยิ่งน้อยลง!”

“เจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่!” แม่นมหนิงผงกศีรษะ

“อีกอย่าง เจ้าให้คนจับตาดูพิงถิงให้ดี ช่วงนี้นางแปลกๆ ไปอยู่บ้าง อย่าให้ได้แส่หาเรื่องอะไรออกมา!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยรู้ว่าซั่งกวนพิงถิงในช่วงนี้ล้วนแต่อัดอั้นตันใจ จิงอิ๋งตามอาจารย์เฉาไปยังเซิ่งจิง นั่นเป็นแผนที่สองพ่อลูกซั่งกวนได้เตรียมการณ์ไว้เนิ่นนานแล้ว แม้ว่านางจะโกรธที่พวกเขาพ่อลูกลำเอียงแต่ก็จนใจไม่อาจทำอะไรได้ หลิงหลงก็ไปเช่นกัน นั่นเพราะว่านางกำลังจะออกเรือนแล้ว ควรจะเรียนรู้ก่อนที่จะแต่งงาน แต่กระทั่งหลิงลี่ ลูกสาวของซั่งกวนจิ่นก็ได้ตามไปด้วย นี่ทำให้ในใจของนางรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมอย่างถึงที่สุด ทั้งยังชิงชังเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่ไม่ได้ออกหน้าพูดเพื่อนาง หากไม่ใช่เพราะว่านางกลัวความลำบาก ไม่ได้ร่ำเรียนวรยุทธ์มามากมายนัก คนที่น่าสงสัยที่สุดก็คงจะเป็นนางไปแล้ว!

“เจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่!” แม่นมหนิงยิ้มอย่างขมขื่น นางไร้ทางที่จะควบคุมพิงถิง แต่ว่า…ช่างเถิด อย่างไรส่งคนไปจับตามองนางก็น่าจะดีกว่า

——————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+