เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 11 พบท่านอาอีกครั้ง + 12 จูบแรกของท่านอา

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 11 พบท่านอาอีกครั้ง + 12 จูบแรกของท่านอา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 11 พบท่านอาอีกครั้ง

ดวงตาดำลึกล้ำของหลิงโม่หานฉายแววประหลาดใจอยู่เบาๆ เขาค่อนข้างแปลกใจที่เจอขอทานน้อยในนี้ เดิมเขาคิดว่าหลังจากพบอันตรายที่เกิดขึ้นในป่าเก้าหมอบ ขอทานน้อยคงออกไปเอง ใครจะนึกว่าอีกฝ่ายกลับมาถึงด้านในนี้ด้วยตัวคนเดียว

หลิงโม่หานพบเขาเมื่อตอนบ่าย ตอนนั้นเด็กน้อยกำลังนั่งขุดสมุนไพรอยู่บนพื้น สมุนไพรพวกนั้นหลิงโม่หานมองว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทว่าเขากลับเก็บมันขึ้นมา และยังนึกไม่ถึงว่าเขาจะเดินเอ้อระเหยอยู่คนเดียวในป่านี้เหมือนไม่รู้จักอันตราย

ด้วยนิสัยอันเฉยชาของเขา หลิงโม่หานจะไม่ให้ความสนใจกับขอทานน้อยคนนี้มากนัก ทว่าไม่รู้ทำไมเขากลับไม่ยอมจากไป ยังแอบตามดูทางนั้นอยู่ ตอนเห็นขอทานน้อยใช้กริชทำรูเล็กๆ บนกิ่งไม้แห้งที่เก็บมา แล้วหยิบกิ่งไม้เล็กอีกก้านมานั่งหมุนปั่นลงไปในรูนั้น เดิมทีหลิงโม่หานยังไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกันแน่ แต่หลังจากเขานั่งปั่นอยู่กว่าหนึ่งชั่วยามเต็มก็เห็นควันไฟพวยพุ่งออกมา หลิงโม่หานยิ่งแปลกใจ

นึกไม่ถึงว่าพอใช้ไม้สองแท่งเสียดสีกันจะมีไฟออกมาได้ด้วย? วิธีการแปลกๆ เช่นนี้เขาไม่เคยเห็นใครใช้มาก่อน ต้องรู้ไว้ว่า ปกตินอกจากกระบอกจุดไฟแล้วก็ยังมีหินเหล็กไฟที่ใช้จุดไฟได้ หากโชคไม่ดีนำสองสิ่งนี้มาเสียดสีด้วยกันจะปะทุประกายไฟออกมาได้ แต่วิธีก่อไฟที่คล้ายๆ แบบนี้เขาเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก

แต่ก็ชัดเจนว่าขอทานน้อยผู้นี้ไม่ใช่ไม่รู้จักอันตราย หลังจากใช้กองไฟเล็กๆ นั้นย่างงูที่ถูกถลกหนังมากินประทังท้อง เขาก็ดับไฟลง จากนั้นปีนขึ้นไปหาที่นอนพักบนต้นไม้ใหญ่อย่างคล่องแคล่ว ท่าทางไม่คิดอะไรมากมาย หลิงโม่หานอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเสียงเขากรนอยู่เลย

ถ้าตอนนี้หลิงโม่หานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ คาดว่าเขาคงไม่คิดแบบนั้น

เดิมทีเฟิ่งจิ่วก็ไม่สังเกตเห็นว่ามีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ เพราะเธอไม่รู้สึกถึงจิตสังหารรอบๆ ตัว แต่ขณะที่ปรือตาหลับบนต้นไม้ ต่อให้ไม่ต้องลืมตาเธอก็รู้สึกได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งที่กำลังมองสำรวจมาที่ตัวเอง เพราะเหตุนี้เธอจึงส่งเสียงกรนออกมาราวกับหลับสนิทไปแล้ว

แท้ที่จริงเฟิ่งจิ่วกำลังคิดอยู่ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจ้องมองมาตั้งแต่ตอนไหน และคิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าถูกคนแอบมองอยู่

แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่โผล่หน้ามา และก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไร จึงเป็นปกติที่เธอจะไม่เปิดโปงคนในมุมมืดนั้น ทว่าก็แอบระแวดระวังขึ้นมา ถึงอย่างไรคนของโลกนี้ก็ฝึกบำเพ็ญเป็นเซียน จะปฏิบัติกับพวกเขาเช่นคนธรรมดาไม่ได้ มิเช่นนั้นฝ่ายที่เสียเปรียบคงมีแค่ตัวเธอเอง

เช้าตรู่วันต่อมา เฟิ่งจิ่วตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงร้องของนกในป่า ระหว่างที่กึ่งหลับกึ่งตื่น เธอยื่นมือบิดขี้เกียจพลางหาวหวอด แต่ก็เสียสมดุลจากการยืดเส้นยืดสายร่างกายจนตกลงจากต้นไม้

“อ๊ะ!”

“ตุ้บ!”

เธอร้องอุทาน ตามด้วยเสียงผัวะยามเมื่อตกลงบนพื้น ร่วงลงในพุ่มวัชพืชใต้ต้นไม้นั้น

“อึก! เจ็บชะมัดเลย” เธอลุกขึ้นยืนแล้วลูบๆ ที่เอว บิดตัวเล็กน้อยก่อนถอนหายใจออกมา “โชคดีที่ไม่หัก”

จุดที่ไม่ไกลออกไป ใบไม้เขียวชอุ่มกำลังบดบังเงาร่างสีดำของหลิงโม่หานไว้ครึ่งหนึ่ง ดวงตาดำขลับลึกล้ำกวาดมองร่างนั้นแล้วก็รีบเบนสายตาออกไป

ตั้งแต่ตอนที่ขอทานน้อยตื่นขึ้นมา เขาก็ลืมตาขึ้น จึงเห็นว่าขอทานน้อยที่กำลังงัวเงียยืดตัวบิดขี้เกียจตกต้นไม้ไป ใต้ต้นไม้มีทั้งวัชพืชและดินโคลน ถึงตกลงไปแบบนั้นก็คงจะไม่เป็นปัญหาใหญ่อะไร เขาจึงมองสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ โดยไม่เข้าไปดึงอีกฝ่ายขึ้นมา

ขอทานน้อยลูบเอวพลางมองหาก้อนหินสองก้อนใหญ่ที่อยู่รอบๆ จากนั้นนั่งลงใต้ต้นไม้ตรงนั้น ล้วงพวกสมุนไพรจากในอกเสื้อมาบดผสมกันก่อนจะยัดเข้าปาก หลิงโม่หานขมวดคิ้วกระบี่อย่างอดไม่ได้ขณะมองขอทานน้อย เขาแอบคิดว่าเมื่อคืนขอทานน้อยเพิ่งกินเนื้องูย่างไป หรือว่าไม่ทันไรก็หิวเสียจนต้องหยิบสมุนไพรมาประทังความหิวแล้ว?

แต่สมุนไพรพวกนั้นยัดกินไปแบบนั้นเลยไม่ได้กระมัง หรือเขาไม่รู้ว่าถ้ากินสมุนไพรไปมั่วซั่วแล้วจะมีปัญหา? ขณะหลิงโม่หานกำลังคิด ก็เห็นขอทานน้อยส่งเสียงพรวดและกระอักเลือดสีดำๆ ออกมา ก่อนที่ทั้งร่างจะล้มลงไป…

…………………………………………………….

ตอนที่ 12 จูบแรกของท่านอา

พอเห็นภาพเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วมองอยู่ครู่หนึ่งพลางครุ่นคิด จนผ่านไปสักพัก เขาไม่เห็นทีท่าว่าขอทานน้อยจะตื่นขึ้นมา จึงสูดหายใจเข้าแล้วเดินไปทางด้านนั้น

“ตายแล้วรึ?”

เขาใช้เท้าถีบร่างที่ไม่ขยับเขยื้อนนั้นเบาๆ ทีหนึ่ง เห็นว่าไม่มีการโต้ตอบ จึงโน้มตัวลงเพื่อตรวจดูลมหายใจของขอทานน้อย ใครจะรู้ว่าพอเขาโน้มตัวลงไป ร่างเล็กที่เดิมทีนอนไร้ลมหายใจจู่ๆ ก็ผลุงขึ้นและกระโจนมาทางเขา ทำให้หลิงโม่หานที่ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจล้มลงบนพื้น

“ท่านอา! ฮ่าๆๆ… เอ๋!”

เสียงของเฟิ่งจิ่วที่กำลังหัวเราะอย่างสบายใจชะงักไป รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย เธอมองท่านอาที่ถูกเธอผลักจนล้มอยู่บนพื้น ดวงตาเขาดูตกตะลึง ก่อนจะเห็นอุ้งมือมารที่ตะปบอยู่ตรงหน้าอกของตัวเอง ผ่านไปพักหนึ่งเธอก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้

นี่ นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? นี่เธอถูกลวนลามเสียแล้วหรือ

สัมผัสอันอ่อนนุ่มที่ส่งผ่านมาถึงฝ่ามือทำให้ในหัวของหลิงโม่หานขาวโพลนไปในทันที ความตกตะลึงเต็มเปี่ยมในดวงตาของเขา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาพูดตะกุกตะกัก “เจ้า เจ้าเป็นผู้หญิงรึ?” ขณะที่พูดก็พลันดึงสติและสองมือนั้นกลับมา

แต่พอเขาดึงมือกลับ เฟิ่งจิ่วที่นิ่งอึ้งไปไม่ต่างกันก็ไม่โต้ตอบอะไรมา พอสูญเสียแรงค้ำจากสองมือของเขา ทั้งร่างก็ล้มลงไป ปากจิ้มลิ้มทาบลงบนริมฝีปากบางที่เต็มไปด้วยหนวดยาวๆ โดยบังเอิญ

“อื้อ!”

ทั้งสองคนส่งเสียงขึ้นจมูก สองริมฝีปากชนกันจนรู้สึกเจ็บ

ครั้งนี้ร่างหลิงโม่หานแข็งทื่อไปแล้ว ดวงตาเขาเบิกกว้างเพราะความเหลือเชื่อ ราวกับตื่นตกใจจากอะไรบางอย่าง จากนั้นสองตาก็เหลือกขึ้นหมดสติไป

ครั้นเห็นท่านอาหมดสติ สีหน้าเฟิ่งจิ่วก็ดำมืดลง เธอตะกายตัวขึ้นมาลูบๆ ใบหน้าที่ถูกหนวดทิ่มจนเจ็บเบาๆ พลางถมน้ำลายและเช็ดปาก “ข้าไม่ได้รังเกียจที่ท่านเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อนหรอกนะ แต่ท่านยังจะหมดสติอย่างไม่เกรงใจได้อยู่อีกหรือ?”

เมื่อแตะพวกโคลนที่เกาะอยู่บนใบหน้า แล้วมองท่านอาที่หมดสติไปแล้วจริงๆ อีกที เธอก็แค่ว่ารู้สึกหมดคำพูด

เฟิ่งจิ่วจัดการกับสมุนไพรแก้พิษ บดแล้วกลืนมันลงไปทั้งดิบๆ ผลของยานี้รุนแรงเกินไปจนเธอกระอักเลือดสดๆ ออกมา เธอจึงอาศัยโอกาสนี้หลอกล่อคนในมุมมืด จะลองดูว่าเป็นใครกันแน่? กลับไม่นึกว่าเสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงของท่านอา ดังนั้นเธอเลยอยากแกล้งเขาสักหน่อย ใครจะนึกว่าสุดท้ายตัวเองกลับถูกเขาลวนลาม ซ้ำยังกลายเป็นว่าคนที่ลวนลามเธอดันตกใจจนหมดสติไปอย่างไม่คาดคิดอีก

เฟิ่งจิ่วนั่งขัดสมาธิลงข้างๆ และอาศัยโอกาสตอนที่เขายังไม่ตื่นพินิจมองเขาอย่างละเอียด เธอพบว่าท่านอาผู้นี้ก็หน้าตาไม่เลวเลยจริงๆ

ถึงแม้ใบหน้าจะถูกหนวดเคราบดบังไปกว่าครึ่ง แต่สองคิ้วกระบี่ จมูกโด่งเป็นสัน โครงหน้าที่เด็ดเดี่ยวเย็นชา รวมถึงริมฝีปากน่าดึงดูดที่ซ่อนอยู่ใต้เครา แทบไม่มีส่วนใดไร้เสน่ห์ความเป็นชายของเขาเลย

สายตาที่ชื่นชมของเธอค่อยๆ เคลื่อนลงมา มองผ่านร่างกายกำยำและสองขาที่เรียวยาวแข็งแกร่งของเขา ก่อนจะแอบพยักหน้ากับตัวเอง ‘อืม ร่างกายเขาใส่เสื้อผ้าก็ดูได้ถอดเสื้อผ้าก็ดูดี ถึงไม่เห็นก็รู้ว่าเขาต้องมีกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นมัดๆ แน่นอน’

ขณะกำลังจะยื่นมือออกไปสัมผัสกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขาราวกับถูกผีเข้า ทว่าตอนนั้นเอง น้ำเสียงเยือกเย็นก็ดังขึ้นมาข้างหู

“เจ้าทำอะไรน่ะ!”

หลิงโม่หานขมวดคิ้วมอง พลิกตัวลุกยืนขึ้นแล้วถอยออกห่างจากนาง ตอนที่เพิ่งฟื้นเขานึกไม่ถึงเลยว่าจะเห็นนางกำลังพินิจมองเรือนร่างของเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย ถึงจะบอกว่าที่จริงสายตานั้นคือความชื่นชม แต่ผู้หญิงคนหนึ่งใช้สายตาเช่นนั้นจ้องมองผู้ชายมันดูเหมาะสมหรือ?

พอได้ยินเสียงของเขา มือที่เพิ่งยื่นไปก็ยกขึ้นเกาหัวตามธรรมชาติ เธอพูดยิ้มๆ อย่างเหนียมอายว่า “ท่านอา ข้าไม่ได้ทำอะไรนะ!” ชิ! ทำไมถึงตื่นมาเร็วขนาดนี้? เธอยังอยากสัมผัสกล้ามหน้าท้องนั่นอยู่เลย!

…………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 11 พบท่านอาอีกครั้ง + 12 จูบแรกของท่านอา

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 11 พบท่านอาอีกครั้ง + 12 จูบแรกของท่านอา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 11 พบท่านอาอีกครั้ง

ดวงตาดำลึกล้ำของหลิงโม่หานฉายแววประหลาดใจอยู่เบาๆ เขาแปลกใจนิดหน่อยที่เจอขอทานน้อยในนี้ เดิมเขาคิดว่าหลังจากพบอันตรายที่เกิดขึ้นในป่าเก้าหมอบ ขอทานน้อยคงออกไปเอง ใครจะนึกว่าอีกฝ่ายกลับมาถึงด้านในนี้ด้วยตัวคนเดียว

หลิงโม่หานพบเขาเมื่อตอนบ่าย ตอนนั้นเด็กน้อยกำลังนั่งขุดสมุนไพรอยู่บนพื้น สมุนไพรพวกนั้นหลิงโม่หานมองว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทว่าเขากลับเก็บมันขึ้นมา และยังนึกไม่ถึงว่าเขาจะเดินเอ้อระเหยอยู่คนเดียวในป่านี้เหมือนไม่รู้จักอันตราย

ด้วยนิสัยอันเฉยชา หลิงโม่หานจะไม่ให้ความสนใจกับขอทานน้อยคนนี้มากนัก ทว่าไม่รู้ทำไมเขากลับไม่ยอมจากไป ยังแอบดูทางนั้นอยู่ พอเห็นขอทานน้อยใช้กริชทำรูเล็กๆ บนกิ่งไม้แห้งที่เก็บมา แล้วหยิบกิ่งไม้เล็กอีกก้านมานั่งหมุนปั่นลงไปในรูนั้น เดิมทีหลิงโม่หานยังไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกันแน่ แต่หลังจากเขานั่งปั่นอยู่กว่าหนึ่งชั่วยามเต็มก็เห็นควันไฟพวยพุ่งออกมา หลิงโม่หานยิ่งแปลกใจ

นึกไม่ถึงว่าพอใช้ไม้สองแท่งเสียดสีกันจะมีไฟออกมาได้ด้วย? วิธีการแปลกๆ เช่นนี้เขาไม่เคยเห็นใครใช้มาก่อน ต้องรู้ไว้ว่า ปกตินอกจากกระบอกจุดไฟแล้วก็ยังมีหินเหล็กไฟที่ใช้จุดไฟได้ หากโชคไม่ดีนำอาวุธสองสิ่งนี้มาเสียดสีด้วยกัน จะระเบิดเป็นประกายไฟออกมาได้ แต่วิธีก่อไฟที่คล้ายๆ แบบนี้เขากลับเห็นเป็นครั้งแรก

แต่ก็ชัดเจนว่าขอทานน้อยผู้นี้ไม่ใช่ไม่รู้จักอันตราย หลังจากใช้กองไฟเล็กๆ นั้นย่างงูที่ถูกถลกหนังมากินประทังท้อง เขาก็ดับไฟลง จากนั้นปีนขึ้นไปหาที่นอนพักบนต้นไม้ใหญ่อย่างคล่องแคล่ว ท่าทางไม่คิดอะไรมากมาย หลิงโม่หานอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเสียงเขากรนอยู่เลย

ถ้าตอนนี้หลิงโม่หานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เดาว่าเขาคงไม่คิดแบบนั้น

เดิมทีเฟิ่งจิ่วก็ไม่สังเกตเห็นว่ามีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ เพราะเธอไม่รู้สึกถึงจิตสังหารรอบๆ ตัว แต่ขณะที่ปรือตาหลับบนต้นไม้ ต่อให้ไม่ต้องลืมตาเธอก็รู้สึกได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งที่กำลังมองสำรวจ เพราะเหตุนี้เธอจึงส่งเสียงกรนออกมาราวกับหลับสนิทไปแล้ว

แท้ที่จริงเฟิ่งจิ่วกำลังคิดอยู่ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจ้องมองมาตั้งแต่ตอนไหน และคิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าถูกคนมองอยู่

แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่โผล่หน้า และก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไร จึงเป็นปกติที่เธอจะไม่เปิดโปงคนในมุมมืดนั้น ทว่าก็แอบระแวดระวังขึ้นมา ถึงอย่างไรคนของโลกนี้ก็ฝึกบำเพ็ญเป็นเซียน จะปฏิบัติกับพวกเขาเช่นคนธรรมดาไม่ได้ มิเช่นนั้นฝ่ายที่เสียเปรียบคงมีแค่ตัวเธอเอง

เช้าตรู่วันต่อมา เฟิ่งจิ่วตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงร้องของนกในป่า ระหว่างที่กึ่งหลับกึ่งตื่น เธอยื่นมือบิดขี้เกียจพลางหาวหวอด แต่ก็เสียสมดุลจากการยืดเส้นร่างกายจนทั้งร่างตกลงจากต้นไม้

“อ๊ะ!”

“ผัวะ!”

เธอร้องอุทาน ตามด้วยเสียงผัวะยามเมื่อตกลงบนพื้น ร่วงลงในพุ่มวัชพืชใต้ต้นไม้นั้น

“ซี๊ด! เจ็บชะมัดเลย” เธอลุกขึ้นยืนแล้วลูบๆ ที่เอว บิดตัวเล็กน้อยถึงจะถอนหายใจออกมา “ยังดีที่ไม่หัก”

ที่ไม่ไกลออกไป ใบไม้เขียวชอุ่มกำลังบดบังเงาร่างสีดำของหลิงโม่หานไว้ครึ่งหนึ่ง ครั้นดวงตาดำขลับลึกล้ำกวาดมองร่างนั้นก็รีบเบนสายตาออกไป

ตั้งแต่ตอนที่ขอทานน้อยตื่นขึ้นมา เขาก็ลืมตาขึ้น จึงเห็นว่าขอทานน้อยที่งัวเงียยืดตัวบิดขี้เกียจแล้วตกต้นไม้ไป ข้างล่างต้นไม้มีทั้งวัชพืชและดินโคลน ถึงตกลงไปแบบนั้นก็คงจะไม่เป็นปัญหาใหญ่อะไร เขาจึงมองสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ โดยไม่ดึงอีกฝ่ายขึ้นมา

ขอทานน้อยลูบเอวพลางมองหาก้อนหินสองก้อนใหญ่ที่อยู่รอบๆ จากนั้นนั่งลงใต้ต้นไม้ตรงนั้น แล้วล้วงพวกสมุนไพรจากในอกเสื้อมาบดผสมกัน ก่อนจะยัดเข้าปาก หลิงโม่หานขมวดคิ้วกระบี่อย่างอดไม่ได้ขณะมองขอทานน้อย เขาแอบคิดว่าเมื่อคืนขอทานน้อยเพิ่งกินเนื้องูย่างไป หรือว่าไม่ทันไรก็หิวเสียจนต้องหยิบสมุนไพรมาประทังความหิวแล้ว?

แต่สมุนไพรพวกนั้นยัดกินไปแบบนั้นเลยไม่ได้กระมัง? หรือเขาไม่รู้ว่าถ้ากินสมุนไพรไปมั่วซั่วแล้วจะมีปัญหา? ขณะหลิงโม่หานกำลังคิด ก็เห็นขอทานน้อยส่งเสียงพรวดและสำรอกเลือดสีดำๆ ออกมา แล้วทั้งร่างก็ล้มลงไป…

…………………………………………………….

ตอนที่ 12 จูบแรกของท่านอา

พอเห็นภาพเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วมองอยู่ครู่หนึ่งพลางครุ่นคิด จนผ่านไปสักพัก เขาไม่เห็นทีท่าว่าขอทานน้อยจะตื่นขึ้นมา จึงสูดหายใจเข้า แล้วเดินไปทางด้านนั้น

“ตายแล้วรึ?”

เขาใช้เท้าถีบร่างที่ไม่ขยับเขยื้อนนั้นเบาๆ ทีหนึ่ง ก็เห็นว่าไม่มีการโต้ตอบ จึงโน้มตัวลงเพื่อตรวจดูลมหายใจของขอทานน้อย ใครจะรู้ว่าพอเขาโน้มตัวลง ร่างเล็กที่เดิมทีนอนไร้ลมหายใจจู่ๆ ก็ผลุงขึ้นกระโจนมาทางเขา ทำให้หลิงโม่หานที่ยังไม่เตรียมตัวเตรียมใจล้มลงบนพื้น

“ท่านอา! ฮ่าๆๆ… เอ๋!”

เสียงของเฟิ่งจิ่วที่กำลังหัวเราะอย่างสบายใจชะงักไป รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย เธอมองท่านอาที่ถูกเธอผลักล้มอยู่บนพื้น ดวงตาเขาดูตกตะลึง ก่อนจะเห็นอุ้งมือมารที่ตะปบอยู่ตรงหน้าอกเธอ ผ่านไปพักหนึ่ง เธอก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้

นี่ นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? นี่เธอถูกลวนลามเสียแล้ว?

สัมผัสอันอ่อนนุ่มที่ส่งผ่านมาถึงฝ่ามือทำให้ในหัวของหลิงโม่หานขาวโพลนไปในทันที ความตกตะลึงเต็มเปี่ยมในดวงตาเขา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาพูดตะกุกตะกัก “เจ้า เจ้าเป็นผู้หญิงรึ?” ขณะที่พูดก็พลันดึงสติและสองมือนั้นกลับ

แต่พอเขาดึงมือกลับ เฟิ่งจิ่วที่นิ่งอึ้งไปไม่ต่างกันก็ไม่โต้ตอบอะไรมา พอสูญเสียแรงค้ำจากสองมือของเขา ทั้งร่างก็ล้มลงไป ปากจิ้มลิ้มทาบลงบนริมฝีปากบางที่เต็มไปด้วยหนวดยาวๆ โดยบังเอิญ

“อื้อ!”

ทั้งสองคนส่งเสียงขึ้นจมูก สองริมฝีปากชนกันจนรู้สึกเจ็บ

ครั้งนี้ ร่างหลิงโม่หานแข็งทื่อไปแล้ว ดวงตาเขาเบิกกว้างเพราะความเหลือเชื่อ ราวกับตื่นตกใจจากอะไรบางอย่าง จากนั้นสองตาเหลือกขึ้นเป็นลมไป

พอเห็นท่านอาหมดสติ สีหน้าเฟิ่งจิ่วก็ดำมืดลง เธอตะกายตัวขึ้นลูบๆ ใบหน้าที่ถูกหนวดทิ่มจนเจ็บอยู่นิดหน่อย พลางถมน้ำลายและเช็ดปากไป “ข้าไม่ได้รังเกียจที่ท่านเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อนหรอกนะ แต่ท่านยังจะเป็นลมอย่างไม่เกรงใจได้อยู่อีกหรือ?”

เมื่อแตะพวกโคลนที่เกาะอยู่บนใบหน้า แล้วค่อยมองท่านอาที่เป็นลมไปแล้วจริงๆ เธอก็แค่รู้สึกหมดคำพูด

เธอจัดการกับสมุนไพรแก้พิษ บดแล้วกลืนมันไปทั้งดิบๆ ผลของยานี้รุนแรงเกินไปจนเธอกระอักเลือดสดๆ ออกมา เธอจึงอาศัยโอกาสนี้หลอกล่อคนในมุมมืด เพื่อจะลองดูว่าเป็นใครกันแน่? แต่กลับไม่นึกว่าเสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงของท่านอา ดังนั้นเธอจึงอยากแกล้งเขาสักหน่อย ใครจะนึกว่าสุดท้ายตัวเองกลับถูกเขาลวนลาม ซ้ำยังกลายเป็นว่าคนที่ลวนลามเธอดันตกใจจนเป็นลมไปอย่างไม่คาดคิดอีก?

เฟิ่งจิ่วนั่งขัดสมาธิลงข้างๆ และอาศัยโอกาสที่เขายังไม่ตื่นพินิจมองเขาอย่างละเอียด เธอพบว่าท่านอาผู้นี้ก็หน้าตาไม่เลวเลยจริงๆ

ถึงแม้ใบหน้าจะถูกหนวดเคราบดบังไปกว่าครึ่ง แต่สองคิ้วกระบี่ จมูกโด่งเป็นสัน และยังโครงหน้าที่เด็ดเดี่ยวเย็นชา รวมถึงริมฝีปากน่าดึงดูดที่ซ่อนอยู่ใต้เครา แทบไม่มีส่วนใดไร้เสน่ห์ความเป็นชายของเขาเลย

สายตาที่ชื่นชมของเธอค่อยๆ เคลื่อนลง มองผ่านร่างกายกำยำและสองขาที่เรียวยาวแกร่งของเขา ก่อนจะแอบพยักหน้ากับตัวเอง ‘อืม ร่างกายเขาใส่เสื้อผ้าก็ดูได้ถอดเสื้อผ้าก็ดูดี ถึงไม่เห็นก็รู้ว่าเขาต้องมีกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นมัดๆ แน่นอน’

ขณะกำลังจะยื่นมือออกไปสัมผัสกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขาราวกับถูกผีเข้า ทว่าในตอนนั้น น้ำเสียงเยือกเย็นก็ดังขึ้นมาข้างหู

“เจ้าทำอะไรน่ะ!”

หลิงโม่หานขมวดคิ้วมอง พลิกตัวลุกยืนขึ้นแล้วถอยห่างออกจากนาง ขณะที่เพิ่งฟื้น เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะเห็นนางกำลังพินิจมองเรือนร่างของเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย ถึงจะบอกว่าที่จริงสายตานั้นคือความชื่นชม แต่ผู้หญิงคนหนึ่งใช้สายตาเช่นนั้นจ้องมองผู้ชายมันดูเหมาะสมหรือ?

พอได้ยินเสียงของเขา มือที่เพิ่งยื่นไปก็ยกขึ้นเกาหัวตามธรรมชาติ แล้วพูดยิ้มๆ อย่างเหนียมอายว่า “ท่านอา ข้าไม่ได้ทำอะไรนะ!” ชิ! ทำไมถึงตื่นมาเร็วขนาดนี้? เธอยังอยากสัมผัสกล้ามหน้าท้องนั่นอยู่เลย!

…………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+