เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 17 ใช่ว่าทุกคนจะได้ศูนย์ได้นะ

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 17 ใช่ว่าทุกคนจะได้ศูนย์ได้นะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อาจารย์ใหญ่มองไปที่หลานชาย เด็กหนุ่มสวมใส่เครื่องแบบของโรงเรียน แต่ใบหน้านั้นขาวใส มีความเป็นผู้ใหญ่ ส่วนเรียวขาก็ยาวเช่นกัน  

 

 

ดวงตาคู่นั้นใสทว่าเย็นชา ระหว่างคิ้วของนายน้อยสวีมีร่องรอยของความหยิ่งแฝงอยู่ บุคลิกที่แข็งแกร่งปรากฏออกมาให้เห็นชัดเจน  

 

 

นี่คือผลลัพธ์ของการคิดไตร่ตรองมาเป็นเวลานานของผู้อาวุโสสวี ในครอบครัวนี้ มีเพียงสวีเหยากวงที่โดดเด่นเพียงผู้เดียว  

 

 

ผู้เป็นปู่ต้องการจะรู้ความคิดของหลานชายก่อน  

 

 

หลานหนุ่มไม่คาดคิดว่าคุณปู่จะพูดถึงเรื่องนี้ คิ้วที่เลิกสูงแสดงถึงความรู้สึกอึ้ง “คุณปู่บอกว่าเธอช่วยชีวิตปู่เหรอครับ”  

 

 

นายน้อยสวีได้ยินเรื่องฉินหร่านจากเพื่อนสนิทมามาก และยังได้เห็นเด็กใหม่ตีรันฟันแทงด้วยตาตัวเอง นอกจากนี้ สาวโหดคนนี้ยังดูจะรู้จักมักจี่กับพวกแก๊งป่วนด้วย  

 

 

เขายังเห็นว่าเพื่อนหน้าสวยลอกการบ้านคนอื่น  

 

 

เพราะฉะนั้น เด็กระดับท็อปอย่างเขาจึงไม่คิดว่าคุณปู่จะใส่ใจเด็กใหม่นี่ ผู้เป็นหลานรู้ว่าคุณปู่เป็นคนมองการณ์ไกลเสมอ เพราะอย่างนั้น เขายิ่งไม่เข้าใจเรื่องนี้  

 

 

ต่อให้แม่นั่นจะช่วยชีวิตปู่ก็เถอะ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้คนแบบนั้นเข้าสู่ตระกูลสวีสักหน่อย  

 

 

หรือว่าเธอเรียกร้องให้ทำแบบนี้? สวีเหยากวงมองต่ำ และไม่ได้พูดอะไรออกไป  

 

 

“ปู่มีปัญหาตอนไปที่หมู่บ้านหนิงไห่เพื่อช่วยคนจน” เมื่อต้องลงรายละเอียด ชายสูงอายุไม่ได้พูดอะไรมาก  

 

 

“เธอช่วยปู่ไว้ ตระกูลสวีของเราจึงนับว่าติดหนี้เธอ ถ้างั้นเราหาทางตอบแทนแบบอื่นก็ได้นี่ครับ ครอบครัวฉินยังมีคนอื่นที่โดดเด่นด้วย” เด็กหนุ่มพูดอย่างระมัดระวัง คิ้วของเขายังคงผูกกันเป็นโบ  

 

 

เขามองไปที่หลานชาย แล้วทำท่าให้พูดต่อ  

 

 

“ฉินอวี่ห้องสามทับหนึ่งเป็นน้องสาวของเธอ เป็นคนที่เก่งเคมีมาก และติดท็อปห้าของโรงเรียน” นายน้อยสวีคิดว่าผู้เป็นปู่ไม่ได้เข้าใจจริงๆ จึงได้อธิบายต่อ “ฉินอวี่เป็นเด็กใหม่ที่ทำผลงานได้ดีตั้งแต่ปีแรก ยังเล่นไวโอลินได้เทพมาก และหน้าตาดีด้วย”  

 

 

หลังจากได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของฉินอวี่ก็ผุดขึ้นมาความคิดของอาจารย์ใหญ่  

 

 

ชายชราไอออกระหว่างที่พิจารณาเรื่องนี้มากขึ้น ตอนนี้เขาปะติดปะต่อเรื่องได้แล้ว ผู้อาวุโสค่อยๆวางถ้วยที่ถือว่า และพูดขึ้นว่า “เป็นเธอสินะ”  

 

 

น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา  

 

 

เมื่อได้ฟังคำพูดของหลานชาย อาจารย์ใหญ่ก็รู้ตัวว่าเด็กหนุ่มให้คำตอบมาเป็นนัยแล้ว  

 

 

แย่หน่อยที่ผู้เป็นปู่หลับไม่สนิทในช่วงหลายวันมานี้  

 

 

แต่ผู้ใหญ่อย่างเขาไม่อยากบังคับเด็ก ชายสูงวัยจับแว่น แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ปู่ไม่รอบคอบเอง กลับไปที่ห้องเรียน แล้วคิดดูแล้วกัน”  

 

 

อีกฝั่งเดินจากไป พร้อมปิดประตู  

 

 

ทำให้ไม่ได้เห็นว่าอาจารย์ใหญ่สวีถือถ้วยชาด้วยความรู้สึกเสียดายและหนักใจ หลังจากที่เขาออกไป  

 

 

เมื่อออกมาจากห้องอาจารย์ใหญ่ หัวใจสวีเหยากวงที่แน่นอยู่ก่อนหน้านั้น สุดท้ายก็คลายลง  

 

 

ขืนคุณปู่ยังยืนกรานจะให้ออกเดต หลานอย่างเขาคงไม่มีทางเลือกอื่น  

 

 

กลับไปที่ห้องเรียน การบ้านที่ทุกคนเขียนเย็นวันก่อนถูกแจกคืนให้เจ้าของ เพราะหัวหน้าห้องสวีไม่อยู่ เพื่อนสนิทจึงช่วยแจกการบ้านฟิสิกส์แทน  

 

 

นายน้อยสวีเผลอมองไปทางฉินหร่านโดยไม่รู้ตัว  

 

 

เธอกำลังถือหนังสือวิชาเลขของเพื่อนร่วมโต๊ะเพื่อลอกคำตอบอยู่  

 

 

ลอกการบ้านอีกแล้ว  

 

 

หน้าตาของตัวแทนวิชาฟิสิกส์ยังไร้อารมณ์ เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ก้มหน้ามองต่ำ และไม่ได้หันไปทางหญิงสาวที่ปู่พูดถึงอีก  

 

 

เด็กหนุ่มหยิบการบ้านตัวเองออกมา ตามด้วยปากกา แล้วเริ่มใช้สูตรที่คุยกับฉินอวี่ครั้งที่แล้ว  

 

 

กระดาษคำตอบของหลินซือหรานก็ถูกแจกคืนให้เจ้าของเช่นกัน  

 

 

ตอนที่ได้รับกระดาษคำตอบกลับมา แทนที่จะดูคะแนนตัวเอง กรรมการสาวดูกระดาษของเพื่อนร่วมโต๊ะ และรู้สึกใบ้กินทันที “ฉินหร่าน เธอเลี่ยงคำตอบที่ถูกของฉันทั้งหมดได้ยังไงอ้ะ”  

 

 

ทุกคนที่ลอกการบ้านเป็นมักจะรู้ว่าคำตอบจะเหมือนกันทุกข้อไม่ได้อยู่แล้ว  

 

 

โดยเฉพาะสำหรับข้อเขียน พวกเขาจะต้องเปลี่ยนคำตอบหลายข้อ  

 

 

เมื่อคืน หลินซือหรานรู้ว่าเพื่อนสาวเปลี่ยนคำตอบบางข้อ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลี่ยงคำตอบที่ถูกได้ทุกข้อแบบนี้  

 

 

มีคำถามแบบกากบาทตั้งหลายข้อ แต่ไม่ถูกสักข้อ  

 

 

เพื่อนเธอจะซวยได้ขนาดนี้เลยเหรอ  

 

 

ฉินหร่านไม่ได้สนใจเรื่องการบ้าน เธอนั่งไขว่ห้างอย่างไร้มารยาท วางหมวกไว้บนขอบหน้าต่าง และถือหนังสือวิชาเลขของหลินซือหรานไว้ในมือ ค่อยๆเปิดดูไปทีละหน้า ขนตาชี้ต่ำ  

 

 

หลังจากได้ยินเสียงเพื่อนร่วมโต๊ะ เด็กหน้าสวยเอียงคอ แล้วรับการบ้านตัวเองไป  

 

 

คางของเธอวางอยู่บนมือข้างหนึ่ง ฉินหร่านทำเป็นพูดลากเสียง “เป็นไปได้ไหมว่า…ฉันคืออัจฉริยะ”  

 

 

“อะไรเนี่ย” เฉียวเซิงหัวเราะก๊ากจากทางด้านหลัง   

 

 

เขาโน้มตัวไปด้านหน้าโต๊ะ ใช้ปากกาสะกิดหลังเพื่อนสนิท พร้อมปล่อยฮาออกมา “นายน้อยสวี รู้ไหมว่าฉินหร่านได้ศูนย์คะแนนตอนที่ผมแจกการบ้านคืน แถมเธอยังคิดว่าตัวเองทำได้ดีอีก”  

 

 

“การได้ศูนย์ไม่ง่ายเลยนะ เพราะเธอเขียนการบ้านทุกข้อ” สวีเหยากวงอึ้งไป เขาเองยังได้ศูนย์ไม่ได้เลย ต่อให้จะพยายามก็เถอะ  

 

 

แต่หลังจากคิดแล้วว่าคนได้ศูนย์เป็นเด็กใหม่ เขาก็แค่ส่ายหน้า คิดว่ามันบ้าบอจริงๆ  

 

 

ตัวแทนฟิสิกส์เตรียมแบบฝึกของวิชาถัดไปขึ้นมา โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องเพื่อนร่วมห้องที่ได้ศูนย์อีก  

 

 

คาบแรกตอนบ่ายคือวิชาภาษาอังกฤษ  

 

 

อาจารย์หลี่ไอ้หรงเดินมาใกล้ๆ เธอมองเห็นเด็กใหม่เกรดห่วยพิงผนัง นั่งชันเข่าแบบไม่มีสกุลรุนชาติ ขณะที่อ่านหนังสือนอกเวลาอยู่ อาจารย์หญิงเริ่มทำหน้าบึ้งตึง  

 

 

แต่พอคิดเรื่องความสัมพันธ์ของเด็กไร้มารยาทนี่กับอาจารย์ใหญ่แล้ว อาจารย์หลี่จึงได้สะกดจิตสะกดใจไม่พูดอะไร  

 

 

**  

 

 

เวลากลางคืน  

 

 

ณ ครอบครัวตระกูลหลิน  

 

 

ตอนที่ฉินอวี่กลับบ้าน เธอเห็นหลินฉีและหลินหว่านนั่งอยู่บทโซฟาในห้องโถงหลัก  

 

 

หลินหว่านนับว่าเป็นชื่อที่ฟังดูอ่อนโยน แต่เจ้าของชื่อมีออร่าเป็นประกาย คิ้วคมกริบ แค่มองเพียงครั้งเดียว ผู้หญิงตระกูลหลินคนนี้ก็สามารถทำให้คนตะลึงพรึงเพริดได้แล้ว  

 

 

ฉินอวี่กล่าวทักทายอย่างน่าเอ็นดู “คุณป้าเล็กกก”  

 

 

“อ้าว ฉินอวี่ลูก เดี๋ยวนี้สวยวันสวยคืนนะ” กับฉินอวี่ ผู้หญิงไฮโซคนนี้มีเมตตาต่อเธอ มากกว่าที่มีต่อมารดาของเธอ  

 

 

เด็กหญิงคนโปรดของบ้านโค้งศีรษะอย่างอ่อนน้อม ป้าเล็กแต่งงานแล้วอยู่ที่ปักกิ่ง และไม่ได้กลับมาเยี่ยมที่นี่บ่อยๆ  

 

 

“งั้นดิฉันขอตัวขึ้นไปดูว่าคุณแม่ต้องการใช้อะไรบ้างจะได้เอาไปให้ที่โรงพยาบาลนะคะ” หนิงฉิงที่นั่งอยู่ด้วยความอึดอัด หาข้ออ้างเพื่อขึ้นไปข้างบน  

 

 

นอกจากการอ่านหนังสือในตอนเย็นแล้ว คุณหนูของบ้านยังฝึกไวโอลินครึ่งชั่วโมงทุกวันด้วย  

 

 

ตอนแรก เด็กหญิงอยู่กับคุณป้าและพ่อเลี้ยงที่ชั้นล่างอยู่พักใหญ่ ก่อนจะขึ้นไปยังชั้นสอง  

 

 

เมื่อขึ้นไปถึง ผู้เป็นแม่จัดแจงธุระเรียบร้อย และกำลังเดินลงบันไดพร้อมกับถุง  

 

 

เธอไม่ได้ยุ่งย่ามอะไรกับลูกสาว และเดินลงบันไดมาหลังจากพูดคุยกันไปสองสามคำ  

 

 

พอหันหลังกลับ มีกระดาษใบหนึ่งปลิวออกมาจากถุงนั่น  

 

 

ตัวกระดาษยับเล็กน้อย ฉินอวี่จึงหยิบมันแล้วเปิดดู เด็กน้อยอยากจะหยุดแม่ แต่เมื่ออ่านดู เธอถึงกับตัวแข็งทื่อ  

 

 

มันดูเหมือนโน้ตดนตรีสักอย่าง ลายมือที่เขียนเหมือนการพ่นสีบนกำแพง  

 

 

เป็นลายมือขยุกขยิก ลายเส้นพันกันยุ่งเหยิง  

 

 

เมื่อเห็นโน้ตแถวแรก หัวใจของฉินอวี่เต้นระทึก จู่ๆ หัวใจเธอก็เต้นแรงและรู้สึกแน่นอกขึ้นมา  

 

 

กระดาษนี่คือโน้ตเล่นเพลงไวโอลิน  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด