เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 118 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย (1)

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 118 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อวี้เมิ่งเหยาขยำจดหมายในมือเป็นก้อน พยายามขจัดความทุกข์ระทมในอก นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่นึกเลยว่าสือหย่าฉีจะกล่าวคำอำลากับเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างเงียบๆ ยังคงพูดคุยเรื่องนี้กับสมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลซั่งกวนในระหว่างรับประทานอาหารค่ำ

มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเป็นแน่! อวี้เมิ่งเหยาเดินวกไปวนมาในห้อง นึกถึงที่สือหย่าฉีเคยพูดว่า ต้องแอบกำจัดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ลงมือ! หรือว่าออกมือแล้ว ไม่เพียงแต่ล้มเหลว แต่ยังถูกใครบางคนทำให้ตกใจกลัว จึงรีบเผ่นหนีออกไป?

ไม่มีทาง! นางจะรอความตายแบบนี้ไม่ได้! อวี้เมิ่งเหยากัดฟัน แล้วเคาะประตูของหวงเซียวเซียง…

“พี่เจวี๋ย…” ซั่งกวนเจวี๋ยขมวดคิ้ว หวงเซียวเซียงยืนอยู่ตามลำพังในเส้นทางที่เขาจะต้องผ่านกลับไปยังเรือนมีคู่ นี่เป็นสิ่งที่หวงเซียวเซียงเคยทำมาก่อนเช่นกัน แต่ตั้งแต่มี่เอ๋อร์ตกลงไปในน้ำ นางก็ไม่ได้ปรากฏตัวในลักษณะกลางทางเช่นนี้

“พี่เจวี๋ย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากเจอข้า แต่ข้าไม่รู้ว่าจะได้เจอเจ้าอีกสักกี่ครั้งก็เลยมา!” หวงเซียวเซียงพูดด้วยสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ระคนยิ้มแย้มว่า “วันนี้น้องหย่าฉีออกไปแล้ว เราอาจต้องออกพรุ่งนี้หรืออาจจะอีกสามวันต่อมา…”

“เจ้ามีเรื่องอะไร?” ซั่งกวนเจวี๋ยร้อนใจจะกลับไปพบมี่เอ๋อร์ ยิ่งคบกันนานเท่าใดก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของมี่เอ๋อร์ นางอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ มีความคิดเห็นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง จะเชื่อฟังตัวเอง แต่จะไม่ทำสุ่มสี่สุ่มห้า นางฉลาดและมีไหวพริบ ฟังออกถึงการยั่วล้อของเขา รวมถึงการตอบโต้ที่มีปฏิภาณเฉียบไว ยามที่นางนอนหลับนั้นประหนึ่งวิฬารน้อยที่ชอบคลอเคลียเขนย แน่นอนว่าหมู่นี้จะอิงแอบกับหน้าอกของเขา นางมีข้อบกพร่อง แต่ไม่ใช่เพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้าม กลับยอมรับอย่างตรงไปตรงมา และพูดอย่างมั่นใจว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ…

“พี่เจวี๋ย ข้ารู้ว่าเจ้ายังคงสงสัยข้าเพราะเรื่องของพี่มี่เอ๋อร์ แต่ข้าถูกปรักปรำจริงๆ” หวงเซียวเซียงหยิกตัวเองอย่างรุนแรง น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ร่ำไห้อย่างสวยงาม ความสง่างามของดอกสาลี่ที่โปรยปรายยามฝนพร่ำลงมาในดวงตาของซั่งกวนเจวี๋ยแต่มันช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน ทันใดนั้นหัวใจก็นึกถึงน้ำตาที่มี่เอ๋อร์เคยไหลพรั่งพรู ตอนที่เศร้าตรอมตรมจริงๆ จะไม่ร้องไห้อย่างสวยงามหรอก!

“วันนั้นข้าอยู่ริมทะเลสาบก็จริง แต่ข้าไม่มีเหตุผลจะทำร้ายพี่มี่เอ๋อร์!” หวงเซียวเซียงเหลือบมองซั่งกวนเจวี๋ยซึ่งมีท่าทีไม่เข้าใจ ยิ่งไม่มั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วพูดว่า “น้องอวี้ก็สงสัยข้าเช่นกัน แต่…เราวิเคราะห์เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ เชื่อว่าอีกฝ่ายบริสุทธิ์ เราไม่มีเหตุผลจะทำอย่างนี้!”

ซั่งกวนเจวี๋ยนิ่งเงียบ เขาเคยขบคิดถึงปัญหานี้เช่นกัน แม้ทั้งสามคนจะไม่ใช่คนฉลาดมากนัก แต่ก็รู้ดีว่า พวกนางไม่มีทางจะเป็นภรรยาของเขาได้ ในหมู่พวกนาง หวงเซียวเซียงเป็นคนทะเยอทะยาน ไม่เต็มใจจะเป็นอนุภรรยาอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่นางแสวงหามีเพียงตำแหน่งในฐานะภรรยารอง มี่เอ๋อร์เกิดเรื่องขึ้น ไม่เป็นผลดีกับพวกนางแต่พวกนางมีฮูหยินใหญ่อยู่เบื้องหลัง ท่านย่าที่ยังไม่ยอมสละศักดิ์ศรีของลูกสาวคนโตของตระกูลทั่วป๋าจนกระทั่งบัดนี้

“เรางงงวยกับเรื่องนี้ น้องหย่าฉีจากไปจึงทำให้เรารู้ทันที!” หวงเซียวเซียงจำการวิเคราะห์ของอวี้เมิ่งเหยาได้ ยิ่งครุ่นคิดมากเท่าใดก็ยิ่งรู้สึกว่าสมเหตุสมผล

“เราเริ่มวิเคราะห์ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ใครคือผู้รับผลประโยชน์สูงสุด!” หวงเซียวเซียงยิ้มเฝื่อนๆ พลางกล่าวว่า “ไม่ต้องให้ข้าแนะ พี่เจวี๋ยคงมีข้อสรุปในใจอยู่แล้ว นั่นคือพี่มี่เอ๋อร์ นอกนั้นไม่มีใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้!”

“มี่เอ๋อร์เป็นเหยื่อ” ซั่งกวนเจวี๋ยพูดเบาๆ เหตุการณ์นี้ดูเหมือนจะเป็นมี่เอ๋อร์ที่ได้กำไร แต่มี่เอ๋อร์ก็ได้รับความเสียหายมากที่สุดเช่นกัน

“ทว่า น้องหย่าฉีเป็นคนเริ่มบอกลานางจริงๆ แล้วพี่ใหญ่เจวี๋ยไม่คิดว่ามันแปลกหรือ?” อวี้เมิ่งเหยาสะเทือนจิตใจจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน จากนั้นก็มีข้อสงสัยและร่วมมือกับหวงเซียวเซียง ตอนนี้พวกนางมีความสามารถแค่ขี้ปะติ๋วอยู่แล้ว ตัดสินใจจะปล่อยมือจากหม้อแตก แม้จะทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยเกิดความสงสารจนแต่งงานกับพวกนางไม่ได้ และก็ทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์สบายใจไม่ได้เหมือนกัน

ซั่งกวนเจวี๋ยเงียบกริบ เขารู้สถานการณ์ของสือหย่าฉีเป็นอย่างดี และกังวลว่าสือหย่าฉีจะทำอะไรกับมี่เอ๋อร์ ดังนั้นจึงจัดกำลังคนให้อยู่ในเรือนทางใต้เพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวของสือหย่าฉีเป็นพิเศษ สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือสือหย่าฉีดูเหมือนจะไม่ได้ทำอะไร ทันใดนั้นก็คิดออก แล้วก็ตัดสินใจจากไป

“สมญาหลัวซาของน้องหย่าฉีไม่ได้หลุดออกมาจากอากาศ นางอำมหิตโหดร้าย เมื่อผู้ใดพบเห็นจะตกใจมาก นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่พี่ใหญ่เจวี๋ยจงใจเหินห่างจากนาง! แต่บุคคลเช่นนี้กลับไม่ทำอะไรเลย ซ้ำยังบอกลาพี่มี่เอ๋อร์อย่างรู้ความ พี่ใหญ่เจวี๋ยคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติหรือ?” หวงเซียวเซียงเห็นซั่งกวนเจวี๋ยไม่พูดจา เพราะรู้ว่าเขาเริ่มระแวงสงสัยแล้ว จึงพูดด้วยความดีใจว่า “ข้าไม่ขอให้เจ้าเชื่อข้า แต่ขอร้องเจ้าให้โอกาสข้าสักครา ขอโอกาสคืนความบริสุทธิ์ให้ข้า!”

“เจ้าคิดอย่างไร?” ซั่งกวนเจวี๋ยยังอดกังขาไม่ได้ เขารู้ว่าเขาควรจะยืนหยัดแน่วแน่และเชื่อมั่นในมี่เอ๋อร์ แต่เขาทำไม่ได้ มีเรื่องหลอกลวงกันอุตลุดมากเกินไป จนไม่อาจเชื่อใจมี่เอ๋อร์ได้เต็มที่

“น้องอวี้ไปเชิญพี่มี่เอ๋อร์แล้ว นางจะคุยกับพี่มี่เอ๋อร์ตามลำพัง ตอนนั้นไม่มีใครอยู่รอบๆ อาจจะทำให้นางบอกความจริงและคืนความบริสุทธิ์ให้พวกเราก็ได้!” หวงเซียวเซียงถอนหายใจแล้วพูดว่า “หรืออาจจะไม่ได้ เพราะพี่มี่เอ๋อร์ทำสิ่งใดหรือเอื้อนเอ่ยอะไรจะไร้ช่องโหว่ พวกเราไม่กล้าแน่ใจจริงๆ ว่านางจะเผยพิรุธอะไรหรือไม่!”

“นัดกันที่ไหน?” ซั่งกวนเจวี๋ยถูกตะล่อมด้วยวลี ‘ไร้ช่องโหว่’ มี่เอ๋อร์ฉลาดเป็นการดี แต่ภรรยาที่ฉลาดและร้ายกาจมากเกินไปจะทำให้เขาเริ่มเคลือบแคลงสงสัย สุดท้ายเขาก็หวั่นไหว

“ศาลาเลี่ยมหิมะ!” หวงเซียวเซียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกพลางกล่าวว่า “น้องอวี้มาขออำลา เชิญพี่มี่เอ๋อร์มานั่งคุยสักครู่ ตรงนั้นเป็นพื้นที่ราบเรียบ ไม่มีอะไรจะทำร้ายผู้คนได้ พี่มี่เอ๋อร์ได้ตกลงจะไปตามที่นัดหมายแล้ว”

ซั่งกวนเจวี๋ยพยักหน้า ตรงนั้นเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ มองเห็นได้กว้างไกล ไม่เพียงหัวใจจะถูกลอบได้ยิน พูดคุยกันก็สะดวกที่สุดด้วย ดูท่าทั้งสองคนจะใช้ความคิดในเรื่องนี้เป็นอย่างมากเลย!

“พี่เจวี๋ยวิทยายุทธ์ล้ำเลิศ อยู่บนศาลาได้ ขอเพียงระมัดระวังตัวเล็กน้อย ย่อมจะไม่ถูกใครจับได้!” หวงเซียวเซียงพูดอย่างขมขื่นว่า “ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ข้าจะไปก่อน! ถ้าพี่เจวี๋ยยินดีจะเชื่อข้าเช่นกัน และอยากรู้ว่าพี่มี่เอ๋อร์จะทำหน้าแบบไหนตอนพูดคุยกับเรา ก็เชิญ…เอ่อ ข้าไปก่อนแล้วกันนะ!”

ซั่งกวนเจวี๋ยเฝ้าดูหวงเซียวเซียงจากไป คิดใคร่ครวญสักพัก แล้วไปที่ศาลาเลี่ยมหิมะ…

“สะใภ้ใหญ่ นายน้อยกำชับว่าไม่ให้ท่านพบกับพวกนางตามลำพังเจ้าค่ะ!” ช่าจื่อห้ามเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไว้ นางไม่กล้าพูดว่าไม่ให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์พบกับผู้หญิงทั้งสอง แต่กลับไม่ให้นางไปคนเดียว

“ศาลาเลี่ยมหิมะไม่มีพื้นที่ให้พวกนางใช้หาผลประโยชน์ได้ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลไป!” จื่อหลัวรับรู้สายตาของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ยิ้มแล้วคว้าช่าจื่อไว้ นางรู้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้เรียนรู้วรยุทธ์เช่นกันแต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด เยี่ยนมี่เอ๋อร์ต้องการทำอะไร นางก็ไม่ได้วิตก

“พี่มี่เอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว!” มีเพียงอวี้เมิ่งเหยาอยู่ในศาลาคนเดียว ส่วนหวงเซียวเซียงยังมาไม่ถึงในขณะนี้

“มีอะไรก็ว่ามา ข้าไม่อยากพูดอ้อมค้อมกับเจ้า” นานๆ ทีเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะพูดตรงไปตรงมา สือหย่าฉีจากไปแล้ว ผู้หญิงสองคนนี้มีเวลาเพียงสามวันเท่านั้น พวกนางออกไปแล้วตนก็จะกลับสู่ความสงบได้

“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดพี่มี่เอ๋อร์ถึงเกลียดพวกเรามากขนาดนี้!” ในดวงตาของอวี้เมิ่งเหยาฉายแววยินดี สิ่งที่นางกังวลในยามนี้คือท่าทีของเยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้นดีเหลือเกิน จนซั่งกวนเจวี๋ยมองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง

“ไม่เข้าใจหรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยิ้มเยาะเอ่ยว่า “คุณหนูอวี้ ถ้าเจ้าอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน จู่ๆ ผู้หญิงสองสามคนที่อ้างว่าเป็นหญิงงามคนสนิทของสามีก็ปรากฏตัวขึ้นในครอบครัว วิ่งแจ้นมาหาสามีของตนที่เพิ่งแต่งงานแล้วเรียกว่าพี่ชาย โดยแสร้งทำเป็นสนิทสนม เกรงว่าท่าทางของเจ้าจะแย่ไปกว่านี้! ถ้าเป็นเพียงเท่านี้ก็ช่างปะไร ทว่าท่านพี่เป็นบุรุษที่เก่งกาจยอดเยี่ยม ย่อมมีคนชื่นชมก็เป็นเรื่องปกติ แต่พวกเจ้าไม่ควรยั่วโมโหข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงขั้นคิดจะสังหารข้า!”

“ข้าไม่ได้ทำ!” อวี้เมิ่งเหยาตอบโต้ในทันควัน

“เจ้าไม่ได้ทำ เพราะข้าไม่ได้นิยมชมชอบในตัวพวกเจ้า ไม่อยากให้ทุกอย่างถูกพวกเจ้าจูงจมูกไป จึงไม่ได้คุยกันที่ศาลาริมน้ำนานๆ อย่างที่เจ้าต้องการ แต่นึกไม่ถึงว่าจะไม่รอดแผนการของพวกเจ้า หลบหนีการลอบทำร้ายของเจ้า แต่ยังคงถูกใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดลอบทำร้าย” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดตรงๆ ว่า “คุณหนูอวี้ เจ้ารู้ไหม? คนเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่หลังชนฝาที่สุดจะระเบิดความสามารถต่างๆ ออกมาได้ดีที่สุด ส่วนข้าในชั่วขณะที่ตกน้ำนั้น กลับมองเห็นใบหน้าของเจ้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสะใจ…ข้ารู้ ต่อให้จะไม่ใช่น้ำมือของเจ้า กระนั้นเจ้าก็จะไม่ช่วยข้า!”

จะเป็นไปได้อย่างไร? อวี้เมิ่งเหยาพูดอย่างใจเย็นว่า “แต่เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่า เจ้าเป็นแค่ผู้มาทีหลัง! ยามที่เราได้พบและรู้จักพี่ใหญ่เจวี๋ยนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน? สำหรับเราแล้ว เจ้าคือผู้ทำลายล้างที่บุกเข้ามาหาเรา!”

“คุณหนูอวี้ คำพูดของเจ้าตลกมากจริงๆ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองนางอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “ทั้งๆ ที่พวกเจ้ารู้ว่าสามีและข้ามีสัญญาหมั้นหมายแต่งงานกัน ตอนที่ข้าอายุเพียงสองขวบก็ถูกกำหนดให้ร่วมชะตาชีวิตกับสามีแล้ว เวลานั้น พวกเจ้าอยู่ที่ไหน? เจ้ารู้อะไรไหม? สามขวบข้าเริ่มร่ำเรียนหนังสือ อักษรตัวแรกที่ข้าเขียนคือคำว่า ‘เจวี๋ย’ ห้าขวบข้าเริ่มเรียนงานเย็บปักถักร้อย ของชิ้นแรกที่ทำสำเร็จคือเสื้อผ้าผู้ชาย ท่านแม่ของข้าติดต่อกับตระกูลซั่งกวนมาตลอดข้า รู้ว่าสามีชอบการเขียนพู่กันโดย เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเก่งการเขียนแบบปล่อยเส้นสีขาวไว้เป็นฝอยๆ นั้น ข้าเริ่มฝึกคัดลายมือทุกวัน…เริ่มตั้งแต่ข้าอายุได้สามขวบ ไม่ว่าข้าจะทำอะไร ล้วนมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียว นั่นคือการเป็นภรรยาที่เหมาะสมที่สุดของซั่งกวนเจวี๋ย!”

“พวกเจ้าบอกว่าพวกเจ้าได้พบและรู้จักกับสามี ตอนที่พวกเจ้ารู้จักสามี เขาดูสง่างามต่อหน้าพวกเจ้า ด้านหลังเขายังมีราศีของลูกชายคนโตของตระกูลซั่งกวนอีกด้วย ทั้งหล่อเหลา สง่าผ่าเผย โดดเด่นทั้งบู๊บุ๋น มีภูมิหลังทางครอบครัวที่ไม่ธรรมดา ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ก็มิน่าเล่าที่พวกเจ้าจะแห่กันมารุมตอม ละทิ้งการรักนวลสงวนตัวของลูกสาว แต่ข้าต่างออกไป ข้ารู้จักสามีจากชื่อที่เย็นชา” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดอย่างตื่นเต้นเล็กน้อยว่า “ข้ารู้ว่าเขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลซั่งกวน จากนั้นเล่า? ข้าไม่รู้หรือเข้าใจอะไรเลย ตอนที่ท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่มักจะพูดเสมอว่า เขาคือสามีของข้า ไม่ว่าจะรวยล่ำซำหรือจนยาจก หล่อคมคายหรือขี้เหร่ เจนจบอักษรศาสตร์หรือดูดีไร้สมอง นั่นคือคนที่ข้าจะต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขไปตลอดชีวิต หลังจากท่านแม่เสียชีวิต ข้ารู้สึกลังเลและกังวลใจ ยามที่ใกล้จะแต่งงานข้าถึงขั้นอยากจะหนีออกไป ยอมพึ่งใบบุญพระพุทธศาสนาตราบชั่วชีวิตจะหาไม่ ดีกว่าจะเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ยกเว้นแม่สามีที่เคยพบกันครั้งเดียว ทุกอย่างในตระกูลซั่งกวนช่างห่างไกลและไม่คุ้นเคยสำหรับข้า มันทำให้ข้ากลัวอยู่ลึกๆ ด้วยอารมณ์แบบนี้ แล้วใครเล่าจะเข้าใจข้า?”

“ในงานแต่งงานก็ไม่ง่ายเลยที่ข้าจะไม่มีข้อผิดพลาด ข้าตกประหม่าอยู่พักหนึ่ง ไม่รู้จะวางตัวอย่างไร จนกระทั่งสามีมากระซิบเตือนข้า ข้าถึงจะได้สติ หลังจากงานแต่ง ข้าใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกซาบซึ้งบุญคุณเสมอมา ข้าคิดว่าข้าจะมีความสุขเช่นนี้ตลอดไป!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองอวี้เมิ่งเหยาอย่างเฉยเมย แล้วพูดว่า “แต่การปรากฏตัวของพวกเจ้า ทำให้ข้าดูเหมือนถูกราดด้วยน้ำแข็งทั้งตัว ถ้าไม่ใช่เพราะสามีเอาใจใส่และช่วยอธิบาย ข้าก็เกือบจะล่มไม่เป็นท่า พวกเจ้าทำแบบนี้แล้วจะให้ข้าชอบได้อย่างไร? แล้วจะให้ข้าเข้าใกล้ได้อย่างไร?”

“เจ้าจึงใส่ร้ายข้าหรือ?” อวี้เมิ่งเหยาฉวยโอกาสพูดว่า “เจ้าจงใจตกน้ำ เพื่อให้พี่ใหญ่เจวี๋ยเข้าใจผิดใช่ไหม?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 118 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย (1)

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 118 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อวี้เมิ่งเหยาขยำจดหมายในมือเป็นก้อน พยายามขจัดความทุกข์ระทมในอก นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่นึกเลยว่าสือหย่าฉีจะกล่าวคำอำลากับเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างเงียบๆ ยังคงพูดคุยเรื่องนี้กับสมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลซั่งกวนในระหว่างรับประทานอาหารค่ำ

มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเป็นแน่! อวี้เมิ่งเหยาเดินวกไปวนมาในห้อง นึกถึงที่สือหย่าฉีเคยพูดว่า ต้องแอบกำจัดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ลงมือ! หรือว่าออกมือแล้ว ไม่เพียงแต่ล้มเหลว แต่ยังถูกใครบางคนทำให้ตกใจกลัว จึงรีบเผ่นหนีออกไป?

ไม่มีทาง! นางจะรอความตายแบบนี้ไม่ได้! อวี้เมิ่งเหยากัดฟัน แล้วเคาะประตูของหวงเซียวเซียง…

“พี่เจวี๋ย…” ซั่งกวนเจวี๋ยขมวดคิ้ว หวงเซียวเซียงยืนอยู่ตามลำพังในเส้นทางที่เขาจะต้องผ่านกลับไปยังเรือนมีคู่ นี่เป็นสิ่งที่หวงเซียวเซียงเคยทำมาก่อนเช่นกัน แต่ตั้งแต่มี่เอ๋อร์ตกลงไปในน้ำ นางก็ไม่ได้ปรากฏตัวในลักษณะกลางทางเช่นนี้

“พี่เจวี๋ย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากเจอข้า แต่ข้าไม่รู้ว่าจะได้เจอเจ้าอีกสักกี่ครั้งก็เลยมา!” หวงเซียวเซียงพูดด้วยสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ระคนยิ้มแย้มว่า “วันนี้น้องหย่าฉีออกไปแล้ว เราอาจต้องออกพรุ่งนี้หรืออาจจะอีกสามวันต่อมา…”

“เจ้ามีเรื่องอะไร?” ซั่งกวนเจวี๋ยร้อนใจจะกลับไปพบมี่เอ๋อร์ ยิ่งคบกันนานเท่าใดก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของมี่เอ๋อร์ นางอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ มีความคิดเห็นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง จะเชื่อฟังตัวเอง แต่จะไม่ทำสุ่มสี่สุ่มห้า นางฉลาดและมีไหวพริบ ฟังออกถึงการยั่วล้อของเขา รวมถึงการตอบโต้ที่มีปฏิภาณเฉียบไว ยามที่นางนอนหลับนั้นประหนึ่งวิฬารน้อยที่ชอบคลอเคลียเขนย แน่นอนว่าหมู่นี้จะอิงแอบกับหน้าอกของเขา นางมีข้อบกพร่อง แต่ไม่ใช่เพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้าม กลับยอมรับอย่างตรงไปตรงมา และพูดอย่างมั่นใจว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ…

“พี่เจวี๋ย ข้ารู้ว่าเจ้ายังคงสงสัยข้าเพราะเรื่องของพี่มี่เอ๋อร์ แต่ข้าถูกปรักปรำจริงๆ” หวงเซียวเซียงหยิกตัวเองอย่างรุนแรง น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ร่ำไห้อย่างสวยงาม ความสง่างามของดอกสาลี่ที่โปรยปรายยามฝนพร่ำลงมาในดวงตาของซั่งกวนเจวี๋ยแต่มันช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน ทันใดนั้นหัวใจก็นึกถึงน้ำตาที่มี่เอ๋อร์เคยไหลพรั่งพรู ตอนที่เศร้าตรอมตรมจริงๆ จะไม่ร้องไห้อย่างสวยงามหรอก!

“วันนั้นข้าอยู่ริมทะเลสาบก็จริง แต่ข้าไม่มีเหตุผลจะทำร้ายพี่มี่เอ๋อร์!” หวงเซียวเซียงเหลือบมองซั่งกวนเจวี๋ยซึ่งมีท่าทีไม่เข้าใจ ยิ่งไม่มั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วพูดว่า “น้องอวี้ก็สงสัยข้าเช่นกัน แต่…เราวิเคราะห์เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ เชื่อว่าอีกฝ่ายบริสุทธิ์ เราไม่มีเหตุผลจะทำอย่างนี้!”

ซั่งกวนเจวี๋ยนิ่งเงียบ เขาเคยขบคิดถึงปัญหานี้เช่นกัน แม้ทั้งสามคนจะไม่ใช่คนฉลาดมากนัก แต่ก็รู้ดีว่า พวกนางไม่มีทางจะเป็นภรรยาของเขาได้ ในหมู่พวกนาง หวงเซียวเซียงเป็นคนทะเยอทะยาน ไม่เต็มใจจะเป็นอนุภรรยาอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่นางแสวงหามีเพียงตำแหน่งในฐานะภรรยารอง มี่เอ๋อร์เกิดเรื่องขึ้น ไม่เป็นผลดีกับพวกนางแต่พวกนางมีฮูหยินใหญ่อยู่เบื้องหลัง ท่านย่าที่ยังไม่ยอมสละศักดิ์ศรีของลูกสาวคนโตของตระกูลทั่วป๋าจนกระทั่งบัดนี้

“เรางงงวยกับเรื่องนี้ น้องหย่าฉีจากไปจึงทำให้เรารู้ทันที!” หวงเซียวเซียงจำการวิเคราะห์ของอวี้เมิ่งเหยาได้ ยิ่งครุ่นคิดมากเท่าใดก็ยิ่งรู้สึกว่าสมเหตุสมผล

“เราเริ่มวิเคราะห์ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ใครคือผู้รับผลประโยชน์สูงสุด!” หวงเซียวเซียงยิ้มเฝื่อนๆ พลางกล่าวว่า “ไม่ต้องให้ข้าแนะ พี่เจวี๋ยคงมีข้อสรุปในใจอยู่แล้ว นั่นคือพี่มี่เอ๋อร์ นอกนั้นไม่มีใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้!”

“มี่เอ๋อร์เป็นเหยื่อ” ซั่งกวนเจวี๋ยพูดเบาๆ เหตุการณ์นี้ดูเหมือนจะเป็นมี่เอ๋อร์ที่ได้กำไร แต่มี่เอ๋อร์ก็ได้รับความเสียหายมากที่สุดเช่นกัน

“ทว่า น้องหย่าฉีเป็นคนเริ่มบอกลานางจริงๆ แล้วพี่ใหญ่เจวี๋ยไม่คิดว่ามันแปลกหรือ?” อวี้เมิ่งเหยาสะเทือนจิตใจจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน จากนั้นก็มีข้อสงสัยและร่วมมือกับหวงเซียวเซียง ตอนนี้พวกนางมีความสามารถแค่ขี้ปะติ๋วอยู่แล้ว ตัดสินใจจะปล่อยมือจากหม้อแตก แม้จะทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยเกิดความสงสารจนแต่งงานกับพวกนางไม่ได้ และก็ทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์สบายใจไม่ได้เหมือนกัน

ซั่งกวนเจวี๋ยเงียบกริบ เขารู้สถานการณ์ของสือหย่าฉีเป็นอย่างดี และกังวลว่าสือหย่าฉีจะทำอะไรกับมี่เอ๋อร์ ดังนั้นจึงจัดกำลังคนให้อยู่ในเรือนทางใต้เพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวของสือหย่าฉีเป็นพิเศษ สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือสือหย่าฉีดูเหมือนจะไม่ได้ทำอะไร ทันใดนั้นก็คิดออก แล้วก็ตัดสินใจจากไป

“สมญาหลัวซาของน้องหย่าฉีไม่ได้หลุดออกมาจากอากาศ นางอำมหิตโหดร้าย เมื่อผู้ใดพบเห็นจะตกใจมาก นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่พี่ใหญ่เจวี๋ยจงใจเหินห่างจากนาง! แต่บุคคลเช่นนี้กลับไม่ทำอะไรเลย ซ้ำยังบอกลาพี่มี่เอ๋อร์อย่างรู้ความ พี่ใหญ่เจวี๋ยคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติหรือ?” หวงเซียวเซียงเห็นซั่งกวนเจวี๋ยไม่พูดจา เพราะรู้ว่าเขาเริ่มระแวงสงสัยแล้ว จึงพูดด้วยความดีใจว่า “ข้าไม่ขอให้เจ้าเชื่อข้า แต่ขอร้องเจ้าให้โอกาสข้าสักครา ขอโอกาสคืนความบริสุทธิ์ให้ข้า!”

“เจ้าคิดอย่างไร?” ซั่งกวนเจวี๋ยยังอดกังขาไม่ได้ เขารู้ว่าเขาควรจะยืนหยัดแน่วแน่และเชื่อมั่นในมี่เอ๋อร์ แต่เขาทำไม่ได้ มีเรื่องหลอกลวงกันอุตลุดมากเกินไป จนไม่อาจเชื่อใจมี่เอ๋อร์ได้เต็มที่

“น้องอวี้ไปเชิญพี่มี่เอ๋อร์แล้ว นางจะคุยกับพี่มี่เอ๋อร์ตามลำพัง ตอนนั้นไม่มีใครอยู่รอบๆ อาจจะทำให้นางบอกความจริงและคืนความบริสุทธิ์ให้พวกเราก็ได้!” หวงเซียวเซียงถอนหายใจแล้วพูดว่า “หรืออาจจะไม่ได้ เพราะพี่มี่เอ๋อร์ทำสิ่งใดหรือเอื้อนเอ่ยอะไรจะไร้ช่องโหว่ พวกเราไม่กล้าแน่ใจจริงๆ ว่านางจะเผยพิรุธอะไรหรือไม่!”

“นัดกันที่ไหน?” ซั่งกวนเจวี๋ยถูกตะล่อมด้วยวลี ‘ไร้ช่องโหว่’ มี่เอ๋อร์ฉลาดเป็นการดี แต่ภรรยาที่ฉลาดและร้ายกาจมากเกินไปจะทำให้เขาเริ่มเคลือบแคลงสงสัย สุดท้ายเขาก็หวั่นไหว

“ศาลาเลี่ยมหิมะ!” หวงเซียวเซียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกพลางกล่าวว่า “น้องอวี้มาขออำลา เชิญพี่มี่เอ๋อร์มานั่งคุยสักครู่ ตรงนั้นเป็นพื้นที่ราบเรียบ ไม่มีอะไรจะทำร้ายผู้คนได้ พี่มี่เอ๋อร์ได้ตกลงจะไปตามที่นัดหมายแล้ว”

ซั่งกวนเจวี๋ยพยักหน้า ตรงนั้นเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ มองเห็นได้กว้างไกล ไม่เพียงหัวใจจะถูกลอบได้ยิน พูดคุยกันก็สะดวกที่สุดด้วย ดูท่าทั้งสองคนจะใช้ความคิดในเรื่องนี้เป็นอย่างมากเลย!

“พี่เจวี๋ยวิทยายุทธ์ล้ำเลิศ อยู่บนศาลาได้ ขอเพียงระมัดระวังตัวเล็กน้อย ย่อมจะไม่ถูกใครจับได้!” หวงเซียวเซียงพูดอย่างขมขื่นว่า “ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ข้าจะไปก่อน! ถ้าพี่เจวี๋ยยินดีจะเชื่อข้าเช่นกัน และอยากรู้ว่าพี่มี่เอ๋อร์จะทำหน้าแบบไหนตอนพูดคุยกับเรา ก็เชิญ…เอ่อ ข้าไปก่อนแล้วกันนะ!”

ซั่งกวนเจวี๋ยเฝ้าดูหวงเซียวเซียงจากไป คิดใคร่ครวญสักพัก แล้วไปที่ศาลาเลี่ยมหิมะ…

“สะใภ้ใหญ่ นายน้อยกำชับว่าไม่ให้ท่านพบกับพวกนางตามลำพังเจ้าค่ะ!” ช่าจื่อห้ามเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไว้ นางไม่กล้าพูดว่าไม่ให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์พบกับผู้หญิงทั้งสอง แต่กลับไม่ให้นางไปคนเดียว

“ศาลาเลี่ยมหิมะไม่มีพื้นที่ให้พวกนางใช้หาผลประโยชน์ได้ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลไป!” จื่อหลัวรับรู้สายตาของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ยิ้มแล้วคว้าช่าจื่อไว้ นางรู้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้เรียนรู้วรยุทธ์เช่นกันแต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด เยี่ยนมี่เอ๋อร์ต้องการทำอะไร นางก็ไม่ได้วิตก

“พี่มี่เอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว!” มีเพียงอวี้เมิ่งเหยาอยู่ในศาลาคนเดียว ส่วนหวงเซียวเซียงยังมาไม่ถึงในขณะนี้

“มีอะไรก็ว่ามา ข้าไม่อยากพูดอ้อมค้อมกับเจ้า” นานๆ ทีเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะพูดตรงไปตรงมา สือหย่าฉีจากไปแล้ว ผู้หญิงสองคนนี้มีเวลาเพียงสามวันเท่านั้น พวกนางออกไปแล้วตนก็จะกลับสู่ความสงบได้

“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดพี่มี่เอ๋อร์ถึงเกลียดพวกเรามากขนาดนี้!” ในดวงตาของอวี้เมิ่งเหยาฉายแววยินดี สิ่งที่นางกังวลในยามนี้คือท่าทีของเยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้นดีเหลือเกิน จนซั่งกวนเจวี๋ยมองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง

“ไม่เข้าใจหรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยิ้มเยาะเอ่ยว่า “คุณหนูอวี้ ถ้าเจ้าอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน จู่ๆ ผู้หญิงสองสามคนที่อ้างว่าเป็นหญิงงามคนสนิทของสามีก็ปรากฏตัวขึ้นในครอบครัว วิ่งแจ้นมาหาสามีของตนที่เพิ่งแต่งงานแล้วเรียกว่าพี่ชาย โดยแสร้งทำเป็นสนิทสนม เกรงว่าท่าทางของเจ้าจะแย่ไปกว่านี้! ถ้าเป็นเพียงเท่านี้ก็ช่างปะไร ทว่าท่านพี่เป็นบุรุษที่เก่งกาจยอดเยี่ยม ย่อมมีคนชื่นชมก็เป็นเรื่องปกติ แต่พวกเจ้าไม่ควรยั่วโมโหข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงขั้นคิดจะสังหารข้า!”

“ข้าไม่ได้ทำ!” อวี้เมิ่งเหยาตอบโต้ในทันควัน

“เจ้าไม่ได้ทำ เพราะข้าไม่ได้นิยมชมชอบในตัวพวกเจ้า ไม่อยากให้ทุกอย่างถูกพวกเจ้าจูงจมูกไป จึงไม่ได้คุยกันที่ศาลาริมน้ำนานๆ อย่างที่เจ้าต้องการ แต่นึกไม่ถึงว่าจะไม่รอดแผนการของพวกเจ้า หลบหนีการลอบทำร้ายของเจ้า แต่ยังคงถูกใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดลอบทำร้าย” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดตรงๆ ว่า “คุณหนูอวี้ เจ้ารู้ไหม? คนเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่หลังชนฝาที่สุดจะระเบิดความสามารถต่างๆ ออกมาได้ดีที่สุด ส่วนข้าในชั่วขณะที่ตกน้ำนั้น กลับมองเห็นใบหน้าของเจ้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสะใจ…ข้ารู้ ต่อให้จะไม่ใช่น้ำมือของเจ้า กระนั้นเจ้าก็จะไม่ช่วยข้า!”

จะเป็นไปได้อย่างไร? อวี้เมิ่งเหยาพูดอย่างใจเย็นว่า “แต่เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่า เจ้าเป็นแค่ผู้มาทีหลัง! ยามที่เราได้พบและรู้จักพี่ใหญ่เจวี๋ยนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน? สำหรับเราแล้ว เจ้าคือผู้ทำลายล้างที่บุกเข้ามาหาเรา!”

“คุณหนูอวี้ คำพูดของเจ้าตลกมากจริงๆ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองนางอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “ทั้งๆ ที่พวกเจ้ารู้ว่าสามีและข้ามีสัญญาหมั้นหมายแต่งงานกัน ตอนที่ข้าอายุเพียงสองขวบก็ถูกกำหนดให้ร่วมชะตาชีวิตกับสามีแล้ว เวลานั้น พวกเจ้าอยู่ที่ไหน? เจ้ารู้อะไรไหม? สามขวบข้าเริ่มร่ำเรียนหนังสือ อักษรตัวแรกที่ข้าเขียนคือคำว่า ‘เจวี๋ย’ ห้าขวบข้าเริ่มเรียนงานเย็บปักถักร้อย ของชิ้นแรกที่ทำสำเร็จคือเสื้อผ้าผู้ชาย ท่านแม่ของข้าติดต่อกับตระกูลซั่งกวนมาตลอดข้า รู้ว่าสามีชอบการเขียนพู่กันโดย เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเก่งการเขียนแบบปล่อยเส้นสีขาวไว้เป็นฝอยๆ นั้น ข้าเริ่มฝึกคัดลายมือทุกวัน…เริ่มตั้งแต่ข้าอายุได้สามขวบ ไม่ว่าข้าจะทำอะไร ล้วนมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียว นั่นคือการเป็นภรรยาที่เหมาะสมที่สุดของซั่งกวนเจวี๋ย!”

“พวกเจ้าบอกว่าพวกเจ้าได้พบและรู้จักกับสามี ตอนที่พวกเจ้ารู้จักสามี เขาดูสง่างามต่อหน้าพวกเจ้า ด้านหลังเขายังมีราศีของลูกชายคนโตของตระกูลซั่งกวนอีกด้วย ทั้งหล่อเหลา สง่าผ่าเผย โดดเด่นทั้งบู๊บุ๋น มีภูมิหลังทางครอบครัวที่ไม่ธรรมดา ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ก็มิน่าเล่าที่พวกเจ้าจะแห่กันมารุมตอม ละทิ้งการรักนวลสงวนตัวของลูกสาว แต่ข้าต่างออกไป ข้ารู้จักสามีจากชื่อที่เย็นชา” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดอย่างตื่นเต้นเล็กน้อยว่า “ข้ารู้ว่าเขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลซั่งกวน จากนั้นเล่า? ข้าไม่รู้หรือเข้าใจอะไรเลย ตอนที่ท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่มักจะพูดเสมอว่า เขาคือสามีของข้า ไม่ว่าจะรวยล่ำซำหรือจนยาจก หล่อคมคายหรือขี้เหร่ เจนจบอักษรศาสตร์หรือดูดีไร้สมอง นั่นคือคนที่ข้าจะต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขไปตลอดชีวิต หลังจากท่านแม่เสียชีวิต ข้ารู้สึกลังเลและกังวลใจ ยามที่ใกล้จะแต่งงานข้าถึงขั้นอยากจะหนีออกไป ยอมพึ่งใบบุญพระพุทธศาสนาตราบชั่วชีวิตจะหาไม่ ดีกว่าจะเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ยกเว้นแม่สามีที่เคยพบกันครั้งเดียว ทุกอย่างในตระกูลซั่งกวนช่างห่างไกลและไม่คุ้นเคยสำหรับข้า มันทำให้ข้ากลัวอยู่ลึกๆ ด้วยอารมณ์แบบนี้ แล้วใครเล่าจะเข้าใจข้า?”

“ในงานแต่งงานก็ไม่ง่ายเลยที่ข้าจะไม่มีข้อผิดพลาด ข้าตกประหม่าอยู่พักหนึ่ง ไม่รู้จะวางตัวอย่างไร จนกระทั่งสามีมากระซิบเตือนข้า ข้าถึงจะได้สติ หลังจากงานแต่ง ข้าใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกซาบซึ้งบุญคุณเสมอมา ข้าคิดว่าข้าจะมีความสุขเช่นนี้ตลอดไป!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองอวี้เมิ่งเหยาอย่างเฉยเมย แล้วพูดว่า “แต่การปรากฏตัวของพวกเจ้า ทำให้ข้าดูเหมือนถูกราดด้วยน้ำแข็งทั้งตัว ถ้าไม่ใช่เพราะสามีเอาใจใส่และช่วยอธิบาย ข้าก็เกือบจะล่มไม่เป็นท่า พวกเจ้าทำแบบนี้แล้วจะให้ข้าชอบได้อย่างไร? แล้วจะให้ข้าเข้าใกล้ได้อย่างไร?”

“เจ้าจึงใส่ร้ายข้าหรือ?” อวี้เมิ่งเหยาฉวยโอกาสพูดว่า “เจ้าจงใจตกน้ำ เพื่อให้พี่ใหญ่เจวี๋ยเข้าใจผิดใช่ไหม?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+