เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 21 การทดสอบครั้งแรก

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 21 การทดสอบครั้งแรก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พี่ใหญ่” ซั่งกวนจิงอิ๋งเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยอยู่หน้าเรือน ก็อดกระโดดออกไปจากรถม้าไม่ได้ แล้วร่อนลงตรงหน้าซั่งกวนเจวี๋ยอย่างมั่นคง

“เจ้ายังรู้ที่จะกลับมา” ใบหน้าของซั่งกวนเจวี๋ยดูเคร่งเครียด เด็กคนนี้โดดเรียนหนีออกไปไม่ใช่ครั้งหรือสองครั้ง แต่ครั้งนี้นางไปอู๋โจวซึ่งเป็นที่ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนในชีวิต ถ้าไม่ใช่ว่าซั่งกวนจิ่นส่งคนมาแจ้งทางจดหมายได้ทันเวลา บอกว่านางผสมปนเปมากับขบวนต้อนรับเจ้าสาวไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร เพื่อไม่ให้เสียเวลาล่าช้า จึงต้องพานางไปด้วยเท่านั้น ทุกคนในเรือนยังไม่ต้องร้อนใจ…โดยเฉพาะเขากับซั่งกวนฮ่าวต่างเป็นกังวลมากกับเด็กสาวที่ไม่รู้กาลเทศะผู้นี้

“พี่ใหญ่” จิงอิ๋งจับแขนของซั่งกวนเจวี๋ย ด้วยท่าทางพะเน้าพะนอแล้วพูดขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าผิด เจ้าก็อย่าโกรธเลย! มา ยิ้มหน่อย พี่ใหญ่รูปงามของข้ายิ้มแล้วจะดูดีที่สุด!”

“เจ้ายัยตัวแสบ!” ซั่งกวนเจวี๋ยทำอะไรไม่ถูก จิงอิ๋งมีชีวิตชีวาและน่าเอ็นดูมากมาตั้งแต่เด็ก เขาจะเต็มใจสั่งสอนนางอย่างจริงจังได้อย่างไร เขาบีบจมูกนางอย่างมันเขี้ยวทีหนึ่งพลางกล่าวว่า “หนาวแล้ว เรารีบกลับเรือนกันเถอะ”

“อื้ม” จิงอิ๋งพยักหน้าหงึกหงักด้วยรอยยิ้มกริ่มแล้วเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ผู้แสนดี ข้ามีเรื่องมากมายจะบอกเจ้าล่ะ กลับไปที่เรือนหมอกวายุของเจ้าแล้วกัน”

“ได้สิ!” ซั่งกวนเจวี๋ยโอบไหล่ของจิงอิ๋งอย่างตามใจ พี่น้องทั้งสองก็เข้าประตูใหญ่ของตระกูลซั่งกวนพร้อมกัน แล้วพบกับแม่นมสองคนที่สีหน้าดูเหมือนจะรีบร้อน

“คารวะคุณชายใหญ่ คุณหนูรอง!” แม่นมทั้งสองต่างตกตะลึงเล็กน้อยขณะเห็นซั่งกวนเจวี๋ย ครั้นสบตากันและทักทายซั่งกวนเจวี๋ยกับซั่งกวนจิงอิ๋งทั้งสองคน

“ไม่ต้องมากพิธี!” ซั่งกวนเจวี๋ยแอบเย้าอย่างเยาะเย้ยว่า “อากาศหนาวเช่นนี้ แม่นมอี้กับแม่นมอู่ก็รีบร้อนขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอันใดงั้นหรือ?”

แม่นมอี้ชะงักเล็กน้อยแล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “เรียนคุณชายใหญ่ คุณหนูรองไม่ได้อยู่เรือนนานกว่าครึ่งเดือน ฮูหยินใหญ่เป็นกังวลใจมาก ทันทีที่ได้ยินว่าคุณหนูรองกลับมา จึงตั้งใจสั่งให้บ่าวสองคนมาเชิญคุณหนูรองไปพบฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ!”

เป็นกังวล? ซั่งกวนเจวี๋ยไม่คิดว่าในสายตาของทั่วป๋าซู่เยวี่ยที่มีเพียงซั่งกวนพิงถิงเท่านั้น จู่ๆ จะเกิดนึกถึงจิงอิ๋งขึ้นมา ทั้งที่รู้ว่าจิงอิ๋งกลับมา หรือจะหาเหตุผลมาสั่งสอนอีกสักครั้ง หาก…จิงอิ๋งกลับมาจากอู๋โจว ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยังไม่คิดจะให้หลานสาวของพี่ชายของนางแต่งเข้าตระกูลซั่งกวน นางต้องการจะทราบข่าวคราวจากจิงอิ๋งหรือไม่? ซั่งกวนเจวี๋ยมองไปรอบๆ แล้วครุ่น คิดไปเรื่อยเปื่อยครู่หนึ่ง หึ มีคนคิดเช่นนั้นไม่น้อยจริงๆ มีแม่นมกับสาวใช้เกือบทั้งหมดอยู่รายล้อมตัวเจ้านายของตระกูลซั่งกวน เพียงแต่เห็นว่าเขามารับจิงอิ๋งด้วยตัวเอง ทั้งคู่จึงลังเลเล็กน้อย จากนั้นให้แม่นมสองคนนี้ที่อยู่ข้างๆ ฮูหยินใหญ่มาพูดขึ้นก่อน

“โอ้โห ข้าเกือบจะหมดแรงอยู่แล้ว จะเอาแรงที่ไหนไปพบท่านย่ากัน” จิงอิ๋งร้องคร่ำครวญแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ เจ้าไม่รู้หรอก หลายวันมานี้ข้าอยู่บนหลังม้า เมื่อพักผ่อนในยามกลางคืนก็ไม่มีใครคอยดูแล กระดูกของข้ากำลังจะปริแตก” ขณะที่พูดยังเผยให้เห็นความเจ็บปวดบนใบหน้า ราวกับกำลังทรมานอยู่จริงๆ

“รบกวนแม่นมอี้กลับไปรายงานท่านย่า บอกว่าจิงอิ๋งเหนื่อยเหลือเกินจริงๆ ต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ถ้าท่านย่าคิดถึงจิงอิ๋งล่ะก็ งั้นรอพบกันตอนมื้อเย็นเถอะ” เดิมทีซั่งกวนเจวี๋ยไม่คิดจะให้จิงอิ๋งไปพบทั่วป๋าซู่เยวี่ย เมื่อเห็นสภาพของจิงอิ๋งก็คิดว่านางคงเหนื่อยจริงๆ และมีความสุขมาก

“เอ่อ…” แม่นมอี้รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ไม่ว่าคนไหนก็ล้วนเป็นเจ้านายทั้งนั้น คำสั่งก็สำคัญมาก คนที่ลำบากใจก็มีเพียงบ่าวไพร่อย่างพวกนางนี้

จิงอิ๋งรู้สึกลำพองใจเล็กน้อยเมื่อเห็นแม่นมอี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม่นมเหล่านี้ขัดแย้งกับนางมาตลอด จิงอิ๋งมีความสุขไม่น้อยเมื่อเห็นพวกนางเศร้าใจ แต่สิ่งที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์เคยสั่งสอนก็โผล่เข้ามาในใจทันที ‘บางครั้ง บ่าวไพร่ก็ทำให้นายได้รับความเดือดร้อนหรือได้รับประโยชน์ จิงอิ๋ง ข้าไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าทำอะไรไว้บ้าง แต่เป็นที่แน่นอนว่าเจ้าจะไม่จงใจทำให้พวกเขายุ่งยาก แต่จะไม่แสดงความคิดและการกระทำให้พวกนางเห็น เจ้าอาจคิดว่าเจ้าเป็นนาย เป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้รับความเคารพและเชื่อฟังจากพวกเขา แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ บ่าวไพร่ก็เป็นมนุษย์เช่นกัน เหตุที่พวกเขาเชื่อฟังเจ้านายนั้นเป็นเพราะสถานะของพวกเขากำหนดทุกอย่าง บ่าวไพร่ก็คิดเช่นกัน พวกเขาจะใกล้ชิดกับผู้นี้หรือเจ้านายคนนั้นมากขึ้นเพราะผลประโยชน์ สถานะของพวกเขาไม่สูง แต่บางครั้งพวกเขาอาจมีอิทธิพลต่อความคิดและการกระทำของเจ้านายที่พวกเขารับใช้ โดยเฉพาะแม่นมและสาวใช้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างไท่ไท่กับคุณหนู ดังนั้น บางครั้งเจ้าจำเป็นต้องทำดีกับคนของฮูหยินใหญ่ คนของฮูหยินซั่งกวน และแม่นมที่อยู่ประจำตัวอนุภรรยาสองสามคน…ที่ข้าบอกว่าดีนั้นไม่ได้หมายความว่าให้เจ้าไปยิ้มหัวเราะกับพวกนาง เจ้ายังไม่เข้าใจระดับนั้นได้ จะทำเรื่องยุ่งเสียเปล่าๆ แต่ยังแสดงท่าทีให้เห็นว่าเข้าใจพวกนาง เห็นใจพวกนาง แสร้งทำเป็นว่าอวดฉลาด ไว้หน้าให้พวกนางบ้าง!’

“พี่ใหญ่ อย่าทำให้แม่นมอี้ลำบากใจเลย” จิงอิ๋งนึกถึง ‘คำสอน’ ของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ แล้วรู้สึกว่าครั้งนี้เป็นสิ่งที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์เอ่ยถึง ถึงเวลา ‘แกล้งทำดี’ นางทำท่าทำทางเข้าใจทันทีพลางกล่าวว่า “เจ้าก็รู้นิสัยของท่านย่า ถ้าแม่นมอี้และคนอื่นๆ ไม่พาข้าไป ท่านย่าจะต้องพาลไปโกรธคนอื่นเป็นแน่ ถึงตอนนั้นคงต้องหาคนมาระบายความโกรธแน่นอน…มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับแม่นมอี้กับแม่นมอู่ พวกท่านก็อายุปูนนี้แล้ว คงจะทนกับอารมณ์ของท่านย่าไม่ไหว”

แม่นมอี้ตกตะลึง แม่นมอู่ถึงกับผงะ บรรดาแม่นมกับสาวใช้ที่อยู่โดยรอบซึ่งคิดแตกต่างกันไปก็ชะงัก และแม้แต่ซั่งกวนเจวี๋ยที่ไม่เคยแปลกใจก็ยังนิ่งอึ้ง ต่อให้เป็นซั่งกวนหลิงหลงก็ยากจะพูดเช่นนี้ นับประสาอะไรกับซั่งกวนจิงอิ๋งที่ไม่เคยมีสัมมาคารวะ ไม่ใช่ว่าคุณหนูสองคนของตระกูลซั่งกวนจะไม่เห็นอกเห็นใจคนรับใช้ แต่ความสงสารของพวกนางจะไม่สะท้อนออกมาใน ‘ความเข้าใจ’ ถึงระดับนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็เพียงแค่ได้รับอั่งเปาหนาๆ ในช่วงเทศกาลฉลองตรุษอยู่บ้าง ในยามปกติไม่ค่อยมีอาหารการกินอะไรให้พวกบ่าวไพร่ได้ลิ้มชิมรส หรือจะไม่ไประบายความโกรธกับบ่าวไพร่ง่ายๆ แต่พวกนางจะไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้พวกบ่าวไพร่ไม่สะดวกหรือเกิดผลเสียขึ้นอย่างไร

“จิงอิ๋ง เจ้าสบายดีหรือไม่?” ซั่งกวนเจวี๋ยอดจับหน้าผากของจิงอิ๋งไม่ได้ ไม่ได้ตัวร้อน เป็นปกติมาก แต่ไฉนถึงพูดแปลกๆ แบบนี้กัน? ไม่เหมือนนางเลยสักนิด!

“พี่ใหญ่” จิงอิ๋งเรียกด้วยเสียงน่าฟังน่าเอ็นดูพลางเอ่ยขึ้นว่า “ข้าสบายดี ดีมาก ดีเป็นพิเศษ!”

“แล้วทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนั้น?” ซั่งกวนเจวี๋ยขมวดคิ้วมุ่น คำพูดเช่นนี้ไม่ควรหลุดออกมาจากปากของจิงอิ๋งสาวผู้เอาแต่ใจคนนี้ มันน่าตกใจจริงๆ!

“พี่ใหญ่” จิงอิ๋งร้องอย่างค่อนข้างเจ็บใจพลางกล่าวว่า “ข้าได้เห็นว่าที่พี่สะใภ้แล้ว!”

ซั่งกวนเจวี๋ยถึงกับผงะ เขาก็รู้ว่าเด็กหญิงคนนี้กระอักกระอ่วนใจ แต่เหตุใดสีหน้าและน้ำเสียงของนางถึงเป็นแบบนี้? เป็นไปได้ไหมว่าจะเจอกับความอัปยศอะไรมาหรือว่า…สีหน้าของซั่งกวนเจวี๋ยกลายเป็นจริงจังอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อเห็นใบหน้าของซั่งกวนเจวี๋ยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันกับท่าทางเงี่ยหูฟังของแม่นมอี้และคนอื่นๆ จิงอิ๋งก็กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ แต่ยังคงรักษาน้ำเสียงนั้นไว้แล้วพูดขึ้นว่า “ลุงจิ่นบอกว่าการที่ข้าบุ่มบ่ามไปพบพี่สะใภ้ในอนาคตอย่างนั้น มันไม่เหมาะสม แต่เขาระงับอารมณ์น้อยใจของข้าไม่ได้ จึงส่งข้าไปหาพี่สะใภ้ในอนาคต โดยบอกว่าข้าเป็นสาวใช้ประจำตัวของท่านแม่ เพื่อให้พี่สะใภ้ในอนาคตรู้กฎของตระกูลซั่งกวนล่วงหน้า จึงส่งข้าไป พี่สะใภ้ในอนาคตก็เป็นคนเรียบง่ายเช่นกัน เชื่อได้จริงๆ!”

โอ้ พี่สะใภ้อธิบายว่า ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงเรื่องใดๆ ย่อมต้องมีเหตุผล และหาเหตุผลที่ดีสำหรับตัวเอง เพียงแค่เลียนแบบมัน!

เรียบง่าย? ซั่งกวนเจวี๋ยไม่เชื่อ เพียงแค่มองดูท่าทางของจิงอิ๋งนี้ ก็รู้แล้วว่าต้องผิดปกติแน่ๆ นางอาจจะไม่ไร้เดียงสา แต่โง่สินะ! ไม่คาดคิดเลยว่าคนที่ถูกส่งไปในนามเช่นนี้จะผิดปกติได้?

“พี่สะใภ้ในอนาคตคิดว่าข้าเป็นสาวใช้ชั้นเยี่ยมประจำตัวท่านแม่ นางสุภาพกับข้ามาก ไม่มีชักสีหน้า และไม่ได้ใช้ข้าทำเรื่องที่ลำบากใจ แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังต้องช่วยทำอะไรบ้างนิดหน่อย…พี่ใหญ่ เจ้าอย่าขมวดคิ้ว คนที่อยู่ข้างกายพี่สะใภ้ก็คือแม่นมที่ให้การอบรมสั่งสอน พวกนางก็ไม่ได้จงใจจู้จี้จุกจิก บางทีข้าก็โง่เกินไป ทำอะไรซุ่มซ่าม เพราะพวกนางเห็นแก่หน้าของตระกูลซั่งกวน จึงไม่ได้พูดว่ากล่าวอะไรเลย เพียงแค่ลอบสอนข้าว่าควรทำอย่างไรเป็นการส่วนตัว และในตอนนั้นเองที่ข้าตระหนักว่า ที่แท้คนรับใช้ก็ต้องใช้ทักษะเช่นกัน จำเป็นต้องดูสถานการณ์ เข้าใจนิสัยและความชอบของเจ้านาย แต่ก่อนข้าเคยคิดว่าคนรับใช้ก็คือคนรับใช้ แม้จะไม่ได้ว่ากล่าวรุนแรง แต่ก็ไม่ได้คำนึงถึงความยากลำบากของพวกเขา เอาแต่ใจตัวเอง ทำให้ทุกคนอึดอัดใจ ต่อไปข้าจะให้ความสนใจ พยายามหลีกเลี่ยงการทำผิดแบบนั้นอีก” จิงอิ๋งมองไปที่แม่นมอี้กับแม่นมอู่อย่างจริงใจพลางกล่าวว่า “ข้ามักจะชอบดื้อรั้นกับท่านย่าเสมอ เมื่อใดก็ตามที่ชอบต่อต้านท่านย่า ข้ามักจะทำให้พวกเจ้าเดือดร้อนทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้ง ใจ ข้าคิดเสมอว่าพวกเจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของท่านย่า จึงไม่ได้คำนึงถึงจุดยืนและหน้าที่ของพวกเจ้า ข้าขอโทษจริงๆ ต่อไปข้าจะไม่เจตนาให้พวกเจ้าลำบากใจแล้ว…” ในขณะที่พูดก็ยิ้มอย่างเขินอายทันที “แต่พวกเจ้าก็รู้ด้วยว่า ข้ามักจะทำอะไรโดยไม่คิด ถ้าเป็นแบบนั้นอีก พวกเจ้าโปรดเตือนข้าด้วย ข้าจะแก้ไขข้อผิดพลาดอย่างจริงจัง!”

การแสดงสีหน้าน่าจะถูกต้องสินะ! จิงอิ๋งก็มีกำลังใจเล็กๆ แต่พี่สะใภ้บอกว่า การแสดงสีหน้าต้องออกมาจากใจจริงๆ และให้ตัวเองลองฝึกฝนต่อหน้ากระจกเป็นเวลาหลายวัน ก็น่าจะหลอกพวกเขาได้ใช่ไหม!

แม่นมอี้กับแม่นมอู่มองหน้ากันอย่างเสียอาการ พวกนางคิดโดยสัญชาตญาณว่าจิงอิ๋งโดนร่ายมนตร์หรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะพูดอะไรเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร

ดูท่าน่าจะได้ผล! เมื่อเห็นหน้าตาของทุกคนรวมถึงพี่ใหญ่ที่ดูซีดเผือด จิงอิ๋งก็รู้ว่าการแสดงของนางประสบความสำเร็จอย่างมาก และนางต้องพยายามมากขึ้น…

“พี่ใหญ่ ไม่เป็นไร ข้ายังไหวอยู่ ข้าจะไปหาท่านย่าก่อน แล้วค่อยไปพักผ่อนก็ได้” จิงอิ๋งฝืนยิ้ม แววตาแห่งความหวาด กลัวฉายไปทั่วใบหน้าของนาง เป็นการเผชิญหน้ากับทั่วป๋าซู่เยวี่ยที่ฝืนใจอยู่มาก แต่ก็ต้องให้กำลังใจก่อนจะไปพบนาง ด้วยจิตใจที่เตรียมพร้อมอย่างสมบูรณ์แบบ

“เจ้าตามข้ากลับไปที่เรือนหมอกวายุ” ซั่งกวนเจวี๋ยคิดอยู่เสมอว่าความดุร้ายเล็กน้อย ความไม่ค่อยมีเหตุผล และนิสัยร่าเริงของจิงอิ๋งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนรักมากที่สุด แต่ตอนนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองคิดผิด น้องสาวที่มีสติปัญญาต่างหากถึงจะทำให้คนรักและเอ็นดูยิ่งกว่า เมื่อเห็นนางที่แลดูเหนื่อยและกลัวแต่แสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ไหนเลยซั่งกวนเจวี๋ยจะให้นางไปโดนดุโดนว่าได้

“พี่ใหญ่ ข้าไม่อยากให้คนอื่นติดร่างแหเดือดร้อนเพราะข้าทันทีที่กลับถึงบ้าน” จิงอิ๋งส่ายศีรษะ พูดอย่างจริงจังมาก น้ำเสียงที่จริงใจทำให้ตัวนางเองสั่นเทา…นางไม่เคยคิดเลยว่า นางจะพูดคำที่เลี่ยนๆ เช่นนี้ออกมาได้

“เจ้าไม่ฟังพี่ใหญ่พูดงั้นหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยใช้น้ำเสียงยั่วยวนแล้วมองไปที่น้องสาวที่รู้การรู้ความ รู้สึกอ่อนนุ่มไปทั้งหัวใจ

“ฟังอยู่แล้ว!” จิงอิ๋งพยักหน้าอย่างจริงจังพลางเอ่ยขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าพี่ใหญ่รักข้ามากที่สุด และรู้ว่าสิ่งที่พี่ใหญ่ทำก็เพื่อหวังดีกับข้า!”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เชื่อฟังและหยุดพูดเสีย” ซั่งกวนเจวี๋ยลูบมวยผมของจิงอิ๋งที่หวีอย่างสวยงามมากครู่หนึ่ง แล้วพูดกับแม่นมอี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ขอให้แม่นมอี้ฝากบอกท่านย่าว่าข้าจะพาคุณหนูรองไป หากมีเรื่องอะไรก็ขอให้นางไว้ค่อยคุยกันตอนมื้อเย็น หรือ…ถ้านางรอไม่ไหวละก็ ให้ไปหาได้ที่เรือนหมอกวายุโดยตรง”

หลังจากพูดเสร็จ ก่อนที่แม่นมทั้งสองจะไหวตัว เขาก็ดึงจิงอิ๋งออกไป สองแม่นมจึงเห็นเพียงแววตาของจิงอิ๋งที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดมาทางพวกนาง แล้วอดถอนหายใจไม่ได้ ดูท่า คุณหนูรองเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ…

———————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 21 การทดสอบครั้งแรก

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 21 การทดสอบครั้งแรก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พี่ใหญ่” ซั่งกวนจิงอิ๋งเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยอยู่หน้าเรือน ก็อดกระโดดออกไปจากรถม้าไม่ได้ แล้วร่อนลงตรงหน้าซั่งกวนเจวี๋ยอย่างมั่นคง

“เจ้ายังรู้ที่จะกลับมา” ใบหน้าของซั่งกวนเจวี๋ยดูเคร่งเครียด เด็กคนนี้โดดเรียนหนีออกไปไม่ใช่ครั้งหรือสองครั้ง แต่ครั้งนี้นางไปอู๋โจวซึ่งเป็นที่ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนในชีวิต ถ้าไม่ใช่ว่าซั่งกวนจิ่นส่งคนมาแจ้งทางจดหมายได้ทันเวลา บอกว่านางผสมปนเปมากับขบวนต้อนรับเจ้าสาวไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร เพื่อไม่ให้เสียเวลาล่าช้า จึงต้องพานางไปด้วยเท่านั้น ทุกคนในเรือนยังไม่ต้องร้อนใจ…โดยเฉพาะเขากับซั่งกวนฮ่าวต่างเป็นกังวลมากกับเด็กสาวที่ไม่รู้กาลเทศะผู้นี้

“พี่ใหญ่” จิงอิ๋งจับแขนของซั่งกวนเจวี๋ย ด้วยท่าทางพะเน้าพะนอแล้วพูดขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าผิด เจ้าก็อย่าโกรธเลย! มา ยิ้มหน่อย พี่ใหญ่รูปงามของข้ายิ้มแล้วจะดูดีที่สุด!”

“เจ้ายัยตัวแสบ!” ซั่งกวนเจวี๋ยทำอะไรไม่ถูก จิงอิ๋งมีชีวิตชีวาและน่าเอ็นดูมากมาตั้งแต่เด็ก เขาจะเต็มใจสั่งสอนนางอย่างจริงจังได้อย่างไร เขาบีบจมูกนางอย่างมันเขี้ยวทีหนึ่งพลางกล่าวว่า “หนาวแล้ว เรารีบกลับเรือนกันเถอะ”

“อื้ม” จิงอิ๋งพยักหน้าหงึกหงักด้วยรอยยิ้มกริ่มแล้วเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ผู้แสนดี ข้ามีเรื่องมากมายจะบอกเจ้าล่ะ กลับไปที่เรือนหมอกวายุของเจ้าแล้วกัน”

“ได้สิ!” ซั่งกวนเจวี๋ยโอบไหล่ของจิงอิ๋งอย่างตามใจ พี่น้องทั้งสองก็เข้าประตูใหญ่ของตระกูลซั่งกวนพร้อมกัน แล้วพบกับแม่นมสองคนที่สีหน้าดูเหมือนจะรีบร้อน

“คารวะคุณชายใหญ่ คุณหนูรอง!” แม่นมทั้งสองต่างตกตะลึงเล็กน้อยขณะเห็นซั่งกวนเจวี๋ย ครั้นสบตากันและทักทายซั่งกวนเจวี๋ยกับซั่งกวนจิงอิ๋งทั้งสองคน

“ไม่ต้องมากพิธี!” ซั่งกวนเจวี๋ยแอบเย้าอย่างเยาะเย้ยว่า “อากาศหนาวเช่นนี้ แม่นมอี้กับแม่นมอู่ก็รีบร้อนขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอันใดงั้นหรือ?”

แม่นมอี้ชะงักเล็กน้อยแล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “เรียนคุณชายใหญ่ คุณหนูรองไม่ได้อยู่เรือนนานกว่าครึ่งเดือน ฮูหยินใหญ่เป็นกังวลใจมาก ทันทีที่ได้ยินว่าคุณหนูรองกลับมา จึงตั้งใจสั่งให้บ่าวสองคนมาเชิญคุณหนูรองไปพบฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ!”

เป็นกังวล? ซั่งกวนเจวี๋ยไม่คิดว่าในสายตาของทั่วป๋าซู่เยวี่ยที่มีเพียงซั่งกวนพิงถิงเท่านั้น จู่ๆ จะเกิดนึกถึงจิงอิ๋งขึ้นมา ทั้งที่รู้ว่าจิงอิ๋งกลับมา หรือจะหาเหตุผลมาสั่งสอนอีกสักครั้ง หาก…จิงอิ๋งกลับมาจากอู๋โจว ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยังไม่คิดจะให้หลานสาวของพี่ชายของนางแต่งเข้าตระกูลซั่งกวน นางต้องการจะทราบข่าวคราวจากจิงอิ๋งหรือไม่? ซั่งกวนเจวี๋ยมองไปรอบๆ แล้วครุ่น คิดไปเรื่อยเปื่อยครู่หนึ่ง หึ มีคนคิดเช่นนั้นไม่น้อยจริงๆ มีแม่นมกับสาวใช้เกือบทั้งหมดอยู่รายล้อมตัวเจ้านายของตระกูลซั่งกวน เพียงแต่เห็นว่าเขามารับจิงอิ๋งด้วยตัวเอง ทั้งคู่จึงลังเลเล็กน้อย จากนั้นให้แม่นมสองคนนี้ที่อยู่ข้างๆ ฮูหยินใหญ่มาพูดขึ้นก่อน

“โอ้โห ข้าเกือบจะหมดแรงอยู่แล้ว จะเอาแรงที่ไหนไปพบท่านย่ากัน” จิงอิ๋งร้องคร่ำครวญแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ เจ้าไม่รู้หรอก หลายวันมานี้ข้าอยู่บนหลังม้า เมื่อพักผ่อนในยามกลางคืนก็ไม่มีใครคอยดูแล กระดูกของข้ากำลังจะปริแตก” ขณะที่พูดยังเผยให้เห็นความเจ็บปวดบนใบหน้า ราวกับกำลังทรมานอยู่จริงๆ

“รบกวนแม่นมอี้กลับไปรายงานท่านย่า บอกว่าจิงอิ๋งเหนื่อยเหลือเกินจริงๆ ต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ถ้าท่านย่าคิดถึงจิงอิ๋งล่ะก็ งั้นรอพบกันตอนมื้อเย็นเถอะ” เดิมทีซั่งกวนเจวี๋ยไม่คิดจะให้จิงอิ๋งไปพบทั่วป๋าซู่เยวี่ย เมื่อเห็นสภาพของจิงอิ๋งก็คิดว่านางคงเหนื่อยจริงๆ และมีความสุขมาก

“เอ่อ…” แม่นมอี้รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ไม่ว่าคนไหนก็ล้วนเป็นเจ้านายทั้งนั้น คำสั่งก็สำคัญมาก คนที่ลำบากใจก็มีเพียงบ่าวไพร่อย่างพวกนางนี้

จิงอิ๋งรู้สึกลำพองใจเล็กน้อยเมื่อเห็นแม่นมอี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม่นมเหล่านี้ขัดแย้งกับนางมาตลอด จิงอิ๋งมีความสุขไม่น้อยเมื่อเห็นพวกนางเศร้าใจ แต่สิ่งที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์เคยสั่งสอนก็โผล่เข้ามาในใจทันที ‘บางครั้ง บ่าวไพร่ก็ทำให้นายได้รับความเดือดร้อนหรือได้รับประโยชน์ จิงอิ๋ง ข้าไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าทำอะไรไว้บ้าง แต่เป็นที่แน่นอนว่าเจ้าจะไม่จงใจทำให้พวกเขายุ่งยาก แต่จะไม่แสดงความคิดและการกระทำให้พวกนางเห็น เจ้าอาจคิดว่าเจ้าเป็นนาย เป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้รับความเคารพและเชื่อฟังจากพวกเขา แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ บ่าวไพร่ก็เป็นมนุษย์เช่นกัน เหตุที่พวกเขาเชื่อฟังเจ้านายนั้นเป็นเพราะสถานะของพวกเขากำหนดทุกอย่าง บ่าวไพร่ก็คิดเช่นกัน พวกเขาจะใกล้ชิดกับผู้นี้หรือเจ้านายคนนั้นมากขึ้นเพราะผลประโยชน์ สถานะของพวกเขาไม่สูง แต่บางครั้งพวกเขาอาจมีอิทธิพลต่อความคิดและการกระทำของเจ้านายที่พวกเขารับใช้ โดยเฉพาะแม่นมและสาวใช้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างไท่ไท่กับคุณหนู ดังนั้น บางครั้งเจ้าจำเป็นต้องทำดีกับคนของฮูหยินใหญ่ คนของฮูหยินซั่งกวน และแม่นมที่อยู่ประจำตัวอนุภรรยาสองสามคน…ที่ข้าบอกว่าดีนั้นไม่ได้หมายความว่าให้เจ้าไปยิ้มหัวเราะกับพวกนาง เจ้ายังไม่เข้าใจระดับนั้นได้ จะทำเรื่องยุ่งเสียเปล่าๆ แต่ยังแสดงท่าทีให้เห็นว่าเข้าใจพวกนาง เห็นใจพวกนาง แสร้งทำเป็นว่าอวดฉลาด ไว้หน้าให้พวกนางบ้าง!’

“พี่ใหญ่ อย่าทำให้แม่นมอี้ลำบากใจเลย” จิงอิ๋งนึกถึง ‘คำสอน’ ของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ แล้วรู้สึกว่าครั้งนี้เป็นสิ่งที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์เอ่ยถึง ถึงเวลา ‘แกล้งทำดี’ นางทำท่าทำทางเข้าใจทันทีพลางกล่าวว่า “เจ้าก็รู้นิสัยของท่านย่า ถ้าแม่นมอี้และคนอื่นๆ ไม่พาข้าไป ท่านย่าจะต้องพาลไปโกรธคนอื่นเป็นแน่ ถึงตอนนั้นคงต้องหาคนมาระบายความโกรธแน่นอน…มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับแม่นมอี้กับแม่นมอู่ พวกท่านก็อายุปูนนี้แล้ว คงจะทนกับอารมณ์ของท่านย่าไม่ไหว”

แม่นมอี้ตกตะลึง แม่นมอู่ถึงกับผงะ บรรดาแม่นมกับสาวใช้ที่อยู่โดยรอบซึ่งคิดแตกต่างกันไปก็ชะงัก และแม้แต่ซั่งกวนเจวี๋ยที่ไม่เคยแปลกใจก็ยังนิ่งอึ้ง ต่อให้เป็นซั่งกวนหลิงหลงก็ยากจะพูดเช่นนี้ นับประสาอะไรกับซั่งกวนจิงอิ๋งที่ไม่เคยมีสัมมาคารวะ ไม่ใช่ว่าคุณหนูสองคนของตระกูลซั่งกวนจะไม่เห็นอกเห็นใจคนรับใช้ แต่ความสงสารของพวกนางจะไม่สะท้อนออกมาใน ‘ความเข้าใจ’ ถึงระดับนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็เพียงแค่ได้รับอั่งเปาหนาๆ ในช่วงเทศกาลฉลองตรุษอยู่บ้าง ในยามปกติไม่ค่อยมีอาหารการกินอะไรให้พวกบ่าวไพร่ได้ลิ้มชิมรส หรือจะไม่ไประบายความโกรธกับบ่าวไพร่ง่ายๆ แต่พวกนางจะไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้พวกบ่าวไพร่ไม่สะดวกหรือเกิดผลเสียขึ้นอย่างไร

“จิงอิ๋ง เจ้าสบายดีหรือไม่?” ซั่งกวนเจวี๋ยอดจับหน้าผากของจิงอิ๋งไม่ได้ ไม่ได้ตัวร้อน เป็นปกติมาก แต่ไฉนถึงพูดแปลกๆ แบบนี้กัน? ไม่เหมือนนางเลยสักนิด!

“พี่ใหญ่” จิงอิ๋งเรียกด้วยเสียงน่าฟังน่าเอ็นดูพลางเอ่ยขึ้นว่า “ข้าสบายดี ดีมาก ดีเป็นพิเศษ!”

“แล้วทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนั้น?” ซั่งกวนเจวี๋ยขมวดคิ้วมุ่น คำพูดเช่นนี้ไม่ควรหลุดออกมาจากปากของจิงอิ๋งสาวผู้เอาแต่ใจคนนี้ มันน่าตกใจจริงๆ!

“พี่ใหญ่” จิงอิ๋งร้องอย่างค่อนข้างเจ็บใจพลางกล่าวว่า “ข้าได้เห็นว่าที่พี่สะใภ้แล้ว!”

ซั่งกวนเจวี๋ยถึงกับผงะ เขาก็รู้ว่าเด็กหญิงคนนี้กระอักกระอ่วนใจ แต่เหตุใดสีหน้าและน้ำเสียงของนางถึงเป็นแบบนี้? เป็นไปได้ไหมว่าจะเจอกับความอัปยศอะไรมาหรือว่า…สีหน้าของซั่งกวนเจวี๋ยกลายเป็นจริงจังอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อเห็นใบหน้าของซั่งกวนเจวี๋ยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันกับท่าทางเงี่ยหูฟังของแม่นมอี้และคนอื่นๆ จิงอิ๋งก็กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ แต่ยังคงรักษาน้ำเสียงนั้นไว้แล้วพูดขึ้นว่า “ลุงจิ่นบอกว่าการที่ข้าบุ่มบ่ามไปพบพี่สะใภ้ในอนาคตอย่างนั้น มันไม่เหมาะสม แต่เขาระงับอารมณ์น้อยใจของข้าไม่ได้ จึงส่งข้าไปหาพี่สะใภ้ในอนาคต โดยบอกว่าข้าเป็นสาวใช้ประจำตัวของท่านแม่ เพื่อให้พี่สะใภ้ในอนาคตรู้กฎของตระกูลซั่งกวนล่วงหน้า จึงส่งข้าไป พี่สะใภ้ในอนาคตก็เป็นคนเรียบง่ายเช่นกัน เชื่อได้จริงๆ!”

โอ้ พี่สะใภ้อธิบายว่า ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงเรื่องใดๆ ย่อมต้องมีเหตุผล และหาเหตุผลที่ดีสำหรับตัวเอง เพียงแค่เลียนแบบมัน!

เรียบง่าย? ซั่งกวนเจวี๋ยไม่เชื่อ เพียงแค่มองดูท่าทางของจิงอิ๋งนี้ ก็รู้แล้วว่าต้องผิดปกติแน่ๆ นางอาจจะไม่ไร้เดียงสา แต่โง่สินะ! ไม่คาดคิดเลยว่าคนที่ถูกส่งไปในนามเช่นนี้จะผิดปกติได้?

“พี่สะใภ้ในอนาคตคิดว่าข้าเป็นสาวใช้ชั้นเยี่ยมประจำตัวท่านแม่ นางสุภาพกับข้ามาก ไม่มีชักสีหน้า และไม่ได้ใช้ข้าทำเรื่องที่ลำบากใจ แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังต้องช่วยทำอะไรบ้างนิดหน่อย…พี่ใหญ่ เจ้าอย่าขมวดคิ้ว คนที่อยู่ข้างกายพี่สะใภ้ก็คือแม่นมที่ให้การอบรมสั่งสอน พวกนางก็ไม่ได้จงใจจู้จี้จุกจิก บางทีข้าก็โง่เกินไป ทำอะไรซุ่มซ่าม เพราะพวกนางเห็นแก่หน้าของตระกูลซั่งกวน จึงไม่ได้พูดว่ากล่าวอะไรเลย เพียงแค่ลอบสอนข้าว่าควรทำอย่างไรเป็นการส่วนตัว และในตอนนั้นเองที่ข้าตระหนักว่า ที่แท้คนรับใช้ก็ต้องใช้ทักษะเช่นกัน จำเป็นต้องดูสถานการณ์ เข้าใจนิสัยและความชอบของเจ้านาย แต่ก่อนข้าเคยคิดว่าคนรับใช้ก็คือคนรับใช้ แม้จะไม่ได้ว่ากล่าวรุนแรง แต่ก็ไม่ได้คำนึงถึงความยากลำบากของพวกเขา เอาแต่ใจตัวเอง ทำให้ทุกคนอึดอัดใจ ต่อไปข้าจะให้ความสนใจ พยายามหลีกเลี่ยงการทำผิดแบบนั้นอีก” จิงอิ๋งมองไปที่แม่นมอี้กับแม่นมอู่อย่างจริงใจพลางกล่าวว่า “ข้ามักจะชอบดื้อรั้นกับท่านย่าเสมอ เมื่อใดก็ตามที่ชอบต่อต้านท่านย่า ข้ามักจะทำให้พวกเจ้าเดือดร้อนทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้ง ใจ ข้าคิดเสมอว่าพวกเจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของท่านย่า จึงไม่ได้คำนึงถึงจุดยืนและหน้าที่ของพวกเจ้า ข้าขอโทษจริงๆ ต่อไปข้าจะไม่เจตนาให้พวกเจ้าลำบากใจแล้ว…” ในขณะที่พูดก็ยิ้มอย่างเขินอายทันที “แต่พวกเจ้าก็รู้ด้วยว่า ข้ามักจะทำอะไรโดยไม่คิด ถ้าเป็นแบบนั้นอีก พวกเจ้าโปรดเตือนข้าด้วย ข้าจะแก้ไขข้อผิดพลาดอย่างจริงจัง!”

การแสดงสีหน้าน่าจะถูกต้องสินะ! จิงอิ๋งก็มีกำลังใจเล็กๆ แต่พี่สะใภ้บอกว่า การแสดงสีหน้าต้องออกมาจากใจจริงๆ และให้ตัวเองลองฝึกฝนต่อหน้ากระจกเป็นเวลาหลายวัน ก็น่าจะหลอกพวกเขาได้ใช่ไหม!

แม่นมอี้กับแม่นมอู่มองหน้ากันอย่างเสียอาการ พวกนางคิดโดยสัญชาตญาณว่าจิงอิ๋งโดนร่ายมนตร์หรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะพูดอะไรเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร

ดูท่าน่าจะได้ผล! เมื่อเห็นหน้าตาของทุกคนรวมถึงพี่ใหญ่ที่ดูซีดเผือด จิงอิ๋งก็รู้ว่าการแสดงของนางประสบความสำเร็จอย่างมาก และนางต้องพยายามมากขึ้น…

“พี่ใหญ่ ไม่เป็นไร ข้ายังไหวอยู่ ข้าจะไปหาท่านย่าก่อน แล้วค่อยไปพักผ่อนก็ได้” จิงอิ๋งฝืนยิ้ม แววตาแห่งความหวาด กลัวฉายไปทั่วใบหน้าของนาง เป็นการเผชิญหน้ากับทั่วป๋าซู่เยวี่ยที่ฝืนใจอยู่มาก แต่ก็ต้องให้กำลังใจก่อนจะไปพบนาง ด้วยจิตใจที่เตรียมพร้อมอย่างสมบูรณ์แบบ

“เจ้าตามข้ากลับไปที่เรือนหมอกวายุ” ซั่งกวนเจวี๋ยคิดอยู่เสมอว่าความดุร้ายเล็กน้อย ความไม่ค่อยมีเหตุผล และนิสัยร่าเริงของจิงอิ๋งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนรักมากที่สุด แต่ตอนนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองคิดผิด น้องสาวที่มีสติปัญญาต่างหากถึงจะทำให้คนรักและเอ็นดูยิ่งกว่า เมื่อเห็นนางที่แลดูเหนื่อยและกลัวแต่แสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ไหนเลยซั่งกวนเจวี๋ยจะให้นางไปโดนดุโดนว่าได้

“พี่ใหญ่ ข้าไม่อยากให้คนอื่นติดร่างแหเดือดร้อนเพราะข้าทันทีที่กลับถึงบ้าน” จิงอิ๋งส่ายศีรษะ พูดอย่างจริงจังมาก น้ำเสียงที่จริงใจทำให้ตัวนางเองสั่นเทา…นางไม่เคยคิดเลยว่า นางจะพูดคำที่เลี่ยนๆ เช่นนี้ออกมาได้

“เจ้าไม่ฟังพี่ใหญ่พูดงั้นหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยใช้น้ำเสียงยั่วยวนแล้วมองไปที่น้องสาวที่รู้การรู้ความ รู้สึกอ่อนนุ่มไปทั้งหัวใจ

“ฟังอยู่แล้ว!” จิงอิ๋งพยักหน้าอย่างจริงจังพลางเอ่ยขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าพี่ใหญ่รักข้ามากที่สุด และรู้ว่าสิ่งที่พี่ใหญ่ทำก็เพื่อหวังดีกับข้า!”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เชื่อฟังและหยุดพูดเสีย” ซั่งกวนเจวี๋ยลูบมวยผมของจิงอิ๋งที่หวีอย่างสวยงามมากครู่หนึ่ง แล้วพูดกับแม่นมอี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ขอให้แม่นมอี้ฝากบอกท่านย่าว่าข้าจะพาคุณหนูรองไป หากมีเรื่องอะไรก็ขอให้นางไว้ค่อยคุยกันตอนมื้อเย็น หรือ…ถ้านางรอไม่ไหวละก็ ให้ไปหาได้ที่เรือนหมอกวายุโดยตรง”

หลังจากพูดเสร็จ ก่อนที่แม่นมทั้งสองจะไหวตัว เขาก็ดึงจิงอิ๋งออกไป สองแม่นมจึงเห็นเพียงแววตาของจิงอิ๋งที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดมาทางพวกนาง แล้วอดถอนหายใจไม่ได้ ดูท่า คุณหนูรองเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ…

———————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+