เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 163 อวิ๋นเฉิงคึกคัก!

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 163 อวิ๋นเฉิงคึกคัก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้บัญชาการห่าวจอดรถเสร็จก็เดินมาทางนี้

 

 

“มีอะไร?” เขาเห็นว่าลู่จ้าวอิ่งดูอึ้งเล็กน้อย

 

 

ลู่จ้าวอิ่งชักสายตากลับ เขาเอียงศีรษะพลางกระซิบ “รู้จักคนที่สวมแว่นกันแดดคนนั้นไหม?”

 

 

มีคนป้องกันข้อมูลส่วนตัวของกู้ซีฉือมาโดยตลอดโดยเฉพาะไม่กี่ปีมานี้ การที่อยากจะได้รูปเขาสักใบนั้นเป็นเรื่องยาก

 

 

แต่เจียงตงเยี่ยนั้นมีมันอยู่ในมือซึ่งเป็นรูปกู้ซีฉือเมื่อหลายปีก่อน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเจียงตงเยี่ยกลับไม่พบข่าวคราวเกี่ยวกับเขาเลย

 

 

เขาเคยให้ลู่จ้าวอิ่งดู

 

 

ตอนนั้นลู่จ้าวอิ่งกำลังเล่นเกมจึงไม่ได้สนใจคนคนนี้เป็นพิเศษ แต่ก็ถือว่าสะดุดตาเพราะเขาเองก็ประทับใจกับใบหน้าเท่ๆที่เหมือนดาราของกู้ซีฉืออยู่เหมือนกัน

 

 

เอกลักษณ์ประจำตัวค่อนข้างเด่นชัด

 

 

เป็นธรรมดาที่ผู้บัญชาการห่าวไม่มีรูปกู้ซีฉืออยู่ในมือ เขาเพียงชำเลืองมองไปทางนั้น “ไม่รู้จัก ดาราเหรอ?”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร

 

 

ทั้งยังแอบรู้สึกไม่แน่ใจเนื่องจากเจียงตงเยี่ยใช้กำลังคนไปมากเพื่อตามหาคน แต่พวกเขากลับบังเอิญเจอที่อวิ๋นเฉิงอย่างง่ายดายเนี่ยนะ?

 

 

เจียงตงเยี่ยน่าอนาถถึงเพียงนี้เลยหรือ?

 

 

แม้จะคิดแบบนี้ แต่ลู่จ้าวอิ่งก็ยังหยิบโทรศัพท์ออกมา ก้มหน้าส่งข่าวให้เจียงตงเยี่ย

 

 

**

 

 

กู้ซีฉือถามหมายเลขห้องหนิงเวยจากฉินหร่านมาแล้ว

 

 

เขาจึงหาห้องหนิงเวยได้อย่างง่ายดาย

 

 

แต่ในห้องผู้ป่วยกลับไม่มีคนอยู่ แม้แต่ประตูก็เปิดทิ้งไว้

 

 

“ขอโทษนะครับ คนไข้ห้องนี้ไปไหนครับ?” กู้ซีฉือถอดแว่นกันแดดพลางเอื้อมมือหยุดพยาบาลไว้

 

 

เขายิ้มและชี้ไปทางห้องผู้ป่วย

 

 

พยาบาลเห็นหน้าเขาก็อึ้งไปสักพัก จากนั้นก็ตอบติดๆขัดๆ “ไปผ่าตัดที่ชั้นยี่สิบสองค่ะ”

 

 

“ผ่าตัด?” กู้ซีฉือนิ่งไปสักพักและสอบถามด้วยเสียงอันเรียบเฉย “ตัดขา?”

 

 

“ผ่าตัดซ่อมแซมน่ะค่ะ” พยาบาลส่ายหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย “ได้ยินมาว่าคุณหมอเฉิงลงมือผ่าตัดด้วยตัวเอง”

 

 

ส่วนอย่างอื่นเป็นอย่างไร พยาบาลก็ไม่ค่อยแน่ใจ

 

 

“ครับ ขอบคุณครับ” กู้ซีฉือเลี่ยงไปทางด้านข้างเพื่อหลีกทางให้พยาบาลไป

 

 

เขาหยิบหมวกแก๊ปสวมไว้บนหัวและตรงไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินเพื่อรอฉินหร่าน

 

 

ยี่สิบนาทีต่อมา

 

 

ผู้บัญชาการเฉียนก็ควบคุมตัวคนกลุ่มหนึ่งกลับมาที่สถานีตำรวจโดยที่ฉินหร่านและมู่หนานกลับไปที่โรงพยาบาล

 

 

ตอนที่พวกเขาออกจากบ้านตระกูลมู่ก็เพิ่งทราบว่าหนิงเวยกำลังเข้ารับการผ่าตัด

 

 

มู่หนานตรงขึ้นไปยังห้องผ่าตัดที่อยู่ชั้นยี่สิบสอง ส่วนฉินหร่านก็ลงไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน

 

 

กู้ซีฉือยืนพิงกำแพงตรงหัวมุม เนื่องจากมืดเกินไปจึงเห็นหน้าเขาไม่ชัด เขาถอดแว่นกันแดดออกพลางเลิกคิ้ว “คราวที่แล้วฉันยังคิดอยู่เลยว่าจะบอกเธอว่าถ้าไปหาเฉิงเจวี้ยนก็ช่วยน้าเธอได้แล้ว แต่เจ้านั่นไม่ได้เรียกได้ง่ายๆ ไม่คิดเลยว่าพอฉันมาถึง เขาจะเข็นน้าเธอเข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว”

 

 

ฉินหร่านบีบข้อมือตัวเอง เธอสวมหมวกเสื้อกันหนาวอีกครั้ง

 

 

จึงเห็นได้เพียงแค่คางงามที่ขาวราวกับหิมะ

 

 

เมื่อได้ยินกู้ซีฉือพูดประโยคนี้ เธอก็เม้มปากพิงหน้ารถที่อยู่ข้างๆโดยที่รถก็ไม่ได้มีเสียงอะไร “อย่างงั้นขาของน้าฉันพอจะมีความหวังฟื้นฟูกลับมาได้ไหม?”

 

 

“ถ้าเธอเคยอยู่ในคณะแพทยศาสตร์สากล เธอจะไม่มีข้อสงสัยแบบนี้” กู้ซีฉือเดินไปนั่งหน้ารถถัดจากเธอ เอียงศีรษะแล้วยิ้ม “เขาเป็นถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ”

 

 

ทุกๆปีแต่ละประเทศจะส่งตัวแทนเข้าร่วมคณะแพทยศาสตร์สากลและมีนักศึกษาบางส่วนที่ได้เข้าไปแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์

 

 

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาคณะแพทยศาสตร์ภายในประเทศค่อนข้างล้าสมัย นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมกับสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติส่งนักศึกษาไป แต่นักศึกษาที่ส่งไปกลับถูกละเลย ไม่ได้รับความสนใจ ภายในกลุ่มแพทยศาสตรบัณฑิตไม่เคยชี้แนะให้พวกเขาเห็นถึงปัญหา ทั้งยังปล่อยปละละเลยให้พวกเขาเรียนรู้เพียงแค่พื้นฐาน

 

 

เฉิงเจวี้ยนจึงหยิบตำราทางการแพทย์ที่หนาเป็นตั้งๆกั้นไว้ที่หน้าประตูห้องทดลอง

 

 

พวกเขาเป็นนักศึกษาใหม่ทั้งหมด ซึ่งในตอนนั้นความรู้พื้นฐานก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

 

 

เฉิงเจวี้ยนเองก็เป็นนักศึกษาใหม่ เขาก็ไม่ได้ทำอะไร แค่ย้ายม้านั่งและหยิบตำราทางการแพทย์มานั่งที่หน้าประตูห้องทดลองเพื่อยั่วยุนักศึกษาต่างชาติอย่างสุภาพ

 

 

นักศึกษาใหม่เหล่านี้ล้วนไม่สนใจเฉิงเจวี้ยนที่เป็นคนธรรมดาทั่วไป มีบางครั้งที่ชี้ไปยังเครื่องมือใหม่ๆและถามพวกเขาว่าพวกเขารู้หรือไม่ว่ามันเรียกว่าอะไร

 

 

ตอนแรกพวกเขาไม่ใส่ใจกับการยั่วยุของเฉิงเจวี้ยน

 

 

อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุด อย่าว่าแต่นักศึกษาใหม่ที่มาล็อตเดียวกับเฉิงเจวี้ยนเลย แม้แต่นักศึกษาที่มาจากสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติก่อนเขาหนึ่งปีต่างก็ร้องไห้ระงมเพราะเฉิงเจวี้ยน

 

 

ในช่วงเวลานั้นนักศึกษาเก่าและนักศึกษาใหม่ของสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติต่างก็คลุ้มคลั่ง เนื่องจากพวกเขาสงสัยว่าพวกเขาถูกรังแก

 

 

ในท้ายที่สุดแพทย์เหล่านั้นก็เชิญสมาชิกจากสภาวิทยาศาสตร์ออกมายับยั้งเฉิงเจวี้ยน

 

 

หลังจากนั้นสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติก็พลิกสถานการณ์โดยทำให้กลุ่มแพทย์เหล่านั้นเสียหน้าอย่างหมดจด

 

 

“ขาของน้าเธอเกิดจากอุบัติเหตุหรือมีคนทำ?” กู้ซีฉือไม่ได้พูดถึงเรื่องพวกนี้กับฉินหร่านอีก เมื่อคืนเขาดูออกว่าอาการของฉินหร่านดูแปลกไป แต่เนื่องจากตอนนั้นเป็นสถานการณ์เร่งด่วน เขาจึงไม่ได้ถามอะไรมากก็รีบมาที่นี่

 

 

“คนทำ” ฉินหร่านหรี่ตาลง

 

 

“ให้ช่วยไหม?” กู้ซีฉือเอียงหน้ามองเธอ

 

 

“ไม่ต้อง ฉันจัดการได้” ฉินหร่านลุกขึ้น เธอเอื้อมมือดึงหมวกที่อยู่บนหัว “นายหาที่พักอยู่ก่อน พอดีเลยฉันจะได้หาโอกาสพานายไปดูยายฉันหน่อย”

 

 

**

 

 

ชั้นยี่สิบสอง

 

 

ตอนที่ฉินหร่านมาถึง ลู่จ้าวอิ่งและผู้บัญชาการห่าวก็อยู่ที่นี่ด้วย

 

 

มีหมอและพยาบาลเข้าๆออกๆห้องผ่าตัดกันขวักไขว่อย่างไม่ขาดสาย

 

 

มู่หนานเม้มริมฝีปาก เขาสบตาฉินหร่าน จากนั้นก้มหน้ายืนรอต่อไป

 

 

บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบสงบ ลู่จ้าวอิ่งลูบต่างหูตัวเอง ไม่ง่ายเลยที่เขาจะแทรกมุกตลกเพื่อปลอบใจฉินหร่านไปหลายประโยค

 

 

เวลาบ่ายโมง

 

 

ประตูห้องผ่าตัดที่ปิดอย่างแน่นหนาก็เปิดออก

 

 

เฉิงเจวี้ยนเดินนำออกมาก่อน มือข้างหนึ่งดึงผ้าปิดจมูกลง อีกมือหนึ่งกำลังปลดกระดุมเสื้อกาวน์

 

 

ลู่จ้าวอิ่งที่พิงผนังอยู่แต่เดิมก็มองโทรศัพท์ด้วยความเบื่อหน่าย  พอเห็นเขาออกมาก็ยืนตัวตรงและถามว่า “คุณชายเจวี้ยน เป็นยังไงบ้าง?”

 

 

คนตามทางเดินต่างก็หันมามองทางเฉิงเจวี้ยนโดยไม่รู้ตัว

 

 

เฉิงเจวี้ยนมองไปรอบๆทางเดินก็เจอกับร่างผอมบางชุดดำยืนอยู่ตรงสุดทางเดิน เขาพูดเรียบๆว่า “การผ่าตัดสำเร็จแล้ว”

 

 

ในที่สุดหัวใจที่ตึงเครียดของมู่หนานก็ผ่อนคลายลง

 

 

เขาเข้าไปชิดกับผนังและเลื่อนตัวลงนั่งบนพื้นอย่างอ่อนแรง

 

 

ภายในเวลาไม่ถึงสองนาทีหมอก็เข็นเตียงหนิงเวยออกมา ตาเธอปิดแน่น หน้าซีดเซียว เธอยังไม่ตื่นหลังจากที่ได้รับยาชา ผ้ากอซสีขาวพันรอบขาซ้ายของเธอดูไม่เห็นรอยเลือดแม้แต่น้อย

 

 

ไม่น่าตกใจเหมือนเมื่อวานนี้

 

 

ฉินหร่านเดินเข้าไปเพื่อให้แน่ใจว่าหนิงเวยไม่เป็นอะไร

 

 

เธอถึงจะเบาใจลง

 

 

เธอหันหน้าไปทางเฉิงเจวี้ยน พูดด้วยเสียงแหบเบา “ขอบคุณ”

 

 

เฉิงเจวี้ยนโยนเสื้อกาวน์ให้พยาบาลแบบลวกๆ กำลังก้มหน้าอ่านข้อมูลใหม่ที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมอบให้เขา

 

 

เมื่อได้ยินเสียง เขาก็เลิกคิ้วและตอบเรียบๆ “ไม่เป็นไร”

 

 

**

 

 

ฉินหร่านและมู่หนานไปที่ห้องผู้ป่วยเพื่อรอให้หนิงเวยตื่น

 

 

ทุกครั้งที่เฉิงเจวี้ยนทำการผ่าตัดก็มักจะมีกลุ่มแพทย์เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ โดยหลักๆแล้วเขาจะช่วยอธิบายข้อสงสัยให้กับแพทย์คนอื่นๆ

 

 

“ได้ยินมาว่ามีคนทำ” ขณะที่ผู้บัญชาการห่าวกำลังขับรถไปหาผู้บัญชาการเฉียนที่อยู่อีกด้าน เขาเอียงศีรษะมองลู่จ้าวอิ่งอย่างอดไม่ได้ “คุณคิดว่าใครจะทำร้ายผู้หญิงวัยกลางคนธรรมดาๆได้”

 

 

หญิงวัยกลางคนคนนั้นยังมีร่างกายไม่สมประกอบ

 

 

มันไม่สมเหตุสมผล

 

 

ลู่จ้าวอิ่งเอนตัวลงบนเบาะ ปัดหน้าจอโทรศัพท์พลางหาเรื่องคุย เขาส่ายหน้า“ผมก็ไม่แน่ใจ”

 

 

โทรศัพท์สั่นครั้งแล้วครั้งเล่า

 

 

ผู้บัญชาการห่าวเตือนลู่จ้าวอิ่งให้ดูโทรศัพท์

 

 

ลู่จ้าวอิ่งก้มหน้าก็พบว่าทั้งหมดเป็นข้อความจากเจียงตงเยี่ย——

 

 

(ฉันสั่งให้คนตามหาที่ต่างประเทศจนแทบพลิกแผ่นดินก็หากู้ซีฉือไม่เจอแม้แต่เงา นายแค่ไปอวิ๋นเฉิงแล้วเจอโดยบังเอิญอย่างงั้นเหรอ?)

 

 

(……)

 

 

(นายสั่งคนจับตาดูเขาไว้ ฉันจะไปถึงคืนนี้!)

 

 

ดูเหมือนกู้ซีฉือจะซ่อนตัวได้ดีกว่าเดิม เมื่อก่อนเจียงตงเยี่ยยังพอคลำทางเขาได้คร่าวๆ แต่ไม่นานมานี้แม้แต่กู้ซีฉือเป็นชายหรือหญิง เขาก็ตรวจสอบไม่ได้เลย

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เจียงตงเยี่ยพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เฉิงเจวี้ยนช่วยเขาตรวจสอบ

 

 

ตอนนี้ลู่จ้าวอิ่งบอกว่าเขาเห็นใครบางคนที่เหมือนกู้ซีฉืออยู่ในอวิ๋นเฉิง

 

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเจียงตงเยี่ยคงไม่เชื่อเรื่องไร้สาระของลู่จ้าวอิ่ง

 

 

แต่เนื่องจากตอนนี้เขาหาข่าวกู้ซีฉือไม่ได้เลย อย่าว่าแต่เหมือนมาก แม้จะเหมือนกันแค่แผ่นหลัง เจียงตงเยี่ยก็จะรีบมาโดยเร็วที่สุด

 

 

ลู่จ้าวอิ่งวางมือบนกระจกรถพลางอ่านข้อความเจียงตงเยี่ย 

 

 

เจียงตงเยี่ยมาถึงตอนค่ำ

 

 

หากกู้ซีฉืออยู่ในอวิ๋นเฉิงจริง อวิ๋นเฉิงก็คงคึกคักน่าดู

 

 

**

 

 

โรงพยาบาลแห่งที่หนึ่ง

 

 

ห้องผู้ป่วยวีไอพี

 

 

ช่วงสองวันที่ผ่านมาเฉินซูหลานสภาพจิตใจดีขึ้นมากกว่าวันที่ผ่านมา

 

 

พยาบาลรับจ้างยิ้มพลางช่วยเธอรินน้ำ “นานแล้วนะคะที่ไม่เจอหลานชายของคุณ”

 

 

“อืม” เฉินซูหลานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา นิ้วของเธอกดเปิดวิดีโอที่อยู่ในโทรศัพท์ดูอย่างช้าๆ เมื่อได้ยินพยาบาลรับจ้างเอ่ยถึงมู่หนานก็หรี่ตาลงและยิ้มอย่างอ่อนโยน “เมื่อวันก่อนเขาโทรมาบอกฉันว่าเขาจะเข้าร่วมการแข่งขันฟิสิกส์ ตอนเย็นจะต้องเข้าร่วมฝึกซ้อม”

 

 

เสียงไวโอลินดังขึ้นภายในห้องผู้ป่วย

 

 

พยาบาลรับจ้างชินแล้วเพราะช่วงนี้เวลาที่เฉินซูหลานไม่มีอะไรทำ เธอมักจะดูวิดีโอนั้น

 

 

“หลานสาวคุณเล่นไวโอลินเพราะจังเลยนะคะ” พยาบาลรับจ้างยื่นน้ำให้เฉินซูหลานพลางกล่าวชื่นชมจากจริงใจ

 

 

“คุณก็คิดว่ามันเพราะเหมือนกันใช่ไหม?” เฉินซูหลานรับน้ำมาดื่ม เธอเอียงศีรษะมองพยาบาลรับจ้าง น้ำเสียงฟังไม่ออกถึงอารมณ์

 

 

พยาบาลรับจ้างยิ้ม เธอรับแก้วมาวางและตอบว่า “เพราะสิคะ”

 

 

หลังจากที่พยาบาลรับจ้างออกไป เฉินซูหลานก็ย้ายสายตากลับมาที่วิดีโอบนมือถือ

 

 

นี่คือวิดีโอการแสดงไวโอลินของฉินอวี่ที่หนิงฉิงส่งให้เธอ

 

 

ดวงตาขุ่นมัวค่อยๆหม่นหมอง

 

 

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หลับตาและปิดวิดีโอ

 

 

เปิดผ่านสมุดโทรศัพท์ด้วยนิ้วที่สั่นระริก กดโทรเข้าโทรศัพท์ของหนิงฉิง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 163 อวิ๋นเฉิงคึกคัก!

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 163 อวิ๋นเฉิงคึกคัก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้บัญชาการห่าวจอดรถเสร็จก็เดินมาทางนี้

 

 

“มีอะไร?” เขาเห็นว่าลู่จ้าวอิ่งดูอึ้งเล็กน้อย

 

 

ลู่จ้าวอิ่งชักสายตากลับ เขาเอียงศีรษะพลางกระซิบ “รู้จักคนที่สวมแว่นกันแดดคนนั้นไหม?”

 

 

มีคนป้องกันข้อมูลส่วนตัวของกู้ซีฉือมาโดยตลอดโดยเฉพาะไม่กี่ปีมานี้ การที่อยากจะได้รูปเขาสักใบนั้นเป็นเรื่องยาก

 

 

แต่เจียงตงเยี่ยนั้นมีมันอยู่ในมือซึ่งเป็นรูปกู้ซีฉือเมื่อหลายปีก่อน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเจียงตงเยี่ยกลับไม่พบข่าวคราวเกี่ยวกับเขาเลย

 

 

เขาเคยให้ลู่จ้าวอิ่งดู

 

 

ตอนนั้นลู่จ้าวอิ่งกำลังเล่นเกมจึงไม่ได้สนใจคนคนนี้เป็นพิเศษ แต่ก็ถือว่าสะดุดตาเพราะเขาเองก็ประทับใจกับใบหน้าเท่ๆที่เหมือนดาราของกู้ซีฉืออยู่เหมือนกัน

 

 

เอกลักษณ์ประจำตัวค่อนข้างเด่นชัด

 

 

เป็นธรรมดาที่ผู้บัญชาการห่าวไม่มีรูปกู้ซีฉืออยู่ในมือ เขาเพียงชำเลืองมองไปทางนั้น “ไม่รู้จัก ดาราเหรอ?”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร

 

 

ทั้งยังแอบรู้สึกไม่แน่ใจเนื่องจากเจียงตงเยี่ยใช้กำลังคนไปมากเพื่อตามหาคน แต่พวกเขากลับบังเอิญเจอที่อวิ๋นเฉิงอย่างง่ายดายเนี่ยนะ?

 

 

เจียงตงเยี่ยน่าอนาถถึงเพียงนี้เลยหรือ?

 

 

แม้จะคิดแบบนี้ แต่ลู่จ้าวอิ่งก็ยังหยิบโทรศัพท์ออกมา ก้มหน้าส่งข่าวให้เจียงตงเยี่ย

 

 

**

 

 

กู้ซีฉือถามหมายเลขห้องหนิงเวยจากฉินหร่านมาแล้ว

 

 

เขาจึงหาห้องหนิงเวยได้อย่างง่ายดาย

 

 

แต่ในห้องผู้ป่วยกลับไม่มีคนอยู่ แม้แต่ประตูก็เปิดทิ้งไว้

 

 

“ขอโทษนะครับ คนไข้ห้องนี้ไปไหนครับ?” กู้ซีฉือถอดแว่นกันแดดพลางเอื้อมมือหยุดพยาบาลไว้

 

 

เขายิ้มและชี้ไปทางห้องผู้ป่วย

 

 

พยาบาลเห็นหน้าเขาก็อึ้งไปสักพัก จากนั้นก็ตอบติดๆขัดๆ “ไปผ่าตัดที่ชั้นยี่สิบสองค่ะ”

 

 

“ผ่าตัด?” กู้ซีฉือนิ่งไปสักพักและสอบถามด้วยเสียงอันเรียบเฉย “ตัดขา?”

 

 

“ผ่าตัดซ่อมแซมน่ะค่ะ” พยาบาลส่ายหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย “ได้ยินมาว่าคุณหมอเฉิงลงมือผ่าตัดด้วยตัวเอง”

 

 

ส่วนอย่างอื่นเป็นอย่างไร พยาบาลก็ไม่ค่อยแน่ใจ

 

 

“ครับ ขอบคุณครับ” กู้ซีฉือเลี่ยงไปทางด้านข้างเพื่อหลีกทางให้พยาบาลไป

 

 

เขาหยิบหมวกแก๊ปสวมไว้บนหัวและตรงไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินเพื่อรอฉินหร่าน

 

 

ยี่สิบนาทีต่อมา

 

 

ผู้บัญชาการเฉียนก็ควบคุมตัวคนกลุ่มหนึ่งกลับมาที่สถานีตำรวจโดยที่ฉินหร่านและมู่หนานกลับไปที่โรงพยาบาล

 

 

ตอนที่พวกเขาออกจากบ้านตระกูลมู่ก็เพิ่งทราบว่าหนิงเวยกำลังเข้ารับการผ่าตัด

 

 

มู่หนานตรงขึ้นไปยังห้องผ่าตัดที่อยู่ชั้นยี่สิบสอง ส่วนฉินหร่านก็ลงไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน

 

 

กู้ซีฉือยืนพิงกำแพงตรงหัวมุม เนื่องจากมืดเกินไปจึงเห็นหน้าเขาไม่ชัด เขาถอดแว่นกันแดดออกพลางเลิกคิ้ว “คราวที่แล้วฉันยังคิดอยู่เลยว่าจะบอกเธอว่าถ้าไปหาเฉิงเจวี้ยนก็ช่วยน้าเธอได้แล้ว แต่เจ้านั่นไม่ได้เรียกได้ง่ายๆ ไม่คิดเลยว่าพอฉันมาถึง เขาจะเข็นน้าเธอเข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว”

 

 

ฉินหร่านบีบข้อมือตัวเอง เธอสวมหมวกเสื้อกันหนาวอีกครั้ง

 

 

จึงเห็นได้เพียงแค่คางงามที่ขาวราวกับหิมะ

 

 

เมื่อได้ยินกู้ซีฉือพูดประโยคนี้ เธอก็เม้มปากพิงหน้ารถที่อยู่ข้างๆโดยที่รถก็ไม่ได้มีเสียงอะไร “อย่างงั้นขาของน้าฉันพอจะมีความหวังฟื้นฟูกลับมาได้ไหม?”

 

 

“ถ้าเธอเคยอยู่ในคณะแพทยศาสตร์สากล เธอจะไม่มีข้อสงสัยแบบนี้” กู้ซีฉือเดินไปนั่งหน้ารถถัดจากเธอ เอียงศีรษะแล้วยิ้ม “เขาเป็นถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ”

 

 

ทุกๆปีแต่ละประเทศจะส่งตัวแทนเข้าร่วมคณะแพทยศาสตร์สากลและมีนักศึกษาบางส่วนที่ได้เข้าไปแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์

 

 

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาคณะแพทยศาสตร์ภายในประเทศค่อนข้างล้าสมัย นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมกับสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติส่งนักศึกษาไป แต่นักศึกษาที่ส่งไปกลับถูกละเลย ไม่ได้รับความสนใจ ภายในกลุ่มแพทยศาสตรบัณฑิตไม่เคยชี้แนะให้พวกเขาเห็นถึงปัญหา ทั้งยังปล่อยปละละเลยให้พวกเขาเรียนรู้เพียงแค่พื้นฐาน

 

 

เฉิงเจวี้ยนจึงหยิบตำราทางการแพทย์ที่หนาเป็นตั้งๆกั้นไว้ที่หน้าประตูห้องทดลอง

 

 

พวกเขาเป็นนักศึกษาใหม่ทั้งหมด ซึ่งในตอนนั้นความรู้พื้นฐานก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

 

 

เฉิงเจวี้ยนเองก็เป็นนักศึกษาใหม่ เขาก็ไม่ได้ทำอะไร แค่ย้ายม้านั่งและหยิบตำราทางการแพทย์มานั่งที่หน้าประตูห้องทดลองเพื่อยั่วยุนักศึกษาต่างชาติอย่างสุภาพ

 

 

นักศึกษาใหม่เหล่านี้ล้วนไม่สนใจเฉิงเจวี้ยนที่เป็นคนธรรมดาทั่วไป มีบางครั้งที่ชี้ไปยังเครื่องมือใหม่ๆและถามพวกเขาว่าพวกเขารู้หรือไม่ว่ามันเรียกว่าอะไร

 

 

ตอนแรกพวกเขาไม่ใส่ใจกับการยั่วยุของเฉิงเจวี้ยน

 

 

อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุด อย่าว่าแต่นักศึกษาใหม่ที่มาล็อตเดียวกับเฉิงเจวี้ยนเลย แม้แต่นักศึกษาที่มาจากสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติก่อนเขาหนึ่งปีต่างก็ร้องไห้ระงมเพราะเฉิงเจวี้ยน

 

 

ในช่วงเวลานั้นนักศึกษาเก่าและนักศึกษาใหม่ของสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติต่างก็คลุ้มคลั่ง เนื่องจากพวกเขาสงสัยว่าพวกเขาถูกรังแก

 

 

ในท้ายที่สุดแพทย์เหล่านั้นก็เชิญสมาชิกจากสภาวิทยาศาสตร์ออกมายับยั้งเฉิงเจวี้ยน

 

 

หลังจากนั้นสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติก็พลิกสถานการณ์โดยทำให้กลุ่มแพทย์เหล่านั้นเสียหน้าอย่างหมดจด

 

 

“ขาของน้าเธอเกิดจากอุบัติเหตุหรือมีคนทำ?” กู้ซีฉือไม่ได้พูดถึงเรื่องพวกนี้กับฉินหร่านอีก เมื่อคืนเขาดูออกว่าอาการของฉินหร่านดูแปลกไป แต่เนื่องจากตอนนั้นเป็นสถานการณ์เร่งด่วน เขาจึงไม่ได้ถามอะไรมากก็รีบมาที่นี่

 

 

“คนทำ” ฉินหร่านหรี่ตาลง

 

 

“ให้ช่วยไหม?” กู้ซีฉือเอียงหน้ามองเธอ

 

 

“ไม่ต้อง ฉันจัดการได้” ฉินหร่านลุกขึ้น เธอเอื้อมมือดึงหมวกที่อยู่บนหัว “นายหาที่พักอยู่ก่อน พอดีเลยฉันจะได้หาโอกาสพานายไปดูยายฉันหน่อย”

 

 

**

 

 

ชั้นยี่สิบสอง

 

 

ตอนที่ฉินหร่านมาถึง ลู่จ้าวอิ่งและผู้บัญชาการห่าวก็อยู่ที่นี่ด้วย

 

 

มีหมอและพยาบาลเข้าๆออกๆห้องผ่าตัดกันขวักไขว่อย่างไม่ขาดสาย

 

 

มู่หนานเม้มริมฝีปาก เขาสบตาฉินหร่าน จากนั้นก้มหน้ายืนรอต่อไป

 

 

บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบสงบ ลู่จ้าวอิ่งลูบต่างหูตัวเอง ไม่ง่ายเลยที่เขาจะแทรกมุกตลกเพื่อปลอบใจฉินหร่านไปหลายประโยค

 

 

เวลาบ่ายโมง

 

 

ประตูห้องผ่าตัดที่ปิดอย่างแน่นหนาก็เปิดออก

 

 

เฉิงเจวี้ยนเดินนำออกมาก่อน มือข้างหนึ่งดึงผ้าปิดจมูกลง อีกมือหนึ่งกำลังปลดกระดุมเสื้อกาวน์

 

 

ลู่จ้าวอิ่งที่พิงผนังอยู่แต่เดิมก็มองโทรศัพท์ด้วยความเบื่อหน่าย  พอเห็นเขาออกมาก็ยืนตัวตรงและถามว่า “คุณชายเจวี้ยน เป็นยังไงบ้าง?”

 

 

คนตามทางเดินต่างก็หันมามองทางเฉิงเจวี้ยนโดยไม่รู้ตัว

 

 

เฉิงเจวี้ยนมองไปรอบๆทางเดินก็เจอกับร่างผอมบางชุดดำยืนอยู่ตรงสุดทางเดิน เขาพูดเรียบๆว่า “การผ่าตัดสำเร็จแล้ว”

 

 

ในที่สุดหัวใจที่ตึงเครียดของมู่หนานก็ผ่อนคลายลง

 

 

เขาเข้าไปชิดกับผนังและเลื่อนตัวลงนั่งบนพื้นอย่างอ่อนแรง

 

 

ภายในเวลาไม่ถึงสองนาทีหมอก็เข็นเตียงหนิงเวยออกมา ตาเธอปิดแน่น หน้าซีดเซียว เธอยังไม่ตื่นหลังจากที่ได้รับยาชา ผ้ากอซสีขาวพันรอบขาซ้ายของเธอดูไม่เห็นรอยเลือดแม้แต่น้อย

 

 

ไม่น่าตกใจเหมือนเมื่อวานนี้

 

 

ฉินหร่านเดินเข้าไปเพื่อให้แน่ใจว่าหนิงเวยไม่เป็นอะไร

 

 

เธอถึงจะเบาใจลง

 

 

เธอหันหน้าไปทางเฉิงเจวี้ยน พูดด้วยเสียงแหบเบา “ขอบคุณ”

 

 

เฉิงเจวี้ยนโยนเสื้อกาวน์ให้พยาบาลแบบลวกๆ กำลังก้มหน้าอ่านข้อมูลใหม่ที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมอบให้เขา

 

 

เมื่อได้ยินเสียง เขาก็เลิกคิ้วและตอบเรียบๆ “ไม่เป็นไร”

 

 

**

 

 

ฉินหร่านและมู่หนานไปที่ห้องผู้ป่วยเพื่อรอให้หนิงเวยตื่น

 

 

ทุกครั้งที่เฉิงเจวี้ยนทำการผ่าตัดก็มักจะมีกลุ่มแพทย์เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ โดยหลักๆแล้วเขาจะช่วยอธิบายข้อสงสัยให้กับแพทย์คนอื่นๆ

 

 

“ได้ยินมาว่ามีคนทำ” ขณะที่ผู้บัญชาการห่าวกำลังขับรถไปหาผู้บัญชาการเฉียนที่อยู่อีกด้าน เขาเอียงศีรษะมองลู่จ้าวอิ่งอย่างอดไม่ได้ “คุณคิดว่าใครจะทำร้ายผู้หญิงวัยกลางคนธรรมดาๆได้”

 

 

หญิงวัยกลางคนคนนั้นยังมีร่างกายไม่สมประกอบ

 

 

มันไม่สมเหตุสมผล

 

 

ลู่จ้าวอิ่งเอนตัวลงบนเบาะ ปัดหน้าจอโทรศัพท์พลางหาเรื่องคุย เขาส่ายหน้า“ผมก็ไม่แน่ใจ”

 

 

โทรศัพท์สั่นครั้งแล้วครั้งเล่า

 

 

ผู้บัญชาการห่าวเตือนลู่จ้าวอิ่งให้ดูโทรศัพท์

 

 

ลู่จ้าวอิ่งก้มหน้าก็พบว่าทั้งหมดเป็นข้อความจากเจียงตงเยี่ย——

 

 

(ฉันสั่งให้คนตามหาที่ต่างประเทศจนแทบพลิกแผ่นดินก็หากู้ซีฉือไม่เจอแม้แต่เงา นายแค่ไปอวิ๋นเฉิงแล้วเจอโดยบังเอิญอย่างงั้นเหรอ?)

 

 

(……)

 

 

(นายสั่งคนจับตาดูเขาไว้ ฉันจะไปถึงคืนนี้!)

 

 

ดูเหมือนกู้ซีฉือจะซ่อนตัวได้ดีกว่าเดิม เมื่อก่อนเจียงตงเยี่ยยังพอคลำทางเขาได้คร่าวๆ แต่ไม่นานมานี้แม้แต่กู้ซีฉือเป็นชายหรือหญิง เขาก็ตรวจสอบไม่ได้เลย

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เจียงตงเยี่ยพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เฉิงเจวี้ยนช่วยเขาตรวจสอบ

 

 

ตอนนี้ลู่จ้าวอิ่งบอกว่าเขาเห็นใครบางคนที่เหมือนกู้ซีฉืออยู่ในอวิ๋นเฉิง

 

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเจียงตงเยี่ยคงไม่เชื่อเรื่องไร้สาระของลู่จ้าวอิ่ง

 

 

แต่เนื่องจากตอนนี้เขาหาข่าวกู้ซีฉือไม่ได้เลย อย่าว่าแต่เหมือนมาก แม้จะเหมือนกันแค่แผ่นหลัง เจียงตงเยี่ยก็จะรีบมาโดยเร็วที่สุด

 

 

ลู่จ้าวอิ่งวางมือบนกระจกรถพลางอ่านข้อความเจียงตงเยี่ย 

 

 

เจียงตงเยี่ยมาถึงตอนค่ำ

 

 

หากกู้ซีฉืออยู่ในอวิ๋นเฉิงจริง อวิ๋นเฉิงก็คงคึกคักน่าดู

 

 

**

 

 

โรงพยาบาลแห่งที่หนึ่ง

 

 

ห้องผู้ป่วยวีไอพี

 

 

ช่วงสองวันที่ผ่านมาเฉินซูหลานสภาพจิตใจดีขึ้นมากกว่าวันที่ผ่านมา

 

 

พยาบาลรับจ้างยิ้มพลางช่วยเธอรินน้ำ “นานแล้วนะคะที่ไม่เจอหลานชายของคุณ”

 

 

“อืม” เฉินซูหลานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา นิ้วของเธอกดเปิดวิดีโอที่อยู่ในโทรศัพท์ดูอย่างช้าๆ เมื่อได้ยินพยาบาลรับจ้างเอ่ยถึงมู่หนานก็หรี่ตาลงและยิ้มอย่างอ่อนโยน “เมื่อวันก่อนเขาโทรมาบอกฉันว่าเขาจะเข้าร่วมการแข่งขันฟิสิกส์ ตอนเย็นจะต้องเข้าร่วมฝึกซ้อม”

 

 

เสียงไวโอลินดังขึ้นภายในห้องผู้ป่วย

 

 

พยาบาลรับจ้างชินแล้วเพราะช่วงนี้เวลาที่เฉินซูหลานไม่มีอะไรทำ เธอมักจะดูวิดีโอนั้น

 

 

“หลานสาวคุณเล่นไวโอลินเพราะจังเลยนะคะ” พยาบาลรับจ้างยื่นน้ำให้เฉินซูหลานพลางกล่าวชื่นชมจากจริงใจ

 

 

“คุณก็คิดว่ามันเพราะเหมือนกันใช่ไหม?” เฉินซูหลานรับน้ำมาดื่ม เธอเอียงศีรษะมองพยาบาลรับจ้าง น้ำเสียงฟังไม่ออกถึงอารมณ์

 

 

พยาบาลรับจ้างยิ้ม เธอรับแก้วมาวางและตอบว่า “เพราะสิคะ”

 

 

หลังจากที่พยาบาลรับจ้างออกไป เฉินซูหลานก็ย้ายสายตากลับมาที่วิดีโอบนมือถือ

 

 

นี่คือวิดีโอการแสดงไวโอลินของฉินอวี่ที่หนิงฉิงส่งให้เธอ

 

 

ดวงตาขุ่นมัวค่อยๆหม่นหมอง

 

 

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หลับตาและปิดวิดีโอ

 

 

เปิดผ่านสมุดโทรศัพท์ด้วยนิ้วที่สั่นระริก กดโทรเข้าโทรศัพท์ของหนิงฉิง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+