เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 25 ปฏิกิริยาของทุกฝ่าย (3)

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 25 ปฏิกิริยาของทุกฝ่าย (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ดูท่ายัยเด็กแก่นแก้วก็ไม่ได้โง่เช่นกัน!” ซั่งกวนหลิงหลงฟังการรายงานที่สมจริงสมจังของม่านชิงแล้วแสดงความคิด เห็น นางไม่เข้าใจมาตลอด เหตุใดมารดาของนางถึงเป็นผู้หญิงที่ธรรมดา ไร้เดียงสาและไร้มารยา สิ่งที่ไม่เข้าใจยิ่งกว่าก็คือเป็นคุณหนูของตระกูลซั่งกวนเหมือนกัน แต่จิงอิ๋งราวกับลิงป่า กระโดดโลดเต้นตลอดทั้งวัน ไร้การศึกษาและปราศจากทักษะ แม้แต่พิงถิงก็ยังเทียบไม่ได้

“คุณหนู อย่างไรก็ตามคุณหนูรองก็เป็นน้องสาวของท่านเช่นกัน ถึงอย่างไรก็จะต้องฉลาดสักหน่อยล่ะเจ้าค่ะ”

อู๋เลี่ยนเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนจะยกย่องจิงอิ๋งที่เริ่มมีความคิดความอ่าน แต่ที่จริงนางยังคงพูดถึงหลิงหลงด้วย

“ข้ายอมไม่มีน้องสาวที่น่าอับอายเช่นนี้!” หลิงหลงใช้การหรี่ตาพลางกล่าวว่า “เจ้าลืมคำที่ทั่วป๋าฉินซินพูดเมื่อครั้งที่แล้วงั้นหรือ? นางบอกว่าคุณหนูจากตระกูลซั่งกวนที่สง่างาม นึกไม่ถึงเลยว่าจะก่อเรื่องฉาวโฉ่แบบนั้น มู่หรงปั๋วอวี่เจ้าหมอนั่นมีดีอะไร เพื่อคนพรรค์นั้นจริงๆ เลย…ทั่วป๋าฉินซินปากมากมาแต่เกิด เรื่องที่นางรู้ยังมีหญิงสูงศักดิ์จากตระกูลขุนนางกี่คนที่ไม่รู้เล่า ข้าไม่กล้าออกไปไหนเลยตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเมื่อปีกลายเป็นเพราะอะไรกัน? ถ้าไม่กลัวว่าตอนที่พวกนางเห็นข้าแล้วจะเอ่ยถามเรื่องน่าขายหน้านี้!”

“คุณหนู เมื่อปีที่แล้ว คุณหนูรองยังไม่ถึงวัยปักปิ่น เหตุการณ์นี้เป็นเพียงเรื่องตลกที่เด็กยังไม่โตสร้างขึ้นเท่านั้นเอง จะไม่ทำให้ผู้คนจดจำนานเกินไปหรอก!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนปลอบโยนแล้วเอ่ยขึ้นว่า “อีกอย่าง ในบรรดาสตรีชนชั้นสูงใครจะไม่รู้ว่าท่านกับคุณหนูรองไม่ได้ถูกกัน แล้วจะเทียบท่านกับนางโดยไม่ดูตาม้าตาเรือได้อย่างไร?”

“คุณหนูจากตระกูลชนชั้นสูงถูกคนจับจ้องในหลายปีนี้ เมื่อปีกลายหวงฝู่อวี๋หลิงเพียงแค่พูดไม่กี่คำกับชายแปลกหน้า ที่หอจันทรา ก็มีข่าวลือว่าเป็นเรื่องทำนองชู้สาว การแต่งงานของนางกับพี่ใหญ่อี้หังตระกูลอิ๋งเกือบจะถูกยกเลิก เจ้าว่าข้าไม่ต้องกังวลได้หรือ?” หลิงหลงกล่าวด้วยความตกใจหวาดผวา ชุยฮ่าวหรันเป็นบุตรชายจากภรรยาเอกของตระกูลชุย แม้จะมีพี่ชายคนโตอยู่ แต่ตระกูลชุยก็มีกฎมากกว่าตระกูลซั่งกวน หลังจากเหตุการณ์ของจิงอิ๋งเกิดขึ้น ฮูหยินชุยยังส่งจดหมายมาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะ ทำให้หลิงหลงกระอักกระอ่วนใจมานานกว่าครึ่งปี

“นั่นคือทุกคนหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณหนูมู่หรงในตอนนั้น ต่างกระต่ายตื่นตูมเพียงเล็กน้อย!” อู๋เลี่ยนเยี่ยน

กลับเข้าใจดีมาก อู๋เลี่ยนเยี่ยนเพิ่งถูกอนุภรรยาอู๋พาเข้ามาในตระกูลซั่งกวน ในเวลานั้นตระกูลซั่งกวนทำการสะสางผู้คนที่อยู่รอบๆ คุณหนูหลายคน ชำระสะสางแม่นมกับสาวใช้ที่อาจนำภัยไปสู่เจ้านาย นางจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหลิงหลง

“ใช่แล้ว! พี่ชิงหวั่นเป็นขวัญใจในดวงใจของพวกเรา” หลิงหลงอุทานนิดหน่อยพลางกล่าวว่า “ตอนนั้นพี่ชิงหวั่นเป็นคนมีหน้ามีตามาก แต่เพราะไม่รู้ว่านางหลงใหลอะไร จึงไปสารภาพรักที่ไร้ประโยชน์ต่อหน้าสาธารณชน แล้วผลลัพธ์คือพี่ชิงหวั่นยังคงถูกกักขังให้ฝึกตนอยู่ในวัดประจำตระกูลมู่หรงจนถึงบัดนี้ ไม่ได้ปรากฏตัวมาสามปีแล้ว พี่ชิงหวั่นเป็นลูกสาวภรรยาเอกของตระกูลมู่หรง และเป็นลูกสาวภรรยาเอกที่ทะนงตัวที่สุด นางก็เป็นเช่นนั้น ยัยเด็กจิงอิ๋งคนนี้ซุกซนไปทั่วไม่ได้ความ ข้าคิดว่านางถูกท่านพ่อกับพี่ใหญ่ให้ท้ายจนเหลิง และไม่รู้ว่าจะยังไปก่อเรื่องอะไรอีกในอนาคตหรือเปล่า!”

“คุณหนู ท่านบอกว่าคุณหนูรองมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นเพราะคุณหนูตระกูลเยี่ยนใช่หรือไม่?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนลอบยิ้มอยู่ในใจ ในตอนแรกหลิงหลงซึ่งอายุเพียงสิบสองปีก็หมั้นหมายแต่งงานกับชุยฮ่าวหรันซึ่งอายุเพียงสิบห้าปี ต่อมาเกิดเรื่องกับหัวหน้าตระกูล กำหนดสัญญาการแต่งงาน ซึ่งไม่ได้เกิดจากเหตุของมู่หรงชิงหวั่น หากไม่ใช่เพราะทั้งสองคนอายุไล่เลี่ยกันและวงศ์ตระกูลฐานะเท่าเทียมกัน คาดว่าคงจะเป็นเรื่องอื้อฉาว และจะไม่กลายเป็นเรื่องดีงาม

“หญิงสาวลูกพ่อค้าที่หยาบคายมีกลิ่นผู้ลากมากดีคนนั้น ทำได้แค่ปักดอกไม้ เล่นพิณและตรวจสมุดบัญชีเท่านั้นหรือ?” หลิงหลงยิ้มเยาะ เพราะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณหนูเยี่ยนอู่ได้เล็กน้อยจนน่าสงสาร รู้ว่านางอาศัยอยู่ตามลำพังกับมารดาตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ออกมาแม้กระทั่งห้องส่วนตัว และไม่มีอาจารย์คนใดได้รับเชิญให้ไปสอน เมื่อมารดาจากไป ในเดือนเจ็ดแปดและเก้าของทุกปี นางจะไปอธิษฐานที่วัดอันอานที่เข้มงวดที่สุดในอู๋โจวเพื่อกินเจสวดมนต์ คัดลอกพระคัมภีร์ แล้วเฝ้าตะเกียงที่สว่างตลอดกาลให้กับมารดา เมื่อนางอยู่ในอาราม โดยมากแล้วจะไปสามสถานที่ (โถงบูชา หอพระคัมภีร์ หอพักในอาราม) เพื่อทำสามสิ่ง (กินข้าว คัดลอกพระคัมภีร์ นอนหลับ) นางใช้ผ้าคลุมหน้าทุกวัน จึงไม่อาจมองเห็นหน้าตาได้ชัดเจน ไม่เคยพูดคุยกับผู้คน ไม่เคยได้ยินเสียงของนาง หลิงหลงจึงรู้จักเยี่ยนมี่เอ๋อร์น้อยมาก

“ได้ยินมาจากท่านป้าว่า มารดาของคุณหนูเยี่ยนเคยเป็นสุภาพสตรีที่มีชื่อเสียงในเซิ่งจิง ท่านป้าโชคดีเคยได้เห็นครั้งหนึ่ง แม้จะจำไม่ได้ชัดเจนนัก แต่นางก็ยังจำได้คลับคล้ายคลับคลา บอกว่าเยี่ยนไท่ไท่เป็นคนสง่างาม งดงามไม่เป็นสองรองใคร คิดว่าคุณหนูตระกูลเยี่ยนจะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งเป็นแน่” อู๋เลี่ยนเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างผิดหวัง

“อนุภรรยาเป็นคนใจดี ไม่มีอะไรเลวร้ายในสายตาของนาง” หลิงหลงขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “นางบอกว่าท่านแม่เป็นคนใจดี มีวิชาความรู้และกิริยามารยาทสง่างาม แต่ในความเป็นจริงเล่า? ข้าไม่เคยเห็นท่านแม่เป็นแบบนั้นเลย! นางบอกว่าอนุภรรยาหนิงมีความเห็นอกเห็นใจ เคารพผู้อาวุโส ห่วงใยผู้น้อย แต่ข้าสัมผัสไม่ถึง! นางยังบอกอีกว่าจิงอิ๋งไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย มีชีวิตชีวา ข้าก็เห็นว่าเป็นลิงป่าเพียงอย่างเดียว เลี่ยนเยี่ยน ในบางครั้งเจ้าก็เหมือนกัน มักจะเห็นว่าใครก็ดีเสมอ แม้เสีย เปรียบก็ยังต้องพูดดีกับคนอื่น”

ม่านชิงสีหน้าแข็งทื่อขึ้นเล็กน้อย จากนั้นใช้จังหวะที่เปลี่ยนชาร้อนให้กับหลิงหลงปกปิดความผิดปกติบนใบหน้า อนุภรรยาอู๋ใจดีหรือ? อู๋เลี่ยนเยี่ยนเสียเปรียบก็ยังพูดดีกับคนอื่นอีกหรือ? คุณหนูคือคนโง่ต่างหาก!

อนุภรรยาอู๋ได้เปลี่ยนจากสาวใช้ของฮูหยินมาเป็นอนุภรรยาที่ดูแลงานบ้านงานเรือนและต่อสู้กับฮูหยินได้ทั้งเปิดเผยและอย่างลับๆ แล้วพาพี่ชายของนางจากทาสระดับต่ำของตระกูลหวงฝู่ เปลี่ยนมาเป็นผู้ดูแลที่มีหน้ามีตาของตระกูลซั่งกวน พาหลานสาวของนางกลายมาเป็นคนสนิทของคุณหนูสายตรงของตระกูลซั่งกวน หากไม่ใช้วิธีการที่ยอดเยี่ยมจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ได้งั้นหรือ? เมื่อมองไปที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนอีกครั้ง นางเกิดมาในฐานะบ่าวไพร่เหมือนกับตัวเอง แต่อาศัยอยู่ในตระกูลซั่งกวนด้วยฐานะคุณหนู นางมีทุกอย่างพร้อมสรรพ หมายมั่นปั้นมืออยากจะเป็นอนุภรรยาของคุณชายใหญ่ ซึ่งไม่ถูกเอาเสียเลย ได้ยินว่าความตั้งใจของนางไม่ใช่เล็กๆ เลย ถ้านางสมหวังได้เป็นอนุภรรยาละก็ ก่อนหน้านี้สักหนึ่งหรือสองปี ก็จะให้คุณชายใหญ่พานางเข้าไปในเรือน นางอยากเป็นภรรยารองผิงชีของคุณชายใหญ่ และไม่อยากคิดถึงภูมิหลังที่ต่ำต้อยของนาง

อย่างไรก็ตาม ทั้งม่านชิงและม่านจิ้งล้วนไม่กล้าพูดว่าอนุภรรยาอู๋กับอู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ดีต่อหน้าหลิงหลง แต่ก่อนเคยมีสาวใช้ใหญ่คนหนึ่งชื่อ ‘ม่านชิง’ รับใช้อยู่ข้างๆ คุณหนู เพียงแค่พูดว่าอนุภรรยาอู๋ปากหวานก้นเปรี้ยว หน้าเนื้อใจเสือ ก็ถูกคุณ หนูลงโทษอย่างรุนแรงไปครั้งหนึ่ง ในระหว่างที่สะสางเรื่องวุ่นวายคราวนั้น อนุภรรยาอู๋ถือโอกาสขับไล่คนดูแลคอกม้าออกไป แล้วเปลี่ยนชื่อ จัดให้ไปดูแลโรงม้าของเรือนอื่น คนดูแลคอกม้าคนนั้นชอบทุบตีเมีย เมียคนแรกของเขาก็โดนเขาทุบตีจนทนไม่ไหว จึงไปกระโดดน้ำตายที่ทะเลสาบ ‘ม่านชิง’ คนนั้นก็ผ่านประสบการณ์มาพอสมควร นั่นคือสาวใช้ชั้นหนึ่งของตระกูลซั่งกวน คุณหนูจากตระกูลร่ำรวยทั่วไปจึงเทียบไม่ติด ด้วยเหตุนี้…

แม่นมหวังกับอนุภรรยาอู๋ผู้ซึ่งได้รับความไว้วางใจมากที่สุดจากคุณหนูจะอยู่ข้างกายคุณหนูแล้วมักจะยักคิ้วหลิ่วตาให้กันบ่อยๆ นางได้ประโยชน์จากอนุภรรยาอู๋ มักจะพูดถึงข้อดีของอนุภรรยาอู๋เมื่ออยู่ใกล้คุณหนูเป็นประจำ และมักกล่าวถึง ‘การกระทำที่ไม่ดี’ ของฮูหยินอยู่บ้าง ทำให้คุณหนูผู้มีศักดิ์ศรีเป็นถึงบุตรสาวคนโตจากภรรยาเอกของตระกูลซั่งกวน ไม่ได้สนิทสนมกับมารดา แต่ไปสนิทชิดเชื้อกับอนุภรรยาแทน

“คุณหนูพูดแบบนี้!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนพูดด้วยใบหน้าที่ใจดีว่า “จะมีคนเลวมากมายได้อย่างไร? ท่านป้ามีวันนี้ได้ ล้วนเป็นความเมตตาของฮูหยิน เราทั้งครอบครัวต่างซาบซึ้งบุญคุณของฮูหยิน คุณหนู ท่านจะพูดว่าฮูหยินไม่ดีไม่ได้ นางเป็นมารดาของท่าน ถ้าท่านพูดอย่างนี้ เราจะทำตัวลำบาก!”

“เจ้านี่นะ… หลิงหลงก็ไม่เข้าใจ เหตุใดมารดาจึงปฏิบัติต่ออนุภรรยาอู๋เหมือนเป็นศัตรู แต่อนุภรรยาอู๋ก็ยอมอดทนอย่างไม่ขัดขืน แม้แต่อู๋เลี่ยนเยี่ยนก็ยังพูดชมมารดาอยู่ตลอดเวลา

“ตอนนี้ผ่านเดือนอ้ายไปแล้ว เข้าสู่เดือนยี่ งานกล้วยไม้ปีนี้ท่านคิดจะทำอะไรบ้าง?” เมื่อเห็นว่าหลิงหลงยิ่งพูดก็ยิ่งออกนอกประเด็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้พูดถึงประเด็นที่ตัวเองสนใจที่สุดเลย นางจึงไม่รีบร้อน การจะจัดการกับหลิงหลงนั้นนางทำได้อย่างคล่องมือดั่งใจคิด

ที่เรียกว่างานบุปผานั้นก็เป็นเพียงประเพณีการชุมนุมและงานอดิเรกของบรรดาสตรีผู้สูงศักดิ์ในตระกูลขุนนางเท่านั้น ผู้เข้าร่วมล้วนเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ในตระกูลขุนนางที่ถึงวัยปักปิ่นแล้ว ผู้ที่สร้างชื่อในงานบุปผา จะได้แสดงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลและวางรากฐานสำหรับการแต่งงานที่มั่นคง โดยเน้นไปที่ดอกไม้ชนิดเดียวกันทุกเดือน ในแต่ละปีจะมีการจัดงานบุปผาสิบสองครั้ง มีแปดตระกูลใหญ่และสี่วงศ์ตระกูลแบ่งกันจัดงาน รายการโปรดของซั่งกวนหลิงหลงก็คืองานบุปผาดอกเหมยเสียนหยางในเดือนอ้าย งานบุปผากล้วยไม้ไคหยางในเดือนยี่ งานบุปผาดอกกุ้ยฮวาหอมหมื่นลี้จือหยางในเดือนแปดและงานบุปผาดอกบัวลี่โจวในเดือนหกที่ตระกูลของนางจัดเอง นางไม่ได้เข้าร่วมงานบุปผาดอกเหมยในปีนี้ และงานบุปผากล้วยไม้ก็คาดว่าจะล้มเหลวอีก

“จะคิดอะไรได้?” ซั่งกวนหลิงหลงพูดอย่างโมโหว่า “ข้าเห็นเทียบเชิญงานบุปผากล้วยไม้ วันที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง คือวันที่สิบแปดเดือนยี่ แต่วันแต่งงานของพี่ใหญ่คือวันที่ยี่สิบหก ข้าจะปลีกตัวไปได้หรือ?”

“งั้นก็ไม่มีทางเลือก นายท่านเป็นผู้กำหนดวันแต่งงานเอง” อู๋เลี่ยนเยี่ยนปลอบใจนางแล้วพูดว่า “ปีนี้คุณหนูพลาดไม่ได้ไปงานบุปผาที่ชื่นชอบที่สุดสองงาน แต่โชคดีที่ยังมีงานบุปผาดอกบัวกับงานบุปผาดอกกุ้ยฮวา”

“ข้าคิดว่างานบุปผาดอกบัวก็พอแล้ว งานบุปผาดอกบัวจะมีการพายเรือในทะเลสาบลี่หู ชื่นชมดอกบัว เพลิดเพลินไปกับสระบัว แต่ตอนนี้ท่านแม่ให้เรือนสดับวายุกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์จัดงานเพื่อรักษาหน้า ยังจะสบายใจได้อีกหรือ?” หลิงหลงคิดอย่างรำคาญใจ นางแอบมองเรือนสดับวายุมาเป็นเวลานาน แล้วหวังมาตลอดว่ามารดาจะยกเรือนสดับวายุเป็นสินสอดให้ตัวเองทว่าดูตอนนี้สิ?

“คุณหนูเยี่ยนกำลังจะกลายเป็นภรรยาคุณชายใหญ่ของตระกูลซั่งกวน การให้เรือนสดับวายุแก่นางก็ถือว่าเรือล่มในหนองทองจะไปไหน คุณหนูไม่ต้องมีน้ำโหไป” ใบหน้าของอู๋เลี่ยนเยี่ยนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาเย็นชาแล้วกล่าวว่า “คนของตระกูลเยี่ยนอาศัยอยู่ที่เรือนสดับวายุ ตอนนี้ที่นั้นก็ถือว่าทิวทัศน์ยังดีอยู่ คิดว่าคุณหนูเยี่ยนคงอารมณ์ดีขึ้นบ้างเพราะเหตุนี้ ตอนที่ออกเรือนก็จะสวยยิ่งขึ้นอีกสินะ!”

“ข้าอารมณ์ไม่ดี!” หลิงหลงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “นางเป็นคนธรรมดาจะคู่ควรกับเรือนสดับวายุงั้นหรือ?”

“คุณหนู” อู๋เลี่ยนเยี่ยนเรียกอย่างไม่พอใจเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านไม่เคยเห็นคุณหนูเยี่ยน จะวิจารณ์นางแบบนี้ได้อย่างไรกัน? ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางเป็นภรรยาของคุณชายใหญ่ที่ยังไม่เคยออกเหย้าออกเรือนมาก่อน…” ในขณะที่พูดอยู่ทันใดนั้นนางก็หลั่งน้ำตา ทำให้หลิงหลงตกใจสะดุ้งโหยง

“เจ้าเป็นอะไรไป?” หลิงหลงมองนางอย่างเป็นห่วงนิดหน่อย

“ไม่มีอะไร ข้าเพียงแค่ควบคุมไม่ได้ในทันทีเท่านั้นเอง…” อู๋เลี่ยนเยี่ยนต้องการจะปกปิดก็ยิ่งเปิดโจ่งแจ้ง “คุณหนู ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ แค่…แค่ดีใจแทนคุณชายใหญ่เท่านั้น ในที่สุดเขาก็จะเป็นฝั่งเป็นฝา นี่เป็นเรื่องมงคล!”

“เลี่ยนเยี่ยนเอ๋ย น่าสงสารยิ่งนัก” หลิงหลงถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ข้ารู้จิตใจของเจ้า พี่ใหญ่โดดเด่นเป็นอัจฉริยะ มีน้อยคนที่จะไม่ชอบเขา แต่น่าเสียดาย…เจ้าก็อย่าเสียใจไป ต่อให้พี่ใหญ่จะแต่งงานกับนาง ก็จะไม่ชอบนางเสียด้วยซ้ำ เจ้ายังมีโอกาส…อ้อ ข้าจะหาโอกาสคุยกับพี่ใหญ่ จะทำให้พี่ใหญ่เข้าใจความในใจของเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าดีขนาดนี้ พี่ใหญ่จะต้องรับเจ้าแน่นอน!”

สิ่งที่หลิงหลงต้องการคือเกลี้ยกล่อมให้ซั่งกวนเจวี๋ยรับอู๋เลี่ยนเยี่ยนเป็นอนุภรรยา แม้นางจะชอบอู๋เลี่ยนเยี่ยนมาก แต่ก็ไม่เคยคิดว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนจะเป็นภรรยารองผิงชีของซั่งกวนเจวี๋ยได้ ควรเป็นอนุภรรยาก็เพียงพอแล้ว!

“คุณหนู ข้ารู้ว่าท่านกำลังคิดเผื่อถึงข้า แต่ความหวังดีของท่านข้ารับได้เพียงน้ำใจเท่านั้น ท่านรู้ดีถึงความทุกข์ทรมานของท่านป้า ข้าไม่อยากเหมือนท่านป้า ที่อยู่ในรอยร้าว…” อู๋เลี่ยนเยี่ยนชะงักกึก ไม่พูดอะไรอีก ดูเหมือนว่าครั้งนี้เพิ่งจะตระหนักว่าตัวเองพูดคำที่ไม่เหมาะสม

“ใช่แล้ว! เป็นอนุภรรยาก็ไม่ดีเลย!” หลิงหลงเห็นด้วยพลางเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะทำอย่างไร เพียงแค่มองดูพี่ใหญ่อยู่ไกลๆ ไปตลอดชีวิตงั้นหรือ?”

ข้าอยากเป็นพี่สะใภ้อย่างเป็นทางการของเจ้าต่างหากเล่า! บางครั้งอู๋เลี่ยนเยี่ยนก็เกลียดความโง่เขลาของหลิงหลงเป็นที่สุด แต่นางจะไม่มีทางพูดแบบนั้นออกมาได้ นางไม่มีคุณสมบัตินั้น คำพูดแบบนั้นที่ออกมาจากปากของนาง จะถือได้ว่าเป็นความคิดที่ฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อแน่นอน

“คุณหนู” อู๋เลี่ยนเยี่ยนรู้สึกว่าได้เวลาที่เหมาะเจาะแล้ว จึงปริปากพูดอย่างอึกอักว่า “ข้าขอร้องท่านอย่างหนึ่ง ข้ารู้ว่ามันผิด แต่…ท่านรู้หรือไม่ข้าเป็นคนที่ไม่อาจข่มใจไว้ได้ ข้า…”

“เรื่องอะไร? เจ้าว่ามาเถอะ!” หลิงหลงพูดตรงๆ อู๋เลี่ยนเยี่ยนมักจะทำแบบนี้ แต่นางก็รู้จักบันยะบันยังมาตลอด หลิงหลงจึงไม่ได้คิดมาก

“ช่างมันเถอะ!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนเปลี่ยนใจกะทันหันด้วยท่าทางเกรงใจแล้วพูดว่า “มันไม่ถูกต้อง ข้าไม่ควรมีความคิดแบบนั้น ถ้าพูดแบบนั้น คุณหนู ท่านจะปฏิบัติกับข้าอย่างไรก็ไม่ต้องพูดหรอก!”

“ไม่ได้! เราเป็นสหายกัน จะเห็นเจ้าเศร้าเสียใจขนาดนั้นได้อย่างไร จะให้กลับมานั่งนิ่งดูดายงั้นหรือ? ไม่เป็นไร เจ้าบอกมาเถอะ หากช่วยเจ้าได้ข้าจะช่วยเต็มที่!” หลิงหลงไม่อยากเห็นท่าทางของอู๋เลี่ยนเยี่ยนแบบนั้นมากที่สุด แต่เมื่อครุ่นคิด ไม่ว่านางจะพูดอะไรก็ถือว่าพึ่งพาอาศัยคนอื่น หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะไม่รอพบนาง แบบนี้ก็ตำหนินางไม่ได้เช่นกัน

“ข้าอยากเห็นคุณหนูตระกูลเยี่ยน ถ้านางดีอย่างที่ฮูหยินบอกไว้จริง เหมาะสมกันดีกับคุณชายใหญ่ ข้าก็คงทำใจได้…” เมื่อพูดมาถึงในตอนท้าย น้ำตาของอู๋เลี่ยนเยี่ยนก็ออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ นางพยายามไม่ให้น้ำตาเอ่อล้นมาที่ดวงตาอย่างเต็มปรี่ เพียงแต่กลอกไปมาอยู่ในดวงตาเท่านั้นเอง

“ไปเจอนางเพื่ออะไรกัน?” หลิงหลงงุนงงในขณะเดียวกันก็ลังเลเล็กน้อย นางไม่ใช่ซั่งกวนจิงอิ๋ง แม้จะเห็นอกเห็นใจ

อู๋เลี่ยนเยี่ยนอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ลืมกฎของตระกูลซั่งกวน…การบุ่มบ่ามไปพบว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ก่อนแต่งงาน ถึงอย่างไรก็ไม่เหมาะ สม หากทั้งสองรู้จักกันมาก่อน ก็ยังพูดคุยกันได้ แต่ปัญหาคือคุณหนูตระกูลเยี่ยนกับนางไม่แม้แต่จะรู้จักกันมาก่อนเลย…

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นท่าทางที่น่าสงสารของอู๋เลี่ยนเยี่ยน หลิงหลงก็สองจิตสองใจพลางกล่าวว่า “เรื่องนี้ออกจะ…ข้าจะคิดไตร่ตรองสักหน่อยแล้วค่อยคุยกัน…”

“ข้ารู้ว่าไม่ถูกต้อง ลืมมันไปเถอะ!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ นางก้มหน้าลง น้ำตาหยดเปียกเสื้อผ้า

“ข้าแค่ต้องครุ่นคิดสักหน่อยเท่านั้นเอง!” หลิงหลงเน้นย้ำอีกครั้ง

“ข้าขอแล้วกัน!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนขยิบตาให้แม่นมหวังที่มองอยู่ข้างๆ มาตลอด ตอนนี้ก็ต้องการให้นางมาช่วยหลิงหลงขบคิด…

———————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 25 ปฏิกิริยาของทุกฝ่าย (3)

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 25 ปฏิกิริยาของทุกฝ่าย (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ดูท่ายัยเด็กแก่นแก้วก็ไม่ได้โง่เช่นกัน!” ซั่งกวนหลิงหลงฟังการรายงานที่สมจริงสมจังของม่านชิงแล้วแสดงความคิด เห็น นางไม่เข้าใจมาตลอด เหตุใดมารดาของนางถึงเป็นผู้หญิงที่ธรรมดา ไร้เดียงสาและไร้มารยา สิ่งที่ไม่เข้าใจยิ่งกว่าก็คือเป็นคุณหนูของตระกูลซั่งกวนเหมือนกัน แต่จิงอิ๋งราวกับลิงป่า กระโดดโลดเต้นตลอดทั้งวัน ไร้การศึกษาและปราศจากทักษะ แม้แต่พิงถิงก็ยังเทียบไม่ได้

“คุณหนู อย่างไรก็ตามคุณหนูรองก็เป็นน้องสาวของท่านเช่นกัน ถึงอย่างไรก็จะต้องฉลาดสักหน่อยล่ะเจ้าค่ะ”

อู๋เลี่ยนเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนจะยกย่องจิงอิ๋งที่เริ่มมีความคิดความอ่าน แต่ที่จริงนางยังคงพูดถึงหลิงหลงด้วย

“ข้ายอมไม่มีน้องสาวที่น่าอับอายเช่นนี้!” หลิงหลงใช้การหรี่ตาพลางกล่าวว่า “เจ้าลืมคำที่ทั่วป๋าฉินซินพูดเมื่อครั้งที่แล้วงั้นหรือ? นางบอกว่าคุณหนูจากตระกูลซั่งกวนที่สง่างาม นึกไม่ถึงเลยว่าจะก่อเรื่องฉาวโฉ่แบบนั้น มู่หรงปั๋วอวี่เจ้าหมอนั่นมีดีอะไร เพื่อคนพรรค์นั้นจริงๆ เลย…ทั่วป๋าฉินซินปากมากมาแต่เกิด เรื่องที่นางรู้ยังมีหญิงสูงศักดิ์จากตระกูลขุนนางกี่คนที่ไม่รู้เล่า ข้าไม่กล้าออกไปไหนเลยตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเมื่อปีกลายเป็นเพราะอะไรกัน? ถ้าไม่กลัวว่าตอนที่พวกนางเห็นข้าแล้วจะเอ่ยถามเรื่องน่าขายหน้านี้!”

“คุณหนู เมื่อปีที่แล้ว คุณหนูรองยังไม่ถึงวัยปักปิ่น เหตุการณ์นี้เป็นเพียงเรื่องตลกที่เด็กยังไม่โตสร้างขึ้นเท่านั้นเอง จะไม่ทำให้ผู้คนจดจำนานเกินไปหรอก!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนปลอบโยนแล้วเอ่ยขึ้นว่า “อีกอย่าง ในบรรดาสตรีชนชั้นสูงใครจะไม่รู้ว่าท่านกับคุณหนูรองไม่ได้ถูกกัน แล้วจะเทียบท่านกับนางโดยไม่ดูตาม้าตาเรือได้อย่างไร?”

“คุณหนูจากตระกูลชนชั้นสูงถูกคนจับจ้องในหลายปีนี้ เมื่อปีกลายหวงฝู่อวี๋หลิงเพียงแค่พูดไม่กี่คำกับชายแปลกหน้า ที่หอจันทรา ก็มีข่าวลือว่าเป็นเรื่องทำนองชู้สาว การแต่งงานของนางกับพี่ใหญ่อี้หังตระกูลอิ๋งเกือบจะถูกยกเลิก เจ้าว่าข้าไม่ต้องกังวลได้หรือ?” หลิงหลงกล่าวด้วยความตกใจหวาดผวา ชุยฮ่าวหรันเป็นบุตรชายจากภรรยาเอกของตระกูลชุย แม้จะมีพี่ชายคนโตอยู่ แต่ตระกูลชุยก็มีกฎมากกว่าตระกูลซั่งกวน หลังจากเหตุการณ์ของจิงอิ๋งเกิดขึ้น ฮูหยินชุยยังส่งจดหมายมาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะ ทำให้หลิงหลงกระอักกระอ่วนใจมานานกว่าครึ่งปี

“นั่นคือทุกคนหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณหนูมู่หรงในตอนนั้น ต่างกระต่ายตื่นตูมเพียงเล็กน้อย!” อู๋เลี่ยนเยี่ยน

กลับเข้าใจดีมาก อู๋เลี่ยนเยี่ยนเพิ่งถูกอนุภรรยาอู๋พาเข้ามาในตระกูลซั่งกวน ในเวลานั้นตระกูลซั่งกวนทำการสะสางผู้คนที่อยู่รอบๆ คุณหนูหลายคน ชำระสะสางแม่นมกับสาวใช้ที่อาจนำภัยไปสู่เจ้านาย นางจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหลิงหลง

“ใช่แล้ว! พี่ชิงหวั่นเป็นขวัญใจในดวงใจของพวกเรา” หลิงหลงอุทานนิดหน่อยพลางกล่าวว่า “ตอนนั้นพี่ชิงหวั่นเป็นคนมีหน้ามีตามาก แต่เพราะไม่รู้ว่านางหลงใหลอะไร จึงไปสารภาพรักที่ไร้ประโยชน์ต่อหน้าสาธารณชน แล้วผลลัพธ์คือพี่ชิงหวั่นยังคงถูกกักขังให้ฝึกตนอยู่ในวัดประจำตระกูลมู่หรงจนถึงบัดนี้ ไม่ได้ปรากฏตัวมาสามปีแล้ว พี่ชิงหวั่นเป็นลูกสาวภรรยาเอกของตระกูลมู่หรง และเป็นลูกสาวภรรยาเอกที่ทะนงตัวที่สุด นางก็เป็นเช่นนั้น ยัยเด็กจิงอิ๋งคนนี้ซุกซนไปทั่วไม่ได้ความ ข้าคิดว่านางถูกท่านพ่อกับพี่ใหญ่ให้ท้ายจนเหลิง และไม่รู้ว่าจะยังไปก่อเรื่องอะไรอีกในอนาคตหรือเปล่า!”

“คุณหนู ท่านบอกว่าคุณหนูรองมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นเพราะคุณหนูตระกูลเยี่ยนใช่หรือไม่?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนลอบยิ้มอยู่ในใจ ในตอนแรกหลิงหลงซึ่งอายุเพียงสิบสองปีก็หมั้นหมายแต่งงานกับชุยฮ่าวหรันซึ่งอายุเพียงสิบห้าปี ต่อมาเกิดเรื่องกับหัวหน้าตระกูล กำหนดสัญญาการแต่งงาน ซึ่งไม่ได้เกิดจากเหตุของมู่หรงชิงหวั่น หากไม่ใช่เพราะทั้งสองคนอายุไล่เลี่ยกันและวงศ์ตระกูลฐานะเท่าเทียมกัน คาดว่าคงจะเป็นเรื่องอื้อฉาว และจะไม่กลายเป็นเรื่องดีงาม

“หญิงสาวลูกพ่อค้าที่หยาบคายมีกลิ่นผู้ลากมากดีคนนั้น ทำได้แค่ปักดอกไม้ เล่นพิณและตรวจสมุดบัญชีเท่านั้นหรือ?” หลิงหลงยิ้มเยาะ เพราะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณหนูเยี่ยนอู่ได้เล็กน้อยจนน่าสงสาร รู้ว่านางอาศัยอยู่ตามลำพังกับมารดาตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ออกมาแม้กระทั่งห้องส่วนตัว และไม่มีอาจารย์คนใดได้รับเชิญให้ไปสอน เมื่อมารดาจากไป ในเดือนเจ็ดแปดและเก้าของทุกปี นางจะไปอธิษฐานที่วัดอันอานที่เข้มงวดที่สุดในอู๋โจวเพื่อกินเจสวดมนต์ คัดลอกพระคัมภีร์ แล้วเฝ้าตะเกียงที่สว่างตลอดกาลให้กับมารดา เมื่อนางอยู่ในอาราม โดยมากแล้วจะไปสามสถานที่ (โถงบูชา หอพระคัมภีร์ หอพักในอาราม) เพื่อทำสามสิ่ง (กินข้าว คัดลอกพระคัมภีร์ นอนหลับ) นางใช้ผ้าคลุมหน้าทุกวัน จึงไม่อาจมองเห็นหน้าตาได้ชัดเจน ไม่เคยพูดคุยกับผู้คน ไม่เคยได้ยินเสียงของนาง หลิงหลงจึงรู้จักเยี่ยนมี่เอ๋อร์น้อยมาก

“ได้ยินมาจากท่านป้าว่า มารดาของคุณหนูเยี่ยนเคยเป็นสุภาพสตรีที่มีชื่อเสียงในเซิ่งจิง ท่านป้าโชคดีเคยได้เห็นครั้งหนึ่ง แม้จะจำไม่ได้ชัดเจนนัก แต่นางก็ยังจำได้คลับคล้ายคลับคลา บอกว่าเยี่ยนไท่ไท่เป็นคนสง่างาม งดงามไม่เป็นสองรองใคร คิดว่าคุณหนูตระกูลเยี่ยนจะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งเป็นแน่” อู๋เลี่ยนเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างผิดหวัง

“อนุภรรยาเป็นคนใจดี ไม่มีอะไรเลวร้ายในสายตาของนาง” หลิงหลงขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “นางบอกว่าท่านแม่เป็นคนใจดี มีวิชาความรู้และกิริยามารยาทสง่างาม แต่ในความเป็นจริงเล่า? ข้าไม่เคยเห็นท่านแม่เป็นแบบนั้นเลย! นางบอกว่าอนุภรรยาหนิงมีความเห็นอกเห็นใจ เคารพผู้อาวุโส ห่วงใยผู้น้อย แต่ข้าสัมผัสไม่ถึง! นางยังบอกอีกว่าจิงอิ๋งไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย มีชีวิตชีวา ข้าก็เห็นว่าเป็นลิงป่าเพียงอย่างเดียว เลี่ยนเยี่ยน ในบางครั้งเจ้าก็เหมือนกัน มักจะเห็นว่าใครก็ดีเสมอ แม้เสีย เปรียบก็ยังต้องพูดดีกับคนอื่น”

ม่านชิงสีหน้าแข็งทื่อขึ้นเล็กน้อย จากนั้นใช้จังหวะที่เปลี่ยนชาร้อนให้กับหลิงหลงปกปิดความผิดปกติบนใบหน้า อนุภรรยาอู๋ใจดีหรือ? อู๋เลี่ยนเยี่ยนเสียเปรียบก็ยังพูดดีกับคนอื่นอีกหรือ? คุณหนูคือคนโง่ต่างหาก!

อนุภรรยาอู๋ได้เปลี่ยนจากสาวใช้ของฮูหยินมาเป็นอนุภรรยาที่ดูแลงานบ้านงานเรือนและต่อสู้กับฮูหยินได้ทั้งเปิดเผยและอย่างลับๆ แล้วพาพี่ชายของนางจากทาสระดับต่ำของตระกูลหวงฝู่ เปลี่ยนมาเป็นผู้ดูแลที่มีหน้ามีตาของตระกูลซั่งกวน พาหลานสาวของนางกลายมาเป็นคนสนิทของคุณหนูสายตรงของตระกูลซั่งกวน หากไม่ใช้วิธีการที่ยอดเยี่ยมจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ได้งั้นหรือ? เมื่อมองไปที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนอีกครั้ง นางเกิดมาในฐานะบ่าวไพร่เหมือนกับตัวเอง แต่อาศัยอยู่ในตระกูลซั่งกวนด้วยฐานะคุณหนู นางมีทุกอย่างพร้อมสรรพ หมายมั่นปั้นมืออยากจะเป็นอนุภรรยาของคุณชายใหญ่ ซึ่งไม่ถูกเอาเสียเลย ได้ยินว่าความตั้งใจของนางไม่ใช่เล็กๆ เลย ถ้านางสมหวังได้เป็นอนุภรรยาละก็ ก่อนหน้านี้สักหนึ่งหรือสองปี ก็จะให้คุณชายใหญ่พานางเข้าไปในเรือน นางอยากเป็นภรรยารองผิงชีของคุณชายใหญ่ และไม่อยากคิดถึงภูมิหลังที่ต่ำต้อยของนาง

อย่างไรก็ตาม ทั้งม่านชิงและม่านจิ้งล้วนไม่กล้าพูดว่าอนุภรรยาอู๋กับอู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ดีต่อหน้าหลิงหลง แต่ก่อนเคยมีสาวใช้ใหญ่คนหนึ่งชื่อ ‘ม่านชิง’ รับใช้อยู่ข้างๆ คุณหนู เพียงแค่พูดว่าอนุภรรยาอู๋ปากหวานก้นเปรี้ยว หน้าเนื้อใจเสือ ก็ถูกคุณ หนูลงโทษอย่างรุนแรงไปครั้งหนึ่ง ในระหว่างที่สะสางเรื่องวุ่นวายคราวนั้น อนุภรรยาอู๋ถือโอกาสขับไล่คนดูแลคอกม้าออกไป แล้วเปลี่ยนชื่อ จัดให้ไปดูแลโรงม้าของเรือนอื่น คนดูแลคอกม้าคนนั้นชอบทุบตีเมีย เมียคนแรกของเขาก็โดนเขาทุบตีจนทนไม่ไหว จึงไปกระโดดน้ำตายที่ทะเลสาบ ‘ม่านชิง’ คนนั้นก็ผ่านประสบการณ์มาพอสมควร นั่นคือสาวใช้ชั้นหนึ่งของตระกูลซั่งกวน คุณหนูจากตระกูลร่ำรวยทั่วไปจึงเทียบไม่ติด ด้วยเหตุนี้…

แม่นมหวังกับอนุภรรยาอู๋ผู้ซึ่งได้รับความไว้วางใจมากที่สุดจากคุณหนูจะอยู่ข้างกายคุณหนูแล้วมักจะยักคิ้วหลิ่วตาให้กันบ่อยๆ นางได้ประโยชน์จากอนุภรรยาอู๋ มักจะพูดถึงข้อดีของอนุภรรยาอู๋เมื่ออยู่ใกล้คุณหนูเป็นประจำ และมักกล่าวถึง ‘การกระทำที่ไม่ดี’ ของฮูหยินอยู่บ้าง ทำให้คุณหนูผู้มีศักดิ์ศรีเป็นถึงบุตรสาวคนโตจากภรรยาเอกของตระกูลซั่งกวน ไม่ได้สนิทสนมกับมารดา แต่ไปสนิทชิดเชื้อกับอนุภรรยาแทน

“คุณหนูพูดแบบนี้!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนพูดด้วยใบหน้าที่ใจดีว่า “จะมีคนเลวมากมายได้อย่างไร? ท่านป้ามีวันนี้ได้ ล้วนเป็นความเมตตาของฮูหยิน เราทั้งครอบครัวต่างซาบซึ้งบุญคุณของฮูหยิน คุณหนู ท่านจะพูดว่าฮูหยินไม่ดีไม่ได้ นางเป็นมารดาของท่าน ถ้าท่านพูดอย่างนี้ เราจะทำตัวลำบาก!”

“เจ้านี่นะ… หลิงหลงก็ไม่เข้าใจ เหตุใดมารดาจึงปฏิบัติต่ออนุภรรยาอู๋เหมือนเป็นศัตรู แต่อนุภรรยาอู๋ก็ยอมอดทนอย่างไม่ขัดขืน แม้แต่อู๋เลี่ยนเยี่ยนก็ยังพูดชมมารดาอยู่ตลอดเวลา

“ตอนนี้ผ่านเดือนอ้ายไปแล้ว เข้าสู่เดือนยี่ งานกล้วยไม้ปีนี้ท่านคิดจะทำอะไรบ้าง?” เมื่อเห็นว่าหลิงหลงยิ่งพูดก็ยิ่งออกนอกประเด็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้พูดถึงประเด็นที่ตัวเองสนใจที่สุดเลย นางจึงไม่รีบร้อน การจะจัดการกับหลิงหลงนั้นนางทำได้อย่างคล่องมือดั่งใจคิด

ที่เรียกว่างานบุปผานั้นก็เป็นเพียงประเพณีการชุมนุมและงานอดิเรกของบรรดาสตรีผู้สูงศักดิ์ในตระกูลขุนนางเท่านั้น ผู้เข้าร่วมล้วนเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ในตระกูลขุนนางที่ถึงวัยปักปิ่นแล้ว ผู้ที่สร้างชื่อในงานบุปผา จะได้แสดงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลและวางรากฐานสำหรับการแต่งงานที่มั่นคง โดยเน้นไปที่ดอกไม้ชนิดเดียวกันทุกเดือน ในแต่ละปีจะมีการจัดงานบุปผาสิบสองครั้ง มีแปดตระกูลใหญ่และสี่วงศ์ตระกูลแบ่งกันจัดงาน รายการโปรดของซั่งกวนหลิงหลงก็คืองานบุปผาดอกเหมยเสียนหยางในเดือนอ้าย งานบุปผากล้วยไม้ไคหยางในเดือนยี่ งานบุปผาดอกกุ้ยฮวาหอมหมื่นลี้จือหยางในเดือนแปดและงานบุปผาดอกบัวลี่โจวในเดือนหกที่ตระกูลของนางจัดเอง นางไม่ได้เข้าร่วมงานบุปผาดอกเหมยในปีนี้ และงานบุปผากล้วยไม้ก็คาดว่าจะล้มเหลวอีก

“จะคิดอะไรได้?” ซั่งกวนหลิงหลงพูดอย่างโมโหว่า “ข้าเห็นเทียบเชิญงานบุปผากล้วยไม้ วันที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง คือวันที่สิบแปดเดือนยี่ แต่วันแต่งงานของพี่ใหญ่คือวันที่ยี่สิบหก ข้าจะปลีกตัวไปได้หรือ?”

“งั้นก็ไม่มีทางเลือก นายท่านเป็นผู้กำหนดวันแต่งงานเอง” อู๋เลี่ยนเยี่ยนปลอบใจนางแล้วพูดว่า “ปีนี้คุณหนูพลาดไม่ได้ไปงานบุปผาที่ชื่นชอบที่สุดสองงาน แต่โชคดีที่ยังมีงานบุปผาดอกบัวกับงานบุปผาดอกกุ้ยฮวา”

“ข้าคิดว่างานบุปผาดอกบัวก็พอแล้ว งานบุปผาดอกบัวจะมีการพายเรือในทะเลสาบลี่หู ชื่นชมดอกบัว เพลิดเพลินไปกับสระบัว แต่ตอนนี้ท่านแม่ให้เรือนสดับวายุกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์จัดงานเพื่อรักษาหน้า ยังจะสบายใจได้อีกหรือ?” หลิงหลงคิดอย่างรำคาญใจ นางแอบมองเรือนสดับวายุมาเป็นเวลานาน แล้วหวังมาตลอดว่ามารดาจะยกเรือนสดับวายุเป็นสินสอดให้ตัวเองทว่าดูตอนนี้สิ?

“คุณหนูเยี่ยนกำลังจะกลายเป็นภรรยาคุณชายใหญ่ของตระกูลซั่งกวน การให้เรือนสดับวายุแก่นางก็ถือว่าเรือล่มในหนองทองจะไปไหน คุณหนูไม่ต้องมีน้ำโหไป” ใบหน้าของอู๋เลี่ยนเยี่ยนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาเย็นชาแล้วกล่าวว่า “คนของตระกูลเยี่ยนอาศัยอยู่ที่เรือนสดับวายุ ตอนนี้ที่นั้นก็ถือว่าทิวทัศน์ยังดีอยู่ คิดว่าคุณหนูเยี่ยนคงอารมณ์ดีขึ้นบ้างเพราะเหตุนี้ ตอนที่ออกเรือนก็จะสวยยิ่งขึ้นอีกสินะ!”

“ข้าอารมณ์ไม่ดี!” หลิงหลงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “นางเป็นคนธรรมดาจะคู่ควรกับเรือนสดับวายุงั้นหรือ?”

“คุณหนู” อู๋เลี่ยนเยี่ยนเรียกอย่างไม่พอใจเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านไม่เคยเห็นคุณหนูเยี่ยน จะวิจารณ์นางแบบนี้ได้อย่างไรกัน? ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางเป็นภรรยาของคุณชายใหญ่ที่ยังไม่เคยออกเหย้าออกเรือนมาก่อน…” ในขณะที่พูดอยู่ทันใดนั้นนางก็หลั่งน้ำตา ทำให้หลิงหลงตกใจสะดุ้งโหยง

“เจ้าเป็นอะไรไป?” หลิงหลงมองนางอย่างเป็นห่วงนิดหน่อย

“ไม่มีอะไร ข้าเพียงแค่ควบคุมไม่ได้ในทันทีเท่านั้นเอง…” อู๋เลี่ยนเยี่ยนต้องการจะปกปิดก็ยิ่งเปิดโจ่งแจ้ง “คุณหนู ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ แค่…แค่ดีใจแทนคุณชายใหญ่เท่านั้น ในที่สุดเขาก็จะเป็นฝั่งเป็นฝา นี่เป็นเรื่องมงคล!”

“เลี่ยนเยี่ยนเอ๋ย น่าสงสารยิ่งนัก” หลิงหลงถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ข้ารู้จิตใจของเจ้า พี่ใหญ่โดดเด่นเป็นอัจฉริยะ มีน้อยคนที่จะไม่ชอบเขา แต่น่าเสียดาย…เจ้าก็อย่าเสียใจไป ต่อให้พี่ใหญ่จะแต่งงานกับนาง ก็จะไม่ชอบนางเสียด้วยซ้ำ เจ้ายังมีโอกาส…อ้อ ข้าจะหาโอกาสคุยกับพี่ใหญ่ จะทำให้พี่ใหญ่เข้าใจความในใจของเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าดีขนาดนี้ พี่ใหญ่จะต้องรับเจ้าแน่นอน!”

สิ่งที่หลิงหลงต้องการคือเกลี้ยกล่อมให้ซั่งกวนเจวี๋ยรับอู๋เลี่ยนเยี่ยนเป็นอนุภรรยา แม้นางจะชอบอู๋เลี่ยนเยี่ยนมาก แต่ก็ไม่เคยคิดว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนจะเป็นภรรยารองผิงชีของซั่งกวนเจวี๋ยได้ ควรเป็นอนุภรรยาก็เพียงพอแล้ว!

“คุณหนู ข้ารู้ว่าท่านกำลังคิดเผื่อถึงข้า แต่ความหวังดีของท่านข้ารับได้เพียงน้ำใจเท่านั้น ท่านรู้ดีถึงความทุกข์ทรมานของท่านป้า ข้าไม่อยากเหมือนท่านป้า ที่อยู่ในรอยร้าว…” อู๋เลี่ยนเยี่ยนชะงักกึก ไม่พูดอะไรอีก ดูเหมือนว่าครั้งนี้เพิ่งจะตระหนักว่าตัวเองพูดคำที่ไม่เหมาะสม

“ใช่แล้ว! เป็นอนุภรรยาก็ไม่ดีเลย!” หลิงหลงเห็นด้วยพลางเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะทำอย่างไร เพียงแค่มองดูพี่ใหญ่อยู่ไกลๆ ไปตลอดชีวิตงั้นหรือ?”

ข้าอยากเป็นพี่สะใภ้อย่างเป็นทางการของเจ้าต่างหากเล่า! บางครั้งอู๋เลี่ยนเยี่ยนก็เกลียดความโง่เขลาของหลิงหลงเป็นที่สุด แต่นางจะไม่มีทางพูดแบบนั้นออกมาได้ นางไม่มีคุณสมบัตินั้น คำพูดแบบนั้นที่ออกมาจากปากของนาง จะถือได้ว่าเป็นความคิดที่ฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อแน่นอน

“คุณหนู” อู๋เลี่ยนเยี่ยนรู้สึกว่าได้เวลาที่เหมาะเจาะแล้ว จึงปริปากพูดอย่างอึกอักว่า “ข้าขอร้องท่านอย่างหนึ่ง ข้ารู้ว่ามันผิด แต่…ท่านรู้หรือไม่ข้าเป็นคนที่ไม่อาจข่มใจไว้ได้ ข้า…”

“เรื่องอะไร? เจ้าว่ามาเถอะ!” หลิงหลงพูดตรงๆ อู๋เลี่ยนเยี่ยนมักจะทำแบบนี้ แต่นางก็รู้จักบันยะบันยังมาตลอด หลิงหลงจึงไม่ได้คิดมาก

“ช่างมันเถอะ!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนเปลี่ยนใจกะทันหันด้วยท่าทางเกรงใจแล้วพูดว่า “มันไม่ถูกต้อง ข้าไม่ควรมีความคิดแบบนั้น ถ้าพูดแบบนั้น คุณหนู ท่านจะปฏิบัติกับข้าอย่างไรก็ไม่ต้องพูดหรอก!”

“ไม่ได้! เราเป็นสหายกัน จะเห็นเจ้าเศร้าเสียใจขนาดนั้นได้อย่างไร จะให้กลับมานั่งนิ่งดูดายงั้นหรือ? ไม่เป็นไร เจ้าบอกมาเถอะ หากช่วยเจ้าได้ข้าจะช่วยเต็มที่!” หลิงหลงไม่อยากเห็นท่าทางของอู๋เลี่ยนเยี่ยนแบบนั้นมากที่สุด แต่เมื่อครุ่นคิด ไม่ว่านางจะพูดอะไรก็ถือว่าพึ่งพาอาศัยคนอื่น หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะไม่รอพบนาง แบบนี้ก็ตำหนินางไม่ได้เช่นกัน

“ข้าอยากเห็นคุณหนูตระกูลเยี่ยน ถ้านางดีอย่างที่ฮูหยินบอกไว้จริง เหมาะสมกันดีกับคุณชายใหญ่ ข้าก็คงทำใจได้…” เมื่อพูดมาถึงในตอนท้าย น้ำตาของอู๋เลี่ยนเยี่ยนก็ออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ นางพยายามไม่ให้น้ำตาเอ่อล้นมาที่ดวงตาอย่างเต็มปรี่ เพียงแต่กลอกไปมาอยู่ในดวงตาเท่านั้นเอง

“ไปเจอนางเพื่ออะไรกัน?” หลิงหลงงุนงงในขณะเดียวกันก็ลังเลเล็กน้อย นางไม่ใช่ซั่งกวนจิงอิ๋ง แม้จะเห็นอกเห็นใจ

อู๋เลี่ยนเยี่ยนอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ลืมกฎของตระกูลซั่งกวน…การบุ่มบ่ามไปพบว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่ก่อนแต่งงาน ถึงอย่างไรก็ไม่เหมาะ สม หากทั้งสองรู้จักกันมาก่อน ก็ยังพูดคุยกันได้ แต่ปัญหาคือคุณหนูตระกูลเยี่ยนกับนางไม่แม้แต่จะรู้จักกันมาก่อนเลย…

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นท่าทางที่น่าสงสารของอู๋เลี่ยนเยี่ยน หลิงหลงก็สองจิตสองใจพลางกล่าวว่า “เรื่องนี้ออกจะ…ข้าจะคิดไตร่ตรองสักหน่อยแล้วค่อยคุยกัน…”

“ข้ารู้ว่าไม่ถูกต้อง ลืมมันไปเถอะ!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ นางก้มหน้าลง น้ำตาหยดเปียกเสื้อผ้า

“ข้าแค่ต้องครุ่นคิดสักหน่อยเท่านั้นเอง!” หลิงหลงเน้นย้ำอีกครั้ง

“ข้าขอแล้วกัน!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนขยิบตาให้แม่นมหวังที่มองอยู่ข้างๆ มาตลอด ตอนนี้ก็ต้องการให้นางมาช่วยหลิงหลงขบคิด…

———————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+