เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 82 ศึกรับอนุภรรยา (4)

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 82 ศึกรับอนุภรรยา (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าเรียกมี่เอ๋อร์มาทำอะไร?” ซั่งกวนฮ่าวกลับไปที่ห้อง แสร้งทำเป็นไม่มีแก่ใจจะไต่ถาม ช่าจื่อจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ถ่ายทอดการพูดคุยระหว่างหวงฝู่เยวี่ยเอ้อกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ และเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเยี่ยนมี่เอ๋อร์กลับมาถึงเรือนมีคู่ไปยังหูของซั่งกวนฮ่าวว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์เสียใจและร้องไห้ในป่าไผ่ ทั้งหลิงหลงกับจิงอิ๋งไปปลอบโยนนาง ก็ไม่ได้ผิดไปจากที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์คาดเดาไว้

“ไม่มีอะไรหรอก แค่พูดส่งเดชไม่กี่คำเท่านั้นเอง!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่ต้องการให้ซั่งกวนฮ่าวรู้ว่านางได้พูดคุยกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ตรงๆ ว่าจะรับอนุภรรยา จึงตัดสินใจใช้กลยุทธ์พูดวกไปเวียนมา แล้วพูดอย่างเนิบช้า

หวงฝู่เยวี่ยเอ้อคิดอย่างรอบคอบหลังจากที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์กลับไป วิเคราะห์กับแม่นมสีและแม่นมหยางสักพักหนึ่ง แล้วถึงพบว่านางได้ทำสิ่งที่แย่มากจริงๆ ลงไป ทั้งยังรู้สึกผิดและกระอักกระอ่วนใจอยู่เล็กน้อย หลังจากนั้นก็ส่งสาวใช้มาสอบถาม หลังจากได้รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างหลี่ฉยงอวี่และหวังเหมยเสียนในเรือนมีคู่ ในใจเกิดรู้สึกเบื่อหน่ายและเกลียดหลี่ฉยงอวี่จนเข้ากระดูกดำที่กระซิบกระซาบต่อหน้าตน และพูดคุยกันดีตลอดทั้งวัน

เนื่องจากหวงฝู่เยวี่ยเอ้อมีสถานะที่แตกต่างกันในสองตระกูล หลี่ฉยงอวี่จึงพยายามทำให้นางพอใจเสมอ ตราบเท่าที่มีโอกาส จะพูดคุยชวนหัวเราะอย่างสนิทสนมต่อหน้าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ เพื่อให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเอ็นดู หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็ชอบนางมาก ครั้งนี้ตอนที่ฮูหยินชุยคุยเรื่องนี้กับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ นางก็อยู่กับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อด้วย

ในเวลานั้นหวงฝู่เยวี่ยเอ้อยังคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ตอนนี้ดูท่า นางเป็นเพียงนักวิ่งเต้นที่ได้รับเชิญจากฮูหยินชุย จริงๆ แล้วนางถูกทั้งสองคนล่อลวงให้คุยเรื่องนี้ แล้วยังปรึกษาเรื่องนี้กับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก่อน หลี่ฉยงอวี่สร้างผลงานได้ดี

นางกล่าวชื่นชมเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก่อน กล่าวว่าทันที่เห็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ดูอ่อนโยนใจดี สง่างามมีมโนธรรม ไม่ถือสาที่ซั่งกวนเจวี๋ยจะรับอนุ เพื่อให้ตระกูลซั่งกวนมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง เพียงแต่สภาพแวดล้อมสร้างผู้คน สภาพแวดล้อมที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์เติบโตขึ้นมานั้นถูกกำหนดให้นางมีวิสัยทัศน์จำกัด โดยเฉพาะความอ่อนโยนและเมตตาของนางกำหนดให้นางจะทำตามความชอบของซั่งกวนเจวี๋ยเท่านั้น ตราบใดที่ซั่งกวนเจวี๋ยชื่นชอบ แม้แต่จอมยุทธ์หญิงพวกนั้น นางก็ยินดียอมรับ หลังจากพูดคำนั้นจบลง หลี่ฉยงอวี่กล่าวอย่างเศร้ารันทดว่า ‘จอมยุทธ์หญิงนั้นเก่งมาก พวกนางไม่มีกฎระเบียบมากมาย เรียนรู้กลเม็ดในห้องมาไม่มากก็น้อย เพื่อให้สามีเคลิบเคลิ้มหลงใหล และไม่สนใจไยดีต่อภรรยาเลย’

ขณะนี้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อรู้สึกกลัวอยู่พักหนึ่ง เมื่อนึกถึงผู้หญิงสามคนนั้นในเรือนหิมะสุขใจ หวงเซียวเซียงอาจถือได้ว่าเป็นคนสกุลดัง อีกสองคนก็พูดยาก หากทั้งสองคนใช้ยาหว่านเสน่ห์กับซั่งกวนเจวี๋ย ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยไม่คำนึงถึงการรับอนุภรรยาจะไม่ดีกับทุกคน

ลองคิดดู แม้ชุยอวี่เฟยจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีอะไรมากนัก แต่ก็ดีกว่าคนพวกนั้นมาก ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลชุยร้องขอเพียงแค่ตำแหน่งอนุภรรยา ไม่ใช่ภรรยารอง เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็น่าจะยอมรับได้ด้วยความยินดีเช่นกันถึงจะถูก

แต่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่ต้องการจะตกปากรับคำในเร็ววันเช่นนี้ เวลาไม่เหมาะสม นางยังต้องการหารือเรื่องนี้กับซั่งกวนฮ่าว แต่หลี่ฉยงอวี่พูดเกลี้ยกล่อมนาง บอกว่าชุยอวี่เฟยเศร้าตรอมตรมจนอดอาหารหิวโหยมาหลายวันแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ฮูหยินชุยจะไม่ทำหน้าบึ้งตึง ถ้าพูดถึงเรื่องแบบนี้ในเวลานี้ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นใด แต่คิดถึงลูกสาวที่เป็นห่วงด้วยหัวใจของความเป็นแม่ หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็มีลูกสาวเช่นกัน ถ้าหลิงหลงและจิงอิ๋งอดอาหารอะไรทำนองนั้น หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็คงไม่เป็นอันกินอันนอนเช่นกัน อีกอย่างเรื่องนี้เป็นงานมงคลเกี่ยวดองกัน ซั่งกวนฮ่าวย่อมจะเห็นด้วยอย่างยินดีปรีดา แต่งชุยอวี่เฟยเข้ามานั้นจะดีกว่าทั่วป๋าฉินซินที่ไม่มีชื่อเสียงเฉิดฉายอะไรสินะ! แม้คนของตระกูลทั่วป๋าจะกลับไปเหยี่ยนโจวแล้ว แต่ก็ยังมีฮูหยินใหญ่ที่คอยจับตาดูอยู่ ใครจะไปรู้ว่าพวกนางคิดอย่างไรที่จะให้ทั่วป๋าฉินซินแต่งเข้ามาเล่า?

หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพยักหน้า ทันใดนั้นก็นึกถึงข่าวที่กล่าวขวัญกันว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ‘หึงมาก’ จากเรือนหลังบ้านแว่วมา ถ้าแต่งชุยอวี่เฟยเข้ามา ข่าวลือเรื่องความหึงหวงนี้จะไม่เพียงถูกลบหายไปยังเป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน

หวงฝู่เยวี่ยเอ้อโชคดีที่นางยังมีไหวพริบอยู่ จึงบอกว่าจะตรองดูให้ดี แล้วจะตอบกลับตระกูลชุยในวันพรุ่งนี้ แทนที่จะตกปากรับคำไปเลย หวงฝู่เยวี่ยเอ้อทาบอกที่ไม่ได้สัญญาไป ทำให้ทั้งสองคนผิดหวังที่คิดว่ารู้จักนางดี ฮูหยินชุยมีน้ำโหเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ถึงอย่างไรพวกนางก็ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเอ่ยก่อน ผิดเวล่ำเวลาจริงๆ กระนั้นหลี่ฉยงอวี่กลับพอใจแล้ว นางคิดว่าตราบใดที่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมีความคิดเช่นนี้ นางกับหวังเหมยเสียนจะเริ่มเปิดเผยเรื่องนี้กับเยี่ยนมี่เอ๋อร์เอง เชื่อว่าต่อให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะมีลูกไม้อะไรอีก ก็เป็นเพียงแค่สาวรุ่นวัยสิบเจ็ดปีที่ถูกเลี้ยงตามแบบฉบับคุณหนู ถูกโอ๋เอาแต่ใจมาเป็นแน่ ประจวบเหมาะกับช่วงข้าวใหม่ปลามันก็ยกเรื่องแบบนี้ขึ้นมาพูด จะข่มกลั้นอารมณ์ไม่ได้และทำให้เรื่องแย่ลงได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องนี้ก็ต้องสำเร็จจนได้ ทั้งยังจะทำลายรูปลักษณ์ที่เจ้าเล่ห์กำมะลอและอ่อนโยนของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้อีกด้วย

แต่สิ่งที่นางไม่เคยคาดคิดก็คือ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้เตรียมใจมาตั้งนานแล้วกับการรับอนุภรรยาและแต่งภรรยารอง ยังคิดหาวิธีจัดการกับผู้หญิงเหล่านี้และคนที่อยู่เบื้องหลังพวกนางด้วยซ้ำ แต่นึกไม่ถึงว่าคนแรกที่ออกหน้ามาจะเป็นชุยอวี่เฟยซึ่งเคยถูกปรามมาแล้วครั้งหนึ่ง และยิ่งคาดไม่ถึงก็คือพวกนางจะยุยงหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ ส่วนหวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็ไร้สมองตกลงเรื่องนี้ไป

แน่นอนว่าถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ตระกูลชุย หลิงหลงไม่มีสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลชุย หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็จะไม่ยอมสัญญาง่ายๆ เช่นนี้…ไม่ใช่เพราะเยี่ยนมี่เอ๋อร์มั่นใจเกินไป แต่บัดนี้เป็นเพราะจากมุมมองนั้น หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะไม่ทำอะไรแบบนั้น

ซั่งกวนฮ่าวยิ้มโดยไม่เอ่ยถึง แต่เปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นว่า “อาจารย์เฉาจะมาถึงลี่โจวในอีกครึ่งเดือน ก่อนหน้านั้น หลิงหลงกับจิงอิ๋งจะตามมี่เอ๋อร์ไปก่อน ร่ำเรียนการวางตนให้สุขุมคัมภีร์ภาพให้ดี อย่าพูดเป็นต่อยหอยแบบเด็กๆ ตั้งแต่เช้ายันค่ำ โดย เฉพาะหลิงหลง ตระกูลชุยพูดคุยกับข้าไว้ จะจัดงานแต่งในเดือนเก้าของฤดูทองใบไม้ร่วง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

“เดือนเก้า? จะฉุกละหุกไปหรือเปล่า?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ในปีนี้มีงานไม่น้อย ตอนนี้เดือนยี่เป็นงานแต่งของเจวี๋ยเอ๋อร์กับมี่เอ๋อร์ เดือนหกงานบุปผาดอกบัวและ ‘งานประลองยุทธ์’ จะมีขึ้นในลี่โจวปีนี้ แม้ตระกูลซั่งกวนจะไม่ได้เป็นแม่งาน แต่จะมีแขกเหรื่อมากมาย แล้วหลิงหลงจะออกเรือนในเดือนเก้า จะเตรียมตัวทันได้อย่างไร?”

“เวลาไม่ใช่ปัญหา สำหรับงานบุปผาดอกบัวปีนี้เจ้าก็แนะนำไปพลาง ให้มี่เอ๋อร์ลองรับช่วงต่อเป็นอย่างไร?” ซั่งกวนฮ่าวพูดกลั้วหัวเราะว่า “ถ้านางสามารถรับช่วงต่อได้อย่างราบรื่น ก็ให้นางค่อยๆ รับงานดูแลบ้านไปด้วย ถึงแม้น่งอวิ๋นจะยังจัดการงานบ้านได้ดี แต่สถานะของนาง ถึงอย่างไรก็ไม่สมหน้าสมตา แล้วเจ้าว่าอย่างไร?”

“เอาอย่างนั้นหรือ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อสะดุ้งเล็กน้อย ครั้นดีใจมาก แม้จะมีการกล่าวกันว่านางคือเจ้าภาพงานบุปผาดอกบัวในปีก่อนๆ แต่อันที่จริงคนที่ปรากฏตัวมากที่สุดคือซั่งกวนจิ่นกับอู๋น่งอวิ๋น นางเพียงแค่วางมาดให้คนเห็นบนเวที ตามคำพูดของซั่งกวนฮ่าวแล้ว นางยังคงถูกวางตัวในปีนี้ด้วย แต่คนที่ทำงานจริงๆ กลับเป็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ได้เขี่ยอู๋น่งอวิ๋นออกไป จะมองอย่างไรก็เป็นเรื่องที่น่าปลาบปลื้มยินดีมากโข จึงพยักหน้าตอบรับระรัว เพราะไม่มีเหตุผลและอารมณ์จะคัดค้านแต่อย่างใด

“แต่ว่า…” ทันใดนั้นนางก็นึกถึงเรื่องหนึ่งได้ ลังเลอยู่บ้าง

“แต่อะไร?” ซั่งกวนฮ่าวไม่เข้าใจว่าทำไม จู่ๆ นางก็สองจิตสองใจขึ้นมา ทั้งหมดทั้งมวลนี้นางวางแผนไว้เรื่อยมาก่อนที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะแต่งเข้ามาอีกมิใช่หรือ? เหตุใดถึงเปลี่ยนใจกะทันหัน?

“มี่เอ๋อร์จะต้องไว้ทุกข์ให้แม่บุญธรรมของนางเป็นเวลาร้อยวันไม่ใช่หรือ? หวงฝู่เยวี่ยเอ้อยิ้มกว้างพลางกล่าวว่า “ข้าคำนวณแล้ว จะครบร้อยวันก็ปลายเดือนสี่พอดี แม้แต่วันร่วมห้องหอของพวกเขาข้าก็นับแล้ว จะเป็นวันที่ยี่สิบเก้าเดือนสี่ ถ้ามี่เอ๋อร์ตั้งท้อง จะทำให้นางเหนื่อยไม่ได้นะ!”

ซั่งกวนฮ่าวหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง นางคิดถึงขั้นนี้เลยหรือ? ต่อให้ทั้งสองคนจะร่วมห้องกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะปุบปับท้องทันทีหรอก! แต่เขาลอบส่ายศีรษะคิดในใจ ‘เป็นสามีภรรยากันมาหลายปีดีดักแล้ว ไยถึงยังไม่เข้าใจความงุ่มง่ามและ ‘ความกระตือรือร้น’ ที่เหนือความคาดหมายของนางเล่า?’

“เยวี่ยเอ้อ เรื่องพวกนี้ไว้ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากัน จะปล่อยโอกาสไม่ให้นางจัดงานบุปผาดอกบัวเพียงเพราะตอนนั้นมี่เอ๋อร์อาจจะท้องไม่ได้เชียว” ซั่งกวนฮ่าวพูดปลอบใจหวงฝู่เยวี่ยเอ้อว่า “อีกอย่าง นางทำแค่ควบคุมภาพรวม มีบ่าวไพร่คอยดูแลเฉพาะเรื่องอยู่ นางก็จะไม่เหนื่อยแล้ว”

“นั่นสินะ!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อรู้ว่าตนออกจะคิดมากเกินไป จากนั้นก็นึกถึงเรื่องของชุยอวี่เฟยได้แล้วพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “เอ่อ…ตระกูลชุยพูดถึงการแต่งงานระหว่างหลิงหลงกับฮ่าวหรันเท่านั้นหรือ? มีอย่างอื่นอีกหรือไม่?”

“อย่างอื่น? ยังจะมีเรื่องอะไรอีก?” ซั่งกวนฮ่าวแสร้งทำเป็นไขสือ เขารู้ว่ายามนี้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อประมาณการทุกอย่างและคิดทบทวนแล้ว ทั้งยังคุยถกกับแม่นมที่อยู่ข้างกายไปแล้วรอบหนึ่ง จึงรู้ว่าตนคิดผิดอุกอาจขนาดไหน ย่อมต้องไม่สบายใจเป็นแน่ นางเป็นแบบนี้มาตลอด ซั่งกวนเจวี๋ยเคยปรามาสและประเมินแม่ของตนเลยเถิดเกินไป โดยบอกว่านาง ‘หลังรู้ความจริงเหมือนขงเบ้ง ก่อนเหตุการณ์ราวกับสุกรก็มิปาน’ มักจะหุนหันพลันแล่นทำให้ตัวเองเสียเปรียบเสมอ ตอนนี้ดูเหมือนจะเสียใจและสำนึกผิดอยู่จริงๆ

“ก็เกี่ยวกับอวี่เฟย…” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมองซั่งกวนฮ่าวอย่างตกประหม่าเล็กน้อยอยู่บ้าง นางมักจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง เมื่อพบว่าตนเองทำอะไรผิดพลาด ต้องการให้ซั่งกวนฮ่าวช่วยจัดการสะสาง จะแสดงสีหน้าอย่างนี้ แต่จะไม่เอามาเป็นบทเรียนผิดเป็นครู

“ชุยอวี่เฟย? นางเป็นคุณหนูตระกูลชุย อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องในบ้านของตระกูลชุย ทำไมต้องพูดกับข้าด้วยเล่า?” ซั่งกวนฮ่าวหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วพูดอย่างไม่ชอบใจว่า “คุณหนูคนนี้ก็ไม่เจียมตัวเช่นกัน ข้าไม่ชอบเอามากๆ นางชอบเจวี๋ยเอ๋อร์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่อาจขอให้เจวี๋ยเอ๋อร์ชอบนางได้ นับประสาจะคิดลมๆ แล้งๆ ว่าหลิงหลงจะทำเพื่อนาง แม้กระทั่งเพิกเฉยต่อความรู้สึกของมี่เอ๋อร์ด้วยสินะ ไม่นึกเลยว่าเจวี๋ยเอ๋อร์และมี่เอ๋อร์เพิ่งแต่งงานกันในวันแรกหยกๆ ก็ไม่รู้ว่าพูดถึงอะไรและไม่สงวนท่าทีสักนิด โชคยังดีที่ฮ่าวเหว่ยไม่แปลกใจและรู้จักกาลเทศะ จึงอบรมสั่งสอนนางเมื่อเห็นว่าไม่ถูกต้อง มิฉะนั้นไม่รู้ว่าจะมีเรื่องตลกอะไรเกิดขึ้นบ้าง!”

“เจ้าไม่ชอบนางมากหรือ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อฉีกรอยยิ้มเหยเกแล้วพูดว่า “ข้ายังคิดว่านางเป็นคุณหนูจากตระกูลชุย ทั้งเจ้ายังชอบเด็กที่มีความรู้ ก็น่าจะชอบนางเช่นกัน!”

“มีความรู้หรือ? อย่างนางจะถือว่ามีความรู้ได้อย่างไร?” ซั่งกวนฮ่าวส่ายศีรษะและแสร้งถามอย่างกังขา “เหตุใดเจ้าถึงเอ่ยถึงนาง ตระกูลชุยพูดบางอย่างที่เกี่ยวกับนางหรือไม่?”

“พี่สะใภ้ตระกูลชุยบอกว่าอวี่เฟยพูดว่าถ้าไม่ได้แต่งกับเจวี๋ยเอ๋อร์จะขอตายดีกว่า อดอาหารอยู่หลายวัน…” หวงฝู่เยวี่ย เอ้อยิ้มบางๆ มองใบหน้าที่เย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ ของซั่งกวนฮ่าว แล้วพูดงึมงำว่า “นางบอกว่าแม้อวี่เฟยจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของนาง แต่ก็เลี้ยงดูนางมาจนเติบใหญ่ เป็นดั่งแก้วตาดวงใจเช่นกัน หากมีบางอย่างที่ไม่คาดฝัน…ดังนั้น จึงอยากปรึกษากับข้า แต่งอวี่เฟยเข้ามาเป็นอนุภรรยาให้เจวี๋ยเอ๋อร์ ด้วยวิธีนี้จะทำให้อวี่เฟยสมความปรารถนาได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะของมี่เอ๋อร์ ข้าคิดว่าสมเหตุสมผลแล้ว…”

“แล้วอย่างไรเล่า?” ซั่งกวนฮ่าวไม่รู้เรื่องที่ชุยอวี่เฟยอดอาหาร ถ้ารู้ก็จะโกรธขึ้งมากขึ้น นี่มันอะไรกัน เป็นการข่มขู่หรือไม่? ไม่คิดเลย ชีวิตนางมีค่าสักเท่าใด? นอกจากนี้ยังไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จกันแน่ การพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?

“ข้านึกถึงคำที่มี่เอ๋อร์เคยพูดไว้ ไม่ว่าเรื่องอะไรต้องสงบใจเย็นเข้าไว้ หาเวลาพิจารณาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจ แทนที่จะตกลงกับพวกนาง จึงบอกไปว่าขอขบคิดให้ถี่ถ้วน แล้วจะให้คำตอบกับนางในวันพรุ่งนี้!” เป็นเพราะหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเห็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์ร้องไห้เสียใจเมื่อครั้งที่แล้ว จึงต้องให้ตัวเองคิดใคร่ครวญเสียก่อนถึงออกมาในรูปแบบนี้ ตอนนั้นเยี่ยนมี่เอ๋อร์ทุกข์ระทมใจแค่ไหน นางยังจำได้ไว้เตือนตัวเอง อย่ายอมให้ตัวเองตกปากตกคำเห็นด้วยโดยพลการ ก็เป็นเพราะเช่นนั้น จึงหารือเรื่องขยายเวลาเข้าห้องหอกับซั่งกวนฮ่าวและคนอื่นๆ นางถึงจะมีเหตุผลพูดได้เต็มปากเต็มคำ ความมั่นใจที่เปี่ยมท้นนั้นทำให้หวงฝู่เยวี่ย เอ้อรู้สึกมีสติมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้ฮูหยินชุยและหลี่ฉยงอวี่ซึ่งรู้จักนิสัยใจคอของนางเป็นอย่างดีผิดหวังกลับไป

เยี่ยนมี่เอ๋อร์อีกแล้ว! จนถึงป่านนี้ ซั่งกวนฮ่าวยอมรับลูกสะใภ้คนนี้เป็นอย่างดี แม้ฐานะของนางจะดูน่าอายนิดหน่อย แต่ในมุมมองของซั่งกวนฮ่าว เยี่ยนมี่เอ๋อร์มีฐานะเช่นนี้ก็ไม่มีอะไรไม่ดีงาม ลูกสะใภ้ของตระกูลซั่งกวนมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นก็เป็นแค่เพิ่มดอกไม้บนผ้าดิ้นที่สวยงาม หาสำคัญอันใดไม่…หรือว่าสถานะของสะใภ้ใหญ่ของตระกูลซั่งกวนยังคงไม่โดดเด่นเฉิดฉายเพียงพอ ยังต้องการชื่อเสียงจากครอบครัวมารดาของนางเพื่อจะได้รับความเคารพนับถืออีกใช่หรือไม่?

นางรักและเอ็นดูหลิงหลงกับจิงอิ๋ง แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นเพราะนางต้องการแต่งเข้าตระกูลซั่งกวน แต่ถ้าไม่ใช่เพราะ

หลิงหลงกับจิงอิ๋งสัมผัสได้ถึงความรักจากใจจริงนั้นได้ สาวสองคนนั้นจะถูกซื้อได้ง่ายๆ ขนาดนี้เชียวหรือ? มีคนอยากซื้อสองสาวมากมาย ทำไมไม่เห็นพวกนางชมชอบคนอื่นเล่า?

นอกจากนี้ ในหลายวันที่ผ่านมาเยี่ยนมี่เอ๋อร์อยู่ด้วยกันกับสะใภ้ใหญ่และคุณหนูจากสกุลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปะทะคำพูดกัน หรือการแสดงความสามารถ นางมีฝีมือเหนือชั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แสดงให้เห็นว่านางไม่เพียงมีความรู้เท่านั้น แต่ยังมีความคิดและฉลาดรอบคอบมากพอ ผู้หญิงคนนี้อาจจะอ่อนโยนมาก แต่จะไม่ให้ใครหน้าไหนมาราวีได้เด็ดขาด นับประสาอะไรจะเหมือนกับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่มักจะก่อเรื่องวุ่นวายให้เขาคอยเก็บกวาดสะสาง

ดังนั้น ซั่งกวนฮ่าวจึงพอใจเยี่ยนมี่เอ๋อร์มากขึ้นเรื่อยๆ ภูมิหลังของนางก็เป็นเรื่องเล็กน้อย! แม้ซั่งกวนเจวี๋ยเองจะมีความรักอื่นๆ อยู่ในหัวใจ แต่ซั่งกวนฮ่าวเองก็เป็นคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนด้วยเช่นกัน เขาเชื่อมั่นว่าลูกชายของตนจะรับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างความจริงและความฝันได้เช่นเดียวกับตัวเขาเอง จะฝังคนที่รักอย่างลึกซึ้งไว้ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างมั่นคง

“ทำแบบนี้ดีมาก!” ซั่งกวนฮ่าวสนับสนุนเหตุผลของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ แล้วกล่าวชมนางอย่างหายากว่า “ไม่ปฏิเสธโดยตรง ช่วยรักษาหน้าของนาง และไม่อารมณ์ร้อนตกปากรับคำกับพวกเขา แล้วปล่อยให้ข้าจัดการไล่หลังเจ้า”

หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเบิกบานใจมากที่ทำให้ซั่งกวนฮ่าวยกย่องได้อย่างนี้ กระนั้น นางมองซั่งกวนฮ่าวด้วยความรู้สึกใจฝ่อแวบหนึ่ง ถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยลอบคิดอย่างลับๆ “แต่ว่า ข้า…”

“หือ?” ซั่งกวนฮ่าวสมาธิแน่วแน่รอให้นางสารภาพผิด

“ข้ายังไม่สบายใจนิดหน่อย ปวดเศียรเวียนเกล้าไปชั่วขณะ ทำผิดไปแล้ว!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก้าวถอยหลังอย่างเงียบๆ อีก ไม่อยากให้หูของนางตกใจกับเสียงคำรามที่กำลังจะออกมา

“เรื่องอะไร?” ซั่งกวนฮ่าวมองดูหวงฝู่เยวี่ยเอ้อก้าวถอยหลังขณะที่คิดว่าเรื่องที่ปิดบังนั้นยังเป็นความลับอยู่ ใบหน้าอึมครึม แต่ในก้นบึ้งของหัวใจกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนนี้นางรู้ว่าผิด รู้ว่ากลัว แล้วก่อนหน้านี้เล่า? เหตุใดจึงคิดได้ในภายหลังอยู่เสมอ?

———————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 82 ศึกรับอนุภรรยา (4)

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 82 ศึกรับอนุภรรยา (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าเรียกมี่เอ๋อร์มาทำอะไร?” ซั่งกวนฮ่าวกลับไปที่ห้อง แสร้งทำเป็นไม่มีแก่ใจจะไต่ถาม ช่าจื่อจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ถ่ายทอดการพูดคุยระหว่างหวงฝู่เยวี่ยเอ้อกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ และเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเยี่ยนมี่เอ๋อร์กลับมาถึงเรือนมีคู่ไปยังหูของซั่งกวนฮ่าวว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์เสียใจและร้องไห้ในป่าไผ่ ทั้งหลิงหลงกับจิงอิ๋งไปปลอบโยนนาง ก็ไม่ได้ผิดไปจากที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์คาดเดาไว้

“ไม่มีอะไรหรอก แค่พูดส่งเดชไม่กี่คำเท่านั้นเอง!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่ต้องการให้ซั่งกวนฮ่าวรู้ว่านางได้พูดคุยกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ตรงๆ ว่าจะรับอนุภรรยา จึงตัดสินใจใช้กลยุทธ์พูดวกไปเวียนมา แล้วพูดอย่างเนิบช้า

หวงฝู่เยวี่ยเอ้อคิดอย่างรอบคอบหลังจากที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์กลับไป วิเคราะห์กับแม่นมสีและแม่นมหยางสักพักหนึ่ง แล้วถึงพบว่านางได้ทำสิ่งที่แย่มากจริงๆ ลงไป ทั้งยังรู้สึกผิดและกระอักกระอ่วนใจอยู่เล็กน้อย หลังจากนั้นก็ส่งสาวใช้มาสอบถาม หลังจากได้รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างหลี่ฉยงอวี่และหวังเหมยเสียนในเรือนมีคู่ ในใจเกิดรู้สึกเบื่อหน่ายและเกลียดหลี่ฉยงอวี่จนเข้ากระดูกดำที่กระซิบกระซาบต่อหน้าตน และพูดคุยกันดีตลอดทั้งวัน

เนื่องจากหวงฝู่เยวี่ยเอ้อมีสถานะที่แตกต่างกันในสองตระกูล หลี่ฉยงอวี่จึงพยายามทำให้นางพอใจเสมอ ตราบเท่าที่มีโอกาส จะพูดคุยชวนหัวเราะอย่างสนิทสนมต่อหน้าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ เพื่อให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเอ็นดู หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็ชอบนางมาก ครั้งนี้ตอนที่ฮูหยินชุยคุยเรื่องนี้กับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ นางก็อยู่กับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อด้วย

ในเวลานั้นหวงฝู่เยวี่ยเอ้อยังคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ตอนนี้ดูท่า นางเป็นเพียงนักวิ่งเต้นที่ได้รับเชิญจากฮูหยินชุย จริงๆ แล้วนางถูกทั้งสองคนล่อลวงให้คุยเรื่องนี้ แล้วยังปรึกษาเรื่องนี้กับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก่อน หลี่ฉยงอวี่สร้างผลงานได้ดี

นางกล่าวชื่นชมเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก่อน กล่าวว่าทันที่เห็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ดูอ่อนโยนใจดี สง่างามมีมโนธรรม ไม่ถือสาที่ซั่งกวนเจวี๋ยจะรับอนุ เพื่อให้ตระกูลซั่งกวนมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง เพียงแต่สภาพแวดล้อมสร้างผู้คน สภาพแวดล้อมที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์เติบโตขึ้นมานั้นถูกกำหนดให้นางมีวิสัยทัศน์จำกัด โดยเฉพาะความอ่อนโยนและเมตตาของนางกำหนดให้นางจะทำตามความชอบของซั่งกวนเจวี๋ยเท่านั้น ตราบใดที่ซั่งกวนเจวี๋ยชื่นชอบ แม้แต่จอมยุทธ์หญิงพวกนั้น นางก็ยินดียอมรับ หลังจากพูดคำนั้นจบลง หลี่ฉยงอวี่กล่าวอย่างเศร้ารันทดว่า ‘จอมยุทธ์หญิงนั้นเก่งมาก พวกนางไม่มีกฎระเบียบมากมาย เรียนรู้กลเม็ดในห้องมาไม่มากก็น้อย เพื่อให้สามีเคลิบเคลิ้มหลงใหล และไม่สนใจไยดีต่อภรรยาเลย’

ขณะนี้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อรู้สึกกลัวอยู่พักหนึ่ง เมื่อนึกถึงผู้หญิงสามคนนั้นในเรือนหิมะสุขใจ หวงเซียวเซียงอาจถือได้ว่าเป็นคนสกุลดัง อีกสองคนก็พูดยาก หากทั้งสองคนใช้ยาหว่านเสน่ห์กับซั่งกวนเจวี๋ย ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยไม่คำนึงถึงการรับอนุภรรยาจะไม่ดีกับทุกคน

ลองคิดดู แม้ชุยอวี่เฟยจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีอะไรมากนัก แต่ก็ดีกว่าคนพวกนั้นมาก ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลชุยร้องขอเพียงแค่ตำแหน่งอนุภรรยา ไม่ใช่ภรรยารอง เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็น่าจะยอมรับได้ด้วยความยินดีเช่นกันถึงจะถูก

แต่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่ต้องการจะตกปากรับคำในเร็ววันเช่นนี้ เวลาไม่เหมาะสม นางยังต้องการหารือเรื่องนี้กับซั่งกวนฮ่าว แต่หลี่ฉยงอวี่พูดเกลี้ยกล่อมนาง บอกว่าชุยอวี่เฟยเศร้าตรอมตรมจนอดอาหารหิวโหยมาหลายวันแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ฮูหยินชุยจะไม่ทำหน้าบึ้งตึง ถ้าพูดถึงเรื่องแบบนี้ในเวลานี้ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นใด แต่คิดถึงลูกสาวที่เป็นห่วงด้วยหัวใจของความเป็นแม่ หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็มีลูกสาวเช่นกัน ถ้าหลิงหลงและจิงอิ๋งอดอาหารอะไรทำนองนั้น หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็คงไม่เป็นอันกินอันนอนเช่นกัน อีกอย่างเรื่องนี้เป็นงานมงคลเกี่ยวดองกัน ซั่งกวนฮ่าวย่อมจะเห็นด้วยอย่างยินดีปรีดา แต่งชุยอวี่เฟยเข้ามานั้นจะดีกว่าทั่วป๋าฉินซินที่ไม่มีชื่อเสียงเฉิดฉายอะไรสินะ! แม้คนของตระกูลทั่วป๋าจะกลับไปเหยี่ยนโจวแล้ว แต่ก็ยังมีฮูหยินใหญ่ที่คอยจับตาดูอยู่ ใครจะไปรู้ว่าพวกนางคิดอย่างไรที่จะให้ทั่วป๋าฉินซินแต่งเข้ามาเล่า?

หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพยักหน้า ทันใดนั้นก็นึกถึงข่าวที่กล่าวขวัญกันว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ‘หึงมาก’ จากเรือนหลังบ้านแว่วมา ถ้าแต่งชุยอวี่เฟยเข้ามา ข่าวลือเรื่องความหึงหวงนี้จะไม่เพียงถูกลบหายไปยังเป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน

หวงฝู่เยวี่ยเอ้อโชคดีที่นางยังมีไหวพริบอยู่ จึงบอกว่าจะตรองดูให้ดี แล้วจะตอบกลับตระกูลชุยในวันพรุ่งนี้ แทนที่จะตกปากรับคำไปเลย หวงฝู่เยวี่ยเอ้อทาบอกที่ไม่ได้สัญญาไป ทำให้ทั้งสองคนผิดหวังที่คิดว่ารู้จักนางดี ฮูหยินชุยมีน้ำโหเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ถึงอย่างไรพวกนางก็ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเอ่ยก่อน ผิดเวล่ำเวลาจริงๆ กระนั้นหลี่ฉยงอวี่กลับพอใจแล้ว นางคิดว่าตราบใดที่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมีความคิดเช่นนี้ นางกับหวังเหมยเสียนจะเริ่มเปิดเผยเรื่องนี้กับเยี่ยนมี่เอ๋อร์เอง เชื่อว่าต่อให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะมีลูกไม้อะไรอีก ก็เป็นเพียงแค่สาวรุ่นวัยสิบเจ็ดปีที่ถูกเลี้ยงตามแบบฉบับคุณหนู ถูกโอ๋เอาแต่ใจมาเป็นแน่ ประจวบเหมาะกับช่วงข้าวใหม่ปลามันก็ยกเรื่องแบบนี้ขึ้นมาพูด จะข่มกลั้นอารมณ์ไม่ได้และทำให้เรื่องแย่ลงได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องนี้ก็ต้องสำเร็จจนได้ ทั้งยังจะทำลายรูปลักษณ์ที่เจ้าเล่ห์กำมะลอและอ่อนโยนของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้อีกด้วย

แต่สิ่งที่นางไม่เคยคาดคิดก็คือ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้เตรียมใจมาตั้งนานแล้วกับการรับอนุภรรยาและแต่งภรรยารอง ยังคิดหาวิธีจัดการกับผู้หญิงเหล่านี้และคนที่อยู่เบื้องหลังพวกนางด้วยซ้ำ แต่นึกไม่ถึงว่าคนแรกที่ออกหน้ามาจะเป็นชุยอวี่เฟยซึ่งเคยถูกปรามมาแล้วครั้งหนึ่ง และยิ่งคาดไม่ถึงก็คือพวกนางจะยุยงหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ ส่วนหวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็ไร้สมองตกลงเรื่องนี้ไป

แน่นอนว่าถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ตระกูลชุย หลิงหลงไม่มีสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลชุย หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็จะไม่ยอมสัญญาง่ายๆ เช่นนี้…ไม่ใช่เพราะเยี่ยนมี่เอ๋อร์มั่นใจเกินไป แต่บัดนี้เป็นเพราะจากมุมมองนั้น หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะไม่ทำอะไรแบบนั้น

ซั่งกวนฮ่าวยิ้มโดยไม่เอ่ยถึง แต่เปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นว่า “อาจารย์เฉาจะมาถึงลี่โจวในอีกครึ่งเดือน ก่อนหน้านั้น หลิงหลงกับจิงอิ๋งจะตามมี่เอ๋อร์ไปก่อน ร่ำเรียนการวางตนให้สุขุมคัมภีร์ภาพให้ดี อย่าพูดเป็นต่อยหอยแบบเด็กๆ ตั้งแต่เช้ายันค่ำ โดย เฉพาะหลิงหลง ตระกูลชุยพูดคุยกับข้าไว้ จะจัดงานแต่งในเดือนเก้าของฤดูทองใบไม้ร่วง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

“เดือนเก้า? จะฉุกละหุกไปหรือเปล่า?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ในปีนี้มีงานไม่น้อย ตอนนี้เดือนยี่เป็นงานแต่งของเจวี๋ยเอ๋อร์กับมี่เอ๋อร์ เดือนหกงานบุปผาดอกบัวและ ‘งานประลองยุทธ์’ จะมีขึ้นในลี่โจวปีนี้ แม้ตระกูลซั่งกวนจะไม่ได้เป็นแม่งาน แต่จะมีแขกเหรื่อมากมาย แล้วหลิงหลงจะออกเรือนในเดือนเก้า จะเตรียมตัวทันได้อย่างไร?”

“เวลาไม่ใช่ปัญหา สำหรับงานบุปผาดอกบัวปีนี้เจ้าก็แนะนำไปพลาง ให้มี่เอ๋อร์ลองรับช่วงต่อเป็นอย่างไร?” ซั่งกวนฮ่าวพูดกลั้วหัวเราะว่า “ถ้านางสามารถรับช่วงต่อได้อย่างราบรื่น ก็ให้นางค่อยๆ รับงานดูแลบ้านไปด้วย ถึงแม้น่งอวิ๋นจะยังจัดการงานบ้านได้ดี แต่สถานะของนาง ถึงอย่างไรก็ไม่สมหน้าสมตา แล้วเจ้าว่าอย่างไร?”

“เอาอย่างนั้นหรือ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อสะดุ้งเล็กน้อย ครั้นดีใจมาก แม้จะมีการกล่าวกันว่านางคือเจ้าภาพงานบุปผาดอกบัวในปีก่อนๆ แต่อันที่จริงคนที่ปรากฏตัวมากที่สุดคือซั่งกวนจิ่นกับอู๋น่งอวิ๋น นางเพียงแค่วางมาดให้คนเห็นบนเวที ตามคำพูดของซั่งกวนฮ่าวแล้ว นางยังคงถูกวางตัวในปีนี้ด้วย แต่คนที่ทำงานจริงๆ กลับเป็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ได้เขี่ยอู๋น่งอวิ๋นออกไป จะมองอย่างไรก็เป็นเรื่องที่น่าปลาบปลื้มยินดีมากโข จึงพยักหน้าตอบรับระรัว เพราะไม่มีเหตุผลและอารมณ์จะคัดค้านแต่อย่างใด

“แต่ว่า…” ทันใดนั้นนางก็นึกถึงเรื่องหนึ่งได้ ลังเลอยู่บ้าง

“แต่อะไร?” ซั่งกวนฮ่าวไม่เข้าใจว่าทำไม จู่ๆ นางก็สองจิตสองใจขึ้นมา ทั้งหมดทั้งมวลนี้นางวางแผนไว้เรื่อยมาก่อนที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะแต่งเข้ามาอีกมิใช่หรือ? เหตุใดถึงเปลี่ยนใจกะทันหัน?

“มี่เอ๋อร์จะต้องไว้ทุกข์ให้แม่บุญธรรมของนางเป็นเวลาร้อยวันไม่ใช่หรือ? หวงฝู่เยวี่ยเอ้อยิ้มกว้างพลางกล่าวว่า “ข้าคำนวณแล้ว จะครบร้อยวันก็ปลายเดือนสี่พอดี แม้แต่วันร่วมห้องหอของพวกเขาข้าก็นับแล้ว จะเป็นวันที่ยี่สิบเก้าเดือนสี่ ถ้ามี่เอ๋อร์ตั้งท้อง จะทำให้นางเหนื่อยไม่ได้นะ!”

ซั่งกวนฮ่าวหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง นางคิดถึงขั้นนี้เลยหรือ? ต่อให้ทั้งสองคนจะร่วมห้องกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะปุบปับท้องทันทีหรอก! แต่เขาลอบส่ายศีรษะคิดในใจ ‘เป็นสามีภรรยากันมาหลายปีดีดักแล้ว ไยถึงยังไม่เข้าใจความงุ่มง่ามและ ‘ความกระตือรือร้น’ ที่เหนือความคาดหมายของนางเล่า?’

“เยวี่ยเอ้อ เรื่องพวกนี้ไว้ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากัน จะปล่อยโอกาสไม่ให้นางจัดงานบุปผาดอกบัวเพียงเพราะตอนนั้นมี่เอ๋อร์อาจจะท้องไม่ได้เชียว” ซั่งกวนฮ่าวพูดปลอบใจหวงฝู่เยวี่ยเอ้อว่า “อีกอย่าง นางทำแค่ควบคุมภาพรวม มีบ่าวไพร่คอยดูแลเฉพาะเรื่องอยู่ นางก็จะไม่เหนื่อยแล้ว”

“นั่นสินะ!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อรู้ว่าตนออกจะคิดมากเกินไป จากนั้นก็นึกถึงเรื่องของชุยอวี่เฟยได้แล้วพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “เอ่อ…ตระกูลชุยพูดถึงการแต่งงานระหว่างหลิงหลงกับฮ่าวหรันเท่านั้นหรือ? มีอย่างอื่นอีกหรือไม่?”

“อย่างอื่น? ยังจะมีเรื่องอะไรอีก?” ซั่งกวนฮ่าวแสร้งทำเป็นไขสือ เขารู้ว่ายามนี้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อประมาณการทุกอย่างและคิดทบทวนแล้ว ทั้งยังคุยถกกับแม่นมที่อยู่ข้างกายไปแล้วรอบหนึ่ง จึงรู้ว่าตนคิดผิดอุกอาจขนาดไหน ย่อมต้องไม่สบายใจเป็นแน่ นางเป็นแบบนี้มาตลอด ซั่งกวนเจวี๋ยเคยปรามาสและประเมินแม่ของตนเลยเถิดเกินไป โดยบอกว่านาง ‘หลังรู้ความจริงเหมือนขงเบ้ง ก่อนเหตุการณ์ราวกับสุกรก็มิปาน’ มักจะหุนหันพลันแล่นทำให้ตัวเองเสียเปรียบเสมอ ตอนนี้ดูเหมือนจะเสียใจและสำนึกผิดอยู่จริงๆ

“ก็เกี่ยวกับอวี่เฟย…” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมองซั่งกวนฮ่าวอย่างตกประหม่าเล็กน้อยอยู่บ้าง นางมักจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง เมื่อพบว่าตนเองทำอะไรผิดพลาด ต้องการให้ซั่งกวนฮ่าวช่วยจัดการสะสาง จะแสดงสีหน้าอย่างนี้ แต่จะไม่เอามาเป็นบทเรียนผิดเป็นครู

“ชุยอวี่เฟย? นางเป็นคุณหนูตระกูลชุย อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องในบ้านของตระกูลชุย ทำไมต้องพูดกับข้าด้วยเล่า?” ซั่งกวนฮ่าวหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วพูดอย่างไม่ชอบใจว่า “คุณหนูคนนี้ก็ไม่เจียมตัวเช่นกัน ข้าไม่ชอบเอามากๆ นางชอบเจวี๋ยเอ๋อร์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่อาจขอให้เจวี๋ยเอ๋อร์ชอบนางได้ นับประสาจะคิดลมๆ แล้งๆ ว่าหลิงหลงจะทำเพื่อนาง แม้กระทั่งเพิกเฉยต่อความรู้สึกของมี่เอ๋อร์ด้วยสินะ ไม่นึกเลยว่าเจวี๋ยเอ๋อร์และมี่เอ๋อร์เพิ่งแต่งงานกันในวันแรกหยกๆ ก็ไม่รู้ว่าพูดถึงอะไรและไม่สงวนท่าทีสักนิด โชคยังดีที่ฮ่าวเหว่ยไม่แปลกใจและรู้จักกาลเทศะ จึงอบรมสั่งสอนนางเมื่อเห็นว่าไม่ถูกต้อง มิฉะนั้นไม่รู้ว่าจะมีเรื่องตลกอะไรเกิดขึ้นบ้าง!”

“เจ้าไม่ชอบนางมากหรือ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อฉีกรอยยิ้มเหยเกแล้วพูดว่า “ข้ายังคิดว่านางเป็นคุณหนูจากตระกูลชุย ทั้งเจ้ายังชอบเด็กที่มีความรู้ ก็น่าจะชอบนางเช่นกัน!”

“มีความรู้หรือ? อย่างนางจะถือว่ามีความรู้ได้อย่างไร?” ซั่งกวนฮ่าวส่ายศีรษะและแสร้งถามอย่างกังขา “เหตุใดเจ้าถึงเอ่ยถึงนาง ตระกูลชุยพูดบางอย่างที่เกี่ยวกับนางหรือไม่?”

“พี่สะใภ้ตระกูลชุยบอกว่าอวี่เฟยพูดว่าถ้าไม่ได้แต่งกับเจวี๋ยเอ๋อร์จะขอตายดีกว่า อดอาหารอยู่หลายวัน…” หวงฝู่เยวี่ย เอ้อยิ้มบางๆ มองใบหน้าที่เย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ ของซั่งกวนฮ่าว แล้วพูดงึมงำว่า “นางบอกว่าแม้อวี่เฟยจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของนาง แต่ก็เลี้ยงดูนางมาจนเติบใหญ่ เป็นดั่งแก้วตาดวงใจเช่นกัน หากมีบางอย่างที่ไม่คาดฝัน…ดังนั้น จึงอยากปรึกษากับข้า แต่งอวี่เฟยเข้ามาเป็นอนุภรรยาให้เจวี๋ยเอ๋อร์ ด้วยวิธีนี้จะทำให้อวี่เฟยสมความปรารถนาได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะของมี่เอ๋อร์ ข้าคิดว่าสมเหตุสมผลแล้ว…”

“แล้วอย่างไรเล่า?” ซั่งกวนฮ่าวไม่รู้เรื่องที่ชุยอวี่เฟยอดอาหาร ถ้ารู้ก็จะโกรธขึ้งมากขึ้น นี่มันอะไรกัน เป็นการข่มขู่หรือไม่? ไม่คิดเลย ชีวิตนางมีค่าสักเท่าใด? นอกจากนี้ยังไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จกันแน่ การพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?

“ข้านึกถึงคำที่มี่เอ๋อร์เคยพูดไว้ ไม่ว่าเรื่องอะไรต้องสงบใจเย็นเข้าไว้ หาเวลาพิจารณาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจ แทนที่จะตกลงกับพวกนาง จึงบอกไปว่าขอขบคิดให้ถี่ถ้วน แล้วจะให้คำตอบกับนางในวันพรุ่งนี้!” เป็นเพราะหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเห็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์ร้องไห้เสียใจเมื่อครั้งที่แล้ว จึงต้องให้ตัวเองคิดใคร่ครวญเสียก่อนถึงออกมาในรูปแบบนี้ ตอนนั้นเยี่ยนมี่เอ๋อร์ทุกข์ระทมใจแค่ไหน นางยังจำได้ไว้เตือนตัวเอง อย่ายอมให้ตัวเองตกปากตกคำเห็นด้วยโดยพลการ ก็เป็นเพราะเช่นนั้น จึงหารือเรื่องขยายเวลาเข้าห้องหอกับซั่งกวนฮ่าวและคนอื่นๆ นางถึงจะมีเหตุผลพูดได้เต็มปากเต็มคำ ความมั่นใจที่เปี่ยมท้นนั้นทำให้หวงฝู่เยวี่ย เอ้อรู้สึกมีสติมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้ฮูหยินชุยและหลี่ฉยงอวี่ซึ่งรู้จักนิสัยใจคอของนางเป็นอย่างดีผิดหวังกลับไป

เยี่ยนมี่เอ๋อร์อีกแล้ว! จนถึงป่านนี้ ซั่งกวนฮ่าวยอมรับลูกสะใภ้คนนี้เป็นอย่างดี แม้ฐานะของนางจะดูน่าอายนิดหน่อย แต่ในมุมมองของซั่งกวนฮ่าว เยี่ยนมี่เอ๋อร์มีฐานะเช่นนี้ก็ไม่มีอะไรไม่ดีงาม ลูกสะใภ้ของตระกูลซั่งกวนมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นก็เป็นแค่เพิ่มดอกไม้บนผ้าดิ้นที่สวยงาม หาสำคัญอันใดไม่…หรือว่าสถานะของสะใภ้ใหญ่ของตระกูลซั่งกวนยังคงไม่โดดเด่นเฉิดฉายเพียงพอ ยังต้องการชื่อเสียงจากครอบครัวมารดาของนางเพื่อจะได้รับความเคารพนับถืออีกใช่หรือไม่?

นางรักและเอ็นดูหลิงหลงกับจิงอิ๋ง แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นเพราะนางต้องการแต่งเข้าตระกูลซั่งกวน แต่ถ้าไม่ใช่เพราะ

หลิงหลงกับจิงอิ๋งสัมผัสได้ถึงความรักจากใจจริงนั้นได้ สาวสองคนนั้นจะถูกซื้อได้ง่ายๆ ขนาดนี้เชียวหรือ? มีคนอยากซื้อสองสาวมากมาย ทำไมไม่เห็นพวกนางชมชอบคนอื่นเล่า?

นอกจากนี้ ในหลายวันที่ผ่านมาเยี่ยนมี่เอ๋อร์อยู่ด้วยกันกับสะใภ้ใหญ่และคุณหนูจากสกุลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปะทะคำพูดกัน หรือการแสดงความสามารถ นางมีฝีมือเหนือชั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แสดงให้เห็นว่านางไม่เพียงมีความรู้เท่านั้น แต่ยังมีความคิดและฉลาดรอบคอบมากพอ ผู้หญิงคนนี้อาจจะอ่อนโยนมาก แต่จะไม่ให้ใครหน้าไหนมาราวีได้เด็ดขาด นับประสาอะไรจะเหมือนกับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่มักจะก่อเรื่องวุ่นวายให้เขาคอยเก็บกวาดสะสาง

ดังนั้น ซั่งกวนฮ่าวจึงพอใจเยี่ยนมี่เอ๋อร์มากขึ้นเรื่อยๆ ภูมิหลังของนางก็เป็นเรื่องเล็กน้อย! แม้ซั่งกวนเจวี๋ยเองจะมีความรักอื่นๆ อยู่ในหัวใจ แต่ซั่งกวนฮ่าวเองก็เป็นคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนด้วยเช่นกัน เขาเชื่อมั่นว่าลูกชายของตนจะรับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างความจริงและความฝันได้เช่นเดียวกับตัวเขาเอง จะฝังคนที่รักอย่างลึกซึ้งไว้ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างมั่นคง

“ทำแบบนี้ดีมาก!” ซั่งกวนฮ่าวสนับสนุนเหตุผลของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ แล้วกล่าวชมนางอย่างหายากว่า “ไม่ปฏิเสธโดยตรง ช่วยรักษาหน้าของนาง และไม่อารมณ์ร้อนตกปากรับคำกับพวกเขา แล้วปล่อยให้ข้าจัดการไล่หลังเจ้า”

หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเบิกบานใจมากที่ทำให้ซั่งกวนฮ่าวยกย่องได้อย่างนี้ กระนั้น นางมองซั่งกวนฮ่าวด้วยความรู้สึกใจฝ่อแวบหนึ่ง ถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยลอบคิดอย่างลับๆ “แต่ว่า ข้า…”

“หือ?” ซั่งกวนฮ่าวสมาธิแน่วแน่รอให้นางสารภาพผิด

“ข้ายังไม่สบายใจนิดหน่อย ปวดเศียรเวียนเกล้าไปชั่วขณะ ทำผิดไปแล้ว!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก้าวถอยหลังอย่างเงียบๆ อีก ไม่อยากให้หูของนางตกใจกับเสียงคำรามที่กำลังจะออกมา

“เรื่องอะไร?” ซั่งกวนฮ่าวมองดูหวงฝู่เยวี่ยเอ้อก้าวถอยหลังขณะที่คิดว่าเรื่องที่ปิดบังนั้นยังเป็นความลับอยู่ ใบหน้าอึมครึม แต่ในก้นบึ้งของหัวใจกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนนี้นางรู้ว่าผิด รู้ว่ากลัว แล้วก่อนหน้านี้เล่า? เหตุใดจึงคิดได้ในภายหลังอยู่เสมอ?

———————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+